ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 622|ตอบกลับ: 4

++ สานฝันนิรันดร ++ # 39

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

บทที่ ๔๔
“ไม่~~~~~~~~~~~~~” ภูริทัตตะโกนเสียงดัง
“อะไรของเอ็งวะไอ้ทัต” ปรีชาหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่บนเบาะส่วนหลังของรถยนต์
“นั่นดิ เป็นอะไรวะ ฝันกลางวันรึไง” รังสรรค์มองผ่านกระจกมองหลัง ไปยังเพื่อนที่นั่งหลับมาตลอด ตั้งแต่ขับรถออกมาจากร้านอาหารแล้วจู่ๆก็ตื่นขึ้นมา แล้วส่งเสียงร้องดังลั่นรถ
“กู...เหมือนกูจะฝันร้ายหว่ะ” ภูริทัตตอบพร้อมกับหอบหายใจ ท่าทางตื่นตระหนก
“ฝันว่าอะไรวะ” ปรีชาถามด้วยความอยากรู้
“ฝันว่าพวกชะนีไล่ปล้ำเอ็งเหรอไง” พูดจบก็หันไปหัวเราะกับรังสรรค์
“กูจำไม่ได้เว๊ย” ภูริทัตยกมือขึ้นตบท้ายทอยเบาๆ
“แต่รู้สึกมันจะน่ากลัวมาก”
“เออ ... เออ เอ็งเคยเล่าหลายครั้งแล้ว” รังสรรค์มองดูรถที่ค่อยๆแล่นไหลไปอย่างช้าๆ เพราะการจารจรที่ติดขัด ถึงแม้จะเริ่มค่ำแล้ว
แต่ถนนสายนี้ในช่วงเย็นวันศุกร์ ก็ยังมีรถมากมายอยู่ดี
ภูริทัตมองออกไปนอกรถ ตัวอาคารและต้นไม้ใหญ่ริมถนน ถูกตกแต่งประดับด้วยหลอดไฟหลากสี และเครื่องประดับหลายอย่าง ให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลของชาวคริสต์ ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน
“เปลี่ยนที่ได้มั๊ยวะ” ภูริทัตพูดขึ้น
“อ้าว ไม่ไปลานเบียร์แล้วจะไปไหนล่ะ” รังสรรค์ถาม
“อยากไปนั่งที่เงียบๆหว่ะ ฟังเพลงเบาๆ ... ไปที่เดิมกันมั๊ย” ภูริทัตพูดโดยที่ยังมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เออ ก็ดีเหมือนกันนะ วันศุกร์แบบนี้ลานเบียร์คงหาที่นั่งยาก” ปรีชาทำท่าเห็นด้วย
รังสรรค์หัวเราะในลำคอ ไม่พูดอะไร แต่หักพวกมาลัยพารถเปลี่ยนเลนไปยังเส้นทางที่ต้องการ
“สวัสดีครับ ไหนว่าวันนี้จะไปลานเบียร์กันไงครับ” ทรงเดชเดินเข้าไปส่งเสียงทักทายชายหนุ่มทั้งสาม ที่กำลังนั่งรอเครื่องดื่มที่สั่งไว้
“ก็ว่าจะไปอยู่แหละครับ แต่เจ้านี้มันเปลี่ยนใจ” รังสรรค์พูดพลางชี้มือไปที่ภูริทัต
“อยากนั่งสบายๆ แล้วก็ฟังเพลงเบาๆน่ะครับ” ภูริทัตตอบยิ้มๆ แต่สอดส่ายสายตาไปรอบๆ อย่างช้าๆ
“คุณทัตมองหาใครเหรอครับ” ทรงเดชถาม
“เอ้อ...เปล่าครับ” ภูริทัตอึกอัก
“บอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมจะได้เจอใครซักคน... ที่นี่”
“โหย ... ถ้าจะเจอนะ นายเจอนานแล้ว ไม่ต้องมามองหาตั้งหลายเดือนแบบนี้เหรอ” ปรีชาพูดกลั้วหัวเราะ ทำให้ภูริทัตอมยิ้มด้วยความขัดเขิน โดยที่เจ้าตัวก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า ทำไมต้องเกิดอาการเช่นนี้
“เจ้าทัตมันก็แบบนี้แหละครับ มันรู้สึกว่ามันกำลังตามหาใครซักคน แต่คนคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง มันก็ตอบไม่ได้” รังสรรค์พูดเสริม พลางหันตัวไปรับเครื่องดื่มจากพนักงานที่นำมาเสริฟ
“ผิดกับเจ้าสรรค์ มันบอกว่าหาเจอแล้ว” ปรีชาพูดแล้วก็หัวเราะ
“สัปดาห์หน้าก็คริสต์มาสแล้ว คืนอีฟไปไหนกันรึเปล่าครับ” ทรงเดชถามยิ้มๆ
“อ้าว...เปลี่ยนเรื่องเลยเหรอ” ปรีชาทำหน้าเหวอ
“ยังไม่ได้คิดเลยครับ ว่าจะเอายังไง” รังสรรค์ตอบ ส่งสายตาล้อเลียนไปให้ทรงเดช
“งั้นมาที่นี่สิครับ บางทีนะ” ทรงเดชเปลี่ยนสายตาไปที่ภูริทัต
“บางทีคุณอาจจะเจอใครที่คุณตามหาก็ได้”
“หือ ... คุณพูดเหมือนคุณรู้ว่าผมกำลังหาใคร” ภูริทัตขมวดคิ้ว
“ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับ” ทรงเดชหัวเราะในหน้า
“ผมขอตัวไปดูแลทางโน้นก่อนนะครับ” พูดแล้วทรงเดชก็ลุกจากเก้าอี้ เดินไปดูแลลูกค้าประจำที่โต๊ะอื่น
“นายเอาแน่เหรอวะ รายนี้” ปรีชาชะโงกหน้าไปถามรังสรรค์เบาๆ เมื่อเห็นเพื่อนมองตามคนที่ลุกไป อย่างไม่วางตา
“ไม่รู้หว่ะ บางทีอาจแค่อยากได้เป็นเพื่อนสนิทอีกสักคนเหมือนพวกเอ็งก็ได้” รังสรรค์ตอบ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“โห ... ป่านนี้ยังไม่สนิทกันอีกหรือไงวะ ตั้งแต่พวกเราเจออุบัติเหตุ แล้วเค้าเจอเข้า พาไปรักษาจนหายดี แล้วยังจัดการเรื่องหยุดงานของพวกเราอีก เราว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าแค่คนผ่านทางแหละวะ”
“แรกๆข้าก็คิดแบบนั้นหว่ะ” ภูริทัตพูดขึ้นบ้าง
“แต่ดูไปดูมา ข้าว่าเค้าคงไม่ได้ติดใจอะไรพวกเราเป็นพิเศษ นอกจากเห็นเป็นเพื่อน”
“แล้วทีแรกเอ็งคิดว่าเค้าติดใจเอ็งหรือไงวะ” รังสรรค์ถาม
“ก็สงสัยอยู่ เพราะตอนเจอเค้าครั้งแรก ตอนที่ไปเยี่ยมพวกเอ็ง ดูเค้าใส่ใจข้าเป็นพิเศษ แต่ไปๆมาๆ” ภูริทัตยักไหล่
“ไม่มีอะไรในกอไผ่”
“ว่าไปก็แปลกดีนะ แค่คนที่เห็นเหตุการณ์ แล้วมาเอาใจใส่พวกเราขนาดนั้น” ปรีชาส่งสายตาไปยังเพื่อนทั้งสอง เหมือนจะขอคำตอบ
แต่ก็ได้รับแต่สายตาที่มีความหมายแบบเดียวกัน จ้องตอบกลับมา
ชายหนุ่มทั้งสามต่างก็คิดไปถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่รังสรรค์และปรีชาประสบเมื่อช่วงกลางปี ทรงเดชผ่านทางมาได้จัดการพาคนทั้งสองไปส่งยังโรงพยาบาล และรับเป็นเจ้าของไข้ แล้วยังติดต่อไปยังที่ทำงานของคนทั้งสองเพื่อแจ้งข่าว ส่วนภูริทัตเองช่วงนั้นบังเอิญป่วยจนไปทำงานไม่ได้อยู่หลายวัน ด้วยไข้หวัด ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยังแปลกใจว่า ด้วยสุขภาพที่แข็งแรงของตน ไม่น่าเป่วยหนักขนาดนั้นได้ เมื่อรังสรรค์และปรีชาออกจากโรงพยาบาล จึงได้มาเป็นแขกประจำของโรงแรมแห่งนี้
“อย่าลืมนะครับ คืนอีฟ ถ้าว่างแวะมาที่นี่” ทรงเดชย้ำอีกครั้ง ขณะเดินไปส่งชายหนุ่มทั้งสามออกจากโรงแรม
“คืนวันคริสต์มาสอีฟเหรอ” สเตฟานขวมดคิ้วเล็กน้อย
“นะครับ พอดีคนเล่นเปียโนเค้าอยากไปโบสถ์ ผมก็เลยรับปากเค้าว่าจะลองหาคนแทน” ทรงเดชพูดยิ้มๆ
“แล้วทำไมต้องเป็นผม” สเตฟานถามทั้งๆที่ยังเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“ผมอยากให้คุณทำตัวเหมือนเดิม เมื่อก่อนคุณก็เคยลงไปเล่นเปียโนเวลาที่เราต้องหาคนมาแทนไม่ใข่เหรอครับ”
“ก็ใช่ แต่...”
“คุณเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องมาตั้งแต่ตอนนั้น” ทรงเดชพูดอย่างจริงจัง
“ออกไปข้างนอกมั่งเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้เลย เมื่อก่อนคุณดูสดใส มีชีวิตชีวา แต่ดูเดี๋ยวนี้สิ” ทรงเดชพูดพลางดูใบหน้าที่มีค่อนข้างซูบเซียว และมีแต่ความหม่นหมองมาตลอดแน่วนิ่ง
“ขอบใจที่เป็นห่วงผม” สเตฟานพูดช้าๆ
“เอาเป็นว่าผมจะช่วยคุณก็แล้วกัน” พูดจบสเตฟานก็หลับตาลง เหมือนเป็นสัญญาณว่า การสนทนาจบลงเพียงแค่นี้
“ผมถามจริงๆเถอะ ทำไมคุณไม่กลับไปหาคุณทัต ผมว่ามันน่าจะดีกว่าเมื่อก่อน เพราะคุณไม่ค้องหลบซ่อนจากใครอีกแล้ว” ทรงเดชถามอย่างหมดความอดทน สเตฟานลืมตาขี้นช้าๆ จ้องมองทรงเดชด้วยแววตาเศร้า
“เพื่ออะไร .... เพื่อที่ผมจะได้พบความเจ็บปวดอีกอย่างนั้นเหรอ” สเตฟานพูดช้าๆ
“ทำไมคุณคิดว่ามันต้องเจ็บปวดล่ะ”
“คุณลืมไปแล้วหรือ ว่าผมเป็นอะไร”
“แต่คุณทัตไม่รู้ ... คุณลบความทรงจำเขาไปแล้ว ทำไมคุณไม่เริ่มต้นใหม่อีกครั้งล่ะ ผมว่าลึกๆแล้ว คุณทัตกำลังรอคุณอยู่”
“ผมรู้ว่าคุณยังเจอกับพวกเค้าอยู่ ผมทำได้เพียงทำให้ความทรงจำบางส่วนของพวกเขาผิดเพี้ยนไป ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกลึกๆในใจได้ ที่คุณพูดมาก็คงไม่ผิด ในส่วนลึกของความรู้สึก เขาอาจจะยังคงจำความรู้สึกที่มีต่อผมได้  แล้วถ้าได้พบกันอีกครั้งจะเป็นอย่างไรเล่า ความสุขอาจจะกลับมาหาผมอีกครั้งอย่างที่คุณบอก แต่สักวันเราก็ต้องจากกันอยู่ดี คุณอย่าลืม ... ผมไม่ใช่มนุษย์” สเตฟานหยุดถอนหายใจยาว
“สักวันผมก็ต้องแยกจากเขาอยู่ดี”
“แต่ ...” ทรงเดชพยายามจะท้วง
“ผมไม่ต้องการสูญเสียคนที่ผมรักอีกแล้ว ครอบครัวของผม ... มิตรสหาย ... บุคคลอันเปรียบเสมือนครอบครัว และคนที่ผมรักปานดวงใจ” สเตฟานกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น พริ้มตาลงช้าๆ
“คุณไม่รู้หรอกว่า การที่ต้องเห็นชีวิตของคนที่เรารัก ต้องดับสูญไปต่อหน้า แต่ตัวเรายังต้องมีชีวิตอยู่ไปอีกนานแสนนานนั้น มันทรมานขนาดไหน อย่าให้ผมต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกเลย”
ทรงเดชถึงกับพูดอะไรไม่ออก เมื่อมองเห็นหยดน้ำใสเริ่มก่อตัวเกาะอยู่กับแพขนตา แล้วเริ่มรวมตัวเป็นหยดตรงหัวตาที่หลับพริ้ม ก่อนที่จะค่อยๆไหลรินลงมาอย่างช้าๆ
บทที่ ๔๖
“ดึกมากแล้ว ฝนก็หยุดตกพอดี ข้าคงต้องขอกลับเสียที” สเตฟานบอกเจ้าบ้านทั้งสอง
“ฝนเพิ่งจะหาย ทางเดินคงเฉอะแฉะ ไหนจะงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ทำไมไม่ค้างเสียที่นี่เล่า” พุดซ้อนพูดด้วยความที่คุ้นเคยกันมานาน
“มิเป็นไรดอก” สเตฟานาตอบสั้นๆ แล้วลุกขึ้นช้าๆ
“แล้วพรุ่งนี้ เจ้าจะมาอีกหรือไม่” แสนถามด้วยรอยยิ้ม ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพุดซ้อน พากันเดินไปส่งสเตฟานที่ประตู
“ไว้อีกสัก ๓ ราตรี ข้าจะมาใหม่” สเตฟานพูดพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วเดินลงบันได
สเตฟานเดินไปยังไม่ทันพ้นสายตาของคนทั้งสอง ฝนก็เริ่มลงเม็ดลงมาอีกครั้ง
“เจ้าไปเอาร่มมา ข้าจะเอาไปให้สานฝัน” แสนหันไปบอกภรรยา
พุดซ้อนรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน แล้วกลับออกมาพร้อมกับร่มในมือ แสนคว้าร่มมา  แล้ววิ่งลงไปจากตัวบ้านด้วยความรวดเร็ว ฝอยฝนที่โปรยปรายบางๆ กลับหนาเม็ดขึ้น แสนวิ่งตามสเตฟานจนเกือบทัน เสียงเม็ดฝนทึ่ตกระทบพื้นและใบไม้รอบข้าง ทำให้สเตฟานไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของแสนที่วิ่งเข้ามาหา แต่แล้วแสนก็ต้องหยุดชะงัก เบิกตามองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมา เมื่อจะกระทบถูกสเตฟาน กลับกระเซ็นออกไป ไอขาวบางๆที่ห่อหุ้มร่างของชายหนุ่ม เหมือนจะเป็นดั่งกำแพง ที่กางกั้นชายหนุ่มไว้จากเม็ดฝน แล้วร่างของชายหนุ่มก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเลือนลางและหายไปในที่สุด
ทั้งๆที่กำลังตื่นตกใจ แต่แสนก็เดินช้าๆไปยังจุดที่สเตฟานหายไป เขายกมือขึ้นปาดเช็ดคราบน้ำที่อยู่บนใบหน้า มองไปรอบๆราวกับจะมองหาว่า คนที่หายตัวไป อาจจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้
สเตฟานค่อยๆเดินตรงไปยังแสงไฟเบื้องหน้า รอยยิ้มน้อยๆระบายไปทั่วใบหน้า เมื่อคิดถึงครอบครัวอันอบอุ่นที่เขากำลังจะไปเยี่ยมเยียน แสนและพุดซ้อนต้อนรับเขาอย่างสหาย ดาวเรืองที่งดงามอ่อนหวานแต่ก็ยังแฝงความแก่นอยู่ในที และสิน เด็กชายที่เขารักราวน้องชายร่วมสายเลือด
“จะมีใครมาเยือนท่านหรือ ถึงได้เตรียมคนไว้ต้อนรับมากมายเช่นนี้” สเตฟานถามอย่างสงสัย เมื่อมองเห็นแสนยืนอยู่หน้าบันได
พร้อมกับบ่าวชายอีกจำนวนหนึ่ง
ไม่มีคำตอบจากแสน ซึ่งกำลังจ้องมองสเตฟานแน่วนิ่ง แววตาเปี่ยมไปด้วยความหวาดระแวง
“ทำไมเจ้ามองข้าเช่นนั้น” สเตฟานขมวดคิ้ว กวาดสายตามองดูใบหน้าของบ่าวไพร่ แล้วมาหยุดลงที่แสนอีกครั้ง
“วันก่อนข้าตามเจ้าไป” แสนพูดช้าๆ
“ข้าเห็นหมดแล้ว”
สีหน้าของสเตฟานแสดงออกถึงความตกใจออกมาวูบหนึ่ง แล้วจึงกลับเป็นปรกติ
“ข้าเข้าใจแล้ว” สเตฟานพูดช้าๆ แล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากที่นั้น
“ทำไมถึงไม่พูดแก้ตัวบ้างเล่า” ดาวเรืองพูดด้วยน้ำเสียงกังวล พลางกุมมือมารดาด้วยความตื่นเต้น จากภาพที่เห็นทางซอกประตู
“นั่นสิ แม่เองก็ไม่อยากเชื่อนัก” พุดซ้อนพูดกับบุตรสาว
“ที่พ่อเจ้าเห็นอาจเป็นเพราะสายฝนทำให้เกิดภาพลวงตาก็ได้”

“เจ้าจะไปทั้งอย่างนี้หรือทำไมไม่พูดสิ่งใดบ้าง” แสนตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นสเตฟานค่อยๆก้าวเท้าจะจากไป
สเตฟานหยุดยืนนิ่ง ค่อยๆหันตัวกลับไปทางแสนและบ่าวไพร่
“จะมีประโยชน์อันใดที่ข้าจะพูดแก้ตัว หากเจ้าเชื่อใจข้าจริงคงมินำบ่าวไพร่ออกมาต้อนรับข้าเช่นนี้” เสียงของสเตฟานไม่ดังนักแต่ทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน แม้แต่คนที่ซ่อนตัวอยู่บนเรือน
แสนมีสีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่พักใหญ่


มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-7-1 19:11:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 02:55:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-4-2 05:47:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนค๊าฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 13:13:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 01:27 , Processed in 0.092964 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้