"กุลธิดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหลังวัดมะกอก
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าผีมีจริง รอบๆ ตัวมีวิญญาณเร่ร่อนหรือสัมภเวสีเต็มไปหมด แต่ดิฉันก็มั่นใจว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ภูตผีล้วนแต่กลัวเกรงเช่นกัน!
พระพุทธคุณและบารมีของสิ่งที่เราเคารพนับถือไงล่ะคะ ที่จะช่วยคุ้มครองเราได้ ขอเพียงมีสติกำกับใจไว้ตลอด เชื่อว่าเราจะสามารถผ่านสิ่งเลวร้ายมาได้อย่างแน่นอนค่ะ
ดิฉันเคยมีประสบการณ์ที่แม้จะนานเกือบสิบปีมาแล้ว แต่ยังฝังใจมาจนถึงวันนี้!
ซอยอารีย์สัมพันธ์ 1 ถนนพหลโยธิน 5 (ซอยราชครู) กรุงเทพฯ เวลาประมาณห้าโมงเย็น ดิฉันมีธุระเกี่ยวกับการงานที่ก้นซอย กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม
ตอนแรกว่าจะออกทางเดิมก็คิดว่าไกลไป ซอยตันแต่มีทางลัดหลังวัดอภัยทายาราม หรือวัดมะกอก ไปออกถนนหน้าวัดใกล้ๆ กับโรงพยาบาลพระมงกุฎ ขึ้นรถสาย 14 กลับบ้านที่ประตูน้ำ...กว่าจะรู้ว่าคิดผิดก็สายไปแล้วค่ะ!
ฤดูหนาวมืดเร็ว แถมอากาศเยือกเย็นจับใจ มีทางเดินแคบๆ สองข้างมีแต่ป่าละเมาะรกครึ้ม ต้นไม้เล็กๆ แต่สูงท่วมหัวยืนทะมึน พอลมพัดทีก็สะบัดใบเสียงซู่ซ่า ทำให้รู้สึกวังเวงใจอย่างบอกไม่ถูก...ต้องเหลียวซ้ายแลขวาเกือบตลอดเวลา
ไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลย บ้านช่องอยู่ห่างกัน เห็นแต่แสงไฟลิบๆ นอกจากด้านซ้ายมือที่เป็นแฟลตตำรวจในซอยลือชาเท่านั้น
เปล่าเปลี่ยวน่ากลัวจนไม่น่าเดินผ่านในตอนกลางคืน ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
ยิ่งเดินก็ยิ่งนึกถึงอันตรายร้ายกาจสารพัดที่อาจจะดักรอเราอยู่!
โจรผู้ร้าย พวกข่มขืนฆ่า ขี้เมา อันธพาลและคนโรคจิต ที่คอยก่อกรรมทำเข็ญให้ผู้คน โดยเฉพาะผู้หญิง อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์และทีวีบ่อยๆ ขนาดข้างถนนหรือบนสะพานลอยยังโดนทำร้ายกันเป็นประจำ อย่าว่าแต่ในซอยแคบๆ แสนจะเปล่าเปลี่ยวแบบนี้เลยค่ะ
ไหนจะพวกขี้ยาที่หลบๆ ซ่อนๆ มาเสพยานรกกันอีกล่ะ ตามซอกมุมลับตาคนแบบนี้ได้ข่าวว่ามีชุกชุมเกลื่อนกรุง...ไหนจะพวกเด็กจรจัด ดอดมามั่วสุมดมกาวกันอีกด้วย
เมื่อไหร่จะเข้าเขตวัดมะกอกเสียทีหนอ...แหงนมองท้องฟ้าที่เกลื่อนด้วยดวงดาวระยิบระยับ เกือบพร้อมๆ กับได้ยินเสียงพูดคุยพึมพำดังแว่วมาเข้าหู...
แสงไฟวอมแวมข้างซุ้มไม้ด้านขวาทำให้ปากคอแห้งผากไปหมด แข็งใจเดินเรื่อยๆ เหมือนไม่หวั่นหวาดอะไร จนมองเห็นวัยรุ่นทั้งหญิงและชายกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ มีเทียน กระป๋องนม ถุงพลาสติก...หน้าตาดูเบ๋อๆ ชอบกล
เพียงแต่มองเห็นก็ทำให้ดิฉันนึกได้ทันทีว่าเด็กพวกนี้ดมกาวกันจนเกิดอาการ "เหวอ" ขึ้นมาแล้ว!
นัยน์ตาขาวๆ หันมาจ้องมองดิฉันเป็นตาเดียวกัน แข็งใจยิ้มให้พลางถามเสียงปกติว่า...ทางนี้ไปวัดมะกอกใช่ไหมจ๊ะ?
ไม่มีเสียงตอบ เด็กหญิงคนหนึ่งพยักหน้าเงียบๆ ดิฉันพึมพำขอบใจแล้วรีบเดินผ่านไปโดยเร็ว...รอบๆ ตัวยังมีแต่ความเปล่าเปลี่ยวน่ากลัว บีบคั้นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
คลองเล็กๆ ดูดำมะเมื่อมทอดยาวไปข้างหน้า ครั้นเงยมองก็ใจหายวูบ...แข้งขาอ่อนยวบ หมดกำลังจนแทบจะล้มแผละลงไปบนพื้นดินทันที
...ที่นั่นคือด้านหลังของโรงพยาบาลพระมงกุฎนั่นเอง!
เคยมีผู้ใหญ่ 2-3 ท่านบอกให้ทราบว่าห้องดับจิต หรือห้องเก็บศพน่ะอยู่ด้านหลังโรงพยาบาล
สูดลมหายใจ กำลังจะละสายตามามองทางเดินเบื้องหน้า เพราะรู้ว่าใกล้จะเข้าเขตวัดมะกอกแล้ว...แม้จะรู้ข่าวว่ามีศพเด็กชายไม่เน่าไม่เปื่อย แต่ก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอกค่ะ มีแต่คนไปขอหวยกันเป็นประจำ
ทันใดนั้นเอง ร่างดำๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ริมคลองด้านหลังของโรงพยาบาลนั่นเอง!
คราวนี้ไม่ใช่ขาอ่อนยวบอย่างเดียว แต่ยังสั่นระริกเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ หัวใจก็คล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ ม่านตาพร่าพรายไปหมด อยากจะเบือนหน้าหนี แต่กลับจ้องมองเหมือนถูกมนต์สะกด
ร่างดำๆ ดูโดดเด่น ยืนนิ่ง แน่ใจว่ากำลังจ้องมองมาที่ดิฉันเขม็ง...แข็งใจตั้งสตินึกถึงพระพุทธคุณและพ่อแม่เป็นที่พึ่ง ตั้งจิตแผ่ส่วนกุศลไปให้เขาผู้นั้น...
สายลมเย็นเยือกกระโชกวูบ ภาพที่ปรากฏดูเด่นชัด แสนจะน่าสยดสยอง ค่อยๆ เลือนรางจางหายไป ดิฉันเดินต่อเข้าเขตวัด กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย...แต่บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมเดินผ่านที่นั่นในตอนกลางคืนอีกแล้วค่ะ!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์