ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 544|ตอบกลับ: 5

++ สานฝันนิรันดร ++ # 21

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

...อาหารของมนุษย์กระเพาะของแวมไพร์ไม่สามารถย่อยสลายหรือขับถ่ายออกมาได้การอาเจียรจึงเป็นทางเดียวที่จะขับถ่ายอาหารเหล่านั้นเพื่อไม่ให้กลายเป็นผลร้ายต่อร่างกาย ...
แต่สารอาหารที่ได้จากอาหารของมนุษย์กลับไม่สามารถทำให้ร่างกายของสเตฟานนำไปใช้ประโยชน์ได้ ร่างกายของสเตฟานซูบซีดลงจนโจชัวร์ต้องให้ดื่มโลหิตของเขาแทนแพราะสเตฟานไม่ต้องการฝังคมเขี้ยวลงบนลำคอของมนุษย์ เพื่อดูดโลหิตเป็นอาหารเช่นแวมไพร์ทั่วไป
โจชัวร์กรีดแขนของเขาให้โลหิตหยดลงบนแก้วคริสตัล และป้อนให้เสตฟานด้วยตัวเขาเอง
ตอนที่ไลล่าและไป่หลงได้ฟังเรื่องนี้ ยังต้องอิจฉาในความรักที่โจชัวร์มีให้เสตฟาน และคิดว่าหากเป็นพวกตน จะต้องขอติดตามคนผู้นี้ไปจนกว่าจะถึงวันที่ตนเองดับสูญ ... แต่สเตฟานกลับหนีไป
ถึงแม้สเตฟานจะหนีไปที่ไหน โจชัวร์ก็สามารถตามไปได้ทุกที่ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปประมาณ ๒ ปี สเตฟานหนีไปถึงหุบขาแห่งหนึ่งในอินเดีย และที่นั่นเองที่ดวงจิตของสเตฟานหายไป โจชัวร์ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของสเตฟาน แต่เขามั่นใจว่าสเตฟานยังไม่ดับสูญ เขาพยายามค้นหาไปตามสถานที่ต่างๆ แล้วในระหว่างนั้นเอง เขาก็ได้ไลล่าและไป่เทียนมาอยู่เคียงข้าง
หลายร้อยปีที่เขาเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อตามหาคนที่เขาปรารถนา จนเกือบจะหมดหวัง และคิดว่าบางทีสเตฟานอาจจะถูก ‘ทำลาย’ ไปเสียแล้ว ด้วยน้ำมือของแวมไพร์ที่มีพลังผิดไปจากแวมไพร์ตนอื่น แวมไพร์เพียงหนึ่งเดียว ทึ่เป็นเหมือนตำนานเล่าขานกันในหมู่แวมไพร์
แวมไพร์ ที่มีชีวิตอยู่มานับตั้งแต่มีการดำรงอยู่ของเผ่าพันธ์
แวมไพร์ ที่สูบพลังของพรรณไม้ และพลังแห่งพิภพเป็นอาหาร
แวมไพร์ ผู้มีอำนาจจิตกล้าแข็งสามารถควบคุมแวมไพร์ด้วยกันได้ ถึงแม้จะไม่มีความผูกพันเช่นผู้สร้างและบุตร
แวมไพร์ ผู้สามารถทำให้แวมไพร์สูญสิ้นความเป็นแวมไพร์ อันจะนำมาซึ่งความสิ้นสุดของชีวิตนิรันดร์
แวมไพร์ ผู้ที่แวมไพร์ด้วยกันต้องหลีกหนีถ้าได้พบ เพราะมันหมายถึงการดับสูญของแวมไพร์ตนนั้น
ไม่มีแวมไพร์ตนใดรู้ว่า เรื่องที่กล่าวขานกันมานั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะไม่มีแวมไพร์ตนใดสามารถยืนยันได้ ถึงการมีตัวตนของแวมไพร์ตนนั้น แวมไพร์เพียงหนึ่งเดียวในเหล่าแวมไพร์ที่มีอยู่ไม่น้อยในโลกนี้
แวมไพร์ ที่ถูกขนานนามว่า... กรีนอายส์ ...
บทที่ ๒๔
“กรีนอายส์” สเตฟานเรียกชื่อนั้นออกจากปากอย่างแผ่วเบา
“ใช่ ข้าคือกรีนอายส์” เสียงดังกังวาน ตอบมาจากร่างชายชรา ซึ่งนั่งอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่
สเตฟานหลบหนีโจชัวร์ จนมาถึงป่าแห่งนี้ ... ป่าทึบในตอนเหนือของอินเดีย ... เขาจ้องมองดูร่างที่คล้ายชายชราอายุเกือบร้อยปีหรืออาจจะมากกว่านั้น ดวงตาสีเขียวมรกตสองคู่ ประสานกันแน่วนิ่ง
“เจ้าไม่กลัวข้าหรือ” เสียงกังวานถามมา
“กลัวหรือ ... ข้ายังต้องกลัวสิ่งใดอีก นับว่าพระเจ้าของมนุษย์ยังไม่ทอดทิ้งข้า ถึงได้ชี้นำให้ข้ามาพบท่านที่นี่” สเตฟานตอบพลางเดินเข้าไปคุกเข่าลงเบื้องหน้าชายชรา
“ท่านทำเถอะ ทำให้ข้าสูญสิ้นความอมตะ ทำให้ข้าดับสูญ” สเตฟานพูดวิงวอน
“เจ้าไม่กลัวรึ” คำถามพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ แต่เมื่อเห็นดวงตาที่มุ่งมั่นของอีกฝ่าย ก็ต้องหยุดหัวเราะ
“แล้วทำไมเจ้าไม่ทำลายตัวเอง เพียงแต่เสียบลิ่มไม้หรือเหล็กแหลมลงไปในหัวใจเจ้า หรือตัดหัวเจ้าออก หรือจะให้ง่ายกว่านั้น เจ้ารออาบแสงอาทิตย์ยามพระอาทิตย์ขึ้น เจ้าก็จะได้ดังหวัง”
“ข้าทำไม่ได้ ท่านก็รู้ ไม่มีแวมไพร์ตนใดทำเช่นนั้นได้ มันเหมือนมีคำสั่งที่ฝังอยู่ในความคิด ว่าพวกเราไม่อาจทำเช่นนั้นได้ นอกเสียจากมีผู้อื่นมากระทำเช่นนั้นต่อเรา”
“ก็จริง ... แต่ทำไมเจ้าถึงปรารถนาความตาย ใยเจ้าไม่ใช้ชีวิตนิรันดร์ที่ได้มาให้คุ้มค่า”
“คุ้มค่า…” สเตฟานยิ้มหยัน “ข้าฆ่าคนในครอบครัว ฆ่ามิตรสหาย ต้องใช้ชีวิตเป็นเครื่องมือบำบัดความต้องการของผู้อื่น โดยมิอาจขัดขืน ท่านคิดว่าชีวิตนิรันดร์เช่นนี้ จะมีความสุขหรือ”
“แล้วถ้าเจ้าได้กลับคืนเป็นมนุษย์เล่า” ชายชราถามยิ้มๆ
“หากเป็นมนุษย์ ข้ายังจะอยู่ได้อีกหรือ ในโลกที่ข้าสูญสิ้นแล้วซึ่งบุคคลอันเป็นที่รัก แล้วผู้ที่ทำให้ข้าเป็นแวมไพร์เล่า มีสิ่งใดรับประกันได้ว่า เขาจะไม่กลับมาทำร้ายข้าอีกครั้ง” สเตฟานถามกลับไป ด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“หากต้องเป็นเช่นนั้นอีก ให้ข้าตายด้วยน้ำมือท่านตอนนี้จะดีกว่า” หยดน้ำตาเริ่มไหลรินจากดวงตาของสเตฟานช้าๆ
“น่าแปลกที่เจ้าร่ำไห้ ยากนักที่แวมไพร์จะมีน้ำตา ลองเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังสิว่า เจ้าเป็นแวมไพร์ได้อย่างไร และนานเท่าไรแล้ว”
สเตฟานเล่าเรื่องของตนให้ชายชราฟัง ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกับโจชัวร์ จนถึงตอนที่ได้พบชายชรา ตลอดเวลาชายชราจ้องมองดูดวงตาของสเตฟานแน่วนิ่ง ... ดวงตาสีเขียวมรกต ที่ส่องประกายแวววับ ดุจดังประกายจากแก้วเจียระไนเนื้อดี แม้จะอยู่ในความมืด แทบจะไม่ผิดจากดวงตาของชายชรา
“ดี ... ดี ... ดี” ชายชราส่งเสียงหัวเราะดังสนั่น “นับว่ามาได้พอเหมาะ อาจจะเป็นอย่างที่เจ้าว่า พระเจ้าของพวกมนุษย์อาจจะนำพาเจ้า ให้มาพบกับข้าจริงๆ ... ไปกับข้า”
พูดจบชายชราก็ลุกขึ้น เดินนำสเตฟานเข้าไปในป่าลึก ความมืดมิดในยามราตรี ไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตาของคนทั้งสอง และจากวันนั้นเอง สเตฟานได้รับการสอนถึงการปิดกั้นดวงจิตของตนเอง การใช้ และการควบคุมพลังในลักษณะที่เขาไม่เคยรู้ และไม่เคยนึกถึง
และไม่นานจากนั้นชายหนุ่มจึงได้รับรู้ถึงพลังอันแท้จริง และความลับของแวมไพร์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว... กรีนอายส์ ...
“กรีนอายส์” รังสรรค์ทวนคำ พร้อมกับจ้องไปยังอัญมณีสีเขียว ที่ร้อยอยู่กับสายสร้อยบนลำคอขาวผ่อง
ปรกติเขาไม่ได้สังเกตเลยว่า สเตฟานสวมใส่สร้อยคอเส้นนี้หรือเปล่า แต่วันนี้เพราะสาเหตุใดไม่ทราบได้ สายสร้อยเส้นนั้นหลุดออกมาจากคอเสื้อ ประกายสีเขียวที่สะท้อนราวกับจะหยอกล้อกับแสงไฟ ภายในร้านเครื่องดื่มเล็กๆแห่งนี้ ทำให้เขาอดถามถึงที่มาและชื่อของมันไม่ได้
“ใช่ครับ อัญมณีนี้เรียกว่ากรีนอายส์ มีอยู่เป็นคู่”
“อีกเม็ดนึง คุณให้เจ้าทัตไป” รังสรรค์พูดพลางลูบแก้วเบียร์บนโต๊ะเล่น
“ใช่ครับ” สเตฟานตอบ แล้วยกแก้วชอคโกแลตร้อนขึ้นจิบ
“เจ้าชามันบอกว่าเป็นแฟนซีไดมอน”
“ดูเผินๆนะครับ” สเตฟานหัวเราะเบาๆ
“แต่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่อัญมณี”
“อ้าว แล้วมันเป็นอะไรล่ะ” รังสรรค์ยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ
“ตามชื่อของมันนั่นแหละครับ” สเตฟานยังคงยิ้มน้อยๆ
“กรีนอายส์ ... ดวงตาสีเขียว” รังสรรค์ขมวดคิ้ว
“เป็นดวงตาเหรอครับ”
“ครับ มันคือดวงตาที่หดเล็กลง และเปลี่ยนเป็นผลึกคล้ายอัญมณี คงคล้ายๆกับเพชรตาแมว”
“จริงเหรอครับ แล้วมันเป็นดวงตาของสัตว์อะไรกันแน่” รังสรรค์ถามอย่างตื่นเต้น
“ไม่ใช่ดวงตาของสัตว์หรอกครับ” สเตฟานยิ้มมากขึ้นอีก
“ไม่ใช่ดวงตาของสัตว์ แล้วมันเป็นดวงตาของอะไร” รังสรรค์ครุ่นคิด
“คุณอย่าบอกนะว่าเป็นดวงตาของคน”
“ใช่ครับ กรีนอายส์นี่ เป็นดวงตาของคนจริงๆ” สเตฟานมองดูใบหน้าที่แสดงความตกใจของอีกฝ่าย แล้วก็นึกขัน
“ล้อผมเล่นล่ะสิ” รังสรรค์รู้สึกแบบที่พูด เพราะเห็นสีหน้าที่แสดงความขบขัน ของคนที่นั่งอยู่ด้านตรงข้าม
“ดีแล้วครับ ที่คุณคิดว่าผมล้อเล่น”
“ก็ถ้าเป็นดวงตาของคนจริงๆ คุณจะยังกล้าใส่ไว้แบบนี้เหรอ” รังสรรค์ยิ้มอย่างคนรู้ทัน
“เพราะเป็นผมไงล่ะครับ ถึงได้กล้าใส่ เพราะเป็นดวงตาของคนที่เป็นเหมือนญาติสนิท เป็นคนที่มอบชีวิตใหม่แก่ผม ให้ผมไว้ มันเปรียบเสมือนเครื่องลางคุ้มภัยให้กับผม” ดวงตาของสเตฟานเปี่ยมไปด้วยความเคารพต่อบุคคลที่ตนพูดถึง
“แปลว่ามันเป็นของสำคัญมาก” รังสรรค์พูดช้าๆ
“ที่คุณมอบกรีนอายส์ชิ้นหนึ่งให้กับเจ้าทัต แปลว่าคุณเห็นมันเป็นคนสำคัญล่ะสิ”
“ใช่ครับ ผมอยากให้คนที่ผมรัก ได้รับการคุ้มครองจากกรีนอายส์นี้ด้วยเช่นกัน” ดวงตาของสเตฟานเปลี่ยนเป็นดวงตาของคนที่อยู่ในห้วงของความรัก ผิวหน้าสีขาวอมชมพู เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ ก้มหน้าลงจิบชอคโกแลตร้อนช้าๆ
“ฝันก็ยังเป็นฝันอยู่ดี” รังสรรค์ถอนหายใจเบาๆ
สเตฟานได้ยินแว่วๆ จึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ดวงตาจึงได้ประสานกับดวงตาสีเข้ม คู่ที่มองมาอย่างมีความหมาย จึงได้แต่ยิ้มน้อยๆให้ด้วยความเป็นมิตร
“กุหลาบสีขาว” รังสรรค์พูดแล้วก็หยิบดอกกุหลาบสีขาวในแจกันดอกไม้ออกมา
“ถึงจะไม่เหมาะกับคุณเหมือนกุหลาบสีชมพู ผมก็ยังอยากให้คุณรับไว้” พูดพลางยื่นกุหลาบในมือให้สเตฟาน
“กุหลาบสีขาว ... ความรักที่บริสุทธิ์” สเตฟานยิ้มให้
“เหมือนความรักของเพื่อน ที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน” พูดแล้วก็ยื่นมือที่สวมถุงมืออยู่ไปรับดอกกุหลาบไว้
“ขอบคุณนะครับ ผมจะรักษามันไว้ให้ดี”
รังสรรค์มองดูรอยยิ้มของคนที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ยากที่จะตัดใจ แต่กาลเวลาคงจะทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปได้
“ผมมีตั๋วคอนเสริทที่ศูนย์วัฒนธรรม พี่ๆสนใจม๊ะ” กรกฏพูดแล้วก็ส่งตั๋วให้ทุกคน คนละใบ
“โห วงนี้เล่นดีนี่นา” ภูริทัตพูดเสียงดัง เมื่อเห็นชื่อวงกับโปรแกรมการแสดง
“อย่างนี้พลาดได้ไง”
“นั่นดิ เอาเป็นว่าคืนนี้พวกเราไปดูด้วยกันนะพี่” น้ำเสียงของกรกฏร่าเริงขึ้นมาทันที
“เสียดาย น่าจะมีอีกใบ” รังสรรค์พูดเบาๆ
“ทำไมเหรอ” ปรีชาถามด้วยความสนใจ”
“ไม่มีไร” รังสรรค์ทำไม่รู้ไม่ชี้
แล้วทั้งสี่คนก็คุยเรื่องอื่นๆกันต่อ พร้อมกับนัดหมายเพื่อไปหาสถานที่สำหรับอาหารมื้อเย็น ก่อนที่จะไปดูคอนเสริทรอบสองทุ่ม
“เอ๊ะ” ปรีชาอุทานเบาๆ เมื่อมองไปเห็นคนที่เดินเข้าขึ้นไปทางบันไดขึ้นชั้นบนของหอประชุม
“อะไรวะ ดูทำหน้าเข้า ยังกับเห็นผี” ภูริทัตขบขันกับสีหน้าของรังสรรค์
“ก็ไหนนายบอกว่าสเตฟานเค้าอยู่ต่างประเทศไง แต่เมื่อกี้”
“เห็นคนเหมือนอีกเหรอไง” ภูริทัตพูดยิ้มๆ
“อย่าเสียเวลาเลย คอนเสริทจะเริ่มแล้ว เข้าไปนั่งกันดีกว่า”
แล้วทั้งสี่คนก็พากันเดินเข้าไปในห้องประชุม ตลอดช่วงเวลของการแสดงคอนเสรทในครี่งแรก กรกฏก็พยายามชวนภูริทัตคุยถึงเพลงที่กำลังแสดง หรือแสดงจบไปแล้ว แต่กลับโดนภูริทัตดุว่าไม่มีมารยาทในการดูคอนเสริท ทำให้ความดีใจที่จะได้ใกล้ชิดกับคนที่ตนหลงรัก กลายเป็นความไม่พอใจ เมื่อจบครึ่งแรกของการแสดงดนตรี ทั้งสี่ออกมายืนคุยกันอยู่ในบริเวณลอบบี้หน้าห้องประชุม แล้วสายตาของภูริทัตก็สะดุดเข้ากับร่างของคนคนหนึ่ง
ร่างในชุดสูทกำมะหยี่สีเขียวเข้มจนเกือบเป็นสีดำ ดูแวววาวราวปีกแมลงทับ เรือนผมสีทอง ยิ่งทำให้ใบหน้าสีขาวอมชมพูดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตดูสดใส ริมฝีปากสีชมพูเผยอยิ้มน้อยๆ

“สเตฟาน” ภูริทัตเรียกเบาๆแต่เหมือนผู้ที่ยืนอยู่ห่างไปหลายเมตรนั้นจะได้ยิน จึงหันหน้าจากคู่สนทนามาทางเขาและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พี่ทัตจะไปไหน” กรกฎเรียกเมื่อเห็นภูริทัตเดินออกไปจากกลุ่มเมื่อมองตามไปก็เห็นคนที่เป็นจุดหมายของภูริทัต
“อ้อ คุณสเตฟานน่ะเอง เข้าไปหากันเถอะ” รังสรรค์พูดแล้วก็เดินตามภูริทัตโดยมีปรีชาและกรกฏเดินตามไปด้วย


มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 00:40:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 00:03:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
17
พลังน้ำใจ
16667
Zenny
37385
ออนไลน์
1869 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-30 11:42:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-4-2 05:23:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนค๊าฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 11:48:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 01:54 , Processed in 0.168573 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้