เทพรา (Re) อียิปต์เป็นดินแดนที่น่าพิศวง เรื่องราวและความลับยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็มีเรื่องราวเล่าขานที่หลงเหลือรอดมาถึงปัจจุบัน และตำนานที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคงไม่พ้น...ตำนานแห่งเทพ เทพของอียิปต์มีมากมาย แต่จะขอเล่าเรื่องราวของเทพที่มีอำนาจสูงสุดก่อน...สุริยเทพรา ก่อนที่ดินแดนไอยคุปต์จะผุดขึ้นจากผืนน้ำอันเป็นการเริ่มต้นของกำเนิดโลก รา เทพเจ้าผู้มีรัศมีรุ่งเรือง ทรงถือกำเนิดขึ้นและทรงไว้ด้วยฤทธานุภาพสูงสุด ในทันใดที่เทพ รา ตรัสว่า "ข้าคือ เคเปรา ( Khepera ) ในยามรุ่งอรุณ คือ รา ( Re ) ในยามเที่ยง และ ทุม ( Tum ) ในยามสายัณห์ " พระองค์ทรงปรากฎร่างเป็นดวงสุริยาที่ขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทิศตะวันออก บทจรข้ามท้องฟ้าและลับหายไปทางทิศตะวันตก ในวันแรกของการให้กำเนิดโลก เมื่อพระองค์ขนานนาม ชู ( Shu ) สายลมก็พัด สายฝนโปรายปรายเมื่อพระองค์เอ่ยนาม เตฟนุต ( Tefnut ) แล้วพระองค์ก็ทรงเอ่ยนาม เกบ ( Geb ) ทำให้เกิดแผ่นดินโผล่ขึ้นจากทะเล และทรงเอ่ยออกมาว่า นุต ( Nut ) ก็บังเกิดร่างของเทวีแห่งท้องฟ้าที่หยัดพระบาทไว้ที่ขอบฟ้าด้านหนึ่ง พร้อมวางพระหัตถ์ยังขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง และเมื่อทรงเอ่นนาม ฮาปิ ( Hapi ) ก็เกิดแม่น้ำไนล์ไหลผ่านดินแดนไอยคุปต์เพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์ ต่อจากนั้นเทพราจึงทรงสร้างสรรพสิ่งจากพระสาโท ( เหงื่อ ) และน้ำพระเนตร ( น้ำตา ) ที่ไหลมาจากดวงตาแห่งรา สิ่งสุดท้ายที่พระองค์สร้างคือ มนุษย์ชายและหญิงนั้นก็ได้ให้กำเนิดประชาชนที่พำนักอาศัยทั่วไปบนแผ่นดินไอยคุปต์ แล้วเทพราก็ทรงกลายร่างเป็นมนุษย์ และทรงขึ้นครองบัลลังค์เป็นฟาโรห์องค์แรกของไอยคุปต์ ทรงปกครองโลกที่พระองค์สร้างขึ้นมาอย่างรุ่งโรจน์สถาพร ทั้งสงบสุขและมั่งคั่ง ในยุคสมัยของเทพ รา แม่น้ำไนล์หลากท่วมท้องนาและลดลงสู่ระดับเดิมทุกปี โดยทิ้งโคลนตะกอนหนาเคลือบผิวดินที่ทำให้ผลผลิตงอกงาม ไม่มีปีใดที่แห้งแล้งเพราะแม่น้ำไนล์หลากน้อยเกินไป หรือท่วมมากหรือนนเกินไป นั่นถือเป็นยุคทองของไอยคุปต์ แต่เนื่องจากข้อบัญญัติที่กำหนดไว้ว่า ไม่มีมนุษย์คนใดจะมีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร และ รา ก็ทรงเนรมิตให้พระองค์เองกลายเป็นมนุษย์เพื่อปกครองไอยคุปต์ พระองค์จึงต้องดำเนินตามวิถีวัฏสังขารเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป เมื่อทรงชรา พระอัฐิ ( กระดูก ) ดูเป็นแท่งเงิน พระวรกาย ( ร่างกาย ) เหมือนทองคำ และพระเกศา ( ผม ) เป็นสีดอกเลา พระองค์ไม่สามารถปกครองผู้คนในไอยคุปต์ได้ดีเช่นเดิม ไม่อาจรบกับ อาโปฟิส มังกรแห่งความชั่วร้ายที่เติบโตขึ้นมาจากละอองปีศาจในความมืดยามราตรี ซึ่งทุกสิ่งที่ดีงามที่สดใสและได้รับจุมพิตจากดวงอาทิตย์ จะถูก อาโปฟิส คอยค้นหาและกลืนกิน ในขณะนั้นปีศาจแห่งอาโปฟิสก็เข้าครอบงำขวัญวิญญาณของคนในไอยคุปต์และทำให้คนเหล่านั้นเป็นกบฎต่อ รา ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายและเคารพบูชามังกรแห่งความมืดแทนการเคารพบูชาดวงเนตรแห่งทิวาและราตรีกาล ภาพงูยักษ์ทางซ้ายคืออาโปฟิส รา ทรงหยั่งรู้สิ่งต่างๆและแผนการที่ปีศาจในหมู่มนุษย์กำลังเตรียมเพื่อจะโค่นบัลลังค์ของพระองค์ ดังนั้น พระองคจึงทรงตรัสแก่ข้าราชบริพารทั้งหลายว่า "จงรวบรวมเทพสูงสุดในอาณัติของข้า เร่งให้เทพ ชู เตฟนุต เกบ และนุต มายังหอสภา จงตามหา นุน ( Nun ) วิญญาณแห่งท้องน้ำที่ข้าให้กำเนิดในตอนสร้างโลก จงเก็บมันไว้เป็นความลับ และอย่าให้เหล่าปีศาจในมนุษย์รู้ว่าข้ารู้ถึงสิ่งที่พวกมันกระทำ" ดังนั้น เทพทั้งหลายจึงมาปรากฏต่อเบื้องพระพักต์ รา น้อมคำนับและจุมพิตที่พระบาทเพื่อแสดงความภักดี เมื่อเทพทั้งหมดเสด็จมาครบองค์ นุน จึงกล่าวสรรเสริญ รา ในนามของเทพทุกองค์ "ขอพระองค์ทรงเจริญด้วยพระชนม์มายุและพลานามัย รา ผู้เป็นเทพและฟาโรห์แห่งไอยคุปต์ ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล โปรดบัญชาพวกตามเทวประสงค์" รา จึงตรัสว่า "นุน ผู้มีอาวุโสสูงสุดของทุกสิ่งและผองเทพที่ข้าเรียกให้มีชีวิต จงดูเถิด มนุษยชาติที่ข้าสร้างในชั่วเวลาวูบเดียว ข้าให้พวกเขาเกิดมาบนโลก และเป็นบริวารของข้า ทั้งยามเป็นและยามตาย ต่อมาบัดนี้ พวกเขากับวางแผนจะล้มล้างข้า ทำแต่สิ่งที่ชั่วร้าย ทำสิ่งที่เลวทรามในสายตาข้าไปจนถึงไอยคุปต์ตอนบน จงบอกข้าสิว่า ข้าควรเผาพวกมันด้วยเปลวเพลิงจากดวงตาของข้าได้แล้วใช่ไหม?" นุน กล่าวทูลแทนคณะเทพว่า "รา ผู้ยิ่งใหญ่เหนือข้า พระองค์นั้นทรงฤทธานุภาพยิ่งกว่าเทพทุกองค์ที่พระองค์สร้างขึ้น หากพระองค์ใช้กำลังเพลิงจากดวงพระเนตรสุริยา ประหารชีวิตมนุษย์ ดินแดนไอยคุปต์ทั้งหมดจะกลายเป็นทะเลทราย ดังนั้น โปรดเนรมิตสิ่งที่จู่โจมทำลายแต่เพียงมนุษย์ชาย-หญิงที่ชั่วร้าย โดยไม่ทำลายต่อสิ่งที่ดีงามเถิด พระเจ้าข้า" รา จึงตัดสินพระทัยว่า "แทนการใช้เพลิงจากดวงตาเผาพลาญ ข้าจะส่ง เสคเมต ( Sekhmet ) ไปกำจัดมนุษย์" เสคเมต (Sekhmet) ขณะที่ รา ตรัสถึงชื่อ ' เสคเมต ' สิ่งนั้นก็บังเกิดขึ้นทันทีในรูปของนางสิงห์ร่างขนาดยักษ์ นางพุ่งตรงไปยังไอยคุปต์ตอนบน ขย้ำและกัดกินมนุษย์เป็นอาหารจนแม่น้ำไนล์แดงฉานไปด้วยโลหิตและพื้นดินริมฝั่งแม่น้ำกลายเป็นโคลนเหนียวสีแดง ในเวลาไม่นาน มนุษย์ชั่วช้าส่วนใหญ่ก็ถูก เสคเมต ��บายเท่านั้นที่จะสามารถหน่วงเหนี่ยว เสคเมต ได้ หากข้าทำได้และช่วยให้มนุษย์พ้นจากเขี้ยวอันคมกริบและอุ้งมือของนางสำเร็จ ข้าจะมอบอำนาจอันยิ่งใหญ่กว่าเดิมและเหนือมนุษย์ให้นาง เพื่อให้นางมีใจยินดีและไม่รู้สึกด้อยเกียรติว่าถูกทอนอำนาจ" ดังนั้น รา จึงทรงเรียกผู้เดินสารที่รวดเร็วว่องไว และทรงบัญชา "จงวิ่งให้เร็วยิ่งกว่าและเงียบยิ่งกว่าเงาของตัวเอง ไปยังเกาะแห่ง เอเลเฟนไทน์ ( Elephantine ) ในแม่น้ำไนล์ ซึ่งอยู่ทางใต้ของ คาตารัคต์ ( Cataract – น้ำตก ) จงนำดินสีแดงซึ่งมีอยู่ที่นั่นเพียงแห่งเดียวมาให้ข้าโดยด่วน" เหล่านักเดินสารมุ่งฝ่าความมืดและกลับมายัง เฮลิออโปลิส นครแห่ง รา พร้อมกับดินสีแดงจาก เอเลฟันไตน์ จำนวนมาก ในขณะเดียวกัน โดยราชโองการของ รา นักบวชหญิงแห่งวิหารดวงอาทิตย์ทุกองค์และผู้รับใช้ในพระราชวังทุกคนก็ร่วมกันบดข้าวบาร์เลย์ และเริ่มทำเบียร์ซึ่งทำได้ถึง 7,000 เหยือก แล้วผสมดินนั้นเข้ากับดินของ เอเลฟันไตน์ จนมีสีแดงข้นราวกับเลือดเมื่อต้องแสงจันทร์ "เอาล่ะ" รา ทรงเอ่ยขึ้น "ขนสิ่งนี้ทวนกระแสน้ำ เพื่อคุ้มครองมนุษยชาติ นำไปยังที่ที่ เสคเมต มุ่งจะไปทำการล่าเหยื่อในวันรุ่งขึ้น และเทมันลงบนพื้นเพราะนี่จะเป็นกับดักเพื่อจับนาง" เมื่อฟ้าสาง เสคเมต ออกจากถ้ำของนางหลังกองหิน นางอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมองไปรอบๆ เพื่อหาอาหาร นางไม่เห็นมีสิ่งมีชีวิตใดๆ แต่สถานที่ที่นางได้ฆ่าคนไปมากมายเมื่อวานนี้ กลับกลายเป็นท้องนาที่ถูกปกคลุมด้วยบางสิ่งที่หนาเท่ากับความกว้าง 3 ฝ่ามือ และดูเหมือนเลือด เสคเมต จึงหัวเราะด้วยเสียงราวกับเสียงคำรามของนางสิงห์ที่กำลังหิวโหย นางคิดว่าสิ่งนั้นคือเลือดที่นางทำให้มันหลั่งในวันก่อน นางจึงก้มลงและดื่มมันอย่างตะกละตะกราม ดื่มแล้วดื่มเล่า ฤทธิ์ของเบียร์ที่แล่นเข้าสู่สมองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนางสิงห์ไม่อาจออกล่าหรือสังหารได้ จวบจนกลางวันใกล้จะสิ้นสุด นางคลานมาจนถึง เฮลิออโปลิส ที่ รา ทรงรอคอยอยู่ และเมื่อกลางวันแตะขอบฟ้า นางสิงห์ก็มิได้สังหารมนุษย์ผู้ชายหรือผู้หญิงแม้สักคนเดียวตั้งแต่เย็นเมื่อวาน "เจ้ามาโดยสันติ ดีมาก" รา ตรัส "สันติจงมีแด่เจ้าเช่นเดียวกับนามใหม่ เจ้ามิใช่ เสคเมต นักฆ่าอีกต่อไป แต่เป็น ฮาธอร์ ( Hathor ) เทพีแห่งความรัก อำนาจที่เจ้ามีต่อมนุษย์จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพราะความรู้สึกแห่งรักนั้นแข็งแกร่งกว่าความเกลียดชัง ทุกคนที่ได้รู้จักความรักจะเป็นเหยื่อของเจ้า ยิ่งกว่านั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงวันนี้ นักบวชหญิงแห่งความรักจะดื่มเบียร์แห่ง เฮลิออโปลิส กับดินสีแดงแห่ง เอเลฟันไตน์ ในวันแรกของทุกปี เป็นเทศกาลอันยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติต่อ ฮาธอร์" ด้วยเหตุนี้ มนุษยชาติจึงปลอดภัยเพราะเทพรา ผู้ซึ่งให้ทั้งความปิติและความเจ็บปวดใหม่แก่มนุษย์
|