#1#
ตอนนี้เป็นตอนเย็นวันจันทร์ครับ ตอนเช้าผมเรียน 4 คาบ สังคม คณิต ชีวะสองคาบต่อกัน เสร็จแล้วก็พักกลางวัน จากนั้นก็ต่ออีก 3 คาบ คือ ฟิสิกส์สองคาบ และภาษาไทยอีกหนึ่งคาบ
ผม “อณพัธ ” นักเรียนชาย ม.4 ที่เคยถูกบันทึกชื่อลงบัญชีหนังหมาของห้องปกครองมานับไม่ถ้วน คะแนนความประพฤติของผมติดลบ 180 ... เอาเถอะครับ ยังไงก็ตาม ถ้าให้ผมมาบรรยายความชั่วของตัวเองเนี่ย ผมคงจะบรรยายไม่หมดหรอกครับ
แต่ก็นะ.. ผมกลับตัวกลับใจเรียบร้อยแล้วล่ะคับ ตอนนี้ผมกำลังประพฤติตัวเป็นเด็กดีๆสุดๆ เพราะอะไรเหรอครับ.. ? ฮ่าๆๆ
ที่ผมกลับตัวกลับใจน่ะ ก็เพราะว่า... มีคนบางคนขอไว้น่ะสิครับ
“เฮ้ย.. พัท”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินยิ้มร่า สะพายกระเป๋าข้างเดียวเข้ามาหา มันเป็นคนตัวเล็กๆขาวๆ
ใส่แว่นครับ ยิ่งเวลาอากาศร้อนๆ ทั้งหน้าทั้งตัวมันจะแดงๆอ่ะคับ น่ารักมาก.. อ้อ... มันชื่อ “ไผ่” ครับ
“เรียกกูทำไมวะ”
“มึงจะไปไหน”
มันถาม แล้วเดินเข้ามายื้อผมไว้ อยากจะถาม.. มึงจะยื้อไว้ทำเชี่ยไร... กูจะกลับบ้าน
“กูจะกลับบ้านแระ ทำไม หรือมึงจะไปกับกู”
มันพยักหน้า แล้วเอื้อมมือมาดึงกระเป๋าของผมไปถือเอง อ่าว... กระเป๋าตัวเองก็หนักอยู่แล้ว จะแย่งไปทำไมเนี่ย
มันคงเห็นผมทำหน้างงๆน่ะครับ มันเลยบรรจงตบหลังผมเข้าให้หนึ่งที
“รีบๆเดินดิ่วะ ยืนทำหน้าเป็นหมาสงสัยอยู่ทำไม”
อ่าว... ไอ้เชี่ยไผ่ -*-
เดินๆไปไม่นานก็ถึงบ้านครับ ผมเดินเลยบ้านตัวเองไปอีกหน่อย เพื่อเดินไปส่งไผ่มัน ไอ้ไผ่มันอยู่คนเดียวครับ พ่อกับแม่มันทำงานอยู่กรุงเทพ ขอบอกว่าพ่อกับแม่ไอ้ไผ่รักลูกมากก... ถึงขนาดจ้างผมให้ดูแลมัน ซึ่งผมก็ปฏิเสธไป เพราะไผ่มันก็เพื่อนผม ผมห่วงเพื่อนอยู่แระ ฮ่าๆๆ
ไผ่มันเปิดประตูบ้านเสร็จก็กวักมือเรียกให้ผมตามมันเข้าไปในบ้าน ผมก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะ...
“เอ้า ของมึง”
มันวางกระเป๋าของผมกับของมันไว้บนโซฟา เดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นแล้วโยนเบียร์มาให้ผมครับ ฮ่าๆๆ รู้ใจผมจริงๆ
ผมยิ้มรับหน้าชื่นตาบาน แล้วเปิดเบียร์ยกขึ้นซดดังอึกๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ชื่นใจกับเบียร์เย็นๆ สายตาก็มองเห็นไอ้ไผ่มันกำลังจะเปิดเบียร์
กระป๋องใหม่.. ไม่ได้!
“มึงห้ามกิน”
ผมลุกขึ้นไปคว้าเบียร์ออกจากมือมันเลย แม่ง.. ไอ้เชี่ยนี่ รู้ทั้งรู้ว่าผมห้ามไม่ให้กิน ยังจะเสือกเปิดกินต่อหน้าคนห้าม
เพื่อนผมมันควายหรือฉลาดน้อยกันแน่วะเนี่ย
“อ่าว... ทีมึงยังกินเลย ทำไมกูจะกินไม่ได้”
มันย้อนถามหน้าซื่อ เชี่ยไผ่ เดี๋ยวเถอะมึง...
“มึงห้ามกิน”
ผมย้ำ แล้วยกเบียร์ของตัวเองกินจนหมด
“นั่นๆ กินเข้าไป ทีกูละห้าม แม่ง...”
เชี่ยไผ่ บ่นหงุงหงิงๆอยู่กับตัวเอง ค้อนผมด้วยสายตาไม่พอใจ
“เออ อยากกินมากนักใช่มั้ย”
ผมเริ่มหงุดหงิดล่ะครับ ผมเปิดเบียร์ที่แย่งมาจากมันเมื่อกี้ แล้วกินเข้าไปอึกหนึ่ง
จากนั้นก็เดินเข้าไปจูบมันเบาๆ ไอ้ไผ่หน้าเหวอเลยครับ มันคงจะนึกไม่ถึงว่าผมจะทำแบบนี้ เลยเผลออ้าปากออกโดยไม่รู้ตัว
ผมเลยถือโอกาสนั้นดันเบียร์เข้าไปในปากมันครับ พอหมดก็ถอนปากออกมา
ไอ้ไผ่หน้าแดงเป็นมะเขือเทศเลย ไม่รู้มันอาย มันโกรธ หรือมันเมากันแน่ ฮ่าๆๆ
“เชี่ยพัท.. มึงนะมึง...”
“ก็อยากกินไม่ใช่เรอะไง กูก็ให้มึงกินแล้ว เป็นไงอร่อยป่ะ”
“อร่อยบ้านมึงสิ ขมจะตายห่า" อ่าว... มึงเป็นคนอยากกินเองนะ เสือกมาด่ากูอีก -*-
“บ้านกูที่ไหนล่ะ บ้านมึงต่างหาก ฮ่าๆๆ”
“เชี่ยนี่! ไปๆ กลับบ้านมึงไปได้แล้วไป”
“ฮ่าๆๆ อยากกินเบียร์อีกบอกกูนะ กูจัดให้”
อ๊ะๆ อย่าคิดว่าพวกผมเกินเพื่อนนะครับ พวกผมแค่ “เพื่อน” กันเท่านั้น... ผมกับมันรู้จักกันตั้งแต่ ม.1 จนนี่ ม.4 แล้ว ยังหนีกันไม่พ้นครับ
ผมกับไอ้ไผ่เรียนสายวิทย์... อย่าๆ อย่าเพิ่งมองผมแบบนั้น
ก็ตอนจะขึ้น ม.4 อ่ะดิ่คับ ไอ้ไผ่มันติวหนังสือให้ผม ผลการสอบของผมเลยออกมาในเกณฑ์ค่อนข้างจะดี เลยถูกจับให้อยู่ในสายวิทย์
ต่างจากไอ้ไผ่ครับ มันกระตือรือร้นที่จะเข้าสายวิทย์อยู่แล้ว ซึ่งก็ได้สมความปรารถนาของมันอ่ะแหละครับ
ผมคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยๆ จนไปๆมาๆ ขึ้นมาอยู่บนห้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ ผมถอดกางเกงนักเรียนออก ใส่ขาสั้นแทน
จากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกทั้งแถบเลยครับ แต่ไม่ถอด.. ฮ่าๆๆ โชว์คับ ผมมั่นใจว่าตัวเองน่ากินอยู่แล้ว เพราะผมผิวขาว
แถมยังมีเชื้อสายจีนนิดๆด้วย เลยค่อนข้างจะมีคนสนใจผมไม่มากก็น้อยครับ ผมปิดไฟ แล้วเดินลงมาจากห้อง รู้สึกหิวๆนิดหน่อย
เลยกะจะเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน
แต่... ยังไม่ทันจะได้ดูอะไร ผมก็ได้ยินเสียงอือๆอาๆ ดังลอดออกมาจากในครัว ด้วยความสงสัยผมเลยเดินเข้าไปเปิดประตู แง้มๆดู
สิ่งที่เห็นเล่นเอาผมแทบช็อก พ่อผม... กับ ไผ่...
“ไม่เอาครับ คุณลุงปล่อยผมเถอะครับ ผมแค่จะมาหาพัท อื้อ..”
“พัทมันอยู่ข้างบน ยังไม่ลงมาตอนนี้หรอก”
เสียงที่ได้ยินแว่วๆมาจุดประกายให้ความโกรธของผมพุ่งขึ้นทันที ผมแกล้งเดินขึ้นไปบนบันไดสองสามขั้น
แล้วกระแทกตีนเบาๆคล้ายๆเดินลงมาจากห้อง แล้วตะโกนเรียกเสียงดัง
“พ่อ... พ่อ... พ่ออยู่ไหนอ่ะ”
จากนั้นก็ทำเป็นเดินเข้าไปในครัวครับ เห็นพ่อแค่คนเดียว แต่ประตูหลังบ้านเปิดเอาไว้ ไผ่มันคงจะออกไปแล้ว พ่อปรับสีหน้าเร็วมากครับ
เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“มีอะไร”
“ผมไปหาไผ่นะ วันนี้คงค้างบ้านมัน ผมไปล่ะ”
เชี่ยไผ่... มึงกล้ามายั่วพ่อกูถึงบ้าน... งั้นวันนี้มึงก็ต้องเจอกับกู!!!
ผมเดินกำมือไปบ้านมัน ตอนนั้นหูอื้อตาลาย โกรธมากครับ ในใจคิดไปต่างๆนาๆ ว่าถ้าผมไม่ไปเห็นเข้า ไอ้ไผ่มันจะทำไรกับพ่อผมบ้างก็ไม่รู้
คือที่รู้ๆว่าตอนนั้น ผมไม่ทันคิดเลยว่า “ไผ่จะบริสุทธิ์” ประมาณว่าปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็นไปแล้ว ผมยังเสียใจที่ตัวเองใช้อารมณ์นำทาง มาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ
ผมเดินไปถึงบ้านมัน ประตูบ้านมันเปิดไว้ครับ แต่ตัวไม่อยู่... ผมชะโงกหน้าเข้าไปหาตามที่ต่างๆแต่ก็ไม่เจอ จนมาถึงห้องนอนมันครับ
เห็นเสื้อผ้ามันถอดเรี่ยราดไปตามทาง ห้องน้ำเปิดไฟแถมมีเสียงน้ำไหลด้วยครับ คงจะอาบน้ำอยู่ ดี... ถอดเสื้อไว้แล้วก็ดี จะได้ไม่ต้องลำบากถอด
ผมเหลือบไปเห็นผ้าขนหนูสีฟ้าที่มันใช้ประจำแขวนอยู่บนราวหน้าห้องน้ำ สงสัยคงจะลืม... แต่ไผ่มันคงจะไม่กลัวอะไรหรอก
เพราะราวแขวนผ้ามันอยู่ข้างๆประตูห้องน้ำอ่ะครับ ออกมาก็ควานๆมือหาก็หยิบได้แล้ว ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าขนหนูออกจากราว
เตรียมจะขว้างไปบนที่นอน แต่..
ฮึก... ฮือ.. ฮือ...
เสียงสะอึกสะอื้นเบาๆที่ดังออกมากับเสียงน้ำจากฝักบัวทำให้ผมชะงัก ในใจเริ่มสับสนขึ้นมา ไผ่มันจะร้องไห้ทำไม ?
ความโกรธของผมเริ่มมอดดับลงไปเรื่อยๆ ผมนั่งพิงกำแพงฟังเสียงร้องไห้ของมัน ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสาร ยิ่งฟังความโกรธก็ยิ่งหาย...
เอาวะ ไอ้ไผ่มันก็เพื่อน ถ้ามันอยากจะเป็นผัวน้อยของพ่อผม ก็คงต้องยอมมันล่ะ
แกร๊ก...
“ไผ่ มึงร้องไห้ทำไมวะ”
ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นมันสะดุ้งสุดตัวเงยหน้าขึ้นมองผม มันนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ฝักบัว ตามตัวมันเป็นรอยแดงๆเต็มไปหมดเลยครับ
ตามันแดงๆด้วย คงจะร้องไห้หนักมาก
“กู... กูเปล่า มึงหูฝาดแล้วมั้ง เอาผ้าขนหนูมานี่ กูจะออกจากห้องน้ำละ”
ยังมีหน้ามาบอกว่าเปล่าอีก ก็กูนั่งฟังมึงอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง
ไอ้ตอแหลนี่ มันลุกขึ้น ปิดฝักบัวแล้วเดินเข้ามาหยิบผ้าขนหนูในมือผมไปพันๆรอบตัว มันยิ้มซีดๆให้ผม แล้วเดินผ่านผมออกไป
ฟึ่บ
ผมยื่นมือออกไปคว้าเอวมันไว้ มันหยุดแล้วหันมามองหน้าผมงงๆ เชิงถาม ว่ารั้งไว้ทำไม
“ตัวมึงไปโดนไรมาวะ”
“อ๋อ... นี่เหรอ รอยนี้นิ้วชี้ รอยนี้นิ้วก้อย รอยนี้นิ้วกลาง รอยนี้นิ้วนาง รอยนี้..”
“พอๆ แล้วนิ้วใคร อย่าบอกนะว่านิ้วมึงเอง”
มันยิ้มหน่อยๆแล้วพยักหน้า
“ทำไม.. มึงทำแบบนี้ทำไมวะ ไผ่”
“ก็กูอยากจะทำ”
ทำทำหน้ามึนๆใส่ผม แล้วเบี่ยงตัวหนีจากมือผมเดินออกไปข้างนอก ผมก็เดินตาม ตอนนั้นนึกยังไงไม่รู้ครับ
เดินตามมันแล้ว.. แบบ เข้าใจความรู้สึกผมป่ะครับ มันเดินตัวงอห่อไหล่ เหมือนแบกรับความทุกข์อะไรสักอย่างเอาไว้
แต่ยังตีสีหน้าปรกติหลอกชาวบ้านเขาไปวันๆ ประมาณนั้นแหละครับ บ่าสองข้างของมันตกลู่ถึงแม้มันจะเดินเหินแบบทั่วไป..
ถ้ามองจากข้างหน้าคงไม่รู้ แต่พอมองจากด้านหลังก็เข้าใจได้ง่ายๆเลยว่าไผ่มันกำลังแบกรับภาระที่หนักอึ้งจนมันอยากจะโยนทิ้ง
มันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วก็จัดการแต่งตัว บลาๆอะไรของมันไป ผมมองแล้วนึกสงสัยว่ามันจะทำไรนักหนา ทั้งทาครีมนู่นทาครีมนี่
แปะโน่นโปะนั่น สรุปง่ายๆว่ามองแล้วลายตาครับ สักพักมันก็จัดการเสร็จ หยิบกางเกงนอนสีขาวลายกระต่ายกินแครอทที่ผมเป็นคนซื้อให้มาใส่ แล้วมันก็เดินมาหาผม
.. ? เดินมาทำไมวะ เสื้อยังไม่ได้ใส่เลย ?
มันยิ้มให้ผมนิดๆแล้วกระโดดขึ้นเตียงไป อ้อ.. ผมลืมไปว่ามันจะไม่ใส่เสื้อนอน ยกเว้นหน้าหนาว ส่วนผมน่ะเหรอ... จะหน้าไหนก็ไม่ใส่ทั้งนั้นแหละ 5 55
แต่ว่า... ผมยังไม่ลืมจุดประสงค์ที่จะมาค้างบ้านมันวันนี้หรอกนะครับ
“งั้น...ที่มึงมีอะไรกับพ่อกู ก็แสดงว่ามึงอยากทำงั้นสิ ?”
TBC...