ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 2155|ตอบกลับ: 23

รักลึกๆ ไม่กล้าทึกทัก

[คัดลอกลิงก์]

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
ไม่รู้จะทำยังไงดีครับที่โพสต์ไม่ค่อยได้เลย  หลังจากที่ลงนิยายไป 2 รอบแล้ว แต่ปรากฏว่า โพสต์ไม่ได้ซะงั้น  ข้อมูลก็เลยหายตามไปด้วย   จึงลองเปลี่ยนมาเป็นพิมพ์ในเวิร์ด ลองอีกสักตั้งนะครับ คนหลังเขา เต่าล้านปีก็เงี๊ยะ
รักลึกๆ  ไม่กล้าทึกทัก             By    Worayut
   ตอนที่ 1
   ผม เหลือบดูนาฬิกานี่ก็ใกล้เวลา 4 ทุ่มแล้ว  เกือบได้เวลาปิดร้าน  จะได้กลับที่พักเสียที  วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์  ไชโย ดีใจจังเลย   ไปเคลียร์บัญชีหน่อยดีกว่าเรา   กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ก็มีเสียงแทรกเข้ามา
   “ พี่คับ ขอกาแฟอะไรก็ได้ ขมๆหน่อย ที่หนึ่ง”  หนุ่มคนหนึ่ง ก้าวพรวดพราดเข้ามาพลางนั่งที่โต๊ะแรกของร้าน ท่าทางเมาๆ  เพลีย ๆ  ยังไงพิกล
   “ เอ่อ   น้องครับ  พอดีร้านพี่ใกล้ปิดแล้ว  พี่เกรงว่าจะไม่สะ.............”  คำว่า   สะดวก  ยังไม่ทันหลุดจากปากผม  เขาก็ขัดขึ้นเสียก่อน
   “ โธ่พี่  อย่าปฎิเสธผมเลย  วันนี้ผมก็โดนมาแล้วรอบนึง  ผมนั่งไม่นานหรอก  กะว่าจะจิบกาแฟซักหน่อย  ตาจะได้สว่างซะที เดี๋ยวผมจะได้ขี่รถกลับหอได้”  ได้ทีพูดเสียยาวเลย   แล้วก็ฟุบโต๊ะไปเรียบร้อย     เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ กลับดึกหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วกัน  นึกว่าช่วยเหลือคน  เกิดขี่รถแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะบาปเราเสียเปล่าๆ
   “ อืมม   ก็ได้ครับ  งั้นรอซักครู่   โชคดีนะเนี่ย  ถ้ามาช้ากว่านี้พี่ปิดร้านไปแล้ว” เขาไม่ตอบอะไร  แต่ก็เงยหน้าทำตาปรือๆ แดงๆ  ผมรีบทำกาแฟตามที่เขาขอ  แต่ไม่ขมจนเกินไปตามที่เขาขอร้องเช่นกัน   ผมนำกาแฟไปเสิร์ฟ พร้อมถามถึงของขบเคี้ยวว่าต้องการหรือไม่ เขาตอบปฏิเสธ   ผมกลับมานั่งนับเงินและเคลียร์บัญชีอีกนิดหน่อย ดูเวลาอีกทีก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว   หันกลับไปดูลูกค้า  อ้าว  หลับซะแล้ว   คนอะไรดื่มกาแฟแล้วก็หลับ   ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรหรอกที่คนดื่มกาแฟแล้วก็สามารถหลับได้  เพราะผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน  แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ  ต้องไปปลุกซะหน่อย จะได้รีบกลับหอเสียที
   “น้องครับ น้อง น้อง ตื่นได้แล้วครับ พี่จะปิดร้านแล้ว  น้อง น้อง ..........”  ผมพูดพลาง เขย่าพลาง  แต่ไอ้น้องคนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น  ผมลองเขย่าตัวดูอีกทีก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร มิหนำซ้ำเสียงลมหายใจยังยาวสม่ำเสมอแสดงว่หลับสนิทจริงๆ  ผมเริ่มอารมณ์เสียอะไรกันวะ  คนจะได้พักอยู่แล้วเชียว ต้องมามีเรื่องวุ่นวายอีก  อยากจะตุ๊ยท้องไอ้หมอนี่สักหมัดสองหมัดให้ตื่นสักหน่อย  ก็กระไรอยู่  คนกำลังนอน  ผมลองปลุกอีกทีแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ผมจึงทำใจ  คืนนี้นอนเฝ้าร้านอีกแล้วตู  มันน่าโมโหจริงๆ  ผมชะโงกหน้าออกไปดูหน้าร้านว่า  ไอ้หนุ่มคนนี้เอารถอะไรมา  เจอก็แต่มอเตอร์ไซค์ค่อนข้างใหม่หนึ่งคัน  และที่สำคัญกุญแจก็ยังคาอยู่ในเครื่องซะด้วย  เฮ้อ  เด็กสมัยนี้ไม่ไหวจริงๆ  ถ้ารถราหายไปก็คงไม่พ้นพ่อแม่อีกนั่นแหละที่เป็นภาระซื้อให้  ผมบ่นกับตัวเองเหมือนกับว่ารถคันนั้นเป็นของผมซะงั้น   ผมล็อครถก่อนแล้วค่อยไปจัดการกับไอ้หมอนั่นข้างใน   คนที่ผมกล่าวถึงกำลังฟุบกับโต๊ะท่าเดิม  ผมจึงประคองเขามานอนที่โซฟาที่ใช้รับรองแขกที่มาเรื่องธุระต่างๆ กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ บอกไม่ถูกว่า  ให้ความรู้สึกยังไง  เขาค่อนข้างสูงทีเดียวจึงทำให้ทุลักทุเลพอสมควร เมื่อพาเขานอนลงได้ ก็ถอดรองเท้าเขาออก  เพราะกลัวว่าโซฟาจะเปื้อน เช็ดออกยาก  จึงได้มีเวลาพิจารณาว่า เขาคงยังเป็นนักศึกษาอยู่เพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวมีรอยเปื้อนเล็กน้อย  กางเกงสีดำทรงนิยม แต่พอดีตัวไม่รัดรูปเกินไป ทรงผมไม่สั้นไม่ยาว กำลังดี  หน้าตาไม่เลว   ว่าแล้วก็รีบไปเอารถเขาขึ้นมาดีกว่า  ต้องใช้พลังภายในถึง สี่ส่วน เพราะร้านผมยกสูงขึ้นจากพื้นประมาณเมตรครึ่ง   กว่าจะดันขึ้นข้างบนได้   ปิดร้านสร็จจึงกลับมานอนบนเตียงผ้าใบที่มีอยู่ในร้าน  ในมุมที่สามารถมองเห็นเจ้าหนุ่มน้อยคนนั้นได้เผื่อเกิดอะไรที่มันไม่คาดคิด ขึ้นมา
   ผมกลับนอนไม่หลับแฮะ ทั้งๆที่วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเรียนเสร็จ  แล้วก็ทำงานต่อ  อาจเป็นเพราะกังวลก็ได้ว่า  คิดผิดหรือคิดถูกที่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามานอนในร้านได้ นึกๆ ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนา  เออน่า...... เราหวังดีปล่อยให้นอนในนี้แล้วเขาคงสำนึกบุญคุณบ้าง  คงไม่กล้าทำอะไรหรอก ผมพยายามปลอบใจตัวเอง เพราะเราก็มีวรยุทธ์ใช่ย่อยเหมือนกันจากการดูหนังบู๊แอคชั่นมากนั่นเอง  เอ้า   หลับ ๆ  ซะ ............

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:13:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่ 2
   ผม สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ อาจจะเป็นแปลกที่ก็ได้  อีกอย่างก็หลับๆตื่นๆ กลัวว่าไอ้น้องคนนั้นจะเป็นพวกมิจฉาชีพหรือเปล่าที่ตื่นมาขโมยข้าวของหรือ เงินตอนดึก  เออใช่   หันไปดูก็เห็นเขาคนนั้นกำลังมองผมอยู่
   “ หวัดดีคับ  หลับสบายมั้ย”  ถามพลางยิ้มๆ
         “อืมม... แล้วนี่กี่โมงแล้ว” ไม่รอเขาตอบ  ผมดูเวลาที่มือถือทันที  เกือบแปดโมงแล้วหรือนี่
   “แล้วตื่นนานหรือยัง   นึกว่าออกไปแล้ว” ผมถามเขาต่อ
   “ก็ ราวๆ เจ็ดโมงแล้วคับ    จะให้ผมออกไปยังไงคับพี่ รองเท้าผมก็ไปไหนก็ไม่รู้  แถมรถยังถูกล่ามโซ่อีก   กุญแจต้องอยู่กับพี่แน่ๆเลย  ผมเลยนอนเล่นๆรอให้พี่ตื่นก่อน  ไม่กล้าปลุก”  เขาคงจะตื่นนอนนานแล้วหล่ะ ดูหน้าขาวใสสดชื่นขึ้นตั้งเยอะคงไปล้างหน้าที่อ่างล้างมือใกล้เรียบร้อย
   “ เออ   งั้นรอแป๊บนึงนะ ขอล้างหน้าหน่อย เดี๋ยวเอากุญแจ และจะเปิดหน้าร้านให้”
   “ผม ต้องขอโทษพี่อย่างมากเลยนะครับที่เผลอหลับไป  พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยก็เลยดื่มมากไป  แล้วก็ขี่รถกินลมเล่นๆ ไม่อยากนอน มาเจอร้านกาแฟพี่ก็เลยว่ากะจะดื่มให้ประสาทมันแข็งซักหน่อย   ก็เลย ....... อย่างที่เห็นนี่แหละครับ ”   ไม่นึกถึงคนอื่นเลยนะน้อง  ทำให้คนอื่นเขาลำบาก  ต้องมานอนเฝ้านายอย่างนี้เนี่ย แทนที่จะได้กลับไปนอนสบายๆบนที่นอนนุ่มๆ
   “ไม่เป็นไร  ให้อภัย แต่หวังว่าคงไม่มีรอบสองนะ” ผมพูดพลางยิ้มๆ  เขาก็ยิ้มอายๆเช่นกัน
   ผมเปิดร้านแล้วช่วยเขาค่อยๆ นำมอเตอร์ไซค์ลงหน้าร้านเพราะมันชันพอควร
   “ รู้มั้ย  เมื่อคืนกุญแจคาที่รถอยู่นะ”
   “จริง หรือคับ   เกือบแย่ไปแล้วนะเนี่ยเรา  ผมยืมรถเพื่อนมาด้วยสิ ที่สำคัญไม่ได้พกมือถือด้วย  แต่ไม่เป็นไร  ปลอดภัยทั้งรถทั้งคนแล้วนี่  ยังไงๆผมต้องขอขอบคุณพี่มากเลยนะครับ ” ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ทันที  ผมรีบไหว้ตอบ  เขายิ้ม เวลาเขายิ้มนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันะ  แล้วเราก็แยกกันที่หน้าร้าน  ผมรีบกลับไปเก็บของในร้านแล้วเตรียมตัวเดินกลับหอทันที เดี๋ยวจะสายไปกว่านี้  เรากล้ามากเลยนะที่ให้คนแปลกหน้ามานอนในร้าน  ก็มันไม่มีทางเลือกนี่นา  ผมจึงได้ถอดรองเท้าเขาไว้ให้ไกลตัวหน่อยเผื่อเขาจะได้หารองเท้าลำบากหน่อย  รถก็ล่ามโซ่ล็อคคอไว้อย่างดี   กุญแจก็ซ่อนไว้ให้ไกลตัวหน่อยเผื่อนาทีฉุกเฉินขึ้นมา  จะได้ป้องกันตัวได้   ชื่อแซ่ก็ไม่ได้ถามไถ่  แต่ก็ช่างมันเถอะ  เหตุการณ์ปกติ เหตุการณ์ปกติ(กรุณาทำเสียงเหมือนหุ่นยนต์หน่อย)แล้วนี่  เย้  ถึงหอพักซะที

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:13:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอ ขอบพระคุณมากๆ  สำหรับทุกกำลังใจและการติดตามนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเรื่องที่อ่านด้วยครับผม (ยังไม่มีใครแนะนำอะไรเลยครับ  ผมก็มั่วโพสต์เอาเอง pm ผมยังไม่รู้จักเลยครับ  มีอะไรก็แนะนำกันได้ นึกเสียว่าสงสาร อย่าลงทัณฑ์ด้วยการลาจาก)
ตอนที่ 3
   ผมลงจากตึกเรียนมาอย่าง เหนื่อยอ่อนพร้อมกับเพื่อนอีก 2 – 3  คน  ก่อนที่จะแยกกันไปคนละทิศคนละทาง  ตามภารกิจและเป้าหมายของตนเอง   อาจารย์โหด
เอาการ  หลังจากที่แต่ละคน  Present งาน  ก็โดนจวกกันซะพรุนเลย  เอ้า ถือซะว่ายังเป็นปีแรกอยู่  เดี๋ยวคงปรับตัวได้  เอาละน่า  นี่โชคดีนะที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน  แต่ก็ต้องเตรียมข้อมูลเพื่อรายงานในวันพุธอยู่ดี
   “พี่  พี่ครับ  มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย  หน้ามันแผล็บเลย  ดูซิหิ้วของพะรุงพะรัง  ขายประกันอ๊ะป่าวเนี่ย”  ใครวะ  อ๋อ  ไอ้น้องคนนั้นนั่นเอง  ก็คนที่หลับคาร้านเราคืนวันศุกร์ที่แล้วนะสิ    ผมมปรับสติสตังอยู่ครู่หนึ่ง  และนึกสนุกขึ้นมาตามที่เขาทัก
   “อ๋อ  น้องนี่เอง  แหม  เดาเก่งจัง  ถูกต้องละครับ  มาขายประกัน  ยังขายไม่ได้เลย  ช่วยซื้อหน่อยสิ”
   “พูดเป็นเล่นไปพี่  ผมยังเป็นนิสิตอยู่  ยังไม่มีรายด้ายย...” เขายานคางตอบ
   “แล้าเรามาทำอะไรล่ะ  อย่าบอกนะว่ามาขายประกันเหมียนกัลล์”
   “แหมพี่  ขายปีปฟารีนต่างหาก  ม่ายช่าย   มาเอาใบสมัครทุนครับผม”
   “ดี ๆ แสดงว่าเรียนเก่งนะเรา”  ผมชมเขา
   “เออ  เรื่องวันนั้นขอขอบคุณพี่อีกครั้งนะครับ  แต่พี่รู้มั้ยผมลืมอะไร”  ผมเลิกคิ้วขึ้น  ตาโต  ทำหน้าสงสัยเต็มที่  เขาจึงอธิบายต่อ
   “ก็ลืมค่ากาแฟนะสิ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  เขาหัวเราะแก้เขิน
   “อ๋อ  ไม่เป็นไร  แค่ 30 บาทเอง  เรื่องจิ๊บจ๊อย   ถือว่าเลี้ยงละกัน” ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ  เอ๊ะ แต่ถ้าได้ก็ดี  อ้าว  ยังไงเนี่ย
   “ไม่เอาจริงหรือพี่”  ผมพยักหน้า
   “งั้นก็ขอบคุณพี่อีกครั้งนะครับ   แล้วพี่กำลังจะไปไหนเนี่ย”
   “พี่ ว่าจะไปกินข้าวก่อน  หิวเต็มทีแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับหอ”  ผมตั้งใจไว้แล้วจะกินข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยก่อนเพราะถูกดี อิ๊ อิ๊
   “งั้น ดีเลยพี่  ผมว่าเสร็จแล้วก็จะไปกินข้าวเหมือนกัน  เดี๋ยวรอเพื่อนผมแป๊บนึงนะ  งั้นมื้อนี้ผมเลี้ยงพี่เอง  ตอบแทนค่ากาแฟ  ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร”  เขาพูดเองเออเอง
   “เฮ้ย  ไม่เป็นไร  อย่าคิดมาก  ไม่ต้องเลี้ยงหรอก  เพราะกับข้าวในโรงอาหารมันถูกไป  อยากให้เลี้ยงที่มันแพงกว่านี้หน่อยไง”  ผมพูดยิ้มๆ
   “แป่วววว... เออ  เพื่อนผมมาพอดี  เจ๋ง  เจ๋ง  ทางนี้”  เพื่อนเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งพร้อมกับเอกสารในมือปึกหนึ่ง
   “พร้อมแล้วๆ”  เสียงอีกคนหนึ่งตอบกลับมา
   “ป๊ะ  เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน  แต่  เออ  แนะนำให้รู้จักกันก่อน  นี่เจ๋งเพื่อนผมครับ”  คนที่ถูกแนะนำตัวยกมือสวัสดีผม
   “แล้วนี่  พี่ที่เราไปนอนร้านเค้าเมื่อวันก่อนที่เล่าให้ฟังน่ะ  พี่.......พี่ชื่ออะไรคับ”
   “เฮ้ย  อะไรวะ  คุยกันตั้งนาน  ยังไม่รู้ว่าพี่เขาชื่ออะไรอีก”  เจ๋งเป็นฝ่ายพูดขึ้น
   “ชื่อปั่น  ครับ” ผมตอบ
   “ส่วนผม  ตั้นคับ” เขาตอบแล้วเอามือเกาหัวตัวเอง
   “ไปกินข้าวในนี้ใช่มั้ย  เดี๋ยวไปรถผมกันเลย  ยินดีบริการครับผม”  เจ๋งเสนอตัวเองเสร็จสรรพ
   ผม เดินตามหลังสองหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว  ความสูงของทั้งสองไล่เลี่ยกัน  คือค่อนข้างสูงด้วยกันทั้งคู่  คงจะเกิน  175  ขึ้นไป  ไอ้เด็กสมัยนี้มันช่างสูงกันจริงๆ  พ่อแม่คงบำรุงนมกันตั้งแต่เด็ก   ไม่เหมือนเด็กรุ่นผม  รุ่นนี้ยังไม่ทันได้ดื่มนมโรงเรียนเลย
   เจ๋ง นั้นใส่แว่น  กรอบแว่นดูทันสมัย หน้าตาคมคาย  ผิวออกแทนๆ ไม่ดำ ไม่คล้ำ  ส่วนตั้นนั้นออกแนวขาวใส  จะติดผ่องๆ ด้วยซ้ำ ตามแนวพิมพ์นิยม  หน้าตาตี๋ๆ แต่ไม่จ๋าจนเกินไป  เพราะมีคิ้วที่เข้ม  และตาโตพอควร   ที่เหมือนกันคือ  ทั้งคู่สดใส  สมวัย
   
   รถของเจ๋งเป็นรถเก๋งสีดำ  เรียบและหรูทีเดียว   เมื่อถึงโรงอาหารคนไม่มากอย่างที่คิด  ผมปล่อยให้เขาทั้งสองเดินเป็นผู้นำ  สายตาก็มองหาโต๊ะที่ว่าง
   “เฮ้ย  ปั่น  ไหนว่าจะกลับหอไง”  เพื่อนผมนั่นเอง  เจ้าดุ๋งที่เรียนสาขาเดียวกันกับเพื่อนอีกสองสามคนเอ่ยทักขึ้น
   “ก็ว่าจะกลับหอไปกินมาม่า  พอดีมีคนเลี้ยงก็เลยตามเขามานี่ไง”  ผมพูดพยักหน้าว่า  กำลังเดินตามคนเลี้ยงอยู่
   “เออๆ ตามบายๆ”
   “เจอกันวันพุธ  see  you   see  you” ผมตอบแล้วรีบเดินต่อ

เรา สามคนเลือกอาหารคนละอย่าง  แต่ตั้นยังไม่หนำใจไปเลือกของหวาน  และเครื่องดื่มมาอีกอย่างละสาม  เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้นคงจะฮอตในหมู่สาวๆไม่น้อยเหมือนกัน  เพราะโต๊ะที่ตั้นเดินผ่าน  จะต้องมีสาวทักทายบ้างไม่มากก็น้อย  ขณะที่อยู่กันสองคน  เจ๋งเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อน
“เพื่อนผมมันมีเสน่ห์  สาวๆชอบเยอะ  แต่ผมสิมีแต่เสนียด”  เจ๋งพูดไปยิ้มไปด้วย
“งั้นก็แสดงว่าพันธุ์เดียวกันนะสิ   นอกจากพี่จะมีเสนียดแล้ว  พี่ยังกาลีบ้านกาลีเมืองอีกต่างหาก”  ผมพลอยผสมโรงด้วยเช่นกัน
“โหยพี่  หนักกว่าผมอีก”  แล้วก็หัวเราะกันครื้นเครง
เมื่อ ตั้นมาสมทบ  เราจึงคุยกันอย่างออกรสออกชาติ  มิน่าล่ะ  เขาถึงว่า  อยู่กับเด็กเรามักจะสดชื่นไปด้วย   คุยกันไปมาจึงรู้ว่า  ตั้นและเจ๋งเรียนวิศวะ  ปี 4  กันแล้ว
เมื่อได้เวลาพอสมควร  เราก็แยกย้ายกัน  ผมตรงดิ่งกลับหอพักทันที

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
   
“เออ  ตั้น  คุยกันตั้งนาน  พี่ปั่นเขาเรียนอะไรวะ” เจ๋งเป็นฝ่ายถามตั้น
   “ไม่เรียนแล้วมั้ง  เจอพี่แกเมื่อกี้ก็บอกว่ามาขายประกันนี่นา”
   “ขาย ประกันอะไรวะ  นายไม่เห็นเหรอที่เขาทักเพื่อนก่อนกินข้าว  ดูแต่ละคนเหมือนผู้ใหญ่เนิร์ดกันทั้งนั้นนะโว้ย   เมื่อกี้เราสังเกตกระเป๋าพี่แก  หนังสือมันโผล่ออกมามีแต่ชื่อภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย  เราว่านะ  มันไม่ใช่หนังสือระดับปริญญาตรีแน่ๆเลย”  เจ๋งไซร้และตั้งข้อสังเกต
   “เหรอ  พ่อนักสืบ”  ตั้นอึ้งๆขึ้นมาบ้าง   “ไม่เป็นไร  ถ้าเจออีกก็รู้....”  ตั้นรู้สึกว่า  ตัวเองรั่วๆไปหรือเปล่าว้า ไปทักพี่แก  ขายประกงประกัน  แต่แกก็ยิ้มๆดีนี่นา  อดตำหนิตัวเองไม่ได้  ไมช่างสังเกตเลยนิเรา

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:15:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่ 4
   ขณะที่ผมกำลังเก็บแก้วกาแฟที่ลูกค้าดื่มเสร็จแล้ว  ก็มีเสียงคนกลุ่มหนึ่งผ่านเข้ามาทางประตูหน้าร้าน  ลูกค้ามาแล้ว
   “เชิญนั่งก่อนครับ  รับอะไรดีครับน้อง  อ้าววว....”  ผมชะงักเล็กน้อย
   “เสียง หล่อเชียวนะ  ต้อนรับลูกค้าเนี่ย  พาเพื่อนๆมาถล่มหน่อยครับพี่”  เจ๋งนั่นเอง  มีน้องผู้หญิงอีก 2  คน  และตั้นที่ไม่ได้พูดอะไรที่เอาแต่ยิ้ม  ตามมาติดๆ
   “ได้เล้ย  เชิญนั่งก่อน  เลือกมุมตามสบายนะ  พี่ขอเก็บแก้วแป๊บหนึ่ง  น้องจะสั่งอะไร  กระดาษและเมนูอยู่บนโต๊ะนะครับ”  ผมพูดอย่างเป็นกันเอง
   “พี่มีเครื่องดื่มอย่างอื่นที่ไม่ใช่กาแฟไหมคะ”  น้องผู้หญิงหน้าสวยๆเป็นคนถามขึ้น
   “มี ครับ  เช่น  น้ำส้มคั้น  น้ำทับทิม  ชาเขียว  หรือลองดูตามเมนูได้ครับ”  ผมยิ้มให้น้องเขาทีหนึ่ง  น้องคนนี้น่ารักมาก ดูมีเสน่ห์  สวยทีเดียว และแต่งหน้าบางๆผิดกับน้องอีกคนที่ไม่แต่งหน้า แต่ก็ดูหน้าใสไปอีกแบบ
   เจ๋ง กับน้องหน้าใสนั่งด้วยกันที่โต๊ะ  ส่วนตั้นกับน้องหน้าสวยนั่งที่โซฟาไม่ไกลจากคู่แรก  จากนั้นก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องจัดเครื่องดื่มตามใบสั่ง  ลูกค้ารายอื่นๆก็เข้ามาบ้างเป็นระยะ   ส่วนใหญ่ซื้อไปดื่มข้างนอกมากกว่า
   คู่ ของเจ๋งมีเสียงหัวเราะแทรกตลอด  แต่แปลกแฮะ  คู่ของตั้นกลับเคร่งเครียด  ดูแล้วตั้นจะเป็นฝ่ายคุยมากกว่า  คู่สนทนาหน้าตาเฉยมากผิดกับตอนที่เข้าร้านมาใหม่ๆ
   “พี่ปั่น  พี่ปั่น ”  ตั้นเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ตอนผมกำลังก้มๆเงยๆคิดตังค์ที่หน้าเคาเตอร์
   “ไง  เรา”
   “พอดี  ผมมีผลไม้อยู่ที่รถ ขอยืมจานกับมีดพี่ได้ป่ะ”
   “สำหรับลูกค้า  ได้อยู่แล้ว”
   “ขอบคุณครับ  เดี๋ยวผมจัดการเอง”  ตั้นวิ่งหายไปสักครู่  กลับมาพร้อมแอปเปิ้ลและองุ่น
   “อุปกรณ์อยู่ไหนพี่”
   “หลังร้านเลยน้อง”
ตั้นเข้าไปล้างผลไม้สักครู่และแช่ไว้  ก็เดินออกมาตะโกน
   “รอ ซักครู่นะเพื่อนๆ  ผลไม้กำลังจะตามมา”  ด้วยความรีบหรืออะไรก็ไม่ทราบ  เจ้าตั้นก็สะดุดรองเท้าที่ใช้สำหรับในครัวหงายหลังทันที   ยังดีที่ผมอยู่ใกล้รีบเข้าไปรองหลัง(ใช้ศัพท์กีฬาเชียว)  รับทันก็จริง  แต่ด้วยความตกใจและรวดเร็วหน้าของตั้นเหวี่ยงถูกขอบประตูดังโป๊ก  ไม่แรงนัก  แค่ปูดขึ้นมาทันตาเห็น  จนเพื่อนๆต้องลุกมาดู
   “ไม่เป็นไรพี่  ไม่เป็นไร”  เอามือคลำหน้าผากป้อยๆ
   “ไหนดูซิ  อืม  ดีนะที่ไม่แตก  แค่โนเท่านั้น”  ผมประคองตั้นยืนขึ้น
   “โห  เกือบอดกินผลไม้ซะละ” เจ๋งเห็นตั้นไม่เป็นอะไร  เลยแซวขำๆ  แต่ตั้นถลึงตาใหญ่เลย
   “ยังแซวๆ   เป็นไรมั้ยตั้น  เจ็บมากมั้ย  ดูหน่อย”  น้องน่าใสถาม
   “ไม่เป็นไรจริงๆ  บวมนิดหน่อย” มือยังกุมหน้าผากไม่เลิก
   “ถ้า ตั้นไม่เป็นไรก็ดีละ  อิ๊กไม่มีอะไรจะพูดกับตั้นแล้วนะ   งั้นขอตัวกลับก่อนละกัน  เมื่อกี้โทรให้เพื่อนมารับแล้ว”  อ้าวน้องคนสวยนั่นเอง  ว่าแล้วก็เดินออกไปเฉยเลย
   ตั้นไม่พูดอะไรสักคำ  ไม่มองตามด้วย  ผมก็เอ๋อรับประทาน  เจ๋งตบบ่าเพื่อนเบาๆ
   “เออ น่า  พวกนายไปนั่งก่อน  นั่ง นั่ง นั่ง ”  ตั้นดันหลังทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม  ส่วนตัวเองกลับไปล้างผลไม้ที่แช่ต่อ  แล้วยกใส่จานไปกินกับเพื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   สักพักเจ๋งก็ปลีกตัวมาทำเป็นล้างมือ  แอบกระซิบกับผม
   “คน นี้แหละพี่  แฟนไอ้ตั้นมัน   ง้องๆแง้งๆกันอยู่  ก็วันที่เจ้าตั้นมานอนร้านพี่นั่นแหละ  ที่ทะเลาะ  บอกเลิกกันวุ่นวาย  วันนี้ตั้นก็เลย  แบบมาปรับความเข้าใจกัน  ก็พาผมกับบี๋มาเป็นเพื่อนด้วย  เรื่องก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละพี่”  ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
   “เฮ้ย  ไอ้เจ๋งคุย ’ไรกับพี่ปั่นวะ  มานั่ง  มานั่ง  กินให้หมดเลยนะโว้ย  คนเขาอุตส่าห์ล้างมากับมือ” ตั้นหันหน้าตะโกนมา  หน้าผากเป็นสีคล้ำแล้ว  ดูตลกดี
   “ไปล่ะพี่  เดี๋ยวองค์ลง”  เจ๋งยักคิ้วกับผม
   “ตั้นทายาหน่อยมั้ย  พี่มียานะ”
   ตั้นอิดออดไม่ทา  แต่บี๋ก็คะยั้นคะยอจนยอมมา  ในร้านมีตู้ยาสามัญอยู่แล้ว  เจ้าของเขาเตรียมไว้พร้อม
   “นึกเสียว่า  สาวสวยกำลังทายาให้ก็แล้วกันนะน้องตั้น”  ผมพูดกลั้วหัวเราะ
   “ดูซิหัวเราะผมอีก  ช่างเถอะพี่  ขนาดผมเจ็บตัว  เขายังไปจากผมได้เลย  แสดงว่ามันจบแล้วจริงๆ  เฮ้อ”
   “เอา น่า  พระท่านว่า  อะไรที่เป็นของของเรา  ก็ย่อมเป็นของของเรา  แม้ว่าจะพลัดพรากจากกันไป  ถ้าเป็นของเราจริงก็จะกลับมาหาเราอยู่วันยังค่ำ  แต่ถ้าไม่ใช่ของเราก็ต้องปล่อยเค้าไป” (ผมก็พล่ามไปได้แฮะ)  ตั้นก็ไม่พูดอะไรต่อสักคำ

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:20:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่ 5
   การ สัมมนาในห้องเรียนเป็นไปอย่างเข้มข้น  อาจารย์แต่ละท่านเอาจริงเอาจังมาก  ผมเริ่มจะชินและพอรู้แนวของแต่ละท่าน  ผมและเพื่อนออกมาคุยถึงงานชิ้นต่อไป  หลังจากที่เสร็จภาระกิจการเรียน เพื่อนร่วมรุ่นที่มีกันแค่ 9 คนของปีนี้ที่วัยค่อนข้างจะแตกต่างกันไป  จึงไม่ค่อยมีใครจับกลุ่มคุยกันนานนัก  เพราแต่ละคนต้องรีบตาลีตาเหลือกไปหาข้อมูลกันต่อ    Present งานกันเป็นว่าเล่น
ส่วนผมต้องไปหาหนังสือที่คณะที่เกี่ยวข้องกับภาษา โดยตรงตามที่อาจารย์ท่านแนะนำก็ไม่เจอ  ก็ต้องถ่อสังขารไปค้นหาที่ศูนย์หนังสือของมหาวิทยาลัยต่อ (ตามที่สอบถามเจ้าดุ๋ง  เพื่อนร่วมรุ่น)  อ้อ  ที่แท้คณะวิศวะฯ ก็อยู่ใกล้กับศูนย์หนังสือนี่เอง  และก็เจอหนังสือที่ต้องการสมใจนึก  ย้อนกลับทางเดิม  มีเวลาเดินทอดน่องไม่รีบเหมือนตอนมา  ค่อยๆสังเกตดูความเป็นไปของนักศึกษาในเมืองกรุง
ที่โต๊ะข้างหน้า  เจ๋ง กับบี๋นี่นา  เพื่อนๆอีก 4 – 5 คน    ผมกะว่าจะไม่ทักหรอก  เพราะไม่รู้ว่าอารมณ์ตอนนั้นของพวกเขาอยากจะทักเราหรือเปล่า  ยังไม่ได้สนิทอะไรกันนัก  พอเจ้าเจ๋งเห็นเข้า   ผมก็พยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินต่อ
“เดี๋ยว  พี่ปั่น  พี่ปั่นนน....ไม่ยอมทักน้องนุ่งกันเลย  ไปไหนมาคับพี่”  เจ้าเจ๋งตะโกนโหวกเหวก  จนนิสิตแถวนั้นต้องหันมองตาม  ผมก็เลยต้องเดินเข้าไปคุยหน่อย   ไม่ให้เสียมารยาท  ผมยังไม่ทันพูดอะไร
“มาขายประกันใช่มั้ยพี่”  เจ๋งพูดยิ้มๆอย่างรู้ทัน
“ใช่ๆมาขายประกัน  ช่วยซื้อหน่อยสิ”  ผมพูดไป  หัวเราะไปเช่นกัน
หลังจากที่ทักทายและแนะนำเพื่อนในกลุ่มแล้ว  ผมก็เพิ่งสังเกตว่า  ขาดตั้นอยูในกลุ่ม
“คุยกันตั้งนาน  แล้วตั้นหายไปไหนล่ะ เจ๋ง  บี๋”  ผมถามหันหน้าไปมองทั้งสอง
“ท้องเสียค่ะพี่  เมื่อวานนี้พากันไปกินส้มตำซาดิสต์  ตั้นมันกินเผ็ดไม่ค่อยได้  ก็ยังอยากกินกับเค้าอีก”  บี๋เล่าให้ฟัง
“แถมซุปหน่อไม้  หอยดอง ยำแหนม แสลงทั้งนั้น แต่พวกผมธาตุหนักพี่ เพราะวันๆ ก็หนักแผ่นดินอยู่แล้ว”  เจ๋งขยายความต่อและหยอดมุกประกอบ
“มี แต่ไอ้ตั้นเท่านั้น  งานเข้า โทรมาเมื่อเช้า ลาให้หน่อย  สงสัยจะเดี้ยงหนัก  ผมยังไม่ได้ไปดูมันเลย  เย็นนี้ต้องรีบกลับมีธุระกับป๊ะ  แหะ แหะ ถ้าท่านพี่ไม่มีธุระที่ไหน  ไปเยี่ยมมันหน่อยก็ได้นะพี่”
“เหรอ  เดี๋ยวดูก่อนนะ  แล้วหออยู่ไหนล่ะ”  เจ๋งบอกที่ตั้งและทางไป  ที่แท้ก็ทางเดียวกัน  โซนเดียวกันอีกต่างหาก  แต่คนละซีกเท่านั้นเอง  ห่างกันราวๆ  500  เมตรเห็นจะได้  ซึ่งเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย  แต่อยู่อีกฝั่งถนนกับมหาวิทยาลัยนั่นเอง

ผม เดินคิดมาตลอดทาง  จะไปเยี่ยมดีหรือเปล่าน้า  จะไปในฐานะอะไรเนี่ย  ไม่ได้รู้จักกันมากมาย  ไปแล้วเขาจะคิดยังไงหว่า  แวะซื้อของซะหน่อยแล้วค่อยไปละกัน  ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา  เพราะเสียมาเยอะแล้ว(หมายถึงเสียเวลาอ๊ะครับ)
“เจ๋งเหรอ  เข้ามาเลย  ประตูไม่ล็อค”  เสียงตอบออกมาหลังจากที่ผมเคาะประตูไปแล้ว
“พี่ปั่น  มาได้ไงเนี่ย........สวัสดีครับ”  น้ำเสียงยังงงๆ   แต่ก็ยกมือไหว้ทันควัน
“ไม่ต้องไหว้หรอก  วุ่นวายๆ บังเอิญเจอเจ๋งก็เลยรู้”  ตั้นนอนอยู่ที่เตียง  ผมจึงมองหาเก้าอี้แล้วมานั่งข้างๆ
“เป็นไงบ้าง  หน้าตาดูเซียวๆ”  ปากที่เคยแดงๆดูซีดอย่างเห็นได้ชัด  ท่าทางอ่อนเพลียจริงๆ
“ก็ดีขึ้นแล้วพี่  แต่ยังไม่หายปวดท้อง  มีไข้นิดๆ”
ผมถือวิสาสะเอามือแตะหน้าผาก  อืม  ตัวร้อนแฮะ
“ทานยาแล้วใช่มั้ย”  ผมถามเพราะเห็นซองยาและน้ำเกลือแร่ที่โต๊ะข้างเตียงนอน
“อ๋อ  เรียบร้อยคับ  แล้วทำไมมาถึงนี่ได้”
“หอพี่ก็อยู่แถวนี้แหละ  แต่คนละซีก  ตึกมันคั่นหลายตึก  เราก็เลยไม่เคยเจอกัน  ก่อนมาถึงนี่  ก็ขายประกันมาเรื่อย”
“อำผมอีกละ  อย่าให้ผมรั่วไปกว่านี้เลย  พี่เนี่ยเนียนมากเลยนะ”
“อะไร ๆ พี่หนุ่มขายประกันตัวจริง  มาเร็ว  เคลมเร็ว  ชิ่งเร็ว”  ผมสนุกเรื่อยๆ
“ไม่ต้องเลย  ว่าจะถามพี่หลายครั้งแล้ว พี่เรียนอะไรอ่ะ”  จะเอาคำตอบให้ได้แน่ะ
“เอ่อ  KSN ”
“อะไรอ่ะ KSN”
“กศน.” ผมอดหัวเราะไม่ได้  ตั้นพลอยหัวเราะไปด้วย
“เอาจริงๆดิ  เรียนอะไรง่ะ”
“ก็ได้   เรียนอังกฤษครับ”
“โท  ใช่มั้ย”
“ก็ไม่เชิงหรอก”
“อย่าบอกว่าเอกนะ”     ผมพยักหน้า
“ฮ้า  จริงหรือเนี่ย  เซอร์มาก  มอเรามีคณะนี้ด้วยเหรอ”
“มีครับ  แต่เป็นของบัณฑิตวิท’ลัย  เปลี่ยนเรื่องเหอะ เดี๋ยวคนป่วยเครียด  วันนี้มีอะไรตกถึงท้องรึยัง  นอกจากยา”
“ยังเลยพี่  แต่ไม่หิวนะ”  เป็นคำตอบที่เป็นไปตามคาด
“พี่มีนมนะ      นมกล่องน่ะ  เดี๋ยวจะบอกว่า  ผมก็มีนมครับ  เออ  ต้องมีอะไรหนักท้องหน่อย  โจ๊กซองก็มีนะ  แวะซื้อเมื่อกี้”
“ไม่เป็นไรพี่  แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”
“ไม่ ต้องวอรี่  เดี๋ยวจัดให้  ไม่ค่อยมีแรงไม่ใช่เหรอเรา”  ผมไม่รอคำตอบ เพราะมองเห็นอุปกรณ์  และเครื่องทำน้ำร้อนแล้ว  ก็เลยจัดการทำโจ๊กซะ
“ไม่หิวก็ฝืนเอาหน่อย  จะได้มีแรง  หายเร็วๆ   ชิมแล้วไม่โอ  ก็เททิ้งได้เลยนะ  เพราะพี่ก็ไม่มั่นใจฝีมือเท่าไร” ผมพล่าม
“ใครจะกล้า  คนอุตส่าห์ทำให้แล้ว  นอกจากเอาไปให้เพื่อนข้างห้องกินก็เท่านั้นเอ๊ง”  คนป่วยยักคิ้ว   
เสียงเคาะประตูดังขึ้น  และเปิดเข้ามาทันที
“ตั้น  ตั้น   มีสาวๆมาเยี่ยมน่ะ  รออยู่ด้านล่าง”    คงเป็นเพื่อนในหอด้วยกันมาบอก
“เออๆ  ขอบใจเพื่อน  เดี๋ยวเราไป”
“ตั้น ไปหากิ๊กเถอะ  โจ๊กใกล้เสร็จละ  เดี๋ยวพี่ลงไป  จะปิดประตูให้  ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะจิ๊กอะไรไป   เล็งไว้แล้ว  2  -   3  อย่างแล้ว”
“แหม  พี่ปั่นก้อ......   งั้นผมลงไปก่อนนะครับ”
โจ๊ก ได้ที่ ผมก็เตรียมกลับ  เห็นตั้นกำลังคุยกับสองสาว หน้าตาน่ารักเอาการ  หัวเราะกันใหญ่  ไม่มีวี่แววว่าป่วยเลยนะเจ้าตั้น  แต่ทั้งสามไม่เห็นผมหรอก เพราะเดินเลี่ยงออกมาด้านข้างอย่างเงียบๆ

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:21:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับสำหรับทุกกำลังใจ  ผมติดตามอ่านคอมเมนต์ทุกคำตอบอยู่แล้ว
ตอนที่ 6
วัน นี้ดุ๋งเข้ามาหาผมที่ร้านกาแฟค่อนข้างเช้าแฮะ  ปกติจะแวะมาช่วงเย็นโน่น  แต่ก็นานๆที  ดูสีหน้าไม่สู้ดีนัก  มาถึงก็ขอคุยเป็นการเป็นงาน
“ไม่เป็นไรดุ๋ง  ไม่ต้องคิดมาก  เข้าใจโว้ย  เข้าใจ”  ผมเข้าไปกอดคอมัน
“เรา ซะอีกต้องขอบคุณนาย  ที่อุตส่าห์ให้โอกาสและช่วยให้มีรายได้ขึ้นมา  ทั้งๆที่ก็เพิ่งรู้จักกันก็ตอนเรียนนี่เอง  นายยังกล้าไว้ใจเราเลย  นับประสาอะไร  เรื่องแค่นี้  จิ๊บจ๊อยเพื่อน” ผมพูดจากใจจริง  เข้ามากรุงเทพฯไม่กี่เดือน  ก็ได้เจ้าดุ๋งนั่นแหละที่คบค้าสมาคมด้วย
“แน่นะเว้ย”  ดุ๋งย้ำ   ผมพยักหน้าหงึกหงัก
“ถ้านายเข้าใจ  ก็สบายใจว่ะ  งั้นเดี๋ยวเป็นลูกมือช่วยขายละกัน”
เฮ้   ทำไมแต่ละคนมาแต่ช่วงเช้ากันนะวันนี้   นี่ก็อีกกลุ่มหนึ่ง  ตั้น  เจ๋ง บี๋ และเพื่อนอีกสามคน  หลังจากที่ไม่ได้เจอกันราวๆสัปดาห์หนึ่งเห็นจะได้  สั่งเครื่องดื่มตามใจตนเองเสร็จ  ก็พากันไปเลือกโต๊ะตัวในสุด  เหมือนต้องการความเป็นส่วนตัวยังไงยังงั้น
“วันนี้ไม่มีเรียนกันเหรอ  พ่อหนุ่มสาวทั้งหลาย”  ผมทักขณะเอากาแฟไปเสิร์ฟ
“มีเลคเชอร์บ่ายพี่  ตอนนี้เร่งเตรียมโปรเจคท์กลุ่มกันก่อน”  เจ๋งตอบโดยไม่เงยหน้า
“ส่วนพ้ม  ขอปรึกษาเรื่อง Eng นะฮะ” ตั้นทำหน้าเจ้าเล่ห์
“น่านนน...บลั๊ฟกันอีกละ”  ผมเบิกตาโต
“เรื่องจริงนะพี่  เตรียมตัวไว้ก่อนสอบชิงทุนอ่ะ”
“งั้น ต้องพี่ดุ๋งนี่เลย  จบนอกโดยตรง  อย่างแรงๆ”  ผมเชียร์ แล้วก็แนะนำให้รู้จักกันซะเลย  ดุ๋งเข้ากับเด็กกลุ่มนี้เป็นปี่เป็นขลุ่ย  เพราะช่างคุย และเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว
“แหมพี่ปั่นหวงวิชาเชียวนะ  ไม่ยอมติวกันเล้ย” เสียงเจ้าตั้น
“ไม่หรอก  พี่น่ะยินดีซาเหมอ ให้พี่ดุ๋งโชว์พาวไปก่อน”
จาก ความเป็นกันเองของดุ๋งกระมัง  จึงทำให้เด็กๆกล้าชวนไปงานวันเกิด  ได้ยินแว่วๆว่าเป็นวันเกิดของบี๋น่ะ(ขนาดได้ยินแว่วๆนะเนี่ย)   เสียงดุ๋งบ่นเสียดมเสียดายว่ามีนัดอยู่แล้ว  และโบ้ยมาทางผม
“พี่ปั่นถ้า ไม่รังเกียจ  ไปนะพี่  ไม่มีใครหรอก ไม่ถึงสิบได้  คืนพรุ่งนี้ค่ะ”  เสียงบี๋กล่าวชวน  เอ ถ้าดุ๋งไม่แนะมาจะชวนเรามั้ยน้อ  ถึงไม่ชวนก็ไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย
“โห ใครจะกล้ารังเกียจสาวหน้าใสอย่างน้องบี๋ล่ะครับ  พี่ไปเดี๋ยวน้องๆจะไม่สนุกกันซะเปล่า”
“ไปเท้อพี่ปั่น ไอ้บี๋มันไม่ใช่ชวนใครๆง่าย ถ้าไม่จำเป็น แต่นี่มันจำเป็นถึงชวนไง”  หนอยเจ้าเจ๋ง  
“ฮือ ฮือ  พี่ซาบซึ้งมากครับ แล้วจะรู้ว่าพี่น่ะตัวกินกับของแท้เลยนะ”  ผมทำเสียงล้อเลียนกลับ
“ถือว่ารับปากแล้วนะ  งั้นพรุ่งนี้ซักห้าโมงเย็น  ผมมารับที่หอก็แล้วกัน  แล้วจะโทรหาอีกที  ว่าแล้วก็เอาเบอร์มาซะดีๆ”  
ทุก คนกลับกันไปแล้ว  ผมจึงได้มีเวลาคิดทบทวน  ก็ดีเหมือนกันช่วงนี้จะได้ผ่อนคลายหน่อย หลังจากที่หัวมีแต่เรื่องเรียน เรื่องงาน  และเรื่องเงิน
ผมเตรียมตัวเสร็จก่อนห้าโมงซะอีก  เสียงมือถือดังขึ้น
“เจ๋งเหรอ  ขับมาทางเดียวกับหอ..........” ผมพูดทันที
“ไม่ใช่พี่  ไม่ใช่  ผมตั้นสุดฮอตคับ  เจ๋งขับรถอยู่  กำลังจะไปรับแล้ว บอกทางอีกรอบนึงพี่”  อ๋อ  ตั้นนั่นเอง  
ไม่ ถึงสิบนาที  รถก็มาถึงหอทันที   ในรถมีสี่คน  แต่ละคนแต่งตัวกันได้ทันสมัยมั่กมาก  เด็กกรุงเทพฯก็งี้แหละ   ต่างคนต่างทักทายกันเสร็จ  ก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงบ้านของน้องบี๋
แขก มีสิบคนพอดิบพอดีถ้าไม่นับเจ้าของงานวันเกิด  เป็นเพื่อนผู้หญิงของน้องบี๋ซะสี่คนแน่นอนแต่ละคนก็น่ารักทั้งนั้น(ทำไมคน หน้าตาดี  จึงกระจุกตัวกันที่กรุงเทพฯกันหมดน้า)  ฝ่ายหนุ่มๆมีหกซึ่งรวมเพื่อนชายข้างบ้านน้องบี๋อีกคนหนึ่ง พ่อแม่น้องบี๋ขอตัวขึ้นข้างบนก่อน  ปล่อยให้เด็กๆรวมทั้งผมสนุกกันเฉพาะกลุ่ม  ผมไม่ลืมที่จะให้ของขวัญเพราะเตรียมเอาไว้แล้วนั่นก็คือหนังสือกลอนที่อ่าน ได้ทุกเพศทุกวัย  ผมยังไม่ทราบรสนิยมของน้องบี๋จึงให้ของที่เป็นกลางๆไว้ก่อน
บรรยากาศ สนุกสนานตามวัยของน้องๆเขา หลังจากที่คุยกันอย่างเมามันแล้ว  จะขาดเครื่องดื่มและเสียงเพลงไปได้เยี่ยงไร  หนุ่มๆก็เหล้า  ส่วนน้องผู้หญิงก็สปาย
แต่ละคนก็กระดกเก่งกันเหลือเกิน(หมายถึงแก้ว เหล้า  แก้วสปาย )  เฮ้ย  เริ่มจะคุยกันเป็นคู่  เป็นคู่แล้ว  มีน้อง  น้องอะไรหว่า  น้อง .....น้องนุกนิก(ไม่ใช่นุกนิกเอเอฟหก)นั่นเอง
ที่ไป ร้องเพลงคาราโอเค   มีน้องย้งไปด้วย ย้งป็นน้องชายของเจ๋งน่ะครับ  ขอมาด้วยเพราะคุ้นกับน้องบี๋อยู่แล้ว  แต่น้องย้งดื่มไม่มาก  เหมือนจะรู้ตัวดีเพราะพึ่งเข้าปีหนึ่งเองแต่คนละมหาวิยาลัยกับเจ๋ง  น้องนุกนิกร้องเพลงเพราะดี แต่ย้งไม่ร้องได้แต่เต้นตามเท่านั้น
   ผม อยากเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวเขาคุยกันคล่องหน่อย (ความจริงผมเป็นส่วนเกินอยู่)จึงทำทีเอาแก้วที่วางเรี่ยราดอยู่จะไปเก็บใน ครัว  กำลังเดินผ่านน้องนุกนิกกับน้องหยกอยู่นั้น
   “มา มา พี่ปั่น ร้องเพลงกัน  พี่ร้องตาแดงๆ ได้ป๊ะ ถ้าได้ เพลงคู่กันเล๊ย”
   โอ้โห ไม่รู้จัก ปั่นโชว์โอเกะซะแล้ว
   “ได้ครับ  แต่ย้ง ’ไม  ไม่ร้องล่ะ”
   “ผมร้องเพลงไม่เป็นครับพี่  แต่ขอเป็นแดนเซอร์เอง”
   ผมไม่ฟังเสียงละ  และไม่สนใจแล้วว่านุกนิกกับย้งกิ๊กกันอยู่หรือเปล่า  คว้าหมับไมค์อีกตัวทันที ดนตรีขึ้นผมก็โซโล่ทันที   
   “โอ้โห  เสียงดีมาก (นุกนิกชมจริงๆครับ) แต่ท่อนแรก มันของหนูนะพี่ ”  แป่ววว...   นุกนิกกับผมหัวเราะก๊าก
   ผม กับนุกนิกร้องเพลงเข้าขากันมาก(อันนี้คิดเอาเอง)  จากนั้น ก็ต่อด้วยหนุ่มบาว สาวปานทันที   ย้งก็ออกสเต็ปตามได้สามช่าจริงๆ  เพลงเริ่มมันขึ้น  นุกนิกชวนผมลุกเต้นด้วย  ผมก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เรื่องเพลงถึงไหนถึงกัน  มีตอนหนึ่งที่นุกนิกเต้นเอาหลังมาสีกันกับผม แบบขำๆ ผมยังกล่าวเลยว่า  ระวังจะติดขี้กลากจากพี่นะ  พอนุกนิกขอพักเหนื่อย ผมเลยร้องสามเพลงรวด  แนวๆทั้งนั้น   รักสลายดอกฝ้ายบานงี้   เชพบ๊ะงี้  ตบท้ายด้วย   จิ๊จ๊ะซะเลย     ตอนเพลงเชพบ๊ะ  น้องย้งทำท่างได้ตลกมาก  เออ ช่างกล้าจริงๆ นุกนิก ตบมือใหญ่ด้วยความชอบใจใหญ่  
   งานเลิกเกือบตี หนึ่ง  สาวๆก็นอนบ้านน้องบี๋ต่อ  ส่วนพวกผมก็ไปนอนบ้านน้องผู้ชายที่อยู่ข้างๆ  น้องเขาเป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่พ่อแม่มีเงินก็เลยซื้อบ้านให้อยู่ตอนมาเรียน พวกเราทำตัวหลุดกันหน่อยก็ไม่มีใครว่า   พวกหนุ่มๆเมาๆกันทั้งนั้น มีน้องย้งเท่านั้นที่มีอาการน้อยกว่าเพื่อน  ส่วนผมแค่มึนๆเพราะมันหายไปตอนได้ร้องเพลงแล้ว    ผมพาน้องแต่ละคนนอนที่ห้องโถงใหญ่ทีละคน  มีน้องย้งเป็นผู้ช่วย
จัดแจง หาผ้าห่มตามคำบอกเล่าด้วยเสียงอ้อแอ้ของเจ้าของบ้าน   เพราะดึกๆอากาศเย็นเอาการ  เฮ้อ  ผ้าห่มไม่ครบซะงั้น     ผมซึ่งนอนริมสุดเลยต้องขอห่มกับน้องย้ง  แต่เด็กหนอเด็กนอนดิ้นเหลือเกินผ้าห่มหลุดจากตัวผมบ่อยมาก  จนปล่อยเลยตามเลย  หลับๆตื่นๆ หนาวจังแฮะ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
   อืม มม.. เริ่มอุ่นแล้ว......   สบายจังงง….... อ้าว   เช้าแล้วนี่    เฮ้ย   ตั้นมานอนข้างเราได้ไงวะ  เมื่อคืนเจ้าตั้นนอนในสุดนี่นา  ดูเวลาหกโมงเช้าแล้ว ยังไม่อยากลุกเลย  ผมรีบนอนตะแคงหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง  
   “ตื่นแล้วหรือพี่ปั่น” เสียงตั้นดังใกล้ๆมาจากด้านหลัง
   “อืม”
   “ผมตื่นมาราวตีสาม  เห็นพี่นอนหนาวอยู่ ก็เลยมานอนแทรกด้วย  พอดีผ้าห่มผมผืนใหญ่หน่อย  เลยห่มให้ด้วย”
   “ตั้น ไม่รู้อะไร  ความหนาวทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก  พี่น่ะสามารถสังเคราะห์แสงได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว  จึงกลายเป็นผู้ชายอบอุ่นไงล่ะ”  ปล่อยมุกอะไรแต่เช้าวะตู

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:21:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่ 7
   ผมว่า  ผมเห็นหลังเจ้าตั้นไวๆนะ  ขณะคุยกับสันต์ผู้ซึ่งทำงานร้านกาแฟอีกคนหนึ่งที่ทำงานสลับวันกับผม  ไปดูที่ประตู  ใช่จริงๆด้วย  กำลังขี่รถ(มอเตอร์ไซค์)ไปได้หน่อยหนึ่ง
   “ฮัลโหลพี่ปั่น  มีอะไรคับ”  รีบจอดรถข้างทางทันที
   “ก็ตั้นนั่นแหละ  มีอะไรหรือเปล่า”
   “ไม่มีอะไรนี่พี่”
   “นี่  นี่ หันหลังมาดูซะก่อน”  ตั้นหันหลังมา  เห็นผมโบกมือหยอยๆให้
   “ก็เมื่อกี้พี่เห็นตั้นชะโงกดูกระจกที่ร้านนี่นา”
   “อ๋อ  ผมจะแวะมาถามEng หน่อยเท่านั้นเอง  เห็นพี่มีแขกอยู่  ก็เลยไม่อยากกวน”  ตั้นอธิบาย
   “ตั้นไม่มีธุระไหนใช่ป่ะ  ถ้าไม่มีก็เลี้ยวมาด่วน”
   “ ’ ไม อ่ะพี่”
   “เถอะน่า  มา  มา  ช่วยฉลองให้พี่กับเพื่อนหน่อยละกัน”
   “ฉลองอะไรเนี่ย  เออ  เออ  ก็ได้  ก็ได้  เดี๋ยวผมไป”
ผมวางสาย   ดุ๋งก็ออกจากห้องน้ำมาสมทบทันที
   “ใครโทรมาเหรอ”
   “เจ้าตั้น  เมื่อกี๊โผล่มาแต่ไม่กล้าเข้า  เห็นว่ามีแขก(ผมปิดร้าน  แขวนป้ายไว้  แต่ไม่ได้เอาม่านลง)  ก็เลยโทรให้มาฉลองด้วยกัน”
   “ดี  ดี ฉลองกันหน่อย   ไหนๆก็ไหนๆแล้ววันนี้”

   สมาชิก เป็นสี่คนทันทีที่ตั้นมาถึง  ดุ๋งขอโทษขอโพยผมกับสันต์อีกรอบ  ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของมันเลย  ลืมบอกไปครับว่า  ดุ๋งมันรวยมาก  ที่บ้านก็มีธุรกิจใหญ่โตแล้ว  แต่ยังไม่อยากทำงานบริษัทตัวเองเท่าไร  จบโทจากนอกต่างหาก  เลยเลือกเรียนภาษาอังกฤษฆ่าเวลาไป  ที่จริงฐานะอย่างเจ้าดุ๋งไม่ต้องมาเรียนด็อกเตอร์ก็ได้  มันบอก  เรียนอังกฤษ  เพราะถนัดที่สุด  ฐานดีเป็นทุนเดิม  จะจบเมื่อไรมันไม่ซีเรียส  เพราะยิ่งยืดเวลาไปนั่งทำงานในบริษัทของตนมากเท่านั้น  คนมันรวยซะอย่าง  เห็นอย่างนี้ เก่งโคตร  โคตร
แต่เพื่อไม่ให้ที่บ้านอิดหนาระอาใจกับตัว เองมาก  ทั้งๆที่อายุก็ปูนนี้แล้ว  ก็เลยเลือกเปิดร้านกาแฟ  โดยให้ผมกับสันต์เป็นผู้จัดการร้าน(เรียกให้หรูหน่อยสิ)  ทำงานคนละวันกัน  โดยเอาตารางเรียนผมเป็นที่ตั้ง  ส่วนสันต์นั้นเรียนจบแล้ว  และก็มีกิจการขายก๋วยเตี๋ยวเป็นของตัวเอง  รายได้ก็ดี  แต่ต้องการหารายได้เพิ่ม เพราะภรรยาสาวกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง  สันต์จึงไม่มีปัญหาที่ต้องทำวันเว้นวัน  กลับดีเสียอีกที่ได้ดูแลที่บ้านสลับกับที่ร้านกาแฟโดยได้รับเงินเดือนแบบ เต็มๆ
   แต่เรื่องของเรื่องก็คือ  แฟนสาวของดุ๋งที่ใกล้จะหมั้นกันเต็มที(ตามที่มันเคยบอก)  มาขอบริหารงานที่ร้านกาแฟเอง  เพราะเรียนจบแล้ว  พ่อแม่ดุ๋งก็ยินดีปรีดาใหญ่  พวกท่านชอบคนที่ขยันทำมาหากินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ดุ๋งก็ไม่กล้าขัดอะไร(เพราะขัดใจมามากแล้ว)  จึงเป็นที่มาของการเลี้ยงส่งการทำงานวันสุดท้ายในร้านกาแฟนั่นเอง
   “เฮ้ย  บอกแล้วไง  เราต่างหากที่ต้องขอบคุณนายนะเจ้าดุ๋ง”
   “ใช่ พี่  อย่าคิดมากน่า  ไม่ต้องห่วงผมหรอก  ผมก็ไปช่วยครอบครัวขายก๋วยเตี๋ยวต่อ  อย่าลืมแวะมาอุดหนุนกันบ้างละกัน”  สันต์เอ่ยขึ้นบ้าง

   ดุ๋งกับสันต์ดื่มกันไม่มาก  เพราะดุ๋งต้องขับรถกลับ  ส่วนสันต์แทบจะไม่ดื่มเลย  จิบๆเท่านั้น  คนเป็นพ่อคนก็ยังงี้  สันต์บอกว่า  ลูกขอเอาไว้  อยากเห็นพ่ออยู่กับผมไปนานๆ  ฟังแล้วชื่นใจจริงๆ  น้ำตาจะไหลเสียให้ได้
   ดุ๋งกับสันต์กลับไปแล้ว(ทั้งคู่มาด้วยกัน)  เหลือผมกับตั้นที่ค่อยๆละเลียดเบียร์กันอยู่
   “พี่จะทำไงต่อไปอ่ะ”
   “พี่พอมีงานแปลอยู่บ้าง  ตอนนี้คงมีเวลาเพิ่มงานเขียนขึ้น”
   “ฮ้าาา..... ผมกำลังคุยกับนักเขียนอยู่หรือนี่  ทำให้แปลกใจอยู่เรื่อยเลย”
   “ไม่เห็นแปลกตรงไหน  ผมต้องทำมาหากินนะครับเพ่”
   “เหอะน่า ผมแปลกใจก็แล้วกัน พี่ปั่นเริ่มเมายัง  ตาหวานมากเลยนะเนี่ย”
   “อย่างอื่นก็หวานด้วย”
   “อารายยย....”
   “น้ำตาล”
   “เฮ้อ  ขอไว้อาลัยให้กับมุกนี้หนึ่งจอก”
   “ว่าแต่พี่  ตัวเองก็แก้มแดงเป็นตูดลิงเชียว”
   “อะไร  เคยได้ยินแต่แดงเป็นลูกตำลึงนะ   เออ  ผมไม่นึกว่าพี่  จะร้องเพลงมันขนาดนี้  เพราะอีกตะหาก  นุกนิกยังเพ้อหาพี่เลย”
   “เพ้อ ว่า   อย่ามาให้เจออีกนะสิ  ก็เห็นแต่ละคนกะลังป้อสาวกัน  อยู่ไปก็เป็นเอ  บี  ซี  ดี      พี่เลยชิ่งมาร้องเพลงดีกว่า  เผื่อใครแถวนั้นเป็นโมเดลลิ่ง  เห็นแววให้ออกกูเกิ้ลบ้าง”
   “ซิงเกิ้ล  ซิงเกิ้ล  ตลกอีกละ” ตั้นท่าทางเมาๆ
   “จริงๆนะพี่  วันก่อนเจอกับนุกนิก  ยังฝากความคิดถึงมาให้พี่เล้ย”  ตั้นเล่าต่อ
   “โหย  อย่าหลอกคนแก่สิมันบาป  ใครมาชอบพี่  แสดงว่าคนๆนั้นไม่เลือกคนเต็มทีแล้ว  อีกอย่างพี่ก็มีลูกแล้วด้วย”
   “ฮ้าาา.....จะทำให้ผมเซอร์ไพรส์ถึงไหนเนี่ย”  เสียงดูตกใจจริงๆ
   “เรื่องนี้ช่างมันเถอะ  ไม่สำคัญนักหรอก  ว่าแต่ตั้นเถอะฮอตจริงๆ   ก็เห็นสาวๆ  เค้า เหล่ๆตั้นอยู่น้า”
   “ไม่ ล่ะพี่  ผมก็คุยเป็นเพื่อนๆกันงั้นแหละ  อย่าลืมว่า  ผมเพิ่งโดนบอกเลิกมานะ  ยังเจ็บไม่หายเลย”  อ้าว  เฮ้ย  บรรยากาศเริ่มตึงๆซะแล้วสิ
   “.........กับความรักและซื่อสัตย์ตั้งสองปี  ผมยังโดนขนาดนี้  มันเจ็บมากรู้มั้ยครับ
เจ็บที่ใจนี่”  เอานิ้วจิ้มอกตัวเองประกอบ
   
   ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ  ตั้นก็ค่อยๆซบลงตรงไหล่ผม
   “ผม หวังว่า  ไม่นานมันคงหายทรมาน ......ซะที”  เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งและเงียบไปในที่สุด  ผมก็ได้แต่เอื้อมมือไปตบบ่าเบาๆเหมือนกำลังปลอบเด็กน้อยให้หายกลัว

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:21:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่ 8
   เรื่อง เรียนหนักขึ้นเรื่อยๆ   เงินเก็บที่ติดตัวมาเริ่มลดลง   ต้องปั่นงานแปลและงานเขียนเป็นเม็ดงินเพิ่มขึ้น  หลังจากต้องล้างมือจากอ่างทองคำที่ร้านกาแฟของเจ้าดุ๋ง(เหมือนวางมือจากยุทธ จักรยังไงยังงั้น)  ทั้งๆที่รู้และเตรียมตัวเตรียมล่วงหน้ามาแล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้าง  ส่วนเพื่อนคนอื่นๆแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องดังกล่าวเลย  แต่ละคนไฮโซทั้งนั้น
   อาจารย์ ให้แนวคิดถึงการไปค้นหาหลักฐานทางภาษาในหอสมุดแห่งชาติ  ผมสอบถามดุ๋งถึงที่ตั้ง  มันกลับบอกให้หาในเน็ตดีกว่า  แต่ผมอยากไปถึงที่จริงๆและต้องการสอบถามข้อมูลอื่นด้วยเพื่อประโยชน์ในงาน ต่อๆไป   จะถามดุ๋งอีกที  กลับขับรถออกไปซะงั้น  ดุ๋งนะดุ๋ง  จะโทรถามก็เกรงใจว่ากำลังขับรถอยู่  เดี๋ยวโทรถามตั้นก็ได้  พรุ่งนี้ก็วันเสาร์พอดี
   “ฮัลโหล  ตั้นว่างมั้ย  ตอนนี้”
   “ว่างครับ  คิดถึงผมละซี้  ถึงได้โทรมา  ไม่ค่อยโทรหากันเลยนะ”  ตั้นส่งเสียงหยอกเย้ามาตามสาย
   “เออ  ความคิดถึงกำลังเดินทาง  ว่างโย้หม่าย(อยู่มั้ย)ช่วยรับสายที” ผมครวญเพลงของโกไข่กับนายสนซะเลย
   “น้านพี่ปั่นเล่นด้วย  ทำเคลิ้ม  ทำเคลิ้ม  อ๊ะ  ล้อเล่ง  ล้อเล่ง”  ดูมันพูด
   “อะแฮ่ม  อะแฮ่ม    คือพี่ถามหน่อย  เรื่องหอสมุดแห่งชาติน่ะ  อยู่แถวไหนตั้น”
   “สบายมาก  พี่ถามถูกคนแล้ว.......”
ตั้น อธิบายเส้นทางจากที่นี่ไป  ต้องขึ้นรถเมล์  2  ต่อ  ผมก็พอเข้าใจบ้าง  ไม่น่ามีปัญหาอะไร   เป็นหนุ่มโฉดกรุงเทพฯ แค่ 4 เดือนเอง  แทบไม่ได้ไปไหนเลย ระหว่างมหาวิทยาลัย กับร้านกาแฟ(สัมมนานอกพื้นที่นานๆครั้ง)
ความจริงจะไปแท็กซี่ก็ได้แต่ อยากได้บรรยากาศมากกว่า  เหตุผลฟังดูดีนะครับ  เอ้า  เอาจริงๆนะ ต้องการประหยัดมากกว่า  แหม  อะไรประหยัดได้ก็ต้องทำไม่ใช่เหรอ  ก็มาอยู่เมืองกรุงหัวเดียวกระเทียมลีบนี่นา  เงินทองขาดมือจะทำยังไง  เรื่องมันเศร้ามากมาย
ผมแค่ถามทางตั้นเท่านั้นเอง  ไม่กล้าชวนไปหรอกครับ  เพราะกลัวว่าเขาต้องการพักผ่อนหรือทำกิจกรรมตามวัยของเขากับเพื่อนๆมากกว่า  แต่ตั้นอาสาจะพาไป  เหตุจากกำลังเครียดอยู่ที่อ่านหนังสือเตรียมสอบ  เป็นอันว่านัดเจอกันที่หอตั้นพรุ่งนี้  เวลาสามโมงเช้า
ผมออกจากหอราว  8.40   น. เห็นจะได้  เผื่อเวลาเดินอีกนิดหนึ่ง  สบายๆ  ไม่รีบร้อนอะไร  แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว  หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงหน้าหอพักเป็นคู่ๆ   เอ  นั่นเจ้าตั้นคุยกับใครนะ  หน้าตาคุ้นๆ ......น้องอิ๊กนั่นเอง   คงมาปรับความเข้าใจกันละมั้ง  ดีแล้วล่ะ  ตั้นจะได้เลิกหงอยซะที  ผมตรองดูแล้ว  ไม่เข้าไปดีกว่า  ให้เขาได้คุยกันเป็นกันเป็นส่วนตัวหน่อย  งั้นไปดีกว่า  เกรงใจตั้นมัน  ผมเลยส่งข้อความไปบอก
“เห็นคุยกับเพื่อนอยู่  พี่เกรงจายยย...จัง   ไม่ต้องห่วง  พี่ไปก่อนนะ รุ่นนี้แล้วไม่หลงหรอก”
   ผม จึงเดินเลยมาป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย  คนเยอะแฮะวันนี้  วันหยุดคนคงอยากไปเที่ยวไหนต่อไหนกันบ้างล่ะ  เสียงมือถือสั่นที่กางเกง
   “เดี๋ยวพี่   ตอนนี้อยู่ไหน”  เสียงตั้น เหนื่อยๆ  หอบๆ
   “ป้ายรถเมล์  หน้ามอ”
   “งั้นรอผมเดียว  กำลังไปหา  ห้ามไปก่อน  ไม่งั้นมีเหวี่ยงจริงด้วย”
   วาง สายไป  มองซ้ายขวา  เห็นเจ้าตั้นกระหืดกระหอบมาแต่ไกล  ดูวิ่งเข้าสิ  ตลกจัง  วิ่งเร็วซะด้วย  มาถึงก็หอบแฮ่กๆ  เหงื่อเต็มใบหน้าสีชมพู
   “เออ  ผู้ใหญ่นะผู้ใหญ่  ให้มันได้ยังงี้สิ  นัดไม่เป็นนัด” เป็นชุด
   “มา  มา  นั่งก่อน  เห็นคุยกันอยู่  ไม่อยากกวน  เกรงใจด้วย”  ผมอธิบาย
   “ไม่ เกี่ยวเลย  เราคุยกันเรื่องละครของมหาลัยเทอมหน้าโน่น  ไม่ใช่อย่างที่คิด  คนเขาอุตส่าห์จะพาเที่ยวบางกอกซะหน่อย” ชุดที่สองตามมา
   “คร้าบ  ขอโทษละกัน  ข้าน้อยผิดไปแล้ว  ข้าน้อยสมควรตาย”
   “เอาตัวไปประหาร  เครื่องประหารหัวจิ้งจก”
   “ข้าน้อยพูดเล่นนน......”  เจ้าตั้นถึงยิ้มออกมาได้

   เมื่อ ถึงหอสมุดแห่งชาติกันแล้ว  ก็แยกกันสำรวจตามความมุ่งหมายและความสนใจของตัวเอง  เสร็จภารกิจก็เที่ยงพอดี  ได้เวลากินแล้วครับ  ท้องอิ่มจึงชวนตั้นไปดูหนังต่อเพื่อเป็นการตอบแทน  ให้ตั้นเลือกจะดูอะไร  ปรากฏว่าเป็นหนังผีตลกๆ  ก็คลายเครียดดี   หนังจบตั้นชวนไปร้องคาราโอเกะต่อทันที  มีหรือผมจะปฏิเสธถึงขั้นนี้แล้ว  เรื่องเพลงขอให้บอก  เดี๋ยวจัดให้  ร้องกัน   เต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง   เหลือ  2  เพลงสุดท้าย  ตั้นเลือก  “ชายคนหนึ่ง”  ของปีเตอร์คอร์ป   เพลงนี้ไม่ได้ฟังนานแล้ว  เป็นเพลงที่เคยชอบด้วย  ส่วนผมเลือกเพลง “ลมหนาว”  ของทีฟอร์ทรี   ที่เพิ่งได้ยินเสียงต้นฉบับเมื่อคืนวันก่อน  ถึงรู้ว่าต้นฉบับร้องได้เพราะมาก  ร้องเพลงนี้ผมจึงอินเป็นพิเศษ

   เรา กลับถึงหอพักกันก็สองทุ่มกว่าแล้ว  ตั้นพยายามช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายตลอด  แต่ผมไม่ยอมท่าเดียว (เพราะมีหลายท่ามาก) ขอเป็นฝ่ายเลี้ยงเอง
   “สนุกมากเลยพี่ปั่น   คืนนี้คงนอนฝันหวานแน่ๆ  ขอบคุณมากที่เลี้ยงตลอด”  ตั้นบอกก่อนเข้าหอ
   “พี่ก็ม่วนซื่นหลาย  ในรอบสี่เดือนเล้ย”

ผมเดินกลับหอตัวลอยๆ  สงสัยตัวเองว่า  ทำไมถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้นะ

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:22:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่  9
   ช่วง นี้เข้าสู่ปลายเทอมแรกแล้ว  ใกล้สอบกันเต็มที  ไวๆจริงๆนะเวลา  ผมเจอกับตั้นและเจ๋งบ้างเป็นระยะๆ  โทรคุยกันตามสมควร  พวกน้องก็โทรถามเรื่องด้านภาษา  ส่วนผมถามพวกเขาในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ  ซึ่งเด็กวิศวะจะมีทักษะสูงทางด้านนี้อยู่แล้ว
   ผมแทบไม่มีเวลาคิด เรื่องอื่นเลยนอกจาก เรียน  เรียน  เรียน (หนักมากกก) กับ (วิธีหา)เงิน  เงิน  เงิน  ช่วงกลางๆเดือนกันยายน  ตั้นกับเจ๋งก็สอบกันเสร็จแล้ว  ผมสงสัยว่าทำไมสอบกันเร็วจัง  น้องๆบอกว่าแล้วแต่คณะและชั้นปี  อย่างพวกเขา  อาจารย์เร่งสอบก่อน  เพราะต้องการให้นิสิตได้มีเวลาทำโปรเจคท์ที่เหลือและบางสาขาก็ต้องฝึกงาน  ซึ่งก็แล้วแต่จะตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก  เจ๋งบอกว่า  ปิดเทอมนี้ต้องไปทำทัวร์กับป๊าและม้า  เป็นทัวร์ในประเทศ  ทัวร์ต่างประเทศก็มีเหมือนกันแต่เป็นโปรแกรมหน้า(ไม่ใช่โปรแกรมหน้าวิญญาณ อาฆาตนะ     มุกเก๊า.....เก่า)  รวยเหลือเกินพ่อคุณ  ตั้นบอกจะกลับไปบ้านสัก 4  -  5  วัน เพราะที่บ้านน้ำท่วม  ช่วงที่ฝนตกหนักในกรุงเทพฯช่วงก่อนและน้ำหนุนจากทางเหนือ
   “อย่างนี้เขาเรียกว่า  หัวบันไดบ้านไม่แห้ง”  เจ๋งแซว
   “หัวกระไดบ้านพี่ก็ไม่แห้ง  ใครผ่านไปมาก็บ้วนน้ำลายเข้าใส่  ขากตุ๊ย  ขากตุ๊ย”  ผมร่วมแจม
   “พอกันเลยทั้งคู่   เข้าขากันดีนักนะ”  ตั้นเบรก
   “แล้วปิดเทอมกลับบ้านมั้ยพี่ปั่น”เจ๋งถามผม
   “ของ พี่ปิดเทอมก็เหมือนไม่ปิด   ยังไม่ได้สอบเล้ย   ถ้าสอบเสร็จก็ต้องลุยวิจัยต่อ  และมันก็เป็นช่วงโอกาสทองด้วยที่จะเมกมันนี่  ถ้ากลับบ้าน  เฉพาะค่ารถไปกลับก็ปาเข้าเกือบพันบาทแล้ว  ไหนจะค่าอื่นๆอีก  พี่วางแผนกลับตอนสิ้นปีเอา”  ผมร่ายยาว
   “สรุปว่า  ม่ายกลับ”   เจ้าตั้นสรุปความให้  และเสนอต่อ
   “งั้นไปเที่ยวบ้านผมมั้ย  น่าอยู่น้า”
   “คิดดูก่อนได้ป่ะ”  ผมยังลังเลหลายๆเรื่อง
   “ไปนะพี่  ไปช่วยผมขนของหนีน้ำไง  ไม่มีใครช่วยขน  สงสารผมเถอะ”ตั้นโอดครวญทำตาปริบๆ
   “เออ  จริงพี่ปั่น  ช่วยไอ้ตั้นมันขนข้าวขนของหน่อย  แถมประหยัดค่ากับข้าวอีกหลายวันเชียวนะ”  เจ๋งสนับสนุนใหญ่
   “ใช่สิ  พี่จะประหยัดอีกเยอะเลย...........   อ๊ะก็ได้”
   “ไม่ค่อยเท่าไรเลยพี่เรา  แต่ไงก็รับปากแล้วนะ  ห้ามเบี้ยวละกัน  งั้นพรุ่งนี้กิ๊กเผลอแล้วเจอกัน”

   ตั้น เล่าให้ฟังขณะนั่งรถเมล์ไปด้วยกันตอนเย็นๆว่า  บ้านอยู่แถบชานเมืองติดกับนนทบุรีโน่น  บ้านจึงทำสวนเหมือนคนในพื้นที่  พอถึง  บ้านก็น่าอยู่จริงๆแฮะ  และก็ไม่ใช่ชาวสวนธรรมดาซะด้วยแต่เป็นระดับเศรษฐีของแถวๆนั้นเลยแหละ(สังเกต จากสภาพโดยรวมหลายปัจจัย)   พระเจ้าช่วย  คนรอบข้างผมทำไมมีแต่รวยๆกันนะ  เจอแม่กับพี่ชายและน้องสาวตั้น  แต่ไม่เห็นคุณพ่อ  อาจไปทำสวนยังไม่กลับก็ได้
   หลังจากที่ไต่ถามกันตามสมควรแล้ว  แม่ให้ตั้นพาผมไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน  ใกล้ค่ำค่อยมารับประทานอาหารกัน  ครอบครัวนี้รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันดี  แต่ก็ยังไม่เห็นคุณพ่อ  พี่ชายของตั้นก็แต่งงานเรียบร้อยแล้วลูกสาวอายุ 2 ขวบกำลังน่ารักน่าชัง บรรยากาศจึงครึกครื้นดีเมื่อมีเด็ก  เหมือนกับว่าไม่ใช่บรรยากาศของชาวกรุงยังไงยังงั้น  เมื่อทานข้าวเสร็จก็เปลี่ยนมุมมาที่ระเบียงรับลมเย็นๆ ผมคุยต่อพอหอมปากหอมคอ  จึงขอตัวออกมาก่อนเพราะครอบครัวไม่ได้เจอตั้นนานอาจจะต้องการคุยอะไรกันเป็น ส่วนตัวหน่อยก็ได้
   ผมแปรงฟันเสร็จก็ลงเอนกายนอนโซฟาทรงโบราณที่ดู คลาสสิกมาก(ถือคติ  กินแล้วนอนพักผ่อนกายา   กินแล้วนั่งเมื่อยหลังตาย......) เพื่อดูโทรทัศน์ที่ในห้องนอนซะหน่อย  ซักครึ่งชั่วโมงได้มั้ง  เสียงประตูเปิดเข้ามา  ผมรีบลุกขึ้นเดี๋ยวเสียภาพพจน์
   “ทำไม  ไม่สนุกหรือพี่  เห็นขึ้นมาก่อน ” ตั้นถาม
   “ไม่ใช่ยังงั้นซักหน่อย  เผื่อตั้นมีอะไรที่เป็นส่วนตัวที่อยากคุยกับแม่บ้างก็เท่านั้นเอง”
   “แหม  มีสมบัติผู้ดีจริงๆน้า”
   “ไม่ได้หรอก  พี่มีเชื้อเจ้าอยู่”
   “เจ้ามือหวย” ตั้นรีบพูด
   “คนทรงเจ้าต่างหาก”
   “เซ็งเป็ด  เซ็งไก่จัง” ตั้นบ่น
   “อ้าว  นอนต่อซีพี่ปั่น นอนหนุนตักผมก่อนก็ได้”ว่าพลางก็ตบที่ขาของตน
   “ตั้น  จะทำอะไรพี่น่ะ พี่กลัวแล้ว  อย่า  อย่า ทำพี่เลย  พี่ยังไม่เคยต้องมือใครมาก่อน   นอกจากทีน  ช่วยด้วย  ช่วยด้วย ”  ผมร้องเล่นๆ เบาๆ  ทำหน้าทำตา  เอามือทั้งสองข้างปิดหน้าอกเหี่ยวๆไว้  ซึ่งผมก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่าง นี้
   “เฮ้อพี่ตู  จะตลกไปถึงหนาย”  ตั้นส่ายหัวอย่างเพลียหัวใจ
   “อ่ะ  มาดิ  มานอนเถอะ  เราจะได้มีเรื่องเปิดอกคุยกัน  ผมยังไม่รู้เรื่องราวของพี่ปั่นแบบเจาะลึกเลย”  ตั้นมีสีหน้าจริงจัง
   “อืม”ผมขรึมบ้างแต่ไม่วาย
   “แต่ระวังกางเกงตั้นเปื้อนผงนะ  เพราะหัวพี่มีแต่ขี้เลื่อย”
   “พี่ปั่นนนนน.........”ตั้นคราง
   “ก็ด้ายคร้าบ....”
ผมค่อยๆนอนหงายลงเอาหัวนอนหนุนตักตั้นอย่างเบาที่สุด  ก็คนเค้าไม่เคยนี่นา
   “ขอจับผมได้ป่าว”  ปากถามแต่มือจับไปแล้ว
   “อืม ม” ผมตอบ  ไม่เป็นภาษา   รู้สึกแปลกๆจัง อบอุ่นยังไงไม่รู้  ไม่เคยมีใครทำอย่างนี้กับผมมาก่อน  เฮ้ย  เฮ้ย  คิดอะไรวะเรา  หยุดคิดไปได้เลย
   “ไม่นึกว่าผมจะนุ่มขนาดนี้”  ลูบเส้นผมอย่างเบามือ
   “นี้แหละเจ้าปั่นผมหอม  คู่แข่งเจ้าจันทร์ผมหอมเขาล่ะ” ผมจวนเจียนจะจนมุม
   “พี่ปั่นนี่ก็....” เสียงตั้นตลกๆ

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19374
Zenny
111328
ออนไลน์
1373 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-9-5 21:22:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่  10
   ผมพยายามคุมสติให้มั่น  ค่อยๆผ่อนคลายไปกับปฏิกิริยาของตั้น
   “เอาละนะ  ผมจะถามคำถามแรกแล้ว   จับเวลา”  ตั้นเริ่มต้น
   “ดะ...ดะ....เดี๋ยวก่อน  จะสอบประวัติอะไรพี่”  ผมผงกหัวขั้นแต่ตั้นรั้งไว้เบาๆ  ผมโอนอ่อนผ่อนตาม  สติต้องตั้งสติให้ดีสิเรา
   “ไม่ ใช่หรอก  ผมอยากรู้จักพี่ปั่นให้มากขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น  เรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน  มีอะไรพี่ก็ถามผมได้  อาจจะรู้จักผมในอีกแง่มุมหนึ่งก็ได้  ใครจะรู้  ตอนนี้ผมถามพี่ก่อน”
   “ก็ได้ครับ”  ผมเริ่มสงบลงแล้ว
   “เมื่อกี้ได้ยินคุยกับแม่ว่า  เป็นคนเหนือ  จังหวัดอะไรเหรอพี่”
   “ส่วน ใหญ่ถ้าพูดถึงภาคเหนือ  คนก็จะนึกถึงจังหวัดเชียงใหม่ตลอดเลยใช่ป๊ะ  ซึ่งพี่ก็เป็นคนเชียงใหม่นั่นแหละ  ไม่ใช่   เป็นหนุ่มเมืองรถม้าครับผม”
   “อ๋อ  ผมรู้ละ  เมืองรถม้า  สุรินทร์ใช่มั้ย”
   “นี่  นี่  พังงาตะหาก”
   “แหม  ผมรู้หรอกน่า  อ่อนๆ  ผมแกล้งก็เท่านั้น”
   “ทำไมพี่มาเรียนเอกได้ล่ะ”
   “ก็เป็นความฝันเฟื่องของคนบ้านนอกคนหนึ่งนะครับ”
   “อ้าว  ต่างจังหวัดที่ใกล้ๆ  ก็เปิดสอนนี่นา”
   “แต่สาขานี้มีแต่ที่กรุงเทพฯที่ดียวครับ”
   ตั้นส่งเสียงอือออในลำคอ
   “แล้วก่อนมาเรียนเนี่ย  พี่ทำอะไรมาก่อนล่ะ”  ตั้นซักไม่หยุด
   “อ้าว...เฮ้ย...ซักประวัติผู้ต้องหารึไง  ยิ่งหนีคดีมาด้วย”
   “เอาอีกละ  เหอะน่าพี่  คุยต่อ  คุยต่อ  ผมอยากฟัง”  มีการเขย่าตัวผมด้วย
   “เอาจริงเหรอ”
   “จริงดิ  แล้วที่ถามทั้งหมดเนี่ย  หลอกเหรอ”  น้ำเสียงงอนๆ
   “เอ๊า  ไหน  ไหน  ก็หลวมตัวแล้ว  บอกไปแล้วอย่าหัวเราะนะ”  ผมปรามไว้ก่อน
   “เออ  น่า”
   “เป็น.....เอ่อ......  อืม........เป็นครูครับ” ผมตอบอึกอัก
   “ฮ้า  เป็นครูหรือนี่  ผมละทึ่งเลย  รัฐหรือราษฎร์พี่”  เห็นตั้นสนใจอย่างนี้  ผมก็ไม่คิดปิดบังอะไร  บางทีการแบ่งปันเรื่องราวของตนให้คนอื่นฟัง  ก็เหมือนกับว่า  เราก็อาจเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเขาก็ได้
   “โรงเรียนรัฐบาล  สอนมาหมดทั้งอนุบาลยัน ม.3”
   “แล้วหน้าตาจืดๆแบบนี้  นักเรียนจะกลัวหรือครับ”  ถามด้วยหัวเราะด้วย
   “นึก แล้ว  ร้อยทั้งร้อยก็พูดแบบนี้  แม้แต่เพื่อนพี่ยังบอกเลยว่า  ถ้าเป็นนักเรียนก็จะแกล้งครูแบบพี่นี่แหละ  เพราะหน้าตาไม่ดุเลย  แต่หารู้ไม่  ฉายาพี่คือ  ใจดี  ตีเจ็บ  และหน้าตาแบบนี้นี่แหละที่มักจะเป็นฆาตกรโรคจิตซาดิสต์ซ้ำซ้อน  เพราะใครๆก็คาดไม่ถึงกันทั้งน้าน”
   “น่ากลัวมั่กมาก  เอ๊  หรือว่าจะจริง  แสดงว่าพี่ลามาเรียนใช่ป่ะ”  ตั้นสนใจจริงๆแฮะ
   “ครับ  ลา  มาเรียน  แต่เป็น  ลาออกเลย”
   “ทำไมล่ะ  ก็ลาเรียนได้ไม่ใช่เหรอ  แถมเงินเดือนก็ได้อีก”
   “พอ ดีเกิดคดีข่มขืนเด็กน่ะ   อ้อ  แรงไป  เอาใหม่  พอดีพี่ย้ายมาสอนประถม  โรงเรียนมีครูน้อย  แค่ 5  คน  ไม่ครบชั้นด้วยซ้ำ  ถ้าพี่ลามาเรียนก็คงได้อยู่  แต่ก็จะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป  เพราะต้องทิ้งภาระไว้กับครูที่เหลือ  ซึ่งงานเดิมก็หนักอยู่แล้ว  แต่ถ้าพี่ลาออก  ก็จะได้ครูใหม่มาแทนตำแหน่งเลย  แต่ก็ช้าเหมือนกันนะกว่าจะมาได้”
   “โอ้โฮ  พี่นี่ช่างแสนดีจริงๆเลย”
   “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  แค่สงสารครูกับนักเรียนก็เท่านั้น  และอยากทำตามความฝันด้วย  ไม่ได้นึกถึงความดงความดีอะไรเล้ย”
   “แสดงว่าพี่ลาออกมาก็ต้องได้เงินตอบแทนเยอะนะสิ”
   “เฮ้อ  เท่าทุนต่างหาก  เงินที่ได้ก็ใช้หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูไง  เล่าแบบไม่อายเลยนะ  แบบจนน่ะ กู้เยอะ    พี่ก็เลยทำงานงกๆอย่างที่น้องๆประจักษ์ไงเล่า”
   “ค่าเทอมราว  5  - 6 หมื่น ไม่ใช่เหรอ”
   “ถ้าเป็นปีก่อนๆก็ใช่  แต่ปีนี้ขึ้นเป็นเกือบ  80,000 บาท/เทอม  ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย”
   “แพงเหมือนกันเนอะ”  ตั้นเห็นด้วย
   “ทำไมเป็นครูอยู่ดีๆ  ไม่ชอบหรือพี่  มีปิดเทอมด้วย”
“ก็ ดีครับ เป็นอาชีพที่มั่นคง  มีเกียรติ  โดยเฉพาะต่างจังหวัด  นอกจากสอนให้เด็กมีความรู้แล้ว  ก็ยังภาคภูมิใจที่ได้สอนให้คนเป็นคนดีอีกด้วย  แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ  เกิดมาเป็นคนทั้งที  ก็อยากทำตามความฝันในชีวิตของตัวเองสักครั้งหนึ่งน่ะ”
“ซีเรียสเลยพี่เรา  เห็นพี่ปั่นจริงจัง  ก็ดูเท่ไปอีกแบบนะเนี่ย”
“จะทงจะเท่ยังไงก็ขอยอมแพ้ตั้นคนหนึ่งละกัน”
“แล้วเมียพี่ไม่ว่าอะไรบ้างเหรอ”  อยากรู้จริงจริ๊งนะ    ผมขำก๊ากขึ้นมา
“แค่แฟนเอง   ก็โดนเค้าทิ้งซะเลย  โชคดีนะที่เขาไหวตัวทัน  เขาไม่อยากรอจนเหนียงยานกว่านี้”
   “ก็ไหนบอกว่ามีลูกแล้วไง”
   “อ๋อ  จำได้อีก    เป็นลูกของหลานสาวอีกที  พ่อเขาทิ้งไป  พี่สงสารก็เลยให้เรียกว่าพ่อ”  ผมเล่าต่อ  หน้าตาเฉย
“เหมือนผมเลย  แต่ก็ช่างเถอะ  เชื่อมั้ยผมยังไม่รู้อายุพี่เลย”
ผมรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงของตั้น   แต่เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยได้ฉับไว
“จะรู้ไปทำไมเนี่ย  เขินนะ”  ผมพูดไปยังงั้นแหละ  ไม่ได้อายอะไร ก็แค่อายุ
“ว่าแต่ตั้นล่ะ  บอกก่อนดิ”  ผมหยั่งเชิง
“22 ครับ”  ผมนึกแล้วว่าเด็กปีสี่ส่วนใหญ่ต้องประมาณนี้   21  -  23  ขวบ
“คิดว่าพี่ซักเท่าไรล่ะ”
“น่าจะซัก  29  -  30ได้   ใช่ป๊ะ”
“เฮ้อ  เจ้าเด็กน้อย  พี่  37   แล้วครับ”  ผมตอบยิ้มๆอย่างผู้มีชัย(ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีชัยไปทำไมกัน)
“ฮ้าาาา.........(มันจะแปลกใจไปถึงไหนเนี่ย)  ไม่อยากจะเชื่อเลย   ทำไมหน้าอ่อนจัง  จริงป่ะเนี่ย”
“ไม่ ใช่หน้าอ่อนอย่างเดียว  ปัญญาก็อ่อนด้วย  แถมอย่างอื่นก็อ่อนๆอีกนิดหน่อย  พี่หมายถึง   ใจอ่อน ไง” ผมตอบ   แต่ตั้นอดหัวเราะไม่ได้
“ผมว่าหน้าพี่  เหมือนดาราที่ชื่อ  แตงโมนะ”
“หวานปานแตงโม  ภัทรธิดา  ดารา  ช่อง7เหรอ”
“ใช่ ซะที่ไหนเล่า  พี่ปั่นนี่  แตงโมที่แสดงเอ็มวี  วิท’ ลัยหลายใจ  ไง  ลูกของอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ปิยะพงษ์  ผิวอ่อนน่ะ  (ขอโทษนะครับที่ต้องเอ่ยชื่อกัน  แต่ก็เป็นไปในทางชื่นชมนะครับ)  หน้าตาพี่ไม่คมเท่า  แต่ตาหวานกว่า”  เจ้าตั้นอธิบายเป็นต่อยหอย(เจ็บป่าววะ)
“รู้ได้ไงว่าตาหวาน  มาแอบชิมตั้งแต่เมื่อไร”
“ของแบบนี้ไม่ชิมก็รู้ได้น่า”
“ชมกันขนาดนี้  พี่จะไม่ล้างหน้าซัก  3 วัน”
“เคลิ้มเลย  พี่ตู”
“งั้นพอใจยัง”
“พอใจแล้วคร้าบ    แต่ยังไม่หมดนะ  เดี๋ยวเก็บไว้ถามต่อ  ง่วงแระ  ขอตัวไปนอนก่อนนะคร้าบ”  ว่าแล้วก็ลุกไปเฉยเลย

อ้าว  เฮ้ย  เดี๋ยวก่อนยังไม่ทันได้ถามอะไรนายเลย  ขึ้นไปนอนทำท่าหลับปุ๋ยซะแล้ว  เออ  หลับได้หลับไป  เดี๋ยวจะทำให้ตื่นอย่างที่คิดซะเลย

ก็แค่  เอาสำลีปั่นหู  มาแยงหูเล่นให้ตาสว่างซะเลย
   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (Mod)
คณะบดี
โพสต์ 2010-9-5 21:47:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์ 2011-1-30 02:23:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมายเหตุ: ผู้โพสต์ถูกแบนหรือถูกลบ โพสต์นี้ถูกปิดโดยอัตโนมัติ
โพสต์ 2011-1-30 02:29:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
10
พลังน้ำใจ
865
Zenny
1400
ออนไลน์
484 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-4-7 14:19:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
치앙마이, 리눅스 패치.

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
169
Zenny
1845
ออนไลน์
37 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-6-16 16:38:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกจังเลยอะ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
417
Zenny
3971
ออนไลน์
61 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-6-17 19:20:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
MOSS SQUASE

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
169
Zenny
1845
ออนไลน์
37 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-6-21 13:57:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ว้า.....จบซะและ..กำลังสนุกเลย...มาลงให้อ่านอีกนะจะรอ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
26
พลังน้ำใจ
400
Zenny
4841
ออนไลน์
65 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-6-24 22:14:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
น่ารักดีครับ^^

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
85
Zenny
635
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-2-9 11:29:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
มารออ่านต่อนะครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
914
Zenny
1212
ออนไลน์
253 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-9-21 17:41:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-14 09:39 , Processed in 0.099790 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้