ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว “แค่กๆ ปล่อยผมนะ อื้อ” ผมรู้สึกมีผ้าอะไรมาปิดจมูกแต่ผมกลั้นหายใจไว้แต่ไม่นานก็ต้องหลุดหายใจออกมาเพราะความเหนื่อย ผมรู้สึกตัวเองชาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ร่างกายผมโอนเอนไปตามการกระทำของคุณโชว์อย่างว่าง่ายผมรับรู้ทุกอย่างรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถบังคับร่างกายได้ตามต้องการ
“หึหึ หมดฤทธิ์แล้วสินะ เรามาสานต่อกันดีกว่า” Lesson 15
( Show Part )
ผมเอายาระงับการประสาทการเคลื่อนไหวโปะคิมไว้เพราะคิดไว้แล้วว่ายังมันก็ไม่มีทางยอมผมแน่ๆเมื่อมันนิ่งไปแล้วผมก็เริ่มสานเรื่องที่ค้างต่อทันทีผมมองดวงตาของคิมที่ส่งสายตาอย่างอ้อนวอนขอร้องผม แต่ไม่ได้ผลซะหรอก ยังไงซะมันก็เป็นของผม ของผมคนเดียว!
“มองทำไม มึงไม่ต้องอ้อนวอนกูหรอกนะ กูให้มึงถึงเช้าแน่ๆ หึหึ”พูดจบผมก็กดริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วง และกัดปากมันด้วยความโมโหจนผมรู้สึกถึงรสเลือดฝาดๆ ผมค่อยๆไล้จากปากลงมาที่ซอกคอและทำรอยให้เห็นเอาไว้อย่างชัดเจนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเมื่อผมตีตราเสร็จก็เงยหน้าไปสบตากับมัน
“มึงเป็นของกูจำไว้” เมื่อพูดจบผมก็ถอดเสื้อและกางเกงของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ฮือ...” เสียงเล็ดรอดออกมาจากคนตรงหน้าพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างที่เต็มไปด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกน่า ยังไงคืนนี้มึงก็จะได้ทั้งคืนอยู่แล้ว”ผมถอดเสื้อมันออกทันทีที่พูดจบพร้อมกับกางเกงดูท่าทางคนตรงหน้าอยากจะขัดขืน แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะฤทธิ์ยา
ผมมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของคิมแล้วทำให้อารมณ์ผมพุ่งพล่านขึ้นมาอีกมากมายผิวที่ขาวเนียน ตอนนี้ผมรู้สึกปวดมากๆที่ส่วนกลางของร่างกายผมก้มลงไซร้ที่ซอกคอคิมอีกครั้ง ตอนนี้มันทำให้ผมคลั่งมากผมทำรอยไว้เต็มตัวมันเลยครับ
“อ๊า ไม่ไหวแล้วกูจะเข้าไปแล้วนะ”ผมบอกอีกฝ่ายที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าแล้ว
“โอ้ อย่าร้องเลยนะ เดี๋ยวมันก็เป็นของมึงแล้ว” เมื่อผมพูดจบผมก็แทรกแก่นกายของผมเข้าไปในตัวของคิมทันทีมันสะดุ้งนิดหน่อยเพราะขยับตัวมากไม่ได้ น้ำตาไหลพราก ผมพรมจูบมันไปทั่วหน้าและเช็ดน้ำตาไปในตัวด้วย และผมก็ก้มไปดูดยอดอกของมันเพราะผมรู้สึกแน่นข้างล่างมากๆเพราะคิมมันเก็ง
“อย่าเก็งสิ จะได้ไม่เจ็บ” ผมบอกพร้อมกับเลียยอดอกมันไปด้วยสักพักผมรู้สึกช่วงล่างเริ่มคลายการบีบรัดบ้างแล้วผมก็เริ่มเข้าจังหวะทันที
“ซี้ด อ๊า” ผมครางออกมาความต้องการของผมตอนนี้จะทำให้ผมขาดสติผมเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดผมก็เสร็จไปรอบนึงผมหยุดกิจกามของตัวเองแล้วใช้มือช่วยอีกคนที่อยู่ใต้ผมจนเสร็จเท่ากับเราคนละรอบผมก้มลงไปป้วนเปี้ยนแถวๆคอของคิมอีกครั้งและกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับมัน
“ต่ออีกหลายรอบนะ”
( Kim Part )
ตอนนี้ผมเจ็บช่วงล่างอีกแล้วนี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่คุณโชว์ขืนใจผม แต่ทำไงได้ เราสู้คุณโชว์ไม่ได้เลยแถมมาบอกจะต่ออีกหลายรอบผมก็น้อยใจตัวเองที่ต้องเกิดมาอ่อนแอปกป้องอะไรไม่ได้แม้แต่ศักศรีดิ์ของตัวเอง!
“อื้ม...ซี๊ด อย่าตอดสิ” ผมเก็งตัวอีกครั้งเมื่อมีบางอย่างลุกล้ำเข้ามาผมไม่ชินแล้วไม่มีทางชินด้วยผมเจ็บจนน้ำตาไหลอีกครั้ง
“ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวก็ดีเองแหละ จะได้ชินๆ” คุณโชว์พูดพร้อมกับเอามือมาปาดน้ำตาให้ผมผมตามผู้ชายคนนี้ไม่ทันบางครั้งเหมือนเทพบุตร แต่บางครั้งก็เหมือนซาตานคุณโชว์เร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนผมรู้สึกถึงน้ำอุ่นที่พุ่งขึ้นมาถึงช่องท้องเป็นรอบที่สองแล้วผมเริ่มทนไม่ไหวจึงตัดสินใจหลับตาลง เพื่อจะไม่คิดอะไรอีกเผื่อมันจะลดความเจ็บปวดลงไปได้บ้างแล้วผมก็หลับไป
ผมลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นและมองไปที่นาฬิกาก่อนเป็นอันดับแรกตามความเคยชินเฮ้ยตอนนี้ สี่โมงเย็น บ้าไปแล้ว ผมนอนไปได้ไงขนาดนั้นน่ะปกติผมไม่ใช่คนขี้เซาอะไรมากมายซะหน่อย และผมก็ได้ยินอีกเสียงดังขึ้น
“คะ...คุณโชว์” ผมเรียกชื่อและมองด้วยสายตาที่หวาดกลัวผมกลัวมากจริงๆ
“พึ่งตื่นเหรอ มากินข้าวก่อนมา” คุณโชว์ทำท่าจะเข้ามาหาผม
“ยะ..อย่า ทะ ทำอะไรผมเลยครับผมกลัวแล้วฮึก..ฮือ” ผมเสียงสั่นนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็กลัวจนน้ำตาไหล คุณโชว์ทำถึงขนาดเอายาโปะผม
“กลัวอะไร พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า” ตอนนี้ผมไม่ฟังเสียงอะไรอีกแล้ว
“ไม่ ไม่ ไม่! อย่าเข้ามา ฮือ” ผมตะโกนสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวเหมือนฝังใจมานานแสนนาน
“...” คุณโชว์ไม่พูดอะไร แต่พุ่งตัวเข้ามาดึงตัวผมเข้าไปกอดน่าแปลกทั้งที่คุณโชว์เป็นคนทำร้ายผมแต่อ้อมของคนๆนี้ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและหยุดสะอื้นได้ในที่สุด
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่สัญญาจะไม่ทำอีก” คุณโชว์พูด
“คุณโชว์” ผมเอ่ยชื่อของเขาเบาๆ
“ต่อไปนี้เรียกว่าพี่โชว์นะ ห้ามเรียกคุณ” ผมงงกับสรรพนามที่ถูกบังคับให้ใช้
“ครับ...คุณโชว์” ผมเผลอพูดคุณออกไปด้วยความเคยชิน
“…” คุณโชว์ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก้มหน้าลงมาจูบปากผม
“อื้อ” ผมตกใจแล้วดันตัวคุณโชว์ออก
“ถ้าเรียกคุณอีก จะโดนทำโทษแบบนี้ทุกครั้งนะ”
“เอ่อ...คะ ครับ...พี่โชว์” ผมกลับลำแทบไม่ทันเกือบไปแล้วก็มันยังไม่ชินนี่
“อ่ะกินข้าวซะ จะได้กินยา” พี่โชว์ยกชามเข้าต้มขึ้นมาเตรียมป้อน
“ให้ผมกินเองดีกว่านะพี่โชว์” ผมพูดแล้วจะดึงถ้วยข้าวต้มมาแต่ถูกอีกคนขัด
“อย่าขัดใจพี่ กินซะ เร็ว” พี่โชว์เอาช้อนมาจ่อที่ปากผมผมจึงต้องจำใจกิน เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วผมก็กินยาแล้วนอนลงและหลับไปด้วยฤทธิ์ยา
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงทุกคนคุยกันอยู่ในห้องผมผมลืมตามองไปทั่วๆ ก็มากันเซตเดิมๆ หน้าเดิมๆ แล้วก็คนเดิมๆ
“คิม ตื่นแล้วเหรอ เฟียร์เป็นห่วงแทบแย่ ป่วยบ่อยจังนะคิมน่ะ”เฟียร์พูดแล้วยิ้ม
“ไม่เป็นไรมากหรอกเดี๋ยวก็หาย” ผมตอบกลับไป
“อีกละ ไม่เป็นไรมากหรอกเดี๋ยวก็หาย พูดเป็นนิสัยแล้วมั้ง"เฟียร์พูดกับผมจบก็หันไปพูดกับทุกคนต่อทันที
“ออกไปให้หมดเลยนะ เฟียร์จะเช็ดตัวให้คิม”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกเฟียร์แค่นี้เองไม่ต้องก็ได้” ผมบอกเพราะเกรงใจ
“จะเช็ด บอกแล้วไงจะทำอะไรให้ห้ามปฏิเสธน่ะ” เฟียร์ไล่ทุกคนออกไปจากห้องแต่ก็มีคนดื้อด้านอยู่อีกสองคนคือพี่วิน กับพี่โชว์ นั้นแหละครับ
“จะอะไรนักหนาเฟียร์แค่อยากดูอาการว่าเป็นไงบ้าง”
“ฮุ้ย อยากอยู่ก็อยู่ไป!” เฟียร์หน้าบูดแล้วหันมาถอดเสื้อผม
“…”
“เฟียร์เป็นอะไรไปเหรอ” ผมหันไปมองหน้าเฟียร์เมื่อเห็นเฟียร์หน้าแดงๆแล้วนิ่งไป เมื่อผมหันไปมองพี่วิน ก็หน้าเหวอเลย ส่วนพี่โชว์ก็ส่งยิ้มมาให้ผม อะไร ผมงงไปหมดแล้ว
“ไอ้พี่โชว์บ้า” เฟียร์พูดแบบเขินๆ
“เอ่อ มึง” พี่วินพูดติดอ่าง
“มีอะไรเหรอครับพี่วิน” ผมถามเมื่อเห็นพี่วินจ้องมาที่ตัวผมผมจึงก้มไปมองตัวเองบ้าง พระเจ้า! รอยบ้าอะไรเนี่ยเต็มตัวไปหมด
“เฮ้ย อะไรอ่ะ” ผมดึงผ้าห่มเข้ามาคลุมร่างกายทันที
“ไม่ต้องตกใจหรอก โดนขืนใจสิท่า” เฟียร์พูดดังแล้วหันไปค้อนพี่โชว์เฟียร์เหมือนมีตาทิพย์
“เลวพอกัน ไม่สงสัยว่าเป็นเพื่อนกันได้ยังไง” เฟียร์บ่นและหน้าตาดูเครียด
“เอ้า เกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” พี่วินพูดสวน
“ต้องรื้อฟื้นใช่ไหม ถึงจะจำได้แต่พี่วินจำไว้นะว่าเฟียร์ไม่เคยลืม!”พี่วินนิ่งไปครับ
“เอาน่าเฟียร์อย่าไปคิดมากเลย ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกันนะ” ผมพูดบอกเฟียร์
“งั้นคิมคงต้องฟาดเคราะห์ทั้งชีวิตแล้วหล่ะ”
Lesson 16
( Show Part )
ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างจากตัวเฟียร์คงจะเป็นเรื่องที่ผมทำ...กับคิมนั้นแหละ เพราะเฟียร์มันก็โดน ไอ้วินขืนใจมาเหมือนกันในตอนแรกๆ
“ฟาดคงฟาดเคราะห์อะไรกัน ไร้สาระน่า” ผมพูดตัดบทขึ้น
“ไร้สาระเหรอ หึ พี่ก็คิดได้แค่นี้เหมือนเดิมเลยสินะ” เฟียร์แขวะผม
“จะอะไรนักหนา ผู้ชายด้วยกันไม่เสียหายหรอก” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ
“ไม่เสียหายเหรอ!” เฟียร์ตะโกนเสียงดัง
“ใช่ ร่างกายอาจจะไม่เสียหายมากแต่จิตใจของคิมที่ถูกพี่กระทำล่ะเคยนึกถึงบ้างไหม”
“…” กึก จุกเลยครับเจอคำนี้เข้าไปผมลืมนึกถึงความรู้สึกของคิมไปจริงๆนั้นแหละ
“เอาน่าเฟียร์ เราไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อยเรา...ฮึก...มะ...ไม่...อึก...เป็นไร” ผมทำอะไรไม่ถูกเมื่อคิมร้องไห้ออกมาแต่พยายามฝืนยิ้มให้พวกผม
“คิม อย่าร้องเลยนะ” เฟียร์พูดแล้วเข้าไปโอ๋คิม
“ฮึก ฮือ” คิมจากที่ยิ้มก็ร้องไห้แบบเต็มรูปแบบแล้วครับผมเห็นแบบนี้ก็ทนไม่ไหวแล้วครับ ผมรู้สึกผิด
“เฟียร์ ออกไปข้างนอกก่อน ไอ้วินด้วย”
“ทำไม จะทำอะไรคิมอีก!” เฟียร์ตวาดผมลั่น
“ออกไปก่อนเถอะเฟียร์ เร็วเชื่อพี่” ไอ้วินดึงเฟียร์ออกไปจากห้องและล็อคห้องให้ผมด้วยรู้หน้าที่ดีนี่เพื่อน
“หยุดร้องก่อนเร็ว” ผมเข้าไปนั่งข้างๆแล้วปลอบคิม
“ฮือ อึก”
“…” เมื่อเห็นไม่มีท่าทีว่าจะหยุดร้องผมเลยดึงคิมเข้ามากอดไว้
“ขอโทษ พี่ขอโทษพี่ขาดสติคิมหยุดร้องเถอะนะพี่ไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้” ผมบอกคิม
“ผมไม่โกรธพี่โชว์หรอกครับ”
“แล้วร้องไห้ทำไม” ผมถาม
“เปล่าครับ”
“งั้นก็หยุดร้องสักทีสิ” ผมบอก
“ครับ” เสียงร้องของคิมเงียบลงทันทีถึงจะมีสะอึกอยู่บ้างก็เถอะ
“ดีมากต่อจากนี้คิมจะเป็น.........น้องชายของพี่คนนึงนะ”
“ครับ” คิมพูดแล้วมองกลับมาที่ผม ผมยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกคิมเป็นอย่างอื่นในตอนนี้ผมกลัว กลัวว่าถ้าหากคิมไม่ยอมตอบรับผม ผมจะรู้สึกยังไง
“คิมหิวหรือยังเดี๋ยวพี่ไปเอาข้าวต้มมาให้”
“ไม่ต้องหรอกพี่โชว์เดี๋ยวผมลงไปกินพร้อมพวกพี่ๆแหละ”
“จะดีเหรอ ยังไข้อยู่เลย พี่ว่าไม่ดีมั้ง” ผมค้านนิดหน่อย
“ไม่เอาอ่ะ ผมเบื่อแล้ว วันๆเอาแต่นอน”
“เอ้า เอ้า แล้วแต่ละกัน งั้นลงไปกินข้าวกันเถอะ” ผมเอ่ยชวนคิม แล้วเดินออกจากห้องซึ่งคิมก็เดินตามผมมา
พอผมออกมาหน้าห้องก็เจอไอ้สองตัวนั้นหน้านี่แถบจะสิงเข้ามาในประตูแล้ว เห็นแล้วหมั่นไส้!
“เสือกจริงๆ คนห่านี่” ผมแอบแขวะไปนิดหน่อย
“ว่าใครอ่ะพี่โชว์” เฟียร์หันมาถามผม
“ด่าควายอยู่ครับ” ผมกวนตีนกลับ
“เหรอครับแต่ผมว่ากำลังมีควายด่าผมอยู่ แบร่~” เฟียร์พูดจบก็ฉุดมือไอ้วินแล้ววิ่งหนีลงไปข้างล่างที่คนอื่นกำลังรออยู่
“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะอย่างร่าเริงกับความฉลาดของเฟียร์ที่ยังอุตส่าพลิกกระดานมาด่าผมคืนได้
“ไปกันเถอะ คิม” ผมบอกคิมแล้วเดินลงไปที่ห้องอาหารทันที
“คิมทำไมลงมาข้างล่างล่ะ” ไอ้ส้มถามครับ
“ผมเบื่อๆน่ะพี่ ไม่อยากอยู่บนห้องอ่ะ”
“เหรอ งั้นนั่งเลยเถอะเดี๋ยวจะวูบเอาซะ” ส้มพูดจบคิมมันก็หาที่นั่งซึ่งผมก็จงใจที่จะนั่งข้างมันด้วยครับ
“พี่โชว์ เอ่อ ไม่ไปนั่งที่ประจำเหรอครับ” คิมหันมาถามผม
“ก็อยากนั่งตรงนี่ จะได้ดูแลคิมถนัดๆไง”
“โหยพี่โชว์ ผมไม่ได้พิการนะถึงต้องมีคนดูแลตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วแหละ” คิมพูดแล้วยิ้มให้ผม
โอ้ว ฆ่าผมเถอะรอยยิ้มนี้กำลังทำให้ผมร้อนวูบวาบไปทั้งตัวความรู้สึกของผมเริ่มแปลกๆไปตั้งแต่ตอนไหนกันพอพวกเรากินข้าวเสร็จก็มานั่งคุยกันที่ ห้องรับแขก ส่วนอีกวงก็เหมือนเดิมนั่งเล่นไพ่
“คิมดีขึ้นแล้วจริงเปล่า” เฟียร์ถามคิม
“อื้มดีกว่าเมื่อเช้าเยอะ เราว่าพรุ่งนี้จะไปมหาลัยแล้วแหละ”
“ยังๆ พี่ว่าเร็วไป อีกสักสองสามวันค่อยไป” ผมค้านทันที
“ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆพี่โชว์” คิมบอกผมแล้วทำหน้าเซ็งๆคงเบื่อนอนล่ะมั้ง
“จะรีบไปทำไม มหาลัยมันไม่หนีไปไหนหรอก”
“ไม่ได้กลัวมหาลัยหนี แต่ผมเบื่อ อยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร” ก็จริง ตั้งแต่มันป่วยงานบ้านแทบไม่ได้แตะเลย
“เออๆ แล้วแต่เถอะขี้เกลียดเถียง” ผมตอบปัด
“ขอบคุณครับ พี่โชว์น่ารักที่สุดเลย” คิมบอกผมผมหันไปมองคิมทันที ผมน่ารักหรอ ต้องหล่อสิถึงจะถูก
“อืมๆ” ผมตอบปัดๆเหตุที่ผมไม่ค่อยอยากคุยกับคิมตอนนี้เพราะ...........ผมเล่นไพ่อยู่! ฮ่าๆ สรุปคืนนั้กว่าผมจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่งส่วนคิมขอขึ้นไปนอนตั้งแต่ สามทุ่มแล้วคงง่วงเพราะฤทธิ์ยานั้นแหละ
|