จักจั่น นับล้านๆ ตัวกำลังโผล่ขึ้นจากผืนดินในทางตะวันออกของอเมริกา หลังจากฟักตัวไว้ใต้ดินกว่า 17 ปี เจ้าแมลงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้กำลังพร้อมใจลุกขึ้นมาบินว่อนหาคู่ใน ช่วงเดือนนี้ จักจั่น แมลงมีปีกที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน และกัดกินรากของต้นไม้เป็นอาหาร กำลังจะพร้อมใจกันโผล่ขึ้นมาบนดิน เพื่อบินหาคู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนนี้ ก่อนที่จะจบชีวิตลงในอีกไม่กี่วันหลังจากได้ผสมพันธุ์ ขณะนี้มีจักจั่นจำนวนมากฝังตัวอยู่ใต้ดิน และพร้อมจะโผล่ขึ้นมา มีทั้งฝูงที่ฝังตัวมาแล้ว 17 ปีนับสิบๆ ฝูง และฟักตัวมา 13 ปีอีกเป็นจำนวนมากมายหลายฝูง ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวอเมริกาจะพบจักจั่นแค่บริเวณทางตะวันออกของประเทศ ทั้งนี้ เคธ เคลย์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจักจั่น แห่งมหาวิทยาลัยอินเดียนา คาดการณ์ว่าการโผล่ขึ้นมาจากดินเพื่อนผสมพันธ์ครั้งนี้ จะมีประชากรจักจั่นมากถึง 3,000 กิโลกรัมต่อเฮกเตอร์ (10,000 ตารางเมตร) หรืออาจรวมทั่วสหรัฐได้มากถึงล้านล้านตัว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็ได้คาดการณ์ว่าจักจั่นจะบินแพร่กระจายไปทั่ว 14 มลรัฐทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งจอร์เจีย อินเดียนา เคนตักกี นิวยอร์ก และโอไฮโอ การเพิ่มจำนวนที่มากมายของจักจั่น ทำให้เคธได้วางแผนการศึกษาวงจรชีวิตของแมลงเหล่านี้ เพื่อไขคำตอบว่าทำไมถึงขยายพันธุ์ได้รวดเร็วนัก จากการศึกษาวงจรชีวิตพบกว่า จักจั่นวัยหนุ่มเริ่มหาคู่ด้วยการส่งเสียงร้อง (อย่างที่เราๆ เคยได้ยินกัน) เพื่อดึงดูดจักจั่นเพศเมีย ซึ่งเสียงของจักจั่นเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ หลังจากที่จักจั่นวัยเจริญพันธุ์ได้จับคู่กันแล้ว ตัวเมียก็จะสร้างรอยแยกเล็กๆ ไว้ที่กิ่งไม้ เพื่อเก็บไข่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์เอาไว้ ซึ่งตัวเมียของจักจั่นจะออกไข่ได้มากกว่า 600 ฟองต่อครั้ง และหลังจากหย่อนไข่ลงที่ซ่อนแล้ว จักจั่นทั้งคู่ก็จะจบวงจรชีวิตของตัวเองลง วงจรชีวิต 17 ปีของจักจั่น 1.เมื่อตัวเมียวางไข่ ก็จะตายหลังจากไข่ฟักตัวอ่อน 2.ตัวอ่อนตกลงสู่พื้นดิน 3.ตัวอ่อนขุดลงสู่ใต้ดิน โดยอาศัยรากไม้เป็นอาหาร 4.หลังจากครบ 17 ปีตัวอ่อนก็จะโผล่ขึ้นมาจากหลุม ปีนขึ้นสู่ต้นไม้ ลอกคราบเปลี่ยนเป็นจักจั่นที่โตเต็มที่ 5.จักจั่นวัยเจริญพันธุ์พร้อมหาคู่ในช่วง พ.ค.-มิ.ย.ในรอบปีที่ 17 ของชีวิต วงจรชีวิตของพวกเขาหลังจากขึ้นสู่พื้นดิน จะดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก และเมื่อใกล้ตายยังส่งกลิ่นเหม็นไปอีกหลายวัน แต่ก็จะหายไปเอง ส่วนไข่ที่ทิ้งไว้ ก็จะฟักเป็นตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา และจักจั่นตัวน้อยก็จะค่อยๆ เจาะหลุมเพื่อลงไปอาศัยอยู่ใต้ดิน ซึ่งจักจั่นตัวน้อยนี้ก็จะหายไปอีกเป็นเวลา 17 ปีหรือ 13 ปีตามสายพันธุ์ แล้วจึงค่อยโผล่ขึ้นมาหาคู่กันใหม่ในอีก 10 กว่าปีข้างหน้า ช่วงฤดูผสมพันธุ์ของจักจั่นนับล้านๆ ตัวนี้ เจ้าของบ้านทั้งหลายในอเมริกาต่างได้รับคำเตือนให้ใช้ตาข่ายล้อมรอบอาณาเขต บ้านของตัวเองไว้ และควรป้องกันต้นไม้ที่เพิ่งเติบโต และต้นไม้พุ่มเตี้ยๆ แม้ว่าแมลงปีกใสเหล่านี้จะไม่เป็นอันตราย แต่ว่าช่วงเวลาที่เหล่าจักจั่นฝูงยักษ์ส่งสัญญาณเรียกหาคู่จะทำเกิดเสียง รบกวนน่ารำคาญหูของมนุษย์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้จักจั่นก็เป็นแมลงที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ฉะนั้นจึงมักกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของทั้งนกและหมา ดังนั้นหากมีจักจั่นมาอาศัยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ของชาวบ้านก็อาจจะมีสัตว์ ล่าเหยื่อเหล่านี้แวะเวียนมาคุ้ยแคะ สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินได้ สำหรับบ้านเราปัญหานี้ก็คงจะไม่เกิดนะครับ เพราะไม่ทันได้โตชาวบ้านก็ขุดหาไข่ ซึ่งผมถามคนที่มีถิ่นอาศัยอยู่ชนบท บอกว่าไข่มีราคาแพงมาก จะขุดหาในช่วงฤดูร้อน ดังนั้นมันจึงแพร่พันธุ์ได้น้อยกว่าที่อเมริกาครับ ก็เป็นเรื่องราวของจักจั่นที่มีอายุอยู่ใต้ดินนานกว่าบนดิน ก็คือโผล่ขึ้นมาเพื่อผสมพันธุ์และลาโลกไป แปลกดีนะครั
|