ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว
“จ๊ะๆ” ป้าแกก็ยิ้มแหยๆที่เฟียร์มันพูดแบบนั้น ผมนี่สินั่งก้มหน้าเลยครับ
“พ่อหนุ่ม มีอะไรกันหรือเปล่า หึ”
“เอ่อ มีการเข้าใจผิดหน่อยอ่ะครับ เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนละกันนะครับ”ตอนนี้ผมถอยดีกว่ารอมันใจเย็นก่อนแล้วค่อยง้อใหม่อีกที
Lesson 17
( Fear Part )
บอกตรงๆผมโกรธมากที่มันทำกับผมแบบนี้ ผมไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่าไม่เคยไปจูบกับใครแต่ผมต้องเสียความบริสุทธิ์ เกือบทุกอย่างให้มันเป็นคนแรก เฮ้อ เซง วันนี้ทั้งวันผมไม่คุยกับมันเลยครับไม่มองหน้าด้วยไม่สบอารมณ์อย่างแรง ผมเดินกลับมาห้องก็เจอมันมาดักรออยู่ที่ร้านอาหารนั่งคุยกับป้าแป๊วอยู่ ผมไหว้ป้าแป๊ว
แล้วไม่สนใจมันเลย ผมขอตัวมาเปลี่ยนเสื้อแล้วออกไปทำงาน ออกไปก็ไม่เจอมันแล้วแหละครับ
วันนี้ผมมีเรียนเช้าเลยต้องตื่นเช้าอีกแล้วรับ ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปที่มหาลัยเลยเรียกภาคเช้าก็ผ่านไปด้วยดีครับตอนเที่ยงก็เหมือนเดิมวันนี้คนก็ยังเยอะเหมือนเดิมและดูเหมือนมันจะเยอะกว่าทุกวันด้วย ผมเดินไปจองโต๊ะให้ไมโลนั่งเฝ้าไว้แล้วผมก็เดินไปซื้อน้ำ ระหว่างเดินกลับ ตอนนี้อยู่กลางโรงอาหารเลยครับ มีผู้หญิงกลุ่มนึงเดินมาบังผม
“เอ่อ ขอโทษครับ ขอทางหน่อย” ผมพูดอย่างมีมารยาท
“แกใช่มั้ย ชื่อ เฟียร์ น่ะ”
“เอ่อ ครับมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามอย่างสงสัยถ้าจำไม่ผิดคงที่พูดกับผมนี่มัน หวาน ที่เรียนนิเทศ นี่หว่าขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆนั้นผมก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าชาไปครึ่งซีกเลยครับหน้าผม จะขึ้นลอยไหมเนี่ย ตอนนี้โรงอาหารตกอยู่ในความเงียบ
“เฮ้ย เฟียร์” ไมโลเรียกเสียงดังแล้ววิ่งเข้ามาหาครับ
“นี่บทเรียนสำหรับแก ที่มายุ่งกับ พี่วิน จำไว้ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีกอยู่ห่างจากพี่วินซะไม่งั้นอย่าหาว่าฉัน
ไม่เตือน” อ๋อเราก็นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องผู้ชายนี่เอง แต่ขอหน่อยเถอะมาตบหน้ากันแบบนี้ ขอด่าให้หายแค้นหน่อยเถอะ
“อ๋อ ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็แค่ชะนีหลงป่า หาตัวผู้ไม่เจอเหรอครับถึงได้ถ่อมาตบกันถึงที่นี่” ผมด่า
กลับไปครับ บางคนนี้หัวเราะก๊ากเลยครับ
“นี่แกด่าฉันเหรอ”
“ถามอะไรโง่ๆ มีสมองไว้คั่นหูเหรอ เฮ้อ คนเราสมัยนี้น่า ไม่น่าโง่! ได้ขนาดนี้เลยจริงๆ ผมตอบก็ได้ผมไม่ได้ด่าคุณหรอก ผมกำลังชมคุณ ที่คุณดึงความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้สักทีนึงน่ะครับ” ผมเล่นไปเจ็บเหมือนกัน
“ก๊ากๆ ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะลั่นโรงอาหารเลยครับ
“อ้าย แกด่าฉัน” กรี๊ด แล้วครับ
“อุ้ยเป็นอะไรครับ ผีเข้าเหรอ แต่ดูจากสภาพ ผมว่า....คุณน่าจะเข้าผีมากกว่านะครับ”
“ฮ่าๆ โหย เจ็บว่ะ เอาใจพี่ไปเลยน้อง” พี่จากโต๊ะหนึ่งพูดครับ
ผมหันกลับมาก็เห็นอียายหวานห่าอะไรเนี่ยเตรียม ง้างมือจะตบผมอีกแล้วครับ
“อ๊ะ ๆ จุ๊ ๆ ไม่เอาๆ อย่าดีกว่าผมไม่ไช่คนดีอะไร ถ้ามีอีกทีคุณได้กลับไปหลายทีแน่ๆ” ผมพูดแล้วยิ้มอย่างผู้มีชัย มันขบกรามแน่นเลยครับ
“แกกล้าทำฉันเหรอ ฉันจะฟ้อง พี่วิน ว่าแกด่าฉันกลางโรงอาหาร คราวนี้เค้าต้องเกลียดแกแน่นอน” มันยิ้ม
อย่างเด็กๆที่แย่งขนมแล้วได้มาอะไรทำนองนี่ ผมว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลยมันน่าขำซะมากกว่า
“อ๋อ เหรอแล้วเธอคิดว่าอะไรที่ทำให้เค้าเชื่อเธอล่ะ” ไมโลครับ รู้สึกยัยนี้จะเริ่มไม่ไหวเริ่มพูดโต้ตอบบ้าง
แล้วครับ
“แหม ทำไมฉันจะไม่รู้คนเคยอยู่ด้วยกัน นอน ด้วยกันทำอะไรมันก็รู้ใจกันไปหมดนั้นแหละ” เธอพูดและยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย โถอีนางโง่ เดี๋ยวจะทำให้ฉลาดเดี๋ยวนี้แหละ
“ก็คงจะจริงอย่างที่เธอว่าก็ได้นะ เธอพูดไม่ถูกทั้งหมด ถ้าเธอบอกว่ารู้ใจเค้า เค้าก็ต้องหยุดที่เธอซี่ แต่นี่อะไรเค้ามาตามผมทำไมล่ะ ก็อย่างงี้แหละน่า อะไรที่ได้มาง่ายๆมันก็ดูไร้ค่า ยิ่งกว่าเศษขยะสะอีก และดูเหมือน....คุณจะเป็นแบบนั้นนะ หึหึ” ผมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ตัวเองสายตาอาฆาตมากๆ ไม่รู้ทำไมถึงมีอารมณ์โมโหได้มากขนาดนี้
“แกไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน แกไม่ไช่พ่อแม่ฉันสักหน่อย อีกอย่างนะที่พี่เค้าตามแกน่ะ ก็แค่เล่นๆเค้าไม่คิดจริงจังอะไรหรอก อย่าหวังอะไรที่มันสูงมากนักเลย” ตอนนี้หน้ามันแดงมากครับไม่ได้อายแต่เป็นความโมโหล้วนๆเลยครับ
“ฮ่าๆ พูดอะไรน่าขำ ไช่ผมไม่ไช่พ่อแม่คุณและผมก็ไม่อยากเป็นด้วยเพราะถ้าขืนผมมีลูกสาวมาคอยตามผู้ชาย แล้วก็ป่าวกระกาศความสัมพันธ์ ของตัวเองแบบนี้ ผมพูดจริงๆ รู้สึกสงสารพ่อแม่คุณมาก แล้วก็ที่เค้าคิดจะเล่นๆด้วยน่ะ คงไม่ไช่ผมหรอก น่าจะเป็นคุณมากกว่าที่อย่าหวังอะไรไห้มันสูงมาก เพราะถ้าพลาดตกลงมา
มันอาจจะเจ็บมากจนถึงขั้นตายทั้งเป็นเลยก็ได้” ผมพูดจบมันก็เดินเข้ามาหาผมกำลังจะง้างมือตบ....แต่ขอโทษ ผมไวกว่าคว้าถ้วยแกงข้างๆของใครไม่รู้คว่ำใส่หัวมันซะก่อน
“กรี๊ดด” ท่าทางทรมานน่าดู
“หิวไม่ไช่เหรอ กินให้อร่อยนะครับ” ผมพูดเสร็จแล้วเดินออกมาตอนนี้ในโรงอาหารมีแต่เสียงหัวเราะดังระงมไปหมด ผมคงไม่ได้ทำอะไรเกินตัวไปหรอกนะครับ หุหุ
( Win Part )
ผมนั่งอึ้งกันเลยครับ แต่ไอ้ตัวเล็กมันคงไม่ทันสังเกตว่าพวกผมก็นั่งมองมันด่า หวาน อยู่แต่ที่อึ้งนี่คือคำพูด
และแววตานั้น ที่ดุจนหน้ากลัว ผมยังแอบหวั่นๆ ในใจอยู่เหมือนกัน
“กูล่ะสมเพชอีหวานมันน่าดูฮ่าๆ” ส้มครับมันหัวเราะอย่างสะใจเพราะมันไม่ชอบหวานครับมันบอกว่า
หวาน เหมือนไม่เคารพรุ่นพี่เท่าไรนัก
“แต่น้องเฟียร์แม่งก็แรงจริงว่ะ ไม่กลัวด้วย เสือกทำตาดุกลับน่ากลัวกว่าอีก ตอนแรกนะกูนึกว่าน้องเฟียร์
แย่แน่ๆ” ไอ้โชว์ครับ
“แต่กูว่าน้องเค้าก็พูดถูกเรื่องที่อีน้องหวานน่ะ มันป่าวประกาศว่ามีอะไรกับผู้ชายกลางโรงอาหารแบบนี้เป็นกู
ก็ไม่อยากเป็นพ่อแม่มันหรอก” แป้งครับ
“แต่กูว่าน้องเฟียร์มันพูดถูกทุกเรื่องเลยว่ะ ฮ่าๆ” ไอ้ส้มครับเสริมตลอด
“แต่มึงน่ะ ไอ้วิน ไปตามจีบน้องเค้าจริงเหรอวะ” ทุกคนเงียบแล้วรอคำตอบจากผมครับเอาวะกันท่าพวกมัน
ไว้เลยดีกว่า
“เออ กูจะเอาคนนี่แหละ”
“เฮ้ย” ทั้งโต๊ะ ดังมากจนโต๊ะข้างๆหันมามอง
“อะไรของพวกมึง ไอ้สัด ปวดหู”
“มึงพอเลยอี-เอี้ย-เอ้ย ไปจีบตอนไหน แล้วลอยที่คอมันน่ะ ของมึงไช่ไหม” ผมผยักหน้าเป็นการตอบว่าใช่ ไอ้ฟ้า
ดูแล้วไม่ตกใจเพราะมันรู้ครับ
“กูว่าแล้วว่ามึงสองคนต้อง ซัมติ้งลอง กันแน่ๆ” ไอ้ต้นครับ
“เฮ้ย ยังไม่ถึงขั้นนั้นโว้ย อย่างมากก็แค่จูบ แล้วกูเผลอทำรอยไว้แค่นั้นเอง” พวกมันตาค้างเลยครับไม่รู้จะอึ้งทำ-เอี้ย-อะไร
“มึงอย่าทำอะไรมากนะเว้ย รู้ใช่ไหมว่า เฟียร์ ไม่เหมือนผู้หญิงที่มึงผ่านมาน่ะ” เกียร์พูดครับมันก็จริงที่เฟียร์
ไม่เหมือนใครจริงๆ
“เออ กูรู้แล้วแหละน่า กูพยายามหาทางชนะใจมันอยู่”
“หู้ว ท่าทางแม่งจะเจอเนื้อคู่แล้วเว้ย” ไอ้แสบแซวผมครับจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันครับผมก็กลับไปบ้านเพราะวันนี้ก็เหนื่อยพอสมควร
Lesson 18
( Fear Part )
วันนี้ผมก็กลับมาถึงห้องประมาณเกือบบ่ายสองเพราะมัวแต่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องตอนนี้รู้สึกปวดหน้าหน่วงๆมากเลยอ่ะผมเลยนอนเอาแรงสักหน่อยเผื่ออะไรมันจะดีขึ้นมาบ้างและตอนนี้ก็มึนหัวชะมัดเลย
ผมนอนเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ดูนาฬิกา เฮ้ยยยเที่ยงคืนแล้วนี่หว่า ไม่ได้ออกไปทำงานด้วยและตอนนี้ปวดหัวมากๆผมเลยเดินไปกินยาและนอนต่อสักหน่อยเผื่อว่าตื่นเช้ามาจะได้หายพรุ่งนี้มีเรียนเช้าและไม่ค่อยอยากขาดเรียนด้วย
( Win Part )
วันนี้ผมก็มามหาลัยตามปกติครับ มีเรียนเช้า – บ่ายเลยวันนี้และผมก็ไปรวมกันอยู่ที่โรงอาหารซึ่งกลายเป็นแหล่งรวมหัวของพวกเราไปแล้วครับ
“หวัดดีพี่ค่ะ วิน”
“หวัดดีครับไมโล” ผมยิ้มรับไหว้น้อง ตอนนี้สายตาผมมองหาไอ้คนที่มันด่าหวานกราดกลางโรงอาหารแต่ก็ไร้วี่แววไม่มีเลย
“หาอะไรเหรอพี่ ถ้าหาเฟียร์มันยังไม่มาเลย” ไอ้โอ้แม่งรู้ดีครับ
“เหรอ ทำไมยังไม่มาล่ะปกติมันไม่ค่อยสายนิ ไม่มีเรียนเช้าเหรอ”ผมถามด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เดี๋ยวมันก็คงมา
“ฮั่นแน่! หาอยู่จริงๆด้วย พี่คิดอะไรกับเพื่อนผมเปล่าเนี่ย”ไอ้โอ้ล้อผมครับ
“มึงคิดว่ากูคิดอะไรล่ะ” ผมถามมันกลับแล้วยิ้มเล็กน้อย
“ฮู่ ๆ ผมไม่รู้หรอก ว่าพี่คิด....อะไร ฮ่าๆ” มันหัวเราะน่าถีบมากครับผมก็ไม่ได้สนใจจากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปเรียนครับพอเรียนรอบเช้าเสร็จเราก็มารวมกันที่โรงอาหารเหมือนเดิมครับแต่ก็ยังไร้วี่แววของคนที่ผมกำลังหา
“ไมโล มันยังไม่มาอีกเหรอ” ผมถามด้วยความหงุดหงิดมันหายไปไหนอ่ะ
“ยังไม่มาเลยค่ะพี่ เนี่ยหนูโทรหาก็ไม่รับปกติมันไม่เคยขาดเรียนนะพี่”
“หรือว่ามันไม่สบายแฮงค์อยู่ในห้องวะ” ไอ้ต้นครับ
“เฮ้ย ๆ เดี๋ยวไอ้วินมึงจะไปไหน” พอไอ้ต้นพูดเสร็จผมก็รีบเดินมาที่รถเลยครับเผื่อมันเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ
“เดี๋ยวกูไปดูมันที่ห้องก่อนแล้วกัน มึงเช็คชื่อเรียนภาคบ่ายให้กูด้วยนะ”ผมบอกแล้วรีบเดินไปต่อ
“เออ ๆ มีอะไรก็ติดต่อกลับมาบ้างนะ” ไอ้ส้มครับ
“เออ” ผมตอบสั้นๆเพราะรีบอยู่
( Friends Part )
“แม่งรีบไปไหนวะกูแค่สันนิฐานแม่งรีบไปจริงเว้ย” ไอ้ต้นบ่น
“กูว่าแม่งเอาจริงว่ะ มึงเคยเห็นมันเป็นแบบนี้กับใครปะล่ะ” โชว์พูดต่อ
“แล้วพี่วินรู้ที่อยู่เฟียร์ได้ไงคะ” ไมโลถาม
“ไม่รู้ดิ อ้าว แล้วไมโลไม่รู้เหรอ”
“ไมโลเคยถามแต่เฟียร์บอกว่า ไม่อยากให้ใครรู้ที่อยู่กลัวมีปัญหาอะไรของมันไม่รู้108 เหตุผลมันนั้นแหละพี่” ไมโลพูดจบทุกคนก็นิ่ง
“กูว่าสองคนนี้แปลกๆว่ะ” พอฟ้าพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาเพราะไม่น่าเชื่อว่าคาสโนว่าตัวพ่ออย่าง วิน จะทิ้งลายเพียงแค่เพราะผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงนั้นเอง
( Win Part )
ผมขับรถออกมาได้ไม่นานก็ถึงห้องของมันครับห้องมันปิดสนิทเลยครับผมก็เลยลองเคาะดู
“ก๊อก ๆๆ”
“…” เงียบ
“ก๊อก ๆๆ”
“…” เงียบ
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในห้องครับตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับกังวลไปหมดเลยครับเลยตัดสินใจเดินไปขอกุญแจสำรองจากป้าแป๊ว ตอนแรกป้าแกไม่ยอมให้ผมเลยให้แกเป็นคนมาเปิดให้และเล่าเรื่องที่มันขาดเรียนให้ฟังพอประตูเปิดผมวิ่งเข้าไปในห้องนอนเลยครับ
“เฮ้ย เฟียร์ เฟียร์ เป็นอะไร” ผมเข้าไปประคองหน้าเฟียร์ขึ้นมาพอเอามือผมจับหน้ามันเท่านั้นแหละ ร้อนจี๋ เลยครับ
“ท่าทางจะไม่สบายหนักนะเนี่ย” ป้าแกก็ดูตกใจแล้วเข้ามาดู
“เดี๋ยวป้าไปทำข้าวต้มมาให้ละกันนะ จะได้กินยา”
“ครับป้า เดี๋ยวผมดูเฟียร์เอง” ตอนนี้มันหายใจถี่มากครับไม่ยอมลืมตาด้วยท่าทางจะเป็นหนัก
พอป้าทำข้าวต้มมาให้แกก็ขอตัวก่อนเพราะไม่มีคนดูร้านให้แกแล้วเดี๋ยวเย็นๆจะมาดูใหม่ผมก็ผยักหน้ารับ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเข้าหัวแล้วครับจะเช็ดตัวให้ก็กลัวช็อคเพราะตัวมันร้อนมาก
“เฟียร์ เฟียร์”
“ฮื้อ”
“กินข้าวก่อนนะจะได้กินยา” ผมประคองเฟียร์ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงไว้ตอนนี้ลืมตาหน่อยนึงแต่ปรือๆเหมือนไม่ค่อยอยากลืมตาเท่าไร กินไปได้นิดเดียวก็เริ่ม งอแงพูดไม่รู้เรื่องแล้วครับ เพ้อ ไปทั่วตามประสาคนเป็นไข้
พอเฟียร์กินยาเสร็จผมก็จะเดินเอาถ้วยไปเก็บแต่ผมกำลังลุกก็ถูกใครอีกคนดึงเสื้อไว้
“หืม จะเอาอะไร” ผมถามครับ
“..อ ยู่ เป็นเพื่อน...ก่อน” มันพูดเสียงขาดๆหายๆคงเป็นเพราะพิษไข้
“โอเคๆ พี่ก็อยู่นี่ไง” ผมวางถ้วยข้าวต้มแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วดึงมันมากอดไว้ครับนอนไปได้สักพัก มันผล็อย หลับไปผมเลยโทรหาส้มครับไม่นานปลายสายก็รับครับ
“เออ ว่าไง”
“เห้ย มึงไอ้เฟียร์มันไม่สบายตัวร้อนจี๋เลยว่ะ” ผมบอกอาการกับส้มครับ
“เฮ้ยมึง แล้วเป็นไงบ้างวะ อาการหนักมั้ย” ส้มถามน้ำเสียงดูตกใจเล็กน้อย
“ตอนแรกมาเจอก็เกือบแย่ว่ะตอนนี้นอนหลับไปละ มึงบอกเพื่อนๆมันด้วยนะ”
“เออๆ เดี๋ยวกูบอกให้เดี๋ยวเย็นๆจะเข้าไปหา แต่มึงต้องมารับพวกกูนะ”
“ทำไมวะพวกมึงก็มากันเองดิ” ผมตอบไปครับทำไมต้องให้กูไปรับด้วย และผมก็รับรู้แล้วครับว่าเฟียร์ไม่เคยบอกที่อยู่กับใครเลยอาจเป็นเพราะไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครเท่าไร แต่วันนี้แหละ เฟียร์ เอ้ยบ้านแตกแน่เพราะทุกคนบอกว่ามาเยี่ยมเฟียร์กันทุกคน
|