มรดกโลกในประเทศไทย สำหรับผู้ที่ทราบแล้ว อ่านอีกรอบก็เพลินดีนะ แต่จริงๆแล้ว กระทู้นี้จัดทำเพื่อ ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยนะครับ เที่ยวเมืองไทยเงินทองไม่รั่วไหล
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
มีใครเคยสงสัยบ้างว่า ทำไมฝรั่งต่างชาติจึงลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเดินฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงในบ้านเรา เพื่อชมซากก้อนอิฐก้อนหินพัง ๆ หรือโบราณสถานเก่า ๆ ในบ้านเรา เคยมีนักท่องเที่ยวสาวต่างชาติคนเหนึ่งเล่าให้ฟัง เธอบอกว่าทวีปเอเชียเป็นดินแดนที่ลึกลับและท้าทาย สำหรับคนหนุ่มสาวชาวตะวันตกการได้ออกมาท่องโลกซีกตะวันออกนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ชีวิตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ถือเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ถูกบรรจุลงในโปรแกรมการท่องเที่ยว และชาวต่างชาติก็นิยมเดินทางมาเที่ยวชมอยู่ไม่ขาด อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ UNESCO ในปี 2537 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ท่านสามารถเดินทางไปได้หลายทาง สำหรับการเดินทางไปเที่ยวชมเมืองแห่งประวัติศาสตร์สุโขทัยในคราวนี้ ผมอาศัยบริการของรถโดยสารที่สถานีขนส่งสายเหนือ หรือ หมอชิต 2 ส่วนรถยนต์โดยสารปรับอากาศที่จะไปยังจังหวัดสุโขทัยนั้นก็มีให้บริการทั้งวัน ระยะทาง 440 กม. จากกรุงเทพฯ ถึงสุโขทัย ใช้เวลาเดินทางราว ๆ 5 ชั่วโมง หากเดินทางออกจากขนส่งสายเหนือช่วงเช้า จะไปถึงสุโขทัยก็ช่วงบ่ายแก่ ๆ แต่หากเดินทางตอนกลางคืน ขอแนะนำให้ไปรถเที่ยวดึกหน่อยครับ จะได้ไปถึงจังหวัดสุโขทัยตอนช่วงฟ้าสางพอดี ส่วนใครสะดวกจะเดินทางด้วยเครื่องบินก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง อันนี้สะดวกสุดครับ
สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง เมื่อท่านเดินทางไปถึงจังหวัดสุโขทัย รถโดยสารจะไปจอดที่สถานีขนส่ง ซึ่งอยู่นอกเมือง ใครมาสุโขทัยครั้งแรกอย่าตกใจว่าทำไมจังหวัดสุโขทัยเงียบจัง ด้วยความที่สุโขทัยเป็นเมืองปิด ดังนั้นคงยากสักหน่อยที่จะมาเห็นผับบาร์แสงสีเสียง หรือสถานบันเทิงอย่างจังหวัดอื่น ๆ อีกอย่างด้วยความที่เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำมาแต่อดีต ชาวเมืองสุโขทัยแค่ทำอาชีพเกษตรกรรมก็สมารถเลี้ยงตัวและครอบครัวได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องดิ้นรนไปทำงานบริการอย่างอื่นเสริมให้ลำบาก เมื่อเดินทางมาถึงสุโขทัย ท่านสามารถเดินทางต่อไปยังอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้ทันที่ โดยสามารถต่อรถสองแถวค่าโดยสารท่านละ 10 บาท สอบถามจากเจ้าหน้าที่ในขนส่งได้เลยว่าคันไหนไปอุทยานประวัติศาสตร์ หรือหากต้องการความสะดวก ไม่อยากเสียเวลารอรถโดยสาร ท่านสามารถเหมาสามล้อเครื่อง หรือรถตุ๊กตุ๊กไปส่งได้
อุทยานประวิตศาสตร์ศรีสัชนาลัย
“ศรีสัชนาลัย” มรดกโลกที่ต้องไปเยือน การท่องเที่ยวแหล่งโบราณสถานแหล่งโบราณคดี นอกจากเป็นการเรียนรู้ศึกษาประวัติศาสตร์ไปในตัวแล้ว การท่องเที่ยวแนวนี้ นับมีเสน่ห์ และมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการได้สัมผัสกับวิธีชีวิตผู้คนชาวบ้านที่ยังดำเนินชีวิตในแบบดั้งเดิม ซึ่งแม้วันนี้วันเวลาจะได้ทำให้วิธีเก่าแก่เหล่านั้นลดน้อยถอยลงจนแทบจะไม่มีให้เห็น ทว่ากับสิ่งที่พอจะยังมีหลงเหลืออยู่นี้ ก็สมารถทำให้เที่ยวเดินทางของเรามีสีสัน เกิดความรู้สึกรักและภาคภูมิใจรากเหง้าของเราคนไทยขึ้นมาในทันที
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ถือเป็นมรดกโลกที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยเรา หากมีโอกาสหรือมีเวลาว่างผมขอแนะนำให้เดินทางไปเที่ยวชมกันครับ
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอศรีสัชนาลัยลงมาทางอำเภอสวรรคโลกประมาณ 11 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 550 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตของตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลสารจิตร ตำบลหนองอ้อ ตำบลท่าชัย ส่วนตัวเมืองโบราณศรีสัชนาลัยอยู่ใน
บริเวณ “แก่งหลวง” ในเขตหมู่บ้านพระปรางค์ ตำบลศรีสัชนาลัย อ. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 45.14 ตารางกิโลเมตร เดิมชื่อว่า “เมืองเชลียง” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ศรีสัชนาลัย” ในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงขึ้นครองกรุงสุโขทัย และได้สร้างเมืองขึ้นใหม่เป็นศูนย์กลางการปกครองแทนเมืองเชลียง ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์มีโบราณสถาน และโบราณวัตถุทั้งหมด 215 แห่ง สำรวจค้นพบแล้ว 204 แห่ง
อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
บ่อยครั้งที่เดินทางขึ้นเหนือเราอาจจะผ่านเลยเมืองกำแพงเพชรไปอย่างเหลือเชื่อทั้ง ๆ ที่จะว่าไปเมืองกล้วยไข่แห่งนี้มีของดีอยู่หลายๆอย่าง เรียกว่าที่ผ่านมาไม่เคยหาโอกาสไปเยือนเมืองกำแพงเพชร หรือ "ชากังราว"อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักครั้ง ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม2534 จังหวัดกำแพงเพชรตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย สภาพภูมิประเทศทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ของจังหวัดเป็นที่ราบ ส่วนทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาสลับซับซ้อน และเป็นต้นน้ำของลำธารต่างๆ เช่น คลองสวนหมาก คลองวังเจ้า คลองขลุง และคลองแขยง ซึ่งจะไหลลงสู่แม่น้ำปิง ที่เป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านกลางพื้นที่ของจังหวัดตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุด กำแพงเพชรเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าที่ปรากฎหลักฐานอยู่ในประวัติศาสตร์ไทยไม่น้อยกว่า700ปี เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง และเป็นเมืองหน้าด่านทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิงปรากฏซากกำแพงเมืองเก่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูโค้งไปตามแนวลำน้ำปิงส่วนกำแพงเมืองและป้อมปราการสร้างอย่างแข็งแรงและยังเหลือร่องรอยอยู่จนปัจจุบันจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก่อนมีเมืองกำแพงเพชรเคยมีเมืองเก่ามาก่อน2เมือง คือ เมืองชากังราว ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้าย(ตะวันออก)ของแม่น้ำปิง และเมืองนครชุม อยู่ทางฝั่งขวา(ตะวันตก) ของแม่น้ำปิง กำแพงเพชร จึงเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และธรรมชาติป่าเขา น้ำตก อันงดงาม มีอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 2534 และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ นก สัตว์ต่าง ๆ อาทิ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามอีกด้วย อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรแบ่งออกเป็นโบราณสถานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ซึ่งใช้วัสดุก่อสร้างที่แตกต่างกันด้านตะวันออกของแม่น้ำปิงเป็นที่ตั้งเมืองกำแพงเพชรโบราณสถานจะสร้างด้วยศิลาแลงและมีขนาดใหญ่ ส่วนโบราณสถานฝั่งตะวันตกคือเมืองนครชุมก่อสร้างด้วยอิฐและมีขนาดเล็ก แต่รูปแบบศิลปะที่ปรากฏมีลักษณะร่วมสมัยระหว่างสุโขทัยและอยุธยา นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานนอกเมืองกำแพงเพชร หรือเขตอรัญญิก ซึ่งเป็นที่อยู่ของสงฆ์ที่มุ่งในการปฎิบัติวิปัสสนาธรรม อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระยะทาง 2 กิโลเมตร อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการประกาศให้เป็น มรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534 ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สำหรับผู้ที่จะนำรถเข้าชมในบริเวณอุทยานจะต้องเสียค่าผ่านประตูคันละ50 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. (055) 711921
นครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี้เก่าของประเทศไทยมานาน 417 ปี ก่อนจะถูกกองทัพพม่าเผาจะแหลกรานจน
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชต้องย้ายมาสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ฯ หรือกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นเมืองหลวง แห่งใหม่จวบจนกระทั่งปัจจุบัน กรุงศรีอยุธยาเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมาแต่ครั้งอดีตที่เจิญรุ่งเรือง มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ
มีบันทึกฝรั่งมากมายกล่าวความเจริญรุ่งเรืองของราชธานีแห่งดินแดนตะวันออกแห่งนี้เอาไว้มากมาย แม้วันนี้ ความเจริญรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีตจะเหลือเพียงซากปรักหักพังของโบราณสถาน วัดวาอารามต่าง ๆ แต่ต่อมาก็ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย ซึ่งอยู่ ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยานั้น สะดวกสบายมาก ท่านสามรถเดิน ทางจากกรุงเทพฯ แบบไปเช้าเย็นกลับได้ ส่วนการเดินทางสามารถไปได้หลายทาง ทางรถยนต์นั้นให้เวลา แค่ชั่วโมงเศษก็ไปถึงอยุธยาแล้ว สำหรับการเดินทางโดยเรือจากกรุงเทพฯ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับ ความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยว
เพราะระหว่างทางท่านจะได้พบเห็นบรรยากาศ และภาพวิถีชีวิตคนไทย ตลอดแนวสองฝากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปตลอดเส้นทาง จะว่าไปแล้ว หากคิดจะเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ได้บรรยากาศ ก็อย่างที่ว่าควรจะล่องเรือ ไปเที่ยว เพราะจะได้ซึมซับบรรยากาศเมืองเวนิชตะวันออก แต่หากไม่สะดวก ขอแนะนำให้ขับรถไปเอง หรือจะใช้บริการรถยนต์โดยสารประจำทาง รถไฟ หรือรถตู้ ก็มีไว้บริการทั้งวัน ส่วนใครคิดอยากจะค้างคืนพักโรงแรม หรือเกตเฮาส์ บรรยากาศแบบใกล้ชิดริมน้ำก็มีให้เลือก มากมายหลายแห่งหลายระดับราคา
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
ฟื้นฟูธรรมชาติ และคืนสัตว์ป่า ให้ทุ่งใหญ่นเรศวร” สัมผัสอีกแง่มุมของการเดินทางสู่มรดกโลก การเดินทางสู่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ของผืนป่า "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร" อันเลื่องชื่อ เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำของนักเดินทาง เพราะเส้นทางอันยากลำบาก สอนให้เราอดทนฟันฝ่าอุปสรรค ที่ขวางกั้น เพื่อเข้าไปสัมผัสธรรมชาติอันงดงาม และยิ่งใหญ่ สอนให้เราระลึกถึงคุณค่าของธรรมชาติ และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่ตลอดไป ครั้งนี้ผมมีโอกาสอันดี ที่นอกจากจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยวแล้ว ยังได้ร่วมทำประโยชน์ซึ่งเชื่อว่านักเดินทางทั้งหลายคงจะรู้สึกดีหากการเดินทางมีอะไรมากกว่าการไปเที่ยว ผมมีโอกาสเดินทางไปกับขบวนคาราวานโฟร์วิลส์
ที่มีวัตถุประสงค์นอกจากการท่องเที่ยวยังได้นำเกลือไปมอบให้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเพื่อนำไปซ่อมบำรุงโป่งสัตว์ ที่มีอยู่มากมายในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อให้สัตว์ป่าได้มีแหล่งอาหารแร่ธาตุอย่างพอเพียง "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร" มีอาณาบริเวณถึง 2,071,875 ไร่ อยู่ในเขตตำบลไร่โว่ อำเภอ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และตำบลแม่ละมุ้ง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก สภาพป่าจะเป็นภูเขาสลับซับซ้อน อยู่ระหว่างรอยต่อทิวเขาถนนธงชัยตอนปลาย และทิวเขาตะนาวศรีตอนต้น พื้นที่บางส่วนเป็นที่ราบเชิงเขา หุบเขา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีต้นไม้ดึกดำบรรพ์ คือ ต้นปรง และต้นเป้งขนาดใหญ่ขึ้นมากมาย ประกอบกับ สภาพป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ทุ่งใหญ่ ฯ เป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่าชนิดต่างๆ เช่น กวาง เสือ ช้างป่า ป่าผืนนี้ยังมีอาณาเขตติดต่อกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ทางทิศตะวันออก และป่าแม่กลอง กับป่าอุ้มผาง ทางทิศเหนือ รวมกันเป็น 5,495,693 ไร่ ถือว่าเป็นผืนป่าอันใหญ่ และอุดม สมบูรณ์ของประเทศ ด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์แปลกกว่าที่อื่น เป็นที่น่าสนใจและพบเห็นได้เฉพาะในเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ป่าไม้ส่วนใหญ่ยังสมบูรณ์ด้วยไม้ชั้นต่างๆ ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ตามคบไม้ มักจะประดับไปด้วยกล้วยไม้ป่าที่ออกดอกมีสีสันต่างๆ บางต้นเป็นที่เกาะทำรังของผึ้ง และมีรวงผึ้งเกาะ แขวนอยู่ตามกิ่งไม้ เป็นจำนวนมาก บางแห่งเป็นป่าไผ่นานาชนิดที่สมบูรณ์ และมีขนาดใหญ่งดงาม นอกจากนั้นยังมีทุ่งหญ้าและป่าโปร่ง ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วไปตามเนินเขา เช่น ทุ่งใหญ่ ทุ่งฤาษี ทุ่งนเรศวร ทุ่งหญ้าเหล่านี้ มักจะมีไม้พื้นล่าง ตระกูลปาล์ม เช่น เป้ง ปรง ขึ้นแซมผสมอยู่กับไม้ยืนต้น ทำให้มองดู แปลกกว่าที่อื่น ต้นปรงส่วนใหญ่มีขนาดโต และมีลักษณะงดงามตามธรรมชาติ ตามท้องทุ่งบางแห่งจะมี กล้วยไม้ดินและดอกหญ้า ขึ้นสลับกับสีเขียวของทุ่งหญ้า สัตว์ป่าหลายชนิดได้อาศัยทุ่งหญ้าเหล่านี้เป็น ที่หากิน
จึงมักจะพบรอยเท้าสัตว์และทางด่านสัตว์เต็มไปหมด โดยเฉพาะตามน้ำซับและดินโป่งซึ่งมีอยู่ ทั่วไป โป่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ โป่งซ่งไท้เล็ก โป่งซ่งไท้ใหญ่ โป่งดงวี โป่งตะเลอะเซอะ โป่งบอน โป่งไผ่ และหนองหม่องดง ซึ่งมีนกชุกชุมมาก ลำห้วยหลายแห่งมีความสวยงามตามธรรมชาติที่หาได้ยาก เช่น ลำแควใหญ่ ที่ไหลผ่านทางด้านตะวันออก ห้วยแม่หม่องดง แม่น้ำกษัตริย์ใหญ่ ห้วยเซซาโว่ ห้วยเลอะเซอะ ห้วยดงวี ห้วยซ่งไท้ เป็นต้น ธรรมชาติที่น่าสนใจเหล่านี้
เป็นส่วนที่ได้สำรวจพบแล้วในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่มีเนื้อที่มากกว่า 2 ล้านไร่ และยังไม่ได้สำรวจโดยละเอียดอีกหลายแห่ง จึงคาดว่าจะได้พบสัตว์ป่าและธรรมชาติที่น่าสนใจอีกมากมาย ส่วนทางด้านตะวันออกมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ซึ่งอุดมด้วยสัตว์ป่า ถ้ำงู ถ้ำกระดูก บึงกะระตู บึงน้ำขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ "เป็ดก่า" ซึ่งเป็นนกน้ำประจำถิ่นที่มีประชากรน้อยมากในธรรมชาติ
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
รักษ์และเรียนรู้ธรรมชาติ... บนผืนป่าเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายไม่แพง สถานที่ท่องเที่ยว สวยงาม พบเห็นสัตว์ป่าได้ง่าย ที่สำคัญทุกตารางนิ้วของป่าเขาใหญ่ยังแฝงไว้ด้วยบทเรียนทางธรรมชาติวิทยา ที่ทุกคน สามารถแสวงหาความรู้ได้อย่างไม่สิ้นสุด ผมเงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ที่สูงจนคอตั้งบ่าต้นนั้น หูยังคงฟังเสียงอธิบายจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่พาคณะนักเดินป่า ผู้หลงใหลในธรรมชาติ เริ่มต้นเดินมาจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ความหวาดกลัวทาก ซึ่งจู่โจมพวกเราตั้งแต่เริ่มเข้าดงดูเหมือนจะลดลงไปมาก เมื่อความสนใจไปจับจ้องอยู่ที่ความอัศจรรย์เบื้องหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกว่าภาพที่เห็นนั้นไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้ใหญ่อย่างเดียว หากแต่ ต้นไม้ใหญ่ที่แทงยอดสูงขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 30 เมตร ใต้ร่มเงา คือกอหวายมากมาย ตามเปลือกไม้แลเห็น มอส จับเป็นพื้ด รวมไปถึงกล้วยไม้ และเฟิร์นหลากชนิด ผมเพิ่งเข้าใจว่า ต้นไม้เพียงหนึ่งต้นอาจอธิบายถึงสังคมพืชในป่าใหญ่ ได้ครอบคลุมทีเดียว เขาใหญ่จึงไม่เพียงเป็นป่าใหญ่ใกล้เมืองเท่านั้น หากยังเป็นเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ ซึ่งสอนมนุษย์ให้มีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติ และนั่นก็เป็นหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของพื้นที่ซึ่งเรียกว่า อุทยานแห่งชาติ แม้กระนั้น คนมากมายที่มาเที่ยวป่าก็อาจไม่เห็นป่า เห็นเพียงต้นไม้มากมายขึ้นรกเรื้อไร้ระเบียบ แต่หากลองหยุดมองต้นไม้แม้เพียงสักต้น มองอย่างลึกซึ้งและใคร่ครวญ และไม่เพียงจะได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น แต่มันอาจเป็นประตูนำเราล่วงลึกเข้าสู่ป่าใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังได้ เราเดินมาถึงอ่างเก็บน้ำมอสิงโต มองไปทางตะวันออกเห็นภูเขาที่อยู่ข้างหน้าคือ เขาร่มกับเขาเขียว ซึ่งมีต้นไม่ใหญ่แน่นทึบไปหมด ลัดเลาะมาตาม พุ่มเอนอ้าหรือ อ้าหลวง เป็นไม้เบิกนำชนิดหนึ่ง ที่ช่วยให้ธรรมชาติสร้างป่าทดแทนขึ้นมา เราเดินต่อไปไม่นานก็พบว่า ต้นไม้เริ่มสูงและมีร่มเงามากขึ้น แม้ว่าโปร่งพอที่แดดจะส่องลงมาได้ก็ตาม บริเวณนี้เป็น ดงติ้วป่ากว่าจะเป็นป่าใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ต้องผ่านการทำงานของพืบแต่ละชั้นเป็นขั้นเป็นตอน จากป่าหญ้าคามาเป็นดงสาบ...ลายเป็นไม้พุ่มอย่างเอนอ้า จนมาถึงไม้ต้นอย่างติ้วป่า และไม้ตระกูลปอ จึงจะกลายเป็นป่าดงดิบได้ และจากแนวถนนมาจนถึงที่นี่ ผมได้เห็นสังคมพืบหลายประเภท เริ่มจากไม่ซับซ้อนมากนัก ค่อยๆเพิ่มความหลากหลายของพืชพรรณมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ดงใหญ่ที่แท้จริง เราเข้าสู่ดงไม้ที่มืดครึ้ม ผิดกับช่วงที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงทกเป็นอุปสรรคไม่น้อยสำหรับการเดินป่าในครั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาในป่าที่ชุกชุมด้วยสัตว์ป่าอย่างเขาใหญ่ แต่ความกลัวทอกก็ทำให้บางคนไม่มีสมาธิที่จะดูสิ่งอื่น จากจุดแรกที่เราอยุดก่อนจะเข้าดง เรามองเห็นป่าดิบจากระยะไกล คราวนี้เราเข้าใกล้กันจนชิด ใต้ต้นยางที่สูงใหญ่ เห็นไม้พื้นล้างของป่าดิบมีพรรณไม้จำพวกหวาย และป่าขึ้นอยู่มากมายซึ่งพรรณไม้เหล่านี้ใช้เป็นเครื่องสังเกตสำหรับป่าดิบชื้นได้ รวมไปถึงต้นปอหูช้างที่มีใบใหญ่เท่ากะละมัง เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนคบไม้ มีเฟิร์น ตลอดเส้นทางที่เราเดินศึกษาธรรมชาติในป่าเขาใหญ่ ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย และทำให้เห็นถึงเหตุและปัจจัยที่ส่งผลให้ธรรมชาติเป็นอย่างที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าว่า ธรรมชาติมีเหตุผลเสมอไม่มีชีวิตใดที่เกิดอย่างไร้เหตุผล ปราศจากหน้าที่ ไม่มีอะไรอยู่อย่างโดดเดี่ยว การสัมผัสสิ่งหนึ่ง ย่อมกระทบถึงอีกสิ่งหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหมือนกันประโยคที่ว่า เด็ดดอกไม้ สะเทอนถึงดวงดาว ส่วนเรื่องที่พักอาหารการกินไม่ต้องห่วง
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง หลังจากที่กรมศิลปากรได้ไปขุดค้น และตรวจเก็บวัตถุโบราณที่กระจัดกระจายอยู่ในหมู่บ้านกลาง ทุ่งนามาตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งของเหล่านั้นเป็นของเก่ายุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุ 5000 ปี หมู่บ้านบ้านเชียง แห่งอำเภอหนองหาร จังหวัดอุดรธานี ก็กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศและ ทั้งโลกขึ้นมาในทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านเชียงต่างก็พบเห็นวัตถุโบราณเหล่านี้อยู่เป็นประจำทุกครั้งที่ขุดลงไป ใต้ดิน ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดเศษวัตถุถ้วยชามเก่า ๆ ลายเขียนสีแดงจะกลายเป็นแสงดึงดูดให้ผู้คนจาก ทั่วทุกสารทิศให้หลั่งไหลเดินทางมาเยือนแดนดินอันไกลโพ้นทางภาคอีสานแห่งนี้
จารึกหลักที่๑
จารึกพ่อขุนรามฯมรดกโลก คุณเคยลองนึกบางไหมว่าตัวหนังสือที่เราใช้อ่านเขียนกันมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร จึงอยากไปสัมผัสต้นกำเนิดของภาษาไทยเราจึงค้นคว้าหาข้อมูลและทราบว่า สิ่งที่ผมอยากรู้ตอนนี้อยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงนั่นเอง การเดินทางไปก็ไม่ยากลำบาก มีพาหนะให้เลือกใช้บริการมากมาย แต่ที่สะดวกและประหยัดคงหนีไม่พ้นรถเมล์ ข้อมูลสำคัญของศิลาจารึกหลักที่1นี้บอกไว้ว่า คณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติของยูเนสโก ประชุมกันที่เมือง "กแดนซค์" (Gdansk) ประเทศโปแลนด์ ได้พิจารณาใบสมัครจำนวน 43 รายการ จาก 27 ประเทศทั่วโลก ผลประชุมมีมติสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ให้ยูเนสโกจดทะเบียนระดับโลก ศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหง ได้รับการจดทะเบียนระดับโลกในปี 2546 ซึ่งจะตรงกับวาระครบรอบ 720 ปี ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ที่เป็นเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง บางทีเรียกว่า จารึกหลักที่ 1 เป็นจารึกที่สำคัญและยกย่องว่าเป็นวรรณคดีเรื่องแรกของไทยที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้เพราะการใช้ภาษาในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงนั้นเข้าลักษณะสากลที่ว่า ภาษาของคนโบราณมักใช้ถ้อยคำพื้นๆ ประโยคที่ใช้กินความเป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน บางตอนมีเสียงของคำสัมผัส ฟังไพเราะเข้าลักษณะของวรรณคดีได้ ปัจจุบันศิลาจารึกจัดแสดงไว้ที่ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทยในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร สันนิษฐานว่าหลักศิลาจารึกนี้ผู้แต่งอาจมีมากกว่า 1 คน เพราะเนื้อเรื่องในหลักศิลาจารึกแบ่งได้เป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 ใช้คำแทนชื่อว่า กู เข้าใจว่าพ่อขุนรามคำแหงคงจะทรงแต่งเอง ตอนที่ 2 และ 3 เข้าใจว่าจะต้องเป็นผู้อื่นแต่งเพิ่มเติมภายหลัง โดยจุดมุ่งหมายก็เพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆ ในสมัยกรุงสุโขทัย ลักษณะการปกครอง ชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร ตลอดจนบรรยายถึงความเจริญรุ่งเรือง และความสมบูรณ์พูนสุขของกรุงสุโขทัยลักษณะการแต่ง แต่งเป็นร้อยแก้วที่มีลักษณะเป็นภาษาไทยแท้ เป็นประโยคสั้นๆ กะทัดรัด บางตอนมีเสียสัมผัสคล้องจองกันบ้างระหว่างวรรคเนื้อหาสาระ ตอนที่ 1 เป็นเรื่องราวของพ่อขุนรามคำแหงทรงเล่าประวัติของพระองค์ตั้งแต่ประสูติจนได้เสวยราชย์ ใช้คำแทนชื่อว่า "กู" เป็นพื้น จึงเป็นทำนองอัตชีวประวัติ ตอนที่ 2 เนื้อเรื่องเป็นการเล่าเหตุการณ์ต่างๆ และขนบธรรมเนียมของกรุงสุโขทัย การสร้างพระแทนมนังคศิลา การสร้างวัดมหาธาตุ เมืองศรีสัชนาลัย และการประดิษฐ์อักษรไทย ตอนที่ 3 เนื้อเรื่องเป็นการกล่าวสรรเสริญและยอพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตของกรุงสุโขทัยที่แผ่กว้างออกไป เรียกได้ว่าศิลาจารึกหลักที่1นี้ให้คุณค่าอย่างมหาศาลไม่ว่าจะเป็น ด้านประวัติศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติพ่อขุนรามคำแหง จารึกไว้ทำนองเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และสภาพสังคมของกรุงสุโขทัย ทำให้ผู้อ่านรู้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของกรุงสุโขทัย พระปรีชาสามารถของพ่อขุนรามคำแหง และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสุโขทัย 2. ด้านสังคม ให้ความรู้ในด้านกฎหมายและการปกครองในสมัยสุโขทัย 3 ด้านวัฒนธรรม ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวสุโขทัย 4 ด้านภาษา จารึกของพ่อขุนรามคำแหงเป็นหลักฐานสำคัญที่สุด ที่แสดงให้เห็นถึงกำเนิดของวรรณคดีและอักษรไทย ดังมีตัวอย่างให้เราท่านได้ชมกันมีข้องความดังนี้คือ "พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้องท้องเดียวห้าคน ผู้ชายสาม ผู้ญิ่งโสง พี่เผือผู้อ้ายตายจากเผือเตียมแต่ยังเล็ก" "เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูบำเรอแก่แม่กู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่บ้านท่เมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ดั่งบำเรอแก่พ่อกู พี่กูตาย จึงได้เมืองแก่กูทั้งกลม"
|