คำสัญญาจากสามี หลังภรรยาแขนขาขาดขณะตั้งท้อง
จะดูแลไปตลอดชีวิต... คำสัญญาจากสามี หลังภรรยาแขนขาขาดขณะตั้งท้อง
ใคร จะรู้ว่า...อุบัติเหตุเพียงแค่เสี้ยววินาที เปลี่ยนชีวิตของสามีภรรยา และลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ไปอย่างสิ้นเชิง... เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 เวลา 1 ทุ่มกว่า... สองสามีภรรยากำลังขับขี่จักรยานยนต์กลับจากคลินิกหลังจากตรวจครรภ์ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรถพ่วงได้พุ่งเข้าชน เสยจนรถล้ม เป็นเหตุให้ภรรยาที่กำลังตั้งท้องถูกรถลากไปกว่า 15 เมตร หนำซ้ำยังถูกรถพ่วงที่ขับตามมาเหยียบซ้ำอีก
รายการ 5 เช้าข่าวดี (11 กุมภาพันธ์) จึงได้พาคุณภัทราภรณ์ ทาทอง และคุณวันชัย กุมภา มาบอกกล่าวถึงเรื่องราวที่เป็นเหมือนฝันร้ายในชีวิตให้ฟัง ซึ่งคุณภัทราภรณ์ เล่าให้ฟังว่า... วันนั้นตนกับสามีขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน หลังจากไปตรวจครรภ์ที่คลินิก พอมาถึงสะพานพุทธสาคร จังหวะ ที่กำลังขึ้นสะพาน จู่ ๆ ก็มีรถพ่วงขับมาชน ทำให้ร่างของตนกระเด็นล้มหงายลงไป รถพ่วงคันนี้เลยลากตนออกมา จากนั้นก็มีรถพ่วงอีกคันเหยียบทับ ทำให้แขนซ้าย และขาซ้ายของตนถูกทับจนแหลก
"รู้สึก ตัวตลอดเวลา ไม่ได้สลบ ตอนนั้นนึกถึงลูก นึกถึงแฟน เพราะเรายังถูกลากยาวมาขนาดนี้ แฟนเราจะเป็นอย่างไร แล้วลูกเราล่ะ แต่พอไปถึงโรงพยาบาลลูกเราปลอดภัย แฟนเราไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็ดีใจ" ภัทราภรณ์ กล่าว
ส่วน ทางด้านคุณวันชัย กล่าวว่า วินาทีที่รถล้ม... ตนแค่ล้มไปข้างทางเพียงเท่านั้น เลยเห็นทุกเหตุการณ์อย่างชัดเจน มันเหมือนฝันร้ายที่มันไม่น่าจะเกิด ตนไม่อยากจะเชื่อสายตา ตนเห็นแฟนถูกรถลากไป เห็นคนที่รักเจ็บปวด มันเป็นอะไรที่แย่ที่สุดในชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น จากแรงลาก และแรงกดทับของล้อรถพ่วง ทำให้แขนข้างซ้าย และขาซ้ายของคุณภัทราภรณ์ใช้ไม่ได้ แพทย์จึงจำเป็นต้องตัดทิ้งโดย คุณภัทราภรณ์ กล่าวถึงวินาทีที่รับรู้ว่าต้องเสียแขนและขาไปว่า ตอนที่เห็นตัวเองบนถนนก็รู้แล้วว่าแขนขาคงใช้งานไม่ได้ แต่พอรู้ว่าจะต้องตัดแขนขาทิ้ง ถ้าถามว่าเสียใจไหม ตนไม่เสียใจ เพราะตนยังมีชีวิตอยู่ ลูกตนก็ยังอยู่ แฟนตนก็ปลอดภัย ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป
"ให้กำลังใจตัวเองอย่างไร.. มันเหมือนให้กำลังใจคนอื่นมากกว่า เพราะเราต้องให้กำลังใจคนรอบข้าง ถ้าเราร้องไห้เสียใจ คนที่รักเรา คนที่เลี้ยงดูเรามาก็จะต้องทุกข์ใจ ถึงแม้เราลำบากแค่ไหนก็ต้องอยู่ เพราะลูกน้อยก็กำลังจะเกิดมา ยังไงเราก็ต้องอยู่ให้ได้"
ส่วนด้านสามี ก็ให้กำลังใจพร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า "ผมจะรักดูแลเขาและก็ลูกไปตลอดชีวิต" พร้อม กับเผยว่า ตอนแรกเรามีแพลนแต่งงานหลังปีใหม่ หลังจากที่ทราบว่าแฟนท้องได้หนึ่งเดือน เลยแจ้งพ่อแม่ให้ทราบ และก็คิดว่าหลังปีใหม่จะกลับไปแต่งงานกัน แต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน ซึ่งตนก็รอให้อะไร ๆ มันลงตัวกว่านี้ เพราะอยากจะสานต่อแพลนแต่งงานให้เป็นจริง..
นอกจากนี้ คุณภัทราภรณ์ กล่าวว่า จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้ตนรู้ว่าแฟนรักตนมากแค่ไหน เขาดูแลตนเป็นอย่างดี ตื่นแต่เช้าคอยดูแลตน อุ้มตนตลอดถ้าตนต้องการไปไหนมาไหน ส่วนด้านคุณวันชัย ก็บอกว่า อยากจะอยู่กับเขาตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็ต้องทำงาน เลยรีบตื่นเพื่อเขา และรีบกลับบ้านมาดูแล
"ไม่อยากให้เขาคิดว่าเขาเป็นภาระ เพราะเขาคือคนที่ผมรัก ผมสัญญาว่าจะดูแลเขาอย่างเต็มที่ ยังไงผมก็รักเขาเหมือนเดิม" คุณวันชัย กล่าว
ส่วนเรื่องคดีความ ทางทนายประชาชน ก็เปิดเผยว่า ตอน นี้ยังไม่รู้ตัวคนที่ขับรถชน และคนที่ขับรถลากตัวคุณภัทราภรณ์เลย ซึ่งมีรถที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ มาให้ปากคำแล้ว และอยากจะขอความร่วมมือว่า หากใครที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ให้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้ปากคำได้ เพราะว่าถ้าคุณภัทราภรณ์มีคู่กรณี จากเงินชดเชยที่เขาได้เพียง 1.5 หมื่นบาท เขาจะได้เพิ่มเป็น 2 แสน และเท่าที่ทราบพวกรถพ่วงตามบริษัทมักจะมีประกันชั้น 1 อยู่แล้ว ซึ่งเขาก็จะมาช่วยคุณภัทราภรณ์ในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าทุพพลภาพ และค่าขาดงานด้วย
ท้ายนี้ คุณภัทราภรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องร้าย ๆ ในชีวิต ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งก็มีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่ เพราะมันทำให้ตนรู้ว่ามีคนที่พร้อมจะหยิบยื่นน้ำใจให้ตนอย่างมากมาย ทั้งคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน พี่ทนาย ซึ่งตอนนี้ตนก็พยายามดูแลร่างกายให้เป็นปกติที่สุด เพื่อจะกลับไปทำงาน และเตรียมพร้อมเป็นคุณแม่ต่อไป...
|