ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว “จะไปไหนมานี่!”
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยสิ” ผมดิ้นสุดแรงผมกลัวจะซ้ำรอยเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม ห๊ะ!”
“ตุ๊บ....อึก” พี่โชว์ต่อยท้องผมจนผมตัวงอเพราะความเจ็บปวด
“หมดฤทธิ์แล้วสินะ เตรียมตัวได้เลยเดี๋ยวจะพาไปสวรรค์” Lesson 19 ( Kim Part )
ผมโดนต่อยจนจุกเกือบจะกองอยู่กับพื้นอยู่แล้วและผมก็รู้สึกว่าตัวเองตัวลอยขึ้นไปพาดอยู่บนบ่าของใคร อีกคน
“ตุ๊บ....อึก” ผมถูกเหวี่ยงอย่างแรงลงกับเตียง
“อย่า...ทำอะไรผม” ผมบอกอย่างอ่อนแรงตอนนี้ยังจุกนิดหน่อย
“หึหึ ทำยังกับไม่เคย” พูดจบพี่โชว์ก็ขึ้นค่อมบนตัวผม
“อื้อ ลงไป” ผมดิ้นและใช้มือผลักคนตรงหน้าออกด้วยเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยนิดแต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“หึ มีแรงแค่นี้ยังจะอวดดีอีกนะ อยู่เฉยๆแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว”
“ปล่อยผมนะ ผมไม่ใช่ทาสคุณนะที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้” ผมบอกด้วยเสียงที่แผ่วเบาลงเรื่อยๆ
“ใช่มึงไม่ใช่ทาสกู แต่มึงเป็นของกู ของกูคนเดียว” พูดจบพี่โชว์ก็จูบผม แต่ผมไม่ยอมรับสัมผัสนั้นจึงเม้มปากเอาไว้
“หึหึ เม้มปากเหรอ....ได้”
“อ๊ะ...” ผมโดนพี่โชว์กัดปากผมสะดุ้งแล้วเผลอเปิดปากออกพี่โชว์ไล้จูบผมไปทั่วใบหน้าผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบแต่เหมือนเป็นการเปิดทางอีกที่หนึ่งเมื่อพี่โชว์ย้ายจากใบหน้าไปเป็นซอกคอของผม
“อื้อ ปล่อย อย่า” ผมบอกพี่โชว์ แต่เหมือนจะไร้ประโยชน์เพราะพี่โชว์ไล้ลงมาถึงยอดอกของผมแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกแปลกใหม่เริ่มเกิดขึ้น
“อย่า อย่าถอดออกนะ” ผมร้องห้ามเมื่อพี่โชว์ถอดเสื้อผ้าตัวเองแล้วก็ของผม
“ไม่ถอดก็ไม่สนุกน่ะสิ” พี่โชว์ยิ้มอย่างดุดันรอยยิ้มที่เหยียดหยามผมไม่ชอบเลยจริงๆ
“พี่โชว์อย่าทำแบบนี้เลยนะ พี่ไม่สงสารผมบ้างเหรอ ผมมีชีวิต มีจิตใจนะพี่ ผมเป็นคนนะไม่ใช่สัตว์ที่จะมารองรับการกระทำของพี่ได้ทุกเรื่องน่ะ”ผมเริ่มพูดให้พี่โชว์คิดเพราะผมไม่อยากเปลืองตัวไปมากกว่านี้ถึงมันจะไม่มีอะไรให้เสียแล้วก็เถอะ
“แล้วกูล่ะ กูก็มีชีวิต มีจิตใจเหมือนกันมึงไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นมึงนึกถึงใจกูบ้างไหม!” พี่โชว์ตะคอกใส่ผม
“มันเกี่ยวอะไรล่ะพี่โชว์ผมไปทำอะไรให้พี่ผมแค่ไปดูของกับเพื่อนผิดด้วยเหรอแล้วทำไมผมต้องนึกถึงใจพี่ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน!” ผมตะโกนกลับไปบ้างทั้งๆที่ตัวเองแทบจะขยับตัวไม่ได้อยู่แล้วอยู่ๆก็อ่อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆซะงั้นแหละ
“เดี๋ยวกูจะให้มึงพูดว่า ไม่ได้เป็นอะไรกันอีก ไม่ได้เอง”
“อึก....โอ้ย...เจ็บ...อย่าเอาออกไป” ผมพูดเสียงแหบพร่าเมื่ออยู่ๆพี่โชว์ก็ดันแก่นกายของตัวเองเข้ามาจนเกือบสุดมันเจ็บมากถึงจะเคยผ่านมาบ้างแล้วก็เถอะ
“อ๊า....ซี้ด...เอาออกไม่ได้...ทำกี่ครั้งก็แน่นเหมือนเดิมนะ”
“ฮึก....ฮือ...กูเกลียดมึงไอ้เลว” ผมเผลอหลุดปากด่าคนตรงหน้าด้วยวาจาที่หยาบคายมากที่สุดเพราะปกติผมจะไม่ค่อยด่าคนด้วยคำหยาบคายถ้าไม่สุดๆจริงๆ
“เกลียดกูเหรอ กูเลวเหรอ งั้นไหนๆก็ไหนๆแล้ว กูจะทำตามคำพูดมึงเอง”
“อย่า โอ้ย ฮึก อึก แฮ่กๆ” ผมแทบจะหมดสติเมื่อพี่โชว์กระแทกเข้าออกอย่างแรง
“หึหึ”
“ไอ้ชั่วเอาออกไป ฮื้อ...อื้อ” ผมโดนพี่โชว์ปิดปากอีกครั้งด้วยริมฝีปากที่หนักหน่วงของพี่โชว์ผมตอนนี้ซึ่งทนแรงกระแทกจากพี่โชว์ไม่ไหวแล้วก็เหมือนจอภาพของตัวเองมืดลงไปอย่างช้าๆ
( Show Part )
ตอนนี้อารมณ์ความต้องการของผมพุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดอยู่แล้วความรู้สึกที่ต้องการมากขึ้น กลิ่นตัวหอมๆนี้ยิ่งเป็นกระตุ้นอารมณ์ชั้นดีจริงๆสรุปกว่าผมจะได้นอนก็เกือบเช้า ผมรู้สึกตัวอีกทีก็เพราะมีแรงสั่นจากข้างๆตัวผม
“ฮึก…ฮือ” เมื่อผมหันไปดูก็พบกับคิมนอนร้องไห้อยู่ผมจึงเอามือไปเกลี่ยผมคิมเล่น
“ฮึก...อย่ามายุ่ง!” คิมพูดแล้วก็ปัดมือผมออก
“เป็นอะไร” ผมถามเสียงเรียบ
“เปล่า!” แต่คำที่ตอบกลับมาแต่ละคำนั้นเหมือนตอบแบบขอไปทีและแข็งกร้าว
“ร้องไห้ทำไม ฮึ” ผมถามแล้วก็ดึงตัวคิมเข้ามากอดไว้
“ปล่อยผม แล้วถอยออกไปห่างๆ”
“ทำไมล่ะ ขอนอนกอดหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้คุณมันสกปรกทั้งร่างกายและจิตใจผมขยะแขยงคุณ!”
“ก็ให้รู้ไปว่าจะเกลียดผัวตัวเองได้ลง”
“คุณอย่าพูดเองเออเอง แค่คุณทำอย่างนั้นกับผมก็ไม่ได้หมายความว่าคุณมีความสำคัญกับผมที่ผ่านมาผมจะถือว่าทำบุญทำทานไปก็เท่านั้น” เจ็บครับเจอคำนี้และอารมณ์ผมกำลังทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง
“เออ ก็อย่างนี้แหละ กูไม่ใช่ไอ้เต้นิถ้ากูเป็นไอ้เต้มึงๆคงวิ่งขึ้นเตียงรอเลยสิท่า” ผมประชดกลับและดูเหมือนอีกคนก็คงปี๊ดเหมือนกัน
“เพี๊ยะ.....คุณดูถูกผมมากไปแล้ว” คิมตบผมแล้วเตรียมจะวิ่งออกไปจากห้อง
“จะไปไหนเล่ามานี่ก่อน” ผมรั้งคิมเอาไว้
“ปล่อย....บอกให้ปล่อยไงวะ” คิมเริ่มโวยวาย
“อื้อ...นอนก่อนสินี่เพิ่งกี่โมงเอง” ผมดึงคิมมานอนกอดไว้และคิมก็ดิ้นได้อยู่พักนึงแล้วก็หยุดคงรู้สึกว่าดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ผมไม่ปล่อยคิมไปง่ายๆหรอกเมื่อเรานอนมาได้สักพักห้องก็เข้าสู่ความเงียบไม่มีใครพูดอะไรผมอึดอัดจึงทำลายบรรยากาศก่อน
“ขอโทษ”
“…”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่แค่โมโหที่คิมไปไหนแล้วไม่บอกพี่ก่อนพี่เป็นห่วงนะ” ผมเริ่มบรรยายความในใจของผม นิดหน่อย........แต่ยังไม่กล้ามากพอที่จะบอกรัก
“…”
“คิม”
“…” เงียบอีกแล้ว
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ผมถามเมื่อคิมเงียบ
“อย่าโกรธพี่เลยนะ คนดี” ผมจะหอมแก้วคิมแต่อีกฝ่ายหลบแล้วลุกขึ้นจากเตียง
“พอสักทีเลิกยุ่งกับผมเถอะผมทำใจไม่ได้หรอกที่จะต้องคุยอยู่กับคนที่ขืนใจผมมาตั้งหลายครั้งมันเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้”คิมพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
“เฮ้อ แม่ง! ไอ้ควายเอ้ย!” ผมสบถด่าในความใจร้อนของตัวเองที่ทำให้โดนคิมเกลียดจนได้ Lesson 20
( Kim Part )
ผมหอบสังขานของตัวเองที่แทบจะล้มทั้งยืนเดินออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็วเพราะหากผมอยู่ต่ออีกสักนิดผมจะต้องร้องไห้อีกแน่ๆวันนี้เป็นวันที่สมาชิกทุกคนกลับมาที่บ้านแล้วซึ่งกลับมาช้ากว่ากำหนดเกือบสองเดือนแหนะ
“ป้าน้อย หวัดดีครับ” ผมกล่าวทักทายเมื่อเห็นแม่บ้านที่หายไปนาน
“หวัดดีจ๊ะ คุณคิม นี่ป้าซื้อของมาฝากคุณคิมด้วยนะ”
“จริงเหรอครับ แต่ทีหลังไม่ต้องก็ได้ครับเปลืองเปล่าๆ” ผมบอก
“แหม่ของฝากเล็กๆน้อยๆค่ะ ไม่ต้องคิดมาก แล้วนี่คงยังไม่ได้ทานอาหารเช้าสินะ เดี๋ยวป้าทำให้นั่งรอก่อน นะคะ”
“ป้าไม่ต้องหรอกครับเดี๋ยวผมทำเองป้ามีอะไรทำก็ไปทำอย่างอื่นเถอะครับ” ผมบอกแล้วเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบทำอาหารผมทำผัดผักอย่างเดียวเพราะในตู้เย็นแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว
“คิม” มีเสียงเรียกชื่อผม
“...” ผมไม่ตอบและไม่หันไปมอง
“หิวจังเลย...”
“เคล้ง” ผมวางช้อนแล้วลุกพรวดเดินเอาจานไปล้างแล้วเดินออกมาจากห้องอาหารโดยไม่สนใจใครอีกคนเลยผมยังไม่อยากเห็นหน้าเค้า....ตอนนี้
ผมขึ้นไปห้องตัวเองอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาลัยตอนนี้ใกล้สอบแล้วผมไม่อยากขาดถึงร่างกายในตอนนี้จะไม่เอื้ออำนวยก็เถอะผมเดินออกมาจากห้องก็พบกับใครอีกคนที่อยู่หน้าประตู
“...” ผมไม่พูดอะไรแล้วเดินเบี่ยงๆหลบมา
“จะไปไหน” พี่โชว์ยื่นมือมาจับผมไว้
“…” ผมไม่พูดแล้วแกะมือของเค้าออกไป
“ถ้าจะไปมหาลัยเดี๋ยวค่อยไปพร้อมกัน”
“…” ผมไม่ตอบเค้าแล้วก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อไปขึ้นแท็กซี่ที่หน้าหมู่บ้าน
ตอนนี้ผมอยู่มหาลัยแล้วครับผมเดินมาที่โรงอาหารก็เจอเฟียร์นั่งอยู่คนเดียวผมจึงเดินเข้าไปทักทายเฟียร์หน่อย
“เฟียร์ ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ” ผมถาม
“อ่อ คนอื่นยังไม่มาน่ะ นี่พี่วินก็ไปส่งงานกับอาจารย์อยู่เลยเราเลยมานั่งรอนี่แหละ แล้วคิมมาคนเดียวเหรอ” เฟียร์พูดแล้วก็ชะเง้อดูไปทางข้างหลังผม
“อื้มเราก็ต้องมาคนเดียวสิ จะให้มากับใคร” ผมตอบเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อยเฟียร์นิ่งไปแปปนึง
“มีอะไรหรือเปล่าคิม” เฟียร์ถามผมด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอก” ผมตอบเร็วปรื้อ
“คิมโกหกไม่เนียนเลยนะ” เฮ้อสุดท้ายก็โดนจับได้
“ไม่มีอะไรหรอกเราเครียดน่ะ ก็อีกเดือนเดียวจะสอบแล้วนี่” ผมตอบแถไปเรื่อย
“เหรอ” เฟียร์ตอบแต่ผมดูหน้าก็รู้แล้วยังไงเฟียร์ก็ไม่เชื่อผมแต่ไม่อยากจะถามต่อมากกว่าผมนั่งคุยกับเฟียร์ได้สักพัก พวกพี่ส้มพี่แป้งก็เริ่มทยอยมาร่วมวงสนทนา
“อ้าว สองหนุ่มมานั่งคุยอะไรกันจ๊ะ” พี่ส้มทัก
“หวัดดีครับพี่ ผมนั่งรอพี่วินน่ะ” เฟียร์กับผมยกมือไหว้แก
“เหรอ มันไปไหนล่ะ” พี่แป้งชิงถามก่อนครับ
“เห็นบอกต้องไปส่งงานให้อาจารย์ก่อนนะครับ”
“อ๋อ งานวันที่มันหยุดไปเที่ยวนั้นแหละ สมน้ำหน้าอยากไปไม่ชวน อิอิ”พี่ส้มพูด
“เออนี่ แล้วไอ้โชว์ล่ะคิม”
“ไม่รู้ครับ” ผมตอบแล้วเมินหน้าหนีจะมาถามผมทำไมตัวไม่ได้ติดกัน
“อ้าว ทะเลาะกันเหรอ”
“เปล่าครับ จะทะเลาะกันเรื่องอะไร” ผมตีหน้าซื่อๆ
“เหรอ ไม่ทะเลาะก็ไม่ทะเลาะ” พูดจบพี่ส้มก็นั่งลงพวกเราก็นั่งคุยกันไปได้สักพักพวกพี่เกียร์ พี่ฟ้า พี่วิน ก็เริ่มมากันแล้วเราก็คุยกันสนุกสนานเฮฮาไปได้อีกพักนึงคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดก็โผล่หน้ามา
“เอ่อ พี่ๆขอตัวก่อนนะครับพอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะ” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะทันที
“เดี๋ยวคิมจะไปไหน” ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้นโดยมีอีกคนวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อน อย่าหนีพี่สิ” พี่โชว์ฉุดมือผมไว้
“ปล่อย” ผมพูดเสียงนิ่งๆและพยายามแกะมือออก
“ไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” ผมพูดและสะบัดมือออกจนหลุด
“คิม” ผมหันไปตามเสียงเรียกของใครอีกคน......เต้
“ว่าไงเต้” ผมทักและยิ้มให้ตามมารยาท
“เย็นนี้ว่างไหม ไปกินข้าวกันนะ” เต้ชวนผม
“ไม่ว่างเย็นนี้คิมจะกลับบ้านเร็ว!” ไม่ใช่เสียงผมที่ตอบแต่เป็นเสียงของคนอื่น...คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
“ได้สิเต้ งั้นเย็นนี้มารับเราหน้าคณะด้วยนะ” ผมตอบเต้ไปเต้ดูดีใจมาก
“ได้สิ เดี๋ยวเราโทรหานะ งั้นไปก่อนล่ะเดี๋ยวสายน่ะ”
“อื้ม แล้วเจอกัน” ผมโบกมือลาและเตรียมตัวเดินไปคณะตัวเองแต่ก็ถูกแรงของใครอีกคนฉุดไว้ที่เดิม
“พี่ไม่ให้ไป!” พี่โชว์พูดเสียงดัง
“…” ผมไม่ตอบและแกะมือเค้าออก แต่แกะยังไงก็แกะไม่ออก
“ปล่อยผมนะ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผม” ผมพูดเสียงดังขึ้นจนคนแถวนั้นเริ่มมองรวมถึงพวกเฟียร์ด้วย
“มานี่!” เค้าลากผมกลับมาที่โต๊ะตอนนี้ทุกคนกำลังมองมาที่ผมอย่างสงสัย
“ปล่อยผมสิ โอ้ย อะไรนักหนาจะยุ่งอะไรกับผมมากมายคุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผมได้ยินไหม!” ผมพูดแทบจะตะโกนใส่หน้าและดูเหมือนอีกคนก็จะมีอารมณ์แล้วเหมือนกัน
“เฮ้ย มีอะไรค่อยๆพูดกัน ใจเย็นๆไอ้โชว์” พี่วินพูด
“อื้อ...อ่า...อ่อยอะ(อย่า..ปล่อยนะ)” อยู่ๆพี่โชว์ก็จูบผมกลางโรงอาหารท่ามกลางสายตาคนเกือบสองร้อยในโรงอาหารผมดิ้นคลุกคลักได้สักแปปนึงก็หลุดจากการรัดกุมของอีกฝ่าย
“เพี๊ยะ......” ผมตบหน้าพี่โชว์อย่างแรง
“สารเลว....พอใจ...ฮึก....หรือยังล่ะ” ผมน้ำตาไหลอาบแก้มไม่คิดว่าเค้าจะทำกับผมแบบนี้ในที่สาธารณะได้ เค้าไม่นึกถึงใจผมบ้างเลย ผมวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นเร็วที่สุดเท่าที่เร็วได้
“เดี๋ยวคิม รอเราด้วย” เฟียร์ไล่ตามหลังผมมาตอนแรกว่าจะเข้าเรียนตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์แล้ว ผมวิ่งมานั่งที่ สระน้ำหน้าคณะซึ่งมีต้นไม้อยู่เยอะพอสมควรอากาศจึงไม่ร้อนกำลังดีผมเลือกนั่งต้นที่อยู่ใกล้สระมากที่สุด
เผื่อน้ำในสระจะทำให้ผมสบายใจขึ้นบ้าง
“คิม ไม่เป็นไรนะ” เฟียร์ที่วิ่งตามผมมามีท่าทีหอบเหนื่อยไม่แพ้ผมเลย
“อืมไม่เป็นไรหรอก” ตอนนี้ผมหยุดร้องไห้แล้ว เพราะไม่รู้ว่าร้องแล้วจะได้อะไรขึ้นมา
“เราถามจริงๆนะ ตอนนี้คิมรู้สึกยังไงกับพี่โชว์” เฟียร์เริ่มเปิดฉากถามผม
“หึ ถ้าถามเราตอนนี้เหรอ....ไม่รู้สิแต่เราไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากพูดคุย อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เรารู้สึกแบบนั้น มันคงเป็นความเกลียดชังมั้ง”ผมตอบเฟียร์ไปแต่สายตาผมเหม่อมองน้ำสระ
“เราจะบอกอะไรให้เอาไหม”
“อะไรล่ะ”
|