'อุรณา' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงพยาบาล
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ดิฉันจำได้ไม่มีวันลืมจนชั่วชีวิต ความทรงจำยังชัดเจนเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวันวานนี้เอง...วันที่วิญญาณร้ายเกือบเอาดิฉันไปอยู่ด้วยได้สำเร็จ!
วันนั้น บริษัทที่ดิฉันทำงานอยู่มีโบนัสด้วยการพาไปเที่ยวระยอง 3 วัน 2 คืน พวกเราไปด้วยกัน 25 คน เช่ารถตู้ไป 3 คันค่ะ ตอนไปเที่ยวนั้นสนุกสนานจริงๆ แต่ขากลับซิคะทุกข์ถนัดเลย เพราะเรา...หมายถึงรถตู้คันที่ดิฉันนั่งนั้นประสบอุบัติเหตุร้ายแรงสุดสยอง
ขณะเกิดอุบัติเหตุ ดิฉันกำลังคุยกับเพื่อนอย่างเพลิดเพลิน อ๋อยนั่งติดหน้าต่างเพราะเธอชอบดูวิว ถัดมาเป็นดิฉันและก็หน่อย เราทั้ง 3 เกิดปีเดียวกัน ห่างกันคนละเดือนสองเดือน...ตอนนั้นเราอายุ 25 พอดีเลยด้วย...เขาว่าเบญจเพสนี่แรงมากใช่ไหมคะ?!
ความที่คุยกันเพลิน ทำให้เราไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น มันเหมือนจู่ๆ โลกนี้ก็ระเบิดเปรี้ยงเป็นจุณในพริบตา...สติของดิฉันดับวูบทันทีราวกับปิดไฟ!
เมื่อรู้สึกตัวในโรงพยาบาล ใบหน้ายับเยินไปแถบหนึ่ง ศีรษะกระแทกอย่างแรง เป็นแผลแตกเย็บเกือบร้อยเข็ม แขนซ้ายขาซ้ายหัก 2 ท่อน 3 ท่อน ซี่โครงหัก 4 ซี่ เจ็บปวดเหมือนตกนรก ไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัว...แม่มาเฝ้าดูแลทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมห่าง...บอกว่าดิฉันสลบไป 2 วันเต็มๆ
พอมีสติขึ้นมามันก็ยังไม่เต็มร้อยหรอกค่ะ อาจเพราะสมองกระทบกระเทือน หรือยาที่คุณหมอหมั่นให้ทางสายน้ำเกลือก็ได้ ทำให้ดิฉันเบลอไปหมด แยกแยะความฝันกับความจริงไม่ค่อยออก รู้แต่มีคนมาเยี่ยม คนแล้วคนเล่า...อย่างพี่สาวดิฉัน หัวหน้า ผู้จัดการ เพื่อนๆ และหน่อย...
ทุกคนดูเหมือนภาพมายา เลื่อนลอยไปหมด น่าเวียนหัวจริงๆ ดิฉันต้องหลับตานิ่ง ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมรรยาทหรอกนะคะ แต่ไม่ไหวจริงๆ ดิฉันไม่รู้วันรู้คืนด้วยซ้ำ...อาการสาหัสมาก แต่ก็ค่อยๆ กระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ
จำได้ว่าครั้งหนึ่งมีมือเย็นๆ หนืดๆ มาจับแขนเขย่าเบาๆ แล้วก็เรียกชื่อเราอยู่ข้างหู...
'จิ๋ว! จิ๋ว ตื่นเถอะ! ไปเที่ยวกันดีกว่าน่า...'
บ้าจริง! คนเจ็บเจียนตายยังมาล้อเล่นอีก...ดิฉันจำได้แม่นว่าเป็นเสียงอ๋อย ในใจนึกขันไม่ได้โกรธจริงๆ หรอกค่ะ...ยัยคนนี้ขี้เล่นแบบนี้แหละ อยากจะหัวเราะก็ไม่ไหว มันเจ็บร้าวไปทั้งตัวเลยลืมตามอง
เอ๊ะ! อารมณ์ขันของดิฉันวูบหาย อะไรกันนั่น...อ๋อยมีเลือดเปรอะเต็มตัว นัยน์ตาเธอหายไปข้างหนึ่ง มีรอยแผลฉกรรจ์เหมือนถูกเชือดโดยรอบ คนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างอ๋อยก็คือหน่อยซึ่งดูเยินพอกัน...กะโหลกศีรษะเธอหายไปเท่าฝ่ามือ เลือดและเศษสมองเกาะผมที่เคยยาวสลวย...
คนตายชัดๆ นี่นา...ดิฉันฝันร้ายไปหรือนี่?!
สติลอยไป แล้วโฟกัสสิ่งรอบตัวได้ชัดแจ่มอีกครั้ง...อ้อ! ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน แม่นอนหลับอยู่ที่โซฟาเฝ้าไข้ ดิฉันฝันร้ายไปจริงๆ แต่มันก็น่าใจหาย น่ากลัวเหลือเกินแล้ว
'จิ๋ว! จิ๋ว...' เสียงเรียกอยู่อีกด้านของเตียง ตอนนี้เธอเหมือนคนปกติธรรมดาทุกอย่าง เธอยังไม่ตายเรอะ...เป็นไปได้ยังไง? ดิฉันเจ็บแทบขาดใจ กระดูกหักแทบทั้งตัว หน่อยกลับเป็นปกติดีเหมือนไม่ได้ไปด้วยกันในรถตู้คันนั้น!
'จิ๋วไปอยู่กับเรานะ! ไปนะ...' เสียงอ้อนวอน แล้ว กลับเป็นคาดคั้น 'เธอปล่อยให้เราไปแค่สองคนได้ไง? เรารอเธออยู่...ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!'
ร่างที่ปกติกลับเป็นซากศพ เขียวคล้ำ มีเลือดดำๆ เปรอะไปทั่ว ดิฉันร้องลั่น แต่เสียงที่ออกมาจากลำคอเป็นเสียงครางแผ่วๆ กระนั้นแม่ก็ตื่นขึ้นทันใด!
แม่บอกว่าคนเป็นแม่เนี่ยนะ ต่อให้หลับสนิทสักแค่ไหน เวลาลูกร้องหรือดิ้น แม่จะตื่นทันทีเสมอ...เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ลูกยังแบเบาะแล้วละค่ะ
พอแม่ตื่น ร่างที่น่าสยดสยองก็หายไป ดิฉันถามถึงอ๋อยกับหน่อยทันที แม่นิ่งไปอึดใจเหมือนคิดว่าจะบอกดีหรือไม่ดี ในที่สุด แม่ก็บอกว่าเธอทั้งคู่ตายคาที่ รถตู้ของเราโดนรถที่สวนมานั้นเบรกแตก เหาะข้ามเลยมาพุ่งชน...และชนตรงที่อ๋อยนั่งอย่างรุนแรง!
ดิฉันมาทราบภายหลัง ถึงรายละเอียดการตายของเพื่อนรักทั้งสองว่า อ๋อยถูกพลังของแรงกระแทกเต็มๆ ทำให้หัวหลุดจากร่างทันที ส่วนหน่อยศีรษะโขกกับรถอย่างรุนแรงที่สุด
บาดแผลของเพื่อนทั้งคู่ตรงกับที่ดิฉันเห็นไม่ผิดเพี้ยน! สำหรับตัวดิฉันซึ่งนั่งกลางรอดมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะร่างของเพื่อนทั้งสองช่วยรองรับไว้
คืนนั้นถ้าแม่ไม่ตื่น ดิฉันคงตายเพราะตกใจสุดขีด และป่านนี้คงไปอยู่ที่ปรโลกกับอ๋อยและหน่อยแล้วละค่ะ
ตั้งแต่นั้นมา ผี-หรือวิญญาณของเพื่อนไม่เคยมา รบกวนดิฉันอีกเลยแม้แต่ในความฝัน ไม่ทราบเพราะอะไร? หรือเธอคงสงบสุขในภพหน้าไปแล้วก็ได้ เลยไม่ต้องการดิฉันอีก!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด