ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 634|ตอบกลับ: 3

++ สานฝันนิรันดร ++ # 28

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

“สเตฟานจากไปอย่างรวดเร็วเกินไปและเงียบเกินไป ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้า หรือการเคลื่อนไหวแล้วน่าแปลกที่พวกเจ้าถูกสะกดไว้ได้”
“หรือว่า สเตฟานใช้ชาร์มอายส์กับพวกเรา” ไลล่าออกความเห็น
“เป็นไปไม่ได้ ชาร์มอายส์มีผลกับมนุษย์เท่านั้นใช้กับแวมไพร์ด้วยกันเองไม่ได้” ไป่เทียนไม่เห็นด้วย “แล้วถึงสเตฟานจะเป็นแวมไพร์ก่อนหน้าพวกเราหลายร้อยปีก็ไม่น่าจะมีอำนาจมากพอจะสะกดพวกเราไว้ได้”

“แต่ที่ข้าเห็น สเตฟานสะกดพวกเจ้าไว้ได้จริงๆ” โจชัวร์พูดพลางคำรามในลำคอ
“ทำไมมันถึงได้มีอำนาจเพิ่มขึ้นถึงขนาดนี้ได้ ข้าไม่น่าหยุดมือเลยเมื่อตอนที่สเตฟานขู่ข้าไม่ให้เข้าใกล้ อย่างน้อยตอนนั้น ข้าก็คงได้รู้ว่า มันมีพลังทำอะไรได้อีกบ้าง และคงจะพอคาดเดาถึงที่มาของพลังนั้นได้”
ไลล่า และไป่เทียนหันมองหน้ากัน แล้วหันไปมองโจชัวร์ที่หันกลับไปมองน้ำพุอย่างเหม่อลอย
“สเตฟาน เจ้าดูงามขึ้นมาก” โจชัวร์พึมพำเบาๆ
“ข้าต้องเอาเจ้ากลับมาอยู่ข้างกายข้าให้ได้"
สเตฟานยืนอยู่ข้างเตียง มองดูใบหน้าที่กำลังหลับไหลของชายหนุ่มด้วยความรัก สักพักก็นั่งลงบนขอบเตียง ยื่นมือปัดปอยผมบริเวณทัดดอกไม้ อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปจุมพิศเบาๆที่หน้าผากเนียนนั้น แล้วถอนใบหน้าออกมามองดูคิ้วที่ดกหนา ดวงตาที่ปิดสนิท เสียงลมหายใจแผ่วเบาจากคนที่กำลังหลับไหลอยู่
“ภูริทัต ... เด็กน้อย ... ดวงใจของผม” สเตฟานพูดเสียงแผ่วเบา
“ผมไม่ยอมให้เค้ามาทำร้ายคุณได้เด็ดขาด ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าเขาทำร้ายคุณ ผมจะปกป้องคุณให้ได้ ถึงแม้จะต้องใช้พลังเพื่อการทำลายก็ตามที”
ภูริทัตลืมตาขึ้นมา เพราะรู้สึกเหมือนมีคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟตรงหัวเตียง มองไปรอบๆห้อง ก็ไม่เห็นอะไร จึงปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งหนึ่ง
บทที่ ๓๒
“จัดของเรียบร้อยกันรึยังวะ” ปรีชาถามเพื่อนๆระหว่างที่กินข้าวกลางวันด้วยกันอยู่
“เรียบร้อยแล้วพี่ พรุ่งนี้เช้าก็หิ้วกระเป๋ามาได้เลย” กรกฏตอบด้วยรอยยิ้ม เพราะมีจุดมุ่งหมายในการเดินทางวันพรุ่งนี้
“เราก็เรียบร้อยแล้ว งานนี้ไม่พลาดหรอก” ปรีชาพูดแล้วกันไปมองกรกฏด้วยดวงตาแวววาว
“จัดของไปไหนวะ” ภูริทัตถามงงๆ
“อ้าว ก็ไปเที่ยวของบริษัทไง อย่าบอกนะว่าเอ็งลืม” ปรีชาตอบ
“อาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอวะ” ภูริทัตถามอีก
“พรุ่งนี้ตะหากล่ะเว๊ย” ปรีชาพูดแล้วหัวเราะ
“หมู่นี้ขี้ลืมจริงนะ ใกล้วันหยุดทีก็ใจจดใจจ่ออยู่เรื่องเดียว”
“แล้วนี่เอ็งนัดอะไรกับสเตฟานเค้าไว้รึเปล่าล่ะ สงสัยต้องโทรไปเลื่อนนัดซะแล้ว ถ้าพรุ่งนี้เอ็งไม่ไป หัวหน้าเอาตาย เพราะจ่ายค่าที่พักไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว” รังสรรค์พูดอย่างห่วงใย
“เออ .. ยังไม่ได้นัดอะไรกันเลย ข้าวของจัดเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ จะมีอะไรมากวะ แค่หยิบๆใส่กระเป๋า” ภูริทัตพูดอย่างไม่ค่อยสนใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าสเตฟานรู้จะเกิดปฏิกิริยาอย่างไร แต่ก็ไม่แน่นัก สัปดาห์นี้อาจจะมีเรื่องที่ทำให้สเตฟานต้องไปที่อื่นอีกก็เป็นได้
แล้วชายหนุ่มก็หมดความกังวล เมื่อคืนนั้นสเตฟานโทรศัพท์มาหาเขาที่บ้าน
“ก็ดีน่ะสิครับ ตั้งแต่เรา ... เอ้อ ... คบหากัน คุณก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆน้อยลง” เสียงทุ้มนุ่ม บอกด้วยน้ำเสียงสดใส
“แต่ผมก็อยากเจอคุณด้วยนี่” ภูริทัตพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ราวจะออดอ้อน แล้วก็มีเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากปลายสาย
“ถ้าอย่างนั้น ผมไปเจอคุณที่นั่นดีมั๊ยครับ”
“จริงรึเปล่า ถ้าได้ก็วิเศษเลย” ภูริทัตยิ้มจนแก้มแทบปริ
“ถ้าอย่างนั้น ผมตามไปเจอกันดีมั๊ยครับ ว่าแต่ที่บริษัทคุณจัดไปเที่ยวที่ไหนกัน”
ภูริทัตรีบบอกสถานที่ให้สเตฟานรู้ พร้อมกับบอกหมายเลขห้องพักของตัวเองไปด้วย
“แล้วคุณจะไปถึงตอนไหน”
“อืม ... คงจะดึกๆหน่อย เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปถึงแล้วจะโทรเข้าไปในห้องพัก หรือไม่ก็โทรศัพท์มือถือของคุณนะครับ”
รถบัสขนาดใหญ่จำนวน ๓ คัน แล่นออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังภาคตะวันออก ตั้งแต่ตอนเที่ยงครึ่ง เกือบๆบ่ายสามโมง จึงถึงโรงแรมริมทะเลที่เป็นจุดหมาย พนักงานที่มาพักผ่อนร่วมกัน ตามโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของพนักงานในบริษัท และถือเป็นรางวัลพิเศษจากการทำงานกันมาตลอดปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากเงินโบนัส ซึ่งได้มากน้อยต่างกันไปตามผลงาน
กลุ่มคนที่จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ต่างแยกย้ายไปตามห้องพักซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ เมื่อจัดเตียงเสริมแล้ว ก็สามารถนอนได้ถึงห้องละ ๔ คนอย่างสบาย โดยไม่อึดอัด แต่สิ่งที่สร้างความอึดอึดให้กับบางคน อาจจะเป็นเพื่อนพนักงานด้วยกัน แต่เป็นคนที่ตนไม่ประสงค์จะอยู่ร่วมห้องด้วย เช่นภูริทัต ที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าต้องพักห้องเดียวกับกรกฏ ถึงแม้จะมีปรีชาและรังสรรค์ร่วมพักอยู่ด้วยก็ตาม
พักผ่อนกันตามสมควร ก็มีการสัมนากันเล็กน้อย ตามด้วยอาหารค่ำแบบบุฟเฟห์ พนักงานทุกระดับต่างก็พอใจกันทั่วหน้า แต่รังสรรค์ก็สังเกตได้ว่าเพื่อนของเขาดูเหมือนจะมีเรื่องกังวล เพราะมองดูนาฬิกาข้อมืออยู่บ่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนในยามค่ำ
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าวะ” รังสรรค์ถามพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เช็ดเส้นผมที่เปียกอยู่
“นั่นดิ เห็นมองแต่นาฬิกากับโทรศัพท์” ปรีชายื่นหน้าเข้ามาถามบ้าง เขาอาบน้ำแต่งตัวเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กรกฏกำลังใช้ห้องน้ำอยู่
“รอคนอยู่หว่ะ” ภูริทัตตอบเสียงเอื่อยๆ
“รอใครวะ” ปรีชาถามพลางจ้องหน้า
กิ๊ง...ก่อง....
ก่อนที่จะมีคำตอบจากภูริทัต เสียงกริ่งก็ดังขึ้น ภูริทัตทะลึ่งตัวจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ตรงไปเปิดประตู แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบกับคนที่คาดไม่ถึง
“อ้าว คุณทรงเดช มาได้ยังไงน่ะ” รังสรรค์ ที่เดินตามภูริทัตมา ถามด้วยความสงสัย
“มาตามเสียงเรียกของหัวใจมั๊งครับ” ทรงเดชตอบด้วยรอยยิ้มกวนๆ ทำเอาภูริทัตและรังสรรค์งงไปทั้งคู่
“ผมล้อเล่นน่ะครับ ว่าแต่ว่าหัวใจพวกคุณกำลังเรียกหาใครอยู่รึเปล่าครับ” พูดแล้วก็กลั้นหัวเราะจนหน้าแดง เพราะใบหน้าเอ๋อๆของชายหนุ่มทั้งสอง
“เสียงหัวใจของผมสื่อถึงคุณได้เหรอครับเนี่ย” รังสรรค์ที่เริ่มจะจับเค้าอะไรได้ ถามด้วยสายตาแวววาว ทำเอาทรงเดชยิ้มแห้งๆ
“แหะๆ ผมล้อเล่นน่ะครับ ความจริงผมมารับคุณภูริทัตน่ะครับ คุณท่านรออยู่”
“สานฝันมาแล้วเหรอ” ภูริทัตยิ้มขึ้นมาทันที
“ครับ พักอยู่ในห้องพักอีกตึกนึง ผมมาเผื่อคุณภูริทัตจะให้ช่วยถือของ”
“ของอะไร” ภูริทัตขมวดคิ้ว
“ก็เผื่อคุณจะย้ายไปพักห้องเดียวกับคุณสเตฟานเลยไงครับ”
ภูริทัตหมุนตัวเดินไปเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าทันที รังสรรค์กับทรงเดชสบตา แล้วยิ้มให้กัน เหมือนจะมีความรู้สึกตรงกันว่า การแสดงออกของภูริทัตนั้นช่างน่าขันเสียจริง
“พี่ทัตไปไหนแล้วล่ะ” กรกฏถามขึ้นเมื่อมองไปรอบๆห้องแล้วไม่พบภูริทัต
“ย้ายไปนอนห้องอื่นแล้ว” รังสรรค์ตอบโดยที่สายตายังมองอยู่ที่จอโทรทัศน์
“ห้องไหน” กรกฎสวนคำขึ้นมาทันที อย่างไม่ค่อยพอใจ
“ออกไปหาก็ไม่เจอหรอกนะ เพราะเค้าย้ายไปโรงแรมอื่นแล้ว” ปรีชาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนุ่ม หันมาบอกกรกฏ
“พี่ยึดเตียงซะเลย เดี๋ยวปูมานอนบนเตียงกับพี่ก็ได้นะ”
กรกฏเหลือบมองดูรังสรรค์ ก็เห็นนั่งดูโทรทัศน์นิ่งอยู่บนเก้าอี้ เกิดความรู้สึกไม่พอใจทั้งภูริทัต และรังสรรค์ จึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆปรีชา
“ไง หน้าระรื่นมาเชียวนะ ไอ้เสือ” รังสรรค์ทักทายภูริทัตที่เข้ามานั่งลงบนโต๊ะ พร้อมกับจานอาหารเช้าแบบอเมริกันบุฟเฟห์
“พี่ทัตไปนอนที่ไหนมา” กรกฏถามขึ้นทันที
“แล้วจะถามมั๊ยว่าไปนอนกับใคร” ภูริทัตตอบแล้วยิ้มที่มุมปาก พลางใช้มีดตัดเบคอนทอดเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วใช้ช้อนส้อมจิ้มส่งเข้าปาก
หลังอาหารเช้าแล้วก็มีการสัมนากันจนถึงเวลาอาหารเที่ยง หลังจากนั้นทางบริษัทก็พาพนักงานไปยังหาดทรายอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อให้พนักงานได้เล่นน้ำทะเลกัน จนถึงเวลาบ่ายแก่ๆ จึงพาพนักงานกลับมาโรงแรมที่พัก เพื่อแยกย้ายกันพักผ่อนก่อนเวลาอาหารค่ำ
“เดี๋ยวเย็นนี้คุณไปกินข้าวเย็นกับผมนะ” ภูริทัตพูดแล้วก็ซุกจมูกลงบนไหล่เปลือย ของคนที่ตนนอนกอดอยู่ทางด้านหลัง
“จะดีเหรอครับ ผมไม่ใช่พนักงานในบริษัท คงจะไม่ดีหรอก” เสียงตอบพร้อมกับเสียงครางแผ่วเบา เพราะมือทั้งสองของภูริทัตลูบไล้ไปทั่ว
“พูดยังกับว่าคุณกินเยอะนักนี่ ไปเหอะ ผมบอกหัวหน้าไว้แล้ว” ภูริทัตพลิกร่างของสเตฟานให้นอนหงาย แล้วฝังจมูกไปที่ซอกคอของอีกฝ่าย
“อื้อ” พูดได้เพียงเท่านั้น ก็ถูกริมฝีปากของภูริทัตประกบ พร้อมกับบดขยี้จูบอย่างเร่าร้อน
ทั้งสองค่อยๆมอบความสุขให้แก่กันอย่างไม่เร่งร้อน แต่ไม่นานภูริทัตก็เริ่มรุกรานอย่างหนักหน่วง ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่เหมือนทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจกับท่าทางเหมือนจะอดกลั้นความรู้สึกไว้ ไม่แสดงออกมาอย่างเต็มที่ของสเตฟาน แต่เขารู้แล้วว่า เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปรกติ และสเตฟานจะเสียใจอย่างมาก ถ้าเขาไม่มีความสุข ชายหนุ่มจึงไม่เคยยับยั้งตนเองไว้เลย เพราะทุกครั้งที่เขาถึงจุดหมายของความสุข สีหน้าของสเตฟานก็ดูจะอิ่มเอมไปกับเขาด้วย สัมผัสที่ลูบไล้อย่างอ่อนโยน หลังการแสดงความรักผ่านพ้นไป ยิ่งทำให้รู้ว่า อีกฝ่ายรักเขาเพียงใด เขาจึงไม่เคยสงสัยอีกเลยว่า ทำไมบางครั้งสเตฟานถึงต้องทำแบบนี้ และบางครั้งสเตฟานกลับปลดปล่อยอารมณ์ ร่วมกับเขาอย่างที่มันควรจะเป็น ถึงจะไม่บ่อยนัก แต่เมื่อไรที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าความสุขที่ได้รับ มีมากเป็นทวีคูณ
“ทำไมเหลือที่นั่งไว้ตั้ง ๒ ที่” กรกฏตั้งข้อสังเกต
“ก็ไว้ให้เจ้าทัตไง” รังสรรค์ตอบ
“แล้วอีกที่ล่ะ” กรกฏยังถามต่ออีก
“เดี๋ยวก็รู้ นั่นไงมากันแล้ว” รังสรรค์พยักเพยิดไปทางประตูเข้าห้องอาหาร
ภูริทัตเดินเข้ามา พร้อมกับชายหนุ่มชาวต่างชาติที่กรกฏรู้จักดี
“สเตฟานอีกแล้วเหรอ ตามกันมาถึงนี่เชียวนะ” กรกฏพึมพำอย่างไม่พอใจ
กรกฏจ้องมองดูร่างเพรียวในชุดกางเกงสแลคสีน้ำตาลไหม้ กับเสื้อยืดโปโลสีเขียวใบไม้ ด้วยความอิจฉา โทนสีเข้มของเครื่องแต่งกาย เหมือนจะยิ่งขับผิวขาวอมชมพูนั้น ให้ดูสะอาดตามากขึ้น แววริษยาเพิ่มมากขึ้น เมื่อเห็นคนที่นั่งกันอยู่ในโต๊ะที่ตนนั่ง และโต๊ะอื่นๆ หันไปมองคนทั้งสองด้วยความชื่นชม และมีเสียงแว่วๆชมเชยถึงรูปร่างหน้าตา และบุคลิกของคนที่เดินเคียงข้างภูริทัต
“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลย” รังสรรค์ทักทายขึ้นทันที ที่ภูริทัตและสเตฟานนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
“สวัสดีครับ คุณรังสรรค์ คุณปรีชา คุณกรกฏ” สเตฟานทักทายคนท่ารู้จัก ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนอื่นๆบนโต๊ะอาหาร
“นี่มันงานเลี้ยงของคนในบริษัท คนนอกนึกยังไงถึงได้เข้ามานั่งกับเค้าด้วย” กรกฎพูดเสียงดังพอสมควร
ภูริทัตขยับตัวจะพูด แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อสเตฟานลุกขึ้นยืน
“ผมเพียงแต่มาทักทายเพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้นแหละครับ เมื่อได้พบแล้ว ผมก็ต้องขอตัว”
ภูริทัตยืนขึ้นจับมือสเตฟานไว้ ยื้อไม่ให้เดินออกไป สเตฟานยิ้มน้อยๆให้ชายหนุ่ม แล้วก้มลงกระซิบบอกอะไรบางอย่างด้วยเสียงแผ่วเบา ภูริทัตขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สเตฟานบอก

“เชื่อผมนะ” สเตฟานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ภูริทัตคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้ายอารับในสิ่งที่สเตฟานกระซิบบอกสเตฟานจึงดึงมือของตัวเองออกมา แล้วเดินตรงไปยังประตูทางออกอย่างรวดเร็ว

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 01:52:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 00:43:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 12:34:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 01:55 , Processed in 0.081846 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้