แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย moo2010 เมื่อ 2012-8-6 20:10
พระประสูติกาลสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงเป็นพระราชธิดา ลำดับที่ ๔๓ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ประสูติ วันพุธ ที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๗ เดือน ๕ แรม ๖ ค่ำ ปี วอก ณ พระตำหนักสมเด็พระนางเจ้าสว่างวัฒนาบรมราชเทวี ในพระบรมมหาราชวัง ทรงมีพระเชษฐา พระเชษฐภคินี พระอนุชา และพระขนิษฐา ดังนี้
- ๑.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศต่อมาทรงได้สถาปนาพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกในรัชการที่ ๕
- ๒. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอิศริยาภรณ์
- ๓. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวิจิตรจิรประภา
- ๔. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์
- ๕. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์
- ๖. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ
- ๗. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์
- ๘. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า (ยังไม่ได้พระราชทานพระนาม) สิ้นพระชนม์เมื่อประสูติได้ ๓ วัน
เมื่อพระชนม์ครบหนึ่งเดือน โปรดเกล้าฯให้มีพระราชพิธีสมโภชเดือน เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๗ ณ พระตำหนักสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาบรมราชเทวี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ นรินทรเทพยกุมารี
ทรงพระเยาว์ พ.ศ. ๒๔๓๑ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาบรมราชเทวี ทรงมีพระประสูติกาลพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง ทรงได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณพิมลรัตนวดี เนื่องจากพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ ทรงสูญเสียพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ใน พ.ศ. ๒๔๓๐ พระองค์ทรงปรารภจะมีพระราชธิดาจึงทรงขอประทานสมเด็จฯเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ จากสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ให้เป็นพระราชธิดาในปลายปี พ.ศ. ๒๔๓๑ สมเด็จฯเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ทรงมีพระพี่เลี้ยงชื่อ จันทร์ ชูโต พระพี่เลี้ยงถวายการปรนนิบัติเลี้ยงดู จน พ.ศ. ๒๔๖๒ พระพี่เลี้ยงก็ถึงแก่อนิจกรรม การศึกษา สมเด็จฯเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ทรงได้รับการศึกษาที่โรงเรียนราชกุมารี ซึ่งตั้งอยู่ ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ทรงเริ่มเข้าศึกษาวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ โดยมีพระยาอิศรพันธ์โสภณ เป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษร ส่วนการศึกษาภาษาอังกฤษ พระอาจารย์ที่ถวายการสอนคือ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ หม่อมเจ้า หญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล หม่อมจันทร์ เทวกุล และพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระราชพิธีโสกัณต์ เมื่อสมเด็จฯเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ทรงมีพระชนม์สิบสองพระชันษา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการ พระราชพิธีโสกันต์พระราชทานพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ และ พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ามาลินีนภดารา พระกระยาหารโปรด สมเด็จฯ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์จะเสวยในห้องประทับเล่น โดยมีข้าหลวงเชิญเครื่องเสวยจากที่พักเครื่อง ขึ้นมาชั้นบนพระตำหนักประทับพับเพียบเสวย ซึ่งมีพรมปูไว้และมีพระขนน (หมอนอิง) ข้างพระองค์พระกระยาหารที่ขาดไม่ได้ คือ ปลาดุกย่างและหมูหวาน ส่วนผลไม้ที่โปรดมากที่สุด คืออ้อยควั่น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเล่าพระราชทานว่าเมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ยังทรงพระเยาว์นั้น พระองค์ไม่โปรดเสวยผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ องุ่น ซึ่งขณะนั้นเป็นของที่แพง และหรูหรามากเพราะ เป็นผลไม้เมืองนอก
เจริญพระชันษา พระองค์ทรงมีความสนิทสนมกับเจ้านายพี่น้องเกือบทุกพระองค์ แต่ที่ทรงสนิทสนมมาก คือ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา สมเด็จฯเจ้าฟ้านิภานภดล พระองค์เจ้าหญิงเยาวภาพงศ์สนิท พระองค์เจ้าหญิงประภาพรรณพิไลย พระองค์เจ้าหญิงวาปีบุษบากร ส่วนเจ้านายฝ่ายหน้าก็มี สมเด็จฯเจ้าฟ้าจักพงษ์ภูวนาถ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร พระองค์เจ้ากิตติยากรวรลักษณ์ โดยเฉพาะพระองค์เจ้าหญิงเยาวภาพงศ์สนิทนั้น พระองค์ทรงสนิทสนมด้วยมาก โปรดเสด็จตามที่ต่างๆ กับพระองค์เจ้าหญิงเยาวภา พงศ์สนิท บางคราวทั้งสองพระองค์จะเสวยพระกระยาหารร่วมกันกับสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามาลินีนภาดารา ก็ทรงสนิทสนมด้วยมากเพราะเมื่อทรงพระเยาว์ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ ทรงนำสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามาลินี นภดารามาทรงเลี้ยงไว้พักหนึ่ง เวลาบ่อยๆ เกือบทุกวัน พระองค์จะเสด็จทรงเยี่ยมเจ้านายตาม ตำหนักต่างๆ สิ่งที่พระองค์ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษคือการเย็บปักถักร้อย ทรงทำผ้ารองจาน ผ้ารองแก้ว เสื้อกันหนาว หรือไม่ก็ทรงร้อยดอกไม้ ทรงจัดดอกไม้ในแจกันและทรงพระอักษร บางคราวจะทรงเล่นเกมส์ เช่น หมากฮอร์ส สกาลูโด ผสมอักษรอังกฤษเป็นคำๆ ทรงเลือกแต่งฉลองพระองค์ซึ่งมีสีสันสวยงาม พระองค์ไม่่โปรดเครื่องประดับมากนักแต่ที่ทรงโปรดมากคือเครื่องประดับคือไข่มุก ไม่ว่าจะเสด็จที่ใดจะทรงสวมไข่มุก บ่อยครั้งและทรงมีไข่มุกมากมายหลายสี สิ้นพระบรมราชชนก ชาวไทยทุกถ้วนหน้าประสบกับการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง นั่นคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรอย่างกระทันหัน และเสด็จสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ซึ่งนำความเศร้าโศกเสียใจอย่างใหญ่หลวงมาสู่เจ้านายพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนไพร่ฟ้าประชาชน
สิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ เวลา ๒๓.๑๕ นาฬิกา ด้วยพระอาการสงบ ท่ามกลางความเศร้าโสกเสียใจของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ตลอดจนผู้ใกล้ชิด
|