ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 649|ตอบกลับ: 20

เพราะรัก..จึงเปลี่ยนได้ ? 43- 44 ?

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดดีที่สุดปล่อยให้เป็นอย่างที่เป็นก็มีความสุขไม่ใช่หรือ...เรายังได้รับรอยยิ้มและความรู้สึกดีดีจากแม่และพี่ๆน้องๆอย่างอบอุ่น  ผมจึงไม่ได้บอกไป...และคิดว่าจะไม่บอกอีกเลย...เพราะผมคิดว่าพวกเค้าคงรับไม่ได้....?
Part  43
คำสารภาพ...

          “วี!...วี!...”  เสียงพี่ชายผมร้องเรียกอยู่ใต้ถุนบ้าน ผมกำลังล้างคอกหมูอยู่
          “คับ!..ล้างขี้หมูอยู่หลังบ้าน..อ้าย” ผมตะโกนบอกแกไป
          “ยะอะหยัง...วางมือก่อน...ขะใจ๋มาหาอ้ายจิ่ม” (ทำอะไร..หยุดมือไว้ก่อน รีบมาหาพี่เร็วๆ)
แปลกจริงนี่เพิ่งสามโมงกว่า..ยังไม่ห้าโมง ทำไมพี่วันถึงกลับบ้านก่อน แล้วน้ำเสียงร้อนรนนั่นอีกจะรีบอะไรนักหนา..เร่งผมจัง แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้พี่ผมรอนาน ล้างมือล้างไม้เสร็จก็รีบเดินลัดสวนออกมาหาแก..
     พอมาถึง เห็นแม่นั่งอยู่กับพี่วัน พี่เค้าเหงื่อไหลท่วมตัว แถมหน้าซีดเจื่อนอีกต่างหากชักหวิวๆ ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเลยผม หวังว่าคงไม่มีเรื่องไรนะ
              “มีหยังอ้าย...เร่งผมขะนาด?..” (มีอะไรพี่ เร่งผมจัง)  ผมถามพี่ชายไปทันทีที่เดินเข้ามาถึง
             “วี...ใจเย็นเน้อ...กลมันตกนั่งฮ้าน...บ่าเดี่ยวนี่...ยังบ่ฟื้นเลย อยู่ไอซียู..โฮงบาลโอเวอร์บรุ๊คปู้นแหน่ะ” (วี..ใจเย็นนะ...กลมันตกนั่งร้าน..ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย อยู่ห้องไอซียู..โรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊คโน้นแหนะ)  พอฟังพี่วันพูดจบ สมองผมมึนตึ๊บใจลอยจิตตกไปถึงไหนแล้วไม่รู้  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ตกใจจนช๊อคไปเลย มารู้สึกตัวมีสติกลับมาอีกครั้ง เมื่อแม่เอาน้ำเย็นมาลูบหน้าลูบหัวให้จนเหมือนลูกหมาตกน้ำเลยผม....   
          “วี!..วี!..ลูกแม่...ขวัญเอ้ยขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตั๋ว...ฮู้สึกตัวแล้วก่าลูก...บ่ดียะฮื้อแม่ตกอกตกใจ๋
จะอี้...ป่ะ!..ไปโฮงบาลกันบ่าเดี่ยวนี่”  (วี..วี..ลูกแม่...ขวัญเอยขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัว...รู้สึกตัวแล้วหรือ
ลูก..อย่าทำให้แม่ตกอกตกใจแบบนี้...ป่ะ!..ไปโรงบาลกันเดี๋ยวนี้เลย)   ผมถูกจูงให้เดินขึ้นไปนั่งหน้ารถ
ปิคอัพพร้อมกับแม่ พี่วันทำหน้าที่ขับ รถทำงานพวกพี่ผมนั่นแหละ   ดิ่งฮ้อพาผมกับแม่ไปโรงบาลกันทันที   
     ขณะนั่งอยู่ในรถ...ผมภาวนาไปตลอดทาง ‘กล..มึงอย่าเป็นอะไรไปนะ...มึงอย่าทำให้กูเสียใจนะ
กล...อย่าเป็นอะไรเด็ดขาด...คุณพระคุณเจ้า..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย กรรมใดในชาตินี้และชาติไหน  
หากทำให้กลสิทธิ์ ประสพพบแต่เหตุให้เลือดตกยางออก ขอให้แบ่งบุญของลูกไปเกื้อหนุนให้กลมันด้วย
อย่าให้ถึงกับต้องร้ายแรงเลยนะครับ ลูกกราบวิงวอนต่อท่านแล้ว   จะลดทอนอายุขัยของลูกเพื่อต่ออายุขัยให้กลมันพ้นผ่านความเลวร้ายเหล่านี้ ลูกยินดีและเต็มใจยิ่ง...สาธุ’               
               ผมภาวนาอ้อนวอนไปตลอดทาง ใจไปอยู่ที่โรงบาลแล้วตอนนี้หากเหาะไปได้ผมคงเหาะไปทันที
ไม่ต้องกระวนกระวายอยากให้ถึงไวไวแบบนี้หรอก            
             ใช้เวลาร่วมเกือบชั่วโมง พี่วันพาผมกับแม่มาถึงโรงบาล ผมวิ่งพรวดเข้าไปทันที ม่รอแม้กระทั่งแม่ผมด้วยซ้ำ คิดว่าไงเดี๋ยวพี่วัน คงพาท่านตามมาเอง สอบถามเคาเตอร์พยาบาลแล้ว  ตรงไปห้อง I.C.U. แทบล้มขะมำหัวทิ่มหกคะเมนตีลังกา เพราะลุกลี้ลุกลนจัด ชีวิตผมไม่เคยขลุกขลักร้อนรนเท่านี้มาก่อน              
           ไปถึงหน้าห้องพี่ไวพี่วิน และคนงานสองสามคน ยืนบ้างนั่งบ้างรอกันอยู่เต็มหน้าห้องมถลาเข้าไปที่ประตูกระจก...พยายามจะกระชากประตูเปิดออกให้ได้ อยากเห็นหน้ากลมันมากที่สุดเลยตอนนี้ ผมไม่ต้องการอะไร..อยากเห็นมัน..อยากเจอมัน....
             “กล...กล...กูมาหามึงแล้ว...เปิดประตู..เปิดประตู..ขอร้องเปิดประตูให้ผมที...เปิดประตูให้ผม
เข้าไป”    มือทั้งทุบทั้งกระแทก  ต้องการให้ประตูเปิด  ชั่วโมงนั้น  จิตหลุดไปแล้ว กวีที่เคยมีสติควบคุมได้ทุกสถานการณ์ วินาทีความเป็นความตายของกลสิทธิ์ ผมไม่สามารถควบคุมตนเองไว้ได้            
           พี่ไวกับพี่วิน พุ่งเข้ามารวบจับผมไว้ทั้งสองคน ก่อนจะช่วยกันทั้งรัดทั้งลากผมออกจากตรงนั้น  
          “วี!..วี!....ใจเย็นน๋อง..บ่าดียะจะอี้..วี..ได้ยินอ้ายก๋อ...วี..วี..ฟังอ้าย..ใจเย็นน๋อง..
คุมสติฮื้อดี...วี..วี”  (วี!..วี!...ใจเย็นน้อง...อย่าทำอย่างนี้...วี..ได้ยินพี่ไหม...วี..วี..ฟังพี่นะ..ใจเย็นน้อง...คุมสติให้ดี..วี!..วี!..)  ทั้งพี่ไว..พี่วิน..พากันลากผมออกห่างจากประตูกระจกช่วยกันเรียกช่วยกันพูดให้ผมสงบ จนแม่มาถึงถลั่นเข้ามากอดลูบหน้าลูบหลังผมเอาไว้แน่นเพื่อให้ผมใจเย็นขึ้น   
          เชื่อไหม?...ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้  ผมไม่ได้ร้องไห้ อาการเหมือนคนคลั่งจิตหลุด...ห่วงกังวล..วิตกกลัว
ไปหมด..ไม่ได้ร้องไห้มีน้ำตาไรเลย พยายามจะขืนการล๊อคของพี่ๆ  เพื่อเข้าไปหากลมันให้ได้   แต่พอแม่มาถึงกอดผมไว้แน่น  มือลูบหน้าลูบหัวผม  อ้อมกอดอันอบอุ่น  สัมผัสอ่อนโยนที่ไหลบ่าเข้าท่วมท้นจิตใจผม ยังไม่ทันพูดไรกับผมสักคำ ตัวผมกับอ่อนแรงยวบเข่าทรุดนั่งกับพื้นซุกเข้าหาอ้อมอกแม่ทันที น้ำตาทะลักทะลายไหลเป็นสาย  สะอึกสะอื้นคร่ำครวญออกมาต่อหน้าทุกคน  
     ทั้งพี่ไว  พี่วิน  พี่วัน  และคนงานอีกสองสามคน ต่างมองผมทรุดกองกับพื้น  ซบอกแม่ที่นั่งประคองกอดผมไว้แน่น...(ตอนนี้ขออนุญาตใช้ภาษากลางเลยนะค่ะ!...ช่วงพี่วีจิตหลุด..พูดเพ้อออกมาทั้งน้ำตา..ความจริงพี่วีพูดภาษาถิ่น)
             “ฮือ!..ฮือๆ!...แม่ครับ...แม่จ๋า...แม่ช่วยกลด้วย...กลมันน่าสงสาร...วีทนเห็นมันเป็นอะไรไม่ได้แล้วครับแม่....แม่จ๋า...วีกำลังจะพาลูกเค้ามาเจ็บ..วีผิดครับแม่...วีไม่ดี..วีดันทุรังพากลมาเจ็บหนัก...หากกลเป็นอะไรไปวีจะทำยังไง...แม่จ๋า..วีกราบแล้วนะครับ...ช่วยกลมันด้วย....ถ้ามันเป็นอะไรไป..วีจะกลับไปบอกพ่อกับแม่กลมันยังไง...ฮือๆ!.....”  
            “วี..ใจเย็นๆ..ไว้นะลูก..กลไม่เป็นไร...เชื่อแม่..กลไม่เป็นไรเด็ดขาด..วีต้องใจเย็นก่อนลูก...วีร้องแม่ก็
ปวดใจ...พลอยจะร้องไปกับลูกด้วย...กลต้องไม่เป็นไร..เชื่อแม่นะลูก..อึก..อึก..อือๆ” แม่คงทนเห็นสภาพผมที่หมดอาลัยตายอยาก อ่อนปวกเปียกในอ้อมอกท่านไม่ได้ น้ำตาไหลสะอื้นตามผมไปอีกคน เราสองแม่ลูกกอดกันกลม ผมน้ำตาไหลพรากๆ  ไม่เคยคิดว่าตนเองจะหลุดโลกสติแตกได้ขนาดนี้ พี่ๆผมและคนที่อยู่ตรงนี้  
ต่างสลดหดหู่กับอาการของผม   
      มีแต่คนพยายามพูดปลอบผม แต่ไม่มีใครกล้ายืนยันกับผมสักคนว่ากลมันไม่ได้เจ็บหนัก   มันไม่ได้อาการสาหัส คนตกจากนั่งร้าน มันจะไม่หนักได้อย่างไร หากไม่หนักหนาแล้วทำไมถึงสลบไม่ฟื้น แล้วจนปานนี้อยู่ในห้อง I.C.U.  ยังไม่ออกมาเลย ผมร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับอกแม่ไม่มีหยุด  
         “แม่ครับ...แม่จ๋า...แม่ช่วยกลด้วยนะครับ...วีกราบแล้วน้า..กราบวิงวอนให้แม่ช่วยกลด้วย...สาธุ..
สาธุ..แม่ช่วยกลน้าแม่น้า....แม่ของวีเป็นแม่พระ...แม่มีพรวิเศษ..แม่ต้องช่วยกลได้...วีคงตายแน่ๆ
หากกลเป็นอะไรไป...วีไม่ดีเอง..ถ้าจะต้องมีคนไป..ขอเป็นวีไปแทนนะครับแม่...นะ.แม่น้า....วีเองที่เป็นคนผิด...วีพากลมาเจ็บ..วีทำให้พ่อกลตัดพ่อตัดลูก..วีทำให้แม่กลเสียใจ...แล้วยังพากลมาเจ็บอีก..ไม่รู้เป็นตายอย่างไร....แม่จ๋า..สงสารเราเถอะน้าแม่...หากกลเป็นอะไรไปจริงๆ...วีจะกลับไปเจอหน้าพ่อแม่กลมันยังไง...วีไม่ดีเอง...ฮือๆ..อึก..อึก..เอาวีไปแทนได้ไหม...ให้วีเจ็บแทนกล...ให้วีตายแทนเถอะนะแม่น้า...”  
                 ผมทั้งร้อง..ทั้งกราบ  น้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเต็มหน้า คำพูดที่ออกจากปาก ล้วนมาจากความวิตกกังวลที่มีทั้งสิ้น ตอนนี้ผมมองไม่เห็นใครอีกแล้วนอกจากแม่ของผม ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้ผมคิดว่าแม่คนเดียวเท่านั้นจะช่วยกลมันได้...
         แม่ผมน้ำตานองหน้า ฟังผมพูดแกอดร้องไปกับผมด้วยไม่ได้ ผมคิดว่าแกคงสับสนและไม่แน่ใจ  ว่าทำไมผมถึงอาการหนักขนาดนี้ พี่ๆ ผมก็เหมือนกัน ต่างอึ้งไปตามๆ กันที่เห็นสภาพผมฟูมฟาย
ไม่เป็นผู้เป็นคน ก่อนแม่จะหันไปสั่งพี่ไว ว่า..
           “ไว...ไปจัดการหาข้าวตอกดอกไม้ แปงสตวงใส่ขันข้าวหื้อครบเน้อ...แล้วมาปาแม่ไปตี่กลมันตก...แม่จะเอาสายสิญจ์ไปฮ้องเอาเข้าเอาขวัญมันกลับมา...ขะใจ๋ไปบ่าเดี่ยวนี่บ่ดีจ้า...โวยๆ ต้วย”  (ไว..ไปจัดการหาข้าวตอกดอกไม้ ทำสตวงใส่ขันข้าวให้ครบด้วย แล้วมาพาแม่ไปตรงที่กลมันตกนั่งร้าน..แม่จะเอาสายสิญจ์ไปเรียกเอาขวัญมันกลับมา...รีบไปเดี๋ยวนี้....เร็วๆด้วย)  พี่ไวพยักหน้ารับ ก่อนจะกึ่งวิ่งออกไปพร้อมกับคนงานอีกสองคน
ไปจัดการเตรียมของตามที่แม่สั่ง  
          ผมซุกหน้าซบอกแม่แขนตกนั่งเหยียดขายาว น้ำตาไหลพรากๆไม่มีหยุดตาเอาแต่จ้องแต่ประตูห้อง I.C.U.....หมดแรงหมดพลัง หมดอาลัยตายอยาก....เหมือนจะขาดใจเสียให้ได้
         จู่ๆ...ผมขนลุกซู่ขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย...สัมผัสลมเย็น...เย็นเจี๊ยบ..เย็นมาก..เย็นจับขั้วหัวใจ...วูบเข้าปะทะเต็มหน้าอย่างแรง..ถึงกับสะท้านหนาวยะเยือกไปทั้งตัวเลยทีเดียว....ก่อนประตูห้อง I.C.U.  จะถูกเปิดออกมา โดยมีหมอกับพยาบาลเดินตามกันออกมาสองคนถามขึ้นว่า...
          “ใครเป็นญาติคนไข้ครับ”  เสียงของหมอ เหมือนเสียงสวรรค์ เรียกสติผมกลับคืนมาทันทีลุกพุ่งพรวดเข้าไปถึงตัวหมอก่อนใครเพื่อน ก่อนคนอื่นๆ จะเดินเข้ามาสมทบออกันทีหลัง
          “อึก..อึก...ผมครับ..ผมเอง..ผมเป็นญาติคนไข้...หมอครับ..กลไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
ผมรีบถามย้ำ..พร้อมกลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดกำลัง   
          “คนไข้อาการตามร่างกายทั่วไป หมอตรวจละเอียดแล้ว กระดูกไม่หัก ไม่มีไรน่าเป็นห่วง   นอกจากรอยถลอกฟกช้ำตามตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด...คืออาการทางสมอง...เราไม่เข้าใจเหมือนกัน  สมองคนไข้ไม่รับรู้ไรเลย...คนไข้สลบนะครับ...ความจริงแล้วควรจะฟื้นแล้วด้วยซ้ำ...ไม่รู้ทำไมคนไข้ไม่รู้สึกตัว..ตรงนี้แหละครับ..
ที่หมอกังวลและกำลังหาทางแก้ไขกันอยู่...เรายังไม่กล้าวินิจฉัยว่าเป็นอะไร...ต้องรอผลเอ็กซ์เรย์ทางสมองอีกสองชั่วโมง..ว่าได้รับความกระทบกระเทือนไรมากหรือเปล่าคนไข้ถึงไม่รู้สึกตัว...ถึงตอนนั้นหมอจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง..ตอนนี้คนไข้ต้องแอดมิด..ญาติสะดวกห้องธรรมดาหรือห้องพิเศษ ติดต่อกับพยาบาลได้เลยนะครับ   
   หมอขอตัวก่อน..คนป่วยเข้าห้องพักฟื้นแล้วสามารถเยี่ยมได้นะครับ”  พูดจบ หมอก็เดินจากไป   พี่วินรีบดำเนินการจัดการเรื่องห้องพักให้กลมันทันที พี่ผมจัดห้องพิเศษให้  เพราะญาติสามารถนอนเฝ้าไข้ได้ สะดวกทุกอย่างถึงจะราคาแพงมากก็ตาม แต่พี่วินพูดว่างานนี่พวกพี่รับผิดชอบเอง ต้องไปเรียกค่ารักษากับเจ้าของบ้านให้รับผิดชอบด้วย   เพราะเป็นคนจัดหานั่งร้านมาให้...  
             พวกพี่เค้าจะจัดการกันเอง เจ้าของบ้านไม่ยอมหาว่าแพงไป เค้ามีคนรู้จักทำนั่งร้านอยู่แล้ว  จึงรับอาสาเป็นคนไปหามา ปรากฎว่านั่งร้านมีปัญหา โครงเหล็กหลุด จังหวะกลมันขึ้นไปบนนั้นกับผู้ช่วยอีกคน เพื่อเดินสายไฟหลังคา สูงกว่าห้าเมตร   โชคดีอีกคนคว้าจับเสาไว้ได้ทัน แต่กลมันไม่มีที่ยึด หล่นลงมาบนกองทรายที่สั่งมาไว้ใช้ผสมปูนโชคมันยังดีที่ตกบนกองทราย หากลงบนดินล้วนๆ  ไม่รู้แขนขาจะหักพิกลพิการหรือเปล่า
แต่ถึงกระนั้นอาการก็สาหัส มันสลบคาที่..ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย
      พี่ไวกลับมาพร้อมของที่แม่สั่ง ห้องพิเศษว่างหกโมงถึงได้ห้อง ตอนนี้กลยังนอนห้องI.C.U. อยู่รอห้องพิเศษ ถึงย้ายออก แม่เตรียมไปกับพี่ไว..พาผมไปด้วย ที่แรกผมไม่อยากมา อยากจะอยู่รอกลมันฟื้น แต่ไม่รู้แม่มีเหตุผลอะไร บอกผมว่า..หากผมไม่มาแม่ไม่แน่ใจว่า  พิธีเรียกเอาขวัญกลครั้งนี้จะสำเร็จหรือเปล่า เพราะที่นี่ผมสนิทและคุ้นเคยกับกลมันที่สุด   ต้องเป็นผมเท่านั้นที่ต้องไปเรียกมันกลับด้วยตัวเอง   
        เพราะพิธีเรียกเอาขวัญ ภาษากลางเรียกว่าดวงจิต ของคนที่ได้รับอุบัติเหตุไม่ยอมฟื้นเป็นพิธีกรรมลานนาที่สืบทอดกันมานมนานแล้ว หากใครประสพอุบัติเหตุ สลบคาที่แล้วเจ้าของร่างไม่ยอมฟื้น เค้าเชื่อว่าดวงจิตของคนนั้นตกหล่นอยู่ ณ ที่นั่น..หาทางกลับเข้าร่างไม่ถูก   ซึ่งต้องทำพิธีเรียกขวัญกลับคืนร่าง...
             ผมกับแม่ พี่ไวพี่วันสี่คนพากันมาที่บ้านหลังที่กลตกนั่งร้าน ให้พี่วินอยู่จัดการที่โรงบาลมาถึงเป็นบ้านสร้างเพิ่งเสร็จ..ฝีมือพวกพี่ๆ ผมเอง  ลักษณะครึ่งปูนครึ่งไม้สองชั้น  คำนวนจากหลังคาถึงพื้นสูงกว่าสิบเมตร แต่นั่งร้านที่แผ่นเหล็กห้อยต่องแต่งให้เห็นอยู่ตอนนี้  สูงห้าเมตรกว่า เป็นจุดที่กลตกลงมา เพราะมันขึ้นไปเดินสายไฟ
             บริเวณที่มันตกเป็นกองทรายประมาณเกือบสามคิว หนาพอสมควรมีรอยร่างคนชัดเจนให้เห็น โชคดีที่กลมันเอาก้นลงก่อนหัวตามที่หลัง ผมไม่แน่ใจว่าหากเป็นหลังหรือหัวลงก่อนมันอาจพิการหรือตายคาที่เลยก็ได้
          แม่ก็ทำพิธี นำสตวงของเซ่นไหว้วางตรงกองทราย จุดธูปห้าดอกบอกล่าวเจ้าที่ผีบ้านผีเรือน   ก่อนกล่าวคำเชิญดวงจิตของกลมัน ผมก็นั่งพนมมือน้ำตาคลออยู่ด้วยตรงนั้น แม่เดินเอาสายสิญจ์ไปร้อยตรงรอยที่กลมันตก แล้วทำเป็นเงื้อนมัดก่อนจะส่งหางสายสิญจ์ยื่นมาให้ผมจับ   พร้อมกับบอกผมว่า...
              “วี..ลูกอยากให้กลมันกลับไปพร้อมกับลูก ลูกต้องเรียกกลมันเอง พูดยังไงก็ได้ ตั้งจิตให้มั่น เรียกกลให้กลับไปพร้อมกับลูก ให้เกาะปลายสายสิญจ์อีกข้างตามลูกกลับไปเข้าร่างเอาหละ..แม่กับพี่ๆ จะยืนห่างไปเจ็ดก้าว รอลูกอยู่ตรงนั้น ลูกพูดกับกลได้เลย คุยอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะพาเอาดวงจิตกลกลับไปได้”  ผมจ้องแม่น้ำตาคลอ ฟังแม่บอกผมว่าต้องทำยังไง  สมองถึงจะเบลอๆ แต่ผมรู้แม่ต้องการให้ผมทำอะไร  
    พูดจบแม่กับพี่ๆ  ก็พากันเดินไปยืนห่างเจ็ดก้าว ตามที่บอกผมไว้ ผมตั้งจิตพนมมือท่องนโมสามจบ เสร็จแล้วก็เพ่งมองตรงที่รอยมันตก ซึ่งปลายสายสิญจ์ที่แม่ผูกเงื้อนปมมัดไว้วางอยู่ตรงนั้น อีกข้างผมนั่งคุกเข่าจับไว้อยู่ ตั้งจิตอธิฐานอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยาฟ้าดินเจ้าที่เจ้าทาง มาอำนวยพรเปิดทางให้ดวงจิตของกลมัน สามารถสดับรับฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้มันได้รับรู้ให้ได้ยิน..ถ้อยคำจากปากของผม เพื่อจะได้เข้าใจความรู้สึกของผม....
              แล้วผมก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นสั่นพร่า น้ำตาอาบแก้มไหลทะลักอีกครั้ง เพราะมันแน่นจุกอกไปหมด  ช้าๆ ว่า...
               “กล....ได้ยินกูใช่ไหม...มึงฟังกูนะ...กูวี...กวี...สิงห์สุริยะ...เมียมึงไง...มึงเคยบอกกูไว้ใช่ไหมว่า...มึงจะไม่ทิ้งกู...เราสองคนจะจับมือกัน...ไม่ยอมทิ้งกันเป็นอันขาด....มึงรู้ไหม...มึงกำลังทำให้กูร้องไห้...ชีวิตกูตั้งแต่รู้จักกับมึงมาสองปีกว่านี้...กูยังไม่เคยร้องไห้ได้มากมายขนาดนี้มาก่อน.....ครั้งนี้มึงแกล้งกูใช่ไหม...ขอร้อง
หละนะ...มึงอย่าทำแบบนี้เลย....กลับไปกับกู...ไปเข้าร่างมึงที่นอนรอดวงจิตมึงอยู่   มึงจะทิ้งให้กูเป็นม่ายทั้งที่เรายังไม่ได้แต่งงานกันหรือกล....กล...กูขอร้องหละนะ....กูรู้ว่ากูไม่ดีเอง..ไม่เคยพูดความรู้สึกที่แท้จริงให้มึงได้ฟัง....ทั้งที่มึงรอฟังจากปากกูมาตลอด....ตอนนี้กูพร้อมจะบอกมึงแล้ว...มึงต้องตื่นมาฟังด้วยตัวเองรู้ไหม....
กูอยากบอกมึงว่า...กูรักมึง....กล....มึงได้ยินกูพูดไหม...กูรักมึง....
               มึงต้องกลับไปเข้าร่าง...แล้วฟื้นขึ้นมาฟังจากปากกูเอง...อย่าทิ้งกูไปเป็นอันขาด....เข้าใจไหม..
มึงสัญญาแล้วนี่...ว่าจะอยู่กับกู..เราจะไม่ทิ้งกัน...กูมาพามึงกลับแล้วนะ...ได้ยินกูแล้วใช่ไหม..มึงจับสายสิญจ์ข้างนั้นเอาไว้นะ..จับไว้ให้แน่น...กูก็จะจับสายสิญจ์นี่ไว้เช่นกัน...กูจะไม่ปล่อยมือมึง...เราใช้สายสิญจ์นี่แทนการสัมผัสนะกลนะ...ให้มึงรู้ว่ากูมาจูงมือมึงกลับแล้วกล....มึงห้ามทิ้งกูไปเป็นอันขาด...จับไว้นะ...ขอร้องหละกลับไปพร้อมกับกู...ไปเข้าร่างมึง...ฟื้นขึ้นมาฟังกูบอกรักมึงไง....อยากได้ยินไม่ใช่หรือ....ตอนนี้กูรู้แล้ว....
กูรักมึง...ไปนะกล..ไปด้วยกัน...อย่าแกล้งกู...อย่าทำอย่างนี้....ฮือๆ!..”  ผมร้องไห้ฟุบลงกองทราย  
           มือจับสายสิญจ์ไว้แน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลทะลักลงกองทราย พี่ไวกับพี่วันรีบเข้ามาพยุงหิ้วปีกผมลุกขึ้น  พากลับขึ้นรถ  ในขณะที่แม่จับสายสิญจ์อีกข้างพร้อมกอดผมไว้ลูบหัวผมไปมาเบาๆ  ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่า..แม่และพี่ๆได้ยินในสิ่งที่ผมพูดหรือไม่ เพราะผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ใจผมแทบแตกเป็นเสี่ยงๆไม่สนอีกแล้วว่าใครจะคิดยังไง ผมคิดอย่างเดียวหากกลมันเป็นอะไรไป...ผมจะรับความรู้สึกสูญเสียมันไปไหวไหม แค่นี้ผมยังแทบขาดใจอยู่แล้ว  ถ้ามันตายไปจริงๆ ผมคิดว่า..ผมคงอยู่แบบไร้วิญญาณที่มีแต่ร่าง
แต่ไม่มีหัวใจอีกต่อไป...?
Part  44
คำสารภาพ 2.

          พวกผมกลับมาถึงโรงบาล รู้ว่ากลถูกย้ายเข้าห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วผมรีบดิ่งไปที่ห้องทันที..น้ำตาหยุดไหลได้สักครู่ใหญ่ ในมือยังจับสายสิญจ์กำไว้แน่น พอเข้ามาในห้อง พี่วินนั่งตรงโซฟายาวสำหรับญาติเฝ้าไข้ คนงานคงกลับกันไปหมดแล้ว   นาฬิกาตรงผนังหกโมงกว่าใกล้ทุ่มเหลืออีกไม่กี่นาที   
    สภาพกลเหมือนคนนอนหลับ แขนขวาเสียบสายน้ำเกลือห้อยไว้ตรงข้างเตียงหน้าตาไม่มีรอยฟกช้ำให้เห็น นอกเสียจากซีดเซียวเหมือนคนป่วยทั่วไป ผมก้าวเข้าไปหามันทันทีแม่ตามผมมาติดติด ก่อนที่มือผมจะทันได้สัมผัสใบหน้ากลมัน แม่ยื่นมือหยุดผมไว้เสียก่อนพร้อมส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไม่ให้ผมแตะต้องตัวมัน จากนั้นท่านบอกผมว่า...
           “วี..ลูกต้องเอาดวงจิตของกลผูกติดร่างก่อนลูก ไม่งั้นที่ทำมาแต่ต้นจะเสียเปล่า” พอฟังแม่พูดผมนึกขึ้นได้ ก้มมองสายสิญจ์ในมือ ขานรับแม่เสียงแหบ..
           “ครับแม่..เริ่มเลยครับ”  พูดจบ..แม่จับปลายสายสิญจ์อีกข้าง ที่ปล่อยปลายห้อยเอาไว้ดึงแขนผม
ไปชิดเตียง ก่อนจะเอาปมสายสิญจ์วางไว้กลางหน้าผากระหว่างคิ้วกลมันพร้อมหันมาจับมือผมข้างที่กำสายสิญจ์ไว้ แล้วเริ่มท่องว่า..
            “ขวัญเอ้ย...ขวัญมา...ขวัญแก้วตั้งสาม ขวัญสามสิบสองขวัญ อ้ายไปตก-เอี้ย-ตกหายตี่ไหน..ขอฮื้อกลับมาสู่ฮ่าง..อย่าได้แอ่วไกล..มาเต๊อะอ้ายมา...เข้าฮ่างตัวเก่าบ่ดีได้เจ็บได้ไข้ป้นเคราะห์ป้นโศกวิโยก*อะไร...สัพพะทุกข์ใดใด บ่ได๋ใกล้ก่าย...หมดทุกข์หมดโศรก...ฮื้อมาตี่นี่...ตื่นฟื้นลืมตา..กลับมา.โวยโวย...ขันแก้วตั้งสามนำต้างอ้ายเน้อ....สัพทุกข์..สัพเคราะห์...สัพโศรก..สัพโรคตั้งหลาย..ป้นจากร่างกาย...ฮื้ออ้ายแข็งแรง...เน้อลูกเน้อ...สาตุ..สาตุ..สาตุ...”      
            (ขวัญเอย..ขวัญมา  ขวัญแก้วทั้งสาม  ขวัญสามสิบสองขวัญ ของเจ้าไปตกที่ไหน ขอให้กลับสู่ร่าง อย่าได้เที่ยวไกล มาเถิดเจ้ามา..กลับเข้าร่างตนเอง อย่าได้เจ็บได้ไข้ พ้นเคราะห์พ้นโศรกวิโยก*อะไร สัพทุกข์ใดใดอย่าได้ใกล้กาย หมดทุกข์หมดโศรก ให้มาที่นี่ตื่นฟื้นลืมตา กลับมาไวไว ขันแก้วทั้งสามนำทางเจ้าด้วย สรรพทุกข์ สรรพเคราะห์สรรพโศรก  สรรพโรคทั้งหลาย พ้นจากร่างกาย ให้เจ้าแข็งแรง นะลูกนะ..สาธุ..สาธุ.สาธุ)  
              ระหว่างท่องบทเชิญดวงจิตคืนสู่ร่าง แม่ก็จับมือผมลากสายสิญจ์ตั้งแต่กลางหน้าผาก วนไปทั่วร่าง
ของกล แล้วมาจบกลางหน้าผากอีกครั้ง แม่ให้ผมพูดกับกลมันบอกให้มันรับรู้ว่าเรานำดวงจิตมาหาร่างแล้ว  
ให้มันเข้าไปในร่างเสียที..  
            ก่อนจะถอยไปยืนอยู่ข้างๆ..ซึ่งพี่ผมทั้งสามคน ยืนอยู่ในห้องกันหมดผมค่อยๆ  เปล่งเสียงแหบพร่าบอกมันช้าๆ  ด้วยความตั้งใจไปว่า
           “กล..กูพามึงมาแล้วนะ..รีบกลับเข้าร่างมึงเดี๋ยวนี้เลย...อย่าลืมสัญญากูเด็ดขาดห้ามทิ้งกู..ตื่นมาไวไวนะ..
รู้ไหม..กู..รอมึง..อยู่..อึก..อึก..ฮือ..ฮือ!.” แม่เห็นผมน้ำตาไหลยักหน้าเรียกให้พี่ชายมาพาผมไปนั่งตรงโซฟา  ก่อนที่ท่านจะเอาสายสิญจ์จากมือผมไปผูกห้อยคอกลมันเอาไว้ แบ่งผูกข้อมือให้อีกสองข้าง เสร็จแล้วท่านก็หันมาพูดกับผมว่า
              “รอดูสามวันเจ็ดวันนี่แหละ..ฟื้นไม่ฟื้นแล้วแต่บุญแต่กรรมหละทีนี้..”  พูดจบหมอกับพยาบาลก็เปิดประตู..ถือฟิมล์เอ็กซ์เรย์เข้ามาพอดี ก่อนจะพูดว่า...
              “เราได้ผลเอ็กซ์เรย์สมองของคนไข้แล้วครับ สบายใจได้ครับ..สมองคนไข้ไม่ได้รับ
การกระทบกระเทือนมาก...ไม่มีไรที่น่าเป็นห่วง ตอนนี้รอคนไข้ฟื้นเท่านั้น ถึงจะวินิจฉัยอาการกันอีกที...”  
ผมรู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินหมอพูดแบบนี้ ก่อนพี่ไวจะถามหมอว่า..
            “พอจะบอกได้ไหมครับ คนไข้จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่?.”  หมอตอบว่า
            “หมอยืนยันแน่ชัดไม่ได้นะครับ เพราะที่คนไข้สลบ..ไม่ได้เกิดจากการวางยาแต่สืบเนื่องมาจากอุบัติเหตุ ฉะนั้นต้องแล้วแต่ร่างกายคนไข้เอง..ว่าจะคืนสติมาตอนไหนหมอไม่กล้ายืนยันให้หรอกครับ เคสที่ผ่านมากรณีนี้ เร็วสุดไม่เกินสองสามชั่วโมง ช้าสุดสามถึงสี่วันเคยมีมาแล้ว ต้องดูกันอีกทีครับ”  พี่วินยังถามต่อครับ...
             “พอจะมีตัวยาที่ช่วยกระตุ้นให้คนไข้..รู้สึกตัวได้เร็วหน่อยมีไหมครับหมอ”  ผมก็พยายามลุ้นคำตอบหมอเหมือนกัน...
              “ยาส่วนใหญ่ใช้กระตุ้นระบบหัวใจครับ  กรณีคนใครช๊อคหมดสติเพราะหัวใจไม่ทำงาน   แต่คนไข้
รายนี้ หัวใจเค้าทำงานปกติสมองก็ปกติ  ทางโรงบาลไม่สามารถสั่งยาให้ได้นอกจากยาบำรุงร่างกาย โดยผ่านสายน้ำเกลือ เพราะคนไข้ไม่สามารถทานอาหารได้เองเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหาร  เข้าใจนะครับ”  พูดจบหมอก็ขอตัวกลับออกไปห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ก่อนที่แม่จะพูดขึ้นมา....
              “เอาหละ...จะมารอกันอยู่แบบนี้ไม่ได้นะลูก...คนเจ็บจะพลอยทำให้คนดีเสียเวลาทำมาหากินไปด้วย ทางที่ดีแม่ว่า..เราสามคนกลับไปอาบน้ำหาข้าวปลากินกันให้เรียบร้อยก่อน ปล่อยแม่อยู่กับวีที่นี้ เสร็จแล้วใครก็ได้เอาข้าวมาส่งให้วีทีหลังอย่าลืมเอาเสื้อผ้ามาให้น้องเปลี่ยนอาบน้ำด้วย ยังไงวีต้องอยู่เฝ้ากลแล้ว...
             เดี๋ยวแม่ค่อยกลับพร้อมกันตอนเอาของมาอีกรอบ ที่สำคัญพรุ่งนี้เรายังต้องเคลียร์งานกันอีกไม่ใช่หรือลูก รีบทำให้มันจบส่งงานเค้าให้เรียบร้อย จะให้เค้ารับผิดชอบเรื่องนั่งร้านก็ต้องไปคุยกันให้เรียบร้อย ไวปรึกษาหารือกับน้องๆ ให้เรียบร้อยก่อนไปคุยกับเจ้าของบ้านเค้านะลูก  อย่าใช้อารมณ์เป็นอันขาด พูดด้วยเหตุผล ชี้ให้เค้าเห็นความเสียหายที่เกิดกับคนของเรา”  แม่พูดจบ  พี่ๆ ผมก็พยักหน้ารับ ก่อนยกมือไหว้ลาแม่ ทยอยกันเดินออกจากห้องไป
             ผมยังคงนั่งวางศอกบนเข่าหน้าซบฝ่ามือ สมองตื้ออยู่เหมือนเดิม ยอมรับว่าแม่ผมยังคงเป็นหญิงแกร่งนักบริหาร..คอยเป็นธุระแนะนำทุกอย่างด้วยดีเหมือนเดิม ผมถึงกล้าพูดได้เต็มปาก   ผู้หญิงคนนี้..ทั้งเก่ง
ทั้งฉลาดเลี้ยงพวกผมแปดคนด้วยลำแข้งตัวเอง หลังจากพ่อจากไป...แม่ไม่เคยทำให้พวกเรารู้สึกขาดแม้แต่น้อย สัมผัสมือนุ่มที่ลูบหัวผมเบาๆ  ก่อนแม่พูดขึ้นว่า....
              “แม่ว่าวี..ควรบอกทางบ้านกลเค้าหน่อยนะลูก...ว่าเกิดอะไรขึ้น...ให้พ่อแม่กลรับรู้เอาไว้ เกิดผิดพลาดไรมา...เค้าจะได้ไม่โทษว่าเราได้ เผื่อเค้าอยากจะมาเยี่ยมกล หรือหากญาติพี่น้องเค้าต้องการยังไง ต้องให้ครอบครัวกลตัดสินใจนะวี...ลูกมีหนทางติดต่อเค้าหรือเปล่า?”  พอแม่เตือนสติผมเพิ่งนึกได้ว่าควรโทรไปบอกแม่กลให้รับรู้ ผมมีเบอร์บ้านกลจดไว้ในกระเป๋าสตางค์แม่กลให้ไว้ยามฉุกเฉิน คราวนี้ฉุกเฉินจริงๆ นึกแล้วก็ลำบากใจ ตั้งแต่ออกจากบ้านกลวันนั้นนี่ก็สองอาทิตย์กว่าเข้าไปแล้ว ไม่ได้ติดต่อท่านเลย พอจะโทรไปกลับต้องเอาข่าวร้ายไปให้ท่านรับรู้อีก ไม่รู้หัวอกคนเป็นแม่จะรู้สึกยังไง ถึงขั้นนี้จำเป็นต้องทำ..ผมหันไปรับคำ
กับแม่ก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์..ยกหูกดผ่านประชาสัมพันธ์ของโรงบาล ขอความกรุณาต่อสายตรงทางไกลให้หน่อย เค้าก็ดำเนินการให้ตามเบอร์ที่ผมแจ้งไปค่าใช้จ่ายรวมบิลรักษาพยาบาล
            “กริ๊งๆ....กริ๊งๆ”  ผมฟังสัญญาณเรียกสาย  ก่อนจะมีคนยกหูรับ
            “ฮัลโหล...บ้านพิทักษ์พงษ์ค่ะ”  เสียงผู้หญิงไม่ใช่แม่กล   ผมรีบตอบกลับไปว่า
            “หวัดดีครับ...ผมวีนะครับ ขอพูดกับแม่ของกลหน่อยครับ”  ปลายสายอึ้งไปสักครู่ ก่อนตอบผมมาว่า...
           “ค่ะ..พี่วีรอสักครู่นะค่ะ..เดี๋ยวกุลาจะไปตามคุณน้ามาให้”  คนรับสายคือกุ้งกุลา น้องสาวกุ้งนางนั่นเอง..
          “ครับ..ขอบคุณมากครับ”  แล้วผมก็ยืนรอสาย..สักพักแม่กลก็มารับ ดีใจมากที่ท่านยอมคุยกับผม ระหว่างที่รอใจตุ่มๆต่อมๆ กลัวท่านไม่ยอมคุยด้วย ลุ้นแทบตาย
          “วีหรือลูก...นี่แม่พูดนะ...กลเป็นยังไงบ้าง..”  พอรับสายท่านยังพูดกับผม ด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม  ทำเอาน้ำตาผมแตกขึ้นมาทันที รู้สึกเหมือนท่านให้อภัยผมแล้วซะงั้นไม่คิดว่าท่านจะยังคงเรียกผมลูกทุกคำ พอแม่เห็นผมร้องไห้ ท่านก็เดินเข้ามากอดผมไว้ พร้อมกับตบบ่าให้กำลังใจไปด้วย  ท่านกลัวทางโน้นจะตกใจที่ผมร้องไห้ แล้วยังบอกข่าวร้ายอีก เป็นใครก็ใจไม่ดีแน่ๆ  และก็จริงเพราะแม่กลรีบถามอย่างร้อนรนทันที
            “วี...ลูกร้องไห้ใช่ไหม...เกิดอะไรขึ้น  บอกแม่สิลูก...”  ผมรู้สึกแย่ชะมัด ที่ทำให้ท่านต้องเสียใจ
อีกครั้ง  สองอาทิตย์ก่อนท่านเพิ่งจะร้องไห้เสียใจเรื่องของกลกับผม ไม่ทันไรกลับต้องมาเสียใจเรื่องนี้อีก  
แต่เมื่อไม่มีทางเลือกผมจำเป็นต้องพูด
           “แม่ครับ...ตะ..ตอนนี้..กลอยู่โรงบาลที่บ้านวี   จังหวัด xxx.. แม่ใจดีดีนะครับ กลตกนั่งร้านก่อสร้าง  ตอนนี้ยังสลบไม่ฟื้นเลยครับ วีโทรมาบอกแม่”   พูดได้แค่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนของตกแตก..
คิดว่าน่าจะเป็นแก้ว  ก่อนที่จะได้ยินเสียงรอดผ่านโทรศัพท์ ของกุ้งกุลาแทรกเข้ามา....
           “คุณน้า..คุณน้าค่ะ..เกิดอะไรขึ้น  คุณน้าใจดีดีไว้...”  อลหม่านกลหลกันพอประมาณ ก่อนหูโทรศัพท์จะมีคนพูดขึ้นอีกครั้ง...
            “พี่วี...นี่กุลาเองนะค่ะ ตอนนี้คุณน้าเป็นลมอยู่ค่ะ หนูเพิ่งปฐมพยาบาลท่านเสร็จ” ผมใจไม่ดีเลย ยังไงกลก็ลูก..ผมเข้าใจแม่กลต้องรักมันมาก พอได้ยินข่าวนี้ท่านคงตกใจจนเป็นลม  ผมเองยังสติแตกจิตหลุดไปเลยเหมือนกันที่รู้ตอนแรก...
             “พี่วี...รอสักครู่นะค่ะ  คุณน้าจะคุยด้วยค่ะ”  ได้ยินกุ้งกุลาบอกแบบนั้น ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
อย่างน้อยแม่ก็กลับมาคุยสายได้  ท่านคงอาการดีขึ้นแล้ว
             “วี..ลูก..กลอาการหนักแค่ไหน...หมอว่ายังไงบ้าง”  ท่านถามมาเสียงสั่นๆ คิดว่าคงร้อง กำลังพยายามควบคุมสติอยู่เป็นแน่  ผมรีบตอบให้ท่านสบายใจไปว่า
            “อาการโดยรวม  หมอบอกไม่เป็นไรมากครับ แค่ฟกช้ำเล็กน้อย แต่กลมันสลบไม่ฟื้น หมอให้รอดูอาการอยู่ตอนนี้”  
            “กลตกลงมาสูงมากไหม”  ท่านยังกังวลมาก
            “นั่งร้านสูงประมาณห้าเมตรครับแม่  แต่แขนขาไม่หักนะครับ ตอนนี้เรากำลังรอให้กลฟื้น  ยังตอบอะไรไม่ได้มากครับ”  ผมตอบไปตามจริง
            “เอางี้...บ้านวีอยู่จังหวัดไหน...วีบอกที่อยู่แม่มา ทวนชื่อโรงบาลที่กลเข้าพักให้แม่อีกครั้ง   แถวนั้นมีโรงแรมไหนใกล้ๆบ้าง บอกแม่ให้ละเอียด แล้วไงพรุ่งนี้เช้าแม่จะรีบไป”  พอแกพูดมาแบบนี้
ผมก็ค่อยๆ อธิบายรายละเอียดบอกไปช้าๆ โดยแกทวนให้กุ้งกุลาจดให้อีกที ก่อนวางสาย แกทิ้งคำพูดไว้กับผมว่า....
             “วี...แม่ฝากกลด้วยนะลูก...รอแม่ก่อน...พรุ่งนี้ไม่เกินสี่ห้าทุ่มแม่คงไปถึง ดูแลกลแทนแม่ด้วย
นะวี..”  คำพูดของแกทำให้ผมน้ำตาไหลพรากๆ  ออกมาอีกครั้ง
เหมือนคำฝากฝังของแก เป็นการบอกกลายๆ ว่าแกทำใจยอมรับเรื่องราวของผมกับกลได้บ้างแล้ว   ผมสะอื้นตอบกลับแกไปว่า...
             “..อึก..ฮือ..ฮือ..ครับแม่...แม่ไม่ต้องห่วง...อึก..ฮือ..ผมจะดูแลกลอย่างดี....ขอบคุณครับแม่..ฮือ..
ฮือ..”  พูดจบแกก็วางหู ผมหันมาโผล่เข้ากอดก้มหน้าซบไหล่แม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้น แกลูบหัวลูบบ่าผมปลอบเบาๆ จนผมหยุดสะอื้น แกค่อยจูงผมกลับมานั่งด้วยกัน ตรงโซฟา เมื่อเห็นผมหยุดร้องแล้ว  แกก็พูดขึ้นว่า....
             “วี....แม่ไม่รู้ว่าลูกกับกล...อะไรยังไงกัน...แม่เห็นอาการของลูกวันนี้..แม่รอให้ลูกเป็นฝ่ายพูดให้แม่ฟัง...พร้อมที่จะบอกแม่หรือยัง”  พอแกพูดเท่านั้นแหละ...ผมทรุดลงไปนั่งพับเพียบตรงหน้าแกทันที  ก่อนจะพนมมือก้มกราบแทบเท้าแก เงยหน้าขึ้นมาเห็นแกจ้องผมก่อนแล้ว  แม่น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ภาพที่เห็นสะเทือน
ใจผมเป็นอย่างมาก หน่วงหนึบเกาะกุมไปทั่งใจ จุกแน่นหน้าอกไปหมด ผมทำให้แม่ร้องไห้น้ำตาไหลอีก
ครั้งแล้ว..   
              นั่งพนมมือแนบอก พยายามเปล่งเสียงพูดช้าๆ น้ำตาไหลย้อยเต็มหน้าตาพร่าไปหมด สารภาพกับ
แม่พระของผมไปว่า...
                  “แม่ครับ..วีกราบขอโทษ....ที่ทำให้แม่ผิดหวัง...วีกับกลเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนธรรมดา เราอยู่ด้วยกันแบบคนรักมาสองปีกว่าแล้วครับแม่  วีเองก็ไม่รู้..ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร วีอยากให้แม่เข้าใจพวกเรา..อย่าได้รังเกียจไม่ยอมรับในสิ่งที่วีเป็นเลยนะครับ  หากแม่รับวีไม่ได้ วีคงอกแตกตายแน่ๆ  แม่ต้องการให้วี
ทำอะไร...วีไม่เคยขัดเลย  วีขอเรื่องนี้เรื่องเดียววียอมรับครับ  ‘วีรักกล’  เราสองคนรักกัน แม่ให้โอกาสเราคบกันนะครับ นะแม่นะ..วีขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ นอกนั้นแม่ต้องการให้วีทำอะไร  วีจะไม่ขัดเลยสักนิด
ขอให้เราได้รักกัน แม่ให้วีนะครับแม่”  
             พูดจบผมก้มกราบฟุบแทบเท้าแม่ ร้องไห้อยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลย้อยเต็มหลังเท้าแม่ไปหมด ไม่ยอมเงยหน้าเลย สักพักใหญ่ถึงค่อยสัมผัสมือนุ่มอบอุ่นแสนคุ้นเคย ค่อยๆบรรจงลูบบนหัวผมช้าๆ   แล้วแม่ก็ประคองไหล่ผม..จับให้เงยหน้าขึ้นมามองแก   น้ำตาแม่ยังคลอหน่วยให้เห็นก่อนจะพูดกับผมว่า..
             “แม่ไม่รู้..สิ่งที่วีเป็นเขาเรียกอะไร แม่ไม่กล้าพูด..ว่าลูกแม่เป็นกระเทย แม่รู้จักลูกแม่ดีทุกคน
แม่จึงไม่อยากพูดว่าลูกแม่เป็นกระเทย แม่เชื่ออยู่เสมอว่าลูกแม่ไม่เคยเป็นและไม่คิดจะเป็น เมื่อมันเป็นแบบ
นี้แล้ว ไม่มีแม่คนไหนที่จะเกลียดลูกในไส้ของตัวเองได้หรอก แม่ทุกคนต่างต้องการเห็นลูกมีความสุข  
อยากมองความสำเร็จของลูก แค่นี้คือความสุขของคนที่เป็นแม่แล้ววีทำใจให้สบายนะลูกนะ ลูกเป็นลูกที่ดีมาโดยตลอด เรื่องที่ลูกรักกัน ถึงแม่จะไม่เข้าใจ แต่แม่ขอให้ลูกรับปากแม่ข้อหนึ่ง...ว่าลูกจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน วีรับปากแม่ได้ไหมลูก”  ทุกถ้อยคำ จากปากแม่พระของผม ดังสะท้อนก้องอยู่ในหู ผมยิ้มทั้งน้ำตา โผล่เข้ากอดเอวซบตักแม่แน่นน้ำตาที่ไหลอยู่ขณะนี้ เป็นน้ำตาแรกของวัน ที่ไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มดีใจสุดๆ
วันนี้ผมไม่รู้ว่าร้องไห้ไปกี่รอบ  แต่ทุกครั้ง  มันออกมาเพราะความเศร้า  วิตกกังวลนี่เป็นน้ำตาแรกที่ได้จากความอิ่มใจสุขใจ และคนที่มอบให้ คือแม่ของผม.... ‘แม่พระของวี’...
           หลังจากผมรับปากยืนยันให้ความมั่นใจแม่ไปแล้ว..ว่าผมจะเป็นคนดี จะไม่ทำความเดือดร้อนสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม ผมเข้าใจที่แม่ขอสัจจะวาจาเรื่องนี้จากผม เพราะสมัยนั้น..กระเทยที่เค้าเรียกกัน  มักมีข่าวที่เสียหาย พวกหัวรุนแรง ปากร้าย ฯลฯ ภาพพจน์ของกลุ่มนี้จะออกมาแรงๆ ไม่ได้สร้างสรรค์เหมือนในสมัยนี้
จึงไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ กระเทยสมัยนั้นเป็นพวกสังคมรังเกียจ โดนดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ทั้งทางสายตาและถ้อยคำเจ็บแสบแม่กลัวผมจะกลายเป็นแบบนั้น ท่านจึงขอผมเรื่องนี้ ผมเองไม่รู้หรอกว่าที่ผมเป็น..จัดเป็นพวกกระเทยหรือเปล่า รู้แต่ว่าผมแตกต่างแน่นอน ที่กล้ายืนยันชัดเจนเลยก็คือ..
                  ผมไม่เคยนึกอยากสวมกระโปรง แต่งหน้าทาลิปสติค หรือแม้กระทั่งกรี๊ดกร๊าดวี๊ดว้าย   ดัดจริตจีบปากจีบคอ เดินหนีบตูดบิดไปบิดมา...ผมไม่เคยมีกริยาเหล่านี้ ผมมั่นใจว่าผมคือผู้ชายคนหนึ่งที่ดันรักผู้ชายด้วยกัน และยอมอยู่ในฐานะที่สังคมเรียกว่า ‘เมีย’กับกลสิทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้นจริงๆ
       จากนั้นแม่ก็ให้ผมเล่า ความเป็นมาคร่าวๆ  ระหว่างผมกับกลให้ฟัง..ว่า รู้จักกันยังไงถึงกลายมาเป็นแบบนี้ ผมก็เล่าให้แกฟัง พยายามข้ามช๊อทที่เป็นผลลบของกลตัดทิ้งให้หมด ไม่อยากให้แม่รู้สึกไม่ดีกับพฤติกรรมเก่าๆ ของกลอีกคน....
        เล่าแม้กระทั่งเรื่องความแตก...พ่อกลไม่ยอมรับพวกเรา..ถึงกับตัดพ่อตัดลูกกับกลมันเลย แม่ฟังไปก็พยักหน้ารับไปด้วย  สุดท้ายแม่ถึงพูดให้ผมเข้าใจ  ความรู้สึกของพ่อกลว่าผู้ชายส่วนใหญ่ เค้ารับได้ยาก เพราะมันหมายถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ที่ต้องนำมาประจานต่อคน บ้านใกล้เรือนเคียง  ญาติมิตร  ถึงยังไงกลก็ใช้นามสกุลพ่อ  นามสกุลเป็นตัวชี้ชัด ไม่ใช่เรื่องที่พ่อกลจะยอมรับกันได้ง่ายๆ แต่แม่รับปากว่า..
หากครอบครัวกลมากันครบ  คงถือโอกาสเชิญทานข้าวที่บ้านผมสักมื้อ และอาจมีการพูดคุยกันระดับผู้ใหญ่..
ในเรื่องของเราสองคน  ว่าจะทำยังไงกันต่อไป แม่บอกว่าคืนนี้..แม่จะพูดกับพี่น้องผมให้รับรู้เรื่องนี้จากปาก
แม่เอง

               เชื่อไหม...ความรักของผม..ผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ถึงทุกวันนี้กระทั่งยืนอย่างสง่าผ่าเผยแหงนหน้าไม่อายฟ้า  ก้มหน้าไม่อายดิน หนึ่งเดียวที่ไม่สามารถลืมได้เลย และเราทั้งคู่สำนึกพระคุณท่านมาตลอดคือ
‘แม่ของผม’  แม่คือผู้ให้จริงๆ....?   

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
24560
Zenny
38464
ออนไลน์
2328 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-25 17:21:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-27 12:06:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
21
พลังน้ำใจ
16937
Zenny
6577
ออนไลน์
3027 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-28 15:32:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ขอบคุนครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
679
Zenny
156
ออนไลน์
324 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-29 23:09:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคับผม {:4_112:}

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
3195
Zenny
1734
ออนไลน์
988 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-30 01:47:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนมากครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
3195
Zenny
1734
ออนไลน์
988 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-30 01:47:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-24 05:01:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-24 17:29:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราบ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
574
Zenny
-139
ออนไลน์
359 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-11-24 21:10:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-1-16 19:06:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟผม

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-17 20:40:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
31212
Zenny
947
ออนไลน์
4177 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-17 22:16:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
83747
Zenny
75689
ออนไลน์
6898 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-11-23 22:11:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุคัรบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-4-25 18:14:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ใจจะขาดเลยซิวี

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
25772
Zenny
21604
ออนไลน์
1006 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-8-24 23:43:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับ

นายกสโมสร

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
159541
Zenny
289708
ออนไลน์
46421 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-8-26 02:07:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณ มาก ครับผม

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
34370
Zenny
27552
ออนไลน์
1783 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-1-19 02:25:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โสด สุดดดด

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
65832
Zenny
23628
ออนไลน์
10652 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-1-19 22:59:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แม่พระจริงๆครับ ^^
Every cloud has a silver l

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
35268
Zenny
18694
ออนไลน์
3852 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-1-21 21:42:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 19:38 , Processed in 0.130450 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้