ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 1143|ตอบกลับ: 33

มนต์มาร ปาจา เจ้าคุ้มสุดหล่อ VS พระลัก - 25

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

                      บทรักเต็มอิ่มทุกค่ำคืนที่ผ่านมา มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่จะผ่อนปรนให้คนหน้าสวยจอมนิ่ง
ได้มากน้อยแค่ไหน   แต่อย่างน้อยต้องหนึ่งเพื่อสร้างความเคยชินให้กับร่างกายของธรรมตรัย เพราะมันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาวุธส่วนตัวพี่น้องตระกูลดงพญานั้น..ไม่ธรรมดากันจริงๆ.....?
Part 25
น้ำตาองค์นารายณ์

                   “แน่ใจทำตามนี้ ไม่เปลี่ยนใจจริงดิ?”  
                  พระลักษมณ์ย้ำกับปาจาอีกครั้ง หลังจากทั้งคู่อยู่กันตามลำพังในห้อง
                      “หึหึ..คิดว่าผมเป็นคนใจโลเลหรือเปล่าละ?”
                  ปาจาไม่ตอบหัวเราะในคอแทน  หนำซ้ำถามพระลักษณ์กลับแบบทีเล่นทีจริงซะงั้น   เพื่อคลายเครียดลงบ้าง  
                 ปีศาจรูปงามไม่ต้องการให้คนรักหน้าใสต้องเป็นกังวลมากนัก  แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตนตัดสินใจเอาตัว
เป็นเป้าล่อจิตมารให้มุ่งมาหาตนนั่นดูเสี่ยงมากก็เถอะ แต่ปาจาเลือกเป็นคนเสี่ยงเสียเองดีกว่า ถ้าหากคนอื่นต้องพลอยมารับเคราะห์ด้วยแล้วละก็ ที่สำคัญจิตมารสิตาต้องการตนเพื่อช่วยเพิ่มพลังมารเหตุผลข้อนี้ต่างหากที่ทำให้ปาจาไม่สามารถหาวิธีเหมาะสมได้อีกแล้ว
                “คุณกำลังล้อเล่นกับมัจจุราชอยู่รู้ตัวไหม  ผมปะทะฝีมือกับสิตามาแล้ว  ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอแข็งแกร่ง
มากแค่ไหน  ต่อให้เป็นคุณก็ไม่ใช่คู่มือเธอหรอก  ทำไมเราไม่ล่อเธอมาแล้วยิงด้วยกระสุนเงินนัดสุดท้ายเสียให้สิ้นเรื่อง  แค่นี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้เธอด้วยซ้ำ”  พระลักษมณ์ไม่ได้รู้สึกขันไปกับปาจาที่พยายามทำให้มันตลกเลยสักนิด  ตรงข้ามกับเครียดและจริงจังยิ่งกว่าเดิมเสียอีก  ตอนนี้คิดเพียงอย่างเดียวว่าทำยังไงให้ปาจาเปลี่ยนความตั้งใจ  เพราะเหลือเวลาไม่ถึงชั่วโมงแล้วด้วย  ปาจากับตนก็ต้องออกไปเป็นเป้าล่อสิตาถึงกลางทุ่งบริเวณใต้ต้นไม้สถานที่ทั้งคู่เดทกันครั้งแรกและปาจาขอพระลักษมณ์เป็นแฟนนั่นแหละ  ดันใช้สถานที่แห่งความทรงจำเป็นจุดล่อจิตมารออกมาจัดการเสียนี่
               พระลักษมณ์ถามถึงเหตุผลเหมือนกันว่าทำไมปาจาถึงเลือกสถานที่ตรงนี้   ปาจากลับตอบว่าเพราะที่นี่
เป็นทุ่งโล่งไม่มีมุมอับ  สิตาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่ระวังว่าปาจามาเพียงลำพังหรือเปล่า  เหนือสิ่งอื่นใดคือห่างไกลบ้านคนงาน จะได้ไม่มีใครเดือดร้อนหากเกิดการผิดพลาดขึ้น  อย่างน้อยสิตาไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้
               “ฟังผมนะพระลักษมณ์”  
               ปาจาหันมาจ้องสบตากับพระลักษมณ์นิ่งไม่มีแววตาล้อเล่นแล้ว  ในเมื่อรู้ว่าพระลักษมณ์กังวลแค่ไหน
ร่างโปร่งหน้าใสคิ้วขมวดมุ่นจ้องรอฟังปาจาจะพูดอะไร
               “ใช่ผมไม่รู้ว่า จิตมารตอนนี้ฝีมือกล้าแข็งเกินที่จะรับมือได้  ผมก็คงลูกไก่ในกำมือเธอ  หากต้องการล่อ
เธอออกมาแล้วยิงด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว  ถ้าเกิดพลาดเหมือนที่ผมยิงมันในถ้ำเสียกระสุนฟรีไปถึง
สี่ลูกละ  คุณเห็นแล้วนี่จิตมารว่องไวแค่ไหน  เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่พลาดอีก           
               ที่ผมยอมเสี่ยง อย่าลืมสิว่าผมจะรอดหรืออาจกลายเป็นทาสของมันไปตลอดกาลหรือไม่  ขึ้นอยู่กับคุณ
ต่างหาก  ถึงแม้ผมจะเอาตัวเข้าเสี่ยง  แต่ต้องอาศัยคุณที่จะจัดการเรื่องนี้ให้มันจบลง  ร่างแฝงแห่งองค์นารายณ์หนึ่งในสามเทพที่ยิ่งใหญ่  เทพเจ้าแห่งการทำลายร้างปีศาจสิ่งชั่วร้าย  เหมือนฉายาคุณไง ‘วิษณุทรงพล’  ถึงเวลาแล้วที่คุณจะทำลายมารร้ายที่ถูกปลุกจากขุมนรกให้สิ้นซาก  ถ้าคุณยังมัวแต่กังวลแบบนี้   ชีวิตผมยิ่งอันตรายมากขึ้น  เอาล่ะรับสิ่งนี้ไปครับ”  พูดจบปาจาล้วงหลังเอวดึงปืนพกประจำตัวที่บรรจุกระสุนเงินในรังเพลิงไว้เรียบร้อยยัดใส่มือพระลักษมณ์โดยไม่รอให้คนรักพูดอะไรอีก  พร้อมส่งสายตายืนยันคำพูดอีกครั้ง
                 “ผมไม่มั่นใจ  ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานมา  เสี่ยงตายไม่รู้กี่ครั้ง  ผมไม่เคยกังวลเท่าครั้งนี้มาก่อน   
บอกตามตรงผมไม่อย่างเสี่ยง  ตกลงมันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วใช่ไหม?”  ปาจามองแววตาที่ฉายความกังวลชัดเจนในตากลมโตของพระลักษมณ์  โดยเข้าใจถึงสาเหตุที่พระลักษมณ์ขาดความมั่นใจ  เพราะตนนั่นเอง  นี่สินะเค้าถึงห้ามไม่ให้หน่วยพิเศษมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนร่วมทีม  มันจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาทันที  เมื่อต้องทำงานด้วยกัน   สำหรับพระลักษมณ์ตอนนี้ แทบไม่ต้องค้นหาคำตอบด้วยซ้ำ  หากเปลี่ยนจากปาจาเป็นคน
อื่นละก็พระลักษมณ์คงสบายใจที่จะจัดการสิตาได้อย่างไม่ต้องมัวพะวงแน่นอน  
                   “ผมรู้ครับผมรู้..เกี่ยวกับสิ่งที่คุณกังวล แต่ขอร้องล่ะ  นอกจากคุณแล้วไม่มีใครสามารถรับหน้าที่
สำคัญนี้ได้แล้ว  ฟ้าส่งคุณกับผมมาเพื่อจัดการปัญหานี้ตั้งแต่ต้น  เราไม่มีทางเลี่ยงครับพระลักษมณ์  เพราะงั้นสิ่งที่คุณควรทำคือรวบรวมสติตั้งสมาธิจดจ่อกับภารกิจที่จะต้องจัดการข้างหน้าต่างหาก ผมเชื่อว่าคุณต้อง
ทำได้”   ปาจาพูดให้กำลังใจพร้อมสร้างความมั่นใจให้คนรักไปด้วย   
                    พระลักษมณ์เอาแต่จ้องหน้าคมเข้มของปีศาจรูปงามไม่กระพริบ ก่อนที่ปาจาจะคาดคิดแขน
เรียวแกร่งก็เหนี่ยวคอของตนลงมา  พร้อมกับริมฝีปากสีสดตามประกบจูบลงบนปากหนาได้รูปทันที จากนั้น
ทั้งคู่ต่างตอบสนองกันและกัน  แขนแข็งแรงของปาจารวบกอดร่างพระลักษมณ์เข้ามาจนชิด  พร้อมกับมือหนาจับท้ายทอยร่างโปร่งให้แหงนรับจูบดูดดื่มอย่างอ่อนโยน  เป็นครั้งแรกที่พระลักษมณ์เลือกทำตามความต้องการของหัวใจ  ซึ่งตนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า  ความกังวลทั้งหลายนั่น  เกิดขึ้นเพราะตนหลงรักปีศาจตนนี้แล้วเต็มเปา  
                 นี้ต่างหากที่ทำให้ความมั่นใจในการจัดการภารกิจของตนไม่เต็มร้อย  ผิดพลาดเพียงนิดเดียวเท่ากับชีวิตของปาจาอยู่ในเงื้อมมือมัจจุราชทันที จูบนี้จึงแทนความรู้สึกทั้งหมดที่ต่างฝ่ายต่างถ่ายทอดแทนคำพูด  
ใช้เวลาเนิ่นนานพอสมควรถึงได้ถอนริมฝีปากออก  ในขณะที่หน้าผากของทั้งคู่ยังชนกันอยู่  ปล่อยลมหายใจเป่ารดใส่กันอย่างอ้อยอิ่ง  ถึงได้ยอมผละห่างออกช้าๆ
                    พระลักษมณ์พยายามที่จะคืนแหวนลงอาคมที่ปาจาสวมให้ตนแทนแหวนหมั้น  เพื่อสวมลงบนนิ้ว
ของปาจาไว้ป้องกันมนต์สะกดของจิตมารสิตา  แต่เจ้าคุ้มรูปหล่อกับห้ามไม่ให้ทำ   ให้เหตุผลว่าตนเองต้องไม่มีสิ่งใดคุ้มกายจิตมารสิตาถึงจะเข้ามาหา  ถ้าหากสวมแหวนเท่ากับปิดกั้นจิตมาร มันอาจโมโหออกอาละวาดเขตบ้านพักคนงานแทน  จะพลอยทำให้คนซึ่งไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อนกันไปด้วย  
                   พระลักษมณ์จำนนด้วยเหตุผลไม่สามารถขัดความตั้งใจของปาจา  ต้องอาศัยกระสุนเงินเพียง
นัดเดียวเท่านั้น  ที่ปาจามอบให้ทำหน้าที่เพชฌฆาตส่งจิตมารกลับสู่นรกภูมิ
                  ปัญหามันอยู่ตรงต้องยิงในขณะที่จิตมารกำลังสะกดปาจาเพื่อจะร่วมรักหลอมดวงจิตให้เป็น
หนึ่งเดียวกับมัน  จิตมารต้องการรับเอาร่างแฝงปีศาจจากปาจาเสริมพลังมารในตัวให้สมบูรณ์  ในช่วงเวลานั้นพระลักษมณ์ต้องไม่เปิดโอกาสให้จิตมารสมสู่กับปาจาสำเร็จ  ขั้นตอนนี้ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ซึ่งพระลักษมณ์ ไม่มั่นใจสักนิดว่าตนจะทำได้  เพราะไม่มีพื้นฐานเรื่องคุณไสยมาก่อน  และไม่แน่ใจว่าจะทนเห็นปาจาทำเรื่องอย่างว่ากับคนอื่น ต่อหน้าต่อตาได้หรือไม่ต่างหาก ถึงจะยังไม่ทันสอดใส่ก็เถอะ  
                  ปาจายืนยันหนักแน่นว่าตนสามารถยิงเจาะกะโหลกจิตมารได้เลย  ในภาวะอารมณ์ที่มันกำลังจะ
เข้าด้ายเข้าเข็มย่อมขาดความระวังตัวลงมากทีเดียว  
                      พระลักษมณ์ขอธรรมตรัยกับกายันต์  ช่วยเป็นกองหนุนก็ไม่ได้อีก  เพราะปาจาบอกว่าจิตมารจะรู้
ถึงการคงอยู่ของพวกเค้าทันที  อาจมุ่งทำร้ายเสียก่อนถึงจะลงมือจัดการกับปาจาเอาทีหลัง  ไม่มีประโยชน์ที่จะให้สองคนนี้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย  ต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าพลังของจิตมารสิตากล้าแข็งขึ้นมาก  ยิ่งมากคนก็ยิ่งเสี่ยงเข้าไปใหญ่  ให้กายันต์คอยดูแลธรรมตรัยอยู่เรือนไทยจะดีกว่า อย่าลืมว่าธรรมตรัยไม่รู้จักวิชาต่อสู้ แม้กายันต์เองก็เถอะ  ฝีมือยังสู้พระลักษมณ์ไม่ได้ประสาอะไรจะปะทะจิตมารสิตาได้กันล่ะ หน้าที่ของกายันต์เลยต้องอยู่ดูแลธรรมตรัยในเรือนไทยนี้เท่านั้น  เป็นคำสั่งเด็ดขาดของปีศาจรูปงามที่ไม่มีใครกล้าขัด
                 บัดนี้  ห้าทุ่มตรงแล้ว บริเวณโดยรอบทุ่งกว้างมืดสนิท   
                 เนื่องจากเป็นคืนพระจันทร์ดับไม่มีแสงดาวสักดวง  ปาจายืนหันหลังเห็นเป็นเงาร่างสูงใหญ่อยู่ใต้
ต้นหูกวางที่ขึ้นโดดเดี่ยวแผ่กิ่งก้านบนเนินเด่นกลางทุ่ง   
                 บรรยากาศช่างแตกต่างกับวันที่สองคนมานั่งทานกลางวันซึ่งเป็นเดทแรกของทั้งคู่  ซึ่งในวันนั้น
ปาจายอมคุกเข่าขอพระลักษมณ์เป็นแฟนอย่างเป็นทางการ โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีที่คุกเข่าขอร้อง
                 พระลักษมณ์ไม่รู้ว่าขณะนี้ปาจากำลังคิดอะไรอยู่   เพราะตนนอนพังพาบอยู่บนคาคบต้นหูกวาง
เพื่อซ่อนตัว  อาศัยอำพรางกายด้วยชุดรัดรูปสีดำสำหรับปฏิบัติภารกิจของหน่วยสืบราชการลับช่วยให้คล่องตัวกว่าปกติมาก   
                 แผนคือพระลักษมณ์หลบอยู่บนตนไม้โดยไม่ให้จิตมารรู้เป็นอันขาดว่าตนเร้นกายอยู่บนนี้   
ปาจาและธรรมตรัยยืนยันว่าแหวนที่พระลักษมณ์สวมติดนิ้ว  จะช่วยป้องกันไม่ให้จิตมารล่วงรู้ถึงการคงอยู่
ของพระลักษมณ์ไว้ได้
                 พระลักษมณ์ต้องเป็นเสือซุ่มรอจังหวะสังหารจิตมารให้จงได้  ซึ่งโอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น  
ไม่งั้นปาจาและพระลักษมณ์อาจไม่มีทางรอดกลับไปอีก ถ้าหากพลาดแล้วทำให้จิตมารบันดาลโทสะสังหาร
ทั้งคู่ขึ้นมา...
                อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่า  หากจิตมารสะกดปาจาไว้ใต้มนต์มารและหลอมดวงจิตเสพสังวาสดึงเอา
พลังแฝงของร่างปีศาจในตัวปาจาออกมาสำเร็จ  เมื่อนั้นจิตมารจะมีพลังเป็นอมตะ  แม้แต่กระสุนเงินก็ไม่สามารถทำอันตรายมันลงได้   
                 ความกดดันในภารกิจที่มีทำให้ฝ่ามือของพระลักษมณ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ   แม้แต่ขมับก็เช่นกัน  กล้ามเนื้อทุกส่วนเขม็งเกร็งไม่ผ่อนคลายเหมือนเช่นเคย   คงเพราะพระลักษมณ์รู้ดีว่าจิตมารสิตามีฝีมือและอำมหิตแค่ไหน  จะไม่รู้ได้อย่างไรเมื่อเคยปะทะแบบตัวต่อตัวแทบเอาชีวิตไม่รอด ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถทำอันตรายมันได้แม้แต่เส้นขน   นี่จึงเป็นสาเหตุให้พระลักษมณ์ไม่สามารถผ่อนคลายเช่นทุกครั้ง
                 ตรงข้ามกับปาจา  ที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงหันหน้ามองไกลยังทุ่งกว้าง ซึ่งพระลักษมณ์ไม่สามารถจับสีหน้า
ของปาจาได้ว่าเป็นอย่างไร   ไม่ใช่เพราะความมืด  ขณะนี้สายตาพระลักษมณ์เริ่มชินกับความมืดจนมองสิ่งๆ ต่างในระยะใกล้เคียงไม่ลำบากแล้ว  แม้จะไม่เห็นรายละเอียดเท่าปกติ  แต่ก็พอจำแนกรู้ว่าวัตถุที่เห็นคืออะไร   
                 สำหรับที่พูดว่าไม่สามารถมองเห็นสีหน้าอาการของปาจา  คงเพราะเจ้าตัวยืนหันหลังเห็นเพียง
ไหล่กว้างที่น่าเกรงขามแทนต่างหาก  ยอมรับปาจานิ่งได้อย่างเหลือเชื่อ
                หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้  พระลักษมณ์คงรู้สึกดีไม่น้อย  ที่กำลังจ้องมองแผ่นหลังของปาจา  
เพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้องอาจสง่างามแค่ไหน สามารถเป็นที่พึ่งให้ตนได้อย่างไม่ต้องกังวลเลยว่า  จะได้รับอันตรายจากสรรพสิ่งทำร้ายเอาได้  ถ้ายังมีผู้ชายคนนี้คอยอยู่เคียงข้าง  
               แต่ตอนนี้บทบาทหน้าที่บวกภารกิจอันหนักอึ้ง  ทำให้พระลักษมณ์หวิวหัวใจพิกล   ยิ่งปาจายืนหันหลังให้พานรู้สึกใจหาย   จึงรวบรวมสมาธิสงบจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน  อาศัยการหลับตาปิดผ่อนลมหายใจเข้าออกควบคุมความคิดตนเองไว้ให้นิ่ง
                 “วิ้ว...กร๊าซ!”  
                  ในขณะที่หลับตาอยู่นั่น  ทุกส่วนของร่างกายกลับมาเขม็งเกร็งอีกครั้ง  เมื่อได้ยินเสียงลมและเสียงร้องกรรโชกของสัตว์ใหญ่ที่ดังขึ้น   พระลักษมณ์จำเสียงนี้ได้ติดหูจนต้องรีบลืมตาเพ่งมองไปยังปาจาเป็น
จุดแรก  ค่อยโล่งอกที่ยังเห็นร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งไม่ไปไหน   ตอนนี้พระลักษมณ์ค่อยกวาดสายตาฝ่าความมืดสำรวจไปทั่ว เพื่อจะดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  และแล้วต้องตะลึงค้างเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับร่างหญิงสาวยืนห่างไปไม่เกินสิบก้าว  ร่างสมส่วนเอวบางร่างน้อยใบหน้าในเงามืดขาวซีดเท่าที่สายตายังพอเพ่งได้  เค้าโครงของความงามแฝงแววเย็นเยือก  เธอนุ่งผ้านุ่งแบบสาวชาวบ้านสวมเสื้อเข้ารูปสีขาวแขนตุ๊กตา   กำลังขยับก้าวตรงมาทางที่ปาจายืนอยู่  ด้วยท่วงท่ามั่นใจไม่พรั่นพรึงเลยสักนิด   
                   ดวงตาสีแดงก่ำเห็นชัดกว่าส่วนอื่นจ้องยังร่างปาจาไม่กระพริบ  เห็นแล้วชวนขนลุกได้อีก  
ทำเอาพระลักษมณ์ถึงกับผ่อนลมหายใจให้เบาที่สุด  รอดูสถานการณ์อย่างจดจ่อ
                   “ฉันคิดแล้วว่าคุณต้องออกมา”
                   น้ำเสียงไพเราะคุ้นหูของสิตาเอ่ยพอได้ยิน  หลังยืนประจันหน้าปาจาห่างไม่ถึงสามก้าว
                   “คุณรู้ดีว่าทำไมผมถึงต้องมา”  
                   ปาจาตอบกลับด้วยเสียงทุ้มนิ่งไม่เจือแววหวั่นไหวเลยสักนิด
                   “วันนั้นคุณใจร้ายกับฉันมาก กะฆ่าให้ตายเลยสินะ”  
                   สิตาต่อว่าปาจาด้วยน้ำเสียตัดพ้อ  ทำให้พระลักษมณ์ที่แอบฟังการคุยของทั้งคู่เบาใจลงอย่างไม่มีสาเหตุ  คงเพราะลึกๆรู้ว่าสิตามีใจให้ปาจาเป็นทุน  ไม่น่าจะรุนแรงกันหรอก  แต่ก็ไว้ใจอะไรไม่ได้  จิตมารมันเจ้าเล่ห์อาจกำลังใช้มารยาหญิงอยู่ก็ได้  อย่าเพิ่งด่วนสรุปดีกว่า  ความคิดของพระลักษมณ์หักล้างกันไปมาอยู่
ในหัว
                  “ผมจำเป็นต้องรักษาชีวิตของพระลักษมณ์  ในสถานการณ์ตอนนั้นคุณคลุ้มคลั่งเกิดที่จะคุยกัน
รู้เรื่อง”  ปาจายังคงอาศัยการเจรจาเพื่อถ่วงเวลาให้พระลักษมณ์ได้มีโอกาสหาจังหวะที่ดี  แต่ตอนนี้ร่างตนยืนบังสิตาอยู่  ทำให้รู้ว่าโอกาสที่พระลักษมณ์จะส่งลูกกระสุนเพียงนัดเดียวเจาะกลางหน้าผากสิตาเป็นไปได้ยากมากในมุมที่ร่างใหญ่โตของตนบังร่างบอบบางของสิตาไว้แบบนี้  กำลังคิดจะหลอกล่อสิตาให้เข้าไปใกล้ต้นไม้ที่พระลักษมณ์แอบซุ่มอยู่ให้มากที่สุดเพื่อกันพลาดแต่ต้องชะงักความคิดลงทันที  เมื่อได้ยินสิตาเอ่ยขึ้นมาว่า
                “ฉันคงต้องขอบใจคุณด้วยเช่นกัน  เพราะการระดมยิงของคุณวันนั้น  ทำให้รู้ว่ากระสุนเงินของคุณ
ไม่สามารถทำอันตรายฉันได้เลย  ฮ่ะๆ..โบราณเค้าถึงบอกในความโชคร้ายย่อมค้นพบสิ่งดีเสมอ  เหมือนฉันตอนนี้   คุณไม่ต้องทำหน้าแปลกใจหรอก  ฟังไม่ผิดหรอกคุณจา  กระสุนเงินที่พวกคุณอุตส่าห์ทำพิธีมาจนดิบดี  ไม่สามารถทำอันตรายฉันได้อีก  นั่นเพราะผิวหนังของฉันที่ได้รับอำนาจจากหัวใจมารต้นแบบช่วยให้มันเป็นอมตะไปแล้ว  เสียแต่เพียงฉันต้องทุกข์ทรมานอยู่ในร่างของสัตว์มารก็เท่านั้น ยกเว้นคืนพระจันทร์ดับที่สามารถคืนร่างเป็นคนได้  ฟังแล้วตกใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรู้ใช่ไหมล่ะ..ฮ่ะๆ”  ปาจายอมรับว่าตกใจจริงๆ  
ไม่เพียงแต่ปาจาเท่านั้นพระลักษมณ์เองก็เกิดอาการเช่นเดียวกัน  
                    ถ้ากระสุนเงินไม่สามารถกำจัดจิตมารได้  งั้นแผนที่วางไว้ก็ไม่มีประโยชน์นะสิ  หนำซ้ำปาจา
อาจกลายเป็นทาสรับใช้ของจิตมารสิตาไปตลอดกาลอีกด้วย   ในขณะที่พระลักษมณ์กำลังร้อนรุ่มใจอยู่นั้น  ปาจาก็ตะล่อมถามล้วงข้อมูลจากสิตาเพื่อถ่วงเวลาไปด้วย  พร้อมหาจุดอ่อนที่จะสามารถทำร้ายจิตมารได้  โดยเก็บอาการซ่อนไว้ภายตายใบหน้าคมเข้มอย่างไม่พรั่นพรึง
                  “ยอมรับว่าผมแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินจริงๆ  ตอนนี้คุณคงก้าวเข้าสู่ภาวะอมตะแห่งกายมารเต็มตัวแล้วสิ?”  ปาจารู้ว่าพระลักษมณ์เองกำลังฟังการสนทนาของตนกับสิตาอยู่  จึงต้องล้วงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาให้ได้มากที่สุด
                  “หึหึ..ที่ฉันบอกเพราะคิดว่าคุณกล้าออกมารอถึงนี่  คงเตรียมการเพื่อกำจัดฉันสินะ   นั่นก็ไม่แปลก
เพราะพวกคุณคิดว่ากระสุนเงินสามารถจัดการฉันได้   ฉันจึงช่วยสงเคราะห์ให้ความกระจ่างเสียแต่เนิ่นๆ  จะได้ไม่เสียเวลาคิดทำอะไรโง่ๆ ให้เป็นอันตรายต่อตัวเอง   
                 จริงอยู่ฉันไม่ปฏิเสธส่วนตัวแล้วรู้สึกยังไงกับคุณ  แต่อย่าลืมว่าครึ่งหนึ่งในร่างฉันมีดวงจิตที่มีอำนาจ
เหนือกว่าควบคุมอยู่  และเค้าก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครคิดร้ายกับฉันหรอกจริงไหม?  ฉันจึงหวังดีบอกคุณรับรู้เอาไว้   รู้แบบนี้ คงไม่ต้องเสียเวลาเรามาเสนอข้อแลกเปลี่ยนกันเถอะ”  สิตาสรุปตัดบทเมื่อเริ่มเห็นเวลาใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกทีแล้ว  หากเลยเที่ยงคืนไปพลังอำนาจของจิตมารจะอ่อนลง จนทำให้คืนร่างเป็นสัตว์มารไม่สามารถมายืนพูดได้อย่างตอนนี้  จะทำให้เสียความตั้งใจที่ออกมาหาปาจาไปเช่นกัน
                        “คุณต้องการอะไรลองบอกมาก่อน”  ปาจาคงถ่วงเวลาไว้เช่นกัน  เพื่อให้สามารถหาทางพา
พระลักษมณ์กลับออกไปได้อย่างปลอดภัยแม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นโอกาสนั้นเลยก็ตามเถอะ
                       “ฉันต้องการให้คุณจูบกับฉันตอนนี้”   สิตาไม่อ้อมค้อมพุ่งเข้าเป้า  ปาจาคิดไว้แล้วเช่นกัน
สำหรับเรื่องนี้  แต่ไม่คิดว่าสิตาจะกล้าพูดออกมาตรงๆ  ทำให้รู้สึกกระอักกระอวนพิกล
                      “ถ้าผมปฏิเสธละ  คุณจะจัดการยังไง”  ปาจาหยั่งเชิงถามกลับไป
                      “หึหึ..คุณคิดว่ามีทางเลือกงั้นสิ  ที่ฉันไม่ใช้มนต์มารบังคับคุณ  เพราะจิตมารต้องการให้คุณ
เต็มใจต่างหาก   หากคุณยอมจูบฉันในขณะที่เป็นตัวของตัวเอง   จิตมารจะสามารถเข้าไปสิงยังร่างคุณได้  
                     บอกอย่างไม่ปิดบังเลยนะ  เค้าต้องการร่างกายคุณแทนฉัน  เมื่อเค้าเคลื่อนย้ายดวงจิตไปสู่ร่างคุณ  
ฉันก็จะเป็นอิสระสามารถปรนนิบัติคุณได้ด้วย  พูดง่ายๆ ทำหน้าที่ปรนนิบัติดูแลจิตมารในร่างคุณยังไงล่ะ  
นั่นคือความต้องการของฉันที่อยากจะอยู่เคียงข้างคุณโดยไม่ถูกปฏิเสธ  แต่ถ้าต้องใช้มนต์สะกดแล้วละก็  คุณจะตกเป็นทาสของฉันไปจนตาย โดยไม่เหลือจิตสำนึกส่วนตัวอีกเลย   คุณเลือกเอาเองเถอะ  ต้องการมีความทรงจำส่วนตัวเก็บไว้เหมือนอย่างฉัน  หรือจะกลายเป็นคนที่ไร้วิญญาณเหลือแต่ร่างก็ตามใจ”  นี่ถือเป็นข้อมูลใหม่ล่าสุดเช่นกัน  ที่ปาจาและพระลักษมณ์เพิ่งรับรู้ไปพร้อมกัน  ในหัวของทั้งคู่ต่างใช้ความคิดตีกันให้วุ่น
ไปหมด  ในที่สุดปาจาก็เอ่ยปากขึ้นว่า
                  “ผมคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ  อย่างน้อยเมื่อไม่มีหนทางแล้ว เหลือความทรงจำไว้ก็ยังดีกว่าเป็น
ผีดิบ  แต่ผมมีคำถามสุดท้าย  ทำไมจิตมารจึงต้องการเปลี่ยนมาใช้ร่างกายของผม”  นั่นคือความสงสัยใคร่รู้ที่ทั้งปาจาและพระลักษมณ์ต่างใจตรงกันและรอฟังคำตอบจากปากสิตา
                   “ไม่เห็นต้องคิดให้ปวดหัว คำตอบมันมีในตัวอยู่แล้ว จิตมารเป็นผู้ชายต้องการแสดงศักยภาพ
ของเพศผู้  ซึ่งฉันไม่มีในส่วนนี้ด้วยสิ  อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณคือร่างแฝงของปีศาจ  นั่นต่างหากที่จิตมารต้องการร่างกายคุณ  เมื่อรวมดวงจิตเข้ากับอำนาจแฝงที่มีมาแต่กำเนิดไว้ด้วยกันได้  จะทำให้พลังมารสู่จุดสูงสุดสามารถเรียกลมเรียกฝน  คืนร่างเป็นสัตว์มารหรือเป็นคนเวลาไหนย่อมได้ตามใจนึก  ไร้ซึ่งอาวุธที่จะระคายผิวไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใดก็ตาม  คงเข้าใจแล้วสินะ   ที่ฉันยอมทำตามข้อตกลงของจิตมาร  นั่นเพราะฉันจะได้เป็นคนปกติใช้ชีวิตเป็นคนรักของคุณภายใต้การควบคุมของจิตมาร  ย่อมทำให้คุณรู้สึกรักฉันได้ไม่ยาก  หากเป็นเช่นปัจจุบันแม้แต่เศษเสี้ยวของหัวใจ  ฉันคงไม่มีทางได้จากคุณหรอกจริงไหม?  ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าใครคือคนที่คุณมอบใจให้  ดีนะที่มันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย  ไม่งั้นฉันจะกำจัดมันให้หมดเสี้ยนหนามไปซะ  แต่เอาเถอะไว้ค่อยตามจัดการมันทีหลังก็ไม่สาย  ดูสิมันจะมีปีกหนีเงื้อมมือจิตมารไปไหนได้  ตราบใดที่มันยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ย่อมเป็นหอกข้างแคร่ไม่จบสิ้น”  สิตาพร่ำบ่นถึงพระลักษมณ์ยาวเป็นหางว่าว  นั่นทำให้รู้ว่าจิตมารเองอาฆาตพยาบาทพระลักษมณ์มากแค่ไหน หากมันรู้ว่าคนที่กำลังกล่าวถึงซุ่มซ่อนอยู่บนคบไม้เหนือศีรษะละก็เป็นเรื่องแน่  เพราะงั้นปาจาต้องรีบรวบรัดก่อนพระลักษมณ์จะได้รับอันตราย ที่สำคัญถ้าความรู้สึกของตนไม่พลาด  
จุดอ่อนในการกำจัดมารร้ายคงอยู่ช่วงที่มันย้ายดวงจิตมาสู่ร่างตนนั่นแหละ  ถือเป็นโอกาสเดียวที่จะ
ทำลายมัน  เพียงหวังว่าพระลักษมณ์จะไม่ทำให้โอกาสที่ตนเสียสละครั้งนี้สูญเปล่า   
                  “เอาเถอะผมรับเงื่อนไขของคุณ  เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”  
                 พูดจบปาจาก้าวประชิดสิตา  ออกแรงรวบกอดร่างนุ่มนิ่มตรงหน้าที่แลดูเหมือนไร้พิษสงเข้าประกบจูบอย่างไม่ลังเล
                 ส่วนพระลักษมณ์ที่ซุ่มดูอยู่บนคบไม้  แม้จะเตรียมทำใจกับภาพที่คาดว่าต้องได้เห็น  ยังอดรู้สึกแปล๊บ
บริเวณหัวใจไม่ได้   มันช่างเป็นภาพบาดตามากมายเมื่อเห็นปาจายืนบดจูบกับสิตาเช่นนี้   แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อตอนที่ตนแอบบนคานแล้วซุ่มดูปาจาจูบกับครูรัสสา คงเพราะตอนนั้นตนไม่มีใจปฏิพัทธ์ลึกล้ำกับปาจาเหมือนตอนนี้ถึงได้ไม่รู้สึกอะไร  
                 สุดท้ายก็ต้องทำใจอดทนต่อสิ่งที่เห็น  เพราะเข้าใจดีว่าปาจาทุ่มเททำลงไปเพราะอะไร  หากเกิดจาก
ความต้องการส่วนตัวก็ว่าไปอย่าง
                ลีลาจูบดูดดื่มที่ปลุกเร้าอารมณ์ของสิตาให้คล้อยตามและกำลังเตลิดด้วยฝีมืออันเชี่ยวชาญของ
ปาจานั้น  กลับส่งผลให้ปาจาเองเคลิ้มไปกับอำนาจดำกฤษณาที่จิตมารส่งผ่านรสสัมผัสของทั้งคู่จนสติที่มีแน่วแน่เริ่มจะควบคุมไว้ไม่ได้เช่นกัน  เหมือนมึนเมาไปกับรสจูบที่ได้รับการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมของสิตา   ทั้งคู่จึงแสดงบทรักยืนจูบกันท่ามกลางสายตาสักขีพยานเพียงหนึ่งเดียวที่เริ่มผิดสังเกตเห็นอาการเคลิ้มไหวไปกับ
รสจูบของปาจาเช่นกัน  ทำให้รู้ว่าคนรักกำลังถูกควบคุมเข้าให้แล้ว  ความรู้สึกปวดหนึบในอกเกิดขึ้น
อีกครั้ง  และครั้งนี้มาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอเบ้าโดยไม่สามารถสะกดกลั้นเอาไว้ได้แล้ว  
                     พระลักษมณ์ซึ่งนอนพังพาบเป็นแนวราบหลังคบไม้  ในมือข้างขวากำปืนพกที่บรรจุกระสุนเงิน
ไว้แน่น  ค่อยขยับเลื่อนปืนในมือขึ้นมาระดับสายตาช้าๆ  โดยเล็งปากกระบอกปืนไปยังร่างในอ้อมกอดของ
คนรัก  ที่บัดนี้กำลังมัวเมาในรสจูบอย่างเห็นได้ชัด  สังเกตจากเสียงครางทุ้มในคอของปาจาที่ลอดออกมาให้พอได้ยิน  ในขณะที่มือขาวนวลของสิตาท่ามกลางความมืดกำลังลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังแกร่งของปาจาอย่างได้อารมณ์เช่นกัน   โอ้ช่างเป็นภาพที่กดดันต่อความรู้สึกของพระลักษมณ์ยิ่งนัก
                  ใครไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้  คงไม่เข้าใจหรอกว่า  วิษณุทรงพลผู้องอาจเข้มแข็งกำลังหลั่งน้ำตาอาบแก้มกัดเม้มริมฝีปากเน้น  เพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวดของหัวใจ  น้ำตาที่ไหลเป็นทางหยดลงบนกระบอกปืนทีละหยดๆ  โดยที่พระลักษมณ์ไม่ทันเฉลียวใจสักนิดเพราะเอาแต่จดจ้องกระบอกปืนไปยังภาพตรงหน้าตาไม่กระพริบแถมหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ
                    หากจะแบ่งสมาธิสังเกตสักหน่อย  จะเห็นว่าน้ำตาของตนที่หยดลงกระบอกปืนนั่น ส่องประกาย
วูบไหวแวววาวเป็นจุดเล็กๆ ทุกครั้งที่หล่นกระทบกระบอกปืนสีดำทะมึน   และถ้าพระลักษมณ์มีกระจกส่องดูเงาตัวเองในตอนนี้  จะเห็นภาพพระนารายณ์ซ้อนทับอยู่กับร่างตนกำลังหลั่งน้ำตาออกมาเช่นกัน   นี่สินะ
ที่คัมภีร์โบราณกล่าวไว้ว่า ‘น้ำตาองค์นารายณ์’  ยามที่ท่านเศร้าใจต่อบาปของมนุษย์  และน้ำตาอันศักดิ์สิทธิ์นี่เอง ที่ทำลายล้างความชั่วร้ายทั้งหลายให้มลายสิ้นไป
                   ทันใดนั่นจู่ๆ  ปาจาก็กระตุกร่างผลักสิตาออกจากอ้อมกอดกระเด็นจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
โดยไม่ทราบสาเหตุ   ส่วนปาจากลับกุมขมับทุรนทุรายลงไปนอนดิ้นไม่เป็นท่า  ทำเอาพระลักษมณ์เบิกตาโตตะลึงต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน   จ้องไปยังร่างปาจาไม่ว่างตาอย่างงงๆ
                  “อ๊าก!...โอย!”
                  ท่าทางกุมขมับนอนบิดเป็นเกลียวของปาจาดูทรมานเหลือหลาย   ในขณะที่สิตากลับนอนหายใจ
รวยรินหมดแรงอยู่ตรงพื้น  อะไรกันเกิดอะไรขึ้น  เมื่อกี้ทั้งคู่ยังยืนจูบกันอย่างเมามันอยู่ดีๆ  ทำไมชั่วไม่กี่นาทีกลายเป็นแบบนี้ไปได้  พระลักษมณ์สงสัยได้ไม่นานเมื่อ
                 “ทะ..ท่าน...ทำไมเป็นแบบนี้?”  
                 เสียงพูดกระท่อนกระแท่นของสิตาที่เอ่ยออกมา  ไม่รู้ว่าถามใครในเมื่อปาจายังนอนกุมขมับใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเริ่มเบิกโพลงแดงก่ำ   ก่อนจะได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากปาจาว่า
                “ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย  ที่บอกความจริงไม่หมด”  
                เสียงพูดของปาจา  แต่ลักษณะการพูดเปลี่ยนไป  ทำให้พระลักษมณ์เริ่มเข้าใจแล้วว่า  นั่นไม่ใช่ปาจา
แต่เป็นจิตมารที่อยู่ในร่างปาจาต่างหาก   
                “มะ..หมาย..หมายความ..ยะ..อย่างไร?”  
                สิตายังคงพยายามรวบรวมกำลังถามออกไป  ทั้งที่สภาพในตอนนี้เหมือนคนกำลังจะขาดใจอยู่รอมร่อ  ซึ่งพระลักษมณ์เองไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปโดยพลกาลเพราะยังไม่แน่ใจว่าตนต้องทำยังไงต่างหาก
                “หึหึ...หากข้าสละร่างจากเจ้า  นั่นแปลว่าเจ้าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยังไงล่ะ  ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าทั้งหมดเจ้าน่าจะเข้าใจการย้ายดวงจิตของมนต์มารทำได้ที่ไหนกัน  ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคงทำไปนานแล้ว   นอกจากจะต้องอาศัยร่างใหม่ที่มีพลังปีศาจรองรับแล้ว  ยังต้องอาศัยพลังจิตที่กล้าแข็งมากด้วย  ซึ่งตอนนี้ข้าได้สองสิ่งนี้มาประจวบกันพอดีจึงสามารถเปลี่ยนร่างได้   แต่สำหรับเจ้าที่เคยเป็นร่างเดิมของข้าก็ต้องตาย
ในที่สุด  นั่นเพราะตลอดเวลาที่ข้าอาศัยร่างเจ้าในการคงอยู่เจ้าก็ต้องอาศัยดวงจิตข้าในการรักษาพลังชีวิตเอาไว้  เมื่อไม่มีข้าพลังชีวิตของเจ้าก็ย่อมแตกดับไปเป็นธรรมดา”  จิตมารในร่างปาจาเอ่ยปากบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อน  ในขณะที่ร่างกายยังดิ้นทุรนทุรายมือของปาจายังคงกุมศีรษะใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเหมือน
กำลังต่อสู้กับตนเองอยู่ช่างเป็นภาพที่ขัดกันมากระหว่างเสียงพูดกับท่าทางของคนพูดที่แสดงออกมา
                 "ทะ..ทำไม..ถึ..ถึงหลอกฉัน?”  คำพูดเฮือกสุดท้ายที่สิตารวบรวมเปล่งออกมา  ก่อนปากจะขมุบขมิบ
ตาเบิกโพลง  ลมหายใจเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ  พระลักษมณ์มองแล้วให้รู้สึกอดสูในใจไม่ได้  
                “เพราะเป็นความต้องการของเจ้าเองต่างหาก  ที่ต้องการให้ข้าสละร่างเจ้ามาอยู่กับไอ้หนุ่มนี่แทน  
เพื่อเจ้าจะได้ครองรักกับมัน  ข้าทำตามความประสงค์ของเจ้าแล้วไง  เพียงแต่ไม่บอกเจ้าว่า  เมื่อใดที่ข้าสละร่างจากเจ้า  พลังชีวิตเจ้าจะแตกดับไม่มีลมหายใจอีกต่อไป..หึหึหึ”  สิ้นสุดคำพูดของจิตมาร  ก็สิ้นสุดลมหายใจของสิตาด้วยเช่นกัน  ใบหน้าชาวซีดไร้สีเลือดดวงตาเบิกโพลงอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ  ร่างกายไม่ไหวติงรับรู้ได้ว่าไม่หลงเหลือชีวิตแล้ว  และทันใดนั้นเอง  ทำเอาพระลักษมณ์แทบตกจากคบไม้เมื่อปาจาดันตะโกนเสียงก้องออกมาดังลั่นว่า
                   “พระลักษมณ์  รีบยิงผมเร็ว...อ๊ากซ!”  
                   ใช่แล้วเสียงของปาจาเช่นกัน  สำนวนการพูดเป็นปาจาแน่นอนพระลักษมณ์ฟังไม่ผิด  แต่ทำไม
ปาจาถึงบอกให้ยิงตนเสียเองล่ะ  
                  “อย่าดิ้นรนต่อต้านข้า  ไม่งั้นความทรงจำของเจ้าจะไม่เหลือไอ้หนุ่ม”  และก็เป็นเสียงของปาจา
ที่เป็นจิตมารพูดขัดขึ้นมา  พระลักษมณ์เริ่มเข้าใจแล้วว่า ตอนนี้ปาจากำลังใช้สามัญสำนึกสุดท้ายต่อสู้กับการครอบงำจากจิตมารอยู่ และที่ร้องเรียกให้ตนยิงตัวเองนั้น คงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้จิตมารใช้ร่างกายของตนเป็นเครื่องมือมันแน่แล้ว   
                ด้วยความฉลาดและเข้าใจเหตุการณ์ได้รวดเร็ว  พระลักษมณ์ตัดสินใจกระโดดลงจากที่ซ่อนลงสู่พื้น  
ไม่ห่างจากร่างปาจาที่กำลังดิ้นพราดๆ  เหมือนปลาถูกทุบหัวอยู่นั่น  เสียงร่างกระทบพื้นดัง ตุ๊บ!  ของ
พระลักษมณ์ เรียกเสียงคำรามปานสัตว์ดุร้ายออกมาจากจิตมารที่อาศัยร่างปาจาทันที
               “โฮก!...แกไอ้เด็กนรก”  
              มันส่งแต่เสียงมาขู่ ยังไม่สามารถขยับร่างกายได้ตามใจนึก  เพราะยังดิ้นพราดเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นแทบเท้าพระลักษมณ์  แสดงว่ามันยังไม่สามารถควบคุมปาจาได้ในตอนนี้  ไม่งั้นคงลุกขึ้นมาจัดการพระลักษมณ์แล้วสิ  คงไม่แค่ส่งเสียงข่มขู่ออกมาหรอก..
               “ยะ..ยิง..ยิง..ผม..ซะ”  
               เสียงพูดกระท่อนกระแท่นเหมือนอ่อนแรงเต็มทีของปาจาก็เล็ดลอดออกมาเบาหวิว  แทบไม่ได้ยินแล้ว แสดงว่าปาจากำลังจะหมดแรง  ร่างกายกำลังจะถูกจิตมารควบคุมโดยสมบูรณ์แบบ  พระลักษมณ์มองภาพคนรักที่ทุกข์ทรมานตรงหน้าแล้วอดน้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างไม่สามารถสะกดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป  เจ็บปวดหัวใจยิ่งกว่าที่เห็นภาพปาจาจูบกับสิตาเสียอีก  ตอนนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่เห็นคนรักทรมาน  และยังสั่งให้ตนปลิดชีวิตตัวเองอีก  นั่นเท่ากับว่าพระลักษมณ์ต้องสังหารปาจาด้วยน้ำมือตนอย่างไม่มีทางเลือกแล้วหรือนี่  
                 พระลักษมณ์สะอื้นไห้โดยไม่กลั้นเสียงไว้อีกแล้ว  พร้อมกับปืนในมือยกขึ้นเล็งไปยังร่างที่นอน
บิดส่ายไปมาที่เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
               “แก..กล้าฆ่าคนรักหรือไง...ไอ้หนูคิดให้ดีดี..แกฆ่ามันจะไม่มีโอกาสได้เจอมันอีก   หากแกหยุดข้าสัญญาจะไม่ทำร้ายแก และจะให้พวกแกได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” จิตมารมันเห็นแววตาของพระลักษมณ์ที่ทะลักทะลายไปด้วยน้ำตา  พร้อมกับภาพซ้อนหลังของพระลักษมณ์คือร่างแฝงขององค์นารายณ์ที่ยืนหลั่งน้ำตาด้วยเช่นกัน  อะไรก็ไม่สำคัญเท่าน้ำตาของพระลักษมษ์กับมีประกายวูบวาบตลอดเวลา  สัญชาติญาณของมันนึกรู้แล้วว่าหายนะกำลังมาเยือน  จึงพยายามหว่านล้อมตะล่อมให้พระลักษมณ์ใจอ่อน  
                      “ยะ..อย่า...ฟัง..มัน”  
                      แทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบที่แผ่วออกมาให้ได้ยิน  พร้อมกับร่างที่เริ่มผ่อนการดิ้นรนลงจนเกือบสงบนิ่ง  พระลักษมณ์จ้องหน้าคนรักผ่านม่านน้ำตา  ก่อนพูดบอกไปว่า
                     “คุณจา  ผมรักคุณ  ผมรักคุณได้ยินใช่ไหม  ผมรักคุณจะไม่มีวันรักใครอีก  จำคำผมไว้  
ผมรักคุณครับ...อึก...ฮือ....เปรี้ยง!”   สิ้นสุดคำพูดตามด้วยเสียงปืนดังสนั่นกัมปนาทลั่นไปทั่งทุ่งกว้าง
                    “อร๊าก....กร๊าซ!”
                    เสียงร้องโหยหวนของจิตมารก่อนร่างของปาจากระตุกวูบ  เผยอริมฝีปากยกยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย
แล้วแน่นิ่งลงไป  
                 พระลักษมณ์ทิ้งปืนพุ่งเข้ารวบกอดศีรษะของปาจาซุกอก  นั่งเหยียดขากับพื้นซบหน้าลงกับหน้า
หล่อเข้มของปาจาปล่อยน้ำตาทะลักไหลร้องโหยหวนอย่างไม่อายใคร  ตอนนี้เหมือนหัวใจจะแตกสลายดับตามไปกับปาจาแล้วเช่นกัน
                “ฮือ...คุณจา!...คุณจา!..ฮือ!”  
                ท่ามกลางความมือมิดบนเนินดินใต้ต้นหูกวาง  มีร่างไร้วิญญาณนอนตาเบิกโพลงของหญิงสาว
อยู่หนึ่งนาง  พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ก้มหน้าร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกอดร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาว
ไม่ไหวติงแนบอก  เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจ
               หากใครได้เห็นภาพที่ร้องอย่างเอาเป็นเอาตายของพระลักษมณ์แล้วไม่หลั่งน้ำตาตาม  ถือได้ว่าเป็นคนใจแข็งยิ่งนัก  จะมีใครบ้างไม่เจ็บปวดที่ต้องสังหารคนรักด้วยน้ำมือตน  จะมีใครบ้างไม่ใจแตกสลายเมื่อเห็นร่างคนรักนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า  ไม่มีอีกแล้วคำพูดหยอกเย้า  ไม่มีอีกแล้วสายตากรุ่มกริ่มชอบแกล้ง
ให้ได้เขิน  ไม่มีแล้วสินะตาคมเข้มที่จ้องตอบสื่อความหมาย  ช่างรู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจเมื่อคิดว่าจะไม่มีอ้อมกอดอุ่นให้ซุกซบอีกต่อไป

               เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว   ใครบ้างจะไม่ร้องไห้เสียใจ ต่อให้ได้รับการฝึกความแข็งแกร่งทั้งสภาพร่างกาย
และจิตใจมาดีแค่ไหน  แต่เมื่อต้องสังหารคนรักด้วยน้ำมือตัวเองไปต่อหน้าต่อตาแล้วละก็ เชื่อเถอะร้อย
ทั้งร้อย  คนๆนั้นต้องหลั่งน้ำตาเช่นพระลักษมณ์ ยกเว้นเสียแต่ว่า  คนๆนั้นไม่มีหัวใจเป็นคน..?

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
24560
Zenny
38464
ออนไลน์
2328 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-5-24 20:02:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-5-26 00:08:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-7-1 15:41:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
29752
Zenny
13852
ออนไลน์
2690 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-7-11 16:08:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนมากคับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-8 05:37:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราบ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-15 08:38:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1861
Zenny
4470
ออนไลน์
416 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-15 18:09:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
652
Zenny
101
ออนไลน์
133 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-18 22:48:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-20 13:05:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2500
Zenny
26
ออนไลน์
399 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-29 22:02:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครรฟฟฟ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
105
พลังน้ำใจ
4967
Zenny
148
ออนไลน์
713 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-4-24 18:06:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ{:6_171:}

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
19415
Zenny
2198
ออนไลน์
1152 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-31 14:37:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
16390
Zenny
8082
ออนไลน์
2534 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-1 02:20:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
3880
Zenny
249
ออนไลน์
564 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-1 10:17:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
30648
Zenny
10403
ออนไลน์
1910 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-7 21:36:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
90143
Zenny
39622
ออนไลน์
5751 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-9 14:48:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากนะครับ
  หวาดดีคราบบ หวัดดีปี 2017

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
59300
Zenny
38642
ออนไลน์
7763 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-9 21:52:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
27102
Zenny
2337
ออนไลน์
1869 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-10 01:48:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-6-7 22:21:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 19:42 , Processed in 0.125840 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้