ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 599|ตอบกลับ: 1

ม่านราตรี = 17 - 18 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

พาทิศหัวเราะในลำคอ เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้วจึงชวนอธิปไปคุยด้านล่างแทน เพราะการนินทาวิญญาณอื่นเผาขนระยะใกล้ชิดแบบนี้มันคงไม่ค่อยจะดีนัก ซึ่งอธิปเองก็เห็นด้วย และรีบเดินตามไปเพราะได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ จากวิญญาณหนุ่มในห้องที่ดังออกมานั่นเอง
บทที่ 17
   หญิงร่างท้วมวัยกลางคนซึ่งนั่งข้าง ๆ ชายแก่รูปร่างผอมสูง ผู้เป็นสามี กำลังทำตาโต มองหนุ่มน้อยตรงหน้า
ซึ่งกำลังนับเงินแบงค์พันปึกหนึ่ง แล้วยื่นส่งมาให้เธอ
      “ผมอยากจะจ่ายเป็นเงินก้อนล่วงหน้าไว้เลย เพราะบางครั้งผมอาจจะยุ่ง ๆ จนลืม จะได้ไม่ทำให้คุณป้าเดือดร้อน”
      แม้นศรีรีบหยิบเงินก้อนโตมานั่งนับอย่างละเอียด พอเห็นว่าครบ เจ้าหล่อนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แล้วแสร้งปั้นยิ้มส่งให้กับตุลา พร้อมกับยื่นสัญญาเช่าบ้านต่ออีกครึ่งปีส่งให้กับชายหนุ่ม
   “แหม! พ่อหนุ่ม ช้านิดช้าหน่อยป้าไม่ว่าหรอกจ้ะ ได้ผู้เช่าชั้นดีอย่างพ่อหนุ่มที่ช่วยปรับปรุงบ้านแถมให้ฟรี ๆ แบบนี้ ป้าละดีใจ๊ดีใจ ถือเป็นบุญของป้าเชียวนะ …แต่แหม ตั้งใจจะอยู่แค่ปีเดียวจริง ๆ หรือจ๊ะ ไม่เช่าต่อสักหน่อยหรือ …อ๊ะ ถ้าครบปีแล้วอยากซื้อบ้านล่ะก็ ติดต่อป้าได้นะ รับรองป้าขายได้ในราคาน่าสนใจทีเดียว!”
   ตุลายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับอีกฝ่ายที่พูดน้ำไหลไฟดับตรงหน้าเขา ความจริงแล้วเขาก็สนใจที่จะเช่าต่อ ถ้าเขียนนิยายได้สำเร็จ และก็อยากซื้อคฤหาสน์ม่านราตรีมาเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ถ้ากริชอนุญาต เพราะสมบัติที่กริชมอบให้ไว้ก็มีมูลค่ามหาศาลมากพอจะซื้อได้อยู่แล้ว หรือถ้าขาดเหลืออะไร เขาก็คงจะขอแม้นศรีผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ
ก็คงพอไหว
   “คงแค่ปีเดียวล่ะครับ แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมจะรีบติดต่อคุณป้าอีกทีนะครับ”
   ตุลาเลี่ยงตอบ ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้หญิงวัยกลางคนยิ้มแย้มอย่างมีหวัง
   “จ้า งั้นป้าจะรอข่าวดีนะจ๊ะ”
   “ถ้าอย่างนั้นผมขอลากลับล่ะครับ สวัสดีครับคุณป้า คุณลุง”
   ตุลายกมือไหว้ทั้งแม้นศรีและสามีอย่างมีมารยาท ซึ่งทั้งคู่ก็รับไหว้ แล้วออกไปส่งอีกฝ่ายถึงหน้าประตูบ้านของพวกตน
   “เป็นเด็กดีมีมารยาทจริงนะ”
   จอมพลผู้เป็นสามีของแม้นศรีเอ่ยชม ซึ่งฝ่ายภรรยาก็เสริมขึ้นบ้าง
   “ใช่ แถมยังรวยมากด้วย มีใครที่ไหนจะลงทุนปรับปรุงบ้านเช่าให้ฟรี ๆ แบบนี้  แหม! โชคดี๊ โชคดี ที่เขายอมเช่าตั้งปีนะคุณ ไม่อย่างนั้นฉันต้องเสียเงินดูแลบ้านสัปปะรังเคนั่นอีกตั้งหลายเดือน จนกว่าจะครบสิบปีตามพินัยกรรมที่คุณพ่อคุณเขียนไว้”
   จอมพลเหลือบมองภรรยาแล้วลอบถอนหายใจกับความงกของอีกฝาย พลางหวนนึกถึงพินัยกรรมที่บิดาให้ไว้ก่อนจะเสียชีวิต ว่าห้ามขายคฤหาสน์ม่านราตรีให้ใคร จนกว่าจะครบสิบปีหลังจากที่ตนตาย นั่นทำให้แม้นศรีภรรยาของเขาหงุดหงิดยิ่งนัก เพราะเธอไม่ชอบบรรยากาศคล้ายบ้านผีสิงของบิดาเขาหลังนี้ แถมพอเปิดเช่าก็ยังมีข่าวลือว่าเฮี้ยนตลอด จนแทบจะไร้คนเช่า มีรายตุลานี่ล่ะที่สามารถอึดและแจ้งความจำนงอยู่ต่อ รวมถึงจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าให้ก่อนเช่นนี้
   “แต่ผมก็ยังสงสัยถึงพินัยกรรมเกี่ยวกับที่ดินผืนนั้นอีกหนึ่งฉบับ ที่คุณพ่อสั่งให้เปิดหลังสิบปีนั่น ว่ามีอะไร
กันแน่”
   แม้นศรีหันไปมองสามีแล้วเบ้หน้า ก่อนจะทำเป็นขึ้นเสียงสูงใส่
   “จะมีอะไรล่ะคะ อย่างดีคุณพ่อของคุณก็คงสั่งเสียว่า ให้นำรายได้จากการที่ดินผืนนั้นไปทำบุญสักสิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของที่ขายได้ เฮอะ! คุณก็รู้ว่าท่านน่ะใจบุญขนาดไหน ไม่ว่าใครมาขอบริจาค จะจริงหรือจะหลอก
ก็ให้เขาเสียหมด!”
   จอมพลมองภรรยาของเขาประชดบิดาที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างเอือมระอา แล้วจึงเอ่ยต่อ
   “แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ล่ะ คุณจะยอมไหม?”
   “อู๊ย! ไม่ยอมก็ต้องยอมล่ะคุณ ถ้าพินัยกรรมสั่งเสียมาแบบนั้น เอาเถอะ! ฉันขอแค่ขายที่ดินน่าขนลุกนั่นให้ไปพ้นจากความรับผิดชอบดูแลได้ ก็พอใจแล้ว  อีกอย่างที่ดินกว้างขนาดนั้น ก็คงได้มากโขอยู่ ยอมเสียค่าโน่นนี่นิดหน่อย แต่ได้เงินก้อน ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ”
   แม้นศรีบอกกับสามีแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย อย่างคาดหวังถึงอนาคตอันสวยหรู แต่จอมพลกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาสังหรณ์ใจประหลาดบางอย่าง เพราะนอกจากที่ดินผืนนั้น พินัยกรรมทรัพย์สมบัติอย่างอื่นของบิดาก็มอบให้เขากับภรรยาตามปกติ เฉพาะที่นั่นเท่านั้น ที่พิเศษกว่าเพื่อน ไม่ว่าเรื่องระยะเวลาและพินัยกรรมที่ยังไม่เปิดอีกฉบับนั่นก็ตาม
     ยามบ่ายของคฤหาสน์ม่านราตรี ทันทีที่เจ้าของคฤหาสน์ชั่วคราวเปิดประตูบ้านเดินเข้ามาในห้องรับแขกได้ก้าวสองก้าว เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกและเกือบจะเผลอหลุดตะโกน เมื่อแมวดำตนหนึ่งกระโดดพุ่งจากชั้นสอง ตกมายังพื้นแหมะที่ตรงหน้าเขาพอดี
   “กลับมาแล้วหรือตุล! เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม!”
   รุ้งพรายทักทายอย่างร่าเริง หางสองหางก็แกว่งไกวไปมา
   “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ยังไงก็นั่งแท็กซี่ไปทั้งขาไปแล้วก็ขากลับอยู่แล้ว”
   ตุลาบอกยิ้ม ๆ แล้วจึงสะดุ้งโหยงนิด ๆ เมื่อมีมือใครบางคนมาสัมผัสที่ไหล่ของเขา
   “เดินทางมาเหนื่อย ๆ  กินน้ำก่อนสิ วันนี้ฉันต้มน้ำใบเตยไว้ให้เธอด้วยนะ”
   พาทิศบอกแล้วยิ้มให้ ตุลาหน้าแดงนิด ๆ แล้วขยับถอยไปก้าวหนึ่งก่อนจะรับน้ำในมือของอีกฝ่ายมา
พลางพึมพำขอบคุณเบา ๆ
   “ยังไม่หายกลัวอีกหรือไง ก็แค่แกล้งแหย่นิดหน่อยเอง”
   “คุณพาทิศ!”
   ตุลารีบเรียกชื่ออีกฝ่าย เป็นการปรามไม่ให้ซอมบี้หนุ่มพูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ไม่ทันรุ้งพรายที่ความ
รู้สึกไว ปีศาจแมวสาวรีบซักไซ้อีกฝ่ายในทันที
   “มีอะไร เกิดอะไรขึ้น นายทำอะไรตุล หือ พาทิศ?”
   “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็แค่ตอนฉันจับเก้าอี้ให้ตุลเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำชั้นบนเมื่อวาน แล้วตุล
เสียหลักล้มลงมาฉันก็เอาตัวรองเป็นเบาะรับไว้ให้ก็แค่นั้นเอง”
   ซอมบี้หนุ่มเล่าเรื่อย ๆ แต่คนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์นั้นหน้าแดงขึ้นไปอีก เพราะเหตุการณ์หลังจากนั้นที่อีกฝ่ายไม่ได้เล่าต่อมานั่นก็คือ เขาที่ล้มลงไปทับเจ้าตัวในท่าคร่อม พอจะลุกขึ้นก็โดนพาทิศรั้งเอาไว้ แถมยังใช้มือ
ข้างหนึ่งรั้งที่ท้ายทอยเขาบังคับให้โน้มใบหน้าลงมา แล้วขโมยจูบเขาอีกครั้งจนได้
   โชคดีที่เมื่อวานกริชไม่อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องให้โวยวายตามมากันอีกยาวเป็นแน่
   “จริงสิครับคุณรุ้ง อากริชกับคุณอธิปกลับมาหรือยังครับ”
   “หือ...ยังหรอก แต่ลุงนั่นโทรมาบอกว่า สักตอนเย็น ๆ จะมาถึงน่ะ”
   เมื่อสองวันก่อน อธิปมีธุระต้องไปจัดการที่บ้านเก่า เพราะคนรู้จักโทรมาขอร้องให้เขาไปช่วยไล่ผีที่คอยตามรังควาน หลอกหลอน ในบ้านที่เพิ่งซื้อต่อมาจากคนอื่น อธิปจึงดึงกริชไปเป็นลูกมือด้วย ทีแรกกริชไม่ยอมไป แต่พอเจอเหตุผลว่าถ้ายังขลุกอยู่ใกล้หลานอยู่แบบนี้ สักวันจะตัดใจจากไปง่าย ๆ ได้ยังไง ก็ทำให้กริชยอมตกลง ถึงแม้เหตุผลหลักจริง ๆ ก็คือ อธิปแกล้งขู่ว่าจะไม่ช่วยดูฮวงจุ้ยที่พักให้กับตุลาอีก จึงทำให้กริชยอมไปด้วยอย่างเสียไม่ได้
   “อืม...งั้นผมขึ้นไปแต่งนิยายรอก่อนแล้วกันครับ เหลืออีกไม่กี่เดือนเอง จะเสร็จทันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
   ตุลาพึมพำ ซึ่งก็ทำให้รุ้งพรายเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
   “แล้วถ้าตุลเขียนเสร็จไม่ทันจริง ๆ ล่ะ?”
   “ผมก็คงต้องเลิกเช่าที่นี่แล้วหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้านเดิมน่ะสิครับ”
   ตุลาบอกแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ทำให้ปีศาจแมวสาวอ้าปากเหวอ เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่าตุลาจะเขียนนิยายด้วยเงื่อนไขเช่นนี้
   “ผมตกลงกับพ่อไว้คนละครึ่งทางน่ะครับ ถ้าภายใน 1 ปี ผมเขียนนิยายไม่เสร็จ และไม่ผ่านการพิจารณากับสำนักพิมพ์ ผมก็จะต้องกลับบ้านไปเรียนต่อ ตามที่พ่ออยากให้เรียน”
   “บ้า ๆ ๆ เรื่องแบบนี้ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้เล่า ถ้าตุลโดนพาตัวกลับไป พวกฉันจะทำยังไง รู้งี้ไม่ชวนเที่ยวเล่น หรือแกล้งแหย่ ตอนตุลเขียนนิยายก็ดีหรอก!”
   รุ้งพรายโวยวาย แล้วรุกรนไปมาจนตุลานึกขำ
   “ไม่ต้องห่วงครับคุณรุ้ง ผมจะตั้งใจเขียนให้เต็มที่ ...เพราะผมอยากจะอยู่ที่นี่กับทุกคนตลอดไป ...เอ่อ...
คือ ผมตั้งใจไว้ว่า ถ้าครบปี แล้วผมประสบความสำเร็จ ...ผมจะขอซื้อคฤหาสน์นี้จากคุณนายแม้นศรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผมน่ะครับ”
   พอตุลาบอกความตั้งใจของตัวเองเสร็จ รุ้งพรายก็ชะงัก แล้วกระโดดพุ่งเกาะร่างของชายหนุ่มอย่างยินดี
พร้อมกับคลอเคลียไม่ห่าง
   “จริง ๆ นะ สัญญาแล้วนะ! ฉันจะไปบอกปิ่นกับราตรีให้รู้เดี๋ยวนี้ล่ะ พวกเราจะได้ช่วยกันร่วมมือให้ตุลเขียนนิยายให้สำเร็จให้ได้!”
   บอกจบเจ้าหล่อนก็กระโจนแผล็วหายไปทางสวนหลังบ้าน ทำเอาตุลาตามแทบไม่ทัน
   “เป็นความคิดที่วิเศษมาก ...ถ้าคุณจอมเดชยังอยู่ เขาก็คงยินดีที่เธอรักคฤหาสน์หลังนี้ และทุกคนที่นี่ไม่แพ้เขา”
   พาทิศบอกกับชายหนุ่ม ซึ่งตุลาก็หันไปมองอีกฝ่ายแล้วแย้มยิ้มอ่อนโยนตอบ
   “ผมเองก็ดีใจครับ ที่ทุกคนที่นี่ยอมรับในตัวผมแบบนี้ ...ผมมีความสุขจริง ๆ ครับ ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคนแบบนี้”   
   “แล้วฉันจะรอวันที่เธอจะกลายมาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีเต็มตัวนะตุล”
   พาทิศบอก ซึ่งตุลาก็หัวเราะเจื่อน ๆ พลางเกาแก้มอย่างเขิน ๆ
   “ยังไงก็จะพยายามล่ะครับ ผมเองยังไม่รู้เลยว่า ทางนั้นจะคิดมูลค่าคฤหาสน์และที่ดินผืนนี้เท่าไหร่ เงินของอากริชที่เหลือจะพอซื้อไหม ถ้าไม่พอ ก็คงต้องผ่อนใช้เอา แต่ไม่รู้ว่าทางคุณนายแม้นศรีจะยอมหรือเปล่า”
   ซอมบี้หนุ่มยืนฟังอีกฝ่ายเปรยบ่นอย่างกังวล ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้ทุกข์ร้อนตามไปด้วยอย่างที่คิด
   “ไม่ต้องห่วง ...พอเวลานั้นมาถึง เธอจะพบว่า ปัญหาที่เธอกังวลนั่น มันไม่ได้หนักหนาอะไรอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด”
   พาทิศเปรยทิ้งท้ายแล้วขอตัวกลับห้องใต้ดิน ทิ้งให้ตุลายืนงงอยู่ลำพัง แต่สักพักชายหนุ่มก็ต้องสลัดความคิดฟุ้งซ่านดังกล่าว แล้วมุ่งขึ้นยังห้องนอนเพื่อทำการเขียนนิยายของตนต่อไป
   เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามเดือนหลังจากนั้น นิยายของตุลาเขียนจบสมบูรณ์จนได้ ชายหนุ่มส่ง
ผลงานไปยัง สนพ. ชื่อดังแห่งหนึ่งที่พิมพ์นิยายแนวสยองขวัญ ลึกลับโดยเฉพาะ แล้วลุ้นรอผลด้วยใจระทึก
ในอีกสามเดือนที่เหลือ
   “ผ่านแน่น่า ไม่ต้องห่วง ตุลเขียนสนุกออก ฉันรับรอง!”
   รุ้งพรายให้กำลังใจชายหนุ่มที่ผุดนั่งผุดลุกตลอดเวลาในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังส่งต้นฉบับไป
   “แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจเลยครับ...อีกอย่างถ้านิยายไม่ผ่าน ผมคงต้องกลับบ้าน และจากทุกคนไป”
   ตุลาพึมพำด้วยสีหน้าเศร้าหมอง จนภูตผีตนอื่นที่มาล้อมวงให้กำลังใจชายหนุ่มภายในบ้านต้องสบตากัน
   “ตุลไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวอาไปพูดกับพี่ไกรให้เองก็ได้”
   ตุลาหันขวับไปยังอาของเขา แล้วขมวดคิ้วนิด ๆ
   “แต่ว่า...แล้วอาจะ...”
   “ก็เข้าฝันไง ไม่เห็นยาก อย่าห่วงเลย เรื่องที่ตุลจะต้องจากที่นี่ไปน่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ยกเว้นตุลจะเบื่อที่นี่เอง ถ้าเป็นอย่างนั้นอาก็คงห้ามลำบาก”
   กริชบอกยิ้ม ๆ ทำเอาสมาชิกตนอื่น ๆ มองเขานิ่ง แล้วหันไปทางตุลา
   “ตุลคงไม่คิดเบื่อพวกเราหรอกใช่ไหม?”
   รุ้งพรายขู่ ซึ่งตุลาก็มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม และไล่มองคนที่เหลือซึ่งก็มองเขาอย่างกังวลเช่นกัน
   “ผมไม่เบื่อพวกคุณหรอกครับ ...เอาล่ะครับ ผมจะพยายามคิดในแง่ดี และถึงครั้งนี้จะไม่ผ่าน ผมก็จะนำผลงานที่ผมตั้งใจเขียนชิ้นนี้ให้พ่ออ่าน  พ่อจะได้รู้ว่าผมทุ่มเทเพื่อมันมากแค่ไหน”
   ตุลาบอกพร้อมรอยยิ้มที่ดูดีขึ้น จนภูตผีตนอื่นโล่งใจไปตาม ๆ กัน
   “เป็นคนโชคดีจังนะเป็นที่รักของผี ๆ แบบนี้ ฉันเสียอีกเป็นหมอผีแท้ ๆ มีแต่ผีไม่ชอบขี้หน้า”
   อธิปเปรยขึ้นบ้าง แต่หน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงความอิจฉาอะไร ตรงข้ามกับยิ้มแย้มร่าเริงเสียด้วยซ้ำ
   “ก็ช่วยไม่ได้นี่ ก็ลุงน่ะถนัดจับพวกฉันมากกว่าเป็นเพื่อนนี่นา พวกผี ๆ อย่างพวกฉันไม่ชอบลุงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว!”
   รุ้งพรายโต้ตอบอย่างหมั่นไส้ ส่วนราตรีก็เชิดใส่ เพราะไม่ชอบที่อธิปชอบทำล้อเลียนเจ้าชู้ใส่เธอแบบทีเล่นทีจริงอยู่ประจำ ส่วนปิ่นสุดายิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำ เธอไม่ได้รังเกียจอะไรอธิปนัก เพราะเขาเป็นคนคุยสนุก และมักจะมีมุขเฮฮามาทำให้ขำอยู่เสมอในการสนทนา
   “จะว่าไปได้อยู่กินกับผีเป็นโขยงแบบนี้ ลองไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อหรอกนะ ดีแล้วล่ะที่ถ่ายทอดออกมาเป็นแบบนิยายแทน”
   อธิปหันไปบอกกับหลานชายของเพื่อนสนิท ซึ่งตุลาก็พยักหน้ารับค่อย ๆ
   “ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น เวลาพวกเพื่อน ๆ มา ผมถึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วก็ไม่คิดบอกเรื่องนี้กับพวกเขา”
   “ดีแล้วล่ะ บางเรื่องเราก็ไม่ควรเผยแพร่ออกไป เพราะมันอาจจะนำอันตรายมาสู่ตัวเราและคนที่เรารู้จักก็ได้”
   หมอผีหนุ่มตบบ่าชายผู้อ่อนวัยกว่า แล้วจึงขอตัวไปนอนพักผ่อนบนห้องก่อน ปล่อยให้ตุลานั่งคุยสนทนากับภูตผีตนอื่นในบ้านไปตามสบาย ฝ่ายกริชนั้นเห็นหลานชายมีเพื่อนคุยแล้ว เขาก็ตามอธิปขึ้นไปบนห้อง
แล้วเริ่มต้นคุยธุระกับชายหนุ่ม
   “อธิป ...นายคิดว่าไง ถ้าจะเลิกทำงานพวกหมอผีพวกนั้น แล้วมารับงานจากฉัน...อย่างเช่น คอยดูแลตุล
แทนฉัน อะไรแบบนั้น”
   หนุ่มใหญ่ที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ หันไปมองคนพูดแล้วยักไหล่นิด ๆ พลางสั่นศีรษะไปมา
อย่างเอือมระอา
   “นายกริชเอ๊ย นี่ใจคอจะให้ฉันคอยดูแลตามประกบหลานนายยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไง!”
   “ไม่ใช่แบบนั้น ...คือ ฉันเกรงใจที่นายต้องทิ้งบ้านมาคอยช่วยดูแลตุลแบบนี้ ...อีกอย่างงานหมอผีอะไร
ของนายนั่นมันก็ไม่ได้มั่นคงนัก... ฉันไม่ได้อยากเอาเปรียบนายแค่ฝ่ายเดียว ต่อไปนี้ฉันจะให้ตุลจ่ายเงินเดือนให้นาย โดยนายก็ทำหน้าที่คอยดูแลตุลบ้าง ดูแลบ้านหลังนี้บ้างยังไงล่ะ ถ้าพี่ไกร เห็นว่ามีผู้ใหญ่อยู่ด้วย แถมยังเคยเป็นคนรู้จักของฉัน จะได้วางใจให้ตุลอยู่ที่นี่ตลอดไปได้สักที”
   คำพูดของเพื่อนทำให้อธิปขมวดคิ้วพลางย้อนถาม
   “ตลอดไป? แต่ครบปีนี้ เจ้าหนูก็หมดสัญญาเช่าแล้วนี่ หรือว่านายจะให้เค้าซื้อคฤหาสน์หลังนี้ต่อ เงินมรดกนายเหลือเฟือนักหรือไง ถ้ายายคุณนายนั่นเกิดโก่งราคา ตุลไม่ต้องเป็นหนี้หัวโต คอยผ่อนบ้านไปด้วย จ่ายเงินเดือนฉันไปด้วยหรอกหรือ?”
   กริชแย้มยิ้มกับคำแย้งของเพื่อน เขาเดินไปเรื่อย ๆ เปิดม่าน และออกไปตรงระเบียงนอกห้องของอธิป ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนของตน
   “เรื่องเงินไม่ต้องห่วง อีกไม่นาน ตุลจะได้คฤหาสน์หลังนี้มาเป็นกรรมสิทธิ์ครอบครองอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ต้องจ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว แล้วถึงตอนนั้นเงินมรดกฉันที่เหลือ ก็เอาไว้จ้างนายยังไงล่ะ”
   อธิปขมวดคิ้วยุ่งยิ่งขึ้นไปอีก เขาเดินไปหาเพื่อนแล้วถามอย่างสงสัย
   “นายกริช นายคิดจะอมพะนำกับฉันไปถึงตอนไหน มาพูดให้ฟังแบบนี้ มันก็ยิ่งอยากรู้สิวะ!”
   กริชหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาลอยผ่านร่างของอธิปไปวูบหนึ่ง ไปยังประตูห้อง และก่อนจะเดินทะลุประตูหายออกไป ชายหนุ่มก็หันกลับมาบอกกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม
   “รออีกไม่กี่เดือนนายก็รู้เองนั่นล่ะ”
บทที่ 18
    ...หลังจากส่งนิยายไปแล้ว ช่วงอาทิตย์แรก ๆ ตุลานั้นค่อนข้างกระวนกระวาย จนสมาชิกร่วมบ้านต้องคอยปลอบให้ใจเย็น และวิธีปลอบของแต่ละคนก็ทำเอาชายหนุ่มแทบจะลืมความกังวลในเรื่องการรอฟังผลพิจารณาไปเสียสนิท ไม่ว่าจะเป็นการปลอบแกมขู่จากรุ้งพราย หรือการปลอบไปร้องไห้ไปเสียเองจากปิ่นสุดา
และการปลอบราวกับเขาเป็นเด็กตัวน้อย ๆ จากราตรี ก็ตาม
   แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการปลอบของพาทิศ โดยเฉพาะวิธีปลอบแบบถึงเนื้อถึงตัวเวลายามเขาเผลอ  มันทำเอาเขาต้องคอยระวังตัวแจ ว่าอีกฝ่ายจะโผล่มาตอนไหนเลยด้วยซ้ำ
   “เอ๋...เย็นนี้อากับคุณอธิปจะไม่อยู่อีกแล้วหรือครับ?”
   ตุลาถามขึ้นหลังจากเห็นอธิปสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่าขึ้นหลัง และมีกริชเดินตามมาด้วยห่าง ๆ ด้วยสีหน้า
ไม่สบอารมณ์นัก
   “ช่วยไม่ได้นี่นะ ทางนั้นยังไงก็เคยมีบุญคุณกันมาตั้งแต่สมัยพ่อฉันยังอยู่ เลยต้องไปจัดการให้สักหน่อย
ถ้าเป็นคนอื่นคงปฏิเสธได้เลยนั่นล่ะ”
   อธิปบอกกับตุลาอย่างร่าเริง ทว่าคนที่ยืนร่างโปร่งใสอยู่ข้าง ๆ กลับบ่นอุบ
   “คนเดียวก็จัดการได้แท้ ๆ ต้องลากชาวบ้านไปเป็นเพื่อนด้วย”
   “อย่าเรื่องมากน่า เดี๋ยวก็ปฏิเสธงานบอดี้การ์ดนั่นเสียเลยนี่”
   อธิปยักคิ้วอย่างเป็นต่อ ทำให้อีกคนกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
   “บอดี้การ์ด?”
   ตุลาที่ได้ยินทวนคำอย่างงุนงง กริชชะงักเล็กน้อย แล้วจึงหันมายิ้มให้กับหลานชายของตน ก่อนจะบอกออกไปตามตรงโดยไม่คิดปิดบังอันใดอีก
   “อาเห็นว่าหมอนี่มีประโยชน์ทางด้านฮวงจุ้ย แล้วก็มีอาคมแกร่งกล้า น่าจะช่วยคุ้มครองตุลให้อยู่ในที่ดินผืนนี้อย่างราบรื่นได้ตลอดไปน่ะ ...อีกอย่างอาก็สงสารเขา เพราะลำพังเงินค่าจ้างไล่ผี ที่หมอนี่หาได้ ก็แทบไม่พอ
ยาไส้อะไรนัก อาก็เลยจะจ้างเขาด้วยเงินมรดกอาที่ให้ตุลไว้นั่นล่ะ”
   ท้ายประโยคชายหนุ่มเหลือบสายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตาเหยียด ๆ อย่างหมั่นไส้ ทว่าคนที่ถูกกล่าวถึงนั้นหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ได้นึกขุ่นเคืองกับถ้อยคำดูถูกนั่น เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทกำลังโมโหที่ตนลากให้ไปทำงานด้วย จนไม่ได้อยู่เคียงข้างหลานสุดที่รักนั่นเอง
   “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปล่ะ ...ไปเร็วนายกริช ขืนช้าทางโน้นจะโทรมาโวยวายอีก ...ไอ้ผีเจ้าถิ่นนั่นก็โมโหร้ายเหลือเกิน แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เขาอยู่ของเขาดี ๆ มาตั้งนาน ทางนี้ดันไปตัดต้นไม้ที่เขาอาศัยทิ้งเองนี่นา พ่อฉันก็เคยเตือนไว้แท้ ๆ ไอ้พวกรุ่นลูกรุ่นหลานนี่มันไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ”
   อธิปบ่นอุบยืดยาวต่องานที่ต้องไปทำ ส่วนกริชก็ทำหน้าเซ็งใส่ แต่ก็ยอมหายตัวเข้าไปสิงในกล่องเล็ก ๆ
ที่อธิปเอาออกมา  จากนั้นเมื่อทั้งคู่ออกไปจากบ้าน ตุลาก็เดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องครัวเงียบ ๆ ตามลำพัง ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อใบหน้าหล่อเหลาคมคายของใครบางคนชะโงกมาใกล้ ๆ
   “เหงาหรือตุล หือ?”
   ตุลาหน้าแดงวาบ เพราะลองพาทิศโผล่มาใกล้ ๆ แบบนี้  ถ้าไม่โดนแต๊ะอั๋งบ้าง ก็มักโดนขโมยจูบเป็นประจำ
   “ปะ...เปล่านะครับ...”
   ตุลาบอกแล้วขยับเก้าอี้หนี จนพาทิศนึกขำ เลยเลี่ยงไปนั่งฝั่งตรงข้ามแทน
   “เอ่อ นี่ก็เย็นแล้ว พวกคุณรุ้งล่ะครับเห็นเงียบ ๆ มาตั้งแต่บ่ายแล้ว”
   พาทิศเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วจึงตอบออกไปตามตรง
   “พวกสาว ๆ วันนี้ไม่อยู่บ้านน่ะ เห็นว่าจะไปตามหาอะไรสักอย่างแถวบ่อน้ำหลังคฤหาสน์นี่ เมื่อครู่ฉันเพิ่งเห็นปิ่นวิ่งไปกับราตรีหายไปแถวนั้น ส่วนรุ้งคงจะไปตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้ว”
   “เอ๋? ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยหาด้วยดีไหมครับ”
   ตุลาถามอย่างเป็นห่วง แต่พาทิศนั้นยิ้มน้อย ๆ แล้วสั่นศีรษะ
   “ไม่ดีแน่ ไม่คิดหรือว่าทำไมพวกนั้นถึงไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับเธอ ...เพราะเขาต้องการปิดเป็นความลับกับเธอยังไงล่ะ นี่ฉันก็ไม่ควรจะมาบอกกับเธอเลยด้วยซ้ำ ถ้ารุ้งรู้เข้าคงโมโหแย่”
   ตุลาชะงัก แล้วก็นิ่งคิดหนัก ว่าเรื่องความลับของสามสาวมันเกี่ยวข้องอะไรกับเขากันแน่ ทว่าระหว่างที่กำลังคิดเคร่งเครียด เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อคนนั่งตรงข้ามลุกขึ้นยืนชะโงกตัวข้ามมาครึ่งโต๊ะแล้วหอมแก้มเขาแรง ๆ ฟอดใหญ่
   “คุณพาทิศ!”
   “ใครใช้ให้เธอทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ เดี๋ยวก็แก่ไวหรอก”
   พาทิศกระเซ้ายิ้ม ๆ แล้วนั่งลงจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
   “สรุปว่าวันนี้ เหลือเราอยู่กันสองต่อสองในคฤหาสน์นี้เท่านั้นแล้วล่ะนะ”
   ตุลาหน้าแดงวาบ เขารู้หรอกว่าพาทิศชอบแกล้งเขา แต่การกลั่นแกล้งแบบเดี๋ยวจูบ เดี๋ยวหอมนั่น มันทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูกเสียจริง ๆ  ถึงจะไม่ได้นึกรังเกียจอะไรก็เถอะนะ
   “วันนี้จะให้ฉันนอนเป็นเพื่อนก็ได้นะ ...เพราะคืนเดือนมืดแบบนี้ บางทีก็มักมีพวกแขกไม่ได้รับเชิญหลงเข้ามาในคฤหาสน์บ้างเหมือนกัน ...ปกติพวกรุ้งก็จะคอยไล่ไปอยู่หรอก แต่นี่...”
   ท้ายประโยคพาทิศบอกด้วยสีหน้าขรึม ๆ จนตุลาขนลุกซู่เผลอกอดอกอย่างลืมตัว ก่อนจะหน้าแดงด้วยความโมโห เมื่อผีดิบตรงหน้าดันเผลอหลุดหัวเราะคิกอย่างเอ็นดูคนกลัวผีเข้าไส้อย่างเขาให้เห็น
   “ตุลนี่ขี้กลัวจังน้า...แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าคืนนี้มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะปกป้องเธอเอง”
   พาทิศบอกยิ้ม ๆ แต่แววตาแสดงถึงความจริงจัง จนคนกำลังโมโหชะงัก แล้วอุบอิบขอบคุณเบา ๆ ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
   ตกกลางคืนตุลารีบปฏิเสธคนที่จะมานอนเป็นเพื่อน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ บ้านเงียบ ๆ ที่ไร้เสียงเฮฮาของรุ้งพราย ไร้เสียงต่อว่าของราตรี และไร้เสียงร้องเพลงเพราะ ๆ ของปิ่นสุดา ก็ทำเอาเขารู้สึกเงียบเหงาขึ้นมา
อย่างช่วยไม่ได้ มิหนำซ้ำ กริชก็ยังอยู่ห่างเกินกว่าที่เขาจะเรียกหาเสียอีก
   “เงียบชะมัดเลยแฮะ...”
   ตุลาพึมพำ พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่ค่อนคืนก็ไม่หลับสักที จึงตัดสินใจออกมายืนรับลมที่ระเบียง เขายืนอยู่สักพักจนรู้สึกหนาว แต่แล้วพอคิดจะกลับไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ห่มผ้าให้อบอุ่น  ชายหนุ่มก็ต้องชะงัก ขนลกซู่ไปทั่วกายด้วยความลืมตัว เมื่อเขาเห็นเงาดำ ๆ คลานสี่ขา เสียงหายใจดังฟืดฟาด เข้ามาในสวน
   “ตัวอะไรนั่น...”
   ตุลาพึมพำเสียงแผ่ว แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อนัยน์ตาแดงก่ำของเจ้าตัวประหลาดด้านล่างหันขวับมามองเขา มันอ้าปากแสยะคำรามจนเห็นเขี้ยวขาว  แล้วกระโดดพุ่งขึ้นมา หมายจะเล่นงานมนุษย์ที่เห็นมัน
   “เหวอ!”
   ตุลาหลับตายกแขนบังหน้าเพื่อป้องกันตัว แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงอ้อมแขนแข็งแรงที่ดึงร่างเขาไปกอด มีเสียง
ปึกดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องคล้ายสัตว์เจ็บปวด
   “เกือบแย่แล้วไหมตุล ...บอกให้ฉันนอนด้วยก็ไม่เชื่อนี่นะ”
   ตุลาลืมตาขึ้นมามองคนพูดด้วยความตื่นตกใจ แต่พอเห็นว่าเป็นพาทิศเขาก็รู้สึกโล่งอก แล้วก็รีบหันขวับไปทางเจ้าวิญญาณสัตว์ร้ายที่หลงเข้ามา
   “อึ๋ย...”
   เจ้าตัวดำมืดคล้ายสัตว์ป่าหัวบุบไปข้าง ด้วยแรงทุบมหาศาลของพาทิศ ก่อนที่มันจะโขยกเขยกวิ่งหนีออกไปทางนอกบ้าน
   “มันจะเป็นอะไรไหมครับ?”
   ตุลาพึมพำ ถึงจะกลัวแต่เผลออดสงสารไม่ได้
   “เด็กโง่...มันเป็นวิญญาณเร่ร่อนนะ เจอแค่นั้นไม่เป็นอะไรหรอก สักพักก็ฟื้นฟูตัวเองได้น่า ...ห่วงตัวเธอเองดีกว่า ถ้าฉันมาไม่ทันคงโดนมันขบหัวเข้าให้แล้ว”
   พาทิศบอกยิ้ม ๆ ทำให้คนฟังรู้สึกขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเมื่อเริ่มรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอด
ของชายหนุ่ม แถมอ้อมกอดนั้นยังรัดตัวเขาเรื่อย ๆ อย่างจงใจ
   “เอ่อ... ผมโอเคแล้วครับ...ขอบคุณนะครับที่คุณช่วยไว้ ...”
   “งั้นหรือ...แต่ฉันชักง่วงแล้ว และก็ไม่อยากจะเดินกลับไปนอนที่ห้องใต้ดินด้วยสิ”
   พาทิศแกล้งบอก ทำเอาตุลาต้องขมวดคิ้วยุ่ง ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นพวกนอนกลางวัน ตื่นกลางคืนแท้ ๆ ทว่าพอ
พาทิศประคองเขาขึ้นเตียง และจับเขากดทาบลงไปบนเตียงนุ่ม ก่อนที่ตัวเองจะตามมาคร่อมทับ ตุลาก็ต้อง
สะดุ้งเฮือก ตัวแข็งทื่อ โดยเฉพาะยามที่อีกฝ่ายไล่จูบเบา ๆ ทั่วหน้าและไล่มาเรื่อย ๆ จนถึงลำคอของตน
   “ยะ...หยุดเถอะครับ..คุณพาทิศ...อือ...”
   ตุลาพยายามดันร่างสูงหนาที่คร่อมทับตนให้ออกไปห่าง ๆ ด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนหมดยามนี้
   “รังเกียจที่ฉันเป็นซอมบี้หรือตุล?”
   พาทิศหยุดแล้วกระซิบถามเสียงเศร้า ๆ ทำให้คนที่กำลังดันร่างนั้นออกชะงัก แล้วรีบบอกปฏิเสธทันทีด้วยความตกใจ
   “ไม่ใช่นะครับ...แค่กลัวว่า...เอ่อ ตอนคุณกำลังทำ...แบบนี้...กับผม...แล้วเกิดจู่ ๆ ลูกตาหลุดออกมาอีก...ผมคงช็อกตายแน่....”
   พอบอกออกไปใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ยิ่งแดงหนักไปอีก จนคนที่แกล้งทำเป็นเก๊กเศร้าอดไม่ไหว ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วจูบหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
   “หึ ๆ คิดไปถึงนั่นเชียวหรือเด็กน้อย...อย่าห่วงเลย มันไม่ได้หลุดง่ายดายขนาดนั้นหรอกนะ”
   “เอ๊ะ...แต่เมื่อก่อนหน้านั้น ...คือว่า...เอ่อ”
   ตุลาทำสีหน้าตกใจและแปลกใจในคราเดียวกัน และไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดยังไงเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
เกินไปนัก พาทิศหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ จูบแก้มซ้ายขวาของหนุ่มน้อยใต้ร่างของตนอย่างหากำไรอีกข้าง
ละฟอด แล้วจึงยันกายลุกขึ้นนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย
    “ก่อนหน้านั้นฉันแกล้งทำน่ะ ...เป็นวิธีต้อนรับสมาชิกใหม่ในแบบของฉันเองล่ะนะ”
   “เอ๋?! ...แกล้งหรือครับ”
   ตุลาถามอย่างตกตะลึง ซึ่งพาทิศก็อมยิ้มแล้วบอกออกไปตามตรง
   “ใช่...แกล้ง หึ ๆ พอดีติดนิสัยแบบนี้ ตอนแกล้งทำให้โน่นนี่มันหล่นออกมา เวลารุ้ง หรือราตรีบ่นน่ะ ...ก็พวกสาว ๆ เวลาเห็นอะไรแบบนี้ มันก็ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตา แล้วก็จะหยุดพูดไปเองไง ...แต่อย่าไปบอกพวก
หล่อนล่ะ ไม่งั้นฉันโดนสวดหูชาแน่”
   ตุลานิ่งอึ้ง ไม่คิดเลยว่า จริง ๆ แล้วเขาจะถูกอีกฝ่ายแกล้งเอาแต่แรกแบบนี้  ...นี่ถ้าเขาเกิดหัวใจวายตายไป
ไม่เท่ากับว่า เขาได้มาร่วมก๊วนกับอีกฝ่ายตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่หรอกรึ!
    “โกรธหรือ...ก็ฉันไม่คิดว่าเธอจะขวัญอ่อนขนาดนั้นนี่นา ...ขนาดเจอมุกเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เธอก็ยังเป็นลมได้อีก”
   พาทิศหวนคิดถึงสีหน้าของชายหนุ่มในวันแรกที่พวกเขาเจอกัน  ครั้งแรกนั้นเขารู้สึกผิดอยู่มาก ที่ทำให้อีกฝ่ายตกใจ จนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุ โชคดีที่กริชออกมาช่วยทัน แต่ถึงกริชช่วยไม่ทัน ทั้งปิ่นสุดา ทั้งรุ้งพรายก็คงยอมเสียสละเป็นเบาะรองร่างให้กับตุลาได้ทันอยู่ดี แต่นั่นก็จะทำให้ตุลาบาดเจ็บไม่มากก็น้อยทีเดียว เพราะอย่างนั้นเขาจึงอยากจะชดใช้ด้วยการดูแลชายหนุ่มในเรื่องงานบ้านที่ตนถนัด ...แต่ไม่คิดว่าพออยู่ร่วมกันไปนาน ๆ
เข้า เขากลับถูกใจเด็กคนนี้ขึ้นมา จนเกินกว่าคำว่าเอ็นดูไปเสียแล้ว
   “ใจร้าย...ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้”
   ตุลาพึมพำ พลางทำหน้ามุ่ย เมื่อเห็นใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งขำ ของซอมบี้หนุ่ม
   “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ตุลน่ารักไม่เปลี่ยนเองล่ะ...ฉันก็อดใจไม่ได้น่ะสิ”
   “อะ...เอ๋ ...ผะ....ผมนี่นะน่ารัก...ผม เอ่อ เป็นผู้ชายนะครับ”
   ตุลาบอกเสียงสั่นหน้าแดงด้วยความอาย ทำให้คนมองยิ้มน้อย ๆ แล้วชะโงกหน้ามาใกล้ ๆ จนตุลาใจเต้นแรง
   “สำหรับฉัน ไม่ว่าตุลจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ตุลก็ยังน่ารักถูกใจฉันอยู่ดี...”
    บอกจบพาทิศก็ถอยห่างออกมา แล้วยกนิ้วชี้ไปแตะริมฝีปากของตุลาเบา ๆ
    “เอาล่ะ ฉันจะยอมหยุดเรื่อง ‘แกล้ง’ เธอ ไว้แค่นี้ก่อนก็ได้ ...แต่เรื่องของเราวันนี้ ต้องเป็นความลับนะ
อย่าให้ใครรู้ล่ะ...”
   ตุลาใจเต้นตึกตัก กับสัมผัสจากปลายนิ้วนั่น แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินประโยคถัดมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
   “อ้อ แต่ถ้าอยากบอกจริง ๆ ฉันก็ไม่บังคับหรอกนะ โดยเฉพาะกับอาของเธอ”
   “ผมว่าไม่ดีกว่าครับ...ความลับก็ความลับ”
   ตุลาบอกเสียงอ่อย เพราะขืนกริชรู้เรื่องนี้ คงต้องอาละวาดหนักแน่ เขาเองก็ไม่อยากให้คนที่ชอบมากทั้งคู่
ต้องมาผิดใจกันเพราะเขาหรอกนะ
   “น่ารักจังเลยน้า ตุลเนี่ย”
   พาทิศบอกพร้อมรอยยิ้ม แล้วทิ้งกายลงนอนข้าง ๆ ชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ จนตุลาหวาดระแวง
   “ยะ...อย่านะครับ...”
   “หึ...ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่นอนด้วยเฉย ๆ เท่านั้นเอง”
   ตุลาหน้าแดง ที่เผลอคิดเรื่องน่าอายเสียเอง ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ทันทำอะไรตนสักนิด เขาขยับออกห่าง จนพาทิศอมยิ้มแล้วแกล้งเอ่ยทัก
   “หรือว่าไม่อยากให้ฉันนอนด้วย ฉันไปก็ได้นะ”
   พาทิศทำท่าจะยันกายลุกขึ้น ทำเอาตุลาชะงัก พอเหลือบไปดูนอกระเบียงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีก จนต้องรีบตามคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจะหน้าแดงแล้วพึมพำแผ่วเบา
   “ชะ...ช่วยนอนเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ”
   พาทิศหัวเราะในลำคอ แล้วขยี้ศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
   “ได้สิ รับรองจะนอนเฉย ๆ ไม่กวนใจให้ตุลต้องรำคาญเลยนะ”
   ซอมบี้หนุ่มบอก แล้วเอนกายนอนข้างอีกฝ่ายตามเดิม ตุลาหน้าแดงนิด ๆ แต่พอลมเย็น ๆ พัดวูบจนผ้าม่านไหว เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก แล้วขยับเข้าใกล้พาทิศ ซุกกายกับอกกว้างนั่นด้วยความกลัว จนคนที่นอนด้วยทั้งสงสารทั้งเอ็นดูไปในคราเดียว
   “ไม่เป็นไร ๆ เด็กดี...ฉันจะอยู่ข้าง ๆ เธอเอง”
   พาทิศบอกแล้วลูบศีรษะของอีกฝ่ายปลอบ จนตุลารู้สึกอบอุ่นและวางใจ จนกระทั่งค่อย ๆ เคลิ้มหลับไปในที่สุด  
   แสงตะวันที่สาดส่องเข้ามาแยงโดนตาในตอนเช้า ทำให้ตุลาต้องนิ่วหน้าขมวดคิ้ว ก่อนจะปรือตาตื่นขึ้นมาอย่างง่วง ๆ เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็ค่อนข้างดึกแล้ว แถมยังเจอเรื่องน่ากลัว ๆ อีก โชคดีที่มีพาทิศนอนอยู่เป็นเพื่อน ไม่เช่นนั้นเขาก็คงผวาหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืนเป็นแน่
   ที่นอนข้าง ๆ มีรอยบุ๋มเล็กน้อย และค่อนข้างเย็น แสดงให้เห็นว่าคนข้างกายคงลุกไปนานแล้ว ตุลายันกายลุกขึ้น แล้วก็ต้องพบกับความแปลกใจ เมื่อมองไปที่โต๊ะทำงานในห้อง ก็เห็นก้อนหินสีเป็นประกายม่วงครามทรงรูปไข่ ก้อนเท่านิ้วก้อยวางอยู่ มีกระดาษเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ใต้ก้อนหินนั้น
   ‘หินนี่เป็นเครื่องรางที่จะช่วยให้สมปรารถนา พวกเราหามันมาให้ตุล และช่วยกันอธิษฐานให้นิยายของเธอผ่าน เก็บมันเอาไว้ให้ดี ๆ นะ ...ฉัน ปิ่น และราตรี กว่าจะหามันมาได้ ต้องลงไปงมถึงก้นบึงเลยทีเดียว รู้ไหม!  / รุ้งพราย’
    ตุลาอ่านข้อความนั้นแล้วนิ่งอึ้ง ก่อนจะแย้มยิ้มยินดีตามมา เขาวิ่งไปที่ระเบียงแล้วตะโกนเรียกชื่อสามสาวอย่างซาบซึ้งตื้นตันใจ
   “ขอบคุณมากครับ คุณรุ้ง คุณราตรี คุณปิ่น ผมจะเก็บรักษามันไว้อย่างดีที่สุดเลยครับ!”
   เจ้าของชื่อทั้งสามต่างอมยิ้มน้อย ๆ พวกเธอเข้านอนพักยาวเพราะลุยหนักกันทั้งคืน อีกทั้งวันนี้แดดก็ค่อนข้างแรง จนพวกเธอรู้สึกอ่อนเพลีย และแทบไม่อยากปรากฏกายด้วยซ้ำ
   ตุลามองหินในมือแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะวางมันไว้ในลิ้นชักพร้อมกระดาษข้อความของรุ้งพราย จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายในตอนเช้าให้สดชื่น แต่พอออกมาเขาก็ต้องพบกับความแปลกใจ เมื่อเห็นลิ้นชักที่ปิดไปแล้วเปิดออก ตุลาเดินไปดูอย่างกังวล แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อหินทรงรูปไข่เมื่อครู่ ตอนนี้มันถูกร้อยอยู่ในลวดดัดสวยงาม ทำเป็นจี้ห้อยคอ คล้องไว้กับสร้อยที่เป็นทองคำขาว กลายเป็นเครื่องประดับหรูหราแปลกตาไปในทันที
   “ฉันทำให้เอง เธอจะได้เอาไว้สวมติดตัวตลอดยังไงล่ะ...”
   ตุลาหันไปยังต้นเสียง เขาเห็นพาทิศยืนยิ้มอยู่ตรงประตูหน้าห้อง ซอมบี้หนุ่มเดินเข้ามา แล้วหยิบสร้อยนั่นมาสวมใส่ให้กับอีกฝ่าย  
     “หินเครื่องรางนี้เป็นของดี และจะให้คุณแก่ผู้พกมันไว้ เธอต้องขอบคุณสามสาวนั่นให้มาก ๆ นะ เพราะหินชนิดนี้ หายากมากเลยทีเดียว”
    ตุลาก้มมองจี้ห้อยคอแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางพาทิศ แล้วยิ้มให้
   “ขอบคุณสำหรับจี้และสร้อยเช่นกันนะครับ มันสวยมากเลย”
   พาทิศยิ้มตอบ แล้วจึงค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไปหาอีกฝ่ายช้า ๆ ตุลาหน้าแดง ใจเต้นตึกตัก แต่เขากลับไม่ได้หลบ หากแต่เผลอเงยหน้า พลางหลับตาพริ้มรออย่างลืมตัว ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงดังปึงปังข้างล่าง
   “กลับมาแล้ว! หิวจังเลย มีอะไรกินบ้างเนี่ย!”
   เสียงของอธิปนั่นเอง ตุลาหน้าแดงระเรื่อ แล้วรีบขยับถอยออกห่างจากพาทิศ ซึ่งอีกฝ่ายก็นึกเสียดายเล็กน้อย ที่ถูกขัดจังหวะแบบนี้
   “อย่าลืมนะตุล...เรื่องความลับระหว่างพวกเราน่ะ”
   พาทิศโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย แล้วถอยออกห่าง เป็นเวลาเดียวกับที่กริชหายตัวแวบขึ้นมาปรากฏกายบนห้องพอดี
   “นายมาทำอะไรในห้องหลานฉันพาทิศ?”
   กริชถามเสียงเข้ม ยิ่งเห็นตุลาหน้าแดง เขาก็ยิ่งไม่ค่อยไว้ใจในตัวซอมบี้หนุ่มเท่าใดนัก
   “ผมก็แค่มาตามตุลไปทานข้าวเองครับ ...แต่เอ... สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนนอนเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เลยเป็นไข้ หน้าถึงได้แดงแบบนี้”
   พาทิศบอกอย่างหน้าตาเฉย ทำเอาคนฟังชะงัก แล้วรีบหันไปถามหลานด้วยความเป็นห่วงทันที
   “จริงหรือ? เป็นอะไรมากไหม? ให้อธิปไปตามหมอดีไหมเนี่ย?”
   กริชลืมเรื่องสงสัยก่อนหน้าไปจนหมด พลางซักอย่างร้อนรนเป็นห่วง ทำเอาตุลาหน้าไม่ดี แล้วเหลือบสายตาขอความช่วยเหลือไปทางซอมบี้หนุ่ม
   “ผมมียาอยู่ครับ เดี๋ยวผมจะเอาข้าวต้มมาให้ แล้วให้ตุลนอนพักอยู่ข้างบนสักวัน ก็คงดีเอง ...ตัวก็ไม่ร้อนมากนักหรอกครับ”

   พาทิศแสร้งทำเป็นเอามืออังหน้าผากของตุลาชายหนุ่มยิ่งหน้าแดงหนักไปอีก จนกริชต้องบังคับให้หลานชายเข้านอนแต่เช้า โชคดีที่พาทิศช่วยเบี่ยงเบนความสนใจตุลาจึงไม่ต้องกินยาเข้าไปจริง ๆเพียงแต่ต้องทนลำบากนอนอยู่ในผ้าห่มแต่เช้าจรดเย็น โดยมีพวกสาว ๆผลัดกันมาเฝ้าไข้ด้วยความเป็นห่วงตลอดเวลา ส่วนซอมบี้จอมเจ้าเล่ห์ก็ได้แต่ส่งยิ้มให้เขา โดยไม่คิดจะช่วยแก้ความเข้าใจผิดในเรื่องนี้สักนิดเดียว...

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
19597
Zenny
56
ออนไลน์
1277 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-7-25 19:37:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-22 16:07 , Processed in 0.357817 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้