"หลานอ๋อ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณคุณตาคุณยาย
ผมชื่ออ๋อครับ กำลังเรียนชั้นม.5 ที่โรงเรียนดังในสระบุรี หรือ "เมืองปากเพรียว" กับ "บ้านปากเพรียว" ในอดีต วันนี้ผมมีเรื่องน่าสยดสยองสุดๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ
ทุกสัปดาห์ผมต้องเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนกวดวิชาที่สยามสแควร์ในวันเสาร์และอาทิตย์ วันละ 7 ชั่วโมง ตอนแรกคิดว่าต้องลำบากมาก เพราะไม่มีที่พัก แต่พอดีน้านก-เพื่อนของแม่เสนอที่อยู่ให้
และนี่ทำให้ผมต้องเจอกับประสบการณ์ขนหัวลุกชนิดจัดเต็ม จัดหนักเลยแหละครับ!
บ้านที่น้านกให้ผมไปพักเป็นบ้านของน้านกเอง อยู่แถวประดิพัทธ์ สะพานควาย น้านกอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายตั้งแต่เล็กจนโต พอแต่งงานแล้วน้านกก็ตามสามีที่เป็นข้าราชการมาอยู่สระบุรี ส่วนพี่ชายไปอยู่เชียงรายโน่น นานๆ จึงจะมาเยี่ยมคุณตาคุณยายซะที
ต่อมา คุณตาคุณยายที่แก่เฒ่าก็ถึงแก่กรรม ทิ้งบ้านปิดร้างไว้เฉยๆ แต่ทุกเดือนป้านกจะลงไปดูแล และมีคนมาทำความสะอาดให้อย่างเรียบร้อย
น้านกบอกว่าผมจะพาเพื่อนไปอยู่ด้วยก็ได้ ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะบางสัปดาห์น้านกจะลงไปอยู่ด้วยเช่นกัน
ผมรวบรวมเพื่อนได้ 5 คน เราเรียนที่สถาบันกวดวิชาเดียวกัน พวกเรารวมทั้งพ่อแม่ของทุกคนดีใจที่มีคนใจดีให้ที่พักโดยไม่คิดเงิน ทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงได้เยอะ
คืนแรกที่พวกผมไปถึงเป็นคืนวันศุกร์ครับ!
เราเลิกเรียนแล้วก็นั่งรถตู้มากรุงเทพฯ เลย ถึงบ้านน้านกไม่ดึกนัก น้านกให้ป้าอร-คนดูแลบ้านคอยต้อนรับพวกเรา
บ้านนี้มี 3 ห้องนอน เราเลือกห้องติดกันซึ่งเดาว่าเป็นของน้านกห้องหนึ่ง ของพี่ชายห้องหนึ่ง ส่วนห้องนอนใหญ่ซึ่งอยู่ตรงข้ามต้องเป็นห้องของคุณตาคุณยายแน่ๆ
ป้าอรจัดที่นอนให้เราแล้วก็ขอตัวกลับบ้านไป
เธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ ตอนทำงานก็ทำแบบไปเช้า-เย็นกลับ และป้าอรนี่ละที่คอยช่วยเหลือคุณยายตอนที่ท่านเป็นอัมพาตอยู่ปีกว่าๆ ก่อนเสียชีวิต...ป้าอรบอกว่าคุณยายใจดีมากพวกผมไม่ต้องกลัวไปหรอก...
ผมยอมรับว่าแหยงๆ อยู่ไม่น้อย แม้ว่าคุณตาและคุณยายต่างก็ไปตายที่โรงพยาบาลไม่ได้ตายที่บ้านนี้เถอะเอ้า!
คืนแรกพวกผมหลับสบาย อาจเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง รุ่งขึ้นเราไปกวดวิชากันแต่เช้า พอตอนเย็นก็ซื้อของกินกลับเข้าบ้าน
คืนที่สองผมนอนไม่ค่อยหลับ พอเคลิ้มๆ ก็แว่วเสียงดนตรีไทยคล้ายใครมาสีซอเพลงเศร้าๆ อยู่ในบ้าน...ผมกลัวนะครับ มองไปข้างๆ พวกเพื่อนๆ มันก็หลับอุตุ...ตอนผมลืมตาเต็มที่น่ะเสียงซอเยือกเย็นก็ขาดหายไปเอง!
ตอนก่อนนอนผมดื่มน้ำมากไปหน่อยเลยปวดฉี่ ต้องลุกไปห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านนอก ปลุกเพื่อนก็ไม่มีใครตื่น ผมจำเป็นต้องเดินออกไปคนเดียว กลัวก็กลัวครับ...รีบๆ เดินไปทำธุระให้เสร็จเร็วๆ แล้วรีบกลับเข้าห้อง
ระหว่างทางก่อนถึงห้องนอนที่ผมเปิดประตูโร่เอาไว้ ผมก็ต้องชะงักขาเหมือนถูกสาปให้แข็งทื่อในบัดดล!
อะไรกันนั่น...ผมเห็นแสงไฟส่องลอดใต้ประตูห้องนอนใหญ่ออกมา และมีเสียงคุยกันเบาๆ แต่จับคำไม่ได้...เป็นเสียงของคนแก่สองคน ผู้หญิงกับผู้ชาย!
ถึงแม้ตอนดึกอากาศจะเยือกเย็นเพราะเป็นฤดูหนาว แต่ผมรู้สึกว่ามันเย็นยะเยียบยิ่งกว่าเดิม...เย็นเหมือนในช่องฟรีซ! แต่เหงื่อกาฬผมกลับแตกซิกออกมาเต็มหน้าผากเฉยเลย
ผมได้แต่ยืนแข็งทื่อเหมือนกลายเป็นก้อนหินไปทั้งตัว สันหลังเย็นวาบๆ ถ้าใจอ่อนกว่านี้นิดเดียวมีหวังน้ำตาไหลพรากแน่ๆ พยายามสูดลมหายใจยาว กัดฟันค่อยๆ ก้าวเดินไปจนถึงห้องนอนแล้วเข้าห้องปิดประตูแน่น หลับหูหลับตาห่มผ้าคลุมโปง
วันรุ่งขึ้น เตรียมตัวกลับสระบุรี
ป้าอรมาคอยปิดบ้าน ผมแอบบอกป้าอรว่าผมเจออะไรมาเมื่อคืน ป้าอรบอกไม่ต้องกลัวหรอก ผมไปเห็นท่านทั้งสองเอง ท่านไม่ได้ตั้งใจมาหลอกหลอนอะไรเลย
ผมพยายามทำใจ กราบไหว้ลาท่าน แล้วอธิษฐานว่าสัปดาห์หน้าและต่อๆ ไป ผมก็ต้องมาอยู่ที่นี่ ขอให้ท่านเห็นใจ ช่วยปกป้องคุ้มครอง...อย่ามาให้ผมหวาดกลัวจนขนหัวลุกอีกเลยนะครับ!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด