ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว “ไม่จริง! ไม่จริง ฮือ....อึก....ม่าย!” น้องกรีดร้องจนผมปวดใจ ผมไม่อยากเห็นน้องทรมานแบบนี้เลยครับ และน้องก็สลบไปน้องจะต้องทรมานแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน! Lesson 33
( Show Part )
“ปี๊นๆ” เสียงแตรหน้าบ้านดังขึ้นทำให้ผมต้องชะโงกหน้าไปดู ก็เห็นว่าเป็นรถไอ้วินผมก็เลยอุ้มน้องลงไปด้วยเพื่อไปเปิดประตูบ้านให้
“โหย มึงต้องติดกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้วินถาม
“นั้นดิพี่ ผมว่ามันชักไปกันใหญ่แล้วนะ” คราวนี้เฟียร์บอกครับ
“ก็บอกแล้ว ห่างได้ที่ไหนล่ะ นี่ยังไม่กล้าขี้กล้าเยี่ยวเลยเนี่ย ตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว กูเห็นแล้วก็สงสารว่ะ” เฮ้อ พูดแล้วก็ใจหาย ภาพของน้องร้องไห้จะเป็นจะตายยังคงติดตาผมไม่หายเลย
“เออๆ กูว่ามึงพาคิมขึ้นไปนอนบนห้องเถอะ จะได้นอนสบายๆ มากระเตงไปกระเตงมาอยู่เนี่ย คิมมันไม่สบายตัวหรอก” ผมทำตามที่ไอ้วินบอกครับผมก็พาน้องขึ้นมาทันที
“อื้อ” น้องครางงัวเงียเมื่อผมวางน้องลงบนเตียง ผมก็เอามือลูบหัวน้องเผื่อน้องจะหลับต่อ...แต่เปล่าเลยน้องลืมตาขึ้นมาแล้วก็มองผมครับ
“...”
“หิวหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นน้องไม่พูดอะไรผมก็เลยเปิดฉากถามครับ เพราะว่าตั้งแต่เช้าน้องยังไม่ได้กิน
อะไรเลย
“...” น้องไม่ตอบผมแต่เหมือนน้องจะเหม่อๆลอยๆยังไงก็ไม่รู้ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฮัลโหลไอ้วิน” เหอะๆบ้านเป็นองค์การโทรศัพท์ครับโทรหาคนอยู่ข้างล่าง
(อะไรมึง อยู่กันแค่เนี่ยโทรมาหาพระแสงอะไร)
“ไอ้สัดบ้านกูรวยมีปัญญาจ่ายค่าโทร มึงมีปัญหาอะไร”
(เออกูมันเสือกเองแหละ...แล้วมึงมี-เอี้ย-อะไร)
“มึงกูกวนอะไรหน่อย” ผมบอกแล้วเว้นช่วง กำลังคิดว่าจะให้น้องกินอะไรดี
(มึงพูดมาเร็วๆดิ ลีลาจริงๆไอ้-เอี้ย-) มึงแม่งด่ากูทุกช็อตไอ้เพื่อนเวร
“กูกวนให้เมียมึงอ่ะทำข้าวต้มมาให้คิมหน่อย น้องตื่นแล้ว”
(เออ มึงรอแปปละกันเดี๋ยวกูบอกเฟียร์ให้) พูดจบมันก็วางสายไป ผมก็หันมาสนใจน้องต่อ
“หน้าเปอะน้ำตาไปหมดเลย เดี๋ยวพี่เช็ดหน้าให้ดีกว่านะ จะได้สบายขึ้น” พูดจบผมก็ลุกไปห้องน้ำแล้วเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเดินออกมา
“นิ่งๆนะ” ผมค่อยไล่เช็ดหน้าน้องไปเรื่อยๆจนทั่วไปหน้าน้องก็มองหน้าผมแต่ไม่พูดอะไร แต่แววตาน้องเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความหดหู่ เห็นแล้วผมก็หดหู่ตามเลยครับ
“ก็อกๆ...เข้าไปนะครับ” เสียงเฟียร์ครับ แล้วประตูห้องก็เปิดออก เฟียร์เป็นคนเปิดประตูแต่ไอ้วินเป็นคนถือชามข้าวต้ม
“มาเร็วดีนี่มึง” ผมบอกไอ้วิน
“งี้แหละเมียกูเก่ง” พูดไม่ทันขาดคำก็....
“ป๊าบ.....ไอ้พี่วินทะลึ่ง” เฟียร์ตบหลังเลยครับ เหอๆ รักดุจริงๆครับ แต่ก็น่าอิจฉาแหละหว้า ถึงจะดุแต่เค้าก็รักกันดี
“มาข้าวต้มมานี่ เดี๋ยวกูจะป้อนน้อง” ผมไปแย่งข้าวมาจากไอ้มือวินครับ แล้วก็เอามาจะป้อนน้อง
“...” แต่น้องไม่ยอมกินครับแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรด้วย
“กินหน่อยนะครับจะได้แกร่งขึ้น” ผมพูดหว่านล้อมน้อง
“...” แต่น้องก็ยังไม่ยอมพูดกับผม
“กินหน่อยเถอะนะ”
“…”
“คิม....พี่ขอร้องกินหน่อยนะครับ คนดี” เฮ้อ ทำไมมันยากเย็นยังงี้วะเนี่ย แต่น้องกำลังป่วยอยู่ผมจึงต้องใจเย็นๆ
“ผมไม่หิว” น้องตอบเสียงลอยๆ ฟังแล้วไม่สบายใจเลยครับ
“ไม่หิวก็กินหน่อยนะครับ”
“ผมจะรอกินพร้อมแม่” เฮ้อ น้องพูดแบบนี้อีกแล้ว ผมควรจะทำยังไงดีอ่ะครับ ผมพูดอะไรต่อไม่ได้เพราะพูดไปก็มีแต่จะกระทบกระเทือนจิตใจน้องครับ เลยได้แต่นั่งมองน้องต่อไปเรื่อยๆ
“คิม เราจะบอกอะไรให้” เฟียร์พูดขึ้นครับพร้อมกับเดินเข้ามาหาน้อง
“มี...อะไรเหรอ....เราขอรอแม่ก่อนได้ไหม”
“คิม แม่คิมน่ะไปสวรรค์แล้วคิมต้องรับความจริงนะ” เฟียร์พูดเสียงจริงจังมากๆครับ มากจนเหมือนว่าเป็นน้ำเสียงดุ
“ฮึก...อึก” น้องเริ่มร้องไห้อีกแล้วครับผมเลยเอาหัวน้องมาซบอกผม เพราะว่าตอนนี้ผมก็นอนอยู่บนเตียงกับน้องครับ
“คิม...คิมอย่าหลอกตัวเองอีกเลยนะ คิมทำแบบนี้แม่คิมจะไม่สบายใจนะ” เฟียร์มีกลยุทธการพูดจาชั้นยอด
เลยครับ ไม่ว่าจะด้านส่งเสริมหรือทำลาย (เอ๊ะอันหลังนี่เหมือนหลอกด่าเลย)
“แต่ว่าเรา...”
“ทำไม มีอะไรคิมบอกเราได้นะ”
“เราไม่เหลือใครแล้วเฟียร์ ทั้งชีวิตตั้งแต่พ่อเราตายเราก็เหลือแต่แม่ แล้วแม่ก็มาจากเราไปแบบนี้เราทำใจไม่ได้” เมื่อน้องพูดขึ้นแบบนี้ผมก็สวนขึ้นทันทีด้วยความโมโห
“ทำไมจะไม่เหลือใคร คิมยังมีพี่นะ พี่คอยคิมอยู่ตรงนี้เสมอ....ทำไมไม่หันมามองพี่บ้างล่ะ” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้งครับ
“เอ่อ พวกกูไปรอข้างนอกนะ” พูดจบวินกับเฟียร์ก็พากันลุกออกไปข้างนอกครับ ในห้องจึงเหลือผมกับน้องสองคน
“คิมอย่าคิดอะไรแบบนี้อีกนะ อย่างน้อยคิมยังมีพี่ ถึงพี่จะเลวจะชั่วมาก่อนยังไงแต่พี่อยากให้คิมให้โอกาสพี่อีกครั้งนึง มีอาจจะขอมากไปแต่พี่อยากให้เวลามันเป็นตัวพิสูจน์ว่าพี่รักคิมจริงๆ” ผมพูดยาวเหยียดเลยครับ
“ฮึก....อึก พี่โชว์” น้องร้องไห้แล้วก็กระโดดกอดผมครับ ผมก็ลูบหัวปลอบน้องไป
“ถึงคิมจะเกลียดพี่ยังไง แต่พี่รักคิมเสมอนะ” เหอะๆ ขอกูหยอดหน่อยเถอะช่วงทำคะแนน อิอิ
“คิมมะ..ฮึก...ไม่เคยเกลียด....อึก....พี่โชว์” น้องพูดไปร้องไห้ไปครับ แต่น้องพูดมาแบบนี้ ผมก็ดีใจมากแล้วครับ
“ขอบคุณนะครับที่ไม่เกลียดพี่” ผมบอกแล้วส่งยิ้มไปให้
“อาวล่ะ พี่ว่าหยุดร้องไห้ก่อนดีกว่านะเดี๋ยวจะปวดหัว...หนึ่ง สอง สาม อึ๊บ....ไม่ร้องแล้วนะครับ” น้องก็พยายามหยุดร้องครับแม้ว่าจะมีสะอื้นบ้างเป็นระยะ เหมือนเด็กเลยแฮะ นี่ผมกำลังเลี้ยงลูกอยู่หรือเปล่า
“ทีนี้กินข้าวซะนะครับ...จะได้กินยา...จำไว้นะคิมแม่คิมท่านไม่ได้ไปไหนเลย ท่านยังคอยมองดูคิมอยู่ในนี้”
ผมชี้ไปตรงหน้าอกด้านซ้ายของคิมครับ
“จะทำอะไรก็คิดถึงท่านก่อน อย่าให้ท่านเป็นห่วงรู้ไหมครับ” ผมบอกน้อง น้องก็ก้มหน้านิ่งไปพักนึงแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม นี่แหละรอยยิ้มที่ไม่เห็นมานานแล้ว
“กินข้าวนะครับ แม่คิมจะได้ไม่เป็นห่วง” และผมก็ป้อนข้าวน้องจนหมดครับ แถมตอนนี้น้องเริ่มพูดเริ่มหัวเราะมากขึ้นแล้วด้วย เห็นแล้วก็สบายใจครับ
Lesson 34
( Kim Part )
ผ่านไปหลายวันแล้วกับการสูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมไป ผมจำได้ว่าตัวเองจิตตกไปพักนึงเลยครับ แถมยังเห็นคนมาชวนไปเจอแม่ด้วย ทำให้ผมเกือบทำอะไรบ้าๆไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมก็ยังอยู่บ้านของตัวเองที่ราชบุรีครับโดยที่มีพี่โชว์ พี่วิน แล้วก็เฟียร์มาอยู่เป็นเพื่อนครับ
“คิมกินข้าวครับ” พี่โชว์เดินยิ้มเข้ามาในห้องพร้อมกับชามข้าวต้มครับ
“พี่โชว์อ่ะ เดี๋ยวคิมลงไปกินเองก็ได้ คิมหายป่วยแล้วหน่า แข็งแรงดีด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจทำให้” เหอะๆ เดี๋ยวนี้หยอดผมทั้งวันเลยครับแต่ผมไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอก...ถ้าง่ายก็ไม่ใช่คิมแล้ว
“งั้นก็เอาชามมาเถอะพี่ เดี๋ยวคิมกินเอง” ผมยื่นมือไปเพื่อรับชามข้าวต้มแต่ก็โดนคัดค้านจากพี่โชว์
“ไม่ต้องเลยเดี๋ยวพี่ป้อนเอง” พี่โชว์ยกชามหนีผมเลยครับ
“พี่โชว์ คิมไม่ได้เป็นง่อยนะ” ผมบอกพี่โชว์ไปแต่เหมือนว่าพี่โชว์จะไม่สนใจเลย แถมยังนั่งเป่าๆข้าวต้มให้ผมอีกด้วย
“อ่ะ อ้าปากครับ” ผมก็อ้าปากไปงับข้าวต้มที่พี่โชว์ป้อน ในเมื่ออยากป้อนก็ป้อนไปเถอะดีซะอีกจะได้ไม่ต้องเมื่อยกินเอง
ผมก็กินข้าวต้มที่พี่โชว์ป้อนจนหมดชาม พี่โชว์ก็เดินเอาชามลงไปเก็บข้างล่างแล้วเฟียร์ก็ขึ้นมานั่งเล่นด้วยจนช่วงบ่าย พี่โชว์ก็กลับเข้ามาในห้องผมอีกครั้ง
“พี่โชว์” ผมเรียกชื่อเค้าเมื่อเค้านั่งลงข้างๆผม
“ว่าไงครับ”
“ขอบคุณนะครับพี่ที่มาเยียวยาผม แล้วก็คอยดูแลผม” เมื่อผมบอกพี่โชว์ก็ยิ้มครับ
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่เต็มใจ”
“…” ผมไม่พูดอะไรต่อแล้วพี่โชว์ก็นอนลงข้างๆผมครับ
“พี่ง่วงจังเลย ขอนอนงีบหน่อยละกันนะ” พี่โชว์พูดจบก็หลับตาลงครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่นอนมองหน้าพี่โชว์ครับ
จะว่าไปแล้วพี่โชว์เริ่มเปลี่ยนไปตอนไหนกันนะ ปกติแล้วเกลียดเราจะตายแต่พอหลังจากทำอย่างนั้นกับเรา
พี่โชว์ก็ค่อยๆเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนเป็นเหมือนทุกวันนี้ที่คอยเอาใจผมสารพัด แถมยังหยอกผมแทบตลอดทุกทีที่มีโอกาสเลยด้วย ผมนอนมองหน้าพี่โชว์จนหลับและตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะแรงสั่นสะเทือนจากคนด้านข้าง
“พี่โชว์” ผมงัวเงียลุกขึ้นมาดูพี่โชว์ที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มแต่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยครับ
“พี่โชว์เป็นอะไรอ่ะ” ผมเอื้อมมือไปจับตัวผู้ชาย...โห ตัวร้อนมากๆเลยครับแถมตัวก็สั่นมากๆผมเลยพลิกให้พี่โชว์หันมานอนตรงๆ แต่ก็ใช้แรงไปมากพอสมควรเพราะว่าพี่โชว์เป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่มากๆ ตัวใหญ่กว่าพี่วินนิดๆด้วย
“พี่โชว์ พี่โชว์ ได้ยินคิมไหม” ผมจับหน้าผากตามคอก็เหงื่อใหลให้เต็มไปหมดเลยครับ ทั้งๆที่ห้องผมเปิดแอร์นะตอนนี้อ่ะ ผมเลยลุกออกจากเตียงไปเอากะละมังแล้วก็ผ้าในห้องน้ำเพื่อจะมาเช็ดตัวพี่โชว์ครับ
“พี่โชว์ถอดเสื้อหน่อย” ผมค่อยๆถอดเสื้อพี่โชว์ออกจากตัวอย่างทุลักทุเลเลยครับกว่าจะถอดออกได้ช่างยากลำบากเหลือเกิน
“ถอดกางเกงหน่อยนะ” ผมก็ดึงกางเกงลงมากองอยู่ปลายขาเลยครับทั้งกางเกงนอกและกางเกงใน อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจเอากางเกงในออกมาด้วยครับแต่ว่ามันดันติดมาด้วยน่ะ แต่ไหนๆก็ถอดลงมาแล้วก็ไม่ต้องใส่มันละกันนะครับ
“…” ผมเช็ดตัวพี่โชว์อย่างๆเงียบๆพร้อมกับลอบสังเกตใบหน้าของพี่โชว์ไปด้วย มันเลยทำให้ผมได้รู้ว่าพี่โชว์ตอนนี้มีหน้าตาที่คล้ำและก็หมองลงอย่างมาก แถมดูเหมือนจะผอมลงนิดๆด้วย แถมขอบตาก็ดำปรื๋อเป็นหมีแพนด้าเลยครับ....เพราะผมใช่ไหมเนี่ยถ้าพี่โชว์ไม่ต้องมาคอยดูแลผมอย่างทุกวันนี้ พี่โชว์ก็จะไม่ต้องมีสภาพเป็นแบบนี้หรอก พอจัดการกับพี่โชว์เสร็จแล้วผมก็เดินลงมาข้างล่าง ก็เห็นพี่วินกับเฟียร์กำลังจู๋จี๋กันได้ที่เลยครับ แต่เหมือนว่าเฟียร์จะรู้ว่าผมเดินเข้ามาเฟียร์เลยหันมาหาผม
“อ้าวลงมาแล้ว....แล้วพี่โชว์ล่ะ” เฟียร์ถามทันทีครับ
“พี่โชว์ไม่สบายน่ะ นอนตัวสั่นอยู่บนห้อง เมื่อกี๊เราพึ่งจะเช็ดตัวให้เอง” ผมบอกพร้อมกับเดินเข้าไปในครัว
“อ้าว เมื่อเช้ายังดูดีๆอยู่เลยนะ” พี่วินบอกครับ
“เฟียร์ว่าไม่แปลกหรอก...ไม่สังเกตเหรอพี่วินอ่ะซูบลงไปตั้งเยอะแถมหน้าตาก็ไม่สดใสด้วย” เฟียร์นี่ดูคนแม่นจริงๆเลยนะ หน้าเปิดตำหนักดูหมอนะเนี่ย - -
“เหรอพี่ไม่ทันสังเกตอ่ะ”
“อย่างพี่จะไปสังเกตอะไร....แล้วคิมจะทำอะไรเหรอ” เฟียร์ว่าพี่วินจบก็หันมาถามผมต่อ
“ว่าจะทำข้าวต้มขึ้นไปให้กินซักหน่อยน่ะ แล้วเดี๋ยวจะได้กินยา”
“งั้นเดี๋ยวเราช่วยละกันนะ” และจากนั้นผมกับเฟียร์ก็ช่วยกันทำข้าวต้มทรงเครื่องให้พี่โชว์กินครับ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กินแต่คนป่วย
“อร่อยจังเลยอ่ะครับเฟียร์” คงรู้ใช่ไหมว่าใคร
“อร่อยก็กินไปเยอะสิ ในหม้อมีอีกเยอะ....อ่ะนี่คิมเอาไปให้พี่โชว์นะเดี๋ยวเราล้างพวกนี้เอง” เฟียร์บอกให้ผมเอาข้าวต้มมาให้พี่โชว์แล้วเดี๋ยวจะล้างเครื่องครัวเอง ผมก็ไม่ขัดครับ ผมจะได้ขึ้นมาดูแลพี่โชว์ด้วย เพราะพี่โชว์ก็ดูแลผมมาเยอะแล้ว
“พี่โชว์ ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนเถอะ” ผมเดินเอาชามข้าวต้มวางไว้หัวเตียงแล้วก็เขย่าตัวพี่โชว์ ที่ตอนนี้ใส่ชุดคลุมอาบน้ำที่ผมเป็นคนใส่ให้เพราะจะได้นอนสบายๆ...จริงแล้วไม่ใช่หรอกผมไม่มีปัญญาใส่เสื้อกับกางเกงให้เค้าต่างหาก T_T
“อือ..ฮืม” พี่โชว์ท่าทางจะงัวเงียมากเลยครับ น่าเห็นใจจริงๆผมเลยพยายามปลุกพี่อีก
“พี่โชว์ตื่นๆ” ได้ผลแฮะพี่โชว์ขยับตัวนิดหน่อยในตอนแรก แล้วก็ลืมตามองผม
“กินข้าวนะ จะได้กินยา” ผมบอกแล้วยิ้ม เหมือนพี่โชว์จะงงๆครับ
“พี่เป็นไรครับ” พี่โชว์ถามแล้วก็มองตัวเอง แล้วก็ยิ่งทำหน้าแปลกใจที่เห็นว่าชุดตัวเองเปลี่ยนไป
“ไม่ต้องสงสัยขนาดนั้นหรอกชุดนั้นคิมเปลี่ยนให้พี่เองแหละ”
“เหรอ...ดีใจจัง” เย้ย เขินนะเว้ย แล้วมองหน้าผมทำไมผมอายนะ ไม่เอาๆเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย ปล่อยให้ตัวเองโทรมขนาดนี้ใช่ได้ที่ไหน”
“ก็พี่อยากดูแลคิมให้เต็มที่นิครับ...อย่าโกรธพี่เลยนะ” พี่โชว์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเริ่มหน้างอ จริงๆแล้วก็แอบโมโหอ่ะแหละไม่รู้จักดูแลตัวเองเล้ย
“ไม่โกรธหรอก ยังไงมันก็ตัวของพี่เองไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย”
“…” เมื่อผมพูดจบพี่โชว์ก็เงียบแล้วทำหน้าเศร้าลงทันทีเลยครับ เป็นอะไรอ่ะ
“พี่โชว์...” ผมพูดเสียงอ่อยเลยครับ พูดอะไรผิดวะเนี่ย
“ไม่เป็นไรครับ ก็จริงอ่ะแหละที่คิมพูด พี่จะเป็นอะไรก็ไม่ได้เกี่วอะไรกับคิม” เหอๆ งอนเรานั้นเอง
“พี่โชว์” ผมเข้าไปกอดพี่โชว์เอาไว้ครับ “คิมขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไรครับ” เอาละนะ หนึ่ง....สอง....ซั่ม!
“ทำไมแฟนคิมขี้น้อยใจจัง” เมื่อผมพูดจบพี่โชว์ก็มีสีหน้าตกใจตาโตเท่าไข่ห่านเลยครับ
“!!!”
|