ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 858|ตอบกลับ: 26

ตะเกียงพิเศษ ??? 93 - 94

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

                     “เอ่อว่ะ!...ห้องที่กูดูก็เจออีกตัวถูกจี้สกัดจุดเอาไว้  ฝีมือวรเวทย์อัคนีตะเกียงแน่นอน...
แสดงว่าสองคนนั่นหนีออกไปกันก่อนแล้ว   คงยังไปได้ไม่ไกล เรารีบตามไปดีกว่า  ขืนช้าจะหลงเข้าไป

กันใหญ่..”  
                    “อืม..ไปดิ..”   
Part  93
ค้างแรมในป่า....

                      กูกะไอ้พี่พรต  เดินกันมาจนพระอาทิตย์ตรงกบาลยังไม่เจอแหล่งน้ำเลยวุ้ย   ทั้งร้อนทั้งคัน
เพราะเสื้อผ้าที่พวกเราใส่มันไม่ใช่ชุดเดินป่า หิวน้ำชะมัดเลยตอนนี้ ไม่ได้การแล้วหละ  ขืนยังเดินไม่เจอแหล่งน้ำได้หิวน้ำตายกันพอดี  ที่แน่ๆคืนนี้มีหวังได้ค้างในป่าชัวร์   แต่ก็นับถือความอดทนไอ้พี่พรตมันเหมือนกัน   คุณชายรูปหล่อออกสำรวยปานนั้น   
หลังจากโหวกเหวกโวยวายเรื่องเสือจบแล้ว   มันไม่เคยบ่นอะไรให้กูหงุดหงิดรำคาญอีกเลย   ตั้งหน้าตั้งตาเดินตามกูอย่างเดียว แถมมีน้ำใจยามที่เจอกิ่งไม้ขวางหน้า มันก็จัดการใช้มือหักดะเปิดทางให้กูเดินอีกด้วย
โคตรพระเอกเลยมึงไอ้พี่พรต ดูแล้วมันออกจะสุภาพบุรุษและแมนมาก...นับถือนับถือ
                          “พี่พรต หิวน้ำไหม?”  กูไม่น่าถามอะไรโง่ๆ แต่ก็อีกนั่นแหละหาเรื่องชวนมันคุย หลังจากเดินกันเงียบๆมาร่วมกว่าสามชั่วโมงแล้ว เฮ้อ!  หน้าตาไอ้พี่เหยี่ยวหล่อ   แดงก่ำเพราะร้อนแดด เหงื่อซึม
เต็มขมับ  เสื้อยืดที่มันสวมชุ่มไปด้วยเหงื่อ แมนชิบหาย
                           “หิวครับ..แต่ยังพอทนได้ ว่าแต่ตะเกียงเหอะ ไหวไหมเรา พี่ว่าถ้าไงพักก่อนก็ได้นะ นี่เราเล่นเดินกันมาไกลมากเลย เป็นลมเป็นแร้งไปจะยิ่งแย่เอาได้หนะพี่ยอมรับว่าไม่เก่งเรื่องป่าเสียด้วยสิ  หากตะเกียง
มาล้มป่วยจะยุ่งไปกันใหญ่”  เอ่อ!..ซึ้งจริงมึงห่วงจนกูปลื้มแหละ แต่ดูตัวเองหน่อยเหอะยังไงเสียกูก็โตมากับ
ไร่สวน เรื่องป่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับกูหรอก
                            “ว่าแต่พี่พรตเหอะ ไหวเปล่าพี่..ตะเกียงซำบายมาก แต่พี่ดิยิ่งไม่คุ้นกับการเดินป่าด้วยตะเกียงว่าพี่จะลำบากกว่าผมอีก  แต่ก็นะ!...พี่แน่ใจหรือว่าไม่คุ้นจริงง่ะ...พวกป่าไม้เดียวกันก็ไม่คุ้นเลยนิ?...”  กูหาเรื่องแซวมันเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้มันเครียดไปกว่านี้
                            “บ้า!..พูดไรเนี่ยะตะเกียง...ป่าหมงป่าไม้ไรพี่ไม่เข้าใจ” แหวะ!..เชื่อตายก็โง่แล้ว ดูดู๋มีหลบตาเขินกูซะขนาดนั้น ยังมาทำแถ เดี๋ยวปั๊ด!..ทิ้งให้เป็นลูกลิงอยู่ในป่าซะนี่
                            “ช่างเหอะ..ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร   นึกว่าจะเป็นผู้สันทัดเชี่ยวชาญซะอีก  หว้า!...อดมีที่ปรึกษาดีดีเลยผม...ว่าแต่พี่แน่ใจว่าไหวแน่นะ ไอ้จะเป็นลมเป็นแร้งไปหนะ..ตะเกียงห่วงพี่มากกว่า ไม่เคยลำบากเดินป่าแบบนี้ด้วยดิ เดินนานๆเข้าไม่ไหวก็สะกิดบอกได้นะ..” นั่นดิ...ขืนเก็กเข้มเป็นพระเอก ทรุดฮวบลงไปยุ่งตายห่าเลยกู
                              “เป็นลมเป็นแร้งพี่ไม่เป็นหรอก  เพราะพี่เป็นเหยี่ยวเรื่องอะไรจะเป็นแร้ง   ตะเกียงไม่ต้องห่วงสบายมาก”  เห่อ..เห่อ..เหอ..มึงแน่มากไอ้พี่พรต  สวนกูซะจุกเลยหวะ
                             “เออๆ..ลืมไปแหละ..ว่าพี่เป็นเหยี่ยว เอางี้เดินไปอีกสักหน่อย หากตะวันเลยหัวเราไปแล้วยังไม่เจอลำห้วยหรือธารน้ำ ตะเกียงว่าเราต้องเปลี่ยนแผนหาทำเลเตรียมค้างคืนกันได้เลย   ถ้าไม่รีบทำก่อนตะวันชิงพลบมืดค่ำมาเสียก่อนจะอันตราย”  กูบอกมันไปแหละ
                              “อือ...เอาไงเอากัน งานนี้บอกแล้วมอบให้ตะเกียงเป็นผู้นำ เพราะพี่ไม่ค่อยรู้จริงๆให้ทำอะไรก็บอกแล้วกัน”  จากนั้นกูกับมันก็มุ่งหน้าลงใต้กันต่อไป เพราะทิศเหนือกูว่ามันเป็นทางเข้าป่าลึก ย้อนลงใต้ตามที่เดินมานั่นแหละต้องมีทางเจอหมู่บ้านคนแน่ๆ
                           กูกะไอ้พี่พรต เดินต่อกันมาอีกร่วมกว่าสองชั่วโมง เพราะขณะนี้ตะวันเคลื่อนเลยหัวไปพอสมควร น่าจะราวๆบ่ายแก่ๆ โชคก็เข้าข้างพวกเราเข้าเพราะกูได้ยินเสียงน้ำไหล รีบหยุดเท้านิ่งยืนอยู่กับที่เพื่อให้แน่ใจทันที
                               “พี่พรตหยุดก่อน..นิ่งๆเงียบไว้หละอย่าส่งเสียง”  บอกมันไปมันก็หยุดกึก  แต่ไอ้ห้ามไม่ให้ส่งเสียงนี่ดิ   ไม่ได้ผลเหะ...
                                “อะไรหรือตะเกียง...มีอะไร...อย่าบอกมีสัตว์ร้ายมาหละ..ใช่ป่าว?..”  นั่นไงมันหยุดเดิน  
แต่ไม่หยุดถาม
                          “จุ๊..จุ๊..ชี่..เงียบสิ..ขอเวลาแป๊ปหนึ่ง”  กูต้องจุ๊ปากพร้อมทำท่าทางประกอบให้มันหยุดพูด มันรีบหุบปากฉับ เสือกทำท่าเงื้อมหูฟังอีก  พร้อมกับสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ  หึ..ทำซะเหมือนพรานชำนาญป่าเลยมึง แต่พาลจะเตรียมตัววิ่งหรือเปล่าเนี่ยะ หากกูบอกว่าเสือกำลังมา
                               กูรวบรวมสมาธิ ก่อนจะค่อยๆก้มหัวลงเอาหูแนบกับพื้น ควบคุมพลังลมปราณ  บังคับ
โสตประสาทให้นิ่ง   จนกระทั่งได้ยินเสียงชัดเจน
“ซ่าๆ!...”  ไม่ผิดเสียงน้ำตก คงอยู่ห่างจากตรงนี้ราวๆ กิโลไม่น่าเกินนี้แน่นอน  ต้องเดินไปทางตะวันตกเฉียงใต้ถึงจะเจอ  เอาหละ..ไปโลด
                                    “ป่ะ!..พี่พรต เจอน้ำตกแล้ว ไปทางนี้ตามตะเกียงมา” กูบอกมันก่อนออกเดินนำต่อไป  มันรีบขยับขึ้นมาชิดกู  พร้อมกับถามว่า
                                    “ตะเกียงรู้ได้ไง อย่าบอกที่แนบหูฟังกับพื้นตะกี้ก็รู้แล้วใช่ไหม?”  มันถามอย่างที่กูคิดไว้ว่ามันต้องถาม
                                   “อืม...ถูกต้องคร๊าบ!”  กูตอบพร้อมกับยิ้มแฉ่งส่งไปให้  
                                    “โอแหะ!..นี่ตะเกียงมีหูทิพย์  หรือฝึกวิชาหูหมื่นลี้มากันเนี่ยะ!” ป๊าด!..ล่อกำลังภายในมาเลยเชียวมึง   
                                     “พี่ท่าน....ข้าฯมิได้ฝึกปรือหูทิพย์หมื่นลี้แต่อย่างใดไม่ ที่ข้าฯใช้นั้นเค้าเรียกว่าลมปราณไทเก็ก  ควบคุมสมาธิให้นิ่ง  ย่อมได้ยินเสียงได้ไม่น้อยกว่ากิโลเป็นอย่างต่ำ    เพราะฉะนั้นข้าฯขอให้พี่ท่านโปรดทำความเข้าใจซะใหม่..หุหุหุ!” กูก็เล่นกะมันไปด้วย ได้ผลมันยิ้มซะปากแทบฉีก ยิ้มแล้วหล่อได้อีกมึง
ไอ้พี่พรต  ก่อนจะสวนกูมาว่า
                                    “โอ้!...ศิษย์ผู้น้องข้าฯ เจ้าช่างล้ำเลิศยิ่งนัก  ข้าฯผู้พี่ขอรับการคารวะแก่เจ้า บัดนี้...ถ้าหากเป็นไปได้ข้าจะบอกเจ้าว่า....โครกๆ!...ครากๆ!...”  เสียงท้องไอ้พี่พรต  มันดันร้องขึ้นมาซะงั้น กูมองมันอึ้งๆ
มันคงหิวแน่ เพราะนี่ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงเข้ามาบ่ายแก่มากแล้ว  มันอมยิ้มอายๆ  ก่อนจะพูดต่อว่า
                                     “นั่นแหละ...ที่ข้าฯกำลังจะบอกเจ้า ว่าข้าฯหิวชิบหาย...ไม่รู้ศิษย์น้อง  จะหาอะไรแดกแก้หิวกันได้เปล่า?”  กูขำพรืด!...ออกมาทันที แม่งตลกชะมัด  นั่นดิ...คงต้องหาอะไรให้มันกินก่อนแล้วหละ
งานนี้  รีบบอกมันไปทันทีว่า
                                    “พี่ท่าน....อดทนอีกนิด เมื่อเราถึงธารน้ำแล้ว ข้าฯจะจับปลามาเป็นอาหารอันโอชาให้ท่านแดกแกหิว  รับรองอาหารเลิศรสต่อให้มีเงินหมื่นชั่งท่านก็ไม่สามารถหาซื้อมาแดกได้เป็นแน่แท้”  พูดจบไอ้พี่พรต เสือกทำท่าทางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก  ก่อนจะพูดตอบมาว่า
                                    “โอ้น้องข้าฯ เจ้าพาลทำให้ข้าฯน้ำลายสอ จัดไปได้เลยบุญคุณในครั้งนี้ไม่ตายคงได้ทดแทน”  พอมันพูดมาแบบนี้  กูหวิวไปเลย ก่อนจะเหวมันไปทันทีว่า
                                    “บ้าแล้วพี่พรต พูดตายได้ไงในป่าในเขา โบราณเค้าถือไม่เอาแล้วเลิกเลิก....ทีหลังห้ามพูดเรื่องไม่เป็นมงคลอีกรู้ไหม?”  มันหน้าเสียไปทันที จากที่ยิ้มระรื่นอยู่แหม่บๆ   ก็จริงนิ..เดินป่าดันพูดเรื่องตายได้ไงกัน
                                     “ขอโทษตะเกียง...พี่ไม่รู้นี่  ไม่ได้หมายความตามนั่นซะหน่อย   คือพี่ยืมคำพูดในหนังมาไง หนังจีนมักพูดแบบนี้มิใช่”  รีบแก้ตัวหน้าเจื่อนเลยมึง คงกลัวกูโกรธแหละ   
                                      “เอาหละ...จะอะไรก็ช่างเถอะ ทีหน้าทีหลังห้ามพูดสิ่งที่ไม่เป็นมงคลในป่ารู้ไหม จำไว้หละ...เคยได้ยินป่าว!...คืบก็ป่าศอกก็ป่า ในป่ามักมีอาถรรณ์ที่เราไม่รู้แฝงอยู่มากมายโบราณเค้าถึงห้ามเอาไว้ไม่ให้พูดอะไรที่ไม่ดีไง”  กูอธิบายมันไป
                                        “ตกลง...พี่เข้าใจแล้ว จะไม่พูดอีก...แต่พี่สงสัยอ่ะ..ทำไมต้องมีอาถรรณ์ด้วยตะเกียง จำเป็นต้องอาถรรณ์ด้วยเหรอ...พ่อถรรณ์แม่ถรรณ์ได้ไหม? นอกจากอาหนะ”  เวร!...พูดเสร็จดันขำกูอีก
ซะงั้น  เมื่อเห็นกูเหวอเข้าให้
                                    เราเดินกันมาจนตะวันคล้อยต่ำ ก็ได้ยินเสียงดังฟังชัดแบบไม่ต้องบอกว่าหนทางอีกไม่เกินสิบเมตรเราจะเจออะไร
                                      “ครืนๆ!...ซ่าๆ!.”  เสียงน้ำตกดังกระหึ่มลั่น  
                                     “ตะเกียง..น้ำตก...เสียงน้ำตก.”  เอ่อ!..กูรู้แล้ว...ถึงได้พามานี่ไง
                                 “อืม..น้ำตกอยู่ข้างหน้าเราเนี่ยะแหละ..เดินไม่เกินสิบเมตร ป่ะ!..รีบไปกัน”  พูดเสร็จกูออกนำไปให้ไว เพราะตอนนี้น่าจะบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว  เดี๋ยวจะไม่ทันการ ไหนจะต้องจับปลาเตรียมเป็นเสบียงอีก  ไหนจะเตรียมที่ค้างแรม  หลายอย่างต้องเร่งทำก่อนพระอาทิตย์ตก  ในป่าห้าหกโมงเย็นก็มืดแล้ว  มีเวลา
ไม่มากต้องเร่งมือกันหน่อย
                            เราเดินไม่นานก็มาเจอน้ำตก ซึ่งสวยมากเบื้องหน้า แอ่งน้ำด้านล่างก็ใสยังกะกระจก  แวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้พืชน้ำ  ตะไคร้น้ำ ผลไม้ป่าและผลไม้ที่กินได้ขึ้นอยู่รายล้อม  สมบูรณ์พอที่จะพาให้รอดตายได้แน่นอน  มีทั้งมะกอกน้ำ  มะดัน  กล้วย   มะพร้าว  ฯลฯ  
                          “วู้!...สุดยอดสวยชะมัด...น้ำตกไรเนี่ยะ...ใช่เราเป็นผู้ค้นพบคนแรกเปล่าตะเกียง....ดูเหมือนไม่มีใครเคยเข้ามาเลยนะ”  ไอ้พี่พรตออกอาการกระดี๊กระด๊าดีใจใหญ่   เสือกนึกอยากเป็นคนแรกแห่งการค้นพบ
ซะงั้น
                          “เอาหละ..พี่พรตเรื่องนั้นพักไว้ก่อน  มีเวลาหาคำตอบอีกทั้งคืน  ตอนนี้เราแบ่งงานกันทำ  
เพื่อปากท้องก่อนดีกว่า   เดี๋ยวตะเกียงจะจัดการหาอาหาร  พี่พรตไปเก็บฟืน วิธีเก็บต้องเลือกเอาที่เป็น
ไม้แห้ง  กิ่งเล็กๆไม่ต้องเอามามากพอแค่เป็นเชื่อไฟ  เลือกเอาท่อนใหญ่ๆ  มาสักสองสามท่อนเป็นอย่างน้อย เข้าใจป่าว?”  กูวางแผนสั่งงานด่วนทันที
                             “ไอ้กิ่งเล็กกะท่อนใหญ่นะ เล็กใหญ่ขนาดไหน กะเอายังไงขอละเอียดอีกครั้ง”  มันถามกูคิ้วขมวดมุ่น
                              “ท่อนเล็กก็พวกกิ่งไม้แห้ง  ท่อนใหญ่เอาตั้งแต่เท่าแขน  หรือจะเท่าขาพี่ก็ได้สักท่อน
สองท่อนยิ่งดี  เพราะเราต้องสุ่มกองไฟก่อไว้ทั้งคืน ไว้ไล่สัตว์ร้ายด้วย  ที่สำคัญยุงป่าหนะ ตัวนำมาลาเรียมาเลยเชียวน๊า”  อธิบายมันไป ก่อนมันจะยักหน้าเข้าใจ  จากนั่นกูก็ชี้ให้มันเห็นว่า เราจะตั้งจุดพักแรมกันตรงนั้น  
ชะง้อนผาหลังเนินน้ำตก  มีกำแพงหินกันไว้ทิศหนึ่ง  ซ้ายมือเป็นน้ำตกทำเลดี ให้มันนำฟืนที่ว่าไปกอง
รวมไว้   ที่สำคัญอย่าเดินหาไกล   เพราะจะหลงเอาได้  ให้หาบริเวณโดยรอบนี้เท่านั้น   แล้วเราก็แยกย้ายกันไปทำงาน
                             กูจัดการกับกล้วยเป็นอันดับแรก  เลือกหินที่บางๆ  ฝนเหมือนกับการลับมีดให้เกิดความคม  ตัดลงมาทั้งเครือ..กำลังสุกกินพอดี  แบกมากองไว้ตรงจุดพักแรม ไม่ลืมตัดใบตองมาด้วยเกือบหมดต้น
เพื่อใช้ปูนอนและห่ออาหารที่จะทำ จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าแม้แต่กางเกงในกูก็ถอดออกเชื่อว่าไอ้พี่พรตมันคงไม่แอบดูกูหรอก  เพราะมันไม่รู้ว่ากูอยู่ตรงนี้ ลงไปในน้ำความลึกระดับเอว   ยืนนิ่งๆสำรวมจิตสมาธิเดินลมปราณไทเก็ก  ตามหลักหยินหยางซึ่งคือหัวใจของไทเก็ก   กูถูกให้ฝึกแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก  ไม่ใช่เรื่องอยากในการจับปลา  เพราะฝึกถึงหกเดือนก็จับปลาเป็นๆ ด้วยสองมือได้สบาย   
                                  หลังจากนิ่งสงบกลมกลืนกับสายน้ำแล้ว   ก็เริ่มมองเห็นปลาขาว  ปลาตะเพียนตัวใหญ่
เท่าฝ่ามือ   ปลากระทิงที่แอบหลบอยู่ซอกหิน   เอาหละเมื่อเลือกอาหารอันโอชาได้แล้ว   วรเวทย์อัคนีก็เริ่มจัดการทันที  กูสะบัดฝ่ามือจี้สกัดลงไปในแม่น้ำ  เลือกเอาปลาตะเพียน   ขนาดใหญ่เท่าสองฝ่ามือหงายท้องลอยตัวขึ้นมาห้าตัว  ตบท้ายด้วยปลากระทิงไฟตัวเท่าแขนอีกหนึ่งตัว   ก่อนจะตะหวัดข้อมือสะบัดน้ำเพื่อให้ปลาเหล่านั้นกระเด็นขึ้นไปกองอยู่บนเนินดินเป็นที่เรียบร้อย  ถือโอกาสอาบน้ำชำระคราบไคลแล้วกลับขึ้นฝั่ง
ไปใส่เสื้อผ้า ไม่ลืมดึงเอาเถาวัลย์สอยเข้าปากแทงออกทางคลีบร้อยปลาทั้งหมดห้อยเป็นพรวน  หิ้วกลับไปที่พัก
               พอกูมาถึงเห็นไอ้พี่พรตมันนั่ง  อยู่แล้วเรียบร้อย  พร้อมกับจัดการเอาใบตองที่กูหอบมาปูเรียงซ้อนกันไว้นอนอีกตะหาก   รู้งานด้วยหนะนั่นใช้ได้แสดงว่าวิชาลูกเสือที่เรียนมามันคงทำให้ไอ้พี่พรตเข้าใจว่ากูเอาใบตองมากองไว้ทำไม   
                    นอกจากนั้น ข้างตัวมันยังมีท่อนฟืนที่มันไปลากมาอีกขนาดเท่าขากูเนี่ยะยาวเป็นเมตรสองเมตรอยู่สองสามท่อน  พร้อมกับพวกกิ่งไม้เล็กๆวางอยู่ใกล้กัน มันส่งยิ้มมาให้เมื่อเห็นกูหิ้วปลาเข้าไป  พร้อมกับทำตาโต
                               “โห!..ตะเกียงไปจับมาได้ไงเนี่ยะ ยังเป็นๆอยู่เลย ตัวบ๊ะเอ๊กขนาดนี้ตะเกียงใช้อะไรจับมานี่?”  มันสงสัยไม่ใช่เรื่องแปลก  เพราะตอนนี้ปลาทุกตัวมันกำลังดิ้นกันกระแด่วกระแด่ว  หลังจากจุดที่กูสกัดไว้คลายตัวลง   กูยิ้มให้มันก่อนตอบไปว่า
                               “ใช้เทคนิคนิดหน่อยพี่ ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็กเรื่องแค่นี้ซำบายมาก ว่าแต่พี่เหอะหิวไม่ใช่เหรอ กินกล้วยรองท้องไปก่อนนะ เสร็จแล้วพี่อยากจะอาบน้ำก็จัดการได้เลย ทางที่ดีที่สุดอย่าให้เสื้อผ้าเปียกถอดออกให้หมดแล้วอาบ มันจะได้ไม่ชื้น เราพักใกล้กับน้ำตกสวมเสื้อผ้าที่ชื้นจะเป็นปอดบวมเอาได้”  พูดจบมันยิ้มมาให้กู  พร้อมกับบอกกูว่า
                                “เรื่องกล้วยพี่ซัดไปแล้วกว่าสิบลูก   เห็นว่ามันมีเยอะเลยไม่ได้รอตะเกียง  ส่วนเรื่องอาบน้ำตกลงให้พี่ไปอาบเลยหรือ  แน่ใจว่าไม่ให้พี่ช่วยอะไรอีก  พี่แก้ผ้าจนหมดอย่าไปแอบดูเชียวหละ แล้วน้ำที่เรากินหละเอาที่ไหน?” มันถามกูมาเป็นชุด   กูยิ้มให้มันก่อนตอบมันไปว่า
                               “เดี๋ยวตะเกียงจัดการเองพี่  ไปอาบน้ำเถอะ..ไม่ต้องกลัวแอบดูหรอก ว่าแต่พี่เหอะ..ระวังเหยี่ยวน้อยจะโดนปลาตอนเอานะ...ฮ่าๆ!” กูขำซะมันหน้าแดง พูดจบมันก็ว่าง่ายลุกไปทันที กำลังเขินด้วยหละ กูจัดการเอาปลาที่จับได้วางไว้  ฉีกใบตองติดมือไปพอประมาณ ก่อนจะเดินไปตรงริมตลิ่งใช้หินขูดเอาดินเหนียวบริเวณนั้นใส่ใบตองมา จัดการจี้จุดตายปลาทุกตัวเพราะจำเป็นต้องฆ่ามันแล้ว  ไม่ลืมสวดสัพเพสัพตา
ขออโหสิกรรมกับพวกมันด้วย   เอาดินเหนียวที่นำมาโป๊ะลงบนตัวปลาทุกตัวจนมิดมองไม่เห็นว่าเป็นปลา
เลยหละ    นำกิ่งไม้แห้งมากองรวมกัน  โดยนำเอาท่อนฟืนเข้าสุมแทยงไว้เป็นสามมุม   หยิบใบตองแห้งที่มีอยู่มาขยำบนฝ่ามือ  ก่อนจะนั่งรวบรวมเดินลมปราณวรเวทย์อัคดี   แผ่ความร้อนไปยังฝ่ามือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  กระทั่งใบตองเริ่มร้อนจนเกิดเป็นควัน   
                           วรเวทย์อัคนีชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไฟ การใช้พลังจี้สกัดจุดก็คือพุ่งพลังความร้อน ออกจาก
ปลายนิ้ว เข้าหยุดการไหลเวียนของเลือดในจุดสำคัญต่างๆ ของร่างกายคนเราทำให้ร่างกาย รู้สึกชาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  หากส่งพลังเข้าจุดตายตัดเส้นเลือดสำคัญต่างๆ ก็ทำให้ตายได้  สรุปคือพลังชนิดนี้เป็น
ธาตุไฟ  ในขณะที่ไทเก็กเป็นธาตุน้ำ   สองอย่างผู้ฝึกต้องฝึกควบคู่กัน  หากฝึกแต่วรเวทย์อัคนีเพียงอย่างเดียวจะไม่สำเร็จถึงขั้นสูงสุด  เพราะธาตุไฟจะเข้าแทรกลมปราณแตกเสียก่อนไม่ตายก็เสียสติ   เพราะฉะนั้นทีนี้รู้กันแล้วสินะ  ว่าทำไมกูถึงฝึกวรเวทย์อัคนีได้สำเร็จขั้นสูงเพียงคนเดียว   ก็เพราะกูฝึกไทเก็กสำเร็จมาก่อน  ในขณะที่คนอื่นๆ ฝึกไทเก็กได้แค่พื้นฐานทำให้ไม่สามารถฝึกวรเวทย์อัคนีขั้นสูงได้  แม่แต่พ่อเกริกเองก็ตาม   คุณทวดทั้งสองท่านที่คิดค้นรวบรวมวิชานี้ขึ้นเป็นเคล็ดลับของตระกูล  ท่านเข้าใจถ่องแท้ถึงหลักการนี้   ทั้งสองท่าน
จึงเขียน กำชับเตือนไว้ในวิชาว่า  ห้ามฝึกวรเวทย์อัคนีโดยไม่มีพื้นฐานไทเก็กเป็นอันขาด  ไม่งั้นชีพจรในร่างกายจะขาดสะบั้น   ธาตุไฟเข้าแทรกไม่พิการสติฟั่นเฟือนก็ถึงตายได้ในที่สุด
                            เอาหละ...เมื่อจัดการก่อไฟจนติดแล้ว   กูก็นำปลาทั้งหมดที่พอกดินเหนียวไว้ เอาเข้าไปย่าง
ในกองไฟทันที วิธีนี้จะทำให้ได้เนื้อปลาสดๆ ไม่คาวและหอมหวานอร่อยแบบธรรมชาติสุดๆเพราะดินเหนียวจะดูดซับความคาวของปลา  ตลอดจนเวลาที่เราจะกินก็สามารถลอกเกร็ดปลาที่ไม่ได้ขอดเกร็ด  ติดออกมากับดินเหนียวอีกด้วย ข้อดีอีกอย่างคือเราจะรู้ได้ทันทีว่าปลาสุกได้ทีหรือยังสังเกตุดินเหนียวที่เปียกชื้นจะแห้งเมื่อโดนไฟเผาแล้วมันจะแข็งเหมือนดินเผา หอมกลิ่นดินเผาที่ซึมซับเข้าไปในตัวปลา ไอ้หยา!...พูดแล้วชวนน้ำลายสอ สูตรนี้แหละ...รับประกันอาหารฮ่องเต้ยังสู้ไม่ได้...หึหึหึ!
                            กูจัดการเดินสำรวจโดยรอบระหว่างรอปลาสุก  ไม่ลืมหยิบกล้วยสองสามลูกแกะกิน ไปด้วยเพื่อประทังความหิว มาถึงใต้ต้นมะพร้าวจัดการลากทางมะพร้าวแห้งมาเพื่อสุมไล่ยุงป่าในคืนนี้  ตอนนี้พระอาทิตย์ลับหายไปจากขอบฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ความสว่างวอมแวมที่เห็นอยู่ตอนนี้  ได้จากแสงไฟที่กูสุมไว้นั่นแหละ ที่กูเลือกพักตรงเนินหินข้างหลังม่านน้ำตก  เพราะเป็นทิศเหนือลม เมื่อเราอยู่เหนือลมควันไฟก็จะไม่รบกวนเราตอนหลับ  ที่สำคัญกลิ่นสาปมนุษย์ของพวกเราก็จะไม่ไปแตะ จมูกสัตว์จำพวกกินเนื้อ  หนำซ้ำยังเป็นมุมอับทำให้ไม่ต้องกลัวหนาวในเวลากลางคืน ไออุ่นจากกองไฟ จะทำให้ร่างกายอบอุ่น ทั้งหมดนี้คือศาสตร์แห่งการพักแรมกลางป่า   ไม่ลืมหยิบมะพร้าวแห้งที่หล่นจาก ต้นมาด้วยสองลูก   ไม่คิดจะปีนขึ้นไปเอาบน
ต้นหรอก   เหนื่อยพอแล้วหละวันนี้
                           กลับมาเห็นไอ้พี่พรตมันนั่งแอ่งแม่ง จ้องมองปลาเผาที่พอกดินในกองไฟอย่างทึ่งๆ  
ทำจมุกฟุตฟิตไปมา  คงหิวแน่ๆ  เพราะกินหอมซะขนาดนั้น
                          “ตะเกียง...ทำได้ไงหนะ  ทั้งก่อไฟเผาปลา..สุดยอดเลยตะเกียงน้องรัก  มีอะไรอีกเนี่ยะที่พี่ไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถของตะเกียง บอกกันบ้างได้เปล่า?” มันถามกูด้วยสายตาทึ่ง แบบจริงใจ   กูยิ้มให้ก่อนตอบไปว่า
                          “เป็นเรื่องพื้นๆ พี่พรต  หากศึกษาจากตำรับตำรา และฝึกทำซะหน่อยก็ทำได้   เอาหละ..ทีนี้พี่พรตแสดงความสามารถให้ตะเกียงดูหน่อยดิ  ได้ข่าวคาราเต้ขั้นเทพมิใช่หรือ   จัดการปลอกมะพร้าวให้หน่อยได้ป่าว?” กูบอกมันไปแหละ
                         “เห้ย!...ไม่ถึงขั้นนั้นนะ ขืนเอาสันมือไปฟันมะพร้าว ไอ้ที่แตกหนะมือพี่แน่นอน สับก้านคอคนอะพอได้ แข็งเป็นมะพร้าวแห้งยังงี้ไม่สามารถจริงๆ ไมตะเกียงอยากกินน้ำมะพร้าวไม่เลือกลูกอ่อนมาหละ เอามาทำไมลูกแก่ๆ เค้าไว้ใช้ขูดกะทิมิใช่นิ”  เอ่อ!...รู้เหมือนกันเนอะนึกว่าจะไม่รู้ซะอีกไอ้คุณชาย
                        “ตะเกียงต้องการกะลามาต้มน้ำกินด้วยไงเล่า  น้ำตกถึงจะกินได้  แต่อย่าเพิ่งแน่ใจว่ากลางคืนมันจะกินได้นะ  เพราะกลางคืนต้นไม่จะคลายคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ออกมา  ต้นไม้บางชนิดจะปล่อยพิษออก
มาด้วย  อาจปะปนมากับน้ำตก  ไม่แน่พิษอาจถึงตายหรือไม่ก็มึนเมา  เหมือนพวกเห็ดเมานะพอรู้ใช่ไหม? ”  
กูอธิบายมันไป  มันพยักหน้าให้เหมือนเข้าใจที่กูพูด   จัดการเขี่ยปลาออกจากกองไฟเพราะดูแล้วสุกได้ที่จนกินได้แล้วหละ    กลิ่นดินเผากับกลิ่นเนื้อปลาทำให้หอมกรุ่นเรียกน้ำย่อยในกระเพาะได้เป็นอย่างดี
                                กูจัดการใช้หินกระเทาะดินแตกออก   เกร็ดปลาที่บอกลอกติดดินไปด้วย   เผยให้เห็นเนื้อปลาสุกขาวจั๊วน่าเจี๊ยะซะจนไอ้พี่พรตที่นั่งมองอยู่กลืนน้ำลายดังเอื้อก...ก่อนจะส่งปลาที่กระเทาะเปลือกให้
มันไป  ไม่ลืมย้ำมันด้วยว่า
                             “อ่ะพี่...ค่อยทานช้าๆนะ  มันกำลังร้อนอยู่  ที่สำคัญปลาตะเพียนก้างมันเยอะไม่ต้องรีบมีอีกหลายตัวกินจนอิ่มเลยหละ   ปลากระทิงตัวเบ่อเริ่มนั่นขอบอกโอชายิ่งกว่าอะไรอีก  เคยกินหรือเปล่า?”  มันส่ายหน้าพรืดทันที  ก็แน่หละ บ้านมันออกจะเศรษฐีไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่เคยกิน  กูเลยลากปลากระทิงมากระเทาะดินออก  ก่อนจะแบ่งให้มันชิม พอเนื้อปลาเข้าปากยิ้มร่าถูกใจกับรสชาดโดยไม่ต้องโฆษณา  บอกแล้วไม่มีผิดหวังการันตรีคุณภาพ  จากโภชนาการมือหนึ่ง
                            กูใช้หินที่ลับเหลี่ยมค่อยๆ เฉาะปอกเปลือกมะพร้าวหลังจากที่เรากินปลากันจนเป็นที่เอร็ดอร่อย   รวบรวมก้างห่อใส่ใบตองไว้ให้สัตว์อื่นกินพรุ่งนี้  ตอนนี้ต้องกำจัดเสียก่อน   หากทิ้งไว้เรี่ยราดจะกลายเป็นพาหนะนำสัตว์ต่างๆ มารบกวนตอนหลับได้    ไอ้พี่พรตมันเห็นวิธีของกูเลยแย่งเอามาทำ
ซะเอง   หลังจากเข้าใจหลักการแล้ว  เพราะมันถือว่ามันข้อมือแข็งและแรงดีกว่าเยอะบอกกูว่างั้น  กูเลยปล่อยพี่เค้าเป็นพระเอกซะบ้าง หลังจากเฉาะเปลือกเรียบร้อย ก็เฉาะให้กะลาแตกจนน้ำมะพร้าวกระฉอก  ก่อนจะยกดื่มแบ่งให้มันกิน  ทีแรกมันจะไม่กินเพราะมันบอกเคยกินแต่น้ำมะพร้าวอ่อน ไม่เคยกินน้ำมะพร้าวแก่เลยงั้น หารู้ไม่น้ำมะพร้าวแก่รสชาดก็หอมหวานไม่ต่างกันนักหรอกพอลองกินทีนี้เอาใหญ่ล่อซะน้ำมะพร้าวหมดลูก
ไมหละบอกแล้วคนเราบ้างครั้งต้องรับรู้เรื่องบางอย่างไว้ด้วย  น้ำมะพร้าวเนี่ยะแหละถือเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ไม่ต้องกลัวมีพิษเจือปน   จากนั้นกูก็ขยายรูที่เฉาะ  ก่อนจะนำไปรองน้ำตกมาวางแหมะข้างๆ กองไฟเหมือนการอุ่นต้มไปในตัว  พรุ่งนี้จะได้มีน้ำไว้กิน  
                                เรียบร้อยแล้วก็นำทางมะพร้าวแห้งที่ลากมาด้วย   สุมควันห่างออกไปอีกกองหนึ่งไว้สำหรับไล่ยุง ทำให้มันเป็นลักษณะไฟสุ่มขอนไม่ให้ลุกเป็นไฟ  เพราะจะไม่มีควันแต่จะไหม้แทน   ควันที่พวยพุ่งกระจายตอนนี้ไล่ยุงได้ชะงัดนักแล   กลับมาเตรียมตัวลงนอน  โดยไม่ลืมนำไอ้พี่พรตไหว้พระสวดมนต์ขอพรจากเจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางปกปักษ์รักษาพวกเราด้วย   บทสวดสุดท้ายคือพระคาถา ‘ชินบัญชร’  
เป็นพระคาถาที่กูสวดได้ตั้งกะอายุห้าขวบ   อย่าลืมไอ้ตะเกียงไอคิวอัจฉริยะไม่ใช่เรื่องแปลกที่กูสามารถท่องชินบัญชรได้อย่างแคล่วคล่อง   เพราะพระคาถาของสมเด็จพุฒาจารย์โต  พรหมรังสี   เป็นเหมือนปราการแก้วที่จะครอบเราตั้งแต่กระหม่อมลงมาจนล้อมรอบตัว ไม่ให้ภยันตรายต่างๆ ทั้งที่เห็นตัวหรือไม่เห็นตัว  สิ่งเร้นลับทั้งหลายไม่สามารถผ่านเข้ามากร่ำกลายเราได้ในเวลาที่เราหลับสนิท   ไอ้พี่พรตมันก็สวดตามกูจนจบ  ก่อนจะพากันล้มตัวนอนลงข้างกันนั่นแหละ  จู่ๆไอ้พี่พรตมันพูดขึ้นว่า
                            “ตะเกียง คืนนี้พี่นอนกอดตะเกียงได้ไหม?   กอดเฉยๆบอกตรงๆพี่เคยฝันอยากนอนกอดตะเกียงมานานแล้วแหละ  ที่ไหนได้พอนอนจริงๆดันเป็นกลางป่าซะนี่”  กูเหลือบขึ้นมองตามันไม่มีแววหื่นในตามันเลย  จึงถามมันไปว่า
                           “ทำไม..พี่ถึงอยากกอดตะเกียง?..”  ถามไปแหละ
                           “ไม่รู้ดิ...อยากปกป้องบ้างอ่ะ มีแต่ตะเกียงดูแลพี่หมดทุกอย่าง เวลานอนพี่ตัวโตกว่า ก็อยากกอดตะเกียงเอาไว้  มีอะไรเกิดขึ้นพี่โดนก่อนก็ยังดี  จริง
ป่ะ!.”  ฟังดูดี   โคตรแมนอีกตะหาก
                          “อืม!..เอาดิ...พี่น้องกันไม่เป็นไร  ผมไม่คิดมากหรอก   แต่หากเรื่องนี้รู้ถึงหูพี่รันกับพี่โต๋ เราทั้งคู่ตายหยังเขียดแน่ ว่าไงยังอยากกอดอีกป่าว?”  กูถามย้ำมันไปแหละ
                         “เอ่อๆ..นั่นดิ...ไอ้รันไม่เท่าไหร่ พี่พอจัดการได้...เด็กในโอวาทพี่ซะอย่างไม่มีปัญหาหรอกมันหงอพี่อยู่แล้ว  แต่ไอ้โต๋นี่ดิ..ตายแน่นอนยิ่งหวงตะเกียงยังกะจงอางหวงไข่   เปลี่ยนใจแล้วไม่เอาดีกว่า..” พอฟังมันพูดกูอดขำไปกะมันไม่ได้   แน่ใจนะว่าไอ้พี่รันเด็กในโอวาทเชื่อตายละมึงไอ้พี่เหยี่ยวรั่วเอ้ย!....แต่ก็ไม่ได้เบรคไรมันให้รู้สึกเสียหน้าหรอก  ปล่อยมันได้ยืดซะบ้าง  จู่ๆมันดันถามขึ้นมาอีกว่า
                           “ตกลง ตะเกียงว่าเราค้นพบน้ำตกนี่เป็นคนแรกหรือเปล่า?  ถ้าเป็นแบบนั้นเรามาตั้งชื่อกันไว้ก่อนดีกว่าไหม?...พอเราออกไปได้จะได้ดังไง  ว่าพวกเราเป็นคนเจอก่อนใครเค้า” มันยังติดใจไม่หายอีก  
เรื่องค้นพบน้ำตกนี่นะ  ช่างไม่สังเกตุไรเลย กองขี้เถ้าเก่าที่มีคนเค้าก่อไฟทิ้งร้างมานานมันก็ไม่ยักรู้   ดันเสือกคิดว่าตนค้นพบก่อนเค้าอีกซะงั้น  เล่นไปตามน้ำกะมันหน่อยละกัน
                            “อืม..เอาดิ..พี่พรตจะตั้งชื่อว่าอะไรดีหละ?”  ถามมันกลับ
                             “นั่นดิ...เอ้!...พี่ว่าเอาชื่อเราสองคนมาตั้งกันดีกว่า  พี่ชื่อจริงว่าวรพจน์  ส่วนตะเกียงชื่อสกลเกียง  ชื่อนี้เลยเป็นไง ‘วรเกียง’  น้ำตกวรเกียง เป็นไงเพราะดีไหม?”  เป็นเอามากไอ้พี่พรตรั่ว กูทั้งขำทั้งหน่ายกับความคิดเป็นเด็กของมัน  คิดได้เนอะน้ำตกวรเกียง ตัดปัญหาก่อนจะ ไม่ได้หลับได้นอน  ตอบมันกลับไปว่า
                              “ตามนั้นพี่ น้ำตกวรเกียงก็วรเกียง แต่ตอนนี้หลับได้รึยัง พรุ่งนี้ต้องเดินป่าอีกนะ พักผ่อนเก็บแรงไว้กันดีกว่า หลับเถอะพี่ลงตัวแล้วนี่”  พูดจบกูพลิกตัวหันหลังให้มัน   หลับตาลงทันที  แต่
                              “เดี๋ยวๆ..ตะเกียง แหมๆ..เล่นหันหลังให้พี่แบบนี้คิดไรกะพี่หรือเปล่าเนี่ยะ....พาให้คิด
นะเรา”  บ๊ะ!...ดูมันยังมีทะลึ่งปิดท้ายอีก
                              “อืม..ทางที่ดีตะเกียงว่าพี่ก็หันหลังมาชนกับตะเกียงด้วยดีที่สุด  เพราะข้าศึกบุก เราจะได้ตั้งรับทันทั้งซ้ายขวา หากหันหน้ามาประกบหลังตะเกียง  ผมมีคนคุ้มหลังให้ปลอดภัยชัวร์  แต่ตัวพี่ไม่แน่..เสือคาบไปแดกไม่รู้ด้วยน๊า”  กูขู่มันไปทันทีเพราะมันกลัวเสือ  ได้ผลเกินคาด
                              “อึ้ย!..จริงด้วยขอบใจมากที่เตือนพี่ แต่พี่ว่ามันยังรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดี แล้วข้างบนกะข้าง
ล่างหละ มันมาเราจะรู้ได้ไง”  เป็นไงหละ มนุษย์เจ้าปัญหา   ข้างบนก็ติดกำแพงหินยังจะกลัวอีก ปลายตีน
ก็กองไฟ  มันไม่คิดสักนิดสักแต่จะถาม   ตัดความรำคาญกูตอบมันไปว่า
                               “หากเป็นเช่นนั้น....ตัวใครตัวมันเลยพี่...”  ก่อนจะแอบอมยิ้มขำกะมัน  เพราะมันรีบขยับตูดมาชิดกูทันที  ตัวสั่นหงกๆ  พูดเสียงเบาแทบกระซิบ  ไม่รู้จะกระซิบทำไม  เมื่อกี้ก็ยังพูดปกติอยู่เลย  ยังกะกลัวใครจะได้ยินซะงั้น
                               “ไม่น๊า..ตะเกียงอย่าทิ้งกันเป็นอันขาด   เสือมาต้องพาพี่วิ่งด้วย  
เพราะพี่คงก้าวขาไม่ออกแน่ๆ”  น่าสงสารจริงๆ....ไอ้พี่เหยี่ยวรั่ว   กูเลยแหย่กลับไปว่า
                                 “พี่พรตคร๊าบๆ!...ไม่ต้องกลัวจนขี้ขึ้นหัวขนาดนั้นหรอก ต่อให้เสือมาจริงมันคงไม่กล้ามางาบพี่ไปแดกหรอกคร๊าบ”  กูทิ้งท้ายไว้ ไงมันต้องถาม  ได้ผลมันรีบลุกนั่ง  ชะโงกหน้ามามองกูพร้อมกับถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า
                                “อ้าว!..ทำไมเล่าตะเกียง ทำไมถึงมั่นใจว่าเสือมันจะไม่คาบพี่ไปกิน?.” เป็นไงกะไว้ไม่ผิด  
กูตอบกลับไปทันที
                                “พี่ลืมไปแล้วหรือ  ว่าพี่มีกลิ่นสิงห์อยู่กับตัว เสือที่ไหนมันจะกล้ามากินพี่   ไม่ใช่สิงห์ธรรมดาซะด้วยนะ แต่เป็นสิงห์รันขั้นเทพ เสือมีแต่หมอบกระแตสยบให้อีกตะหาก..ฮ่าๆ!” ได้ผลไอ้พี่พรต
มันรีบผลุบตัวลงนอนหันหลังให้กูทันที  หุบปากไม่โต้ตอบ  จบบทสนทนา กูจะได้หลับซะที ไม่ยักรู้ว่าไอ้พี่รันมันเทพถึงขนาดแค่ชื่อก็พาให้ไอ้พี่พรตหุบปากหลับลงได้  เยี่ยมจริงมึง.....กร๊ากๆ!                 
Part  94
โดนด้วยเหรอ....

                      “เอ้ก..อี้..เอ้ก!..เอ้ก!..”  เสียงไก่ป่าปลุกกูตื่น ขานรับกันเป็นทอดๆ  ฟังแล้วไพเราะยังกะเสียงดนตรีพนาไพร กูงัวเงียตื่นขึ้นมา เหลียวมองไอ้พี่พรตหลับสบายอุราซะจริงมึง..เสือกบอกกลัวเสือหลับขนาดนี้เสือคาบไปแดกคงไม่รู้สึกตัวหรอก..
                    ก็น่าเห็นใจมันอยู่หรอกเนอะ..เมื่อวานก็เดินป่าจนเหนื่อยพอกินอิ่มนอนอุ่นท่ามกลางกองไฟ
ซึ่งตอนนี้เหลือแต่ถ่านแดงๆ ควันกรุ่นจางๆ มันก็คงเพลียจัดเลยหลับลึกซะขนาดนี้ กูเองคงต้องจัดการเตรียมพร้อมเพื่อเดินทางต่อแล้ว   คิดได้ดังนั้นรีบลุกไปแอ่งน้ำตกล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น   ก่อนจะกลับเข้ามาเขี่ยฟืนให้เข้าไปสุมไฟ   ใช้ใบตองกระพือพัดให้ไฟลุกติดพรึ่บขึ้นมาใหม่อีกครั้ง   เป็นอันเสร็จเรียบร้อย  
ดึงกล้วยออกจากเครือโยนเข้ากองขี้เถ้าสิบกว่าลูก  แค่นี้ก็จะได้กล้วยเผาอันโอชา
                    ว่าจะลงน้ำจับปลาซะหน่อย รอให้สว่างกว่านี้อีกนิดดีกว่า ที่สำคัญน้ำตอนนี้เย็นจัดถึงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากกูเดินลมปราณพลังวรเวทย์อัคนี  ขับไล่ความเย็นก็ยังพอสู้ได้อยู่   แต่ไปทำเรื่องอื่นก่อนดีกว่า  ว่าแล้วก็ไม่รอช้าเดินเข้าป่าใกล้น้ำตกนั่นแหละ สำรวมสมาธิปรับท่าเดินด้วยท่าเท้าลานนาคาดเชือก  
ให้เบากริบสดับฟังเสียงไก่ป่านิ่งๆ   อืมเจอแล้วสามตัวเยี่ยงไปขวา  40 องศา  บนกิ่งไม้เกาะอยู่หนึ่ง   ในก่อไผ่อีกสองตัว   จัดการเลยดีกว่า
                     ไก่ป่า...เป็นสัตว์ปีกที่มีความเร็วมาก และสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดก็ดีด้วย แต่มีข้อบกพร่องคือไก่จะตาฟาง  นั่นแหละคือที่มาข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ไก่ไหวตัวช้า  อาศัยดมกลิ่นกับฟังเสียงเอา
ถึงได้เสร็จพวกงูประจำ เพราะงูจะเข้าไปใกล้ไก่ได้เงียบกว่าสัตว์ชนิดอื่น  เพราะฉะนั้นงูจึงเป็นคู่ปรับของไก่แบบไม่ต้องสงสัย  กว่าไก่จะรู้สึกตัวก็โดนงูรัดจนกระดูกแหลกแล้วค่อยเขมือบเข้าไปทั้งตัวทีหลัง  สำหรับสัตว์ชนิดอื่นน้อยนักที่ไก่ป่าจะเสียเปรียบ   เว้นเสียแต่มนุษย์ที่ส่องด้วยปืนในระยะไกลหรือไม่ก็พวกหน้าไม้
ของพรานชมัง   ฉะนั้นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของสัตว์ทุกชนิดคือมนุษย์นี่แหละตัวฉกาจ  ล่อเอาสัตว์แทบสูญพันธุ์กันเลยทีเดียว  
                         กูเองก็กำลังเป็นมนุษย์ที่จะล่อไก่ป่าสักสองตัว   แต่กูไม่มีปืนหรือหน้าไม้ที่จะส่องไก่ป่าในระยะไกล   วิธีที่จะจัดการกับพวกมันได้ก็เนี่ยะแหละ   เดินลมปราณย่องเท้าลานนาคาดเชือกเข้าหาทิศที่ใต้ลมเบาๆ  ห้ามอยู่เหนือลมเป็นอันขาดเพราะไก่จะได้กลิ่นสาปมนุษย์จนรู้ตัวเสียก่อนท่าเท้าต้องเงียบเชียบที่สุด  
ได้ระยะก็ง่ายๆเถาวัลย์ที่ผูกเป็นบ่วงบาศเวลาคล้องช้างเคยเห็นกันใช่ไหม   วิชาลูกเสือก็คงเคยเรียนการผูกเชือกกันอยู่เนอะ เนตรนารีหรือยุวะก็มีสอนนิ ผูกให้เป็นบ่วงในขนาด ความกว้างพอประมาณจุดมุ่งหมายไม่ได้กะคล้องคอไก่  กูไม่สามารถพอหรอก  ขนาดงานวัดโยนห่วงลงคอขวดกูยังทำไม่ได้  แต่ห่วงเถาวัลย์บ่วงบาศของไอ้ตะเกียงกว้างพอที่จะโยนครอบไก่ทั้งตัว  จังหวะจะเอามันให้อยู่หมัด  ก็ตอนกระตุกเชือกและพลังที่สะบัดอย่างแรงและเร็วตะหากที่ทำให้กูจับไก่ป่าได้  หึหึหึ!
                          ได้จังหวะแล้วในระยะพอประมาณ...กูเหวี่ยงเถาวัลย์ลงไปที่ตัวไก่ทันที  มันตกใจตีปีก
ในขณะที่บ่วงบาศกูกระทบลงพื้นนั่นแหละ  สะบัดข้อแขนตะหวัดให้แรงและเร็วด้วยพลังที่เดินลมปราณไว้ก่อนแล้ว   ได้ผลไก่ไม่ได้ติดบ่วงบาศ  แต่ไก่นอนชักกระแด่วกระแด่ว  เพราะมันพิการไม่ปีกหักก็ขาหัก  
ดูเหมือนทรมานสัตว์ไงไม่รู้   แต่เพื่อปากท้องและเพื่อนพ้องที่ร่วมชะตากรรมอยู่ตอนนี้   เว้นนรกกินกบาลวางลงไว้ก่อน   กลับไปแล้วลูกช้างจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้  ตอนนี้ถือว่ากูเป็นเจ้ากรรมนายเวรของมัน
หละกัน  รีบพุ่งเข้าไปหามันก่อนที่มันจะกระแด่วหนีไปได้ซะก่อน  จี้สกัดจุดตายดับชีวิตไม่ให้มัน
ทรมานอีก   ได้แล้วหนึ่งตัวสมใจหมาย  เพราะกูเก่ง...ฮ่าๆ...
                           กะเอาสองตัวแต่คงไม่ได้เรื่องแล้ว  พอไอ้ตัวแรกร้องแหกปากลั่น  ที่เหลือแตกกระเจิงหนีหายไปกันหมด   ไม่อยากเสียเวลาตามอีก   ตัวเดียวก็ตัวเดียวอย่างน้อยลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตลงไปหนึ่งตัวก็ยังดี
                                หิ้วปีกไก่ที่คอพับดับอนาถเดินกลับไปที่พัก  ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงรับเช้าวัน
ใหม่แล้ว พอกูเดินมาถึงไอ้พี่พรตนั่งขัดสมาธิหน้าบูดเป็นตูดลิงซะงั้น   พอเห็นกูเดินเข้าไปยิ้มร่าขึ้นมาทันที  ก่อนจะร้องทักกูว่า
                           “โหย!..ตะเกียงพี่ตกใจหมด ตื่นมาไม่เจอนึกว่าเสือคาบไปแดกซะแล้ว..กำลังคิดอยู่ว่าจะทำไงดีเลยเนี่ยะ ทำไมออกไปไม่ปลุกพี่ด้วย.”   ฟังปากมันดิ ดันแช่งกูอีก...
                           “ผมเห็นพี่หลับสบายเลยไม่อยากปลุก ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก ออกไปหาเสบียงหนะ”  
บอกมันไปพร้อมกับชูไก่ในมือให้มันดู   จ้องกูซะตาโตแบบทึ่งสุดๆ เด็กกรุงก็เงี่ยะ  เห็นอะไรที่คนทั่วไปไม่ค่อยทำกันก็มักทึ่งเป็นปกติ หากคิดจะเรียนรู้และฝึกปรือซะหน่อยขี้คร้านตัวเองก็ทำกันได้
                              “ว้าว...ว้าว!..จับมาได้ยังไงเนี่ยะ..อย่าบอกใช้มือเปล่าจับมานะนกอะไรตัวเบ่อเหริ่ม มันคงยอมให้จับง่ายๆหรอกจริงไหม?..เฉลยมาซะดีดีว่าไปจับนกตัวนี้มาอิท่าไหน?”  เอ่อหะ!...นกบ้านมึงนะสิ
ไอ้พี่เหยี่ยวรั่วเอ้ย...มันไปดูยังไงถึงได้บอกว่านก หรือเพราะเห็นกูหิ้วปีก  อาจเป็นไปได้อีกอย่างไก่ป่าก็ตัว
ใช่ใหญ่มากมายอะไรนัก ประมาณไก่แจ้นั่นแหละมิน่ามันถึงบอกว่านกงงกับมึงจริงเชื่อได้ไหมนี่ว่ามึงเป็นเหยี่ยว  ไหนที่รู้มาว่าเหยี่ยวชอบกินไก่  แต่มึงนี่เหยี่ยวบ้านไหนว่ะเห็นไก่เป็นนก...เวร...
                                 “ใช่นกที่ไหนเล่า..ไก่ป่าหนะรู้จักป่าว?...ตะเกียงไปแย่งมาจากปากงูเลยนะเนี่ยะเห็นงูกำลังจะแดกมันอยู่ร่อมร่อ เลยตัดสินใจเอาไม้ตีกบาลงูแย่งไก่มาซะเลยดีไหมหละ?”  กูตอบมันไปให้หายสงสัย รู้มันอยู่ขืนอธิบายมากคงถามจนละเอียดไม่มีหยุด พูดเสร็จกูจัดการนำไก่โยนเข้ากองไฟให้ไฟเผาขนกันก่อนแล้วค่อยแช่น้ำจะได้เลาะเอาขนมันออกได้ง่าย ออกจนเกลี้ยงแล้วค่อยเสียบกิ่งไม้ย่างไฟอ่อนๆ แค่นี้ก็จะได้ลิ้มรสเนื้อไก่ป่าสดๆซิงๆแล้ว    แต่ไอ้พี่พรตมันก็ไม่ยอมหยุดถาม....
                                “หา!..แย่งมาจากงูเหรอ...แล้วไมไม่เอางูมาด้วยเลยหละ ปล่อยมันไปทำไม...พี่เคยได้ยินมาว่างูเป็นอาหารป่าเนื้ออร่อยด้วย  น่าจะเอามาลองชิมดูนะ”  เอ่อ...นรกแล้วมึง...กูเชื่อแล้วว่ามึงรั่วจริงไรจริง นึกบ้าไรขึ้นมาเนี่ยะเสือกอยากกินเนื้องูมีไก่ป่าให้กินดีดีดันเสือกจะกินงู..กรรมจริงกู...
                             “พี่พรตอยากกินงูเหรอ?  ตกลงไก่ป่าตัวเนี่ยะไม่กินใช่ไหม?  ดีผมจะได้กินคนเดียวแต่งูหนะผมไม่ได้ตีมันตายหรอกนะ  แค่ขู่ไล่มันให้ตกใจหนีไปเท่านั้น  ไม่ได้กะฆ่ามันซะกะหน่อย”  กูก็แถเล่าเรื่องตอแหล  เล่นไปกะมันอีกรอบ   นึกว่าจะหมดข้อสงสัย ที่ไหนได้เสือกเปิดกระทู้อยากแดกงูขึ้นมาซะงั้น
                              “ไม่ใช่สักหน่อย พี่ก็แค่ฟังๆเค้าเล่ามา นึกว่าพอมีโอกาสลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายไรนี่จริงไหม?   กลับไปจะได้ยืดอกได้ว่าเราเดินป่าแดกงูก็เคยมาแล้ว แมนออกตะเกียงไม่รู้เหรอ?”    ฟังมันพูดดิ  
ตรรกะไหนของมึงเนี่ยะแดกงูแล้วแมน   
                              “อืม..ไม่อ่ะ..จำเป็นด้วยเหรอพี่แดกงูแล้วแมนหนะ พี่ฟังมาผิดหรือเปล่า งูหนะออกจะธรรมดาไม่เห็นมันจะยืดได้สักกะหน่อย โดนใครเค้าหลอกมาหรือเปล่า ตะเกียงว่าไม่ต้องถึงกับแดกงูพี่ก็แมนโคตรจนใครเทียบความแมนไม่ติดอยู่แล้ว  จะหาเรื่องลดเกรดลงไปแดกงูทำไมอีก  ผมไม่เข้าใจอะ”  กูขุดหลุมล่อมันอีกแหละ  นิสัยกูก็นะ..พอรู้จุดอ่อนของมันแล้วอดแกล้งไม่ได้
                                “จริงอ่ะ...เอาอะไรมาวัดว่าพี่แมนขนาดนั้น หรือตะเกียงมองออก  อย่าหลอกกันให้ปลื้ม
เล่นนะ...ไหนลองบอกมาให้ฟังหน่อยดิ.”  ว่าแล้วนิสัยขี้สงสัยเป็นเด็กของมันนี่แหละล่อมันได้ประจำ   กูเลยเฉลยให้ซะเสือกอยากรู้ดีนัก
                                 “ไม่เห็นจะดูยากตรงไหน  ก็พี่บอกเองว่าอยากจะแมนโชว์พาวน์แค่เคยแดกงูมาแล้วก็แมนมากใช่ป่ะ!...แล้วไอ้ที่พี่เคยแดกงูสิงห์ไม่โคตรแมนเลยเหรอพี่ นั่นงูสิงห์รันเลยหนะใครได้แดกกันมั้ง  เห็นป่ะ!..ว่าตะเกียงพูดผิดที่ไหน  ทีหลังพี่เกทับไอ้พวกขี้โม้คุยโตว่าแมนเพราะเคยแดกงูไปเลย บอกไประดับพี่แดกงูสิงห์มาด้วยซ้ำยังไม่เห็นคุย หุหุหุ!..”  อยากให้ทุกคนเห็นหน้าไอ้พี่พรตมันตอนนี้ชะมัด ตาโตอ้าปากค้างกับคำ
ตอบกู  หน้าแดงเถือกจนถึงหูแล้วเหอะ....เห่อ..เห่อ..เห่อ...หมดคำถามไปโดยปริยาย กูส่งท้ายยกยิ้มให้ก่อนจะจัดการเขี่ยไก่ป่าออกจากกองไฟเผื่อเอาไปแช่น้ำถลกขนต่อไป ตลกหน้าตามันชะมัด ไม่มีไอ้พี่รันนี่กูคงหาคำพูดมาสยบไอ้พี่พรตลำบากเพราะมันรั่วได้ตลอดซิน่า....กร๊ากๆ....
                           กูถลกหนังไก่เสร็จเดินกลับขึ้นมา เอากิ่งไม้เสียบตูดทะลุคอ วางพาดขอนไม้ย่างไฟอ่อนให้ห่างจากกองไฟพอประมาณ  ไม่เกินยี่สิบนาทีคงสุกได้ที่   โดยมีไอ้พี่พรตจ้องการกระทำของกูตาไม่กระพริบอย่างสนอกสนใจ   ในที่สุดมันก็อดหุบปากเงียบได้ไม่นาน  ถามอีกจนได้...
                          “ตะเกียงพี่ถามจริงเหอะ ไปฝึกเรื่องพวกนี้มาจากไหน ทำไมพี่เห็นตะเกียงคล่องแคล่วไปซะ
ทุกอย่าง ตัวก็บอบบางอรชรอ้อนแอ้นซะขนาดนี้ แต่เวลาทำเรื่องพวกนี้มันแมนโคตรเลยง่ะ พี่ยังอายเลยทำไม่เป็นสักกะอย่าง”  กูควรดีใจหรือเปล่ากับคำชมบอบบางอรชรอ้อนแอ้นของมึงเนี่ยะ แต่ก็อย่างมันพูดแหละ
ใครเห็นคงแปลกพิลึก ว่ารูปร่างอย่างกูจะสามารถเนอะตอบมันไปแหละ
                              “พี่รู้เปล่าว่า ที่เห็นตะเกียงทำหนะมันปกติธรรมดาสำหรับคนที่เค้าเคยชินและมีอาชีพเหล่านี้ เหมือนเราเห็นคนร้อยมาลัยขาย  เข็มมาลัยออกซะยาวเฟื้อยบ้างคนหลับตาร้อยซะสวยเลย โดยไม่ต้องจับเวลาด้วยซ้ำว่าเร็วขนาดไหน แต่ให้คนปกติแบบพวกเราไปทำก็ต้องว่ายาก   ทีนี้พอจะเข้าใจใช่ไหม?..ตะเกียงโตมากับไร่สวน  ป่าเขาตั้งแต่เด็ก  พี่รู้นี่ว่าบ้านตะเกียงทำธุรกิจส่งออกพวกพืชผลการเกษตรของทางเหนือทั้งหมด
ไม่นับสวนของบ้านอีกที่ปลูกมากมายหลากหลายชนิด  ตะเกียงวิ่งเล่นตั้งกะตีนเท่าฝาหอย  เข้าป่ากับพ่อกับปู่ตั้งกะเด็กมันย่อมเป็นเรื่องปกติที่ตะเกียงจะรู้จักป่าและเข้าใจระบบนิเวศน์ของป่าได้ดีกว่าคนกรุงแบบพี่ที่โตมาจากเมืองหลวง ตกลงเข้าใจแล้วนะ”  กูตัดบทมันก็ยักหน้าตามเหมือนว่าเข้าใจในสิ่งที่กูพูดแล้ว  กูเลยไล่มันให้ลุกไปล้างหน้าตาให้สดชื่นซะ
                            “ตะเกียงว่าพี่ลุกไปล้างหน้าให้สดชื่นซะหน่อยเหอะ กล้วยเผาตะเกียงเขี่ยออกมาไว้ข้างๆ
กองไฟให้แล้ว ถ้าหิวก็กินรองท้องก่อนได้นะ กว่าไก่จะสุกก็คงราวๆ อีกยี่สิบนาทีเป็นอย่างต่ำเราไม่มีนาฬิกากะเอาประมาณนี้แหละ  เดี๋ยวจะพาลหิวซะก่อน ตะเกียงขอตัวไปหาอุปกรณ์ไว้ใส่น้ำกินระหว่างทางดีกว่า
กันพลาดหนะ วานพี่ช่วยหมุนไก่เป็นระยะๆด้วยนะจะได้สุกทั่วทั้งตัว เดี๋ยวตะเกียงมา”  พูดเสร็จกูลุกเดินออกมาเลย   ขืนอยู่นานมันมีซักไม่เลิกอีก  รู้นิสัยของมันอยู่  เจ้าหนูจามไมไว้ไปหาคำตอบเอากับกุนซือเทพเหอะ เหมาะกันดีแล้วหละไอ้พี่พรตที่มึงคบกับไอ้พี่รันมันหนะ ขานั้นทั้งใจเย็นและรอบรู้คงตอบมึงได้ตลอดชีวิต
ไม่มีเบื่อ...กูไปแหละ....
                     ผมเข้าป่าไปได้บ้องไม้ไผ่สำหรับใส่น้ำไว้กินระหว่างทางมาสองบ้อง  ความยาวประมาณศอกกว่าๆ แถมเห็ดขอนอีกห่อใหญ่ๆ เก็บใส่ใบตองมาเรียบร้อย งานนี้มี เห็ดกับไก่ ขาดแต่หมูกับเป็ดเป็นไงในป่าสมบูรณ์ด้วยโภชนาการ 5 หมู่ ใครอยู่ป่าเป็นรับรองไม่มีอดตาย แต่ที่จะตายคงไม่ใช่เรื่องอดจะตายเพราะสัตว์ร้ายมากกว่าหากไม่เข้าใจวิถีชีวิตของพวกมันตามสัญชาตญาณนักล่าแล้วหละก็  คุณย่อมเป็นเหยื่อแน่นอน  แต่หากเข้าใจอุปนิสัยพวกมันอย่างดีแล้ว  สัตว์ที่ดุร้ายก็คือลูกแมวเชื่องๆดีดีนี่เองแหละ  
                               กลับออกมา กูต้องแปลกใจอย่างใหญ่หลวง เพราะขณะนี้ที่พักแรมดันมีแขกไม่ได้รับเชิญ เป็นหญิงสาวสวยสองคนที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ในสภาพเสื้อผ้าหน้าผมกระเซอะกระเซิงมอมแมมเป็น
อย่างมาก กำลังนั่งจับเข่าคุยกะไอ้พี่พรตออกรสออกชาติ  โดยไอ้พี่เหยี่ยวรั่วก็รัวคำถามไม่ว่างเว้น ก่อนที่ทุกคนจะหยุดการสนทนาเมื่อรับรู้ถึงการมาของกู  พร้อมกับหนึ่งในสองสาวร้องเรียกกูด้วยความดีใจสุดชีวิต   
แถมโผลเข้ามากอดกูอีกตะหาก
                                “พี่ตะเกียง  ฮือๆ...กิ่งดีใจมากที่มาเจอพวกพี่...ฮือๆ”  ร้องไห้ขี้มูกน้ำตาคละเคล้ากัน
ไปหมด  ในขณะที่อีกสาวมองกูด้วยแววตาน่าสงสารเช่นกัน  ก่อนจะทักกูมาด้วยว่า
                                  “ตะเกียง..ดีใจจังที่เจอเธอ พวกเรานึกว่าจะตายอยู่ในป่ากันสองคนซะแล้ว โชคดีจริงๆ ที่มาเจอพวกเธอที่นี่ ขอบคุณสวรรค์ที่อย่างน้อยเรามาเจอพวกเธอได้”  ใช่ครับศรีริต้าคนสวยกำลังทักทายผม
อีกคน งงกันใช่ไหมสองคนนี้มาโผล่ที่นี่กันได้ยังไง กลางป่ากลางเขาพวกคุณเธอมาทำอะไร  แต่ดูจากสภาพคงไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนามาเดินป่ากันแน่ๆ  เพราะมอมแมมขนาดหนัก  กูเลยถามไปทันทีว่า
                                      “เกิดอะไรขึ้น  แล้วน้องกิ่งกับริต้ามาอยู่ในป่านี้ได้ยังไง?.”  พอกูถามไปทุกอย่างจึงไหลทะลักทลายออกจากปากทั้งของริต้าและน้องกิ่งว่า ในวันที่พวกกูถูกจับนั้น เป็นจังหวะที่สองคนนี้พากันมาเยี่ยมพวกกูที่รีสอร์ทเช่นกัน โดยน้องกิ่งตั้งใจมาหาไอ้พี่กานมัน ส่วนริต้าคงไม่ต้องบอกว่ามาหาใคร  ที่มาด้วยกันได้เพราะริต้าขอตามน้องกิ่งมาด้วยหลังจากรู้กันล่วงหน้าว่า  น้องกิ่งนัดจะมาหาไอ้พี่กานที่รีสอร์ท น้องกิ่งมิได้มีเจตนาอื่นอย่างน้อยมีริต้ามาเป็นเพื่อน  ก็จะได้แลดูไม่น่าเกลียดว่ามาคนเดียว   อีกอย่างริต้ามีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่เชียงใหม่  โดยที่เด็ดดี้และหม่ามี้ ซึ่งเธอเรียกพ่อกับแม่เธอแบบนี้  บินจากอเมริกามาช่วงนี้พอดี มันเลยประจวบเหมาะมาด้วยกันได้   แต่ที่ซวยเพราะพวกเธอถูกกลุ่มที่จับตัวกูมาจับตัวมาขังไว้ด้วย ในฐานะเสือกเข้ามาได้จังหวะเห็นเหตุการณ์เข้าแบบไม่ตั้งใจ เลยโดนอุ้มใส่รถมาขังไว้ด้วยกัน   โดยที่พวกกูไม่รู้ ที่หนีออกมาได้เพราะมีการระดมยิงเปิดสงครามที่พวกกูอาศัยจังหวะนั้น หนีมาเหมือนกัน  แม่บ้านที่คอยดูแลทั้งสองเป็นคนพาทั้งคู่หนี  คุณเธอดันโชคร้ายโดนยิงตายขณะพาออกมานั่น โทษฐานทรยศ ในขณะที่ริต้ากับน้องกิ่งทุลักทุเลหนี
กระเจิงเข้าป่ากันมาได้ ภูมิความรู้ของริต้าที่เคยตั้งแคมป์เดินป่าปีนเขาตอนที่เรียนอยู่อเมริกา เพราะเธอชอบเป็นทุนเดิม  ทำให้สามารถนำประโยชน์เหล่านั้น พาน้องกิ่งดั้นด้นค้างแรมจนมาถึงน้ำตกนี้ ด้วยศาสตร์แห่งการอยู่รอดต้องเข้าหาแหล่งน้ำ  เป็นความรู้พื้นฐานของนักเดินป่า  ซึ่งกูไม่แปลกใจถือว่าริต้าเก่งมากและมาเจอพวกกูเข้าในที่สุด  ทั้งคู่จึงดีใจกันยิ่งนักที่มาเจอพวกกูอย่างที่เห็น.....
                            เอาหละ..เมื่อรู้ข้อเท็จจริง  กูเลยให้สองคนนั่นไปอาบน้ำอาบท่าให้สะอาดสะอ้านสดชื่นกันก่อน แล้วค่อยมากินอาหารเช้า ก่อนจะวางแผนกันต่อไปว่าต้องทำอะไรยังไงกันบ้าง  เพื่อให้พวกเราสี่ชีวิต  
ณ บัดนี้มีผู้หญิงที่กูกับไอ้พี่พรตต้องให้ความดูแลอีกสองคน   เห็นทีกูคงต้องไปจัดการจับปลามาเพิ่มอีกสักหลายตัว  จะได้กินกันอิ่ม...งานนี้สนุกชิบหาย...พ่วงกันมาเป็นพรวน..

เฮ้อ!...เอาหวะ..ไหนๆก็ไหนๆ ขอแมนโคตรๆเหมือนที่ไอ้พี่พรตมันอยากแมนกะเค้ามั้งก็ดี   ดูแลสตรี เด็ก  กับคนชรา  แต่งานนี้พวกกูต้องดูแลสตรีกลางป่า...คงมันส์พิลึกพะย่ะค่ะ...



มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-11 12:50:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-9-1 18:24:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
41
พลังน้ำใจ
17871
Zenny
42606
ออนไลน์
3419 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-10-21 01:31:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ขอบคุนครับ

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
25
Zenny
75
ออนไลน์
0 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-9 17:48:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณคับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-13 07:32:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากนะ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-28 15:13:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
652
Zenny
101
ออนไลน์
133 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-2-10 18:13:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
159541
Zenny
289708
ออนไลน์
46421 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-2 23:47:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
25688
Zenny
18756
ออนไลน์
1767 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-5 22:23:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2573
Zenny
583
ออนไลน์
440 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-21 19:07:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
555 ขำยัยศรี นะ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
457
พลังน้ำใจ
79646
Zenny
202822
ออนไลน์
9900 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-4-12 14:20:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-10-5 05:31:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
55572
Zenny
16990
ออนไลน์
7986 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-10-5 07:31:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนมากนะคราบ

นายกสโมสร

กระทู้
637
พลังน้ำใจ
140781
Zenny
645100
ออนไลน์
17291 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2015-10-6 19:44:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นายกสโมสร

กระทู้
637
พลังน้ำใจ
140781
Zenny
645100
ออนไลน์
17291 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2015-10-6 19:44:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-12-7 17:18:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
3577
Zenny
4315
ออนไลน์
654 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-12-19 02:01:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
745
พลังน้ำใจ
53236
Zenny
48733
ออนไลน์
11926 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-5-9 00:41:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เจอพักพวกที่โดนจับมาเหมือนกันด้วย

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-5-10 07:25:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 18:40 , Processed in 0.131599 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้