ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว นั่นสินะ คนเราบางครั้งปากอย่างใจอย่าง ทางที่ดีอย่าคิดเยอะ เรื่องบางอย่างใช้ความรู้สึกก็พอ
มันคือคำตอบในตัวอยู่แล้ว....จูบหวานกลางทุ่งกว้าง ช่างได้บรรยากาศหวามไหวในอารมณ์ยิ่งนัก....? Part 15
ยิ้มสะกดของจริง
พระลักษมณ์ยังอึนๆมึนๆ หลังปาจารวบรัดเป็นแฟนเรียบร้อยโรงเรียนปาจาไปแล้ว ก่อนจะพาแฟนซิงๆไปดูงานในไร่พบปะพูดคุยคนงานกว่าสองพันคน การพาพระลักษมณ์ตะลอนดูกิจการของคุ้ม
ดงพญาครั้งนี้ ถือเป็นการเทคแคร์ส่วนตัวครั้งแรกสำหรับเจ้าคุ้มรูปหล่อเลยก็ว่าได้
แลดูใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับปาจาที่คอยอธิบายกิจการต่างๆ ให้พระลักษมณ์ฟัง จนคนงาน
พลอยแปลกใจไปตามๆกัน ที่เจ้าคุ้มรูปงามซึ่งปกติออกจะวางตัวจนเคยชินกับบุคลิกหน้านิ่งเป็นกิจวัตร
ช่างแตกต่างวันนี้สิ้นเชิงเพราะเจ้าคุ้มเล่นยิ้มไม่หุบซะงั้น
ความสุขฉายชัดบนใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทำเอาคนงานสาวๆ แทบละลายตามกันเป็นแถว นับเป็นสิ่ง
มหัศจรรย์ในรอบยี่สิบกว่าปีเลยก็ว่าได้ คนงานเก่าแก่ถึงกับอึ้งพากันชำเลืองมองเจ้านายตนเอง พลอยมุ่งความสนใจไปยังหนุ่มร่างโปร่งจนคอแทบเคล็ดไปโดยปริยาย
ทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาและกลายเป็นจุดสนใจบรรดาคนงานทันที ทุกก้าวย่างที่ตีคู่เดินกันอยู่นั้น
ร่างสูงใหญ่ของปาจาทำตัวสบายแถมอารมณ์ดีอีกต่างหาก หนุ่มหล่อหน้าใสก็คอยซักถามข้อสงสัยด้วยเช่นกัน ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองเปล่งออร่าปล่อยฟีโรโมนจนยากละสายตาจากได้
ดูผิดวิสัยเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้าคุ้มรูปงามไม่ออกอาการเบื่อหน่ายเลยซักนิด กลับยินดีตอบคำถาม
ที่ปากได้รูปสีสดของร่างโปร่งเอ่ยถามทุกประโยคอีกต่างหาก สาวน้อยสาวใหญ่อายม้วนกันเป็นแถว ยามที่ทั้งคู่หยุดแวะซักถามเกี่ยวกับงานที่พวกเค้ากำลังลงมือทำกันอยู่
ร้อยวันพันปีเจ้าคุ้มรูปงามต้นเหตุที่ทำให้สาวๆ มากมายถวิลหากระทั่งเก็บเอาไปฝัน ไม่เคยลงมา
ใกล้ชิดกับพวกเธอถึงขนาดนี้ แถมครั้งนี้ได้กำไรเล่นพ่วงหนุ่มหล่อหน้าใส ซึ่งยืนตีคู่หน้าแดงแปร๊ดเพราะแดดกำลังร้อนมาด้วยอีกต่างหาก ยิ่งเพิ่มดีกรีให้สาวๆเคลิ้มตามกันไปจนหมดแล้ว
หลังพาพระลักษมณ์เดินสำรวจกิจการแวะทักทายคนงานสมควรแก่เวลาแล้ว ปาจาก็ได้ฤกษ์
พาแฟนสดซิงกลับยังเรือนไทย เพราะใกล้เวลามื้อเย็นเต็มแก่แล้วด้วย ทั้งสองกลับมาถึงเวลาอาหารขึ้นโต๊ะพอดีเป๊ะ ต่างปลีกตัวไปล้างหน้าล้างมือทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำก่อนตีคู่เดินมายังห้องอาหาร
วันนี้ธรรมตรัยแจ้งล่วงหน้าให้ปาจาทราบก่อนแล้วว่า จะมีแขกพิเศษร่วมโต๊ะด้วย คนแรกคือครูรัสสาสุดสวยของหนูผา หลังจากวันที่เสียอารมณ์ในห้องสมุดจนต้องผลุนผลันออกไปกระทันหัน เพิ่งมาวันนี้แหละที่พระลักษมณ์จะได้เจอเธออีก
ส่วนอีกคนสารวัตรคมสัน ไม่รู้ขานี้โผล่มายังไงจนต้องเชิญร่วมโต๊ะตามมารยาทแถมครั้งนี้
ฉายเดี่ยวอีกต่างหาก สมาชิกทุกคนนั่งกันพร้อมหน้า ต่างหันมามองปาจากับพระลักษมณ์ที่กำลังเดินเข้ามายังโต๊ะอาหาร ทุกคนพร้อมใจส่งยิ้มทักทายไปให้ ยกเว้นครูรัสสากับสิตาหน้าเจื่อนไปแล้วทั้งคู่ ปาจาอาศัยมารยาทเจ้าบ้านทักทายสารวัตรคมสันขึ้นมาก่อน
“สวัสดีครับสารวัตร ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ บังเอิญผมติดดูงานในไร่ด้วย” พูดจบ
ไม่รอให้ใครแทรกถามให้เสียเวลา ถือโอกาสแนะนำคนข้างตัวกับชื่อที่ไม่คุ้นหู เรียกคำถามขึ้นบนใบหน้า
แต่ละคนแตกต่างกันไป ยกเว้น กายันต์ ธรรมตรัย และนมอ่อน ยังคงวางหน้าเป็นปกติ หนูผาตัวน้อยตาโตอ้าปากค้างเมื่อรับรู้ข่าวใหม่ฮ็อทนิวส์
กายันต์ส่งยิ้มให้พระลักษมณ์แม้จะดูฝืดเฝือนไปบ้าง แถมออกแววผิดหวังนิดๆ แต่ก็ยังโอเคอยู่
ในขณะที่สิตา ครูรัสสา และสารวัตรคมสันต่างแสดงคำถามบนใบหน้าอย่างชัดเจน ปาจาจึงหันมาพยักหน้าให้พระลักษมณ์แยกย้ายลงนั่งประจำที่ให้เรียบร้อย ก่อนตนจะนั่งประจำตำแหน่งหัวโต๊ะ แล้วเริ่มต้นเล่ารายละเอียดตามสคริปต์ที่เตี๊ยมไว้ก่อนหน้าแนะนำอย่างเป็นทางการขึ้นอีกครั้งว่า
“ความจริงแล้วรพินทร์กับพระลักษมณ์เค้าเป็นคู่แฝด แต่ทางผมไม่รู้มาก่อน ที่สำคัญรพินทร์
ได้เสียชีวิตไปแล้ว พระลักษมณ์จึงเป็นตัวแทนคุณอาไพรภพมารับสิทธิ์ตามพินัยกรรม ที่เจ้าตัวเค้าไม่ยอมเปิดเผยก่อนหน้านั้น เพราะต้องการทำความคุ้นเคยให้แน่ใจก่อนมั้งครับ เราต่างไม่เคยเจอหน้ากันเสียด้วย
พระลักษมณ์เลยแสดงตัวเป็นรพินทร์เพื่อความแน่ใจส่วนตัว
แต่ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวไม่มีอะไรต้องกังวล ผมชี้แจงแบบนี้คงไม่มีใครตั้งคำถามอีกนะ
ถ้างั้นเชิญทานอาหารกันเลยดีกว่า” พูดจบ เจ้าคุ้มรูปงามก็ส่งสัญญาณให้คนรับใช้บริการตักข้าวเป็นการตัดบทไปในตัว ทุกคนจำต้องรูดซิปปากโดยปริยาย เป็นอันรู้กันดีไม่ควรขยับปากพูดในเวลาทานนอกจากเคี้ยวอาหารอย่างเดียว คงต้องรอช่วงผลไม้ปิดท้ายนั่นแหละ ถึงจะสามารถคุยกันได้
ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาที่สารวัตรคมสันรอคอยใจจดใจจ่อ เมื่อคนรับใช้เคลียร์ทุกอย่างออก
จากโต๊ะ วางผลไม้สองจานใหญ่ลงมาแทน สารวัตรไม่ยอมปล่อยเวลาผ่านไปแม้เสี้ยวนาที ความจริงแล้ว
ที่อุตส่าห์มาเป็นการส่วนตัวในครั้งนี้ นอกจากสืบเบาะแสเกี่ยวกับคดีแล้ว หนุ่มหล่อหน้าใสเพิ่งเซอร์ไพรส์ข้อมูลใหม่ต่างหากคือคนที่ทำให้ต้องวางแผนขอร่วมโต๊ะมื้อค่ำ สารวัตรจึงรีบเอ่ยปากทันที
“คุณพระลักษมณ์ทำผมอึ้งเลย ตอนที่เข้าใจว่าคุณเป็นสาวหล่อผมแอบหลงเสน่ห์ไปแล้ว
พอรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณเป็นหนุ่มหล่อต่างหาก ผมถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีนี้ พอจะบอกได้ไหมครับมีคนในดวงใจหรือยัง?”
คำถามที่พาเอาทั้งโต๊ะต่างหยุดการกระทำทุกอย่างลงฉับพลัน พร้อมใจหันมองคนถามแบบไม่ต้องนัดล่วงหน้า ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าสารวัตรหน้าเข้มรูปหล่อจะเปิดประเด็นนี้ขึ้น พระลักษมณ์ถึงกับตาโตชะงักไปแล้ว ยังไม่ทันอ้าปากตอบ เจ้าคุ้มรูปงามชิงพูดเสียก่อน
“หึหึ! สารวัตรตั้งคำถามเชิงลึกแบบนี้ สนใจอะไรเป็นพิเศษหรือครับ?” หน้าตาซึ่งเปื้อนยิ้ม
กลับมานิ่งขรึมเย็นชาดังเดิม เล่นเอาสารวัตรคมสันต้องเลิกคิ้วนึกแปลกใจไม่น้อย สายตาผู้ชายพอมองออก
ยังกับปาจากำลังหวงพระลักษมณ์เข้าให้ แต่เพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจแม้ตนจะสนใจหนุ่มหน้าใสก็เถอะ สารวัตร
อดหยอดต่อไม่ได้
“ครับ! ผมสนใจคุณพระลักษมณ์เป็นพิเศษจริงๆ ต้องการทำความรู้จักเป็นการส่วนตัว ต้องขอโทษคุณพระลักษมณ์ด้วย ผมไม่มีเจตนาเป็นอื่นหากให้โอกาสถือเป็นเรื่องดีสำหรับผมเชียวหละ” สารวัตร
พูดจบพระลักษมณ์ปั้นหน้าไม่ถูกอยากมุดโต๊ะดำดินหนีชะมัด ไม่อยากเชื่อเลยไปๆมาๆ ทำไมถึงได้เป็น
ที่ต้องการของเพศเดียวกันซะงั้น ขณะที่ปีศาจรูปงามกำลังจะกลายร่างเป็นลูซิเฟอร์แล้วตอนนี้ พระลักษมณ์เหมือนจะรับรู้รังสีอำมหิต ที่เริ่มก่อตัวปะทุจากหัวโต๊ะ เกรงจะได้เห็นร่างแฝงมีปีกมีเขางอกขึ้นมาอีกครั้ง
จึงรีบชิงตอบกลับไปเสียก่อนว่า
“ให้เป็นเพื่อนยังพอไหวครับสารวัตร แต่ถ้าให้พิจารณาเกินกว่านั้น ต้องขอปฏิเสธและบอกตามตรงว่าสารวัตรอย่าพยายามเลยครับ ไม่ใช่ผมนึกรังเกียจอะไรหรอก ผมอยากให้สารวัตรมองคนอื่นดีกว่า
อย่ามาเสียเวลากับผมเลย”พระลักษมณ์ปฏิเสธชัดเจน จะว่าไม่ใช่ทางของตนก็พูดได้ไม่เต็มปาก ปัจจุบันเพิ่งกลายเป็นแฟนปีศาจรูปงามไปหมาดๆ ซึ่งคนที่คิดอยู่ในใจเจ้าตัวกำลังปั้นหน้านิ่งแอบยิ้มอยู่หัวโต๊ะหลังได้ยินคำตอบออกจากปากพระลักษมณ์
“ขอบคุณครับที่รับผมเป็นเพื่อน เอาเป็นว่าที่เหลือขอผมได้แสดงความจริงใจเป็นการพิสูจน์ดีกว่า เผื่อคุณพระลักษมณ์เปลี่ยนใจ โบราณว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรหัวใจอ่อนๆ จะไม่ไหวตามเชียวหรือครับ ฮ่าๆๆ!” ประโยคท้ายติดหยอดปนขำ ทำเอาทุกคนต้องอมยิ้มตามคำพูดแกมหยอกของสารวัตร แม่แต่หนูผาเด็กหญิงตัวน้อยยังอายม้วนเลย
ส่วนพระลักษมณ์ได้แต่อึ้งอ้าปากค้างมองหน้าสารวัตรหน้าเข้มแบบจนปัญญา ยกเว้นเจ้าคุ้ม
รูปงามบัดนี้สวมวิญญาณปีศาจเชิญองค์ลงไปแล้ว นอกจากจะหน้านิ่งแล้วยังปล่อยรังสีกดดันทำให้บรรยากาศผ่อนคลายอึมครึมขึ้นโดยไม่ต้องเอ่ยปากสักนิด ครูรัสสาซึ่งมองท่าทางปาจาออก เพราะลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลา จำต้องแก้ไขสถานการณ์เปลี่ยนเรื่องคุยขึ้นมาทันที
“คุณจาคะ รัสสากำลังต้องการผลไม้สดๆในไร่จัดกระเช้าให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เนื่องในโอกาส
ครบรอบเซยิด คุณพอจะพารัสสาไปเลือกในสวนบ่ายพรุ่งนี้ได้ไหมคะ?” คำพูดหวานหู ใบหน้าสวยมอบยิ้มสุดสวาทขาดใจส่งให้ปีศาจรูปงาม ทำเอาหนุ่มหล่อทั้งโต๊ะมองตามตาปริบๆ ยกเว้นพระลักษมณ์กลับเป็นฝ่ายหน้านิ่งบ้างแล้วทีนี้ เจ้าตัวแกล้งยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแต่หูกระดิกรอฟังคำตอบจากปีศาจรูปงาม ว่าจะตอบยังไง
“ต้องขอโทษด้วยครับรัสสา ถ้าหากคุณต้องการจริงๆ คงต้องรบกวนสิตาพาไปแล้วละครับ
พรุ่งนี้ผมมีงานด่วนสิตารู้รายละเอียดเกี่ยวกับผลไม้ได้ดีกว่าผมอีก รับรองคุณไปกับสิตาไม่ผิดหวังแน่นอน อาจได้ไอเดียในการจัดกระเช้าเสียด้วยซ้ำ ขานี้เค้าคล่องครับ” ปาจาตอบรักษาน้ำใจมาก ครูรัสสาเมื่อเห็นว่าเจ้าคุ้มหนุ่มยืนกรานพรีเซ้นต์ซะขนาดนี้เลยไม่กล้าเซ้าซี้อีก ได้แต่หันไปหาสิตานางฟ้าหน้าสวยที่นั่งเยื้องกันอยู่ พร้อมกับส่งยิ้มให้เพื่อขอคำยืนยัน สิตาก็ส่งยิ้มกลับเช่นกันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยตามสไตล์สวยเย็นของเจ้าตัวขึ้นมาว่า
“สิยินดีอย่างยิ่งค่ะ หากคุณครูต้องการให้ช่วย พรุ่งนี้สิว่างพอดี” ยิ้มหวานไม่แพ้ครูรัสสา
จงใจโปรยเสน่ห์ให้หนุ่มหล่อทั้งโต๊ะได้มองตามกันอีกเป็นระลอก สองสาวไม่มีใครกินกันลงเลย สวยคน
ละแบบมีเสน่ห์คนละอย่าง พระลักษมณ์เองยังพลอยใจเต้นตาม เมื่อเผลอมองรอยยิ้มหวานบาดจิตของสิตา
เข้าให้
“รัสสายินดีมากค่ะถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณสิตาละก็ พรุ่งนี้คงต้องให้คุณพาไปเลือกในสวน
แบบสดๆ เลยละ” ครูรัสสาก็ส่งยิ้มเจิดจรัสงามพิลาศไม่แพ้กันเลย ความงามของรอยยิ้มอิสตรีเพศทั้งสอง
ที่แข่งกันโปรยมานั้น เล่นเอาบรรยากาศที่อึมครึมก่อนหน้าหวานขึ้นในพริบตา
พระลักษมณ์เหมือนตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแข่งขันของหญิงงามล่มเมือง จึงตัดสินใจ
กลับไปยังห้องดีกว่าเมื่อเจ้าตัวรู้สึกอยากอาบน้ำชำระร่างกายเต็มแก่ วันนี้เกือบทั้งวันตั้งแต่มื้อเที่ยงสุดโร
แมนติกปิดท้ายเดินชมกิจการในไร่จนเย็น แม้ร่างกายจะแข็งแรงแค่ไหนก็เพลียเป็นเหมือนกัน เมื่อคืนเพิ่ง
โดนเปิดซิงไปหมาดๆ ที่สำคัญเหนียวตัวไม่น้อยแล้วเหอะ จึงตัดสินใจพูดขอตัวขึ้นว่า
“คงไม่เป็นการเสียมารยาทนะครับ ถ้าผมจะขอตัวไปอาบน้ำก่อนกลับจากข้างนอกมา
เหนียวตัวพอดู ถือโอกาสลาสารวัตรกับคุณครูเลยนะครับ” พระลักษมณ์ไม่รอใครเอ่ยปากท้วง ลุกขึ้นยืน
ส่งยิ้มหล่อปิดท้ายเต็มสตรีม รอยยิ้มของจริงนี่ตะหากหยุดโลกชะงักงัน สยบรอยยิ้มก่อนหน้าของสองหญิงแบบไม่เห็นฝุ่นกันเลย
ไม่ใช่แค่สารวัตรคมสัน กายันต์ ธรรมตรัย เท่านั้นที่ตาค้างวิบวับไปกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ
ของพระลักษมณ์ แม้แต่สิตากับครูรัสสายังหน้าแดงไปแล้ว ทุกคนพากันตลึงเรียกเลือดขึ้นหน้าไป
เป็นแถว โดยเฉพาะเจ้าคุ้มรูปงามตาค้างอึ้งไปแล้วเมื่อคนส่งยิ้มจงใจหลิ่วตาให้ตนทิ้งท้ายเป็นพิเศษก่อนเดินส่ายอาดๆ ออกไปอย่างสง่าผ่าเผยไม่เหลียวหลังดื้อๆ ซะงั้น
เล่นเอาใจของปีศาจรูปงามที่สงบนิ่งไม่อ่อนไหวก่อนหน้าเต้นกระดอนเกือบหลุดออกมา
นอกอก ให้ตายเถอะช่างกล้ายั่วนะตัวแสบ ปาจาสบถอยู่ในใจ มีหรี่ตามองตามหลังร่างโปร่งอย่าง
หมายมาด เผลอยกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
พระลักษมณ์กลับมายังห้องตนเอง อันดับแรกล๊อกประตูลงกลอนเรียบร้อยรีบลากแล๊ปท็อป
ที่แอบซุกใต้เตียงออกมาเปิดเช็คดูทันที ทุกอย่างในห้องอยู่สภาพเดิมไม่มีการรื้อค้นหรือมีอะไรสูญหายเลย
สักชิ้น ถือว่าปาจาเป็นคนหยิ่งทรนงมากทีเดียว
ถึงแม้รู้ความจริงเกี่ยวกับจุดประสงค์ของตนแล้วก็ตาม ยังให้เกียรติไม่ใช้สิทธิ์อันพึงมี
ถือวิสาสะรื้อค้นตรวจเช็คข้าวของส่วนตัวขณะที่กักขังตนไว้ยังห้องใต้ดิน
ก่อนจะตัดสินใจติดต่อหัวหน้า พระลักษมณ์คิดว่าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนดีกว่า
แล้วค่อยออนไลน์ติดต่อหัวหน้าทีหลัง คิดได้ดังนั้นจัดการเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่รอช้า
ใช้เวลาในห้องน้ำไม่ถึงยี่สิบนาที ร่างโปร่งหน้าใสสะอาดหมดจดก็นอนเอกเขนกบนเตียง
เปิดคอมฯ ออนไลน์คุยกับหัวหน้าเลย ครั้งนี้ใช้วิธีเปิดเว็บแคมเพื่อสามารถมองเห็นหน้ากันได้แทนการแชท
พอหัวหน้าออนกลับโชว์หน้าตาสมาร์ทขึ้นมาปุ๊ป ก็ตามด้วยคำถามแรกทันที ซึ่งพระลักษมณ์รู้ว่าต้องโดนถามแน่นอน
“ไอ้ลักษมณ์ แกหายหัวไปไหนมาหืม วันนี้ถ้าแกไม่ติดต่อมาฉันตั้งใจจะส่งคนเข้าไปตรวจค้น
คุ้มดงพญาแล้วเชียว นึกว่าแกโดนจับทรมานรีดเอาความลับเสียอีก” หัวหน้ามาเป็นชุด จนพระลักษมณ์ต้องรีบเบรคก่อนจะยาวกว่านี้
“เอาน่าพ่อ ไม่มีอะไรหรอกผมปลอดภัยดี เรื่องมันยาวไว้เล่าคราวหลังละกัน แต่ตอนนี้
ผมมีเบาะแสคืบหน้าถึง 80% แล้ว เหลือแค่รอเวลาอาทิตย์กว่าเท่านั้น คาดว่าจะปิดคดีได้ตัวคนร้ายแน่ ที่ผมติดต่อมาก็เพราะกลัวพ่อเป็นห่วง ก่อนหน้าผมยุ่งมากหาโอกาสติดต่อพ่อไม่ได้เลย ตอนนี้พ่อสบายใจได้แล้ว โอเคนะ?” พระลักษมณ์รวบรัดตัดความ ยังไม่อยากรายงานอะไรไปมาก เพราะตนก็ยังไม่แน่ใจว่าร่างแปลงของจิตมารมีจริงหรือไม่ ยังไงก็ตั้งใจขอดูพิธีกรรมชำระล้างจิตมารของกายันต์และหัวใจมารที่ธรรมตรัยเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในพิธีนี้อยู่แล้ว ที่สำคัญอยากเห็นการชุบกระสุนเงินซึ่งสามารถใช้สังหารฆาตกรด้วย
คาดว่าปาจาคงไม่มีเหตุผลห้ามไม่ให้ตนเห็นพิธีกรรมนี้แน่นอน
“โอเค หากแกยืนยันและมั่นใจอย่างนั้น ฉันก็จะไม่ถามมาก แกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
คราวหลังต้องติดต่อมาด้วย ไม่ใช่หายไปสี่ซ้าห้าวันถึงค่อยโผล่หัว รู้ไว้ว่าฉันเป็นห่วงเข้าใจไหม?” ประโยคสุดท้ายแม้จะออกคำสั่งเสียงห้วน แต่ก็ทำเอาพระลักษมณ์อดยิ้มกว้างไม่ได้ ในขณะที่อีกคนเก็กหน้าบึ้งทั้งที่พระลักษมณ์รู้อยู่เต็มอก ว่าพ่อรักและห่วงตนเองมากแค่ไหน
“รับทราบครับท่าน กระผมร้อยโทวิษณุทรงพลให้คำมั่นว่าจะติดต่อท่านไม่หายหัวเป็นอันขาดขอรับ” พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังแถมมียกมือตะเบ๊ะแสดงความเคารพของพระลักษมณ์ พาให้หัวหน้าที่เก็กขรึมกลั้นขำเกือบตายกับความทะเล้นของลูกชายคนเล็ก แต่พระลักษมณ์ยังแอบเห็นมุมปากจอมปากแข็งกระตุกจนได้ และนึกรู้ว่าหัวหน้ากำลังกลั้นขำอยู่ ก่อนจะเก็กเสียงห้วนกลับมาว่า
“อืม..อย่าลืมรักษาคำพูดด้วย ฉันไปแล้ว” พูดจบทางโน้นรีบปิดกล้องทันที ก่อนไอ้ลูกชายตัวดี
จะได้เห็นภาพหลุดของหัวหน้าเข้า ซึ่งขณะนี้นั่งหัวเราะน้ำตาเล็ดกับความไม่รู้จักโตของลูกชายหัวแก้ว
หัวแหวน ทั้งที่ติดอันดับหนึ่งในห้ามือพระกาฬของหน่วยพิเศษแท้ๆ แต่นิสัยทะเล้นบวกความสดใส
เป็นธรรมชาติของพระลักษมณ์กลับไม่หดหายไปเหมือนคนอื่น จนกลายเป็นเสน่ห์ของเจ้าตัวที่ใครต่อใครนิยมชมชอบหลงไหลได้ปลื้มกันไม่น้อย
ทำไมหัวหน้าจะไม่รู้ เมื่อไอ้ตัวดียังตีมึนทำไม่รู้ไม่ชี้กับท่าทางต้องการสานสัมพันธ์ของนายทหาร
เหล่านั้น ในฐานะพ่อก็จำต้องแกล้งไม่รู้ไม่เห็นไปด้วย ตราบใดที่ลูกไม่ขอคำปรึกษาหรือเล่าแจ้งแถลงความบอกให้รู้ ตนก็จะเนียนไม่ยุ่งแกล้งไม่รู้แบบนี้ต่อไป
จ้องมองรูปถ่ายบนโต๊ะของภรรยาคนสวยที่ล่วงลับไปกว่ายี่สิบปี พาให้อาวรณ์อยู่ไม่น้อย
แต่ก็อดภูมิใจลึกๆ ภรรยาคงดีใจที่ตนสามารถเป็นทั้งพ่อและแม่ของลูกชายทั้งสองอย่างไม่น้อยหน้าใคร ถึงจะยืดอกไม่เต็มที่ว่าสมบูรณ์แบบแล้วก็เถอะ แต่อย่างน้อยความมั่นคงของลูกชายคนโตซึ่งบริหารธุรกิจของตระกูลต่อจากปู่จนงอกเงยรากฐานมั่นคงก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพระรามเก่งแค่ไหน
และไอ้ตัวดีที่เพิ่งหาเรื่องให้นั่งยิ้มไม่หุบก็เจริญรอยตามจนเป็นมือดีติดอันดับของหน่วยฯ
นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตนเลี้ยงลูกได้ไม่ด้อยกว่าใครจริงๆ
ความสุขที่เหลือในบั้นปลายชีวิต แค่หวังให้ได้เห็นชีวิตครอบครัวของลูกคนเล็กแล้วหละ
พระรามมีความสุขกับชีวิตครอบครัวแถมยังมีหลานแฝดให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจถึงสองคน เหลือแต่พระลักษมณ์ที่คนเป็นพ่อยังอดห่วงไม่ได้
คิดเผื่อไว้ว่าจบภารกิจครั้งนี้คงต้องคุยจริงจังเสียที กับความตั้งใจที่จะให้ลูกชายเลิกอาชีพเสี่ยง
แล้วไปดูแลธุรกิจช่วยพระรามแทน เพราะตนก็จะเกษียณราชการปีหน้าแล้ว ไม่อยากทิ้งลูกให้ใช้ชีวิตเสี่ยงอีกต่อไป ที่สำคัญต้องการเห็นครอบครัวของพระลักษมณ์เต็มแก่แล้ว จะได้นอนตายตาหลับ
หน้าเข้มคมยังหลงเหลือเค้าความหล่อให้เห็น แม้มีร่องรอยชราวัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ลดทอน
ความสมาร์ทเลยแม้แต่น้อย กลับส่งผลให้พลตำรวจเอก พระพรหม ดูทรงอำนาจและบารมีในตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่หรือที่ใครต่อใครต่างเรียกว่าหัวหน้าให้ดูสง่างามยิ่งขึ้นไปอีก ชายสูงวัยใกล้เกษียณปิดเปลือกตาลงปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปตามความคิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด.....
“ก๊อกๆ ก๊อกๆ!” เสียงเคาะประตูห้องพระลักษมณ์ดังเบาๆ ทำให้คนที่กำลังนอนเล่น
คิดอะไรเพลินๆ ถึงกับนึกแปลกใจไม่น้อย ใครมาเคาะห้องยามวิกาลนาฬิกาพรายน้ำสวมข้อมือบอกเวลาจะห้าทุ่มกว่าแล้วด้วย ให้แน่ใจร่างโปร่งในชุดนอนผ้าฝ้ายเนื้อบางสบายตัดสินใจลุกจากเตียง ตรงไปยังประตูก่อนจะส่องลูกตาโตผ่านช่องเล็กๆ มองหาผู้มาเยือนยามวิกาลอย่างระแวดระวัง
สายตาพยายามกวาดมองมุมกว้างแต่ก็หาได้เห็นมนุษย์คนใดแม้แต่น้อย หรือหูจะแว่วไปเอง
กำลังจะหันหลังกลับไปซุกตัวนอนต่อ เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาอีกชัดเต็มสองหูเลยในเมื่อพระลักษมณ์ยืนใกล้ประตู แม้เสียงจะเบาก็เถอะ
“ก๊อกๆ! ก๊อกๆ!” หันกลับไปมองลอดช่องประตูอีกครั้ง ว่างเปล่าไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตอยู่ในรัศมี
สายตาอีกตามเคย พระลักษมณ์เริ่มหงุดหงิดแล้ว เลยเสียงห้วนร้องถามออกไปเบาๆ
“ใครเคาะ มีธุระอะไรกับผม” คำถามหายไปในอากาศ เมื่อไม่มีสัญญาณตอบกลับแม้แต่น้อย
ความอดทนของนักล่าสิ้นสุดลงตัดสินใจหันหลังค้นสนับมืออาวุธประจำกายที่แสนถนัดออกจากกระเป๋าเล็กบนหัวเตียง สวมมือเป็นมั่นเป็นเหมาะ เดินกลับไปยังประตูอีกครั้ง ก่อนจะปลดล๊อคกลอนออกอย่างเงียบกริบแล้วค่อยแง้มประตูเปิดช้าๆ ทันใดนั้น
เงาดำสูงใหญ่พุ่งเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว เกินสายตาจะทันได้วิเคราะห์ดูได้ว่าเป็นใคร
สัญชาติญาณป้องกันตัวพระลักษมณ์ส่งหมัดตรงพร้อมสนับมือเข้าหาเป้าหมายอย่างว่องไวเช่นกัน กลับผิดคาดใหญ่หลวงนอกจากมันจะไหวหลบได้อย่างเหลือเชื่อแล้ว มันกลับเป็นฝ่ายรวบข้อมือของพระลักษมณ์ก่อนบิดไขว้หลังอย่างแรง แล้วดันตัวพระลักษมณ์หันกลับเข้าห้องอีกตะหาก โดยที่พระลักษมณ์ซึ่งมั่นใจฝีมือไม่เป็นสองรองใครยังอดทึ่งในความรวดเร็วว่องไวของคู่ต่อสู้ไม่ได้ เนื่องจากถูกจับแขนไขว้หลังไม่สามารถมองเห็นหน้าคู่ต่อสู้ได้เลย พระลักษมณ์เตรียมงัด
ไม้ตายออกมาใช้ กำลังก้มหัวลงตั้งใจเสยกระแทกใส่หน้าคนด้านหลังให้นับดาวมึนไปเลย แต่กลับต้องชะงักไว้ทันที เมื่อสัมผัสคุ้นเคยแนบข้างหูมาพร้อมเสียงทุ้มที่กระซิบขึ้นว่า
|