ขอไว้อาลัยกับการจากไปของ KOH MASAKI ดาราหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัยเพียง 30 ปี
เนื่องจากไส้ติ่งแตก และ มีอาการแทรกซ้อนเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
จากไปเมื่อ18 พ.ค. 2556 ที่ประเทศญี่ปุ่น “มาซากิ โก” อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูของคนทั่วไป แม้แต่คนที่ติดตามวงการบันเทิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่เองก็ตาม แต่สำหรับแวดวงเกย์ ชื่อนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะเขาคือตำนานแห่งวงการหนังเกย์ยุคปัจจุบัน เป็นซูเปอร์สตาร์เกย์อันดับ 1 แห่งอุตสาหกรรม GV
มาซากิ โก คือหนึ่งในนักแสดงหนัง GV หรือ เกย์วิดีโอ (Gay Video) ที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค เป็นซูเปอร์สตาร์สำหรับผู้รับบท “TOP” (รุก) เป็นหนึ่งในตำนานของหนัง AV และเป็นดารา AV หนังเกย์ชาวญี่ปุ่น ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดผู้หนึ่งตลอดกาลเลยทีเดียว การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเขา จึงเป็นข่าวใหญ่ของวงการหนังวาบหวิวทั้งที่ญี่ปุ่น และเมืองไทยที่มีผู้คนติดตามผลงานของ “พี่โก้” คนนี้อยู่มากมายเช่นเดียวกัน
“พี่โก้” ซูเปอร์สตาร์ GV
หนุ่มจากจังหวัดอิวาเตะคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 1983 ต่อมาจึงเข้าสู่วงการบันเทิงมีงานถ่ายแบบออกมาให้เห็นอยู่บ้าง กระทั่งในหน้าร้อนปี 2009 เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่โลกแห่งหนังเอวี เล่นหนังประเภทชายหญิงอยู่บ้าง แต่มาประสบความสำเร็จกับการแสดงหนังเกย์ ที่ตำนานของเขาเริ่มต้นขึ้นที่นั่น
หลังเริ่มรับงานแสดงในสายนี้เมื่อปี 4 ปีก่อน มาซากิ โก น่าจะมีผลงานการแสดงมากกว่า 100 เรื่องแล้ว ถือว่าเป็นนักแสดงที่โด่งดังที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าหากลองหยิบหนังประเภทนี้ขึ้นมาสัก 10 เรื่องก็น่าจะมีผลงานของ โก อยู่ในนั้นอย่างน้อย 2 เรื่อง และอาจจะถึง 5 เรื่องก็ได้
เลสลี คี ช่างภาพเกย์คงดังจากสิงคโปร์ที่เคยร่วมงานกับ มาซากิ โก ถึงกับตั้งชื่อหนังสือรวมภาพของเขาว่า “ซูเปอร์สตาร์ ดาวโป๊” มาแล้ว
ด้วยรูปร่างสมส่วนสูง 172 ซม. กับน้ำหนัก 70 กก. มาซากิ โก กลายเป็นขวัญใจคนดูได้ด้วยส่วนผสมของความน่ารักขี้เล่น และเซ็กซี่ เป็นเสน่ห์แบบหนุ่มข้างบ้านที่เข้าถึงได้ จนเป็นดารา GV ที่พิเศษกว่าใคร ๆ และทำให้เขาเป็นที่ฝันถึงของทั้งเกย์ จนไปถึงบรรดาสาว ๆ ด้วย
โก บอกว่าเขาสามารถแสดงได้ทุกบท และยอมรับว่าไม่ค่อยใช้ถุงยางในการแสดงบทแบบนี้เท่าไหร่ แม้จะมีข้อจำกัดของตัวเองอยู่บ้าง ที่จะไม่ยอมแสดงบทบางประเภท แต่ก็ขอเก็บเอาไว้เป็นความลับส่วนตัว
นอกจากนั้น มาซากิ โก ยังทำงานเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้าหรือที่เรียกกันว่า Go Go Boy ด้วย เขายังมีตำแหน่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ชุดชั้นในชายยี่ห้อหนึ่ง ได้ถ่ายแบบสินค้าต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงเคยไปปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอของราชินีเพลงป็อปแห่งแดนปลาดิบ อายูมิ ฮามาซากิ ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักคุ้นหน้าคุ้นตาของชาวญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปขึ้นมาพอสมควรเลยทีเดียว
ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ กับการทำงานทั้งในวงการบันเทิงกระแสหลัก และเฉพาะกลุ่ม โก ขึ้นมาเป็นขวัญใจของเกย์ไปทั่วเอเชีย เคยเดินทางไปรับงานทั้งในประเทศไทย, ไต้หวัน, เกาหลี และจีนอยู่บ่อย ๆ
สำหรับในเมืองไทยเขายังเคยมาเล่นหนังเกย์ “เกย์เว้ยเฮ้ย” มาแล้ว ซึ่งการมารับงานในเมืองไทยของดาราหนุ่มที่แฟนๆ ชาวเรียกชื่อเล่นกันว่า “พี่โก้” ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างความฮือฮาในหนุ่มแฟนหนังประเภทนี้อยู่ไม่น้อย
ตำนานปิดฉาก
ในวัย 20 ปลาย ๆ มาซากิ โก เคยบอกให้การให้สัมภาษณ์ว่าเขายังไม่ได้มองเรื่องการ “เกษียณอายุ” ถอนตัวออกจากวงการนี้ไปแต่อย่างใด และไม่ได้มีแผนว่าจะเลิกเดินในทางสายนี้เมื่อใด
แต่แล้วเส้นทาง “ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการเกย์” ของ โก ก็ต้องหยุดลงอย่างไม่คาดฝัน เมื่อมีข่าวลือออกมาว่าเขาเสียชีวิตลงแล้วในวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในตอนแรกคนยังคิดว่าเป็นข่าวลือที่มีคนกุขึ้น เหมือนกับข่าวการเสียชีวิตของดาราเอวีอีกหลายๆ คน
แต่สุดท้ายข่าวก็เป็นจริง มีคนใกล้ชิดกับ มาซากิ โก ยืนยันข่าวการตายของเขาทาง Twitter โดยยังไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวระบุว่าเขาสิ้นลมลง ระหว่างเข้ารับการรักษาหลังมีอาการปวดท้อง
มาซากิ โก ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 29 ปี ในช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ค. ที่โรงพยาบาลหลังเขาเข้ามาทำการรักษาอยู่ช่วงใหญ่ ๆ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากอาการปวดท้องแบบเฉียบพลัน โดยมีแฟนหนุ่มคอยดูแลอาการอยู่ใกล้ ๆ ตลอด
เชื่อกันว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากอาการเยื่อบุช่องท้องอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นผลจากอาการไส้ติ่งแตก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างชัดเจน จึงเกิดข่าวลือต่าง ๆ มากมาย
โดยสำนักข่าวแห่งหนึ่งจากจีนยังอ้างว่า แม้เจ้าตัวจะบอกว่าเข้าใจถึงความจำเป็นของการรักษา แต่ก่อนจะเสียชีวิต มาซากิ โก เคยแสดงอาการลังเล และตัดสินใจเลื่อนการผ่าตัดออกไป เพราะกังวลว่าการผ่าตัดใหญ่อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนเรือนร่าง ซึ่งอาจจะมีผลกับการทำงานของเขาได้ และพยายามใช้การรักษาด้วยสมุนไพรมาบรรเทาอาการแทน แต่สุดท้ายเพราะอาการป่วยดังกล่าวก็ทำให้ดาราหนุ่มคนนี้เสียชีวิตลงในที่สุด
“ชีวิตแบบเกย์ที่ผมเลือกเดิน”
ตลอดมา มาซากิ โก ยืนยันว่าเขาเป็น “เกย์ 100%” และไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใดมาก่อน หากไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับงาน เขาบอกในการให้สัมภาษณ์ว่าการใช้ชีวิตเป็นเกย์ในสังคมที่ยังคงปกคลุมด้วยความอนุรักษนิยมอย่างในญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้มีความเป็นอิสระเปิดกว้าง 100% และอาจจะไม่ได้เปิดกว้างเท่ากับเมืองไทย แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าหลาย ๆ แห่ง แม้จะไม่สามารถแสดงออกถึงความรักต่อกันอย่างการจับมือถือแขนได้ เพราะเกรงใจสายตาของคนอื่นอยู่บ้างก็ตาม
ในข้อเขียนที่ขึ้นหัวข้อว่า “ชีวิตแบบเกย์ที่ผมเลือกเดิน” ซึ่งตีพิมพ์ประกอบอยู่ในหนังสือรวมภาพถ่ายของเขา โก พยายามใช้ประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อเตือนผู้มีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกัน ให้หันมาใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวังมากขึ้นด้วย
“ผม, คนที่เคยใช้ชีวิตอย่างไม่บันยะบันยัง สนุกไปเรื่อยอย่างที่อยาก กระทั่งเมื่อผมไปตรวจเลือดครั้งแรก ผมต้องรอคอยผลด้วยความรู้สึกเหมือนอยากจะยอมแพ้ แต่เมื่อผลออกมาเป็น “ลบ” ผลที่ออกมามันเหมือนช่วยชีวิตผมเอาไว้ ผมตัดสินใจมีเซ็กซ์แบบไม่ป้องกันอะไรในวิดีโอต่าง ๆ อีก ไม่ว่าใครจะขออะไร ผมก็จะทำให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ผมมารู้สึกถึงความน่ากลัวของการไม่ป้องกัน ก็เมื่อมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับคนที่ผมรักนั่นเอง”
“มันเป็นอะไรที่โง่มาก ถึงตอนนี้ผมยังคงต้องสวดภาวนาอยู่ทุกเดือนให้ผลตรวจเลือดเป็นลบ แต่ก็รู้แล้วถึงความสำคัญของเซ็กซ์ที่ปลอดภัย”
“ผมเลิกที่จะใช้ชีวิตอยู่เพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียวแล้ว ผมอยากจะปกป้องคนที่รัก แต่ก็อยากจะปกป้องตัวเองสำหรับอนาคตด้วย”
ก่อนจะเสียชีวิต มาซากิ โก ใช้ชีวิตอยู่กับแฟนหนุ่มเชื้อสายจีนที่ชื่อว่า “เถียนเถียน” ที่เป็น Go Go Boy เหมือนกัน ทั้งสองมีโอกาสทำความรู้จักกันบนรถไฟใต้ดิน หลังเดินทางกลับจากการชมคอนเสิร์ต เลดี้ กาก้า ซึ่ง เถียนเถียน บอกว่าต่างฝ่ายต่างรู้ทันทีว่าอีกคนเป็นเกย์ และเริ่มทำความรู้จักคบหาดูใจกันมาตั้งแต่ตอนนั้น
มาซากิ โก กับ แฟนหนุ่มชาวจีน
ในฐานะหนุ่มเกย์ชาวญี่ปุ่น มาซากิ โก บอกว่าประเทศของเขาก็เหมือนอีกหลาย ๆ ที่ ซึ่งคนมักจะคิดว่าเกย์ต้องพูดจาจีบปากจีบคอ แต่งตัวไม่เหมือนใคร เป็นคนตลกขบขันอยู่ตลอดเวลา แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น
โก บอกว่าที่ผ่านมาเขาได้รับข้อเสนอให้ไปออกรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่เพราะตัวเองไม่ได้มีท่าทางเฉพาะตัวแบบเกย์, ไม่ได้แต่งตัวจัดจ้าน การจะพูดว่า “ผมเป็นเกย์ และชอบผู้ชายครับ” จึงเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจนัก
.............................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 190 วันที่ 25-31 พฤษภาคม 2556
(อาจจะอัพเดทล่าช้าไปหน่อยนะครับ)
|