'ขาวผ่อง' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่
เพราะความสนใจใคร่รู้ถึงวิธีหากับแกล้มของเพื่อนฝูงชาวลาวแท้ๆ ที่ทำให้ผมพลอยโดนผีหลอกหลอนเอาแทบปางตายเชียว คุณเอ๋ย...
เหตุการณ์สยองขวัญเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีกลาย ตอนที่เมืองไทยโดนมหาอุทกภัยเล่นงานเอาพินาศย่อยยับ อ่วมอรทัยไปแทบทั้งประเทศนั่นแหละครับ
ผมเป็นคนหนองเสือ ธัญบุรีคลอง 12 นี่เอง ถ้าจะพูดถึงเรื่องน้ำท่วมก็โดนพอท้วมๆ ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนพวกอยู่รังสิต ปทุมธานี เพราะย่านนั้นหนักหนาสาหัสชนิดรถราแล่นผ่านไม่ได้นับเดือน ไปตั้งแต่ดอนเมือง สะพานใหม่ บางบัว เกษตร จนถึงลาดพร้าว
ขนาดเบาะๆ ยังเล่นงานมะม่วงน้ำดอกไม้ของผมยืนต้นตายไปสิบกว่าต้น เพราะโดนแช่น้ำเป็นเดือนๆ น่ะ มันรับไม่ไหวหรอกครับ
ยังดีที่มีต้นรอดตายพอสมควร ตอนนี้ตกดอกออกผลงามสะพรั่ง ราวจะเป็นการทดแทนให้น่าชื่นใจ ได้เก็บใส่กระสอบไปขายที่ตลาดสี่มุมเมืองคราวละ 5-6 กระสอบ กิโลกรัมละ 10 บาท กระสอบหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 50-60 กิโลกรัม พอปะทะประทังกันไปยามยาก
พวกเพื่อนๆ จากเวียงจันทน์ของผมที่มีอยู่หลายสิบคนน่ะดูจะไม่ค่อยอนาทรร้อนใจเท่าไรหรอกแฮะ!
เพื่อนๆ ที่เป็นแรงงานต่างด้าวพวกนี้มายึดอาชีพเป็นลูกจ้างดูแล 'ไร่หญ้า' ให้เถ้าแก่ที่เขาปลูกขายสำหรับปูสนามนั่นไงครับ มีหน้าที่รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แซะหญ้าที่เติบโตได้ที่ โดยมีกระท่อมเป็นสิบๆ หลังไว้เป็นที่อยู่อาศัย
หลายๆ คนก็พาลูกเมียดุ่มดั้นมาเผชิญโชคที่นั่นหลายปีแล้ว มีทั้งถูกและไม่ถูกกฎหมาย แต่ 'มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้' อย่างเขาว่ากันน่ะแหละ จ่ายให้เจ้าที่เจ้าทางเป็นรายเดือนก็หมดปัญหาแล้ว
ข้อสำคัญคือ 'อย่าออกนอกเขต' ก็แล้วกัน!
อ้อ! ถ้าได้ยินใครบอกว่าลาวโง่อย่าไปเชื่อนะครับ เพราะช่วงหลังๆ มานี่พวกท่านท้าวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับจ้างทำงานเป็นรายเดือนแล้ว แต่ขอค่าแรงแซะหญ้าเป็นตารางเมตรกันแล้ว...คิดดู!
ตกเย็นก็เป็นเวลาพักผ่อนหย่อนใจ ยังไงๆ ก็หนีไม่พ้นเหล้าขาวไปได้ นอกจากวันเงินออกถึงจะเล่นเหล้าสี ไม่ก็เดาะเบียร์ให้มันโก้หรูไปเลย แถมมีน้ำใจชวนผมไปร่วมวงอีกด้วย
กินเหล้าก็ต้องมีกับแกล้ม แหม! แถวนั้นสัตว์เลื้อยคลานชุมครับ โดยเฉพาะตะกวดกับ 'วรนุช' ที่เรียกว่ายั้วเยี้ยก็ยังได้ ทั้งบนต้นไม้ ทั้งในน้ำและชายฝั่ง หมาจรจัดโดนรถชนตายก็โดนพวกนี้งับหายวับไปแล้ว...พี่น้องชาวลาวของผมช่วยกันจับเอามาย่างไฟจิ้มแจ่วแกล้มเหล้ากันสำราญไป
บ้างก็เอาไปต้มยำทำแกง ผัดเผ็ดหอมฟุ้งเป็นกับแกล้ม แถมกลายเป็นกับข้าวให้ลูกเมียได้อีกต่างหาก
จนกระทั่งถึงวันขนหัวลุก!
ตอนนั้นน้ำเริ่มปริ่มๆ เข้ามาแล้ว พวกตะกวดหรือ 'แลน' ไม่ค่อยโผล่มาให้เห็น คงจะหมกตัวอยู่ในน้ำที่มีทั้งหนองและคลองไม่ไกลนัก บักอุ่นกับบักโฮมเป็นคนเก่าอยู่มาหลายปี จัดการสั่งให้ลากข่ายออกมาดักปลาที่ชุกชุมขึ้นพะเรอ สำหรับเป็นกับแกล้มและกับข้าวมื้อเย็น
พรรคพวก 2-3 คนจัดการลงไปวางข่ายดักปลา ท่ามกลางเพื่อนๆ และผมที่ติดตามไปดูเป็นกำลังใจ
เย็นนั้นฟ้าครึ้มเร็วกว่าเดิม อากาศในฤดูหนาวก็เย็นยะเยือกผิดปกติ เสียงหัวหน้าสั่งการเร็วปรื๋อเป็นภาษาลาวจนผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง...คงจะหมายถึงปลาเข้ามาติดข่ายแล้ว อะไรทำนองนั้น พวกลูกน้องก็ช่วยกันลากข่ายขึ้นมาพลัน
อุแม่เจ้า! แทนที่จะเป็นปลา กลับกลายเป็นตะกวดตัวเขื่องขนาดจระเข้ใหญ่ๆ แทบจะไม่น่าเชื่อว่าข่ายบางๆ จะรองรับน้ำหนักเอาไว้ได้!
เสียงร้องเฮๆ ด้วยความดีใจ กรูกันเข้าหาเหยื่อตัวงาม บ้างก็ถือไม้วิ่งแร่เข้าไปหมายจะสำเร็จโทษตามระเบียบ ก่อนจะแล่เนื้อเถือหนังเอาไปย่างไฟเป็นอาหารโอชะต่อไป
ทันใดนั้นเอง ตะกวดประหลาดตัวนั้นก็หันขวับมาพุ่งพรวดขึ้นสูงลิ่วเหมือนมันยืนด้วยหาง อ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยวขาววับ นัยน์ตาแดงจ้าปานแสงไฟ เล่นเอาทุกคนผงะหน้าด้วยความตื่นตกใจไปตามๆ กัน
นรกเป็นพยาน! พริบตาต่อมา ขณะที่แสงสว่างจางหายรวดเร็ว ตะกวดปีศาจกลายร่างเป็นชายร่างสูงใหญ่ ดำทะมึน ผมยาวประบ่า กระชากข่ายที่พันร่างขาดกระเจิง แผดเสียงคำรามลั่นจนหลายๆ คนร้องจ้า เผ่นกระเจิงไปคนละทิศละทางในบัดดล!
ผมเองวิ่งล้มลุกคลุกคลานมาถึงบ้านได้ยังไงก็สุดรู้...ต่อมาก็ไม่ได้ไปคลุกคลีกับต่างด้าวเหล่านั้นอีกเลย แต่ได้ข่าวว่าเลิกกินตะกวดกันหมดทุกคนแล้วละครับ! บรื๋อออ....
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์