'รากหญ้า' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในธนาคารคนยาก
พอถึงเดือนพฤษภาคมอากาศยังไม่คลายจากความร้อนอบอ้าว พ่อแม่ที่รายได้น้อย แต่มีลูกเต้าเรียนหนังสือชนิด 2-3 คน จะรู้สึกร้อนอกร้อนใจซ้ำซ้อนเข้าไปอีกหลายเท่า เพราะต้องวิ่งวุ่นหาเงินทองมาส่งลูกเรียนน่ะซีครับ
เรื่องนี้ใครไม่เจอะเจอกับตัวเองน่ะไม่รู้สึกหรอก อ้อ! รวมทั้งท่านที่มีเงินถุงเงินถังอีกด้วย แต่พวกที่หาเช้ากินค่ำอย่างพวกผมน่ะล้วนแต่ซาบซึ้งเข้าไปถึงหัวอกหัวใจ อย่าบอกใครเชียว
โรงรับจำนำซีครับ ธนาคารคนยากจนของพวกเรา!
ผมเป็นพ่อค้าเร่อยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อ 3 ปีก่อนต้องเคราะห์หามยามซวยเพราะมีการชุมนุม การประท้วงจนถึงปิดถนนตอนสงกรานต์ รัฐบาลใจเย็นปล่อยตามเรื่องตามราว...ปีต่อมาก็เกิดเรื่องซ้ำ คราวนี้ปล่อยให้พวกประตูน้ำ ราชประสงค์ ศาลาแดง สีลม ต้องรับเคราะห์แทน
เฮ้อ...คนจนๆ อย่างพวกผมก็พูดไม่ออก ได้แต่กลอกตา ภาวนาว่าปีหน้าฟ้าใหม่ขออย่าให้เกิดเรื่องราวน่าเศร้าสลดขึ้นอีกเลย เจ้าประคุณเอ๋ย...คนไทยด้วยกันแท้ๆ (ฮา)
เวลาเงินทองติดขัดขาดมือ ผมก็ต้องแวะเอาของไปตึ๊งที่ธนาคาร...เอ๊ย! โรงรับจำนำแถวๆ ใกล้บ้านที่สะพานควายเป็นประจำ
ไม่ใช่แหวนเพชร สร้อยทับทิม หรือทองคำหนักหลายบาทอะไรหรอกครับ มันก็แค่สร้อยข้อมือของเมีย แหวนทองเกลี้ยงๆ ของผม หนักสองสลึงทั้งสองอย่าง แต่เรามักจะหมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้าไป 'ฝากคุณอา' ยกเว้นแต่จำเป็นจริงๆ อย่างตอนเปิดเทอม!
คือแหวนทองของผมตึ๊งมาสี่เดือนกว่าแล้ว ตอนนี้ต้องถอดสร้อยเมียไปจำนำสำหรับจ่ายค่าเสื้อผ้า ค่าสมุดหนังสือของลูกอีก 3 คน ยังไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า?
ไหน...รัฐบาลทุกรัฐบาลล้วนบอกว่าเรียนฟรีไงล่ะ?
โธ่! อย่าพูดถึงให้ช้ำใจดีกว่าครับ เพราะของจริงๆ น่ะทางโรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชน ล้วนแต่มีวิธีรีดนาทาเร้นจากผู้ปกครองหลากหลายรูปแบบได้ทั้งนั้นแหละ
วันนั้นผมไปโรงจำนำเอาเย็นมากแล้ว ฟ้าครึ้มฝนพอดี แต่จิตใจน่ะไม่ได้แยแสดินฟ้าอากาศมากไปกว่าการครุ่น คิดว่าจะต่อดอกเบี้ยแค่สี่เดือนครึ่ง หรือจะผัดผ่อนไปก่อน เดี๋ยวเงินที่ได้จะไม่พอค่าใช้จ่าย...คนจนๆ น่ะต้องยอมเสียทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว!
ทำไมหรือครับ? อ้าว...ถ้าผัดผ่อนออกไปเพราะห่วงเงินก็ต้องไปจ่ายค่าดอกเบี้ยห้าเดือนเต็มน่ะซีคุณ แถมเสียเวลาหากินมาต่อดอกอีกต่างหาก
ทำไงได้ ใครเขาใช้ให้เสือก...เอ๊ย! ดันเกิดมาจนล่ะ?
ตอนที่เอาแหวนไปตึ๊งน่ะได้หมื่นกว่าบาท แต่ตอนนี้ทองลงราคาจะได้ซักหมื่นหรือเกือบหมื่นก็ยังดี...ถ้าได้ถึงสิบพันจริงๆ จะตัดใจต่อดอกเบี้ยของเก่าซะเลย!
หลงจู๊ที่ตีราคาคุ้นๆ หน้ากัน คิดว่าคงจะพอพูดจากันได้ละมั้ง? แม้บางทีจะสังเกตว่า นัยน์ตาตี่ๆ ของแกมักมองดูลูกค้าที่เข้าไปจำนองของจะฉายแววดูถูก บางทีถึงกับเหยียดหยามก็มี...ยังไงๆ ก็หนีไม่พ้น 'คนร้อนเงิน' หรือ 'คนจนตรอก' วันยังค่ำ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว งานนี้น่ะ!
ดูๆ ไปแล้วก็ต้องยอมรับละครับ คนที่เข้าโรงจำนำส่วนมากจะดูยากจน มอซอ ไม่มีสง่าราศีใดๆ ล้วนแต่พวกรากหญ้าหาเช้ากินค่ำ หรือไม่ก็ติดยา บ้าหวย...ซวยตลอดศก ดวงตกตลอดชาติก็แล้วกัน
โรงจำนำที่ผมมุ่งหน้ามาติดป้ายโดดเด่นอยู่ตรงหน้า...จู่ๆ ลมกลุ่มใหญ่ก็พัดฮือเข้ามาจนฝุ่นกระจาย เศษกระดาษปลิวว่อน...ผมรีบผลุบเข้าไปในประตูด้านข้างทันที!
คนน้อยดีแฮะ! นอกจากหญิงชราผอมแห้งผมกระเซิงนั่งหลังงออยู่บนม้ายาว หน้าเคาน์เตอร์ก็มีเพียงชายหนุ่มอีกคนที่ยืนรอ...ไม่รู้ว่าเพิ่งมาถึงหรือรอของรอเงินกันแน่? อ๋อ...รอเงิน! เขาพับตั๋วใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะก้าวออกทางประตูด้านหน้า ผมปราดเข้าไปยื่นสร้อยข้อมือของเมียอำหน้าตาเฉยว่า...สองสลึง-หมื่นสองพันตามเดิม!
หลงจู๊หน้าตายสนิท ไม่แยแสคำพูดผมเลย แต่หยิบแว่นมาส่อง แล้วเอาทองไปฝนหิน...ผมใจระทึก เตรียมควักกระเป๋าเอาตั๋วจำนำใบเก่ามาต่อดอกถ้าได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท...
'เก้าพันเต็มที่'
คำตอบนั้นทำให้ผมกลืนน้ำลาย พยักหน้า ตัดใจเรื่องต่อดอกไว้ทีหลัง ก่อนจะผละไปยิ้มพิมพ์มือก็หันไปมองผู้หญิงคนนั้น...ถามหลงจู๊ว่าทำไมป้าคนนั้นรอนานจัง คนก็ไม่มีแล้ว? เล่นเอาหลงจู๊อ้าปากค้าง มองข้ามหัวผมไปก่อนครางอ๋อย
'มาอีกแล้วเรอะนี่? ตายห่า...ผีหลอกบ่อยๆ เดี๋ยวโรงจำนำอั๊วเจ๊งพอดี'
ผมหันขวับไปมองแต่ไม่เห็นป้าคนนั้นแล้ว เล่นเอาม่านตาพร่าพราย ขนลุกซ่า แทบเดินไปพิมพ์มือไม่ไหว...เดาเอาว่าแกคงจะหัวใจวายระหว่างนั่งรอเงินน่ะเอง! บรื๋อออ....
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์