ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 1110|ตอบกลับ: 22

ตะเกียงพิเศษ ??? 101-102

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

ทั้งที่ก่อนโดนวางยาทั้งชายทั้งหญิงกูคาดเดาตามที่เห็นไม่เกินห้าสิบ  แต่ตอนนี้คิดว่าจะปาเข้าร่วมร้อยแน่นอน...งานนี้เอาละหวะ!...ขอเอาคืนหน่อยเหอะ..ปีศาจกรองกุมภ์...นังมารที่คร่าชีวิตพี่ชายของกูไป...มาเจอกันหน่อยสิมึง...
Part  101
ศึกปะทะพลังมาร....

                     เวรยามกระต๊อบหลังที่สี่ประมาณ 10 คน  พวกกูแบ่งกันไปจัดการเก็บเงียบโดยไม่ให้มีเสียง
เอาแค่สลบหลับยาวก็พอ   กูกับไอ้พี่โต๋รับผิดชอบสี่คน..หกคนที่เหลือ  พ่อสิงห์พ่อเกริก  ไอ้พี่รัน  ไอ้พี่พรต  
รับหน้าที่จัดการทั้งหมด   
                      เมื่อตกลงกันแล้ว..โจมตีเป้าหมายทันที    กูใช้วรเวทย์อัคนีจี้จุดน๊อคของพวกมันอย่างรวดเร็ว
แบบไม่ให้รู้ตัว   ไอ้พี่โต๋มันใช้วิชาเทคควันโด้จับบิดคอให้สลบ  ส่วนคนอื่นๆ  ก็ลงมือตามความเหมาะสม  
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีพวกเราก็จัดการเก็บเงียบพวกมันได้หมด   โดยลากพวกมันไปกองรวมไว้   ตั้งใจว่าจะโอบล้อมกระต็อบแล้วบุกโจมตีไม่ให้คนข้างในได้ตั้งตัว  
                         แต่ทุกอย่างก็ผิดแผน  เมื่อเสียงปืนดังขึ้นเสียก่อน   ค่อยดังตามกันเป็นพลุแตกกระจาย
โดยรอบในทันที   
                       “ปัง!..ปังๆ...”  
แสดงว่าพวกมันรู้ตัวแล้วต่อสู้ขัดขืน   คนของพวกกูคงหาที่กำบังซุ่มจู่โจมแน่นอน   เสียงปืนที่ดังเป็นตับอยู่ขณะนี้   ทำให้พวกกูต้องหาที่กำบังหลบหลังต้นไม้ซึ่งมีอยู่รายรอบกันอย่างเร็ว
                        “เร็ว!...เข้าที่กำบังก่อน  พวกมันรู้ตัวแล้ว”
เสียงตะโกนสั่งการของพ่อสิงห์   ไม่รอช้าเราซักซ้อมกันมาก่อนแล้ว  เผ่นแผล่วหลบกันเป็นคู่ๆ  ย้ำกันไว้แล้วว่าต้องจับคู่บัดดี้  พลาดพลั้งขึ้นมายังมีคนระวังหลังให้  ดังนั้นเหตุการณ์ในตอนนี้  กูกับไอ้พี่โต๋อยู่ด้วยกัน  ห่างไปอีกสองต้นไอ้พี่พรตไอ้พี่รัน   เยี่ยงไปไม่ไกลนักพ่อสิงห์พ่อเกริก.....
                          สถานการณ์โดยรอบ    เสียงปืนที่กระหน่ำยิงกันกระจายของทั้งสองฝ่าย   ในขณะพวกกูไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเพราะเวรยามโดนเก็บก่อนแล้ว  เลยได้แต่ระวังคนในกระต๊อบที่ยังเงียบกริบไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูออกมาดูสถานการณ์  หรือพวกมันซุ่มดูข้างในก็ไม่รู้  อันนี้ยากจะคาดเดา
                          ในที่สุดเสียงปืนค่อยซาลงไปเรื่อยๆ   กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง  ไม่รู้เป็นยังไงกันบ้าง   
แล้วโทรศัพท์พ่อสิงห์ก็ดังขึ้น   เป็นการรายงานสถานการณ์ปัจจุบันจากปากพี่ตระกูล   
                          สรุปพวกพี่เค้าจัดการพวกศัตรูระนาบเป็นหน้ากอง   คนของพวกมันบาดเจ็บล้มตายกว่า
ครึ่งร้อย   ในขณะที่ทหารกล้าของเราพลีชีพไปห้าศพ   บาดเจ็บอีกแปด   ส่วนในทีมพวกเราโดนยิงแค่
ลูกปืนถาก  คนโดนคือไอ้พี่ต้า   กับไอ้พี่หน่อง   นอกนั้นปลอดภัยกันดี   พวกศัตรูที่รอดชีวิตยอม
แพ้แล้ว  ขณะนี้ทหารกำลังเคลียร์พื้นที่  ต้อนคนที่ยอมมอบตัวไปรวมกัน   
                          หลังจากวางสายเสร็จ   พ่อสิงห์บอกให้พวกกูฟัง  ซึ่งได้เข้ามารวมกันแล้ว  มันหน้าแปลกชมัด..ถึงเวลานี้แล้วในกระต๊อบยังเงียบสนิท    ไม่มีแม้แต่แสงตะเกียงรอดออกมาให้เห็น    ตกลงมันมีคนอยู่หรือไม่..ที่สำคัญหากไม่มีใครอยู่แล้วพวกกรองกุมภ์มันไปอยู่หลังไหน   ยังไงกูยังคงคิดว่าพวกมันน่าจะอยู่หลังนี้  ที่ไม่เข้าใจคือนิ่งขนาดนี้มันกำลังอะไรอยู่   พวกกูเองก็ไม่กล้าวู่วามสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป   
                             ไม่ถึงสิบนาที   พวกไอ้พี่เต้  พี่ตระกูล  ตระการ  ก็นำไอ้พี่บอมย์   ไอ้พี่ชัด  และพี่ชนะ  
พร้อมทหารอีกร่วมสิบนายมารวมกับพวกกู   พร้อมกับรายงานความคืบหน้าว่า  พวกที่ยอมมอบตัวถูกจับใส่กุญแจมือรวมกันเป็นกลุ่ม  นับได้ร่วมสี่สิบกว่าคน   บาดเจ็บอีกยี่สิบสองคน   ตายไปยี่สิบสี่คน  ยึดอาวุธสงครามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   
                            ส่วนไอ้พี่ต้ากับไอ้พี่หน่องถูกยิงไม่โดนจุดสำคัญไร  แค่ลูกกระสุนถากหัวไหล่คนหนึ่ง  
กับเฉี่ยวแขนอีกคนหนึ่ง..พวกมันถูกนำกลับฐาน  เพื่อทำแผลและดูแลกันที่นั้น  พร้อมกับพวกบาดเจ็บคนอื่นๆ โดยมีนายทหารนำทีมเคลียร์ ศพและคนเจ็บ   พวกพี่เต้เห็นว่าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว  เลยพากันมาสมทบทีมพวกกูที่นี่
                            จู่ๆ..เสียงก้องกังวานก็ดังไปทั่วทั้งป่ากินบริเวณไม่น้อยกว่ากิโล  เสียงหนาวยะเยือก
จับขั้วหัวใจ..ดังจากกระต๊อบตรงหน้าซึ่งห่างไปไม่ถึงยี่สิบเมตร
                            “ฮิ..ฮิ..ฮิ!...ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ...แน่มาก...พวกแกแน่มาก...เมื่อเข้ามาถึงที่นี้....ความแค้นเก่าแก่  
หนี้แค้นใหม่คงได้สะสางในทีเดียว...อย่าหวังเข้ามาแล้วจะมีใครรอดชีวิตออกไปได้อีก    ไอ้อีทุกตัวมันต้องสังเวยเป็นผีเฝ้าป่าทุกคน...หึหึหึ!...”   เสียงที่ดังสะท้อนก้องกลับไปกลับมา  เหมือนคลื่นเสียงที่เข้ากระแทกโสตประสาทจนก้องในจิตสำนึกแม้จะเอามือปิดหูมันยังผ่านเข้ามาในจิตใจให้ได้ยินชัดเจน   นี่มันเป็นพลังชนิด
ไหนกัน   
                              “พลังมาร..มันกะใช้พลังมารทำลายพวกเรา..ทุกคนระวังตัวไว้ให้ดี...มันไม่สู้แบบเผชิญหน้า”  พ่อสิงห์บอกพวกกูให้รู้ตัว   แต่ละคนทำหน้าตาแตกต่างกันไป   พวกทหารสิบกว่านายที่มาด้วยกันในตอนนี้  หน้าตาเลิ่กลักทั้งอึ้งทั้งงง  อาจเป็นเพราะพวกเค้าไม่เคยเจออะไรที่พิลึกพิลั่นแบบนี้มาก่อน...ไม่นานก็มีเสียงตามมาอีกระลอกต่อเนื่อง
                               “เตรียมตัวตายกันได้แล้ว...ฮ่าๆ.....กรี๊ดzzzz...โอยzzz...ฮือๆ...อ๊ากzzzz....โอ้วๆ....
วิ้งๆ!..zzzzzzz....”เสียงโหยหวน  เจ็บปวด  ตัดพ้อ  ทรมาน ต่างๆมากมายดังสลับกันไปมา  เหมือนเสียงเปรตจากนรกอเวจีหนาวยะเยือกไปทั้งป่าในตอนนี้    เล่นเอาขนหัวลุกเกรียวเย็นเยือกตั้งแต่ไขสันหลัง..หัวใจเต้นรัวกระหน่ำ   ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร...เสียงประหลาดยังคงดังโหยหวนต่อเนื่องไม่หยุด  เริ่มเขย่าขวัญสั่นประสาทพาให้หัวมึนตึ๊บ...สายตาเริ่มพล่าลาง  ก่อนจะรู้สึกเอียงวูบเห็นภาพหลอนขึ้นมาซะงั้น   
                            ตายหานี้มันวิชา-เอี้ย-ไร...ทำไมถึงเป็นแบบนี้.....กูต้องรีบสำรวมสมาธิ..เดินลมปราณไทเก็ก
เข้าต่อต้าน...พ่อสิงห์  พ่อเกริก..ไอ้พี่โต๋  ไอ้พี่เต้  พี่ตระกูล  พี่ตระการ...พวกที่เข้าใจและฝึกฝนศาสตร์พลังลมปราณ ทุกคนรีบสำรวมจิตต่อต้านพลังเสียงของกรองกุมภ์ที่ดังกระจายข่มขวัญอยู่ตอนนี้...โดยไม่ต้องพูดไรกันอีก  ต่างรวบรวมลมปราณผนึกจิตสมาธิไว้ให้มั่น
                        “อร๊าก!...แม่...แม่คร๊าบ..อย่า...อย่าทำแม่กู...อร๊าก!..”  
เสียงนายทหารคนหนึ่งเริ่มคร่ำครวญทุรนทุราย  ก่อนจะยกปืนเล็งกราดเตรียมยิงมั่ว   เห็นดังนั้น...กูรีบพุ่งเข้า
หามันด้วยท่าเท้าเสต็ปเทพลานนาคาดเชือก  ก่อนจะจี้สกัดจุดหลับหลังใบหูมันในทันที
                        “จึ๊ก!..ตุ๊บ!.”  มันทรุดลงไปนอนหลับสนิทตรงพื้น  เกือบไปแล้วสิหวุดหวิดได้รัวปืนกราดกระสุนใส่กันเองแล้วไหมละ   
                       “พ่อ..นี่มันอะไรกัน...ดูพวกทหารและคนอื่นๆสิ”  พ่อเกริกและคนที่ได้ยินรีบสำรวจมองคน
ที่เหลือตามกูเมื่อพูดจบ  ไอ้พี่บอมย์  ไอ้พี่พรต  ไอ้พี่รัน  ไอ้พี่ชัด  พี่ชนะ   ตาแดงก่ำหน้าซีดเผือด    เหงื่อผุด
เต็มหน้า  พวกมันกำลังพยามเอามือปิดหูตัวเองไว้   ตัวสั่นระริกกันไปหมด   
                        พวกทหารที่เหลือเริ่มมีลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายเหมือนเจ็บปวดทรมานกับอะไรสั่งอย่าง...
ในขณะที่คลื่นเสียงก้องกระจายของกรองกุมภ์ยังดังต่อเนื่องไม่หยุด  มีวี๊ดวิ้ว..สูงบ้าง  ต่ำบ้าง  บางที่ก็ดังแหลมโหยหวนชวนขนลุก  บางทีก็สะอื้นไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจ...แต่ทุกครั้งที่ได้ยินมันกระแทกหัวใจจนรู้สึก
ได้เลย   
                        ทหารนายหนึ่งเริ่มมีเลือดปริ่มออกปากออกจมูก...เสียงร้องระงมแซ่งแซ่ดังขึ้นทั่วทั่งป่า   ได้ยินชัดเจนแม้แต่ฐานของพวกกูด้านนอกชายป่า  ก็เริ่มได้ยินเสียงโอดครวญของผู้คนกันระนาว...นี้พลังคลื่นเสียงสยองขวัญของนังปีศาจมันร้ายกาจปานนี้เชียว
                           “ไม่น่าเชื่อ..ไม่ได้การแล้ว..เต้..โต๋..มายืนรวมกับพ่อเดี๋ยวนี้!”  พ่อสิงห์ตะโกนเสียงห้าวเรียก
ไอ้พี่เต้  กับไอ้พี่โต๋  ไปยืนข้างๆ แก  ซึ่งมันสองคนก็ไม่รอช้า   รีบก้าวไปยืนรวมกับพ่อสิงห์  ก่อนที่ทั้งสามคนจะยืนนิ่งๆ  สายตาจับจ้องไปที่กระต๊อบด้านหน้า  ระยะห่างไม่ต่ำกว่ายี่สิบเมตร...
                            ทหารหลายนายเริ่มออกอาการคลุ้มคลั่ง   จะเข้าทำร้ายกันเองบ้าง   จะใช้อาวุธเข้าห่ำหัน
กันบ้าง   พวกไอ้พี่บอมย์เริ่มจะไม่ไหวกันแล้วพวกมันตัวสั่นหน้าซีดเหงื่อกาบเต็มหน้ากัดฟันกันกรอดๆ...
พยายามอดทนอย่างมาก   ที่พวกมันเป็นแบบนี้เพราะพลังคลื่นเสียงปีศาจของนังมารกำลังทำร้ายพวกมันอย่างต่อเนื่อง
                           มันไม่มีลมปราณกัน..จึงไม่สามารถควบคุมจิตสมาธิต่อต้านได้เหมือนพวกกูที่เดินลมปราณ
ใช้จิตสยบได้....และแล้วสามพ่อลูกก็ทำให้ป่าทั้งป่าสนั่นหวั่นไหวใบไม้ใบหญ้าร่วงกันละนาว
                      “โฮก!...กร๊าซzzz...โฮก!..”  
พลังสิงห์โตคำรามที่เปล่งออกมาจากสามพ่อลูก...ไอ้พี่เต้  ไอ้พี่โต๋  พ่อสิงห์...ดังสนั่นลั่นไปทั้งป่า...ดังมาก...
ดังจนหูอื้อวิ้งไปชั่วขณะ   แต่ไม่ยักกับรู้สึกหัวใจสั่นหรือหวิววูบ..ตรงข้ามมันกลับทำให้สมาธิปลอดโปร่ง   
เลือดลมวิ่งพล่านกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีกับพลังสิงห์โตคำรามที่ทั้งสามร่วมกันเปล่งออกมา...
                             ใช่แล้วพวกเขาใช้สิงห์โตคำรามสยบพลังนังมารกรองกุมภ์ที่ทำร้ายทุกคนอยู่ในตอนนี้  
ได้ผล..สติของทุกคนคืนปกติ  บรรยากาศกดดันอึดอัดแทบขาดใจสลายไปในพริบตา...พวกไอ้พี่บอมย์กับทุกคนถอนหายใจโล่งอกกันไปทั่ว  เสียงร้องโอดโอยครวญครางที่ดังมาจากฐานของพวกเราก็พลอยสงบเงียบลงอีกครั้ง  ป่าทั้งป่ากลับมาสงบในพริบตาหลังสิ้นเสียงพลังสิงห์โตคำรามของพ่อลูก..
ตระกูล..."สิงห์ราช"....            
                         พวกเรารีบสำรวจคนเจ็บที่เลือดปริ่มปากปริ่มจมูก  ดีที่ช่วยไว้ทันตอนนี้นอนหอบเหนื่อยดูจากสภาพคงไม่เป็นไรมากแล้วหละ..ก่อนพ่อสิงห์จะพูดขึ้นมาว่า
                        “ไม่อยากเชื่อ...กรองกุมภ์ฝึกพลังมารได้ถึงขั้นนี้   ประมาทไม่ได้เด็ดขาด...มึงว่าไง?..เกริก”  
ก่อนจะหันมาถามพ่อเกริก...
                        “ถ้ากูดูไม่ผิด...มันใช้วิชาจิตสังหาร...ที่สาบสูญไปกว่าร้อยปี..มันสามารถฝึกสำเร็จได้
ไม่ธรรมดาเสียแล้ว...งานนี้พวกเราเจอศึกหนักละสิ...ไม่รู้มันจะงัดไม้เด็ดอะไรออกมาอีก..นี่แค่น้ำจิ้มยังดุเดือดขนาดนี้...เห็นทีงานนี้คงต้องพึ่งโตโต๋กับตะเกียงรับมือแล้วละเพื่อน...ตึงมือเหลือเกิน..ดูแล้วเกินกำลังสิงห์เฒ่าแล้วว่ะ”  พ่อเกริกพูดพร้อมคิ้วขมวดมุ่น  เหลียวดูหน้าพ่อสิงห์ก็ไม่ต่างกัน..แถมมีพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดพ่อเกริกอีก  กูอดไม่ไหวถามไปว่า
                             “พลังจิตสังหาร  มันคืออะไรพ่อ?”  พ่อเกริกจ้องหน้ากู  ก่อนจะหันดูหน้าแต่ละคน
ที่เรียงตัวยืนล้อมวงเข้ามาฟังอย่างสนใจ  ปล่อยให้พวกพี่ทหารสิบกว่านายปฐมพยาบาลกันไป  เว้นช่วงพักยกตอนนี้ป่าเงียบยังกะป่าช้า   ก่อนเล่าให้พวกกูฟังว่า
                               “วิชานี้เป็นวิชามารที่ใช้ควบคุมจิตใต้สำนึกส่วนลึกของคน   ดึงเอาความหวาดกลัวของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน   ออกมาหลอนให้จิตประหวัดคิดพรั่นพรึงไปตามจิตสำนึกนั่นๆ   ทำให้คนที่ถูกครอบงำหลอนจนควบคุมตัวเองไม่ได้  อาจทำร้ายตนเอง  คนรอบข้าง  หรือบางคนจิตอ่อนทำให้ธาตุไฟแตกเลือดออกทวารทั้งเก้าจนตายในที่สุด...วิชานี้โหด-เอี้ย-มอำมหิต..เพราะผู้ที่ฝึกต้องทรมานเหยื่อที่จับมาฝึกวิชาให้แสดงความหวาดกลัวอย่างทรมานจนตาย...เพื่อดึงจิตที่หวาดกลัวออกมาให้หมด...สำหรับให้คนฝึกเอาไปผูกพลังมารที่มันนำมาใช้เหมือนตะกี้นี้ไง...กรองกุมภ์ใช้พลังนี้ได้สมบูรณ์ขั้นสูง...ถึงสามารถควบคุมคนที่ได้ฟังเสียงอย่างรวดเร็ว  แม้จะไกลถึงฐานของเรา..แต่พลังของมันยังส่งไปควบคุมได้..นังมารนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว...พ่อยอมรับเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพ่อและพ่อสิงห์มาก...เห็นทีคงต้องอาศัยสิงห์โตคำรามขั้นสูงกับวรเวทย์อัคนีของตะเกียงรวมกันปราบนังมารนี้เท่านั้น...นอกนั้นเราไม่มีหนทางต่อกรกับมันได้เลย...”  ถึงขนาดพ่อกูพูดออกมาตรงๆ แบบนี้  แสดงว่าหนักหนาสาหัสเอาการ...
                        “แต่พ่อสิงห์..พี่เต้..กับพี่โต๋  ก็รวมพลังสิงห์โตคำรามสยบนังปีศาจได้ไม่ใช่หรือครับ”  กูยัง
ข้องใจ  ก่อนพ่อสิงห์จะเป็นคนตอบมาเองว่า
                         “แล้วตะเกียงเห็นไหม?..พวกพ่อต้องรวมกันถึงสามคน...ลำพังโต๋คนเดียว  คงคุมพลังได้ไม่เกิน
ห้าร้อยเมตร  แต่พลังปีศาจมันกินพื้นที่ไปถึงฐานเราไม่ต่ำกว่ากิโล    พ่อจึงต้องรวมพลังกันถึงสามคน
กระแทกพลังสิงห์โตคำรามสลายจิตมารลงได้...เห็นความแตกต่างหรือยัง...”  กูพยักหน้าเข้าใจ  ก่อนที่ไอ้พี่พรตมันจะเสนอไอเดียมาว่า
                       “ทำไมพวกเราไม่ปาระเบิดใส่กระต๊อบมันไปเลยหละครับ   ไม่เห็นต้องสนเลยเรื่องแค่นี้เอง..
ผมว่านังปีศาจมันก็คน..คงไม่หนังเหนียวต้านระเบิดได้หรอกจริงป่ะ!...ถ้าหากระเบิดยังฆ่ามันไม่ได้....ผมว่าพวกเราเตรียมตัวเผ่นไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า..เพราะมันคงไม่ใช่คนจริงๆ แล้วหละ”  ขึ้นต้นความคิดน่าสนใจ  กูยังเผลอพยักหน้าตามไอเดียที่มันเสนอ..แต่ตอนท้ายอยากถีบมันจริงๆ   มีตลกคาเฟ่เสริมซะงั้น...
ไอ้พี่เหยี่ยวรั่ว...มั่วได้ทุกสถานการณ์เลยมัน...ไอ้พี่รันอมยิ้มกลั้นขำแฟนมันสุดๆ..ในขณะที่คนอื่นๆ จะขำก็ขำไม่ออก  จะเศร้าก็ใช่ที่  กลายเป็นหน้าขี้ไม่ออกกันสักคน..กรรม
                         “หึ..หึ...ไม่ง่ายอย่างที่คิดนะสิ...ตอนนี้ศัตรูอยู่ในกระต๊อบหรือเปล่ายังไม่รู้แน่ชัด...แต่ถึงจะอยู่
เราปาระเบิดเข้าไปถล่ม...หากมันใช้พลังปิดทวารและผลักระเบิดกลับด้วยพลังเปิดทวาร  พวกเรานั่นแหละจะตายหมู่เพราะระเบิดเราเอง...บอกได้อย่างเดียวงานนี้ใช้อาวุธสงครามไม่ได้...ศาสตร์มารพลังเร้นลับแบบนี้ยากนักที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ละเอียด....ตอนนี้เราต้องระวังตัวให้ดี..ไม่รู้มันจะโจมตีด้วยวิธีไหนอีก...พ่อสิงห์พูดยังไม่ทันไร...เสียงเป่าไม้ไผ่แหลมยาวสลับสั้นก็ดังเสียดหูขึ้นมาต่อเนื่อง
                         “วี๊ดzzzzzz!....วี๊ด!...วี๊ดๆ!”
ดังสลับเป็นระยะ..ก่อนที่พวกกูจะเริ่มเห็นความผิดปกติ  เมื่อได้ยินเสียงสวบสาบๆ...ตามพื้น   เราจึงใช้ไฟฉายส่องไปดูกันแล้วต้องตกใจสุดขีด  เพราะขณะนี้กองทัพสัตว์พิษมากมายกำลังยั่วเยี๊ยะตีวงล้อมขนาบกันเขามามืดฟ้ามัวดินบริเวณที่พวกกูรวมกันอยู่  พวกทหารรีบสาดกระสุนรัวปืนเอ็ม 16 ระดมยิงจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว  
มีทั้งตะขาบ  แมงป่อง  งูเห่า  งูจงอาง..งูสามเหลี่ยม..ฯลฯ..สารพัดสัตว์พิษร้ายแรง  แบบโดนทีเดียวยมบาล
รอเปิดประตูรับว่างั้นก็ได้
                             “เห็นยัง..นังปีศาจมันฝึกวิชามารสำเร็จจริงๆ  สามารถบังคับสัตว์พิษได้ขนาดนี้   ฝีมือ
น่ากลัวมาก...ต่อให้เรายิงกระสุนจนหมดก็ไม่สามารถฆ่าสัตว์พวกนี้ได้หมดหรอก....ไม่ได้การแล้วขืนปล่อยไว้แบบนี้คนของพวกเราต้องล้มตายกันไม่มากก็น้อย..โตโต๋ถึงเวลาแสดงฝีมือแล้วไอ้ลูกชาย..อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง” พ่อสิงห์พูดจบ  ไอ้พี่โต๋มันก็พยักหน้ารับทราบ  ตาคมดุแน่วนิ่งยิ่งกว่าครั้งไหน..พาเอาคนมองแต่ละคนหนาววูบทันที...นี่ใช่ไหมจิตสังหารพิฆาตมารในตัวมัน...กำลังจะสำแดงวิชาปราบมารแล้วสินะ...สิงห์เทพของกู
“เดี๋ยว!...พี่โต๋..พี่จะทำอะไร?”  กูถามมันให้แน่ใจ
                           “พี่กำลังจะใช้พลัง ‘สิงห์พิโรธ’  ทำลายสัตว์พิษพวกนี้ให้ราบคาบ"   มันตอบกูมา  ทุกคนคงงงว่ากูถามมันทำไม  ในเมื่อน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว
                           “แล้วพี่ต้องใช้พลังกี่ครั้งมันถึงจะตายหมด...ในเมื่อสิงห์พิโรธพี่ทำลายเป็นครึ่งวงกลม  
ถามจริงเถอะ..หากพี่ทำเช่นนี้มันไม่ทำลายป่าไม้ใบหญ้าให้ราบเป็นหน้ากองไปด้วยรึไง..ในเมื่อสิงห์พิโรธกระแทกพลังคลื่นเสียงกับวัตถุแตกระเบิดแบบนั้น..”  พอกูพูดขึ้นมา  ทุกคนเริ่มแสดงสีหน้าเห็นด้วยกับข้อคิดกู
                          “แต่มันก็มีแต่พลังสิงห์พิโรธเท่านั้น  ที่ทำลายเป็นพื้นที่กว้าง  ตะเกียงก็เห็นแล้วนี่ว่าสัตว์พวกนี้
มันมาเยอะขนาดไหน...สิงห์ธนูทำลายได้ที่ละตัวเท่านั้น..แม้จะร้ายกาจที่สุดด้านพลังทำลาย  แต่พี่คงหมดแรงก่อนจะทำลายพวกมันได้หมด...ไม่มีทางเลือกแล้วคงต้องใช้วิธีนี้  มันแต่นึกถึงสภาพแวดล้อมพวกเราได้ตายกันพอดี...เห็นไหมพวกทหารกระสุนกำลังจะหมด...ยิงต้านได้อีกเท่าไหรกัน....พวกมันแห่มาเป็นกองทัพ”  
มันอธิบายให้ฟัง  ซึ่งแต่ละคนก็กลับไปพยักหน้าเห็นด้วยกับมันทันที....กูรู้ว่ามันต้องใช้สิงห์พิโรธเท่านั้น  แต่กูกำลังจะทำให้สิงห์พิโรธมันทำลายอย่างมีระเบียบ..เพื่อไม่ให้เสียเวลานาน  กูเลยบอกไปว่า
                        “พี่สามารถกักพลังสิงห์พิโรธให้เป็นกลุ่มก่อนแตกกระจาย  ไว้ในวัตถุใดวัตถุหนึ่งหรือไม่?..”  
รีบถามมันไปให้แน่ใจ
                        “ก็ทำได้...ไม่ใช่เรื่องยากไรนี่..คล้ายกับที่ไอ้เทคมันบังคับดึงเอาหนอนออกจากท้องตะเกียงยังไง
ถามทำไมมีอะไรหรือ?”  มันตอบพร้อมกับถามกูคืน
                       “งั้นดีเลย...พี่เอาพลังสิงห์พิโรธ...ส่งมากักในท้องตะเกียงได้เปล่า...เอาแบบเต็มแม็ก
100%  ทีเดียวเลยนะ..ที่เหลือตะเกียงจัดการเอง”  กูบอกมันไปแบบไม่เสียเวลาคิด
                       “เห้ย!..ไม่ได้อันตรายมาก  สิงห์พิโรธต่อให้พี่บังคับพลังเป็นก้อน..สุดท้ายไม่เกินสามนาที
มันก็จะระเบิดในทันที   สลายพลังไม่ได้ด้วยนะ..ระเบิดลูกย่อมๆ เลยจะบอกให้   หากฝากไว้ในท้องตะเกียง
แล้วไม่ปล่อยออกมา  ตะเกียงจะเละเป็นจุลไปเลยเข้าใจไหม?  ไม่เอา..พี่ไม่ทำแน่”  มันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
อย่างเร็ว  กูยังไม่ทันอธิบาย  พ่อเกริกพูดแทรกขึ้นมาก่อน
                        “ทำตามที่น้องบอกเถอะโต๋...ไม่ต้องห่วงรับร้องตะเกียงไม่เป็นอะไรหรอก...พ่อเข้าใจว่าตะเกียงจะทำอะไร...เชื่อมือน้อง..ประหยัดเวลา..ประหยัดพลังด้วย...ม้วนเดียวจบ..ทุกอย่างไม่ต้องราบเป็นหน้ากอง
อีกตะหาก”  พอพ่อกูพูดขึ้นมามันก็มองนิ่งๆ  ก่อนจะหันมาจ้องตากูเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง  กูยิ้มให้มันพร้อมกับพยักหน้าว่าไม่ต้องห่วง  ..ทุกคนยืนลุ้นกันกระจาย  ในขณะที่พวกทหารยังยิงรักษาพื้นที่โดยรอบไม่ให้พวกสัตว์พิษเข้ามาเกินระยะสิบเมตร   ซึ่งก็ย่ำแย่ลงทุกขณะเพราะสัตว์พวกนี้มากันมากมายไม่หมดไม่สิ้น...
                         ไอ้พี่โต๋มันสูดหายใจลึกๆ...ก่อนจะเบ่งกล้ามหน้าอกจนพอง  แล้วจับหน้ากูแหงนขึ้นก่อนประกบปากลงมาอย่างนุ่มนวล   กูสัมผัสได้ถึงขุมพลังมหาศาลที่กำลังถ่ายออกจากปากมันไหลลงคอกูไปอัดแน่นอยู่ในท้อง...เป็นก้อนพลังที่หน้ากลัวจริงๆ  ก่อนมันจะผละริมฝีปากออกไป  
                         หลายคนหน้าแดงหูแดงที่เห็นมันประกบปากกูต่อหน้าต่อตา..แต่คงไม่คิดไรมาก..ถึงคิดมาก
ก็ช่างหัวมันเถอะ...เหตุการณ์ตรงหน้าสำคัญกว่า  การถ่ายพลังไม่ถ่ายทางปากจะให้ถ่ายทางตูดกันหรือไงหว่ะ!...
                          กูเดินลมปราณวรเวทย์อัคนีเข้าคลุมพลังสิงห์พิโรธมันทันที  ก่อนจะดันลมปราณไทเก็ก
ขับพลังออกมาช้าๆ    เมื่อพร้อมแล้ว..ค่อยส่งสายตาเป็นสัญญาณให้พ่อเกริกรับรู้  ท่านก็พยักหน้า..กูแหงนหน้าขึ้นฟ้าก่อนจะอ้าปากปล่อยกลุ่มพลังสิงห์พิโรธที่คลุมด้วยวรเวทย์อัคนี   ขับออกด้วยปราณไทเก็กขึ้นไปเป็นกลุ่ม
                          “ย๊ากๆ!..”  
พลังพุ่งทะยานขึ้นฟ้า..แล้วขยายตัวกระจายครอบคลุมบริเวณกว้างลุกคืบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  จนท้องฟ้าแดงฉาน
ไปหมด  ทุกคนยืนตะลึงอ้าปากค้างกับการเปลี่ยนสีของท้องฟ้าที่เห็นในตอนนี้...และแล้วพลังสิงห์พิโรธที่กูบังคับด้วยวรเวทย์อัคนีและปราณไทเก็กหยินหยาง  ก็เริ่มสำแดงเดชมัตติจูดดูดเอาสัตว์พิษกิ่งไม้ใบหญ้าที่อยู่ในอาณาบริเวณขึ้นไปในกลุ่มพลัง   อย่างรวดเร็วในพริบตา
                         เป็นการดูดวัตถุที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตน้ำหนักมวลสารโดยรวมไม่เกินสามสิบกิโลในระแวกจะถูกดึงขึ้นไปในขุมพลังทันที   ส่วนของที่มีน้ำหนักเกินแค่สัมผัสได้ถึงพลังดึงดูดสั่นไหวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถูกดึงขึ้นไปด้วย   คิดดูคงไม่มีงูตัวไหนจะไม่ถูกดึงขึ้นไป  เพราะงูพิษที่มาใหญ่สุดน้ำหนักไม่เกินยี่สิบ
กิโลหรอก  ไม่ใช่งูเหลือมนิ  พวกมันเป็นแค่สัตว์พิษ งูพิษเท่านั้น
                       นอกจากจะเก็บกวาดพื้นดินให้สะอาดหมดจดแล้ว  ยังไม่ทำลายป่าไม้สิ่งแวดล้อมอีก...ก่อนที่พลังสิงห์พิโรธจะสลายหายไปจนหมดไม่เหลือ  ไม่เห็นแม่แต่ซากศพสัตว์พิษต่างๆ เหล่านั้น  มันจะเห็นได้ไง เพราะมันระเบิดถูกเผาเป็นจุลในขุมพลังจนป่นไม่เห็นธุลีไปแล้ว....
                      “สุดยอดเลยโต๋..ตะเกียง...พวกมึงแม่งเหนือมนุษย์จริงๆ หวะ..ไม่เห็นกับตากูคงไม่เชื่อเด็ดขาด  
จะมีพลังพวกนี้อยู่จริงๆ  นึกว่ามีแต่จินตนาการในหนัง..”  ไอ้พี่ชัด  มันพูดออกมาสายตาทึ้งอึ้งอย่างที่พูดจริงๆ  
                      เสียงวี๊ดไม้ไผ่เงียบไปแล้วตั้งแต่ตอนที่กูปล่อยพลังขึ้นท้องฟ้า...เมื่อท้องฟ้ากลับคืนปกติ   เสียงพูดสะท้อนก้องก็ลอยดังมาให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว
                      “หึหึหึ!..ไม่ธรรมดา...พวกแกแน่มาก..ที่สามารถกันได้ถึงขั้นนี้   อย่างนี้ค่อยสนุกหน่อย   กูจะได้ไม่ต้องออมมืออีก...วันนี้..เห็นทีคงได้ทดสอบพลังปิด..เปิดทวารขั้นสูงของกูเสียที...หึหึหึ..”   เสียงกรองกุมภ์
ดังออกมาทั่วทั้งบริเวณ  พ่อสิงห์รีบชิงส่งพลังเสียงสิงห์โตคำรามตอบไปว่า
                      “กรองกุมภ์...ฉันว่าเธอควรออกมาดวลกันไปเลย   คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บล้มตาย..
หากเธอมั่นใจว่าจะชนะลูกชายฉันได้...เธอน่าจะออกมาสู้กันให้สมศักดิ์ศรี...ไหนๆ ก็ตกมาถึงรุ่นลูก  ความแค้นตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าให้มันจบสิ้นกันไปวันนี้   ฉันรับปากจะไม่ใช้อาวุธลอบทำร้ายเด็ดขาด...คำไหน
คำนั้น”  เสียงพ่อสิงห์ห้าวหาญทรงอำนาจมาก..เมื่อผนวกพลังสิงห์โตคำรามไปในน้ำเสียงด้วยแล้ว  ยิ่งดังกังวานไปทั่วบริเวณไม่แพ้เสียงนังมารกรองกุมภ์
                         “หึหึ!..ต่อให้พวกแกใช้อาวุธกระจอกเหล่านั้น  นึกหรือว่าฉันสน...แต่เอาเถอะ...ในเมื่อแกต้องการแบบนั้นฉันจะสนองให้...”  พูดจบไม่ทันไรประตูกระต๊อบก็เปิดออก..พร้อมกับกรองกุมภ์นำขบวนออกมา  เธอมาในกางเกงรัดรูปสีดำขายาวเสื้อรัดรูปสีดำแขนยาว  ผมยาวสยายดวงตาคล้ำนัยน์ตาแดงก่ำปาน
สีเลือด  หน้าขาวซีดยังกะผีจูออน   ปากแดงแปร๊ด..เห็นได้ชัดเจนมากแม้อาศัยแสงจากไฟตะเกียงที่บริวาร
ของเธอถืออยู่   
                          ข้างๆมีศรีริต้าหรือจะเรียกให้ถูกกรองเกยยืนขนาบใกล้กัน..จิกตามองพวกกูอย่างเอาเรื่อง  อีกฝั่งหัวหน้าหมู่บ้าน  ลูกชาย  และใครอีกสี่คน  พวกเราสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากันในระยะห่างยี่สิบกว่าเมตร...ต่างคนต่างจ้องกันนิ่งๆ ไม่มีใครเอ่ยปากก่อน..ถึงเวลาแล้วสินะ..ที่กูจะแก้แค้นให้คนที่ตายในครั้งนี้...ทุกชีวิตที่ดับสูญจะไม่สิ้นเปล่า..โดยเฉพาะพี่ชายกู..พี่เทค......คอยดูตะเกียงจัดการนังปีศาจนี่นะพี่...                     
Part  102
จุดจบกรองกุมภ์....

                             ปีศาจกรองกุมภ์จ้องพวกกูกะให้ไหม้เป็นจุล   ตาแดงก่ำปานเพลิงเผาของมัน    ไม่อยากเชื่อน้องกิ่งเด็กสาวใสซื่อจะเปลี่ยนได้ขนาดนี้   เอ่อไม่สิ...กูคิดผิด..คงต้องบอกว่ายัยปีศาจกรองกุมภ์ปลอมตัว
เป็นน้องกิ่งได้เนียนแบบไม่มีที่ติ...ตบตาทุกคนได้น่าเชื่อตะหากถึงจะถูก
                            “ความจริงแล้ว...พวกแกยอมมอบตะเกียงมาแต่แรกก็คงไม่ลุกลามใหญ่โต..นี่ลนหาที่กันเอง
ต่อต้านกูดีนัก..อย่าหวังจะมีใครรอดกลับไปเด็ดขาด....ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่าๆ”  เสียงหัวเราะแหลมสูงบาดหูของนังปีศาจพาคนจิตอ่อนขวัญหนีได้ง่ายๆ...นังปีศาจนี่มันเก่งข่มขวัญคู่ต่อสู้ชะมัด....
                            “พอเถอะ....พูดไปคงไม่มีประโยชน์เราต่างความคิด  มีจุดยืนคนละขั้ว..ถึงตอนนี้พวกเรา
ก็ไม่ห่วงชีวิตกันแล้ว...ถ้าเธอมีความสามารถขนาดนั้น   เราคงต้องยอมรับชะตากรรม...เพียงแต่มันไม่โหด-เอี้ย-ม
ไปหน่อยเหรอกรองกุมภ์..ในเมื่อบุญคุณความแค้นเฉพาะบุคคล  ทำไมต้องดึงคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องให้มาบาดเจ็บ
ล้มตายไปด้วย....อย่างน้อยเธอไม่ควรทำบาปให้ตกนรกหมกไหม้เช่นนี้..”  พ่อเกริกยังพูดจาเตือนสติให้ยัยปีศาจได้คิดเสมือนผู้ใหญ่ชี้ทางให้คนหลงผิดกลับตัวกลับใจ
                    “เก็บคำแนะนำไว้สอนลูกหลานแกเองเถอะไอ้แก่...บัญชีความแค้นของพ่อกูยังไม่ได้ทวงคืนเลย...
แม้แต่เงาหัวยังรักษาไว้ไม่ได้เสนอหน้าปกป้องคนอื่นอีก...มึงกลัวพวกมันมาตายห่า...ทำไมถึงพาพวกมันมา
ยุ่งด้วย...เพราะฉะนั้นตัวมึงตะหากที่พาพวกมันมาตาย...จะโทษกูไม่ได้...ใครก็ตามเมื่อรู้ตัวตนของขบวนการ
กูแล้ว  อย่าหวังจะได้กลับออกไปเป็นอันขาด...ถือซะว่าพวกมึงชะตาขาดก็แล้วกัน”  นังปีศาจยังคงมั่นใจว่าจะจัดการพวกกูได้เหมือนขยี้มด....มันคิดว่าพวกกูเป็นตัวอะไรถึงบีบก็ตายคลายก็รอด  ที่สำคัญมันลบหลู่พ่อเกริกมากแล้ว   เห็นที่ต้องกำราบความผยองของมันไว้มั้ง  ก่อนจะเหลิงจนได้ใจ
                      “เลิกโม้ได้ยัง...ใครจะอยู่จะตายยังไม่รู้ผล...เก่งแค่ไหนหวะถึงได้คุยโวซะเว่อร์...ทำยังกะกู
ไม่มีมือมีตีนงั้นแหละ...เอาดิ..เก่ง-เอี้ย-ไรก็แสดงออกมาให้หมด...ดูดิกูหรือมึงใครจะตาย”  กูแหกปากตะโกนเบรคแม่งไปหละ...ทั้งพวกมันพวกกูพากันมองตาค้าง   คงไม่คิดว่ากูจะแรงขนาดนั้นมั้ง...ยิ่งพ่อเกริกพ่อสิงห์กับเพื่อนกูด้วยแล้ว   ยังกะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่กูมีท่าทางแบบนี้  หึ...ทำไมต้องมารยาทดีกับปีศาจเลือดเย็นที่คอยจ้องเอาชีวิตด้วยเล่า
                  “ปากเก่งนักนะไอ้ตะเกียง....ตัวแค่นี้จะแค่ไหนเชียวมึง....ดี...กูจะดูว่า..ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะรอดเงื้อมมือกูยังไง...”  พูดจบมันก้าวออกมายืนหน้าลูกสมุน   ก่อนจะวาดมือช้าๆ  สายตาจ้องพวกกูเขม็ง   คงกำลังรวมลมปราณวิชามารจัดการกับพวกกูแน่นอน
                  “ทุกคนหลบไป..พ่อสิงห์พ่อเกริก....พาทุกคนหลบออกไป...อย่าอยู่ในรัศมีพลังมารของมัน...ตะเกียงรับมือเอง”  กูบอกทุกคนให้ถอยหลบไปด้านหลังให้หมด...อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะร้ายกาจแค่ไหน...
                 “ไม่ได้...ยังไม่รู้พลังมารมันแน่ชัด...จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด...พี่จะอยู่กับตะเกียง...
ที่เหลือทำตามที่บอกเถอะครับ”  ไอ้พี่โต๋มันก้าวมายืนข้างกู...รู้สึกอุ่นใจดีจัง...ต่อให้สิบกรองกุมภ์กูคงไม่หวั่น...
ตราบใดที่ข้างกายกูมีสิงห์โต๋เคียงข้างอย่างนี้...มาเลยอินังปีศาจกูพร้อมแล้ว...
                  พ่อสิงห์พาทุกคนถอยห่างไปร่วมสิบเมตร...โดยมีพี่เต้  พี่ตระกูล  พี่ตระการ  รวมทั้งพ่อเกริก  
ออกมายืนกั้นเป็นแนวกำแพง  เพื่อคอยสกัดพลังมารหากเล็ดรอดไปบริเวณนั้น   คนที่เหลือคงไม่สามารถคุ้มครองตัวเองได้  เพราะพวกเค้าไม่เคยฝึกลมปราณมาก่อน...
                  “ระวังตัวอย่าประมาทเป็นอันขาด...โตโต๋คุ้มครองน้องให้ดี”  พ่อสิงห์ไม่ลืมกำชับพวกกูอีกครั้ง
                    และแล้วกรองกุมภ์ก็เปล่งเสียงหวีดแหลมสูง....เสียงแหลมมากมาพร้อมคลื่นพลังมหาศาลพุ่งเข้าใส่
พวกกูทันที...เล่นเอาแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ
                   “วี๊ดzzzzzzzz”   
ไอ้พี่โต๋รีบปล่อยพลังสิงห์โตคำรามเข้าสกัดก่อนที่พลังมารจะทำร้ายทุกคน    ถ้าคิดไม่ผิดคงเป็นพลังเปิดทวาร
อัดกระแทกทวารทั้งเก้าให้แตกกระจายเลือดทะลักออกจนตายในที่สุด   เป็นพลังโหด-เอี้ย-มอัมหิตนัก
                  “โฮกzzz....กราซzzzz!”  
พลังทั้งสองชนิดพุ่งเข้าปะทะกันกลางอากาศอย่างแรง..คลื่นพลังแตกกระจายออกโดยรอบเล่นเอาใบไม้ฝุ่นดิน
ปลิวฟุ้งตลบอบอวล...ไอ้พี่โต๋เซถลาถอยหลังไปสองสามก้าว...ผลจากพลังสะท้อนกลับทำเอาตัวมันถลาไปเลย..
กูรีบประคองมันเอาไว้ทันที  มุมปากมันมีเลือดซึม...แต่มันยังคงเก็กหน้านิ่ง...เห็นแล้วน่าเป็นห่วงไม่น้อย  
มันค่อยกระซิบบอกกูสองคนว่า
                  “พลังมารมันแข็งมาก...สิงห์พิโรธพี่ต้านเกือบไม่อยู่...ระวังตัวด้วย”  กูพยักหน้าให้มันรู้....นังปีศาจหน้านิ่งดวงตาวาวโรจน์   ก่อนแสยะยิ้มออกมาพูดว่า
                  “ไม่น่าเชื่อ..สามารถต้านพลังเปิดทวารได้...สิงห์โตคำรามไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ....แต่แกก็คงบอบช้ำไม่น้อยจะฝืนใช้ได้อีกสักกี่ครั้งกัน...ทางที่ดียอมสวามิภักดิ์ไม่ดีกว่าหรือโตโต๋   ความสามารถบวกกับพลังฝีมือแบบนี้ฉันให้สัญญาจะดูแลอย่างดี...ยังไม่สายหากคิดเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน”   นังปีศาจสารเลว   คิดจะเอาแฟนกูไปเป็นพวกอย่าหวังว่าไอ้ตะเกียงจะยอม...
                    “ยายรอชาติหน้าก่อนไหม?...คิดไรเนี่ยะ..ถามหรือยังว่ากูจะยอมให้มึงเอาพี่โต๋ไป..
ต่อให้มันเต็มใจก็เหอะ...ข้ามศพกูให้ได้ก่อนเถอะ...แก่แล้วไม่เจียมสังขาร...ที่พี่กานมันหลวมตัวเพราะไม่รู้ว่าตัวจริงยายจะทุเรศได้ปานนี้หรอกนะจะบอกให้...เห็นแต่ร่างอวตารมาตลอด  ลองมันมาเห็นตอนนี้ดิ...รับรองคงถ่มน้ำลายรดหน้ายายแน่ๆ...ครึ่งผีครึ่งคนคงมีคนฟัดลงหรอกยาย....”  กูพูดดูถูกมันซะแสบ....หน้ามันโกรธจัดจ้องกูยังกะจะกินตับซะงั้น   นึกหรือกูกลัว   แต่ไอ้พี่โต๋อมยิ้มมุมปากดีใจซะงั้น  แถมแอบส่งตาวิ้งๆ ใส่กูอีก...ไอ้บร้า...ยังมีอารมณ์แบบนี้อีก..ชิส..แต่กูก็เขินอ่า..หวาย...หวาย..ที่พูดเพราะกูหวงเหมือนกันนิ...อร๊าย....อายชิบหาย
                   “ไอ้เด็กเปรต...ปากดีนะมึง...กูเกลียดจนเข้าไส้  ไม่ติดใช้ประโยชน์จากเลือดมึงแล้วละก็   
คงไม่ได้มายืนอวดดีหรอก...หัวจะหลุดแล้วยังไม่สำนึกอีก....มึงได้ตายสมใจแน่ไอ้ตะเกียง...ไอ้เด็กเปรต”   
มันด่าลั่น   กูยั่วโมโหมันซะหน้าเขียว  ผีจูออนหน้าขาวกลับเขียวได้  ดูตลกพิลึก...
                  “กลัวตายห่าแล้ว...หัวใครขาดเดี๋ยวรู้กัน...อย่านึกว่าตายแล้วจะรอดนะ...พี่ชายกูรอซ้ำแล้วด้วย..
งานนี้ยายอ่วมอรทัยแน่นอน...ทางที่ดีนึกถึงพ่อเจ้าแม่เจ้าสวดมนต์ไว้ก็ดี...เป็นหรือเปล่าหรือสวดแล้วร้อน  
จริงสินะ...ผีที่ไหนจะสวดมนต์ลืมไปแหละ...ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่าๆ”  พอกูพูดจบ..พวกแม่งพากันหัวเราะตามซะงั้น  
อดขำกับท่าทางกร่างนักเลงโตที่กูยียวนกวนส้นยัยปีศาจมันอะดิ....ส่วนยัยนั่นนะหรือ...กำมือจิกเล็บจนเลือดซึมเลย  มันไม่ยักเจ็บแห่ะ...จ้องกูจนตาถลนไฟลุกแล้วมั้งนั่น
                     “ตายซะไอ้เด็กเปรต”  
พูดจบมันกระโจนเข้าหากูทันที..กางนิ้วเล็บดำปีทั้งสิบนิ้ว  หวังขยุ้มคอกูหลอดลมขาดทีเดียวอะดิ...กูไม่ใช่หมู
ที่จะขึ้นเขียงรอให้เชือด...เข้าแผนแหละ...รอให้มันเข้าประชิดจะได้รู้จักกูเสียบ้าง...ว่าแล้วก็ผลักไอ้พี่โต๋
หลบออกไป..ก่อนทะยานเข้าซัดกับยัยปีศาจตัวต่อตัว  เดินเสต็ปเท้าลานนาคาดเชือก   ใช้วิชาไทเก็กหยินหยางเข้าจัดการ   เพื่อหาช่องโหว่อัดพลังวรเวทย์อัคนีสยบแม่งเลย..
                   “ผลั๊ว!..ตุ๊บ!..ปลั๊ก!..ผลั๊วๆ..ตุ๊บ!”  
กูเข้าตลุมบอนอุตลุด    ฝีมือนังปีศาจโคตรเชี่ยวเลยแม่ง...ทั้งรับทั้งรุกต้านกูได้ไม่มีช่องโหว่  กูเองก็ซัดมันนัว..มายังไงก็กันได้ไม่แพ้มันหรอก  ทั้งเท้าทั้งมือมาแบบไหนกูปัดป้องได้ไม่พลาด   
                 มันคงแปลกใจที่กูสู้ได้สูสี...เราสองคนซัดกันปานฟ้าแล่บท่ามกลางสายตาที่เฝ้าชมการต่อสู้อย่างลุ้นระทึก..รู้โดยสัญชาตญาณมันต้องการข่วนเล็บสะกิดกูให้ได้เลือด   เล็บมันต้องมีพิษร้ายแน่นอน   แต่อย่าหวังจะกินกูได้ง่ายๆ..การต่อสู้ของกูกับมันตรึงสายตาทุกคนลุ้นตามยังกะหลุดเข้ามาในสตรีทไฟล์ทเตอร์..     
                     และแล้วนังปีศาจก็พลาดเข้าจนได้..เมื่อมันยกเท้าขึ้นหวังถีบกูกระเด็นหลังจากพยายามข่วนกู
ด้วยเล็บอยู่นานแต่ไม่เป็นผล...เพราะกูป้องปัดได้อย่างรัดกุมแถมโต้ตอบกลับจนมันหลบเป็นระวิ้ง...เมื่อเห็นมันถีบกูยกเท้าเหยียดใส่แรงเต็มๆ  กูก็ไม่หลบทั้งไม่คิดถอยอีกตะหาก   กำหมัดแน่นกระแทกสวนเข้าอัดฝ่าเท้ามันเต็มๆ ปล่อยพลังวรเวทย์อัคนีส่งไปพร้อมหมัดนี้เต็มแม็ก...ดูสิมึงจะยืนไหวไหม?..
                   “ปึ๊ก!...กรี๊ด!...”  
มันกระเด็นตามที่คิด   ส่วนกูเซถอยหลังผลของแรงกระแทกสองสามก้าว...แต่ยังตั้งหลักได้ไม่เท่าไหร..
ยัยกรองเกยเข้ามารับร่างพี่สาวของมันไว้ได้ทันก่อนจะล้มไปคลุกฝุ่นไม่เป็นท่า   มันยืนด้วยขาเพียงข้างเดียว  
ตัวสั่นระริก   วรเวทย์อัคนีที่อัดไปนี้   น่าจะทำลายเส้นประสาทมันให้ขาดสะบั้นลงด้วยซ้ำ...แต่เหมือนมันจะใช้พลังปิดทวารคุ้มครองกาย  ทำให้แค่พิการตรงขาขวาเท่านั้น   
                  “ไอ้เด็กเวร...ไม่คิดจะร้ายกาจ...เล่นงานกูได้อย่านึกว่าชนะ...กรองเกยให้คนเอาเก้าอี้มาให้พี่นั่ง”  
สิ้นคำสั่ง..สมุนมันยกเก้าอี้แบบมีพนักพิงมาให้นั่งซะยังกะนางพญา....
                  “ตะเกียง  มันไม่ยอมสู้ประชิดแล้ว  ระวังมันจะใช้พลังเปิดทวารจู่โจมเราอีก...ต้องรีบจัดการ
มันก่อน”  พูดจบไอ้พี่โต๋ไม่รอให้มันตั้งตัวทัน...ซัดสิงห์ธนูเข้าใส่ก่อนทันที
                 “โฮก!..กรอซzz!”
พลังสิงห์ธนูพุ่งเป็นเส้นเข้าใส่ร่างมันอย่างเร็ว
                 “อ๊าก!...ตุ๊บ!”   
ยัยปีศาจกระชากคอเสื้อสมุนคนที่เอาเก้าอี้มาให้บังตัวของมันไว้ทัน   ไอ้คนดวงซวยนั่นเลยถูกสิงห์ธนูไอ้พี่โต๋
กระแทกหัวใจขาดกระจาย  ส่งเสียงได้ทีเดียวลงไปนอนตายสนิทไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำมั้ง   
                  “เลวมาก..ยัยแม่มด...กล้าเอาคนอื่นมารับเคราะห์แทนอย่างไม่สะทกสะท้าน...นังปีศาจเลือดเย็น
แกไม่ตายดีแน่”  กูโมโหสุดๆ..ตะโกนด่ามันไป
                  “หึหึหึ!...ลูกน้องที่ดีพร้อมสละชีพเพื่อนาย...แกใช้พลังไปหมดแล้วหากฝืนใช้อีก...แกคงหมดโอกาส
ใช้สิงห์โตคำรามไปตลอดชีวิตโตโต๋...อย่านึกว่ากูดูไม่ออกร่างกายบอบช้ำไม่น้อย..ยังอยากเป็นพระเอกอีก..
ไม่พิการได้ตายก่อนคนอื่นแน่”  ยัยปีศาจมันพูดจบ  กูหันไปดูหน้าไอ้พี่โต๋...เลือดย้อยทะลักออกมุมปากมัน
เยอะเลย...ตายห่านี่มันใช้พลังสิงห์โตคำรามไม่น้อยแล้วนี้...แถมได้รับบาดเจ็บอีกตะหาก...ไม่ได้แล้วจะให้มันฝืนใช้อีกไม่ได้เด็ดขาด..กูรีบเข้าไปประคองมันไว้
                      “ไม่ต้องห่วงพี่ตะเกียง  อย่าไปฟังมันพี่ยังไหว..”  มันส่ายหน้าไม่ให้กูพะวง   กูคงสบายใจหรอกไอ้พี่บ้า...
                      “พี่ตระการ...พาพี่โต๋ออกไปเดี๋ยวนี้”   
เสียงห้วนเลยกู   พี่ตระการรีบเข้ามาพามันไป  ทุกคนคงไม่เคยได้ยินน้ำเสียงดุดันของกูมาก่อน   นั่นแสดงว่ากูไม่ต้องการฟังอะไรอีกนอกจากให้ทำตามที่บอก..พ่อและพี่ๆ รู้ดีน้อยครั้งที่กูจะเข้าสู่โหมดนี้..เพราะกูกำลังจะระเบิด ‘ตะเกียงเจ้าพายุ’
                        ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ดี  หากกูโกรธจนถึงขีดสุด...เตรียมตัวไว้ให้ดี..และตอนนี้ความโกรธกูกำลังทะยานจนควบคุมไว้ไม่ได้แล้ว...ไอ้พี่โต๋มันกล้าดียังไงไม่รักตัว..ถึงฝืนจะใช้พลังไม่คิดถึง
กูเลยงั้นสิ...หากมันเป็นอะไรไปอีกคน...แล้วกูละจะรู้สึกยังไง...จะเจ็บปวดแค่ไหน....ไอ้พี่เทคเสียสละเพื่อกูมาคนหนึ่งแล้ว   กูคงแบกรับการเสียสละของมันได้อีกคนหรอกนะ...ทำไมใครๆ ถึงต้องปกป้องกูขนาดนี้ไม่รักชีวิตของตัวเองกันเลย...ทั้งที่กูไม่ได้อ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย...
                   หึ..ยัยปีศาจกรองกุมภ์...มึงกล้าทำให้คนที่กูรักบาดเจ็บ...กูเท่านั้นที่มีสิทธิ์เอาเลือดมันออก...
เลือดสิงห์ราชหลั่งเพราะมือกูเท่านั้น..ไม่ใช่มึง...กล้าทำให้มันเลือดออกถึงปานนี้...ชีวิตพี่ชายที่แสนดีของกูอีก..อย่าอยู่เลยมึง..
                    “ตะเกียง..พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น...”  ไอ้พี่โต๋มันยื้อแขนกูไว้  ไม่ยอมไปกับพี่ตระการที่พยายาม
มาพามันออกไปรวมกับคนอื่นๆ
                  “ออกไป!...ไปเดี๋ยวนี้”  
กูตะคอกเสียงดัง  จนมันหน้าเสีย..คงคิดไม่ถึงว่ากูจะตะคอกมันได้...พี่ตระการรีบเข้ามาลากมันพร้อมกับบอกมันด้วยว่า
                   “โต๋...ออกไปก่อนเชื่อพี่...ขืนช้าจะไม่ทันรีบไปเร็ว”  มันเห็นท่าทางลุกรนของพี่ตระการ
ถึงยอมถอยออกไปโดยดี
                    กูกับยัยปีศาจจ้องตากันไม่กระพริบ  ยัยแม่มดวาดมือรวบรวมพลังกะจะถล่มกูด้วยพลังเปิดทวาร
อีกรอบแน่นอน....หึ...คงสำเร็จหรอกอย่าหวัง..นึกละสิว่าไม่มีไอ้พี่โต๋...ใช้สิงห์โตคำรามสกัดพลังของมันแล้ว...ถ้าคิดเช่นนั้นมึงคิดผิดมหันต์...เพราะตอนนี้พลังกู...ระเบิดแล้ว...
                     “ย๊าก!...วึ๊ด!..บึ๊มๆ!”   
ฝุ่นดินคลุ้งกระจาย   ในขณะที่กูยืนหอบแฮ่กๆ!...เหงื่อกาฬเต็มหน้า....พ่อเกริก..พี่ตระกูล..พี่ตระการ..
ทุกคนพากันวิ่งเข้าหาใหญ่...กูยกมือเป็นสัญญาณห้ามอย่ารุมมาก...ตอนนี้ต้องการอากาศอย่างเยอะ...ยอมรับเหนื่อยโคด..เป็นเช่นนี้เสมอ...ครั้งใดที่ระเบิดพลังอัดมหาศาล...หลอมรวมลมปราณทั้งวรเวทย์อัคนี
และลมปราณไทเก็กเข้าด้วยกันอย่างไม่เป็นเรื่องเป็นราวเหมือนธาตุไฟจะเข้าแทรก..มันจะกลายเป็นพลังมหาศาล...ที่ไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้...ต้องระเบิดมันออกไปยังที่ใดที่หนึ่งนั่นแหละ...ถึงจะกลับเป็นปกติ..ไม่งั้นกูเองแหละที่จะตายเอาได้...
                     แม้จะปล่อยพลังไปแล้วแต่เหมือนกับผ่านการออกกำลังมาอย่างหนัก...เหนื่อยแทบหมดแรง...
พลังนี้คนในครอบครัวเรียกมันว่า ‘ตะเกียงเจ้าพายุ’ มันเกิดขึ้นมาเนื่องจากกูถูกพ่อเกริกเขี้ยวกร่ำให้ฝึกฝีมือตั้งแต่เด็กเล็กๆ   ไม่มีเวลาไปเล่นหัวเหมือนเด็กปกติทั่วไป...เพื่อนสนิทอย่าหวังว่ากูจะมีเหมือนคนอื่นเค้า...
                     ชีวิตวัยเด็กนอกจากเรียนแล้วยังต้องฝึกฝีมืออย่างหนักหนาสาหัส...ความกดดันต่างๆ ทำให้กู
เก็บกด..พอมีอะไรมากระตุ้นโทสะโมโหจนโกรธถึงขีดสุด...พลังกูจะแปรปรวนแล้วมันก็จะผสมปนเปคละเคล้ากลายเป็นพลังมหาศาล ที่กูต้องหาทางระเบิดทิ้งอย่างที่เห็น...ส่วนผลงานนะหรือ..หึ..ไม่ขอบรรยายดูเอาเองแล้วกันโตโต๋..
                  ยอมรับตอนแรกผมน้อยใจน้องมาก...ที่เค้าตะคอกผมเสียงดังจนหน้าชา   ผมรักและห่วง
ความปลอดภัยของน้องมากกว่าใคร   รู้ดีว่าพลังเปิดทวารของกรองกุมภ์ร้ายกาจมากแค่ไหน...ผมใช้สิงห์พิโรธเข้าปะทะยังบอบช้ำภายใน...พอฝืนใช้สิงห์ธนูอีกครั้งคราวนี้รู้เลยว่าหากผมดันทุรังใช้พลังเฮือกสุดท้าย   
ไม่พิการก็ตายแน่นอน   
                  การใช้พลังลมปราณแต่ละครั้ง  สูญสิ้นพลังชีวิตไปไม่น้อย   ไม่ใช่ว่าจะใช้ก็ใช้ได้ตามใจนึก...ปกติร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงเต็มร้อย   อัดพลังสี่ห้าครั้งก็หมดก๊อกแล้ว...ต้องพักทันที...หยุดยาวไปสามสี่วันถึงสามารถคืนพลังลมปราณให้เป็นปกติ..แต่วันนี้ผมใช้ไปจนหมดแถมบอบช้ำอีก...เลยย้ำแย่หนักหนาเอาการ
                  แต่เมื่อน้องยืนกรานด้วยแววตาแข็งกร้าว   แถมดูดุจนผมเองต้องยอมรับว่าไม่เคยเห็นแววตาเอาเรื่อง
ของตะเกียงลักษณะนี้มาก่อน...ซ้ำพี่ตระการยังลุกลี้ลุกรนให้ผมออกไปกลับแกจนได้...
                 ตะเกียงไม่แม้จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ..ตอนที่ผมหันหลังเดินออกมา...สายตาเอาแต่จ้องเขม็งกร้าว
มองกรองกุมภ์ไม่กระพริบ....
                  เหลียวกลับไปดู...ผมยอมรับว่าแอบเดินลมปราณเฮือกสุดท้าย   ถึงตายก็ยอมเมื่อเห็นกรองกุมภ์
วาดมือเดินพลังเปิดทวารกะทำลายพวกเราไม่เหลือซาก...เธอคงรู้ว่าไม่มีพลังสิงห์โตคำรามต่อต้านอีกแล้ว   
ต่อให้พี่เต้กับพ่อสิงห์ร่วมมือกันก็ไม่อาจต้านพลังกรองกุมภ์ได้เด็ดขาด  เหมือนเอาเข็มกระแทกกับหินผาประมาณนั้น..
                  แต่ที่ทำให้พวกเราต่างตะลึง   เมื่อจู่ๆ ตะเกียงกำมือแน่นจนเส้นเลือดโปน   ตะคอกเสียงดังสนั่นลั่นไปทั้งป่า...พร้อมระเบิดพลังอัดมหาศาลออกไปถล่มกรองกุมภ์พร้อมสมุนกระเด็นกันระเนระนาดไม่เหลือสภาพ....
                 สิ่งที่นั้นพวกผมไม่ได้สนใจ  ต่างพุ่งเข้าหาตะเกียงก่อนทันที  หลังจากเห็นน้องเซจน
เกือบทรุด   แหงนหน้าสูดหายใจกระหน่ำ   หอบแฮ่กๆ..เหงื่อผุดเต็มหน้าจนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม...ผมกะรวบ
ตัวน้องกอดไว้กันล้ม  แต่น้องเหมือนรู้ ยกมือห้ามเอาไว้   เลยต้องยืนลุ้นอยู่ข้างๆ  กว่าหน้าน้องจะค่อยกลับมามีสีเลือดกลับมาหายใจปกติได้ก็ใช้เวลากว่าห้านาที  ถึงได้พากันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก...
                  พ่อเกริกกับพวกพี่ๆ ของตะเกียงดูไม่ตกใจเท่าไหร่...เหมือนเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว....ตอนนี้ตะเกียง ขยับก้าวเดินนำพวกเราทั้งหมดเข้าไปหากรองกุมภ์กับพวก..ซึ่งนอนกระจัดกระจายกันคนละทิศละทาง...ยัยปีศาจหงายหลัง กระเด็นตกเก้าอี้นอนหายใจโรยริน...ไม่อยากเชื่อพลังของตะเกียงจะรุนแรงจนดูตะลึง...ลูกสมุนที่เหลือไม่แน่ใจว่าตายหรือมีชีวิตรอดอยู่กี่คน  เพราะยังดูไม่รู้...
                  ผมรีบเข้าไปขนาบตีคู่น้องทันที   กันไว้ก่อนหากผิดความคาดหมายจะได้ป้องกันน้องไว้
ได้ทัน  ตอนนี้น้องคงหมดพลังไปไม่น้อย...
                    “หึ..ตายยากจริงนะ...คนปกติโดนเต็มๆ แบบนี้คงไม่เหลือ...ดีเหมือนกันจะได้ให้มึงรู้จัก
ความทรมานบ้าง...ให้สาสมที่มึงเคยทรมานกูและเพื่อนๆ  โดยเฉพาะพี่เทคมึงทรมานเขาแค่ไหน...อย่าว่ากูใจร้ายหละ...สำหรับคนอย่างมึง..ลองลิ้มรสชาดความทรมานก่อนตายดูด้วยตัวเองเถอะ”  พูดจบน้องยกมือที่สั่นเทาขึ้นจี้ลงกลางกระหม่อมของกรองกุมภ์..ซึ่งนอนเบิกตาโพลงจ้องหน้าตะเกียงอย่างอาฆาตมาดร้าย...มุมปาก
มีเลือดซึมออกมานิดหน่อย...หายใจหนักๆ..คงกำลังพยายามรวบรวมพลังปราณอยู่แน่ๆ  แต่ตะเกียงก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอเดินพลังฟื้นฟูตนเองได้  
                      ผมไม่รู้ว่าที่น้องสกัดจุดกลางกระหม่อมหมายความว่ายังไง....แต่เท่าที่ฟังน้องพูด  คงไม่ใช่เรื่อง
ดีใจสำหรับกรองกุมภ์เป็นแน่
                     “เห้ย!..ตะเกียง”   
ผมรีบรวบกอดน้องแนบอกเอาไว้ทั้งตัว  เมื่อเห็นน้องกำลังจะทรุดลงไปกองบนพื้น...แสดงว่าน้องใช้พลังไป
จนหมด..
หลังจากจี้กลางกระหม่อมกรองกุมภ์เสร็จแล้ว....โชคยังดีที่สติไม่ดับลงไปเสียก่อน..นี่คงดื้อฝืนใช้วรเวทย์อัคนีเฮือกสุดท้ายจี้กระหม่อมกรองกุมภ์เป็นแน่...น้องเพียงแต่ยกยิ้มบางๆ ให้ผมตรงมุมปากเหมือนสำนึกผิด  แต่ก็ยอมทิ้งน้ำหนักตัวเอนซบอกผมซึ่งประคองกอดไว้แน่นโดยไม่ฝืน..กลายเป็นผมกึ่งประคองกึ่งอุ้มไปแล้ว...
ขาน้องไม่มีแรงทรงตัวเลย  
                     “กรี๊ด!..อร๊าก!..โอย!”   
เสียงกรองกุมภ์หลุดร้องโหยหวนออกมาในที่สุด  ทำให้ทุกคนมุ่งความสนใจกลับดูเธออีกครั้ง   พระเจ้า!..ตอนนี้กรองกุมภ์หน้าบิดเบี้ยวตาเลือกโปนถลน...มือหงิกงอ..ร่างสั่นระริกเลือดซึมไหลออกปากออกจมูก  
ออกหู..ออกตา..น่าจะเรียกได้ว่าออกทวารทั้งเก้าเลยก็ได้...กรี๊ดร้องโหยหวนทุรนทุรายอย่างทรมานสุดๆ   ผมไม่รู้ว่าน้องทำอะไรกับกรองกุมภ์..แต่เท่าที่เห็นมันดูน่าสังเวชเอามากๆ   
                  กรองกุมภ์ร้องโหยหวนน้ำเสียงทรมาน  เหมือนโดนใครเอาตะปูตอกนิ้วนับสิบๆ เล่มยังไงยังงั้น...
สภาพที่เห็นพาให้คนมองต่างบิดหน้าหนี..มันดูไม่ได้จริงๆ..
                     “โอย!....ฮือ!....อร๊าก.....”   
กรองกุมภ์ตอนนี้ชวนให้ทุกคนเบือนหนีกับสิ่งที่เห็นกันทั้งนั้น   พ่อเกริกเลยตัดสินใจจี้นิ้วตรงใต้คอก่อนที่เธอ
จะสำลักอากาศสุดท้ายกระตุกเฮือกๆ สองสามที
                     “เฮือก..เฮือกๆ.”  
แล้วค่อยแน่นิ่งลงไปในที่สุด..ขณะดวงตาเบิกโพลงอยู่อย่างงั้น    พ่อเกริกเลยเอามือลูบปิดตาเธอลง..ก่อนจะพูดขึ้นว่า
                    “พอเถอะตะเกียง...แค่นี้ก็ทรมานมากแล้ว...ถือเสียว่าอโหสิต่อกันเถอะ...พ่อไม่อยากให้อาฆาต
พยาบาทกันอีก..ส่งเค้าไปดีกว่าให้ทรมานทวารทั้งเก้าตายอย่างน่าสมเพช...ลูกคงผูกใจโกรธแค้นมากสินะ  
ถึงได้กล้าสกัดจุดมรณะทวารทั้งเก้าแบบนี้...มันดูโหด-เอี้ย-มเกินไป..พ่อขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...สัญญากับพ่อนะตะเกียงว่าจะไม่ใช้มันอีกต่อไป...”  พ่อเกริกลูบหัวน้องในอ้อมกอดผมช้าๆ  พร้อมกับพูดขอคำยืนยันให้น้องรับปาก...
น้องน้ำตาไหลอาบแก้ม   เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาน้อง...นับแต่อยู่กันมาตะเกียงไม่เคยร้องเลยสักครั้ง...
น้องคงอัดอั้นจนทนไม่ไหว   พ่อเกริกเห็นแบบนั้นใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาบนหน้าสวยของน้องให้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน..ดูอบอุ่นมากมาย
                   “ฮึก..ฮึก..ตะเกียงขอโทษครับพ่อ...สัญญาจะไม่ทำอีก...ครั้งนี้ขอโทษจริงๆ ”  
พอน้องพูดออกมาพ่อเกริกก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่น...ก่อนพยักหน้าให้อภัยในสิ่งที่น้องทำ...ผมเลยกอดกระชับน้องแน่นเข้าไปอีก...เพื่อให้น้องรู้ว่าผมเข้าใจความรู้สึกของน้องดี   เหมือนส่งกำลังใจปลอบน้องไปด้วย..น้องเงยหน้าสบตาผม..ผมเลยยิ้มหล่อยืนยันให้อีกครั้ง  น้องก็ยิ้มตอบ...ทันใดนั้น...
                    “ผลั๊ก!..ตุ๊บ!...เวร...คิดจะรอบกัดเหรอ..กูจับตาดูมึงตลอดแหละ..กะแล้วเชียวจิ้งจอก
มันต้องลอบกัดตอนเผลอแน่ๆ” ไอ้พรตครับ   มันเตะด้วยทักษะเทควันโด้สายดำของมัน..เล่นเอามีดในมือ
ของกรองเกยซึ่งลุกมาตอนไหนไม่ทราบ  กะจะพุ่งเข้าแทงตะเกียงแน่นอน   แต่ไอ้พรตมันเห็นเข้าเสียก่อนเลยวาดเท้าเตะ จนมีดกระเด็นหลุดมือ  แถมตามเข้าเตะกลางลำตัวกรองเกยหรือริต้าเต็มๆ ตีนมันเลย  เล่นเอาเซหลุนๆ ล้มกระแทกก้นจ้ำเบ้าอย่างจังไม่เป็นท่า
                 “ไอ้สัดพรต...มึงทำกู...ไอ้สัดหมา”  
เธอตะคอกด่าไอ้พรตเสียงดัง  จนทุกคนพากันมอง  ในขณะที่ไอ้พรตยืนจังก้ามาดเท่ห์..กรองเกยนั่งแอ่งแม่ง
บนพื้นหน้าตาบูดเบี้ยว
                 “ทำไมกูจะทำไม่ได้...มึงฝากรอยเท้าบนหน้ากูทั้งสองข้างหยามกูเล่า?..ไม่เคยมีใครกระทืบหน้า
เลือดกลบปากมาก่อน...มึงทำกูก่อนอย่านึกว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะยอมให้นะโว้ย!...”   ไอ้พรตมันก็ไม่ยอม   
สวนกลับไม่แพ้กัน..มันคงแค้นที่โดนกรองเกยกระทืบจนหน้าช้ำปากแตก...
                  ไม่ทันมีใครคาดคิด..จู่ๆกรองเกยก็สปริงตัวลุกพร้อมตวัดเท้าเตะเข้าใส่ไอ้พรต   ดีที่ไอ้รันมันกระชากเมียมันหลบได้ทัน  แต่ก็เฉียดโดนต้นแขนเลือดซิบจนได้..เพิ่งสังเกตุหัวรองเท้ากรองเกยมีมีดปลายแหลมโผล่ออกมาเกือบสองนิ้ววาววับ
                  “โอ้ย!..ระยำชิบหาย..พิษสงรอบตัวเลยนะอีห่า...ทำกูเลือดออกจนได้..ดีกูจะกระทืบให้จมตีนเลยนิ”  
ว่าแล้วไม่ฟังเสียง มันปรี่เข้าหากรองเกยทันที  ซึ่งเธอก็ไม่ได้ถอยตั้งท่าจะหวดเท้าเข้าใส่มันอีก...แต่ไอ้รันกับดึงเมียมันไว้ได้ก่อนที่จะหน้ามืดพุ่งเข้าไปมือเปล่า..มันฮึดฮัดใหญ่ที่ไอ้รันขวางกอดรัดรั้งมันไว้...
                   “-เอี้ย-..ห่ารันปล่อยกูสิหวะ..มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ยะมารัดกูทำไม...ไม่เห็นรึไงมันเอาเลือดกูออก..
กูจะเอาคืนปล่อยดิ”  มันก็พยายามเหวี่ยงไอ้รันให้ปล่อยมันหลุดเพื่อจะเข้าไปอัดกรองเกย..แต่งานนี้ผมคิดว่า
ไอ้รันทำถูก..ขืนปล่อยไอ้พรตสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปหาตีนที่มีมีดแหลมวาววับของกรองเกย..มันนั่นแหละจะจมกองเลือดเสียเอง....
                    พวกเราพากันยืนคุมสถานการณ์นิ่งๆ  ถึงไงกรองเกยก็เป็นผู้หญิง  คงไม่น่าดูชมนักหรอกหากจะให้ผู้ชายเข้าไปรุมเธอ...ส่วนสมุนที่บาดเจ็บปางตาย  พวกทหารที่มาด้วยสิบกว่านาย  พากันใส่กุญแจมือทยอยห้ามออกไปรวมกันแล้ว  เหลือแต่พวกผมกับกรองเกยนี่แหละ...ที่ยืนจ้องเอาเถิดกันอยู่
                     “ชู่ๆ...ใจเย็นไว้พรตมึงใช้อารมณ์..เห็นป่าว?..รองเท้ามันมีมีด..มึงจะเอาเนื้อเข้าไปรับมีดหรือไง..
กูไม่ห้ามหรอกถ้ามึงจะเอานี้ไปด้วย”  พูดจบไอ้รันมันเอาเสื้อเกราะยัดมือให้เมียมัน  ไม่รู้ถอดของใครหรือยืมของทหารคนไหนมา พร้อมกับปล่อยแขนที่รั้งออกซะงั้น...ไอ้ห่ากุนซือเทพมึงเทพโคดหวะเพื่อน...
                        มีเตรียมโลว์ให้เมียตะหาก..คงเห็นแล้วว่าไอ้พรตมุ่งมั่นจะเล่นงานกรองเกย...มันคงไม่ห้ามขืนห้ามจะกลายเป็นมันที่ไอ้พรตจะขบหัวแทนนะสิ..อารมณ์อยากเอาคืนขนาดนั้น    เมื่อห้ามไม่ได้มันเลยช่วย...ยังไงในสายตาพวกเราตอนนี้  กรองเกยได้รับบาดเจ็บจากพลังของตะเกียงไม่น้อยคงไม่ยากที่ไอ้พรตจะจัดการ...เพราะไอ้พรตเองมันก็ใช่ขี้ๆ  เทควันโดสายดำเลยนะนั่น...
                      พอมันเห็นไอ้รันยอมปล่อยง่ายๆแบบนั้น  เสือกหันไปค้อนผัวมันซะงั้นก่อนจะพูดพาฮาขำกลิ้งกันจนได้
                      “-เอี้ย-แล้วมึง...ห้ามกูอีกหน่อยก็ไม่ได้...ไอ้นี่นิ..กูตายขึ้นมามึงคงมีความสุขเนอะ...สะดวกสิ
หมดภาระแล้วนิ..หาวิธีกำจัดกูง่ายนะไอ้-เอี้ย-..แต่กูดวงแข็งไม่ตายง่ายหรอกจะบอกให้..มึงอย่าหวังห่ารัน...
ไอ้สาด”  
พาเอาทุกคนขำกลิ้งกันเลย. ...มันเล่นงอนไอ้รันซะงั้น..ตกลงมันรั่วจริงใช่ไหมเนี่ยะ...ไอ้เหยี่ยวรั่ว..
พวกไอ้บอมย์  พี่ชนะ   ไอ้ชัด   พี่เต้  พี่ตระกูล  พี่ตระการ  แม้แต่พ่อสิงห์กับพ่อเกริกยังอดอมยิ้มกลั้นขำกับ
ท่าทางไอ้พรตรั่วมันไม่ได้.. .บรรยากาศที่ตึงเครียดเลยผ่อนคลายลงไปเยอะ  ในขณะที่กรองเกยกับหงุดหงิดแทนซะงั้น
                         “ขำห่าไรกันนักหนา...ต่อให้กูเหลือตัวคนเดียว  อย่าคิดว่าจะยอมพวกมึงเด็ดขาด”  จู่ๆ เธอก็
ขู่ฟ่อ เหมือนหมาจนตรอกไม่มีผิด
                         “ฉันว่าเธอคิดใหม่ดีกว่าไหม?...ยอมมอบตัวก็ยังไม่สาย  ดีกว่าสู้หัวชนฝาแล้วบาดเจ็บไปมากกว่านี้   ถึงยังไงก็ไม่เห็นหนทางชนะอยู่แล้วนึกดูให้ดี...พี่สาวเธอฝีมือดีแค่ไหนยังมีจุดจบอย่างที่เห็น   
เธอยังจะเอาอะไรมาสู้อีกละนังหนู”  พ่อสิงห์พูดเตือนสติกรองกุมภ์ให้ยั้งคิด
                          “ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่าๆ....หน้าขำ..กูคงยอมให้พวกมึงได้สมหวังหรอก...จำไว้ไอ้ตะเกียง..
กูจะตามราวีอาฆาตพยาบาทมึงไปทุกภพทุกชาติ...ครั้งนี้ต่อให้พวกกูแพ้...แต่จิตวิญญาณกูไม่มีทางแพ้..
พวกมึงจำเอาไว้..ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่าๆ.” และแล้วเลือดก็ไหลทะลักออกมุมปากเธอ  ก่อนเธอจะแสยะยิ้มครั้งสุดท้าย  
แล้วค่อยทรุดล้มลงขาดใจตายในที่สุด...พ่อสิงห์บอกว่าเธอตัดช่องน้อยกินยาพิษ..คงฝังไว้ตรงซอกฟันฆ่าตัวตายไปแล้ว...พวกขบวนการเช่นนี้มักมีวิธีจัดการตนเองหากกลัวการทรมานที่จะได้รับ..เหมือนถูกฝึกมาก่อน
                   พวกเราจึงได้แต่ปลงสังเวชให้เธอ   พวกที่หัวเอียงซ้ายรักอุดมการณ์  และพยาบาทมาดร้าย
ไม่จบสิ้น  วิญญาณคงได้ไปสู่สุขคติหรอก..แทนที่จะสงบกลับต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอด...
                  หลังจากนั้นพี่ชนะ  กับหัวหน้าทหารทำหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่   พ่อเกริกพ่อสิงห์  เลยพาพวกกูกลับมาฐาน  เพราะกูกับตะเกียงต้องพักฟื้นกันเป็นอาทิตย์..ครั้งนี้เราโชคดีที่ฝ่ายเราไม่มีใครเสียชีวิต...นอกจากนายทหารห้านายเท่านั้น  ซึ่งทางราชการจะปูนบำเหน็ดพร้อมกับเลื่อนขั้นให้ 10  ขั้น   ซ้ำยังจะดูแลครอบครัวทหารหาญเหล่านั้นอย่างดีเยี่ยม....
                  ฮอร์ฯ  ได้ทยอยลำเลียงนำพวกกูทั้งหมดกลับรีสอร์ทของไอ้บอมย์...ซึ่งมันก็จัดการสั่งพนักงานตระเตรียมอาหารต้อนรับพวกกูไว้ล่วงหน้าก่อนจะไปถึง   ส่วนศพไอ้พี่เทค  ทหารขอนำไปไว้ที่ค่ายก่อนจะนำส่งครอบครัวในวันถัดไป...ซึ่งตะเกียงยืนยันจะไปเคารพศพ  พร้อมกับไปพบครอบครัวของไอ้พี่เทคมันด้วย....ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยพร้อมจะไปพบครอบครัวและอยู่ร่วมพิธีศพจนเสร็จสิ้น...

                 พ่อสิงห์พ่อเกริกก็ไม่ขัดข้อง....คืนนี้ให้พวกเรานอนหลับพักผ่อนเอาแรงกันให้เต็มที่  เพื่อจะได้ร่วมพิธีอัญเชิญศพไอ้พี่เทคไปที่วัดใกล้บ้านมันที่กรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้....คืนนี้ผมคิดว่าคงต้องนอนกอดน้องทั้งคืน...หลังจากเราผ่านเรื่องเลวร้ายสาหัสมาแล้ว...ยิ่งทำให้ผมรู้ว่า...ตะเกียงดวงนี้...สำคัญกับผมมากแค่ไหน...ผมหวังว่าน้องจะทำใจได้ในเร็ววัน...ผมรู้ว่าลึกๆน้องหดหู่เสียใจกับการจากไปของไอ้พี่เทคมาก...แต่คงช่วยได้แค่ยืนอยู่เคียงข้างเท่านั้น...เพราะถ้าเป็นผมก็คงไม่รีรอที่จะทำในสิ่งที่ไอ้พี่เทคมันทำเช่นกัน....ใครบ้างจะไม่รักตะเกียง



มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-11 23:07:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-9-1 19:47:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราบ

แสดงความคิดเห็น

ด้วยความยินดีมากๆคราบ  โพสต์ 2013-11-9 13:51

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
41
พลังน้ำใจ
17871
Zenny
42606
ออนไลน์
3419 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-10-24 00:23:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

แสดงความคิดเห็น

ยินดีคราบผม  โพสต์ 2013-11-9 13:26

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-13 15:20:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากนะ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-28 23:14:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
652
Zenny
101
ออนไลน์
133 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-2-10 19:17:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
159541
Zenny
289708
ออนไลน์
46421 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-3 01:36:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
25688
Zenny
18756
ออนไลน์
1767 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-6 00:58:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2573
Zenny
583
ออนไลน์
440 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-21 22:39:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
457
พลังน้ำใจ
79646
Zenny
202828
ออนไลน์
9900 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-4-12 14:31:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-10-5 20:10:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นายกสโมสร

กระทู้
637
พลังน้ำใจ
140781
Zenny
645100
ออนไลน์
17291 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2015-10-7 18:56:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-12-8 04:08:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
18995
Zenny
9237
ออนไลน์
1027 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-12-23 23:23:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากๆๆเลยนะครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
745
พลังน้ำใจ
53236
Zenny
48733
ออนไลน์
11926 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-5-9 01:55:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ธรรมะย่อมชนะอธรรม

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-5-30 12:45:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมดมารผจญแล้ว

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
16754
Zenny
8113
ออนไลน์
1215 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-5-31 10:55:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ทรหดจริงๆ ตะเกียงเนี้ย!!

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-5-12 22:53:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
25772
Zenny
21604
ออนไลน์
1006 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-8-20 15:10:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 21:10 , Processed in 0.146904 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้