ก่อนที่เพื่อนๆจะไปดู TITANIC 3D ที่กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์นั้น เรามาดูความอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นกับเรือเจ้ารำราญลำนี้กันหน่อยดีกว่า ขอบอก!!อ่านแล้วทั้งน่ากลัวและน่าพิศวงมาก ..
ขอบคุณข้อมูล guru.google.co.th , jackkydorson.igetweb.com , topicstock.pantip.com
1. อาถรรพ์ ลางร้ายก่อนเกิดเหตุ
ใน ค.ศ. 1898 หรือ ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมไททานิค นักเขียนนิยายชาวอเมริกัน ชื่อ มอร์แกน โรเบิร์ทสัน (Morgan Robertson) ได้แต่งนวนิยายมาเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า Futility เป็นเรื่องราวเกียวกับเรือลำหนึ่ง ที่ถูกสร้างและออกแบบมาให้เป็นเรือลำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อเรือว่า ไททัน (Titan) มีความแข็งแกร่งจนกล่าวได้ว่าเรือไม่มีวันจม แต่ได้ชนภูเขาน้ำแข็งจมลง มีผู้เสียชีวิตมากมายเพราะเรือสำรองไม่พอ ซึ่งใกล้เคียงกับเนื้อเรื่องของไททานิก
แต่… นิยายเรื่องนี้ ถูกแต่งก่อนเหตุการณ์จริงจะเกิดขึ้น เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงที่นวนิยายตีพิมพ์คือเรือ SS Kaiser Wilhelm der Grosse ซึ่งมีขนาดเพียงร้อยละ 31 (เพียง 14,349 ตัน ในขณะที่ไททานิก 46,329 ตัน) ของเรือไททานิกเท่านั้น แต่ข้อมูลของเรือไททันในจินตนาการของมอร์แกน และข้อมูลจริงของไททานิก ใกล้เคียงกันมาก ดังต่อไปนี้
ข้อเปรียบเทียบ เรือไททานิกจริง เรือไททันในนิยาย
สัญชาติของเรือ อังกฤษ อังกฤษ
ชื่อเล่นของเรือ Unsinkable (ไม่มีวันจม) Unsinkable (ไม่มีวันจม)
ขนาดของเรือ 46,329 ตัน 45,000 ตัน
ความยาวของเรือ 269.1 เมตร (882 ฟุต 9 นิ้ว) 243.84เมตร (800 ฟุต)
จุผู้โดยสารสูงสุด 2,435 คน 2,000 คน
จุลูกเรือมากที่สุด 892 คน 1,000 คน
ความเร็วสูงสุด 23 น็อต 24 น็อต
การเดินทาง จากอังกฤษไปนิวยอร์ก จากนิวยอร์กไปอังกฤษ
จำนวนห้องเครื่อง 16 19
จำนวนเรือสำรอง 20 24
เวลาชนภูเขาน้ำแข็ง 23 นาฬิกา 40 นาที ใกล้เที่ยงคืน
สถานที่ชนภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
เดือนที่ออกเดินทาง เมษายน เมษายน
2. อาถรรพ์ เจ้าหญิงอาเมน-รา
เจ้าหญิงอาเมน-รา มีพระชนม์ชีพในช่วงประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระศพได้รับการบรรจุลงในโกศหรือโลงพระศพไม้ที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามตระการตา จากนั้นมีการนำไปบรรจุในสุสานหลวงที่ลักซอร์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ จวบจนในช่วงปลายคริสต์ศักราช 1890 กลุ่มมหาเศรษฐี 4 คน ได้มาเยี่ยมชมอุโมงค์บรรจุพระศพที่ลักซอร์ มีการยื่นเสนอข้อตกลงซื้อขายโลงบรรจุพระศพมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-รา ที่ประดับตกแต่งอย่างอลังการนี้ เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยถูกรางวัลล็อตเตอรี่ได้จ่ายเงินซื้อโลงพระศพมัมมี่ในราคาหลายพันปอนด์และได้นำกลับมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่ สองชั่วโมงต่อมาเขาได้เดินทางออกไปในทะเลทราย และไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ในวันรุ่งขึ้นหนึ่งในสามเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ถูกคนรับใช้ชาวอียิปต์ยิง โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลที่ถูกยิงตรงแขนข้างหนึ่งของเขาเกิดเป็นแผลร้ายแรงจนต้องตัดแขนทิ้ง เศรษฐีหนุ่มคนที่สามถูกธนาคารยึดเงินฝากของเขาไว้หมดเมื่อเดินทางกลับสู่บ้าน เศรษฐีคนสุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายและหมดเนื้อหมดตัว
ต่อมาโลงพระศพได้ย้ายมาสู่ประเทศอังกฤษตามคำสั่งซื้อของนักธุรกิจแห่งกรุงลอนดอน โดยที่ระหว่างการขนส่งก็เกิดเหตุประหลาดที่เป็นอุปสรรคตลอดเส้นทาง หลังจากที่มัมมี่มาอยู่ในการครอบครองสมาชิกในครอบครัวของนักธุรกิจนี้สามคนประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและบ้านก็ถูกไฟไหม้ นักธุรกิจผู้นั้นจึงตัดสินใจบริจาคโลงอาถรรพ์แก่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ และได้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นกับคนที่ทำงานพิพิธภัณฑ์และนักท่องเที่ยว รวมทั้งอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกมากมาย
ในที่สุดก็มีนักโบราณคดีอเมริกันผู้ไม่เชื่อถือในเรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่ ยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อเคลื่อนย้ายมัมมี่มาที่นครนิวยอร์ก สั่งให้ขนส่งสมบัตินี้มาให้ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1912 โดยเรือโดยสารของบริษัทไวต์สตาร์ ลำใหม่หรูหรา นำเจ้าหญิงอาเมน-รา มาสู่นครนิวยอร์ก ในราตรีของคืนวันที่ 14 เมษายน ปีนั้นเอง ความหายนะอันน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ปรากฏขึ้น เจ้าหญิงแห่งอาเมน-รา พาผู้โดยสารอีก 1,500 คน สู่ความตาย ในก้นบึ้งมหาสมุทรแอตแลนติกเรือโดยสารลำนี้มีชื่อว่าเรือไททานิค ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง
3. อาถรรพ์ ปริศนาของ วินนี เค้าท์ส
ขณะที่เรือประมงของนอร์เวย์ลำหนึ่งได้แล่นผ่านภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้ง
กัปตันและลูกเรือต่างพากันตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เห็นร่างของส...างหนึ่ง กำลังตะเกียกตะกายขึ้นจากผืนน้ำที่เย็นเฉียบ ไปยังที่ราบแคบๆบนภูเขาน้ำแข็ง ลูกเรือกุลีกุจอช่วยชีวิตเธอสำเร็จ นำส่งโรงพยาบาลให้แพทย์รักษาขั้นต้น จากนั้นก็ส่งไปยังอังกฤษ เพราะผู้หญิงผู้นี้เป็นชาวอังกฤษ
แต่เมื่อไปถึงอังกฤษแล้ว เธอมีอาการประหลาดบางอย่างที่ทำให้คนสมัยใหม่เข้าใจว่า เธอเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง นั่นคือ เธอบอกกับใครต่อใครว่าชื่อ วินนี่ เค้าท์ส เป็นชาวเมืองเซาท์แทมป์ตันแห่งอังกฤษ เป็นผู้ที่รอดตายจากเรือมรณะไตตานิคพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งเมื่อปี พ.ศ.2455 ตอนที่เรือประมงนอร์เวย์พบเธอที่ภูเขาน้ำแข็งนั้น เธออยู่ในสภาพสาวสวย ซึ่งเธอก็บอกว่าอายุเพิ่ง 29 ปีเท่านั้น ใครต่อใครก็ต้องเชื่อเพราะสภาพการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่การที่เธอบอกว่า เธออายุเพียง 29 ปี และเป็นคนหนึ่งที่รอดตายจากเรือมัจจุราชไททานิค มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เพระขัดกับความจริงที่ว่า เรือไททานิคจมลงมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2455 ถ้านับถึงปี 2533 มันเป็นเวลา 78 ปีมาแล้ว นางวินนี่ เค้าท์สที่พบในปี 2533 บอกว่า มีอายุเพียง 29 ปีก็เป็นเรื่องที่น่าเชื่อ เพราะเธอยังสาวสวยอยู่ ถ้าเธอเป็นผู้ที่รอดตายจากเรือไททานิคแตก ป่านฉะนี้เธอต้องมีอายุมากถึง 107 ปี
ความจริงที่ขัดกันดังกล่าว ทำให้เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคจิต โรคประสาทหลอน จึงถูกส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิต เซเทอร์ ไซโคอะทริค แห่งเมืองออสโล ต่อมาอีก 6 เดือน นางวินนี่ เค้าท์สกลับกลายเป็นคนแก่ลงอย่างรวดเร็วไม่ว่าแพทย์จะช่วยเหลืออย่างไรก็ปราศจากผล เธอกลายเป็นคนแก่อายุกว่า 100 ปีและเสียชีวิตในที่สุดนางเค้าท์สเป็นผู้ที่รอดตายจากเรือไททานิคจมจริงหรือ ? นี่คือคำถามที่รอคำตอบจนถึงทุกวันนี้ ครั้นจะว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้น . . .
เรื่องราวนี้เพื่อนๆอ่านแล้วรู้สึกขนลุกไปตามๆกันเลยใช่ไหมละ .. แล้วเดือนเมษายนนี้ก็เป็นวันครบรอบ 100 ปีพอดิบพอดีของเรือสำราญไททานิคอีกด้วย บรึ๋ย ….
ขอบคุณข้อมูล guru.google.co.th , jackkydorson.igetweb.com , topicstock.pantip.com