"สาวน้อย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากผีพอกหน้า
ดิฉันไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนกับเพื่อนๆ คือโอ่งกับโอ๋ ด้วยรถของคุณพ่อพวกเธอชื่อลุงวินัย นอกนั้นยังมีแม่และน้าๆ ป้าๆ ของเพื่อน ดูเหมือนว่าเราจะเข้าสู่ดินแดนดึกดำบรรพ์ที่มีอายุมากกว่ากำแพงเพชร จังหวัดของพวกเราอีกค่ะ
ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนที่มีแต่ขุนเขาสูงเสียดฟ้า การเดินทางทุรกันดารเต็มที (ในสมัยก่อน) อย่างที่ส่วนมากเข้าใจกัน แต่เป็นแผ่นดินที่มีประวัติยาวนานเหลือเชื่อนับล้านปีเชียวละ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี "ปาย" เป็นแหล่งยอดฮิตจนกลายเป็นสถานท่องเที่ยวยอดนิยมไปเลย
จากเชียงใหม่เข้าแม่ฮ่องสอนก็ผ่านออบหลวง...จนกระทั่งถึง "ภูโคลน"
ท่านผู้อ่านที่เป็นสตรีคงจะทราบดีนะคะ ว่าเป็นโคลนที่มีแร่ธาตุในการชะลอความชรา ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ขจัดไฝฝ้า ทำให้ใบหน้าผ่องใส อ่อนเยาว์ นิยมใช้แพร่หลายจนถึงกับบรรจุขวดส่งขายทั่วประเทศ นับวันก็ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกที
ใช้พอกตัว พอกหน้า ดูดซับผิวหนังชั้นนอกที่หมดอายุให้เหลือแต่ความสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสตรีทั้งหลายทั่วโลกแหละค่ะ!
โคลนวิเศษที่ว่านี้มีอยู่แค่ 3 ประเทศเท่านั้น คือ โรมาเนีย, อิสราเอล (เดดซี ใกล้กับจอร์แดน) และภูโคลน แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย...มีการพิสูจน์จนได้ข้อสรุปว่า โคลนในเมืองไทยมีคุณภาพดีที่สุดในโลก...น่าภูมิใจมากๆ จริงไหมคะ?
เราไปถึงตอนบ่ายจัด (หลังจากเที่ยวมา 2-3 แห่งแล้ว) เห็นรถทัวร์หลายสิบคันจอดรับ-ส่งนักท่องเที่ยว คุณป้า คุณน้า โอ่งกับโอ๋และดิฉันลงจากรถตู้ด้วยความตื่นเต้น เราเดินไปไม่ไกลก็ถึงศาลาเตี้ยๆ โล่งกว้างทั้ง 4 ด้าน...
อ๋อ! เขาเปิดบริการหมอนวดแผนไทยสไตล์พื้นเมือง...เอ๊ะ! ยังไง?
เสียงใสๆ (จากเทป) ประกาศแจ้วๆ ไม่ขาดระยะ เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้ไปพอกตัว พอกหน้า หรือซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น สบู่เสริมความงามไปใช้...คุณป้าคุณน้าบอกว่าที่กำแพงฯ น่ะแพงมาก กรุงเทพฯ ก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก
โอ่งกับโอ๋วิ่งไปทางด้านขวาที่มีสตรีหลายวัยหนาตา แต่ป้าเนื่องบ่นว่านั่งรถมาปวดเมื่อยเนื้อตัวเหลือเกิน ขอไปนอนให้เขานวดคลายเส้นดีกว่า ดิฉันก็พลอยรู้สึกปวดหลังชอบกล ขอตามไปนวดด้วยคน ป้าเนื่องดีใจที่ได้เพื่อนค่ะ
จูงกันเข้าไปแจ้งความประสงค์ขอนวด 1 ชั่วโมง บังเอิญมีหมอนวดสาวใหญ่ 2 คนว่างพอดี
คนอื่นๆ นอนหงายเหยียดยาวบนเสื่อเรียงรายกันไปทั้งสองฟาก โดยหันเท้าเข้าหากัน ช่วงกลางกว้างขวางมาก ฝั่งโน้นมีเก้าอี้สำหรับผู้ที่ต้องการให้นวดเท้าอย่างเดียวด้วย
หมอนวดถามว่าชอบหนักหรือเบา ดิฉันบอกว่าเบาๆ ก่อนก็ดีค่ะ อยากให้นวดที่หลังมากหน่อย หมอนวดบอกว่าเส้นตึงมาก สงสัยจะไม่ได้นวดมานาน ดิฉันหลับตา อมยิ้มไม่ตอบว่า...เกิดมาก็เพิ่งจะนวดครั้งแรกนี่แหละค่ะ
โอ่งกับโอ๋เข้ามายืนแซวอยู่ข้างๆ ว่า อายุแค่นี้ริอ่านชอบนวดแล้วหรือ? อีกหน่อยก็ติดหมอนวดเหมือนป้าเนื่องหรอก...ตัวเองโดนนวดไม่ได้ มีหวังจั๊กจี้ตายเลย!
แล้วทั้งสองก็บอกว่าจะไปดูเขาสาธิตการตักโคลนและนวดหน้าด้วย
ลมพัดโชยมาไม่ขาดระยะเย็นสบายจนดิฉันเคลิ้มๆ ไป...ขณะที่นอนคว่ำให้หมอนวดกดส้นมือไปตามแผ่นหลัง ก็ได้ยินเสียงโอ่งถามว่า...อยากลองมั่งมั้ยล่ะ? พอลืมตามองก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าขาวๆ ถูกโคลนพอกไว้ดำปี๋ เห็นแต่นัยน์ตาเท่านั้น
ถามว่าอุตริไปทำแบบนี้ทำไม?
โอ่งตอบว่าเห็นเขาทำก็ทำกัน! ถามว่าทำแล้วได้อะไร เนื้อหนังก็ยังตึงเต่งอยู่นี่นา โอ่งเอียงคอมอง...ทำแล้วคงสวยขึ้นกว่าเดิมมั้ง? อีก 15 นาทีก็ล้างออกแล้ว ดูซิว่าจะสวยมั้ย?
บ้า! ดิฉันหลับตาเมื่อโอ่งหันกลับออกไป พอดีหมดเวลา...
ป้าเนื่องทิปหมอนวดไปคนละ 20 บาทแล้วออกมาใส่รองเท้า ดูนาฬิกาเห็นว่าได้เวลานัดหมายออกเดินทางต่อ เลยรีบไปเข้าห้องน้ำใกล้ๆ รถตู้ คนอื่นๆ มาถึงเกือบครบแล้ว หันไปมองโอ่งกับโอ๋ที่นั่งรอ ถามว่าทำไมล้างโคลนออกจากหน้าเร็วจัง?
"ใครล้างโคลน?" สองพี่น้องถามพร้อมกัน ยืนยันว่าไปเดินดูแค่ผ่านๆ เห็นเขาพอกหน้าเดินกันให้ไขว่ แต่เด็กสาวๆ อย่างเราจะพอกหน้าไปทำไม?
"โอ่ง! เธอพอกหน้าไปหาฉันที่นอนนวด คุณป้าก็เห็น" ดิฉันร้อง แต่โอ่งกับโอ๋หน้าซีด ยืนยันว่าอยู่ด้วยกันตลอด ไม่มีใครพอกโคลนเลย แวะกินน้ำเสาวรสคนละแก้วแล้วมานั่งรถรอเกือบ 15 นาทีมาแล้ว
ถ้างั้นใครล่ะที่มาพูดคุยกับดิฉัน? ไม่มีคำตอบมาถึงทุกวันนี้...ขนหัวลุกค่ะ!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์