ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว ตะเกียงที่ทำใครต่อใครหัวเราะอย่างมีความสุขในความโก๊ะที่แสดงออก รู้ทั้งรู้ว่า..ยังไง..ไฟตะเกียงก็คือไฟ แม้สิ่งที่เห็นภายนอก..จะสวนทางกับไฟดวงน้อยที่ร้อนแรง..พร้อมเผาไหม้ทุกสิ่งอย่างเป็นจุลแต่หลายคนก็พร้อมยอมเป็นแมงเม่า..บินเข้ากองไฟ................ บอมย์เบย์.
Part 39
ลูกชายคนเล็ก.
ไอ้พี่โต๋มันช่วยกูจัดกระเป๋า เอาเฉพาะเสื้อผ้ากับหนังสือเรียน ของใช้ส่วนตัวเล็กน้อย นอกนั้นมันบอกไม่ต้องเอาไป จัดการล๊อคกุญแจห้องเรียบร้อย ก็ได้ลุงพีกับมันช่วยยกของไปใส่รถ กระเป๋าใบใหญ่ล้อลากสองใบ พร้อมกระเป๋าหนังสืออีกใบหนึ่ง ทั้งสองคนจัดการหิ้วให้หมด กูเดินตัวเบา..พร้อมกระเป๋าส่วนตัวสะพายไหล่ใบเดียว พึ่งรู้มีแฟนมันสบายอย่างงี้นี่เอง
มาถึงบ้าน..พ่อสิงห์แม่อร คอยต้อนรับอยู่แล้ว ไอ้พี่โต๋มันคงโทรรายงานล่วงหน้าก่อนแล้ว เรามาถึงเกือบหกโมง ไม่เห็นไอ้พี่เต้..คงยังไม่กลับจากทำงาน เดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีท่านทั้งสอง แม่อรก็เข้ามาสวม
กอดกู พร้อมกับพูดว่า
“ยินดีต้อนรับลูกคนเล็กของแม่” ลูบหัวกูเบา ๆ ในขณะที่พ่อสิงห์ส่งยิ้มบาง ๆ พยักหน้าให้เป็นอันเข้าใจ
“ตะเกียงคงรบกวนพ่อสิงห์กับแม่อรสักระยะ จนกว่าพ่อเกริกจะมีการเปลี่ยนแปลงอ่าครับ” กูบอกให้
ท่านรู้..เกรงใจมาอยู่บ้านเค้า ถึงจะเอ็นดูเหมือนลูกก็เถอะ
“รบกวนอะไรกัน ที่หลังอย่าพูดกับแม่แบบนี้ พ่อกับแม่คิดว่าตะเกียงเป็นลูกคนหนึ่ง เป็นน้องเล็กของบ้านเรา ไม่เอาอย่าคิดมากนะลูกนะ” โอ้!...ตื้นตันใจจุกอกเลยกู น้ำตาคลอเบ้าซะงั้น ไม่ใช่ขี้แย..แต่พาลคิดถึงเจ้าแม่กูขึ้นมา อบอุ่นอ่อนโยนเหมือนกันเลยอ่ะ...ทำให้ไอ้ตะเกียงรู้สึกผิดในใจตะหงิดตะหงิด จะเป็นยังไงหนอ..
เกิดแม่อรกับพ่อสิงห์รู้ว่ากูกะไอ้พี่โต๋ไม่ได้รักกันแบบพี่น้องเหมือนที่ท่านคิดไว้ ท่านจะเสียใจและผิดหวัง
แค่ไหน ก่อนความคิดจะเตลิดไปมากกว่านี้ พ่อสิงห์ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“เอาหล่ะ!..กลับมาเหนื่อย ๆ โตโต๋..จัดการเรื่องข้าวของน้องให้เรียบร้อยด้วย ตกลงยืนยันให้น้องนอนที่ห้องด้วยใช่ไหม?..พ่อจะได้ไม่ต้องให้นวลเปิดห้องใหม่...แล้วแต่สะดวกกันนะ...พาน้องอาบน้ำเรียบร้อยเจอกัน
โต๊ะอาหารทุ่มตรง” พูดเสร็จไม่รอฟังคำตอบ สรุปสั้น ๆ เสร็จสรรพแล้วก็เดินออกไปเป็นกันทั้งบ้าน ก่อนที่แม่อรจะยิ้มให้กูแล้วตามพ่อสิงห์ไปอีกคน ตอนนี้เหลือกูกับมันเพียงสองคน
“พี่บอกพ่อว่า..ตะเกียงจะนอนห้องพี่เหรอ?” ได้โอกาสถามมันล่ะ กูบอกมันเมื่อไหร่ จะนอนห้องเดียวกะมึงเนี๊ยะ
“อืม...” ดูมัน..พูดเสร็จเดินหนีกูขึ้นบันไดซะงั้น
“เดี๋ยวๆ...ไมไม่เปิดห้องใหม่ให้ตะเกียงอ่า” กูไม่ยอม..รั้งมันไว้ ถามมันแหล่ะ
“แล้วจะเปิดให้เป็นภาระพี่นวลเค้าจัดห้องให้อีกทำไม” แน่ะ!...ทุกทีสิมัน ไม่ตอบ..แต่ดันถามกลับเอาแต้มต่ออีกแหล่ะ...นิสัย..ทำมาเหวี่ยงใส่กูอีก
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนิ...ตะเกียงทำความสะอาดเองก็ได้.” นั่นดิ..แค่นี้กูทำเองก็ได้ ทำเป็นเห่อะ..ไม่ใช่คุณชาย..
แม่สอนมาดีทำเป็นทุกอย่างล่ะ กับข้าวกูก็ทำอร่อย พูดมากเดี๋ยวหาว่าคุย
“ทำไม?..นอนห้องพี่แล้วเป็นยังไง...ที่ผ่านมาก็เคยนอนด้วยกันแล้วไม่ใช่...ห้องก็กว้างอย่าบอกนะว่า
อึดอัด” น้าน...ดักคอกูอีก แต่โทษที...นึกหรือว่ากูจะยอม
“แล้วไม่ใช่เป็นเพราะนอนห้องเดียวกันนิ...ถึงโดน....อ่า...” หยุดปากไว้ทัน เกือบพลั้งปากไปแล้วไหมกู
“โดนอะไร...ไมหยุดไปดื้อๆ ซะหล่ะ...บอกมาดิโดนอะไร” ดูมัน..รู้กูพลาด ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยนะ..
ย้ำกูนั่นแหล่ะ!..จะให้กูพูดให้ได้เลยรึไง..กูโดนมึงถูจนตะเกียงถลอกปอกเปิกระบมไปหมดน่ะ..
ไอ้เชี้ยๆ
หลังจากสะบัดตูดเดินหนีมันเข้าห้อง หงุดหงิดมันสุด ๆ ขืนเถียงต่อไปกูใช่จะชนะ รู้อยู่มันโคตรเอาแต่ใจ..นิสัยลูกชายคนเล็ก ก่อนที่จะงานเข้าไปมากกว่านี้ จัดการรื้อกระเป๋าที่ลุงพีขนขึ้นมาให้ เข้าตู้เสื้อผ้า..มันสั่งให้พี่นวลกะพี่ชิดมาช่วยกูจัด ยกให้กูสองตู้..เหลือให้มันใช้สี่ตู้ ห้องมันมีตู้เสื้อผ้าบิ้วอินฝังผนัง..ซ่อนจนเนียนอยู่หกบาน
คู่นะ นึกดูว่าแม่งใหญ่แค่ไหน กูขอตู้เดียวก็พอ โดยยืนยันให้พี่นวลกะพี่ชิดสบายใจว่า..เสื้อผ้ากูไม่เยอะเหมือนไอ้คุณชายมัน ไม่ต้องย้ายของมันออกหมดทั้งสองตู้หรอก พี่แกก็เข้าใจ..ช่วยกูจัดของเข้าตู้จนเสร็จ หลังจากนั้นไอ้ตะเกียงก็ลันล้า..เข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวทานข้าวตามที่พ่อสิงห์บอก เหลือเวลาสิบนาที ไม่รู้ไอ้พี่บ้ามันหายหัวไปไหนตั้งกะขึ้นมาไม่เห็นมันเลย หาได้สนใจไม่..ดีซะอีกไม่ต้องคอยระวังตอนอาบน้ำ............
อาบน้ำเสร็จแต่งตัวลงมาห้องกินข้าว มีแม่อรนั่งอยู่คนเดียว กูส่งยิ้มไปให้..ท่านก็ยิ้มตอบมาก่อนจะพูดขึ้น..
เผื่อกูได้ไม่ต้องถาม
“พ่อและหนุ่ม ๆ อยู่ห้องหนังสือ แม่ว่าสักครู่คงออกมากัน” กูได้แต่ยิ้มให้ท่านแทนคำพูดเป็นดังแม่อรบอก
สามพ่อลูกพากันเดินมาโต๊ะกินข้าว พ่อสิงห์นั่งหัวโต๊ะประจำตำแหน่ง ไอ้พี่เต้เลือกนั่งข้างแม่อร ไอ้พี่โต๋..นั่งติดกะกูใกล้หัวโต๊ะที่พ่อสิงห์นั่งอยู่ แล้วแม่อรจัดการบอกให้พี่นวลลงมือตักข้าว บรรยากาศการกินก็เริ่มขึ้น สังเกตแม่อรพยายามเอาใจกู...จัดอาหารเหนือขึ้นโต๊ะให้อย่างน้อยก็สามอย่าง วันนี้ก็เหมือนกันมีผักกาดจอ แกงแคกระดูกหมู และก็น้ำพริกอ๋องกับผักแนม จู่ ๆ พ่อสิงห์ก็ถามขึ้นมา..หลังจากกินกันไปได้สักพัก
“ชินกับโรงเรียนและเพื่อนใหม่แล้วรึยัง..ตะเกียง”
“ครับ...ก็เริ่มปรับตัวได้แล้วครับ..” กูตอบแกไปตามจริง
“มีใครแปลกหน้าเข้ามาวุ่นวายด้วยหรือเปล่า?” ไม่เข้าใจคำถาม..แปลกหน้ายังไง คนที่กูไม่รู้จักนะรึ
เยอะแยะ
“ก็บ้างอ่าครับ แต่ก็ใช่จะวุ่นวายแค่ไม่รู้จัก นับว่าแปลกหน้าหรือเปล่าครับ เพราะแต่ละคนก็ใหม่กันด้วยอ่ะครับ”
“อือ....เอาเป็นว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องสนิทกะใครมากนัก พยายามอยู่ติดกะโต๋ไว้ รับปากพ่อได้เปล่า”
พูดแปลก ๆ อีกคนล่ะ...
“ครับ...” กูรับปากสั้น ๆ ไม่ต้องสั่งทุกวันนี้ก็แทบจะตัวติดกะมันอยู่แล้ว ยกเว้นตอนขี้
“ดีแล้วหล่ะ...” พูดแค่นั้น พ่อสิงห์ก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตากินต่อ กูหันไปดูหน้าไอ้คนที่ฝากฝังกลับหน้านิ่งตักข้าวกินไม่พูดไม่จา ไม่รู้คิดไรอยู่ คงรู้สึกว่ากูมองมันอยู่มั้ง มันหันมามองตอบยักคิ้วนิดๆ เป็นเชิงถามประมาณ.
มองไร?.น่ากูประหลาดตรงไหน กูอยากตะโกนดัง ๆ ว่าหน้ามึงไม่ประหลาดหรอก แต่กำลังจะมีวัตถุไม่พึ่งประสงค์..กระทบหน้ามึงเข้าให้..ขืนยังงี่เง่าไม่สนใจกูอยู่ตอนเนี๊ยะ.....กูนอยด์แดกหล่ะ...ก็ตั้งแต่เดินเข้ามามัน
ก็สร้างโลกส่วนตัว ไม่สนใจกูสักนิดทุกที..อย่างน้อยต้องตักอาหารบริการกูบ้างไรบ้าง ใช่ว่ากูเรียกร้องความสนใจหรอกนะ แต่ไม่รู้ดิไม่ชอบอ่ะ..เหมือนไม่มีตัวตน..ใจมันวูบโหวงไงไม่รู้ ขนาดตอนพ่อสิงห์คุยกะกู
มันยังก้มหน้าก้มตากินเฉย..ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ว่ะ?...........
Part 40
น้ำตาสิงห์โต
กินข้าวเสร็จ มันขอตัวทุกคนขึ้นห้องบอกไปอาบน้ำ มันยังอยู่ในชุดนักเรียนชุดเดิม กูถูกแม่อรดึงให้อยู่ดูทีวีด้วยกันในห้อง นั่งดูข่าวภาคค่ำ รอเวลาดื่มนมก่อนนอน..ประมาณสามทุ่ม ใจก็ตงิดตงิดกับท่าทาง
แปลก ๆ ของไอ้พี่โต๋มัน ดูมันเงียบ ๆ ตั้งกะกินข้าวแล้ว ตกลงมันงอนกูเรื่องไรว่ะ? อย่าบอกมึงงอนเรื่องที่กูเหวี่ยงใส่..ไม่พอใจนอนห้องเดียวกะมึง.....ถ้าเป็นอย่างที่กูคิด...มึงก็นอยด์โคตรแล้วไอ้คุณชาย ไม่นึกถึงหัวอกกูเลยนิ ต้องนอนพะวงหลังทุกคืน นี่ยังไม่เข้าทีเข้าทางดีเลย กูก็กันไว้ก่อนดิ ยิ่งแพ้ทางมึงอยู่....เห็นกูง่าย..
ไม่โต้แย้งแม่งก็จัดการเองซะทุกเรื่อง ไม่ถามกูเลยสักคำ กูตะหากควรงอนมึง...ชิ...
ดื่มนมเสร็จกูขอตัวขึ้นนอนเลย ซึ่งก็ไม่มีใครค้าน พร้อมกับฝากแก้วนมของไอ้พี่โต๋ ให้กูถือขึ้นมาให้มันด้วย
จะได้ไม่เสียเวลาพี่นวลแก กูเข้ามาในห้องประตูไม่ได้ล๊อค มันนั่งอยู่หน้าคอมฯ เปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อย ทำเป็นเหลือบมองกูแว๊บหนึ่ง แล้วก็หันไปสนใจหน้าจอคอมฯ ต่อ เมินกูอีก..ไม่ต้องสืบท่าทางแบบนี้...งอนกูชัวร์
มือกดคอมฯ ยิก ๆ สงสัยคุยเอ็มกับใครสักคนเป็นพี่อังหรือเปล่าไม่แน่ใจ..กูเดา ๆ เอา มันคงปลอบกันอยู่ละม้าง...วันนี้คุณพี่เธอโดนไปไม่ใช่น้อยไม่รู้พรุ่งนี้กล้าไปโรงเรียนป่าว หน้าอาจจะบวม...มือริต้าก็ใช่เบา ๆ กูเดินเอาแก้วนมไปวางไว้ให้มันที่โต๊ะ แอบชำเลืองมองหน้าจอแวบเดียว..จริงด้วย..มันคุยเอ็มกับพี่อัง ดูล๊อคอินที่ใช้
กูจำได้...ชิ..ทำเป็นงอนกูแต่แอบมาปลอบสาว...ตอนนี้กูโมโหแม่งหล่ะ..ไม่น่าไปกระวนกระวายห่วงความรู้สึกมันเลยตะกี้...ดูดิกูแคร์มันเยอะเห่อะ...ไม่ได้การ...รีบเดินหนีแม่งเข้าห้องน้ำ..สงบสติอารมย์ที่กำลังขุ่นตอนนี้...คิดถึงเหตุผลเป็นหลัก นี่กูเป็นบ้าอะไรไปเนี๊ยะ! ทำไม่เอาความรู้สึกไปผูกกะมันด้วย ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก..ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายสองคนจะคบกับ โดยเฉพาะพวกเรายังเด็กอยู่ ทำไมนะ...ทำไมกูปล่อยให้ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล นี่ใช่บทพิสูจน์อีกบทหนึ่ง..กับการออกมาอยู่ คนเดียวที่พ่อเกริกต้องการให้กูเผชิญ อยากให้กูแข็งแกร่งยืนอยู่
บนลำแข้งตัวเองได้ กูเอาความเป็นอัจฉริยะไปไว้ไหน..มัวทำอะไรอยู่ เล่นสนุกกับหัวใจตัวเอง สุดท้ายใครเล่า
ที่ต้องเจ็บปวด พอได้แล้ว.
ตะเกียง..ถึงเวลาโตเสียที..และต้องโตด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครคอยสอน ไม่ต้องมีใครคอยบอก ถึงสิ่งที่เห็นจะไม่มีอะไรก็ตาม ใครจะรู้ต่อไปข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อมันกับพี่อังไม่ใช่แค่คบกันเฉย ๆ ลึกซึ้งกันมาก่อนด้วยซ้ำ จะหยุดได้เหร่อ...กลางวันนี้ก็พิสูจน์ไปแล้ว..ที่นั่งแดกข้าวยังโดนแย่งไปต่อหน้า นี่ไม่นับริต้าอีกคน..ดูก็รู้ไม่ธรรมดา เป้าหมายคือ..ไอ้สิงห์โตหนุ่มแน่นอน แสดงออกซะขนาดนั้น ถึงกลับกล้าแหกกฏตบตีกับรุ่นพี่ม.5 ทั้งที่มาเรียนวันแรกกลางโรงอาหาร คงไม่ต้องสืบมั้งว่าเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ไอ้คุณชายจอมเก็ก หึหึหึ...
กูไม่ควรไปวิภาควิจารย์พวกเธอซะด้วยซ้ำ ที่นั่งคุยกะตัวเองในห้องน้ำตอนนี้ ไม่ใช่เพราะตัวเองตกอยู่ในสภาพเดียวกับพวกเธอหรือ เอาหล่ะ...ถึงเวลาแล้วตะเกียง...สู้..สู้.. ลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันเข้านอน...ส่งยิ้มพิฆาตให้กับตัวเองในกระจก....แม่เจ้าเว้ย!...ใครว่ะนั้น...หล่อไม่บันยะบันยัง..หล่อแบบนี้กลัวอะไรกะความรักงี่เง่ากันว่ะ!....หล่อเลือกได้โว้ย!...อ่าห่ะ..กำลังใจมาเป็นปี๊ป...ไปหล่ะ..เผชิญหน้าความจริงยิ้มรับทุกปัญหา...ต่อไปนี้ จะไม่มีวันให้อารมย์งี่เง่ามาบั่นทอนสุขภาพจิตกูได้อีก...
“ ( = “ = ).” เปิดประตูมา มันยืนสบตากูนิ่ง ๆ กูหาได้สนไม่ เดินเบี่ยงตัวผ่านมันไป อย่าได้ใส่ใจบอกตัวเอง
มันคงรอแปรงฟัน อารามเห็นกูใช้ห้องน้ำ..คงไม่กล้าเรียกกลัวเสียฟอร์มดีเหมือนกันไม่ต้องคุย ไม่พูดก็อย่าหวังว่ากูจะคุย เป็นไปได้พรุ่งนี้ขอย้ายห้องนอน ถ้าไม่ได้หรือมีปัญหามากกูจะไม่อยู่แล้ว ใครจะว่าดื้อช่างหัวแม่ง...โดนพ่อเกริกดุ กูจะไม่เรียนแม่งแล้ว เอาดิ..ถึงเวลาตะเกียงเจ้าพายุ ใครก็ฉุดไม่อยู่ให้รู้ไป
“เป็นอะไร” มันล้มตัวมานอนข้าง ๆ ถามกูขึ้นมาดื้อ ๆ เป็นพ่อมึงมั้ง...ถามออกมาได้จำเป็นต้องตอบด้วยไง
“ตะเกียง..ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบพี่” มึงอยากถามเรื่องของมึง แต่จะตอบไม่ตอบมันเรื่องของกู
“ถ้าไม่พูด ไม่ต้องนอนกันเลยคืนนี้” มีขู่..นึกกูกลัว
“ดี...อยากลองดี..ก็ได้...” พูดจบมันพลิกตัวขึ้นมาคล่อมกู คงได้กินกูหรอกงานนี้ รู้จักไอ้ตะเกียงน้อยไปจัดถวายแหวนให้มันไปเต็ม ๆ หนึ่งดอก
“พลั๊ก..โอ้ย!..” มันไม่ได้แกล้งร้องหรอก เพราะกูจัดหนัก..ไม่ออมแรง หงายหลังลงไปนอนกุมหน้า..เลือดไม่กลบปากก็แปลกแล้วล่ะมึง จริงดังว่า..เลือดย้อยมุมปากมันทันที มันค่อย ๆใช้หลังมือเช็ดเอามาดู แววตามันเหมือนไม่เชื่อ..ส่อแววปวดร้าวซะงั้น รู้สึกแปลบขึ้นมาทันทีเลยกู..นี่กูรุนแรงเกินไปป่าวว่ะ!...ช่างแม่ง...ถึงขั้นนี้แล้วมัวใจอ่อนไม่ได้ ก่อนจะเจ็บซ้ำเจ็บซาก
“จงใจ...ทำพี่ขนาดนี้เลยหรือ” เสียงมันเหมือนผิดหวังโคตร ๆ อ่า...ไม่ไหวไม่อยากมองหน้าแม่งตอนนี้..สะเทือนใจกูจริง ยิ่งมุมปากมันยังมีเลือดซึมออกมาด้วยแล้ว กูใจไหววูบ ทนมองไม่ไหว..ดีดตัวลุกหนีแม่ง
หล่ะ!...แต่....มันรวบกอดกูหมับเข้าให้..พร้อมซบหน้าลงบนไหล่กูนิ่งซะงั้น..กูชะงักกึกทันที เสือกรัดแน่นยังกะกลัวกูหายไปจากชีวิตมึงงั้นแหล่ะ...จะสะบัดออก..กลับรู้สึกได้ว่าตัวมันสั่นเทิ้ม เสียงหัวใจเต้นได้ยินชัดเต็มสองหู อย่าบอกนะว่ามึง กำลัง..............กำลัง.........กำลัง...กำลัง..ร้องไห้...จริงดิ...ใช่แล้วมันกำลังร้องไห้...พระเจ้า...สิงห์โตน้ำแข็ง...เจ้าชายหน้านิ่ง..ตัวสั่น..น้ำตาไหล่เปียกไหล่กูอยู่เนี๊ยะ!แม้ไม่ได้ยินเสียงก็รู้ว่ามันกำลังร้อง.....
|