ผมเป็นเด็กเยาวราชมาแต่อ้อนแต่ออก ใครเป็นนักกินนักเที่ยวขอเชิญได้เลย รับรองว่าไชน่าทาวน์มีต้อนรับทุกอย่าง โดยเฉพาะเป็นชุมทางอาหารจานเด็ดของกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ครับ...ข้อสำคัญคือผีดุอีกต่างหาก!
อ้าว? พูดจริงๆ นะครับ ย่านนี้เป็นศูนย์สินค้าขาเข้ามาเกือบร้อยปี มีผู้คนล้มตายทับถมกันนับไม่ถ้วน ทั้งประสบอุบัติเหตุจากรถราขวักไขว่ ทั้งกลุ้มอกกลุ้มใจจนเบื่อโลกเลยผูกคอตาย ยิงตัวตาย กระโดดน้ำตาย รุ่งขึ้นก็ลอยตุ๊บป่องๆ มีทั้งนั้นแหละ
ไหนจะเคยมีอั้งยี่, มาเฟีย ที่เคยโด่งดังในอดีตอีกล่ะ!
ต่อมาเปลี่ยนรูปแบบที่มีทั้งเจ้าถิ่นกับคนมีสี ผลประโยชน์อื้อซ่า มีการคุมบ่อน คุมซ่อง รีดไถสารพัดรูปแบบ...การฆ่าฟันจนมีคนล้มตายมากมายก็เช่นกัน!
ยิ่งตอนกลางคืน เสียงวงมโหรีสีซอตามตึกเก่าๆ ทั้งน่าเพลิดเพลินกับชวนให้เยือกเย็นวังเวงใจเอาการ
คนเป่าปี่สีซอที่ว่ามักเป็นคนแก่ๆ ที่รักธรรมชาติและเสียงเพลง ส่วนพวกหนุ่มๆ สาวๆ รุ่นหลังน่ะหันไปหาดนตรีวัยรุ่นประเภทเกากีตาร์ ขย่มกลองเอามันส์มา 20-30 ปีแล้ว แต่ไม่ใช่กลองแบบโรงงิ้วนะครับ คนละเรื่องกันเลย
ทำไมถึงชวนให้เยือกเย็นน่าวังเวงใจล่ะ?
เสียงปี่เสียงซอ รวมทั้งเสียงพิณ โดยเฉพาะพิณดอกเหมย หรือ 'เช้ง อิ๋ม' เป็นพิณชาวแต้จิ๋ว รูปร่างหยักๆ เหมือนดอกไม้ไงครับถึงได้ชื่อว่า 'พิณดอกเหมย' คนเล่นเก่งๆ ฟังแล้วซาบซ่านสะท้านทรวงจริงๆ เอ้า!
ซอเอ้อหูคล้ายๆ กับซอด้วง ที่มีทั้งหน้าซอแบบ 6 เหลี่ยม 8 เหลี่ยม หรือแบบหน้ากลม เสียงแหลมสูงโหยหวนไปถึงหัวใจ บางทีก็ทำให้ขนลุกขนชันได้ง่ายๆ
บางวันมีเพื่อนรุ่นพี่พาไปเที่ยวถนนแปลงนามที่ทะลุออกเจริญกรุงได้ ตรงหัวมุมมีร้านขายใบชา ทั้งแบบใส่กระป๋องและใส่ถุง แถมมียานัตถุ์ขายอีกต่างหาก...เป็นยานัตถุ์ฝรั่ง ทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน มีหมด ราคาขวดละหลายร้อยหลายพันบาทนะครับ อย่าทำล้อเล่นไปเชียว
พวกคอยานัตถุ์เขาเอามาแตะโคนนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ แล้วสูดดมกันอย่างมีความสุขสุดๆ
สมัยนั้นในซอยแปลงนามมีร้านตะเกียงอยู่หลายเจ้า ทั้งตะเกียงหลอด ตะเกียงรั้ว ตะเกียงลาน ตะเกียงโป๊ะ จนถึงตะเกียงเจ้าพายุมีทั้งนั้น ลูกค้าเข้าๆ ออกๆ เป็นประจำ มีทั้งมาซื้อตะเกียงไปใช้ ทั้งหิ้วตะเกียงมาซ่อม
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละครับ เรื่องนี้น่ะ!
หลายๆ คนดูท่าทางเสี่ยมาซื้อตะเกียงเก่าๆ ไปสะสมกันครับ...เกิดมาเพิ่งเคยรู้เคยเห็นว่ามีคน 'เล่นตะเกียง' กันจริงๆ จังๆ มากมายเอาการก็ที่นี่เอง
อ้อ! ในซอยนี้มีร้านข้าวต้มกุ๊ยแบบโบราณทั้งสองฟากด้วย เป็นห้องแถวคูหาเดียว มีกระดานแผ่นยาวทอดไปถึงหลังร้านเลย ให้คนกินนั่งหันหน้าเข้าหาโต๊ะยาว นั่งพุ้ยข้าวต้มใส่ปากตามสบาย แถมมีเก้าอี้เตี้ยๆ ให้รองนั่งอีกต่างหาก
พวกคอเหล้านั่งกรึ่มกันที่โต๊ะเล็กๆ บนฟุตปาธหน้าร้านก็เคยเจอะเจอมาหลายครั้ง
แถวหน้าร้านข้าวต้มมีร้านชำอับๆ ทึบๆ ชอบกล มีตาแป๊ะหนวดยาวเคราขาวนั่งซดน้ำชา สีซอเอ้อหูหน้ากลมเสียงหวานซึ้งเชียว เล่นเอาพวกเราเคลิบเคลิ้มไปง่ายๆ แต่บางทีก็ฟังดูเศร้าๆ โหยหวน เยือกเย็นจับใจ
บางทีเราผ่านไปแวะฟังเหมือนคนอื่นๆ เพราะเสียงซอแว่วหวานไม่โฉ่งฉ่างบาดหูเร้าใจเหมือนเสียงปี่เสียงกลอง ฟังแล้วเย็นใจดีแท้ อาแปะแกไม่สนใจไยดีใคร ก้มหน้าก้มตาสีซออย่างเพลิดเพลินคล้ายจะกล่อมตัวเองมากกว่า
จบเพลงก็หยุดพักจิบน้ำชา พูดคุยกับคนคุ้นๆ หน้ากัน ไม่ช้าก็เริ่มต้นเพลงใหม่ บางคนเดินจากไป คนใหม่ก็เข้ามายืนฟังแทนจนมืดค่ำไม่รู้ตัว!
วันหนึ่งก็เกิดเรื่องเศร้าเมื่อเราไปเที่ยวสวนกวางตุ้ง เดินกลับมาทางซอยแปลงนามราวห้าทุ่มกว่า รู้สึกมึนเมาเล็กน้อยตามธรรมดา...เห็นร้านชำปิดเงียบเชียบ ข้างในดับไฟมืดเพราะอาแปะหลับไม่ตื่นตลอดกาล ลูกหลานนำศพไปทำพิธีที่วัดตามประเพณี
จู่ๆ เสียงซอเอ้อหูก็กรีดแหลมเข้ามากระทบหู ผมกับเจ้าหน่ำชะงักกึก ตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้างหันมองสบตากัน ก่อนจะจ้ำอ้าวเป็นควายหายไปออกเยาวราช...ตั้งแต่นั้นมาเราไม่ยอมผ่านไปตอนกลางคืนอีกเลย
กลัวจะเห็นอาแปะแกมานั่งสีซอที่หน้าร้านน่ะซี มีหวังขนหัวลุก หัวใจล่มสลายกันพอดี! บรื๋อออ
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์