ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว “ไปขี้..ถามไมจะไปด้วยรึไง...” พูดเสร็จไม่รอเอาคำตอบ เห็นพวกแม่งหน้าเหว่อไปตาม ๆ กัน กูรีบยกมือขออนุญาตจารย์หนวด ชิ่งออกห้องทันที
“ตะเกียง..หนอตะเกียง..พูดมาได้ไปขี้..พูดไม่ห่วงสวยเลยเว้ยคนสวยของพวกมึง..555”
พอได้ยินเสียงหัวเราะไอ้พี่รันตามหลังมาสะใจได้ยั่วกูซะงั้น....ไอ้พี่นรกๆ.......ลงบัญชีไว้ก่อนเถอะเมิงๆ Part 35
โรงอาหารระเบิดลง.
ได้เวลาพักเที่ยง เสียงกริ่งส่งสัญญาณ อาจารย์สุดาสอนอังกฤษ..ก็ปล่อยพัก เหมือนผึ้งแตกรัง หลายคนกรูกันเข้าไปหาริต้า..คนสวย แสดงความเป็นสุภาพบุรุษอาสาพาไปโรงอาหารกันให้พรึ่บ อานิสงฆ์ตกไปถึงคุณกระแตกับคุณแว่นจืดไปด้วย แต่แล้วทุกคนก็แห้วแด๋กกกก...เมื่อคนสวยยิ้มหวานตรงดิ่งเข้ามายังพวกกู พร้อมกับเอ่ยปากฝากตัวกะไอ้คนเสน่ห์แรง..ตั้งกะห้าร้อยเมตร..ที่ยืนข้างกูเนี๊ยะ
“โทษนะค่ะ..ริต้าขอไปทานข้าวด้วยคนได้ไหมค่ะ..โต๋” เรียกซะสนิท ยังกะรู้จักกันมาก่อน ไม่นับนัยตา
หวานเซ็กซี่ส่งให้วิบวับ พาใครต่อให้กลืนน้ำลายกันเป็นแถว
“ครับ..ก็ไม่เป็นไรนี่..พวกมึงใครมีปัญหาหรือเปล่า เพื่อนใหม่ขอไปด้วย” ฉลาดขั้นเทพ ไม่อนุญาตและไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว กลับโยนการตัดสินใจให้องค์คณะซะงั้น ใครเค้าจะบอกมึงกาน..ว่าไม่สะดวก ในเมื่อพวกแม่งสุภาพบุรุษแมนสาด..ทุกตัวขนาดนั้น ไม่มีใครขยับปากยืนนิ่งเป็นหุ่นสากได้โล่ห์ กูขี้เกียจเสียเวลากิน
เลยแย่งซีนตัดบทซะจบเรื่อง
“ไปสิครับ...ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเพื่อนใหม่ ที่เอ่อ...สวยขนาดนี้หรอกครับ..” จัดการส่งยิ้มพิฆาตกลับไปให้
ซะเลย ผิดคาด..ยิ้มสะกดเทพของไอ้ตะเกียงไม่มีผลกับ‘ริต้า’ ไม่แม้กระทั่งการแสดงออกใด ๆ ให้รู้ว่ายิ้มพิฆาตกูทำงาน ชักงง..หรือฟีโรโมนกูหมดฤทธิ์ซะแล้ว ไม่นะ..ไอ้พวกข้าง ๆ พากันมองกูตาค้างตะลึ่งกันซะขนาดนั้น ไม่เว้นกระทั่งคุณแฟนกู ตอนแรกดูอึ้ง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตาแข็งจ้องกูเหมือนไม่พอใจไปซะงั้น
“ขอบใจมากนะ...ชื่อ ‘ตะเกียง’ ใช่ไหม...หึ.หึ..หึ...สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ” คำพูดของริต้า ฟังดูชอบกลแปลก ๆ แต่ไม่แปลกเท่ากับคำหลัง ‘สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น’ ชักยังไง ๆ แล้วสิกู
“โทษที..ไม่เข้าใจอ่าครับ เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า คือผมไม่คุ้นอ่ะนะ ขอโทษด้วยถ้าผมจำไม่ได้” กูลองหยั่งเชิงถามดูหน่อย
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ...เราไม่เคยรู้จักกันหรอก บังเอิญริต้า ได้ฟังมาก่อนว่า...ห้องเรามีเด็กใหม่ย้ายมาก่อนริต้าไม่กี่วัน ดังระเบิดทั่งโรงเรียน เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงดัง” ฟังดูยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ แต่ไงเก็บความสงสัยไว้ก่อน เสียเวลา..ค่อยหาคำตอบเอาทีหลังได้ไม่ยาก
“อย่าเสียเวลาเลย รีบไปกันเถอะ กินเสร็จซ้อมสีอีกไม่ใช่รึไง” กูพูดกับพวกแม่ง ซึ่งพอกูพูดขึ้นก็พยักหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ แล้วขบวนหนุ่มหล่อ สาวสวยหนึ่งคน รวมกันก็เจ็ดคนพอดี ย้ายขบวนกันไปสิงสถิตย์ยังโรงอาหาร โดยที่ริต้าเธอบอกกับกระแตและแว่นจืดว่าเธอจะไปกับพวกกู ทำให้ทั้งคู่หน้าเจื่อนไปถนัด ไอ้ครั้นจะชวนไปด้วย ก็เกินอำนาจไอ้ตะเกียงเพราะทั้งคู่ไม่ได้ขอไปด้วย ไม่เหมือนริต้าเธอเดินเข้ามาขอเอง โต๊ะนั่งประจำก็จำกัดคน เดี๋ยวพวกแก๊งค์หอยแมลงภู่อีกเล่า งานนี้ไม่พอนั่งแน่ ๆ ถ้าเพิ่มคนอีกสองคนตลอดทางไม่ต้องบอก ตกเป็นเป้าสนใจเป็นเรื่องปกติ..เริ่มชินแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนเดิม คงเป็นเพราะวันนี้ ‘สิงห์โตดำ’ มีนางสิงห์สาว สวยเซ็กซี่เดินเป็นเป้าสายตาอีกหนึ่งคน โดยที่เธอไม่แคร์สื่อตะหาก เพราะริต้าเธอให้ความสนใจเพียงคนเดียว จงใจชวนไอ้หล่อขั้นเทพคุยตลอด ถามนั่นถามนี่ไม่หยุด นี่ถ้าเสียงไม่หวานหู..คงลำคาญพอดู
ไอ้ที่ทนกันได้เพราะเสียงเจื้อยแจ้วฟังแล้วมันเพราะ ยังกะนกการะเวก บวกท่าทางลันล้าน่ารัก ๆ ที่เธอแสดงออกทำให้องค์คณะมีสีสันเข้าไปใหญ่..
เป็นที่สะดุดตาโดยไม่ต้องสงสัย แม้ไอ้หล่อเก็กจะตอบมั้งไม่ตอบมั้งก็ตาม เธอก็ไม่ย่อท้อที่จะชวนมันคุย
ถึงพวกแม่งจะแย่งกันตอบแทนไอ้พี่โต๋บ้างก็ตาม ในขณะที่กูไอ้ตะเกียงกลายเป็นตัวประกอบที่เดินตามหลัง
อ๋อไม่สิไม่ได้เดินคนเดียว..ยังมีไอ้พี่กานเดินเป็นเพื่อน ยอมรับมันคงเส้นคงวากับน้องกิ่งจริง ๆ แต่จะโทษใครคงไม่ได้ เพราะกูเองไม่ติดว่าตะหงิดใจคำพูดแปลก ๆ ทิ้งท้ายให้คิด กับสายตาที่เหมือนมีอะไรบางอย่าง ที่กูก็บอกไม่ได้แต่มันรู้สึก กูคงรื่นเริงไปกับความน่ารักขี้อ้อนของริต้าอีกคน .
เข้ามาในโรงอาหาร เสียงที่คุ้นหูก็เรียกกูขึ้นมา
“น้องตะเกียงคร๊าบ...น้องตะเกียง” เสียงมาก่อน ก่อนคณะของพี่ท่านจะพากันเดินเข้ามา ในขณะที่กู
ยังไม่ทันได้หย่อนตูดลงนั่งเลยด้วยซ้ำ
“ครับ..ดีครับพี่พรต” ใช่แล้ว..เจ้าเก่า.พวกไอ้พี่พรตนั่นเอง มันมากันครบทีม ทั้งไอ้พี่วิน พี่ชัด พี่หน่อง พี่ต้า
และแปลกใจสุด ๆ เพราะคนสุดท้ายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ไอ้พี่เทค มันมาเป็นนักเรียน โรงเรียนกูตอนไหน แถมอยู่กลุ่มไอ้พี่พรตอีกตะหาก
"หวัดดี..ตะเกียง...เราเจอกันอีกแล้วนะครับ เสียดายที่วันนัดเลี้ยงตะเกียงไปไม่ได้ ไว้ให้เพื่อนพี่แก้ตัวคืนให้ทีหลังนะครับ” พอมันพูด พวกไอ้พี่พรตต่างหันมองหน้ากันแบบงง ๆ ที่มันดันรู้จักกู ในขณะกลุ่มกูก็งงเหมือนกัน แต่คงคนละความหมาย พวกกูงงว่าไอ้พี่เทคมันมาเรียนที่นี้ตั้งกะเมื่อไหร่
“อ้าว!...รู้จักกันมาก่อนหรือนี่...กำลังจะแนะนำแล้วเชียว” ไอ้พี่พรต มันเปรยขึ้นมา
“ครับ..รู้จักกันมาแล้ว พวกพี่โต๋ทั้งกลุ่มรู้จักพี่เทคกันหมดทุกคน ตะเกียงแค่แปลกใจ..พี่เทคเรียนที่นี้ด้วย
หรือครับ” ทุกคนต่างรอฟังคำตอบที่กูถามเหมือนกัน นึกว่าหน้าอย่างมันเรียนมหาลัยแล้วซะอีก อย่างน้อยก็น่าจะปีหนึ่ง เพราะพวกเพื่อนมัน เด็กมหาลัยชัด ๆ
"อือ..พี่เพิ่งย้ายมาวันนี้นะ..อยู่ห้องเดียวกับพรต เผอิญพี่เป็นเพื่อนของเพื่อนพรตอีกที พอมาเรียนที่นี้เลยเข้ากลุ่มพรตเลย เห็นบอกจะแนะนำคนสวยระดับเทพประจำโรงเรียนให้พี่รู้จัก คงไม่ได้หมายถึงตะเกียงหรอกใช่ไหมพรต?” ประโยคหลัง มันหันไปถามเอาคำตอบกับไอ้พี่พรตซะเอง เหมือนเปลี่ยนประเด็นไงไม่รู้ คงกลัวกูถามมากมั้ง
“แห่ะ..แห่ะ..แห่ะ..ก็นี่แหล่ะที่กูจะพามึงมารู้จัก ไม่รู้นิว่ามึงเจอกันมาก่อน” ไอ้พี่พรตเกาหัวแก้เขินแกรกๆ..
ซะงั้น น่ารักตายเลย..ท่าเขินอ่ะ
“ว่าแล้ว...ถ้าเป็นคนนี้...กูยอมรับที่เมิงโฆษณา ว่าสวยขั้นเทพจริง ๆ” ไอ้พี่เทคพูดออกมา โดยไม่ยอมทิ้งสายตาจากหน้ากูสักเอ๊ะ!.. เวร..พวกมึงเล่นชมกูกันไปมา ไม่คิดมั้งว่ากูผู้ชายนะเว้ย..เห้ย!...
“จะยืนคุยกันอีกนานไหม?...หิวแล้ว” อ้าว!..จู่ ๆ เหวี่ยงใส่กูเฉยเลยไอ้พี่โต๋ พูดเสร็จไม่รอฟัง เดินไปนั่งโต๊ะประจำ โดยมีริต้าตามไปนั่งประกบทางขวาทันที ต่อด้วยองค์คณะทั้งหลาย กูหันมายิ้มเจื่อน ๆ เป็นการขอโทษกลาย ๆ ที่ไอ้สิงห์คะนองนา..มันทำเสียมารยาทตะกี้ กำลังจะเดินเข้าไปนั่งที่ว่างข้างมันฝั่งซ้าย..ที่พวกเว้นไว้ให้กู ฝั่งขวาเป็นไอ้พี่บอมย์นั่งอยู่ เว้นช่องกลางให้กูชัวร์ แต่อ่ะนั่น!
“โต๋ขา...ทำไมคืนวันเสาร์ไม่ไปก็ไม่โทรบอกอัง แล้วดันปิดโทรศัพท์ซะอีก วันอาทิตย์ก็ติดต่อไม่ได้ ไม่เห็น
เมสเสสที่อังส่งไปให้หรือค่ะ.” มาเป็นชุด ไม่พูดเปล่า ก้าวแหม่ะลงไปนั่งที่กูเล็งไว้ที่ของกู อะเห่อ!..ท่านผู้ชมขารับ...บัดนี้มันกลายเป็นที่นั่งพี่อังไปซะแล้วล่ะครับ ไอ้ตะเกียงยืนหัวโด่ไร้ที่พักพิงเหมือนหมาถูกทิ้งทันที
“อ้าว!..ตะเกียงไม่มีที่นั่งหรือครับ...ป่ะ!..ไปนั่งกับพวกพี่ก็ได้ โต๊ะโน้นไปกัน” ไอ้พี่พรต ไม่รอกูตอบรับ
หรือปฏิเสธ ..คว้าข้อมือกูหมับ ลากกูเดินตามไปทันที ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของใครต่อใคร รวมทั้งกูด้วย
ที่ไม่รู้จะทำไง ปฏิเสธก็ใช่ที่ในเมื่อกูก็ไม่มีที่นั่งจริง ๆ จะให้นั่งตักพวกแม่งมันเหรอ...กูขอทางเลือกตามไอ้พี่พรตมันไปดีก่า
“ตะเกียง..ไปนั่งกับพี่ดีกว่านะ” ไอ้พี่โทนี่ ลุกตามมาฉุดข้อมือกูอีกข้าง ยื้อไว้ไม่ให้กูตามไอ้พี่พรต ในขณะที่
ไอ้พี่พรตก็หันมาจ้องหน้ามัน ก่อนจะพูดขึ้นมา
“มึงบ้าป่าวว่ะ!..โทนี่ จะให้น้องเค้าไปนั่งตรงไหน อย่าบอกนั่งตักมึงหล่ะ..มึงก็เห็นที่นั่งเต็มหมดแล้วจะนั่งเข้าไปได้ยังไงกัน” ไอ้พี่โทนี่อึกอัก..หน้าเสีย มันก็จริงอย่างไอ้พี่พรตพูด กูก็ไม่รู้จะแก้สถานการณ์ยังไงตอนนี้ กูเองจะได้แดกข้าวป่าวเห่อะ นี่ก็ล่อเข้าไปเกือบสิบนาทีแล้ว ที่นั่งแดกยังไม่มีเลย
“ไม่ต้อง..กูเสียสละเอง ตะเกียงมานั่งโต๊ะนี้...เดี๋ยวพี่หาที่นั่งเอาใหม่ก็ได้” ไอ้พี่บอมย์ครับ..เสียงมาก่อนตัว
ก่อนจะมายืนตรงหน้าไอ้พี่พรตอีกคน กูถือโอกาสบิดข้อมือให้หลุดจากการจับทั้งไอ้พี่พรต และไอ้พี่โทนี่มัน ตลกพิลึกกลายเป็นจุดสนใจในโรงอาหารซะงั้น ผู้ชายตัวสูงยังกะควายหกเจ็ดคน ยืนรวมกันเป็นกลุ่ม ตั้งท่า
จ้องกันไปมาเหมือนจะไม่ยอมกันซะงั้น ยังไม่ทันไร..เสียงกรี๊ดสนั่น ลั่นโรงอาหารแหลมได้อีกแทบอุดหู..
ของพี่อังก็ดังขึ้น ทำให้จุดสนใจคนทั้งโรงอาหารพุ่งเป้าไปที่นั่นทันที ภาพที่เห็น..ผู้หญิงสองคนกำลังนัวเนียเข้าตบกันอยู่ คนที่เสียเปรียบเพราะโดนไปเต็ม ๆ กลับเป็นพี่อังที่ระเบิดเสียงกรี๊ดเมื่อตะกี้ ในขณะที่ริต้า..ท่าทางทะมัดทะแมง หลบหลีกแถมสวนตบฉาดเข้าเป้าเต็ม ๆ สองสามฉาด ในขณะที่พระเอกของเรื่องกลับลุกเดินหันหลังออกจากโรงอาหารไปเฉยไม่สนใจสิ่งแวดล้อม..ใครจะเป็นจะตาย เห็นหน้านิ่ง ๆ แต่สายตา
ที่ชำเลืองมองกู..ร้อนๆ หนาว ๆ ไงไม่รู้....อูย....เรื่องบ้าอะไรกันว่ะ!...โรงอาหารเกิดสงคราม หอยแมลงภู่ VS หอยไม่มีภู่..เพราะตัวคนเดียวยังไม่มีพวกจึงไร้ภู่ และแล้วผีสามบาทพร้อมพี่รสา พี่คนางก็พุ่งรี่เข้าหาริต้าทันที
กลายเป็นหกรุมหนึ่งเข้าให้ เมื่อเห็นพี่อังกำลังเสียเปรียบโดนไปเต็ม ๆ หลายดอก แต่ก่อนที่ริต้าจะกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่านี้ ไอ้พี่เทคก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาว เข้าไปกันกลางวงล้อม..บังริต้าไว้ ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่นสนั่นโรงอาหาร
“...หยุด..ๆๆ..” ซึ่งมันได้ผลเพราะทุกอย่างหยุดชะงักนิ่งทันที พลังเสียงที่แปร่งออกมามันก้องกังวานอยู่ในแก้วหู..พาให้สั่นระริก เหมือนเคยได้ยินพ่อพูดให้ฟังว่า การใช้พลังเสียงแบบนี้คลับคลายคลับคลาพลัง ‘สิงห์โตคำราม’ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเคล็ดวิชานี้เป็นวิชาลับเฉพาะของบ้าน ‘สิงห์ราช’ ตระกูลของไอ้พี่โต๋
มันนิ คนนอกจะใช้ได้อย่างไรกัน แล้วก็เห็นไอ้พระเอกขี้เก็กเดินหน้านิ่งกลับเข้ามา สายตาที่มันจ้องไอ้พี่เทค..คมวาวได้อีก ในขณะที่ไอ้พี่เทคก็หาได้กลัวมันไม่..จ้องตอบด้วยสายตาชนิดเดียวกัน ไอ้ตะเกียงเห็นท่าไม่ดี
เลยนึกหาวิธีลดแรงกดดันที่กำลังปะทุขึ้น..ก่อนที่นี้จะระเบิด เพราะสัญชาตญาณบอกกูว่า พลังอัดมหาศาลกำลังก่อตัวขึ้นช้า ๆ เหมือนพายุกำลังมาไงงั้น
“โครกๆ...โครกๆ..” ไม่ต้องแปลกใจไป เสียงท้องกูร้องดังขึ้นมา เรียกสายตาทุกสายตาหันมามองกูเป็นตาเดียว แม้เสียงจะไม่ดังสนั่นเหมือนเสียงตวาดไอ้พี่เทคเมื่อกี้ก็ตาม แต่พลังขับลมช่องท้องของไทเก็ก..ก็สามารถบังคับเสียงได้ไม่แพ้กัน หลายคนอมยิ้ม..กลั้นขำกันเต็มที่ โดยเฉพาะไอ้พี่พรต..และพวกเพื่อนมันที่ยืนใกล้กูที่สุด
ก่อนจะหลุดหัวเราะตามกันมา
“คิก..คิก..คิก...555.” แล้วก็ตามด้วยเสียงหัวเราะสนั่นทั่วโรงอาหาร พากันขำเสียงท้องกูร้อง แบบไม่เกรงใจเจ้าภาพกูเลย..กูได้แต่เกาหัวแกรกๆ เขินสาด..อารามลืมตัวว่ายืนเป็นเป้านิ่ง จุดเด่นกลางโรงอาหาร ..แม่งพากันขำกูใหญ่ แล้วดูไอ้พี่รัน..ทำตากรุ่มกริ่มล้อเลียนกูได้อีก ก่อนไอ้พี่โต๋มันจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับโอบไหล่กูพาเดินไปร้านข้าว ท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ที่มองตาค้าง เสียงกระซิบกระซาบพอได้ยินเป็นระรอก
“โอ้โห..คู่รักสะท้านวงการ...คู่หวานช๊อคสื่อ...คู่สร้างคู่สม...บลาๆ” กูไม่กล้ามองสบตาใครเลย
ตอนนี้..รู้สึกหน้ากูจะระเบิด...กับพฤติกรรมที่ไอ้พี่โต๋มันทำ ในขณะที่ตัวมันหน้านิ่งโอบกึ่งลากกูไปร้านข้าว..ถามกูไหมว่ากูเต็มใจให้มึงแสดงออกขนาดนี้ป่าวนะ ทีนี้จะตอบคำถามทั้งโรงเรียนยังไง อร๊ายๆ.....หมดคำแก้ตัว...จะให้บอกพี่น้องกันเหมือนเดิมเค้าคงเชื่อกันหมดหรอก ก็ภาพที่มันกระทำพาให้คนคิดไปไกลถึงไหนแล้ว
ไม่รู้ ‘พี่น้องท้องติดกันซะงั้น’............
Part 36
เพราะเราเพื่อนกัน.
มื้อกลางวันผ่านไป กูกับไอ้พี่โต๋นั่งกินข้าว..ท่ามกลางสายตาคนนับร้อยที่เป็นสักขีพยาน มันบริการทุกอย่าง
ทั้งซื้อข้าว..จ่ายกะตังค์..ซื้อน้ำ ป้อนข้าวกูได้มันคงทำไปแร่ะ..แถมพามานั่งร่วมโต๊ะ..กลุ่มเพื่อนน้องกิ่งแฟน
ไอ้พี่กาน โซนใกล้ ๆ ร้านข้าว ล้วนแต่น้อง ๆ ม.3 ซึ่งก้มหน้ากินกันอย่างเงียบ ๆ มีชำเลืองเหลือบตามองกูกับมันบ้าง..แอบอมยิ้มอีกตะหาก ส่วนน้องกิ่งเจ้าภาพนั่งยิ้มอยู่ข้างไอ้พี่กาน..ที่ย้ายนิวาสถานมาโต๊ะนี้เหมือนกัน คนอื่น ๆ ต่างแยกย้าย พี่อังกับเพื่อนน่าจะไปประคบหน้ากันระบม ส่วนริต้าหายไปพร้อมพวกพี่เทคที่พรตตอนไหนไม่รู้ ก็นะ..คงไม่มีใครอยู่ให้อายกันต่อหรอก พวกที่เหลือหาไรลงท้องตามระเบียบ นัดเจอกันในห้องเรียน เพราะเวลาเหลือไม่มากพอจะประชุมสีแล้ว มีหวังเย็นนี้หูชาถูกพี่กิ๊ปประธานเชียร์ วีนระเบิดเพราะไอ้ตะเกียง
โดดซ้อมนั่งเสลียงโดยไม่ตั้งใจเข้าให้
ในห้องเรียน เหมือนทุกคนจะเรียนกันปกติ อย่างตั้งใจโคตรๆ แต่กูกลับรู้สึกแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม สายตา
ตั้งคำถามของไอ้พี่โทนี่ ที่พยายามส่งมาให้..แต่ยังไม่ได้คุย ไอ้พี่บอมย์ยิ่งแล้วใหญ่ แววตาตัดพ้อมาให้ด้วย
ไอ้พี่รันมองยิ้ม ๆ ยักคิ้วตามเสต็ป..เหมือนมันรู้ กูก็หน้านิ่งทำเฉยไม่สนฟ้า เอาดิ..คิดไงกันก็ช่าง..กูไม่พูดซะอย่างแล้วแต่จะคิดกันเอาเอง ที่พูดมายังไม่รู้สึกอึดอัดเท่าสายตาของริต้า..นาน ๆ ทีจะลอบมองมาที่กูกะไอ้รูปหล่อที่นั่งข้าง ๆ มีอะไรบางอย่างที่กูรู้สึกไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ใช่จะไม่เคยเจอสายตาประเภทนี้ พี่อังมักส่งสายตาจิกกัดให้กูออกบ่อย แต่มันไม่แฝงความรู้สึกอันตรายเหมือนที่รู้สึกสายตาริต้า สัญชาตญาณไม่เคย
โกหกคน คงต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
กริ่ง..คาบเรียนสุดท้ายของวันสิ้นสุดลง พร้อมกับแขนกูถูกดึงให้ลุกจากเก้าอี้ โดยไม่รอเสียเวลาจากไอ้พี่บอมย์ ก่อนตัวกูจะปลิวไปตามแรงฉุด แขนอีกข้างก็ถูกจับไว้..ด้วยมือแกร่งของไอ้พี่โต๋ ทั้งคู่จ้องตากันไม่กระพริบ..
ไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน เงียบกันได้อีก..ขณะนี้ในห้องเหลือเพียงพวกกูหกคน..ประตูถูกปิดล๊อคลงกลอนเรียบร้อย ไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามาได้ คนทำหน้าที่ไล่ต้อนเพื่อนออกจากห้อง เป็นไอ้พี่กานไม่มีใครขัดขืนมัน
สักเอ๊ะ แม้จะไม่เต็มใจก็เห่อะ หนึ่งในนั้นมีริต้าด้วย กูแอบเห็นหางตาแสดงความไม่พอใจสุด ๆ ก่อนออกไป ห้องกูตอนนี้เป็นเขตสงวนของ ‘สิงห์โตดำ’ พวกสอดรู้คงได้แต่เงื้อมหูฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เชื่อว่าคงออกัน
เต็มหน้าห้อง ไม่มีพลาดหรอก สุดท้ายไอ้พี่บอมย์เป็นฝ่ายยอม เอ่ยปากขึ้นก่อน
“โต๋ กูขอคุยกับตะเกียงส่วนตัวได้ไหมว่ะ?” บอกแกมขอร้องอยู่ในที
“มึงจะคุยอะไร จำเป็นต้องคุยกันสองคนด้วยหรือ” มันไม่ยอม ถามกลับซะอีก นิสัยเดิม..ไม่เคยจะเสียเปรียบใคร ขี่เขากลับหนึ่งแต้มทุกที
“กู..กู..ขอถามมึง พูดมาตรง ๆ...มึงดูแลตะเกียงในฐานะน้องใช่ไหมว่ะ?” มันเปลี่ยนหันไปถามไอ้พี่โต๋แทน
ซะนี่ ตะกุกตะกักได้อีก..ไหนเมื่อกี้จาคุยกะกูอยู่แม่บ ๆ โอเคพวกมึงคุยกัน แต่ประทานโทษ ช่วยปล่อยแขนกูก่อนได้ม่าย..กูเมื่อย..แขนจะหลุดแล้ว..ไอ้บร้า..
กระตุกข้อมือยิก ๆ ส่งสัญญาณแต่ดันไม่มีใครขยับ เกี่ยงกันอีกใครปล่อยก่อน แม่ง..โมโหแล้วเห้ย!..กระชากออกเองพร้อมกันทั้งสองข้างซะเลย เชี้ย..เอ้ย!..กูตัดสินให้ก็ได้ว่ะ!....แขนเกือบหลุด..วุ้ย!....
“กูถามไมมึงไม่ตอบ” ไอ้พี่บอมย์ถามซ้ำ เสียงเริ่มแข็งขึ้นแล้วเว้ย!..มีต่อยกันป่าวว่ะ..งานเนี้ยะ...
“มึงต้องการคำตอบแบบไหน กูว่าที่มึงอยากรู้..มึงรู้อยู่แล้ว เพียงแต่มึงไม่ยอมรับความจริง ต้องการให้แน่ใจ โดยให้กูยืนยันก่อนใช่เปล่า ถ้าต้องการแบบนั้น..กูบอกมึงให้ก็ได้ ที่มึงคิดไม่ผิด คิดถูกแล้วหล่ะ!...” พูดจบ..
ไอ้พี่บอมย์หมดแรง ปล่อยแขนตกหางตกหูลู่ลง แห่ะ..แห่ะ..แรงไปมันไม่ใช่หมา..แต่อาการที่ว่าก็ใกล้เคียง
ก่อนจะนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ ก้มหน้างุด ไอ้พี่โทนี่ นั่งอีกตัวอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่ ไอ้พี่กานเดินไปตบไหล่ไอ้พี่บอมย์เบา ๆ เหมือนปลอบมัน ไอ้พี่รันพิงขอบหน้าต่างมองนิ่ง ๆ ไม่แสดงอาการใดใด ไอ้คนตอบคำถามมันไม่มองในห้อง..ยืนทำมิวสิคมองออกนอกหน้าต่างโน้น..เก็กได้โล่ห์อ่ะมึง แต่กูอึดอัดโคตร ๆ ง่า..ไม่ชอบเลยบรรยากาศแบบนี้ เงียบได้อีก
“ทำไมต้องเป็นมึงด้วยว่ะ!...กูภาวนาเป็นใครก็ได้ หนึ่งในนั้นขออย่าเป็นมึง สุดท้ายคำภาวนากูไม่เป็นผล”
ไอ้พี่บอมย์..บ่นพอได้ยินกัน เสียงมันดูเศร้าได้อีก...ไอ้พี่โทนี่ไม่พูดไม่จา มองกูตาลอยซะงั้น..ตกลงวิญญาณมึงยังอยู่กะร่างเปล่าเนี๊ยะ?
“มึงรู้ตัวเมื่อไหร่” ไอ้พี่รันถามขึ้น กูไม่รู้มันถามใคร..เพราะจู่ ๆ มันก็พูดขึ้นมาลอย ๆ นี่เป็นวิธีสื่อสารของพวกมัน..รู้กันเองใช่ไหมว่าใครควรตอบ
“กูรู้ตั้งกะแรกแล้ว เพียงแต่ให้แน่ใจ..ส่วนกูคล้ายกันกับมัน” คนแรกเป็นเสียงไอ้พี่บอมย์ คนต่อมาไอ้พี่โทนี่..ซวยแล้วตกลงมันคิดกะกูจริง ๆ ดิ ขอคบกูเป็นแฟนบังหน้า แผนเหนือเมฆจริงมึง โดนไอ้พี่โต๋ทะลวงแผนกระจุยเกือบหลวมตัว เอ่อน่ะ!...กะไอ้พี่บอมย์กูพอมองออก เพราะสายตามันที่มีให้ฟ้องอยู่ทนโท่ แต่ไอ้พี่โทนี่สิ มันไม่แสดงอะไรให้สังเกตุเลยนี่หว่า? หรือกูลืมสังเกตุมันไป
“แล้วมึงล่ะ!..จะไม่บอกพวกกูเลยหรือ” มันย้อนถามไอ้พี่รันกลับ อ่าห่ะ!...อย่าบอกนะว่ามึงก็....
“อืม..กูถอนตัวทัน..กูดูออก...ว่ายาก..เป็นไปไม่ได้ ขั้นเทพเป็นก้างชิ้นเบ่อเริ่ม รั้นไปเห็นแต่ลางแพ้ สู้ทำใจยอมรับยืนเป็นฝ่ายสนับสนุนเพื่อนดีกว่า” อ่าห่ะ!...กูดูพวกมึงไม่ออกสักกะคน นี่พวกมึงคิดกับกูจริง ๆ หรือนี้ หรือเพราะกูถอดเสื้อโชว์วันนั้นว่ะ!..พวกแม่งเลยสับสนกันยกทีม แต่ไงขอยกนิ้วให้ไอ้พี่รันมัน สมแล้วตำแหน่งกุนซือ ล้ำลึกทุกคำคม
“ถามหน่อยเถอะครับ...ตกลงพวกพี่เป็นเกย์กันทั้งกลุ่มเลยดิ?...มิน่าหลงเข้ามาในดงเกย์เลย?” อดรนทน
ไม่ไหว..ถามให้หายข้องใจแม่งเลยดีกว่า พอกูยิงมุกสดไป..พวกแม่งหน้าแดงก่ำกันเป็นแถว มองกูอึ้ง ๆ ก่อนที่ไอ้พี่กานจะเดินเข้ามา เอามือโบกหัวกูเสียงดัง
“พลั๊ก..ลามปามเยอะไปแล้ว..พวกมัน..พี่ไม่รู้..แต่พี่รักเดียวใจเดียว ถ้าไม่มีน้องกิ่งก่อนก็ไม่แน่”
แหน่ะ!...โบกหัวกูไม่พอ ดันหยอดตบท้าย งี้ใช่เปล่าที่เค้าเรียกตบหัวแล้วลูบหลัง แล้วพวกแม่งก็พากันหัวเราะ ที่เห็นกูยืนลูบหัวปอย ๆ ทำปากด่าพวกมันงุงงิง..ไปตามอารมย์กู
“หึ..หึ..หึ..555ๆ...โต๋กูขอทีนะ” ไอ้พี่บอมย์หันไปพูดกะไอ้พี่โต๋ ก่อนพวกมันจะพยักหน้าพากันลุกเดินเข้ามาหากูช้า ๆ ท่าทางหื่นกันโคตร ๆ...ขอเชี้ยไรมึง....ไอ้พี่โต๋ยืนมอง..เก็กนิ่งของมันที่เดิม...เห้ยสถานการณ์มันแปลก ๆ จู่ ๆ พวกแม่งก็ร่วมมือกัน เมื่อกี้ยังอึมครึมอยู่ดีดี อย่าบอกนะว่าพวกมึงตัดสินใจรุมโทรมกูอ่ะ!...สู้ตายนะโว้ย!...เห้ย..!
“หยูดๆ..จะทำอะไรกันอ่ะ..” กูยกมือกางนิ้ว..หยุด..อย่าเข้ามา พวกมันหาฟังกูไม่ทำหน้ากรุ่มกริ่มหื่นกันได้อีก ไม่เว้นแม้แต่ไอ้พี่กาน..ไหนมึงบอกรักเดียวใจเดียวน้องกิ่งไงเสือกเปลี่ยนใจปลูกป่าอีกคนแล้วดิ เห้ย!..ไม่ไหวนะโว้ย!..เล่นสี่รุมหนึ่งเลยเหรอ...เจอไอ้พี่โต๋คนเดียวกูยังลุกไม่ขึ้นเลย..นี่พวกมึงทั้งแก๊งค์ ตายแน่กู....ไม่เล่นนะโว้ย!...คิดไปกูก็ถอยหลังไป หาทางหนีทีไล่ไปด้วย ไอ้พี่โต๋มันแม่ง..ไม่คิดจะช่วยกูเลยนิ บอกหวงกู..โธ่เอ้ย!... กูเชื่อมึงแล้ว สโลว์แกนของแก๊งค์มึง ‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน’ แต่กูไม่เอาด้วยกะพวกมึงนะโว้ย!....
สุขร่วมเสพบ้าบอเชี้ยไรเล่า ..กูแค่หลุมเดียวพวกแม่งจะรุมปลูกกู..ไม่ยุติธรรมนะโว้ยๆ.....อร๊ากๆ................แม่เจ้า!....ช่วยไอ้ตะเกียงด้วยๆ....
|