บทความเรื่องนี้เป็นการสำรวจและวิเคราะห์เรือนร่างของเกย์ไทยที่ปรากฎอยู่ในสถานบริการเพื่อสุขภาพ หรือรู้จักในนาม “ซาวน่าเกย์” (Gay Sauna) พื้นที่ของซาวน่าเป็นพื้นที่ที่สะท้อนความเป็นส่วนตัวของชาวเกย์ซึ่งเข้าไปใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย ร้องเพลงคาราโอเกะ อบไอน้ำ อบซาวน่า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ชมภาพยนตร์ และนั่งพักผ่อน นอกจากนั้นอาจมีบริการนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งสถานบริการเหล่านี้จะมีพนักงานชายรูปร่างหน้าตาดีไว้บริการแขก อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญและเป็นหัวใจของซาวน่าเกย์ก็คือ การเปิดเผยร่างกายของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ เกย์แต่ละคนจะนุ่งผ้าขนหนูโดยเปลือยร่างกายท่อนบน ถ้าเข้าไปในห้องอบไอน้ำ เกย์บางคนก็อาจเปลือยร่างกายทั้งหมด การเปิดเผยร่างกายเช่นนี้มีความหมายอย่างไร ผู้เขียนจะลองสำรวจว่าเกย์ไทยให้ความหมายและให้คุณค่าต่อร่างกายของตัวเองและผู้อื่นอย่างไรบ้าง
การศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องนี้ ผู้เขียนมีโอกาสเข้าไปใช้บริการซาวน่าเกย์หลายครั้ง และพบเห็นความแตกต่างกันของซาวน่าแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา การตกแต่งสถานที่ การบริการของพนักงาน รูปแบบและชนิดกิจกรรมที่ให้บริการ ตลอดจนความสะอาดและสวยงามของสถานที่เหล่านั้น ผู้เขียนได้พบความคล้ายคลึงกันของซาวน่า และเห็นรสนิยมของเกย์หลากหลายลักษณะ เกย์ที่เข้าไปใช้บริการล้วนแสดงออกถึงความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งประเด็นนี้คือสิ่งที่ผู้เขียนจะนำมาวิเคราะห์ นอกจากนั้น พฤติกรรมทางร่างกายของเกย์ที่ปรากฎอยู่ในซาวน่าจะเป็นเครื่องแสดงถึงทัศนคติและความคิดของเกย์แต่ละคนว่ามองดูร่างกายของตัวเองอย่างไร เกย์ชอบร่างกายแบบไหน รูปร่างหน้าตาแบบไหนที่เกย์ปรารถนา
ทั้งนี้ ผู้เขียนต้องการทำความเข้าใจความหมายของ “ร่างกาย” ของเกย์ในบริบททางวัฒนธรรม และซาวน่าก็เป็นสถานที่ลับเฉพาะของชาวเกย์ที่ไม่เปิดเผยแก่สังคม ชาวเกย์เท่านั้นจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร มีวัตถุประสงค์อะไร และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซาวน่าเป็นพื้นที่ของการปะทะกันระหว่างเรือนร่างหลายๆแบบ ซึ่งเกิดขึ้นบนจินตนาการ ร่างกายของเกย์ในพื้นที่ซาวน่าจึงเป็น “ร่าง” ที่ถูกหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรม เงื่อนไขและการใช้ชีวิตในซาวน่าของเกย์อาจเป็นรูปแบบของการใช้ชีวิตแบบหนึ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับเกย์ไทย
เนื่องจากในปัจจุบันมีซาวน่าเกย์เกิดขึ้นมากมายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซาวน่าอาจเป็นแหล่งที่เกย์มาพักผ่อน มาหาคู่ หาเพื่อนใหม่ หาคนรัก มาออกกำลังกาย หรือเหตุผลอื่นๆ ซาวน่าอาจเป็นหลักฐานที่บ่งบอกให้รู้ว่าชีวิตเกย์ไทยในเขตเมืองกำลังพัฒนาตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม ซาวน่าจึงเป็นทั้งสถานที่อ้างอิงตัวตนของเกย์ (gay identity) และเป็นพื้นที่ที่ทำให้เกย์กลายเป็น “วัตถุ” ภายใต้โลกทัศน์ของทุนนิยม นายทุนหลายคนคิดว่าธุรกิจแบบนี้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และลูกค้าเกย์ก็พร้อมที่จะเข้าไปใช้บริการได้ตลอดเวลา ซาวน่าหลายแห่งจึงมีการลดแลกแจกแถม มีโปรโมชั่นให้เลือกเพื่อจูงใจลูกค้า ภาพทางวัฒนธรรมของธุรกิจนี้เข้ามาควบคุมและจัดระเบียบชีวิตของเกย์อย่างไม่รู้ตัว เกย์ที่ใช้ชีวิตในซาวน่าจึงมิใช่เป็นเพียง “ลูกค้า” เท่านั้น หากแต่ยังเป็น “ผลผลิต” ของการสร้างภาพ “ความเป็นเกย์” ( gay image )ให้กับวัฒนธรรมเกย์ในสังคมไทยด้วย
การศึกษาเรื่องนี้ไม่ต้องการให้สังคมไทยกล่าวตำหนิระบบทุนนิยมและธุรกิจซาวน่าว่าเป็นธุรกิจสกปรก หรือเป็นการค้าทางเพศ หากแต่ผู้เขียนต้องการให้ชี้ให้เห็นว่าชีวิตของเกย์ไทยปัจจุบันถูกควบคุมด้วยสิ่งใดบ้าง เกย์ไทยมีชีวิตที่เป็นอิสระตามที่เกย์ปรารถนาหรือไม่ มีพื้นที่ทางสังคมใดบ้างที่เกย์สามารถเปิดเผยตัวตนของตนเองได้อย่างอิสระเท่ากับซาวน่าหรือไม่ ระหว่างพื้นที่ซาวน่ากับพื้นที่สาธารณะ พื้นที่แบบไหนที่เข้าไปจัดระเบียบร่างกายของเกย์ ถ้าซาวน่าเป็นดินแดนแห่งความฝันซึ่งเกย์เลือกที่จะเข้าไปสัมผัสแล้ว เกย์จะได้พบกับความฝันจริงหรือ คำถามเหล่านี้ต้องการคำอธิบาย ผู้เขียนหวังว่าบทความเรื่องนี้จะสะท้อนภาพบางประการที่ทำให้เข้าใจตัวตนของเกย์ในอีกแง่มุมหนึ่ง และในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมว่า “ซาวน่า” เป็นประดิษฐกรรมทางวัฒนธรรมที่ถูกควบคุมและวางกฎเกณฑ์จากทุนนิยม ซึ่งสร้างวาทกรรมกระแสหลักให้สังคมไทยปัจจุบัน
เมื่อแรกเริ่มมีซาวน่าเกย์
ในสังคมตะวันตก สถานที่ที่เกย์มาพบกันเพื่อที่จะมีเพสสัมพันธ์กันเกิดขึ้นที่ “ห้องอาบน้ำ” หรือ Bathhouses ห้องอาบน้ำนี้เปิดบริการแก่สาธารณชนแต่เกย์ได้ใช้สถานที่นี้เพื่อหาคู่ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว ในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 สำหรับคำว่า ซาวน่า หรือ Sauna เป็นคำเรียกในภาษาฟินแลนด์ซึ่งมีความหมายว่าการอาบน้ำ ซึ่งตรงกับคำว่า Bathhouse ในภาษาอังกฤษ ในวัฒนธรรมของชาวฟินแลนด์ ซาวน่าเป็นกิจกรรมที่อยู่ในชีวิตประจำวัน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกเกี่ยวกับซาวน่ามีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1112 ซาวน่าระยะแรกๆจะมีลักษณะเป็นโพรงขุดลงไปในดิน ภายในหลุมจะมีการจุดไฟเพื่อให้ความร้อน เมื่อไฟดับแล้วผู้ที่จะอาบน้ำก็ลงไปในหลุม ต่อมาสร้างเป็นห้องไม้เล็กๆบนพื้นดิน ภายในห้องซาวน่าจะมีเตาถ่านที่วางหินร้อนไว้ด้านบน ห้องจะปิดสนิทเพื่อมิให้ความร้อนออกไป ชาวฟินแลนด์จะใช้เวลาอบตัวในซาวน่าเป็นเวลานานครึ่งวันหลังจากนั้นจึงออกมาอาบน้ำ ชาวฟินแลนด์ถือว่าการอบตัวในซาวน่าเป็นกิจกรรมทางสังคม สมาชิกในครอบครัวจะมารวมตัวกันในซาวน่าและทำกิจกรรม
ชนพื้นเมืองอเมริกันก็มีวิธีการอบตัวคล้ายๆกับชาวฟินน์ ห้องอบตัวของชนพื้นเมืองอเมริกันเรียกว่า Sweat Lodge ในบันทึกของโรเจอร์ วิลเลียมส์ ในปี ค.ศ.1643 อธิบายว่าชนพื้นเมืองเข้าไปอบตัวในกระโจมเพื่อทำความสะอาดร่างกายและผิวหนัง ชนเผ่า Sioux เชื่อว่ากระโจมที่ใช้อบตัวเปรียบเสมือนครรภ์ของมารดา และหินที่ถูกเผาไฟจนร้อนคือจุดกำเนิดของชีวิต ส่วนไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาหมายถึงพลังของจักรวาล ชนพื้นเมืองในอเมริกาเชื่อว่ากระโจมที่ใช้อบตัวเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าและการกำเนิดของมนุษย์ ชนเผ่า Utes จะมีพิธีกรรมประกอบขณะมีการอบตัว ซึ่งเมื่อมีเหงื่อออกมาแล้ว ชาวUtes เชื่อว่าเป็นการขับไล่ปีศาจออกไปจากร่างกายและจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตามการอบตัวในห้องซาวน่ามิใช่สิ่งที่เกย์ต้องการเป็นอันดับแรก แต่ “ห้องอาบน้ำ” สาธารณะเปิดโอกาสให้เกย์เข้าไปหาคู่ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเอื้อให้เกย์มีเพศสัมพันธ์กันได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อมีการเปลือยร่างกายขณะอาบน้ำ วัฒนธรรมการอาบน้ำอาจย้อนไปถึงวัฒนธรรมของชาวตุรกีซึ่งหล่อหลอมมาจากศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามให้คุณค่ากับความสะอาดและการใช้น้ำสำหรับชำระร่างกาย ห้องอาบน้ำของชาวตุรกี หรือ Turkish Bath (hamam)จึงเป็นธรรมเนียมการอาบน้ำต้นแบบให้กับ “ห้องอาบน้ำ” ในยุคหลัง ห้องอาบน้ำแบบตุรกีเป็นสถานที่โอ่โถง สร้างด้วยหินอ่อน วัฒนธรรมการอาบน้ำแบบตุรกียังเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม เช่น เมื่อเด็กเกิดใหม่ได้ 40 วัน พ่อแม่จะนำมาอาบน้ำ เจ้าสาวที่แต่งงานจะเข้ามาอาบน้ำพร้อมๆกับกินอาหาร โดยจะมีดนตรีเล่นประกอบ ในห้องอาบน้ำแบบตุรกีจะมีทั้งท่อน้ำร้อนและน้ำเย็น ภายในห้องอาบน้ำจะมีการแยกพื้นที่ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายออกจากกัน ผู้ที่เข้าไปอาบน้ำจะนุ่งผ้าเช็ดตัวหรือกางเกงขาสั้น จากบันทึกของนักเดินทางในศตวรรษที่ 14 อธิบายว่าผู้ชายที่เข้าไปอาบน้ำจะไม่สวมอะไรเลยซึ่งผิดกฎและจะถูกลงโทษ การอาบน้ำแบบตุรกีจะต่างจากการอาบน้ำของชาวฟินแลนด์ กล่าวคือชาวตุรกีจะไม่มีการจุดไฟด้วยถ่านและก้อนหินเพื่ออบตัว ชาวตุรกีจะเน้นการอาบน้ำชำระล้างกายเพียงอย่างเดียวซึ่งอาจจะมีการขัดผิวเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกบนเรือนร่าง หรือนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
การแยกส่วนพื้นที่อาบน้ำนี้ทำให้ผู้ชายมีโลกส่วนตัวของตัวเอง และอาจเป็นช่องทางให้เกย์พบกับคนที่มีรสนิยมทางเพศเหมือนกัน ในยุควิคตอเรียซึ่งให้คุณค่ากับระเบียบวินัยและการรักษาความสะอาดของร่างกาย ทำให้เกิด “ห้องอาบน้ำ” มากมายในเมืองต่างๆทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ตัวอย่างในนิวยอร์ค ในปี ค.ศ.1852 รัฐบาลมีนโยบายขจัดสิ่งสกปรกออกไปจากเมือง ทำให้มีการควบคุมพลเมืองให้รักษาความสะอาด โดยเฉพาะคนยากจนและผู้อพยพจะถูกบังคับให้อาบน้ำ ห้องอาบน้ำสาธารณะจึงเกิดขึ้นหลายแห่งตามนโยบายนี้ ในช่วงทศวรรษที่ 1890 ชาวเกย์นิยมไปห้องอาบน้ำสาธารณะเพื่อหาคู่และมีเพศสัมพันธ์ จอร์จ ชอนซีย์ อธิบายว่าห้องอาบน้ำคือสถานที่ที่เกย์สามารถสร้างกลุ่มทางวัฒนธรรมของตัวเองได้ชัดเจน แต่เกย์หลายคนก็ต้องเสี่ยงกับการถูกตำรวจจับเพราะในช่วงเวลานั้น การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันถือเป็นความผิดร้ายแรง เช่น กรณีในปี ค.ศ.1910 เมื่อเกย์คู่หนึ่งถูกจับในข้อหาเป็นโซโดมี(Sodomy)
เจ้าของห้องอาบน้ำในต้นศตวรรษที่ 20 จึงพยายามป้องกันมิให้เกย์เข้าไปใช้บริการ ถ้าพบเห็นเกย์พลอดรักในห้องอาบน้ำ เจ้าของก็จะไปแจ้งตำรวจ หรือจ้างยามเฝ้าตรวจตราพฤติกรรมของผู้ชายที่เข้าไปใช้ห้องน้ำ แต่เจ้าของอาบน้ำบางแห่งก็พอใจกับลูกค้าที่เป็นเกย์เพราะสามารถหากำไรได้มากจากกลุ่มเกย์ ยิ่งเกย์มาใช้บริการมากเท่าไร เจ้าของก็ยิ่งมีกำไรมากเท่านั้น ห้องอาบน้ำที่เปิดโอกาสให้เกย์เข้าไปหาคู่ก็จะกลายเป็นพื้นที่ของเกย์โดยเฉพาะ ชอนซีย์อ้างถึงคำพูดของโธมัส เพนเตอร์ซึ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับห้องอาบน้ำของเกย์ในนิวยอร์คในช่วงปี ค.ศ.1939-1940 ว่า “ในย่านโคนีย์ไอร์แลนด์มีห้องอาบน้ำที่น่าตื่นเต้น เพราะลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นรักร่วมเพศ ซึ่งมีไม่น้อยกว่า 100 คน บางคนชอบอาบแดดที่กลางแจ้ง แต่ส่วนที่นิยมมากที่สุดก็คือห้องอบไอน้ำ ภายในห้องนั้นจะมืดสลัวและเต็มไปด้วยหมอกควัน ทุกคนจะมองไม่เห็นหน้าว่าใครคือใคร รอบๆกำแพงห้องจะมีมานั่ง แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เดินไปชนคนที่นั่งอยู่”
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ห้องอาบน้ำกลายเป็นที่บริการสำหรับเกย์และมีการสร้างห้องอาบน้ำเพื่อเกย์โดยตรง ยุครุ่งเรืองของห้องอาบน้ำสำหรับเกย์คือทศวรรษที่ 70 เป็นต้นมา และเจ้าของห้องอาบน้ำก็เริ่มเป็นของเกย์ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นยุคที่เกย์ออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เกย์จำนวนมากจึงเปิดเผยตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ นอกจากนั้น ยังมีกฎหมายที่อนุญาตให้เปิดกิจการห้องอาบน้ำสำหรับเกย์ได้อย่างถูกต้อง เช่น ในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งออกกฎหมายอนุญาตในปี ค.ศ.1976 ยุคดังกล่าวนี้จึงเต็มไปด้วยการแสดงออกอย่างเปิดเผยของเกย์ เกย์จึงทำกิจกรรมต่างๆมากมาย ห้องอาบน้ำของเกย์ก็มีกิจกรรมเพิ่มขึ้นด้วย เช่น มีการจัดฉายภาพยนตร์ สื่อสิ่งพิมพ์ของเกย์ก็มีส่วนโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ห้องอาบน้ำหลายๆแห่ง ธุรกิจเกย์ในหลายประเภทจึงมีสื่อช่วยเผยแพร่ ลูกค้าเกย์จึงเพิ่มจำนวนมากขึ้น ห้องอาบน้ำเกย์จัดกิจกรรมเพื่อดึงดูลูกค้า เช่น จัดงานปารตี้เนื่องในเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินพาเหรด วันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส และวันปีใหม่
ในทศวรรษที่ 70 ห้องอาบน้ำของเกย์จึงเป็นพื้นที่ของการแสวงหาความสำราญของเกย์ ในสถานที่เหล่านี้จะมีพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมทางเพศทำให้เกิดสภาพแวดล้อมแบบ “พาฝัน” หรือ fantasy environment เช่น ห้องน้ำจะมีรูเจาะไว้สำหรับการสอดใส่อวัยวะเพศ ห้องมืดที่ใช้เป็นที่หาคู่และมีเพศสัมพันธ์ รู้จักในนาม Orgy Room ห้องดังกล่าวนี้เปิดโอกาสให้เกย์มีเพศสัมพันธ์กันแบบตัวต่อตัวหรือแบบเซ็กซ์หมู่ เขาวงกตที่มีทางเดินซับซ้อนใช้เป็นที่หลบซ่อนและหาคู่เพื่อประกอบกิจกรรมทางเพศ มีห้องอบไอน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องชมภาพยนตร์ที่มีมุมสำหรับทำกิจกรรมทางเพศ และบางแห่งอาจสร้างห้องจำลองของคุกที่มีโซ่ตรวนแขวนไว้เพื่อบริการลูกค้าที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ
เมื่อถึงทศวรรษที่ 80 ห้องอาบน้ำสำหรับเกย์ถูกมองว่าเป็นแหล่งมั่วสุมและส่ำส่อนทางเพศ เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ สาธารณชนเริ่มรับรู้ว่าสถานที่ดังกล่าวนี้คือแหล่งที่เกย์มาหาคู่นอนและมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ห้องอาบน้ำของเกย์ก็ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการแพร่เชื้อ สถานการณ์ของโรคเอดส์ทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางว่าห้องอาบน้ำของเกย์สมควรจะปิดหรือไม่ มีทั้งผู้ที่ต่อต้านและสนับสนุน และเรื่องที่กลายเป็นประเด็นก็คือห้องอาบน้ำของเกย์คือแหล่งแพร่ระบาดของโรคทางเพศสัมพันธ์หรือว่าเป็นสถานที่ที่ถูกสุขลักษณะ และให้ความรู้เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ที่สะอาดและปลอดภัย
อาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจห้องอาบน้ำสำหรับเกย์เป็นธุรกิจที่สร้างกำไรให้กับนายทุน ขณะเดียวกันก็สร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมให้กับเกย์ แต่ธุรกิจแบบนี้ก็เสี่ยงต่อการถูกปิด เนื่องจากสังคมยังมองว่าห้องอาบน้ำเกย์คือพื้นที่ที่สกปรก มั่วสุม เป็นที่แพร่เชื้อโรค ห้องอาบน้ำเกย์จึงเต็มไปด้วยภาพลบในสายตาของสังคม ในทางตรงกันข้าม พื้นที่นี้คือสรวงสวรรค์สำหรับเกย์จำนวนมากที่ต้องการแสดงออกทางเพศและความปรารถนาของตัวเอง ห้องอาบน้ำช่วยทำให้เกย์พบกับเพื่อน หรือคู่นอน ช่วยทำให้เกย์มีสังคมและเรียนรู้ที่จะสร้าง “ตัวตน”ของตัวเองผ่านการทำกิจกรรมทางเพศในลักษณะต่างๆ การกระทำเหล่านี้อาจจะหล่อแหลมต่อศีลธรรมของสังคม แต่ก็เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มคนที่ถูกสังคมมองว่าเบี่ยงเบนและน่ารังเกียจ
ซาวน่าเกย์ในสังคมไทย
ในสังคมไทย คำว่า bathhouses หรือห้องอาบน้ำไม่เป็นที่รู้จักในหมู่เกย์ แต่เกย์ไทยจะรู้จัก “ซาวน่า” ซึ่งหน้าที่และการให้บริการเหมือนกับห้องอาบน้ำในสังคมตะวันตก ซาวน่าเกย์เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซาวน่าแห่งแรกมีชื่อว่า บาบีลอน (Babylon) ปัจจุบันซาวน่าแห่งนี้ยังคงเปิดกิจกรรมและขยายกิจการใหญ่โตมากขึ้น โดยเปิดให้บริการที่พักแก่ชาวเกย์ บาบีลอนประกาศตัวเองว่าเป็นซาวน่าของเกย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยและในโลก เกย์จากต่างชาติรู้จักและเดินทางมาที่บาบีลอนจนทำให้ซาวน่าแห่งนี้ได้รับความนิยม และเป็นที่กล่าวขวัญทั้งในแง่ของสถานที่ที่งดงาม มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทันสมัย เหมาะแก่การผักผ่อน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางเพศ โฆษณาของบาบีลอนในเว็บไซต์มีคำเชิญชวนดังนี้
“คุณจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ ในสถานที่อันโออ่าและหรูหราขึ้นกว่าเดิม อย่างที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นสถานที่ที่วิเศษสุด ที่จะทำให้คุณสามารถปลดปล่อยตัวเองตามจินตนาการอันกว้างไกล ดื่มด่ำในบรรยากาศของสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัยของเรา แต่งองค์ทรงเครื่องของคุณให้วิลิสมาหรา แล้วพร้อมสำหรับช่วงเวลาแห่งความสุข บาบิลอน ซาวน่า กรุงเทพฯ…สวรรค์บนดินสำหรับชาวเกย์ มาร่วมค้นพบโลกใหม่ของชาวเกย์ ที่คุณสามารถปลดปล่อยอารมณ์ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
คำโฆษณาของบาบีลอนมีทั้งภาษาไทย อังกฤษ และภาษาจีน บาบีลอนจึงเป็นซาวน่าที่มีเกย์จำนวนมากไปอุดหนุน เนื่องจากมีกิจกรรมไว้บริการหลายอย่าง ได้แก่ ห้องอบไอน้ำเปียก ห้องซาวน่า หรือห้องอบแห้ง ห้องนอนส่วนตัว เขาวงกต ห้องมืด สระว่ายน้ำ อ่างน้ำวนหรือจากุชชี ห้องออกกำลังกาย มุมกาแฟและเครื่องดื่ม ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม มีบริการอินเตอร์เน็ต นวดแผนโบราณ นวดน้ำมัน และฉายภาพยนตร์ นอกจากนั้น บาบีลอนยังจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่ วันคริสต์มาส วันแห่งความรัก วันตรุษจีน วันสงกรานต์ วันลอยกระทง หรือวันฮัลโลวีน ในกิจกรรมดังกล่าวจะมีการแสดงดนตรี การเดินแฟชั่น ประกวดนายแบบ ประกวดชุดแฟนซี และมีการแจกของรางวัลมากมาย บรรยายและกิจกรรมในบาบีลอนสร้างความประทับใจให้กับเกย์ที่เข้าไปใช้บริการ ในช่วงเทศกาลหรือวันเสาร์อาทิตย์อาจมีผู้เข้าไปใช้บริการประมาณ 400 –500 คน
ในช่วงทศวรรษที่ 90 ซาวน่าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ โอบิลิสต์ ปัจจุบันซาวน่าแห่งนี้ปิดตัวเองลง และทิ้งไว้เพียงตำนานที่เล่าขานว่าเป็นซาวน่าที่สูงที่สุดในประเทศไทย กล่าวคือ เป็นซาวน่า 11 ชั้นที่ตกแต่งสถานที่งดงาม มีการบริการไม่แพ้บาบีลอน และเป็นที่นิยมของชาวเกย์ทัดเทียมกับบาบีลอน ซาวน่าอื่นๆที่ได้รับความนิยมแต่สถานที่อาจไม่สะดวกสะบายและสวยงามเท่าซาวน่าสองแห่งแรกก็คือ ฟารอส เป็นซาวน่าที่มีราคาถูกลงมา ค่าบริการของบาบีลอนและโอบิลิสต์จะอยู่ในระดับ 200-300 บาท ส่วนฟารอสจะอยู่ในระดับ 150-200 บาท ฟารอสใช้อาคารพาณิชย์มาดัดแปลงเป็นซาวน่า สาเหตุที่ทำให้ฟารอสมีผู้เข้าไปใช้บริการมากก็คือเปิดบริการถึงเช้า และมีกิจกรรมที่ดึงดูดลูกค้า เช่นจัดปาร์ตี้บริการอาหารและเครื่องดื่มฟรี จัดปารตี้เปลือยกายในห้องมืดเพื่อเอาใจผู้ที่ต้องการหาคู่ เป็นต้น ซาวน่าอีกแห่งหนึ่งที่เปิดบริการถึงเช้าคือ โคโลนี ซาวน่าแห่งนี้ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน โคโลนีเป็นซาวน่าที่ใช้บ้าน 2 ชั้นมาปรับปรุงสถานที่ให้เหมาะสม และมีสระว่ายน้ำไว้บริการลูกค้า บรรยากาศของโคโลนีจึงแตกต่างไปจากฟารอส บาบีลอน และโอบีลิสต์ เพราะเกย์ที่เข้าไปใช้บริการจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินเล่นอยู่ในบ้าน
ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ซาวน่าน้องใหม่มาแรงคือ ฉกรรจ์ ซาวน่าแห่งนี้มีการตกแต่งสถานที่สวยงามและมีบริการหลายประเภท คล้ายๆกับบาบีลอน แต่สถานที่เล็กกว่า ซาวน่าเกย์แห่งอื่นๆที่มีทั้งเก่าและใหม่ ได้แก่ สุโขทัย จีจี้ แองเจโล่ เฮอร์คิวลิส โอไรอ้อน เดอะบีช ซิตี้ออฟเองเจิล บ้านไทย ฉกรรจ์ เอ็กซ์ทู เดอะดอร์ เดอะโซน ครุยซิ่ง สตั้ด เดอะกู้ดวิว ซาวน่ามาเนีย เฮพเว่น ฮีโร่ และ เกสร อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ซาวน่าเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะในช่วง พ.ศ.2535 เป็นต้นมา มีซาวน่าหลายแห่งต้องปิดกิจการของตัวเองลง ซาวน่าที่สามารถดำเนินกิจการอยู่ได้ต้องปรับวิธีการให้บริการลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง ปัจจัยที่มีผลทำให้ซาวน่าดำรงอยู่และเป็นที่นิยมของเกย์ก็คือ ราคา สถานที่ และการให้บริการ ซาวน่าในระดับที่หรูหรา เช่น บาบีลอน และฉกรรจ์ สามารถครอบครองตลาดและมีเกย์เข้าไปใช้จำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากมีการบริการที่ดี สถานที่สะอาด สวยงาม และเหตุผลสำคัญคือมีลูกค้าที่เป็นเกย์มาก เหตุผลสุดท้ายนี้ทำให้เกย์เลือกที่จะเข้าไปใช้บริการ เกย์จะไม่เข้าไปในซาวน่าที่มีคนน้อยเพราะมีตัวเลือกในการจับคู่น้อย ถ้าซาวน่าใดมีเกย์เข้าไปใช้มากก็จะยิ่งเป็นที่นิยมของเกย์มากเท่านั้น
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้ซาวน่าบางแห่งต้องปิดตัวเอง คือ การจัดระเบียบสังคม และการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรณีของโอบีลิสต์เจอกับสถานการณ์เช่นนี้จึงต้องปิดตัวเองลง ฟารอส และเดอะบีชก็เคยถูกตรวจค้นบ่อยๆและเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ทั้งฟารอสและเดอะบีชในซาวน่าระดับกลางที่มีเกย์เข้าไปใช้บริการมาก แต่เมื่อมีตำรวจเข้ามาวุ่นวาย ซาวน่าทั้งสองแห่งนี้ก็กลายเป็นซาวน่าที่มีชื่อทางลบ และส่งผลให้ลูกค้าไปใช้บริการน้อยลง ในช่วงปี พ.ศ.2546-2547 จึงมีกระแสความคิดเรื่องการจัดระเบียบซาวน่าเกย์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้ามาตรวจค้นพบว่า ซาวน่าเกย์สกปรก คับแคบ ไม่ถูกสุขลักษณะ และเป็นที่แพร่เชื้อโรค กระแสความคิดนี้ได้รับการถกเถียงในหมู่เกย์และองค์กรที่ทำงานด้านนี้ เช่น ฟ้าสีรุ้งและบางกอกเรนโบว์ เกย์ที่เป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมพยายามลุกออกมาปกป้องว่าซาวน่าของเกย์คือชีวิตส่วนตัวของเกย์ การเข้ามาปิดกันของเจ้าหน้าที่คือการทำลายสิทธิส่วนบุคคล
ในแง่สังคม ซาวน่าเกย์จะถูกมองในแง่ลบเสมอ เช่นเดียวกับสังคมตะวันตกที่ซาวน่าจะถูกปราบปรามและกวาดล้าง เจ้าหน้าที่ของรัฐอ้างเหตุผลว่าซาวน่าเกย์คือแหล่งมั่วสุมของยาเสพติดและเชื้อโรค เมื่อมีการตรวจค้น เจ้าหน้าที่รัฐจะบังคับให้เกย์ที่เข้าไปใช้บริการในซาวน่าตรวจปัสสาวะ เพื่อสุ่มหาว่ามีการใช้ยาเสพติดหรือไม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐท่านหนึ่งแสดงทัศนะต่อเรื่องนี้ว่า
“การเข้าไปจัดระเบียบสังคม เราได้รับการร้องเรียนมาทางสถานีตำรวจต่างๆ มาก่อน เพราะมีเสียงอึกทึกคึกโครม ซึ่งบางที่ทางตำรวจได้ไปดำเนินการอยู่แล้ว จนกระทั่งมีการส่งฟ้องศาลและมีการปรับเป็นเงิน 4-5 พันบาทแล้ว ก็ยังเปิดกิจการต่อ ชาวบ้านก็รู้สึกว่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญ แต่การที่เราเข้าไปไม่ได้จับนักเที่ยว แต่เข้าไปจัดระเบียบผู้ประกอบการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และบางแห่งก็พบว่ามีการใช้ยาเสพติด อาจจะมีการจัดหาจากผู้ประกอบการ”
ทัศนะของเกย์ต่อเรื่องนี้แตกต่างไปจากเจ้าหน้าที่รัฐ ดังเช่น
“วัตถุประสงค์ของการเปิดสถานบริการแบบนี้ เพื่อให้มีที่พบปะกันเฉพาะกลุ่มที่เหมือนกัน เราอยู่กันอย่างเจียมตัวอยู่แล้ว ตรงไหนที่อยู่กันอย่างสงบ เราก็จะไปอยู่ตรงนั้น และการที่เข้าไปในสถานที่แห่งนั้นจะพบคนถูกใจและจะไปต่อกันที่ไหน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนกับผู้ชายและผู้หญิงไปเจอกัน ผมว่าปัญหาหลักอยู่ที่ทัศนคติของสังคมด้วยว่ามองภาพของสถานประกอบการแบบนี้เป็นไปในลักษณะไหน”
“ตรงนั้นจะไปพูดว่าไปมั่ว คงไม่ได้ อย่าไปมองว่าเข้าไปปุ๊บ ทุกคนต้องไปมั่วเซ็กซ์ ซึ่งคนที่ไปเที่ยวจะรู้ดีว่าไม่ใช่แบบนั้น เกย์เองก็มีความรักและมีจิตใจเหมือนกันนะฮะการที่จะเจอใครซักคนนึง แล้วมีเซ็กซ์ด้วย ผมคิดว่าก็ต้องใช้เวลากันพอสมควร ในการพูดจา หรือถูกใจกัน และผมเพิ่งทราบประเด็นใหม่ด้วยว่า ที่ท่านอริสมันต์บอกว่าผู้ประกอบการจัดหายาเสพติดให้กับผู้บริการ เป็นยังไงครับ”
“เขาสมัครใจไปอยู่แล้ว แต่วิธีการที่เข้าไปบุก เราคิดถึงความเป็นมนุษย์ของเขาไม๊ เพราะถ้าพ่อแม่ดูจากทีวีหรือดูจากหนังสือพิมพ์ จะคิดอย่างไร ซึ่งผู้ไปใช้บริการก็อยากจะปิดรสนิยมทางนี้ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ได้รับรู้ ซึ่งเขาคิดว่าตรงนี้เขาปลอดภัยแล้ว เพราะมาเป็นส่วนตัว และเป็นกลุ่มของเขาทั้งนั้นเลย”
เสียงสะท้อนดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ซาวน่าเกย์อยู่ในสถานการณ์ที่หล่อแหลม และสังคมก็จะมีภาพลบต่อซาวน่าเกย์ เหตุการณ์และกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในซาวน่า ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การร้องเพลง การผักผ่อน การนุ่งน้อยห่มน้อย การเปลือยกาย หรือการมีเพศสัมพันธ์ ในหมู่ชาวเกย์จะมองว่าเป็นเรื่องปกติ ดังจะเห็นได้จากทัศนะต่อไปนี้
“ผมเป็นคนสมัยใหม่มาก และต้องการให้คนภูมิใจในความเป็นเกย์ของตัวเอง ผมเป็นเกย์ เป็นคนเที่ยว และเรื่องแบบนี้มีมานานแล้วไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงขายตัว ซาวน่าเกย์ก็มีมานานแล้ว แต่ตำรวจเพิ่งมาตรวจเท่านั้นเอง แต่ในกลุ่มของเรา ถือว่าเป็นการพักผ่อน เหมือนผู้ชายไปเที่ยวอาบอบนวด ไปเที่ยวซาวน่าเกย์ ก็ต้องมีเซ็กซ์ ก็คือจบ แต่เราอยู่ในกรอบของเรา ทำตัวเองให้เรียบร้อย รู้จักป้องกันตัวเอง ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์ และก็เป็นสถานที่มาพักผ่อน มาออกกำลังกาย ก็มีทั้งสองอย่าง จริงๆ ปิดสังคมไม่ได้หรอก ในที่สุดคนเที่ยวก็รู้เอง”
แต่ทัศนะของบ้านเมือง สังคม และเจ้าหน้าที่ของรัฐเชื่อว่าซาวน่าเกย์ก่อให้เกิดการทำผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน อย่างไรก็ตามบทความเรื่องนี้จะไม่วิเคราะห์ว่าทำไมซาวน่าเกย์จึงถูกมองในแง่ลบ และกิจกรรมในซาวน่าถูกหรือผิด หากแต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า วงจรชีวิตของซาวน่าเกย์ในสังคมไทยไม่ได้ราบรื่น ซาวน่าเกย์ต้องปรับตัวไปตามกระแสที่สังคมเรียกร้องเพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมและพื้นที่ทางสังคมให้ตัวเอง เจ้าของกิจการซาวน่าในยุคปัจจุบันจึงต้องอ้าแขนรับนโยบายจัดระเบียบสังคม เช่น มีการตรวจบัตรประชาชนของลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการ และมีป้ายปิดประกาศหน้าประตูว่าไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ หรือเขียนประกาศว่าสถานบริการแห่งนี้ปฏิบัติตามนโยบายการจัดระเบียบสังคม การติดประกาศและตรวจบัตรประชาชนสะท้อนให้เห็นว่าซาวน่าคือธุรกิจที่ต้องอยู่รอดให้ได้ ถ้าต้องการมีกำไรจากธุรกิจประเภทนี้นอกเหนือจากจะเน้นการบริการที่ดีแล้ว จะต้องทำตัวให้เป็นพลเมืองที่ดีด้วย คือไม่ทำผิดกฎหมายและเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งเหล่านี้คือเรื่องปกติของระบบธุรกิจที่แฝงไว้ด้วยอำนาจและการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นนายทุน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตาม คำถามคือ ชีวิตเกย์ที่โลดแล่นอยู่ในซาวน่าเป็นชีวิตที่เลือกได้จริงๆหรือไม่
ลีลาชีวิตในซาวน่า
โลกภายในซาวน่าเกย์เป็นโลกที่ต่างไปจากสังคมภายนอกของรักต่างเพศ โลกแห่งนี้ท้าทายระบบกฎหมาย ระบบศีลธรรม จารีตประเพณี และระบบอำนาจของชายจริงหญิงแท้ ในเวลาเดียวกัน โลกแห่งนี้ก็เป็นภาพสะท้อนของวัฒนธรรมเกย์กระแสหลักที่เกาะเกี่ยวและโยงใยอยู่ในระบบบริโภคและทุนนิยม ชีวิตเกย์ที่เกิดขึ้นในซาวน่าสร้างจินตนาการ ความตื่นเต้น การผจญภัย และความรื่นรมย์ให้กับเกย์ที่เข้าไปใช้บริการ เกย์หลายคนได้พบเจอเพื่อนใหม่ บางคนได้พบคนรัก และมีอีกหลายคนได้คู่นอน สิ่งเหล่านี้มีความหมายต่อเกย์อย่างไร ชีวิตทางเพศของเกย์เกี่ยวข้องกับซาวน่าอย่างไร เกย์ให้ความหมายต่อตัวเองและคนอื่นๆอย่างไร คำถามเหล่านี้จะวิเคราะห์ในลำดับต่อไป
เกย์ที่เข้าไปใช้บริการในซาวน่ามีหลายจุดประสงค์ เช่น ไปหาคู่นอนเพื่อมีเซ็กซ์ ไปพักผ่อน ร้องเพลง รับประทานอาหาร เครื่องดื่ม ไปนวดตัวเพื่อสุขภาพ ไปออกกำลังกาย ไปอบตัวในห้องอบแห้งและอบไอน้ำ หรือไปนัดพบเพื่อนๆเพื่อสังสรรค์หรือพูดคุยประสบการณ์ชีวิต เมื่อเกย์ตัดสินใจที่จะไปซาวน่าสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือซื้อค่าบริการล็อคเกอร์จากพนักงาน หลังจากนั้นก็จะเข้าไปที่ห้องล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ในล็อคเกอร์จะมีผ้าเช็ดตัว 2 ผืนไว้ให้ลูกค้าเปลี่ยน ซาวน่าบางแห่งอาจมีบริการเสื้อคลุมด้วย เช่น บาบีลอน และโอบิลิสต์ เกย์ที่เข้าไปใช้ซาวน่าจึงต้องนุ่งผ้าเช็ดตัวเหมือนกันทุกคน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เกย์แต่ละคนก็จะเลือกไปทำกิจกรรมตามที่ตนเองปรารถนา หากต้องการร้องเพลงอาราโอเกะ รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม พนักงานก็จะเข้าสอบถามว่าล็อคเกอร์หมายเลขอะไรเพื่อที่จะจดหมายเลขของลูกค้าไว้และลูกค้าต้องจ่ายค่าบริการเมื่อนำกุญแจไปคืนแก่พนักงานในตอนกลับ
ในช่วงวันศุกร์และวันเสาร์เป็นวันที่เกย์จะนิยมไปใช้บริการซาวน่า เนื่องจากมีลูกค้ามาก เกย์ก็มีโอกาสพบกับเพื่อนใหม่ หรือคู่ขาใหม่ ลูกค้ามากจึงเท่ากับมีตัวเลือกมาก เหตุผลนี้ทำให้ซาวน่าเกย์เป็นดินแดนของการแสดงออกทางเพศอย่างเปิดเผย การแสดงท่าทาง การส่งสายตา รอยยิ้ม การเข้ามาทักทายของเกย์เพื่อที่จะหาคู่ เกย์แต่ละคนจะมีวิธีการแตกต่างกัน บางคนหาคู่ในห้องมืด หรือห้องอบไอน้ำ การหาคู่แบบนี้จะไม่มีการพูดคุยกัน เกย์ที่จับคู่กันอาจมองไม่เห็นหน้ากัน เมื่อเกิดการจับคู่ในห้องมืดแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการทำกิจกรรมทางเพศ บางคนอาจหาคู่ในบริเวณที่โล่งแจ้งเช่นตามทางเดิน หน้าห้องนอน บริเวณที่ออกกำลังกาย ริมสระว่ายน้ำ เกย์ที่หาคู่ในที่โล่งแจ้งจะเข้าไปทักทายพูดคุยกับคนที่หมายปองไว้ จากนั้นก็จะจับมือกันเดินไปหาที่พลอดรักและมีเซ็กซ์ เกย์บางคนอาจส่งสายตาให้กับคนที่สนใจแล้วเข้าไปจับมือ ถ้าถูกใจกันก็จะเข้าไปในห้องนอนเพื่อมีเพศสัมพันธ์กัน เกย์บางคนที่หน้าตาหล่อและเป็นที่ต้องการของผู้อื่น อาจตกเป็นเหยื่อของเกย์หลายคน เกย์ที่หน้าตาดี และมีรูปร่างดีจึงต้องคอยหลบหนีเกย์บางคนที่มีความ “หื่นกระหาย” เกย์ที่แสดงความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง เช่นเข้าไปรวนลาม ฉุดกระฉากมือ เข้าไปจับอวัยวะเพศของคนอื่นอย่างจู่โจม คือบุคคลที่ไม่มีใครชอบ เพราะแสดงถึงความไร้มารยาท เกย์ที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้มีไม่มากนัก และส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่มีรูปร่างอ้วนมาก และหน้าตาไม่ดี เกย์ที่หน้าตาดีและรูปร่างดี จึงมักจะจับคู่กับคนที่หน้าตาและรูปร่างดีเหมือนกัน
การแสดงท่าทางและการสร้างบุคลิกภาพของเกย์ในซาวน่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง โดยเฉพาะท่าทีเพื่อทำให้ตนเองเป็นที่สนใจ เกย์ที่หน้าตาดีมักจะไม่ชอบยืนในมุมมืด แต่จะยืนในที่สว่าง มักจะไม่เข้าไปอยู่ในห้องอบนานๆเพราะอาจถูกรวนลาม เกย์ที่หน้าตาดีมักจะมากับเพื่อนและจับกลุ่มคุยกันในห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร หรือ มุมพักผ่อน เกย์ที่หน้าตาดีและมีรูปร่างดีจะนิยมไปออกกำลังกายและว่ายน้ำ นอกจากนั้นยังนิยมสวมสร้อยคอ ต่างหู กำไล แหวน และอาจมีการเขียนลายบนท่อนแขน หน้าอก แผ่นหลัง หรือสะโพก เกย์ที่มีรูปร่างดีจะโชว์สัดส่วนเรือนร่างของตัวเองอย่างภูมิใจ ชอบเดินไปเดินมาไม่นั่งอยู่กับที่ เกย์ที่รูปร่างดีมักจะอยู่ในกลุ่มคนที่มีรูปร่างดีเหมือนกัน และจะจับคู่กันเพื่อมีเพศสัมพันธ์
ตรงข้ามกับเกย์ที่อ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป เกย์ประเภทนี้จะมีความรู้สึกอายต่อรูปร่างของตัวเอง และบางคนก็จะนำผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างกายส่วนบน แต่บางคนก็จะเข้าไปหลบอยู่ในห้องมืดเพื่อมิให้ใครเห็น เกย์ที่อ้วนมากๆจะไม่ได้รับความสนใจจากคนอื่น วิธีการที่เกย์อ้วนจะได้คู่จึงจำเป็นต้องเข้าไปในที่มืดสลัวเพื่ออำพรางตัว เมื่อมีคนเดินผ่านก็จะเข้าไปจับเนื้อต้องตัว บางทีอาจเข้าไปรวมวงกับคนอื่นที่กำลังมีกิจกรรมทางเพศ เช่น ในขณะที่เกย์คู่หนึ่งกำลังกอดกันอยู่ในห้องอบไอน้ำ เกย์อ้วนก็อาจเอามือไปจับอวัยวะเพศของคนทั้งคู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม เกย์อ้วนก็อาจสมหวังเมื่อไปเจอกับเกย์ที่สามารถมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ เพราะเซ็กซ์อาจเป็นเพียงการระบายความใคร่ เมื่อถึงจุสุดยอดแล้วก็แยกทางกัน เกย์อ้วนจึงอาจเป็นฝ่ายช่วยบำบัดความใครให้กับคนบางคน เช่น ใช้มือหรือปากอมอวัยวะเพศของผู้อื่นเพื่อให้ผู้นั้นถึงจุดสุดยอด
การแสดงออกทางเพศของเกย์ในซาวน่าอาจไม่มีสูตรสำเร็จ เกย์แต่ละคนจะเรียนรู้ที่จะแสวงหาวิธีการที่เหมาะสมให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตาม การจับคู่ในซาวน่า มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่ายนัก เพราะเกย์แต่ละคนยังมีความหวั่นวิตกและไม่กล้าแสดงออก หากสนใจใครบางคน เกย์คนนั้นอาจไม่กล้าเข้าไปคุยหรือชวนไปมีเพศสัมพันธ์ บางครั้งความอายและไม่กล้าอาจทำให้เกย์บางคนไม่สามารถมีคู่นอนได้ วิธีการจับคู่ในซาวน่าจึงเป็นศิลปะส่วนบุคคล ประสบการณ์การจับคู่ของเกย์จึงมีต่างกันไป มีเงื่อนไขหลายอย่างที่เกย์คนหนึ่งจะได้คู่นอน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การแสดงมิตรภาพ การยิ้มแย้ม การทักทายปราศรัย แต่ในทางตรงกันข้าม การจับคู่อาจจะมาจากความไม่ได้ตั้งใจ เกย์บางคนอาจยืนเฉยๆในห้องมืดเพื่อรอให้ใครก็ได้มาเลือกเพื่อพาไปสำเร็จความใคร่ เกย์บางคนอาจเลือกมากเพราะอยากได้คนที่ถูกใจจริงๆ การเลือกมากก็อาจทำให้ไม่ได้คู่นอน
กิจกรรมทางเพศในซาวน่าสามารถเกิดขึ้นได้ในห้องอบเปียกหรืออบไอน้ำ เนื่องจากเป็นห้องที่มืด เกย์จึงกล้าที่จะสำเร็จความใคร่ให้กันและกัน นอกจากนั้น ยังมีในห้องมืด เขาวงกต และห้องนอนซึ่งเป็นสถานที่ที่มิดชิด ภายในห้องนอนขนาดเล็กประมาณ 2-3 ตารางเมตร จะมีเตียงเล็กๆไว้เพื่อการทำกิจกรรมทางเพศ บางแห่งอาจมีสารหล่อลื่นบรรจุขวดพร้อมกระดาษชำระไว้บริการด้วย ซาวน่าที่มีเกย์เข้าไปใช้บริการมากๆ อาจทำให้ห้องนอนเต็ม เกย์จึงต้องรอคิวเพื่อผันเปลี่ยนกันเข้าไปใช้ห้อง ความมืดสลัวคือหัวใจสำคัญในการสร้างบรรยายเพื่อการหาคู่นอน ซาวน่าทุกแห่งจะมีพื้นที่สำหรับการหาคู่ บาบีลอนจะมีพื้นที่ประเภทนี้อยู่มาก แต่ซาวน่าขนาดเล็กอาจมีพื้นที่จำกัด เช่น เดอะบีช พื้นที่สำหรับหาคู่อาจเป็นทางเดินระหว่างห้องนอน เป็นห้องมืด ห้องชมภาพยนตร์ เขาวงกต ห้องอบไอน้ำ และห้องซาวน่า ความสลัวทำให้เกิดบรรยากาศคลุมเคลือ หน้าตาของเกย์แต่ละคนจึงถูกซ่อนอยู่ในความสลัวของแสงเงา เกย์ที่หน้าตาไม่ดีก็อาจใช้ประโยชน์จากความสลัวนี้อำพรางใบหน้าและรูปร่างของตัวเอง พื้นที่ที่มีความสลัวนี้จะเป็นสถานที่รวมตัวของเกย์ที่ต้องการหาคู่นอนและระบายความใคร่
ที่มาhttp://www.bangkokrainbow.org/bangkokrainbow/Article/Entries/2012/4/25_saw_na_key_kab_kar_phey_rangExposing_Body__Thai_Gay_Men_in_Sauna_Space.html