"หนุ่มนาเกลือ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในคืนโลงแตก
สมัยเด็กผมอยู่สมุทรสงคราม หรือ "แม่กลอง" จังหวัดเล็กๆ แต่อุดมสมบูรณ์ที่สุด เป็นทั้งแหล่งเกษตร กรรมและมีการทำอุตสาหกรรมอาหารทะเลใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
นอกจากสวนผลไม้แล้ว แม่กลองยังมีทั้งนาข้าวและนาเกลืออีกด้วยครับ
วันนี้จะเล่าเรื่องน่าขนหัวลุกจากผีนาเกลือให้ฟัง!
แหม! ไม่ต้องโฆษณาขายเกลือก็ยังได้ เพราะยังไงๆ เกลือละแวกนี้ไม่ว่าแม่กลองหรือมหาชัยก็คุณภาพดีเหลือหลายอยู่แล้ว ไม่ว่าเกลือเค็ม เกลือจืด ที่เอามาทำเครื่องสำอางพอกหน้าคุณผู้หญิง ขจัดสิวฝ้า หน้าตกกระได้ชะงัดนักหนา
ฮะแอ้ม! เสียอย่างเดียวที่พวกนายทุนชอบอาศัยบารมีต่างๆ นานามากดราคาเพื่อผลประโยชน์ในการขายเกลือสินเธาว์ของตัวเอง...ไม่อยากพูดให้ช้ำใจเปล่าๆ หรอก ครับ
ขอแนะนำนิดเดียว สำหรับท่านที่ขับรถผ่านไปมา ระหว่างกรุงเทพฯ ราชบุรี เพชรบุรี หัวหิน...คือถ้าจะแวะซื้อเกลือติดไม้ติดมือกลับบ้านก็จงเลือกเกลือเก่านะครับ เพราะคุณภาพจะดีกว่าเกลือใหม่...ไม่ว่าจะนำไปปรุงอาหารหรือดองผักปลา อย่าใช้เกลือใหม่เชียว
วิธีสังเกตคือดูก้นถุงว่าเปียกแฉะหรือเปล่า? ถ้าใช่ก็เป็นเกลือใหม่ อีกวิธีคือลองเอามือกำดู ถ้าไม่ติดมือคือเกลือเก่าแน่นอน...ชัวร์!
อ๋อ...ชาวนาเกลือบางคนเดือดร้อน ก็รีบเอาเกลือใหม่มาขายน่ะซี
บ้านผมทำนาเกลือมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ คิดถึงเพลงหนุ่มนาข้าว-สาวนาเกลือแล้วอดขำไม่ได้...ข้าวน่ะชอบฝน แต่นาเกลือเห็นฝนตั้งเค้ามาก็กลุ้มอกกลุ้มใจไปตามๆ กัน ถ้าฝนเกิดซัดซู่ซ่าลงมามีหวังขาดทุนย่อยยับ เลยต้องทำนาเกลือในฤดูร้อนไงครับ
ปู่ผมเล่าว่าสมัยก่อน เมื่อน้ำทะเลท่วมท้นขึ้นมาหลายๆ วัน วันจะเหลือตะกอนขาวๆ หรือผลึกเกลือ พอจับปลากระบอกมาได้เหลือกินก็เอาเกลือคลุกไว้ทำให้ปลาอยู่ได้นานวันไม่เน่าไม่เสีย ถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านละกัน
จากน้ำลึกมาถึงน้ำตื้น แค่ 4-5 วันก็ได้ผลึกเกลือแล้ว จึงได้ริอ่านทำนาเกลือขึ้นมา ก่อนจะถึงฤดูใหม่นาเกลือก็จะมีแผ่นดำๆ เกลื่อนกลาด ชาวบ้านเรียกว่า "ดินหนังหมา" ต้องโกยทิ้งไปก่อน ไม่งั้นจะได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แถมได้เกลือคุณภาพต่ำอีกต่างหาก
พวกผมจะรู้จัก "เกลือตัวผู้" กับ "เกลือตัวเมีย" ตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อแม่สอนว่าเกลือตัวผู้จะเม็ดเล็กๆ ยาวคล้ายข้าวสาร แต่เกลือตัวเมียออกจะป้อม สั้น เกลือตัวผู้ใช้ทำยาโดยฝนกับโกร่งหรือฝาละมีก็ได้ แก้เด็กเป็นซางมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายโน่นแน่ะครับ
เรื่องผีๆ สางๆ ก็มีเกลือตัวผู้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยชนิดแยกไม่ออก!
เชื่อถือกันมาแต่โบราณแล้วว่า ถ้ามีใครตายก็ให้เอาเกลือตัวผู้โรยสะดือศพไว้เป็นเคล็ด เชื่อว่าจะทำให้ศพนั้นไม่เน่า หรือส่งกลิ่นน่ารังเกียจก่อนจะถึงวันเผาราว 3 วัน 7 วัน...จนกระทั่งเกิดเรื่องน่าขนหัวลุกขึ้นมา!
ตากลึงอายุ 70 เศษล้มตายอย่างน่าอิจฉาที่สุด คือแกนนอนหลับไปดีๆ ก็เลยหลับตลอดกาล ไม่ต้องเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมาน หรือทำให้ลูกหลานเดือดร้อน แต่ก็ทำให้ตกอกตกใจเอาการ เพราะนึกไม่ถึงว่าคนแก่ที่ยังดูแข็งแรงอย่างตากลึงจะจากไปอย่างกะทันหัน
วันสวดศพที่วัด เพื่อนบ้านก็มาช่วยงานศพกันพร้อมหน้า ผมกับพ่อไปฟังสวดทุกคืนเพราะตากลึงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับปู่ผม แต่เราเรียกว่าตาเหมือนคนอื่นๆ ในละแวกนั้น
จนกระทั่งสวดศพถึงคืนที่สามก่อนจะเผาวันรุ่งขึ้น...
พระสวดเสร็จกลับกุฏิแล้ว คราวนี้ก็เหลือแต่พวกคอเหล้ากับคอหมากรุก ล้อมวงโจ้กันเป็นเพื่อนศพ...จู่ๆ ก็มีเสียงกุกกักๆ ดังมาจากโลงผีชัดหู เล่นเอาเหลียวขวับไปมองเป็นตาเดียวกัน...หรือว่าตากลึงจะฟื้นขึ้นมา?
ท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยวและเยือกเย็น ลมพัดซ่าเหมือนเสียงใครถอนใจเฮือกใหญ่ หมาหอนโจ๋วบาดหัวใจ ผมเบียดพ่อแจขณะที่เสียงกุกกักเงียบไป
ทันใดนั้นเอง เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดน่าขนหัวลุกก็ดังขึ้นติดๆ กัน!
นรกเถอะ! ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่หันขวับไปมองด้วยความตะลึงพรึงเพริด โลงพลันแตกผาง ศพตากลึงหล่นโครมครามน่าสยดสยอง กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั้งศาลา ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายไม่ได้ศัพท์เพราะความหวาดกลัวสุดขีด
ทุกชีวิตเผ่นพรึ่บขึ้นพร้อมๆ กันด้วยความตระหนกตกใจแทบจะเป็นบ้าเป็นหลังในพริบตานั้นเอง!
กว่าจะช่วยกันจัดการให้หายอุจาดได้ก็ปั่นป่วนกันไปหมด...ชาวบ้านพูดกันว่า พวกลูกหลานแกคงจะลืมโรยเกลือตัวผู้ใส่สะดือศพ ผีตากลึงถึงได้เหม็นเน่า พองอึ้ดทึ่ดจนโลงแตกน่าสยดสยอง...ขนหัวลุกไหมล่ะครับ?
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์