"กุสุดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณสุดเฮี้ยน
เมื่อราวสิบปีมาแล้ว ดิฉันเช่าห้องพักอยู่กับเพื่อนที่ดินแดง บ้านช่องแน่นหนา รถรากับผู้คนคึกคัก มีทั้งโรงแรม โรงนวด หลังจากคาเฟ่ซบเซาไปก็มีบาร์คาราโอเกะผุดขึ้นมาแทน
ที่นั่นมีทั้งคอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ บ้านแบ่งห้องเช่า สารพัดละค่ะ
ตอนไปอยู่ใหม่ๆ มีคนเล่าว่าย่านนี้ผีดุมาก แต่ดิฉันเฉยๆ เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มามากแล้ว แม้แต่ในกรุงเทพฯ แท้ๆ ก็ยังลือกันว่าที่นั่นผีดุ ที่โน่นผีเฮี้ยนสุดๆ ขนาดต้นโพธิ์ต้นไทรก็ยังมีผ้าเขียวๆ แดงๆ ไปพันไว้ จุดธูปเทียนบูชากัน เชื่อว่าไปขอหวยมากกว่าค่ะ
ผ่านไปเดือนเศษ ข่าวลือว่ามีคนโดนผีหลอกก็ชักจะหนาหูขึ้นทุกที!
ใกล้ๆ ที่พักของเรามีอพาร์ตเมนต์ที่คนเช่าส่วนมากเป็นหญิงบริการ ดูแล้วน่าสงสารมากนะคะ ใครจะว่าเกียจคร้านทำมาหากิน ยอมทอดตัวบำเรอชาย แต่ดิฉันเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงจิตใจปกติคนไหนอยากเป็นสาวบริการหรอกค่ะ ยกเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆ
พวกเธอส่วนมากดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หลายๆ คนก็ติดยา เชื่อว่าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ซังกะตายอยู่ไปวันๆ มากกว่า
ผู้ชายคือตัวการสำคัญค่ะ ถ้าถือคติผัวเดียว-เมียเดียว ไม่สำส่อนทางเพศ ข่มเหงรังแกเพศหญิงที่ไม่มีทางสู้ ปัญหาน่าสลดใจนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ
ที่ดิฉันกล้าพูดเรื่องนี้ก็เพราะสาวบริการฆ่าตัวตายบ่อยๆ ทั้งกินยาตาย ผูกคอตายและกระโดดตึกตาย...การติดทั้งเหล้าและยาก็ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่งเช่นกัน มีคนเล่าว่าเห็นผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายมาเดินวนเวียนอยู่หน้าตึก บางคนก็ยืนเกาะราวระเบียงชะโงกหน้ามามอง เหมือนตอนที่เธอจะกระโดดลงมาจบชีวิตตัวเอง
วิญญาณน่าสงสารพวกนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้วก็ได้ หรือไม่ก็จิตใจยังผูกพันกับที่อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต
ดิฉันประสบกับเรื่องขนหัวลุกที่ซอยใกล้ๆ ที่พักนั่นเอง!
คืนหนึ่งได้ยินเสียงปืนสนั่นหวั่นไหวราวประทัดแตกใกล้ปากซอย ดิฉันไม่กล้าไปดูหรอกค่ะ มาทราบข่าวจากเพื่อนบ้านวันรุ่งขึ้นว่า ตำรวจวิสามัญมือปืนชื่อดังตายคาซอย
สมมติว่าชื่อวินนะคะ วินเป็นมือปืนที่ถูกประกาศจับหลายแห่ง ตำรวจตามล่าก็หลบหนีไปได้หวุดหวิดทุกครั้ง กระทั่งสายสืบรู้แน่ชัดว่ามากบดานอยู่กับแฟนสาวหมอนวดที่คอนโดฯ นั่นเอง เจ้าหน้าที่ยกกำลังนับสิบนายไปดักซุ่มที่ปากทางตั้งแต่สองยามมาแล้ว
ราวตีห้า มือปืนก็เดินออกมาอย่างระวังตัว คงจะย้ายที่นอนไปตลอด แต่นึกไม่ถึงว่าตำรวจจะแกะรอยมา จนพบ...
เสียงตะโกนให้วางอาวุธ แต่วินกระชากปืนยิงใส่ตำรวจก่อนเพื่อเปิดทางหลบหนีแต่ก็ไม่พ้นกระสุนปืนตำรวจที่ระดมยิงจนวินล้มฟุบ...ตาเหลือกโพลงตายคาที่ตรงมุมตึกนั่นเอง!
รุ่งขึ้น ทีวีกับหนังสือพิมพ์ออกข่าวเกรียวกราว ตำรวจไปสอบสวนคนรักของมือปืนก็เอาแต่ร้องไห้...ไม่เคยระแคะระคายเลยว่าวินเป็นมือปืน นานๆ จะมาค้างสักครั้ง ส่วนเพื่อนบ้านเห็นศพจมกองเลือดแดงฉาน ส่งกลิ่นคาวคลุ้งก็แทบจะเป็นลมเป็นแล้งไปตามๆ กัน
เรื่องนี้ทำท่าจะซาลงไป แต่แล้ววิญญาณของวินก็ปรากฏขึ้นมา!
เฮียเซ้งขายเป็ดพะโล้เล่าว่าเดินเข้าซอยมาตอนดึก เห็นคนวิ่งออกมาจากคอนโดฯ จนใกล้เข้ามาจึงเห็นเลือดแดงฉานเต็มใบหน้าร้องลั่นๆ ว่า...ช่วยด้วยๆ ก่อนจะหาย วับไป
พี่ต่ายขายไก่ย่างกับส้มตำเดินเข้าซอยมากับลูกสาว จู่ๆ ก็เห็นคนนอนคว่ำอยู่ตรงมุมตึก เลือดไหลนองน่ากลัว ก่อนที่ร่างชายนั้นจะลุกโงนเงนขึ้นมานั่งพิงกำแพง ปากอ้า นัยน์ตาเหลือกลาน เลือดทะลักทลายออกมาตาม ใบหน้าและทรวงอกเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด
ปรากฏว่าพี่ต่ายจับไข้อยู่สามวัน ต่อมาก็ไม่กล้าเดินเข้าซอยยามค่ำคืนอีกเลย!
พวกวินมอเตอร์ไซค์ก็โดนตอนหัวค่ำ บางทีมีคนเรียกเข้าซอย แต่พอถึงจุดที่วินโดนยิงตาย ผู้โดยสารก็หายวับไปดื้อๆ เหลียวมองเดี๋ยวหนึ่งก็นึกได้ บึ่งรถหนีไม่คิดชีวิต
อีกคนขับรถเปล่าออกมา มีคนโบกมือให้ไปส่งปากซอย...พอเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นมือปืนที่โดนตำรวจยิงตายเมื่อตอนต้นเดือนนี่เอง!
ดิฉันเองเคยเดินผ่านตอนกลางวันแสกๆ ว่าจะไม่มองก็เผลอจนได้...ที่มุมตึกนั่นไม่มีผีมือปืนหรอกนะคะ แต่เลือดแดงฉานเจิ่งนองราวกับเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ส่งกลิ่นคาวจนดิฉันหน้ามืด ใจสั่นริกๆ เหมือนจะเป็นลม
วันรุ่งขึ้น รีบใส่บาตรแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ทันที
เขาว่าผีตายโหงเฮี้ยนจัดคงจะเป็นความจริงนะคะ เพราะหมอนวดแฟนของวินย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว เธอเคยเล่าว่ามองลงมาทีไรจะเห็นวินยืนเงยหน้าเลือดท่วมเป็นประจำ...ไม่รู้ว่าวิญญาณจะตามไปหาอีกหรือเปล่าค่ะ?!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์