ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 685|ตอบกลับ: 5

++ สานฝันนิรันดร ++ # 25

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว


“กรีนอายส์” ทรงศักดิ์ทวนคำพลางจ้องมองดูอัญมณีเม็ดนั้นอย่างครุ่นคิด
“นี่มันเหมือนกับที่คุณท่านให้คุณภูริทัตไปนี่ครับ”
“ใช่ กรีนอายส์ ... ดวงตาสีเขียวมรกต ดวงตาแห่งกรีนอายส์ดวงตาทั้งคู่สื่อถึงกันได้ ทำให้ผมรู้ได้ถึงการกระทำของภูริทัตตราบที่เขายังสวมมันอยู่ และถ้าภูริทัตสามารถฝึกฝนจิตจนถึงระดับหนึ่งเขาก็จะสามารถรับรู้ถึงการระทำของผม ที่สวมใส่กรีนอายส์ชิ้นนี้ไว้ได้เช่นกัน”
“ฝึกจิตเหรอครับ” ทรงศักดิ์หัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน “อย่างคุณภูริทัตคงไม่ไหว”
“อย่าดูถูกความพยายามของมนุษย์ หากเขาตั้งใจ ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะทำได้ แม้แต่คุณเองหรือทรงเดชก็เช่นกัน” สเตฟานพูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ไหวล่ะครับ ผมอายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้จะฝึกไปทำไม” ทรงศักดิ์ส่ายหน้าเบาๆ
สเตฟานยิ้มน้อยๆ จับสายสร้อยให้เข้าไปอยู่ด้านในของเสื้อเชิตเช่นเดิม
“ดวงตาของแวมไพร์ เป็นชาร์มอายส์ ที่มีอำนาจสะกดให้มนุษย์ลุ่มหลง และสามารถบังคับมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากใส่กรีนอายส์ติดตัวไว้ อำนาจของชาร์มอายส์ก็ทำอะไรมนุษย์คนนั้นไม่ได้” สเตฟานอธิบายต่อ
“อ้อ ... คุณท่านถึงได้ให้คุณภูริทัตติดตัวไว้ แต่มันจะไม่กลายเป็นจุดให้สังเกตได้หรอกเหรอครับ”
“ไม่หรอก” สเตฟานยิ้มขัน
“หากมนุษย์ไม่ได้มีความสนใจในแวมไพร์ตนนั้นก่อน ชาร์มอายส์ก็ไม่มีผลเช่นกัน ชาร์มอายส์เพียงแค่กระตุ้นความต้องการที่มีอยู่แล้ว ให้แสดงออกมารุนแรงขึ้นเท่านั้นเอง”
“มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆนะครับ เหมือนกับยาพิษที่มียาแก้ไว้ข่มกัน ว่าแต่กรีนอายส์นี่มันเป็นอะไรกันแน่”
สเตฟานค่อยๆเล่าถึงที่มาของอัญมณีนั้นให้ทรงศักดิ์ได้รับรู้
“ถ้าอย่างนั้นคุณท่าน ...” ทรงศักดิ์ถึงกับอุทานออกมาเมื่อฟังจบ
“ไม่หรอก ยังไม่ถึงเวลาของผม มันคงอีกนานนัก เพราะช่วงเวลาของแวมไพร์ยาวนานกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า ช่วงเวลานั้นที่ว่านานแล้ว แต่ช่วงเวลาของผมยิ่งนานกว่านั้น” แววตาของสเตฟานหม่นลง เพราะความเศร้า
“สำหรับพวกคุณเหล่ามนุษย์ ผมอาจจะเป็นตัวแทนของนิรันดรที่แท้จริง” ใบหน้าของสเตฟานก้มต่ำลง เหมือนจะเหลือบมองไปที่พื้น แต่แววตากลับเหม่อลอย เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตาของเขาเลย
ทรงศักดิ์มองดูทีท่าที่หม่นหมองของสเตฟานแล้วก็ต้องถอนหายใจ ชีวิตเช่นนั้นต้องผ่านอะไรมามากมายขนาดไหน เพียงแค่ ๖๐ กว่าปีของชีวิต เขาต้องพบกับความสุขความเศร้ามามากมาย แล้วชีวิตของคนตรงหน้าเขา ที่ผ่านมายาวนานกว่าไม่รู้กี่เท่า และยังต้องคงอยู่ไปอีกจนไม่สามารถประมาณได้ ทรงศักดิ์แทบไม่อยากคิดเลยจริงๆ
“อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวกับพวกของโจชัวร์” ใบหน้าที่ก้มลงเล็กน้อย เงยขึ้นมาพูดขึ้นอีกครั้ง
“คนที่กำลังตามหาคุณท่านอยู่น่ะเหรอครับ” สเตฟานพยักหน้ารับ
“การเดินทางย้อนดวงอาทิตย์มาที่ฮ่องกงนี้ คงต้องใช้เวลามากกว่าตอนที่พวกนั้นเดินทางไปอังกฤษ นับว่าเป็นโชคดี ที่เขาทำแบบผมไม่ได้ อย่างเร็วก็คงจะเป็นคืนวันพรุ่งนี้ ทางที่ดีคุณย้ายออกจากโรงแรมนี้ซะตั้งแต่พรุ่งนี้เช้า หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น คุณควรกลับเมืองไทย”
“สวัสดีครับ”
“คุณทัตครับ ผมให้เวลาคุณยี่สิบ ... ไม่สิ ... สิบห้านาทีพอ สำหรับการแต่งตัว แล้วรีบลงมาขึ้นรถนะครับ ผมรออยู่หน้าบ้าน” เสียงคุ้นหูดังมาจากหูฟังบลูธูท
“ใครน่ะ”
“ผมทรงเดชเองครับ”
“ทรงเดช ... คุณอยู่หน้าบ้านผมเหรอ” ภูริทัตเดินไปที่หน้าต่างของห้องรับแขก ภายในบ้านชั้นเดียวของตนเอง มองเห็นรถสปอร์ตคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูรั้ว
“คุณมาทำไม แล้วจะให้ผมไปไหนกับคุณ”
“ถ้าให้ผมตอบทีละคำถาม สงสัยเวลาคงต้องลดลงนะครับ ผมตอบสั้นๆประโยคเดียวแล้วกัน คุณสเตฟานรออยู่ จะไปมั๊ยครับ”
“สเตฟาน ... สานฝัน” ชายหนุ่มหันหน้าไปมองนาฬิกา ที่แขวนอยู่บนผนังบ้าน
“นี่มันสิบโมงเช้า คุณจะมาล้ออะไรผมเล่น ตามมาแกล้งผมถึงบ้านแบบนี้ คุณคิดอะไรกันแน่” ภูริทัตพูดด้วยความโมโห
“คุณภูริทัตคร๊าบ ...” ทรงเดชลากเสียงยาว
“ถ้าผมล้อคุณเล่นแบบนี้ แล้วคุณปู่ หรือคุณท่านรู้เข้า คงไม่ปล่อยผมไว้หรอก เอางี้ ถ้าคุณไปแล้วไม่เจอคุณสเตฟาน คุณค่อยเล่นงานผม แต่ถ้าคุณไม่ไป หึ หึ หึ”
“ทำไม ถ้าไม่ไปแล้วจะเป็นยังไง”
“ถ้าคุณไม่ไป ผมก็จะเที่ยวกับคุณสเตฟานแทนดีมั๊ยครับ หรือไม่งั้น ผมไปรับคุณรังสรรค์กับพรรคพวกให้ไปพร้อมๆกัน ท่าทางจะดีเหมือนกัน”
“นาย...”
“เอาเวลาที่จะโมโหรีบไปแต่งตัวดีกว่าครับ ยิ่งช้า ยิ่งมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลงนะครับผม” พูดจบทรงเดชก็วางสายไป
ภูริทัตยืนงงอยู่สักพัก ก็รีบเปลี่ยนชุด จากเสื้อยืดกางเกงขาสั้นซึ่งเป็นชุดลำลองสบายๆ ในยามที่เขาอยู่บ้านเป็นปรกติ มาเป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืดโปโลแขนสั้นสีฟ้าสดใส ปิดประตูหน้าต่าง แล้วออกจากบ้าน ทรงเดชที่ยืนอยู่ข้างรถก็ทำท่าชี้ชวนให้เขาขึ้นรถ ภูริทัตนั่งรถไปด้วยความสงสัย และรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มที่เหมือนกับขบขันของทรงเดช
“คุณหัวเราะอะไร” ภูริทัตถามโพล่งออกไป เมื่อทนไม่ไหว
“หัวเราะคุณนั่นแหละ” ทรงเดชตอบ แล้วหัวเราะมากขึ้น
“ไปหาคนรักทั้งที ทำหน้าตาแบบนี้ น่าขันจะตาย”
“คุณกำลังหัวเราะเยาะผม ... ผมมีอะไรให้คุณขบขันนัก”
“จะไม่ให้ผมขำได้ยังไง จู่ๆคุณมาหึงผมกับคุณสเตฟาน ... มันน่าขำจะตาย แล้วผมคิดว่าไม่ใช่มีแต่ผมที่โดนแบบนี้ คุณรังสรรค์ก็คงโดนบ้างเหมือกัน แต่พวกคุณเป็นเพื่อนกัน คงจะเคลียร์กันง่ายกว่าผม ซึ่งเป็นคนที่คุณเพิ่งจะรู้จัก”
“แล้วทำไมคุณต้องทำตัวสนิทสนมกับสานฝันนัก”
“คุณภูริทัตคร๊าบ” ทรงเดชลากเสียงยาวแบบที่ชอบทำบ่อยๆ
“ต่อไปผมต้องทำงานดับคุณสเตฟานนะครับ มันก็ต้องมีการพบปะกันบ้าง แล้วคุณต้องยอมรับนะว่า อัธยาศัยของคุณสเตฟานน่ะ อ่อนโยน เป็นมิตร ดูอบอุ่น ใครได้รู้จักก็อดนึกชอบไม่ได้”
ทรงศักดิ์เหลือบสายตามองดูภูริทัติ เห็นว่ากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็อดขำขึ้นมาอีกไม่ได้
“แต่คุณวางใจผมได้ ถึงผมจะยังไม่มีคนรัก ผมก็ชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยกัน แล้วถึงแม้ว่าต่อไปผมจะเกิดเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายด้วยกัน ผมคงไม่คิดชอบคุณสเตฟานหรอก”
“ทำไม เค้าไม่ดีตรงไหน” ภูริทัตถามโพล่งออกไป ทำให้ทรงเดชหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ตรงที่คุณสเตฟานเค้าชอบคุณมั๊ง คุณรู้มั๊ย คุณปู่ผมบอกว่ายังไม่เคยเห็นคุณสเตฟานมีความรักเลย คุณปู่ยังบอกอีกว่า คุณสเตฟานน่ะรักคุณมานานแล้วด้วย” ทรงเดชหยุดพูด เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป
“คุณหมายความว่ายังไง ที่ว่ารักมานานแล้ว พวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อธันวาคมปีที่แล้วเองนะ” ภูริทัตขมวดคิ้วสงสัย
“นั่นแหละครับ ผมหมายถึงตอนนั้นแหละ” ทรงเดชอ้อมแอ้มตอบไป แล้วไม่พูดอะไรต่ออีกเลย
บทที่ ๒๙
ภูริทัตนั่งอยู่ในรถที่ขับเข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ เหมือนเป็นทางลัด จนมาถึงรั้วบ้านที่ค่อนข้างเก่า แต่ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย หลังคาบ้านโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ทำให้พอจะเดาออกว่า ภายในจะมีต้นไม้แน่นขนัดขนาดไหน แล้วก็เป็นดังคิด เมื่อรถแล่นเข้าไปในประตูบ้านที่เปิดกว้าง ราวกับเตรียมการต้อนรับไว้แล้ว ตัวบ้านไม้ขนาดใหญ่ ดูร่มเย็นภายใต้เงาไม้ใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่สองฟากข้าง ท้องฟ้าที่มีเมฆมาก จนเหลือเพียงแสงแดดอ่อนๆ ทำให้บริเวณภายในรั้วบ้านแห่งนี้ ดูร่มรื่นยิ่งนัก แล้วรถสปอร์ตคันงามก็ค่อยๆจอดลงหน้าบ้านไม้ทรงยุโรปสองชั้นขนาดย่อม ยกพื้นเล็กน้อยเหมือนบ้านสมัยเก่า
“บ้านใครน่ะ” ภูริทัตภามเมื่อลงมาจากรถ พลางมองดูอย่างชื่นชม มุขหน้าของบ้านโค้งเป็นครึ่งวงกลม แล้วแยกออกเป็นปีกซ้ายขวาอย่างลงตัว
“เดิมเป็นบ้านของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง แต่ตอนหลังนำออกมาขาย คุณสเตฟานเลยซื้อเอาไว้” ทรงเดชตอบพลางเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายของบ้าน
“มาทางนี้ครับ”
ภูริทัตเดินตามทรงเดชไป ก็พบกับซุ้มทางเดิน เป็นทางปูด้วยอิฐสารพัดสี ดูลานตา ด้านบนเป็นโครงไม้สานกันคล้ายตาข่าย ให้เถาวัลย์เกาะเกี่ยวจนเป็นเหมือนหลังคาของทางเดิน
“อย่าส่งเสียงดังนะครับ เดี๋ยวจะตกใจ” ทรงเดชหันมาพูดเบาๆ แล้วเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง ทำให้ภูริทัตพลอยระวังไปด้วย ระหว่างที่เดินเหมือนจะได้ยินเสียงเหมือนนกร้องอยู่เป็นระยะๆ
เมื่อเดินพ้นซุ้มเถาวัลย์ออกมา ก็มองเห็นลานกว้าง แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ กิ่งก้านของต้นไม้ที่สูงลิ่ว ซ้อนทับกันจนคล้ายหลังคามหึมา จนทำให้แสงแดดแทบไม่อาจลอดผ่านเข้ามาได้ แต่ก็ยังสว่างมาพอที่จะเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน กลางลานกว้างมีขาตั้งสำหรับวาดภาพวางอยู่ เฟรมที่มีกระดาษขนาดใหญ่ มีคนกำลังระบายสีลงไปอย่างตั้งใจ ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่มีพนัก ใส่เสื้อสีเขียวใบไม้ กางเกงสีน้ำตาลเปลือกไม้ ดูกลมกลืนไปกับหมู่ไม้รอบข้าง ผมสีทองสะท้อนเป็นเงา เพียงมองจากด้านหลัง ภูริทัตก็รู้ว่าเป็นใคร ความเงียบสงบท่ามกลางหมู่ไม้ มีเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกันแผ่วๆ เสียงนกร้องอยู่แว่วๆ ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด ภูริทัตมองหาทรงเดชอีกครั้ง ก็พบว่าไม่อยู่เสียแล้ว ก่อนที่เขาจะส่งเสียงอะไรออกไป คนบนเก้าอี้ก็หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง แล้วเดินเข้าไปหา
“วันนี้อากาศดีนะครับ” สเตฟานพูดทักทาย พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ครับ” ภูริทัตตอบสั้นๆ วางมือลงไปบนไหล่ของอีกฝ่าย แนบจมูกลงไปบนเรือนผมนุ่มราวกับเส้นไหม สูดได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับกลิ่นของทุ่งหญ้าหลังฝนตก
“หอมจัง คุณใช้แชมพูอะไรเนี่ย”
“คุณก็หอมเหมือนกัน ใช้สบู่อะไรครับ” เสียงถามปนด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อสเตฟานจุมพิศไปบนคางมนของภูริทัต
ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ส่งประกายแวววับ จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกต ไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางความรู้สึกที่ส่งถึงกันของคนทั้งสอง นอกจากเสียงของธรรมชาติรอบๆตัว
“มาเห็นคุณตอนกลางวันแบบนี้ คุณดูงามราวกับรูปสลัก ทำไมผมถึงได้โชคดีแบบนี้ ที่ได้เป็นเจ้าของคุณ”
ภูริทัตเอ่ยเบาๆราวเสียงกระซิบ ยกมือขึ้นใช้ปลายนิ้วไล้แผ่วๆไปบนแก้มเนียนนุ่ม ผิวสีขาวอมชมพูที่เขาเคยเห็นแต่เพียงในแสงไฟยามค่ำคืน ตอนนี้กลับเป็นผิวที่ขาวใส เกลี้ยงเกลาราวเนื้อหินอ่อน สีชมพูของเลือดฝาดราวกับจะเปล่งประกายอยู่ภายใน ริมฝีปากสีชมพูดูเต่งตึงราวผิวของกลีบกุหลาบแรกแย้ม จนภูริทัตอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมไอดังขึ้นราวกับตั้งใจจะขัดจังหวะ ภูริทัตหันไปมองก็เห็นรอยยิ้มที่เหมือนจะล้อเลียนของทรงเดช
“จวนเที่ยงแล้ว ผมว่าเราทานอะไรกันเลยดีมั๊ยครับ ผมให้คนเตรียมไว้แล้ว กำลังยกมา”
ไม่ทันขาดคำ ก็มีคนเดินออกมาจากประตูบ้าน ที่มีฉากกั้นเป็นแผงไม้ไผ่ เกาะเกี่ยวไปด้วยไม้เลื้อย ชายหญิงวัยกลางคนหอบข้าวของเดินตรงเข้ามายังลานกว้าง ชายกลางคนปูเสื่อผืนใหญ่ลงบนพื้นหญ้า แล้วเดินกลับเข้าไป หญิงกลางคนจัดวางกล่องอาหารหลายใบลงบนเสื่อ แล้วจัดจาน ช้อน ช้อนส้อม แก้วไวน์ แก้วน้ำ ๓ชุด แยกเป็นสามมุม เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน สักพักทั้งสองคนก็ออกมา พร้อมกับช่วยกันยกลังโฟมขนาดใหญ่พอสมควรออกมาด้วย ทั้งสองวางลังโฟมนั้นลงบนพื้นหญ้าใกล้ๆเสื้อ เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งยิ้มให้สเตฟานและภูริทัต ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง
“ทำยังกับมาปิคนิคแน่ะครับ” ภูริทัตพูดอย่างอารมณ์ดี


“ถูกใจมั๊ยครับ” ทรงเดชตอบแล้วถอดรองเท้านั่งลงไปที่มุมหนึ่งของเสื่อใกล้ๆกับลังโฟม
สเตฟานชักชวนให้ภูริทัตนั่งลงบ้าง แล้วช่วยกันเปิดกล่องอาหารกลิ่นของข้าวผัด หมูและปลาชุบแป้งทอด ไก่ย่าง ไส้กรอกและเบคอนทอดส่งกลิ่นหอมออกมาทันที ทั้งสามคนต่างชวนกันกินอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อยถึงแม้ทรงเดชจะพูดจาหยอกล้ออะไรออกมาบ้าง ตอนนี้ภูริทัตก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนคนนี้ไม่มีเจตนาลึกล้ำอันใดแอบแฝงเลย นอกจากความรักสนุกตามภาษาคนอารมณ์ดีเท่านั้นเองอาหารกลางวันมื้อนั้น ทั้งภูริทัตและทรงศักดิ์เอง ต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อยแต่สเตฟานกินข้าวผัดไปเพียงไม่กี่คำ และของอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 01:22:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 00:27:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
โพสต์ 2018-5-2 07:08:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
19666
Zenny
3767
ออนไลน์
2517 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-5-7 16:45:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 12:19:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-28 19:12 , Processed in 0.077466 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้