'วิทย์' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตลาดนัดริมทางรถไฟ
ถึงผมจะเป็นคนตจว.เพิ่งเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำมาหากินได้ไม่กี่ปี แต่เรื่องผีๆ สางๆ นี่ผมไม่ค่อยเชื่อและไม่กลัวด้วย จนกระทั่งไปเจอดีเข้าจังๆ กับตัวเองที่ตลาดนัดริมทางรถไฟใกล้ๆ กับสถานีสามเสนเมื่อตอนต้นเดือนนี่เอง!
ผมเป็นพ่อค้าข้าวโพดปิ้งที่ตลาดนัดนั่นแหละครับ
โธ่! ใจจริงผมก็อยากทำงานบริษัทมีระดับ แต่งตัวดี หน้าตาผ่องใส ไม่ต้องตากแดดตากลม แถมกรำถ่านไฟร้อนระอุจนหน้าดำคร่ำเครียดแบบนี้ แต่อย่างว่าละ! หนุ่มอีสานจบม.4 เข้ามาทำงานเมืองกรุง เก็บเงินทองส่งไปให้พ่อแม่และน้องนุ่งได้เรียนหนังสือ มันก็ต้องแต่งตัวมอซอเหงื่อไหลไคลย้อยยังงี้ละคุณ
ผมเช่าห้องอยู่กับเพื่อนจังหวัดเดียวกันแถวบางซื่อ ต้องไปซื้อข้าวโพดที่ตลาดไทโน่นแน่ะ เขาว่าเป็นข้าวโพดพันธุ์ผสม 'ไฮบริกซ์' เนื้อหวานอร่อยจากสระบุรี ลูกค้ากำลังนิยม ปิ้งทั้งเปลือกเพื่ออมน้ำชุ่มฉ่ำ ใครมาซื้อก็ปอกเปลือกใส่ถุงให้ทันใด
ตอนแรกๆ รับมากิโลละ 10 บาทเท่านั้นเองครับ แต่ตอนนี้ปาเข้าไปกิโลละ 18 บาทแล้ว เอามาปิ้งขายฝักละ 13 บาท 2 ฝัก 25 บาท...วันไหนขายได้ 100 กิโลขึ้นไปก็พอจะมีกำรี้กำไรสี่ซ้าห้าร้อยบาท...พอคุ้มค่าเหนื่อยละกัน
อ้อ! ผมไม่ได้ขายข้าวโพดปิ้งที่เดียวนะครับ เพราะที่นั่นติดตลาดนัดอาทิตย์ละแค่สองวัน คืออังคารกับศุกร์เท่านั้น ไม่งั้นคงไม่มีเงินพอส่งทางบ้านแน่ๆ แต่เปลี่ยนทำเลไปตามตลาดนัดต่างๆ แทบทุกวันก็ว่าได้...เพียงแต่มาเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้าที่ตลาดนัดย่านนั้น ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับกรมสวัสดิการทหารบกพอดี
ชีวิตพ่อค้าเร่นี่คิดอีกทีก็สนุกเหมือนกัน เพราะได้รู้จักกับเพื่อนฝูง่พ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน พอตลาดวายก็มีน้ำจิตน้ำใจแบ่งปันสินค้าให้กันและกันทุกครั้ง...ผัดถุงแกงถุง หมูปิ้ง ไส้กรอกอีสาน ขนมไทยๆ อย่างถั่วดำสาคูเปียก กล้วยบวชชี ฟักทองแกงบวด ฯลฯ
ถึงเราจะจนเงินก็ไม่จนน้ำใจหรอกครับ
ไหนจะมีโอกาสรู้จักลูกค้าทุกเพศทุกวัยอีกต่างหาก!
ตั้งแต่เอ๊าะๆ ที่มากับแฟน คลอเคลียกันน่าอิจฉา หรือกิ๊วก๊าวมากับเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ จนถึงรุ่นน้าคุณป้า คุณอาคุณลุง โดยเฉพาะลูกค้าขาประจำที่มักจะซื้อครั้งละ 4 ฝัก 50 บาท ชมว่าข้าวโพดปิ้งผมอร่อยถูกปากกว่าที่ปอกเปลือกปิ้งตั้งพะเรอ
พูดถึงลูกค้าขาประจำที่ผมคุ้นหน้ามาหลายเดือนแล้วก็คือ คุณลุงที่อยู่ในกรมทหาร อายุราว 60 ปีแล้วคงใกล้เกษียณเต็มที รูปร่างผอมสูง ผมขาวตัดเกรียน นุ่งกางเกงขาสั้นสีขี้ม้า สวมเสื้อป่านคอกลม เดินลากรองเท้าแตะช้าๆ ท่าทางมีสง่าเหมือนพระยาน้อยชมตลาด...มองนั่นมองนี่เพลิดเพลินอย่างสบายอารมณ์
บางวันแวะซื้อปลาเล็กปลาน้อยที่เขาทอดใส่ถุงขาย บางวันก็ซื้อขนมถุง...แต่ที่แน่ๆ ต้องแวะมาซื้อข้าวโพดปิ้งผมเป็นประจำ!
พอเราคุ้นเคยกัน คุณลุงก็เล่าว่าหลานชายหลานสาวชอบกินข้าวโพดปิ้งมาก เคยรบเร้าจะมาด้วย แต่แม่แกไม่ยอมเพราะต้องข้ามถนนเข้ามา กลัวว่ารถราจะเฉี่ยวเอา...แล้วคุณลุงก็อวยชัยให้พรผม ขอให้ขายดีๆ มีกำไรเยอะๆ นะ จนผมต้องยกมือไหว้พลางขอบพระคุณอย่างจริงใจ
วันเกิดเหตุฟ้าครึ้มฝนมาตั้งแต่บ่าย พวกเราได้แต่ภาวนาว่าขอให้พระพิรุณอย่าได้โปรยปรายลงมาเลย ไม่งั้นลูกค้าหายจ้อย พลอยทำให้พวกเราทุนหายกำไรหดไปด้วย
ราวห้าโมงเย็นฝนยังไม่ตก พระยาน้อยของผมก็เดินช้าๆ มาแต่ไกล ผมรีบคัดข้าวโพดฝักงามๆ ออกมาตระเตรียมฉีกเปลือก 4 ฝัก...และก็ไม่ผิดหวังเมื่อคุณลุงเดินยิ้มเข้ามาหา พยักหน้าบอกว่าใส่ถุงมาเลยหลานชาย...
คราวนี้แกส่งแบงก์ร้อยให้ ผมจะล้วงหยิบเงินทอนแต่คุณลุงยกมือห้าม บอกว่าไม่ต้องทอนหรอกหลานชาย ขอบใจนะ...ขอให้จำเริญๆ เถอะ ทำมาค้าขึ้นจนร่ำรวยนะ พ่อคุณ!
ผมยกมือไหว้งงๆ แกก็เดินหายลับไปในกลุ่มคน เกือบจะพร้อมๆ กับผู้หญิงวัยเกือบสี่สิบปีที่จูงมือเด็กหญิงกับเด็กชายเดินตรงเข้ามา
'เอ้า! ข้าวโพดเจ้านี้ใช่ไหมที่ลูกอยากกินนัก? ทีหลังแม่จะมาซื้อแทนปู่ให้...เดี๋ยวเก็บไปกินที่วัดตอนพระสวดศพปู่แล้วกัน'
ผมเย็นวาบไปตามสันหลัง...ได้ความว่าคุณลุงขาประจำคนนั้นหัวใจวายตายมาสองวันแล้ว วิญญาณ แกยังอุตส่าห์มาล่ำลาผมจนได้...ขนหัวลุกซีครับ! บรื๋อออ...
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์