ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 646|ตอบกลับ: 0

ม่านราตรี = 19 - 20 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

   พาทิศแสร้งทำเป็นเอามืออังหน้าผากของตุลาชายหนุ่มยิ่งหน้าแดงหนักไปอีก จนกริชต้องบังคับให้หลานชายเข้านอนแต่เช้า โชคดีที่พาทิศช่วยเบี่ยงเบนความสนใจตุลาจึงไม่ต้องกินยาเข้าไปจริง ๆเพียงแต่ต้องทนลำบากนอนอยู่ในผ้าห่มแต่เช้าจรดเย็น โดยมีพวกสาว ๆผลัดกันมาเฝ้าไข้ด้วยความเป็นห่วงตลอดเวลา ส่วนซอมบี้จอมเจ้าเล่ห์ก็ได้แต่ส่งยิ้มให้เขา โดยไม่คิดจะช่วยแก้ความเข้าใจผิดในเรื่องนี้สักนิดเดียว...
บทที่ 19
    ...เวลาล่วงเลยผ่าน นับจากวันที่ตุลาส่งต้นฉบับไป ตอนนี้ก็ได้ราวสามเดือนพอดี  ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นเน็ตอยู่ตามปกติ เขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีเสียงแจ้งเตือนจากหน้าต่างเว็บไซต์ว่ามีเมล์เข้ามา
ฉบับหนึ่ง ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ อ่านหัวข้ออีเมล์ ‘ผลการพิจารณาต้นฉบับ…’ แล้วก็ลังเลที่จะคลิกเมาส์ เข้าไปอ่านข้อความในนั้น
    “อ๊ะ! เมล์พิจารณาผลมาแล้วนี่! เปิดเลยสิตุล!”
    รุ้งพรายที่โผล่มาใกล้ ๆ เมื่อไหร่ไม่ทราบบอกเสียงดัง ทำให้ตุลาสะดุ้งเฮือก แต่แล้วก็ต้องตกใจซ้ำเมื่อปีศาจแมวสาวเอื้อมอุ้งเท้าหน้ามาใกล้เมาส์ของเขาหวังจะคลิกเปิดเองแทน
    “เดี๋ยวก่อนครับคุณรุ้ง!  ขอผมทำใจก่อน!”
    “ทำใจอะไร โธ่ตุล ไม่ผ่านก็ตก ไม่เห็นต้องซีเรียส”
    รุ้งพรายในร่างแมวบอกหน้าตาเฉย ทำเอาตุลาต้องมองอีกฝ่ายตาปริบ ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
แล้วตัดสินใจเปิดอ่านในที่สุด
    “สวัสดีครับ…
    ผลการพิจารณาต้นฉบับนิยายเรื่อง คฤหาสน์สนธยา ของคุณตุลา ผ่านการพิจารณาของกองบรรณาธิการ
แล้วครับ ซึ่งทางกองบรรณาธิการจะติดต่อคุณตุลากลับไปอีกครั้ง ถึงเรื่องรายละเอียดการเซ็นสัญญาในเร็ว
วันนี้ครับ ขอบคุณครับกองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ …”
    พออ่านจบ เสียงไชโยก็ดังขึ้น แต่ไม่ใช่เสียงของเจ้าของผลงานแต่อย่างใด กลับเป็นเสียงของรุ้งพรายที่ยื่นหน้ามาอ่านข้าง ๆ แทน เจ้าหล่อนกระโดดแผล็วไปที่ระเบียงพร้อมกับตะโกนลั่นบ้าน
    “นิยายของตุลผ่านแล้วนะทุกคน! ตุลทำได้แล้ว!”
    พอขาดคำของรุ้งพราย ทั้งปิ่นสุดา ทั้งราตรี ก็ปรากฏกายขึ้นในสวน และต่างมีความดีใจออกนอกหน้าเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่พาทิศซึ่งกำลังเตรียมกับข้าวในครัว เขายิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ส่วนอธิปที่นั่งสวดมนต์
อยู่ในห้อง สั่นศีรษะไปมาด้วยความระอา แต่ก็อดยิ้มยินดีกับหลานชายของเพื่อนไม่ได้
    “อาบอกตุลแล้วไง ว่าตุลมีพรสวรรค์ ยังไงตุลก็ต้องเป็นนักเขียนที่ดีได้”
    กริชซึ่งปรากฏกายออกมาหลังจากที่ตุลาได้ทราบผลการพิจารณาของตัวเอง เอ่ยชมหลานชาย ซึ่งตุลาก็หันกลับไปมองผู้เป็นอาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มทั้งน้ำตาคลอ
    “ผมทำได้แล้วครับอา …สัญญาที่ให้ไว้กับอา…ในที่สุด”
    กริชยิ้มตอบอย่างอ่อนโยนแล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายแผ่วเบา
    “เก่งมากหลานอา อายินดีด้วย”
    ตุลายิ้ม แล้วรีบเช็ดน้ำตา เพราะไม่อยากถูกคนอื่นล้อ จากนั้นจึงรีบโทรไปบอกพ่อกับแม่ แล้วก็กลุ่มเพื่อน
ถึงความสำเร็จของเขา ซึ่งก็ได้รับคำชมเชยตามมา แม้แต่เกรียงไกรที่เคยเห็นต่างในตอนแรก ก็ยังชื่นชมลูกชายและอวยพรให้ตุลาประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกเดินต่อไป
    ตกบ่าย ยังไม่ทันหายตื่นเต้นกับข่าวแรก ก็มีข่าวใหญ่อีกข่าว ที่ทำให้ตุลา ซึ่งกำลังเข้าครัวช่วยพาทิศเตรียมจัดปาร์ตี้เลี้ยงฉลองในตอนเย็น ต้องพบกับความตกตะลึงเสียยิ่งกว่า เรื่องนิยายของเขาผ่านการพิจารณาเสียอีก
    “สวัสดีครับ ผมชื่อผสุ เป็นทนายความส่วนตัวของตระกูล อัครทรัพย์ ครับ”
    ทนายความหนุ่มใหญ่วัยกลางคนอายุราวห้าสิบปี แนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้ม หลังจากที่ขออนุญาตเข้ามาด้านในคฤหาสน์เพื่อแจ้งเรื่องบางอย่างให้เจ้าของบ้านเช่าชั่วคราวทราบ
    “คุณคือคุณตุลา ที่ทำสัญญาเช่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นเวลา 1 ปี ใช่ไหมครับ”
    ทนายผสุหันไปถามตุลา ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ อธิปที่กริชขอให้มานั่งเป็นเพื่อนหลานของตน
    “ใช่ครับ เอ่อ... คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับ หรือว่า ผมจะทำผิดสัญญาเช่า…”
    ตุลาถามอย่างสงสัยและเป็นกังวล เพราะไม่แน่ใจว่าเผลอไปทำอะไรผิดกฎการเช่าบ้านหลังนี้เข้าให้
จนแม้นศรีถึงกับต้องใช้ทนายมาแจ้ง
    “เปล่าครับ เปล่า ๆ เข้าใจผิดแล้วครับ ที่ผมมาวันนี้ผมจะมาบอกข่าวดีกับคุณต่างหาก”
    “ข่าวดี?”
    ตุลาทวนคำอย่างสงสัย ทางด้านทนายหนุ่มใหญ่ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งออกมา พร้อมกับซองจดหมายปิดผนึก ซึ่งดูจากซองนั้นเห็นได้ว่าถูกเปิดอ่านมาแล้ว
    “พินัยกรรมของคุณจอมเดช เจ้าของคนเก่าของคฤหาสน์ม่านราตรี ท่านได้สั่งเสียไว้ว่า ห้ามขายคฤหาสน์นี้ในช่วงระยะสิบปี หลังจากที่ท่านเสียชีวิต แต่สามารถเปิดให้เช่าได้ และเมื่อครบสิบปี ลูกหลานที่เหลือก็จะสามารถขายคฤหาสน์หลังนี้ได้ตามชอบธรรม”
    ตุลาพยักหน้ารับรู้กับสิ่งที่ผสุบอก เพราะพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้างจากพวกรุ้งพรายเล่าให้ฟัง
    “นอกจากนั้นยังมีพินัยกรรมอีกฉบับ ที่คุณจอมเดชกำชับว่าให้เปิดอ่านหลังจากสิบปีผ่านไป ซึ่งก็คือเมื่อวาน และผมได้ทำการเปิดอ่านต่อหน้าคุณจอมพล บุตรชาย และคุณแม้นศรี ผู้เป็นสะใภ้ ของคุณจอมเดชเรียบร้อย”
    ผสุบอกพร้อมรอยยิ้ม นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน ที่พอเขาอ่านพินัยกรรมจบ คุณนายแม้นศรีก็เป็นลมล้มพับไปทันที พอฟื้นขึ้นมาก็ให้เขาอ่านพินัยกรรมซ้ำ แล้วก็เป็นลมต่อไปอีกรอบ จนจอมพลผู้เป็นสามีต้องบอกให้เขาหยุดอ่าน เมื่อเห็นผู้เป็นภรรยาที่ฟื้นขึ้นมา เตรียมจะบอกให้เขาอ่านซ้ำให้แน่ใจอีกหน
     ตุลาขมวดคิ้วมองคนที่นั่งอมยิ้มคิดอะไรเพลิน ๆ อย่างแปลกใจ  จนผสุรู้สึกตัว เขากระแอมเบา ๆ แก้เขิน จากนั้นจึงบอกกับตุลาต่อ
    “ในพินัยกรรมระบุว่า ให้ทายาทของท่านสามารถขายคฤหาสน์ม่านราตรีได้ตามสิทธิชอบธรรมที่ได้รับ แต่ถ้าในระหว่างสิบปีที่ผ่านมา ก่อนวันเปิดพินัยกรรมฉบับนี้ หากมีผู้เช่ารายใด ทำสัญญาเช่าบ้านครบ 1 ปี หรือตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไปก็ตาม สิทธิ์ความชอบธรรมทุกอย่าง ในคฤหาสน์ม่านราตรี จะตกเป็นของผู้เช่าคนนั้นทันที และจากการตรวจสอบของผม คุณตุลา… คุณคือคนเดียว ที่ทำสัญญาเช่าคฤหาสน์ม่านราตรีแห่งนี้ โดยจ่ายเงินครบถ้วน เป็นจำนวน 1 ปี พอดีครับ”
    ตุลานิ่งอึ้ง หันมองผสุ และหันกลับไปมองอธิป ที่กำลังพึมพำกับตัวเอง ได้ยินประโยค ราว ๆ ว่า มิน่าล่ะ
นึกแล้วเชียว เห็นดังนั้นตุลาก็นิ่วหน้า แล้วหันกลับมาทางผสุพลางเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
    “หมายความว่า ผมจะได้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีหลังนี้ อย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือครับ?”
    ทนายหนุ่มใหญ่หัวเราะเบา ๆ กับสีหน้าตกตะลึงนั่น แล้วจึงพยักหน้าพร้อมตอบยืนยัน
    “ครับ … แล้วผมก็นำเอกสารสิทธิ์มาให้คุณเรียบร้อย รบกวนช่วยเซ็นให้ผมด้วยนะครับ”
    “แต่ว่าผม …”
    ตุลาเตรียมแย้งแต่ก็ต้องชะงัก เมื่ออธิปตบบ่าของเขาเบา ๆ
    “ยอมรับมันไปเหอะ ฉันว่าคุณเจ้าของคนเก่าน่ะ เขาตั้งใจยกมันให้เธอ ตั้งแต่ก่อนเขาจะตายแล้วล่ะ”
    ตุลามองอธิปตาปริบ ๆ ด้วยความสงสัย และแม้เขาจะทั้งแปลกใจ ทั้งตื่นเต้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องการเป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีหลังนี้เป็นที่สุดอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะความใหญ่โต หรูหรา โอ่โถง ของมัน
แต่เพราะที่นี่เป็นที่ซึ่งเพื่อน ๆ ที่เขาให้ความสำคัญอยู่อาศัยด้วยต่างหาก
    “ครับ … เอ่อ แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”
    ตุลาหันไปทางผสุ ซึ่งอีกฝ่ายก็ช่วยอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ จนกระทั่งการเซ็นเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดเรียบร้อย และตุลาก็ได้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีโดยสมบูรณ์
    “เอ่อ ขอบคุณนะครับที่ช่วยเป็นธุระให้”
    ชายหนุ่มบอกพร้อมกับพนมมือไหว้ ขณะที่ออกมาส่งผสุยังรถของเจ้าตัว ทนายหนุ่มใหญ่ยิ้มพลางยกมือรับไหว้แล้วกล่าวอำลาก่อนจะกลับไป และพอตุลาเดินกลับเข้าบ้าน เขาก็ต้องตกใจ เมื่อรุ้งพรายกระโดดพุ่งใส่ พร้อมกับไถหัวซุกอกของเขาไปมา
    “ดีใจจริง ๆ ในที่สุดตุลก็ได้อยู่ที่นี่แบบถาวรสักที”
    “เอ้า! เข้าใจว่าดีใจ แต่พุ่งเข้าหาแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็หงายโครมพอดี”
    พาทิศบอกพลางหิ้วคอรุ้งพรายออกมาจากร่างของตุลา ซึ่งปีศาจแมวสาวก็ดิ้นไปมา จนซอมบี้หนุ่มต้องปล่อยให้เจ้าหล่อนลงพื้น
    “อีตาบ้า หยาบคาย มาหิ้วคอสุภาพสตรีแบบนี้ ระวังเหอะ แม่จะข่วนให้ตาหลุดเลย”
    รุ้งพรายโวยวายใส่พาทิศแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่กลับหันไปทางตุลาแทน
    “ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าเธอไม่ต้องกังวลเรื่องบ้าน เป็นไง เป็นอย่างที่ฉันบอกใช่ไหม?”
    “แสดงว่าคุณพาทิศก็รู้อยู่ก่อนแล้วสินะครับ”
    ตุลาถามอีกฝ่าย ซึ่งซอมบี้หนุ่มก็ยิ้มตอบ แล้วบอกในสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตะลึงมากขึ้น
    “ไม่เพียงแต่ฉัน อาของเธอก็รู้นะ เพราะฉะนั้น อาของเธอ จึงเขียนพินัยกรรมให้เธอเช่าที่นี่อยู่เขียนนิยาย
เป็นเวลาหนึ่งปีพอดียังไงล่ะ”
    “ใจร้าย! ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะ!”
    รุ้งพรายโวยวายขัดการสนทนาขึ้นมา ไม่ใช่แค่นั้นราตรีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าซอมบี้หนุ่ม เล่นเอาตุลาที่มอง
อยู่ผงะ เกือบจะหลุดปากร้องออกมาด้วยความตกใจ
    “นั่นสิ ทำไมไม่เคยบอกกันบ้างเลย และที่สำคัญ ทำไมถึงรู้แต่เธอล่ะพาทิศ!”
    ผีสาวถามด้วยความงอน เพราะเธอเองก็ถือว่าสนิทกับจอมเดชมากอยู่เช่นกัน แต่ทำไมมีแต่พาทิศเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ได้
    “ก็ฉันรู้เพราะบังเอิญเผลอไปได้ยินเข้าพอดี คุณจอมเดชเลยบอกว่าอย่าให้ฉันบอกใคร เพราะอยากจะให้ทุกคนเซอร์ไพรส์กันในอีกสิบปีข้างหน้า เธอรู้บ้างไหมราตรี การที่ต้องทนเก็บความลับ ทั้งที่คันปากอยากบอกใครสักคนแต่บอกไม่ได้ จนถึงสิบปีน่ะมันทรมานขนาดไหน”
    ราตรีชะงัก ก่อนจะพยักหน้ารับแต่ก็ยังคงบ่นอุบอิบเบา ๆ ที่จอมเดชไม่ยอมบอกเธอก่อนหน้านั้นอยู่ดี
ส่วนรุ้งพรายนั้นพยักหน้ารับรู้อย่างจริงจัง เพราะสำหรับคนช่างพูดเช่นเธอ เข้าใจดีเลยว่า การต้องทนปิดบังเรื่องสำคัญไม่ให้พูดออกไปทั้งที่อยากพูดเหลือเกินนั่น มันทรมานสักเพียงใด
    ส่วนทางด้านพาทิศพอเห็นเพื่อนสาวทั้งสองเลิกโวยวายใส่เขา ชายหนุ่มก็ลอบยิ้มกับตัวเอง แล้วจึงหันไปทางตุลา
    “พอดีเลย ตกลงคืนนี้นอกจากปาร์ตี้ฉลองที่นิยายของเธอผ่าน เราก็เพิ่มงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าของบ้านคนใหม่ของคฤหาสน์ม่านราตรีไปด้วย  เธอว่าดีไหม?”
    “เอ่อ …คือ …ผม”
    ตุลาตอบกึกกัก อย่างที่ยังคงทำใจกับเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ค่อยได้ และสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
    “ตุล…ไม่ต้องคิดมาก หลานรักที่นี่ คนที่นี่ก็รักหลาน และตอนนี้หลานก็ได้เป็นเจ้าของสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่หลานรักอย่างชอบธรรม ตุลรู้แค่นี้ก็พอ ไม่ต้องคิดอะไรมากกว่านี้ให้ยุ่งยากหรอก”
    กริชปรากฏกายออกมาข้าง ๆ เพื่อปลอบหลานชาย ซึ่งพอได้ฟังคำพูดของอา ตุลาก็หันไปยิ้มให้เขา และหันมายิ้มให้กับสมาชิกที่เหลือคนอื่น
    “ครับ ต่อไปนี้ผมเองก็ฝากตัวด้วยนะครับ เอ๋?”
    ตุลาชะงัก เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้กระซิก ๆ ลอยมาให้ได้ยิน แม้จะไม่ได้ดัง แต่ก็ชัดเจน ราวกับว่าดังขึ้นใกล้ ๆ
    “ตายละ ปิ่นร้องไห้อีกแล้ว แถมร้องหนักด้วย”
    รุ้งพรายอุทานอย่างนึกได้ หลังจากที่แปลกใจในตอนแรกกับเสียงร้องไห้ที่ได้ยินเหมือนกัน
    “ร้องไห้? ร้องทำไม?”
    อธิปถามอย่างสงสัย ซึ่งปีศาจแมวสาวก็หันมาทำหน้าเบื่อหน่ายใส่
    “ก็เพราะพวกเราเอาแต่มารุมตุลอยู่แถวนี้ ทั้งที่เขาเองก็อยากมีส่วนร่วมด้วย แต่มาไม่ได้ยังไงล่ะลุง ถามได้!”
    อธิปชะงักแล้วก็หัวเราะอย่างนึกขำ ก่อนจะตบบ่าตุลาค่อนข้างแรง
    “เจ้าหนู เสน่ห์แรงจริง ๆ นะเรา  เอ้า! งั้นไปตั้งครัวเตรียมปาร์ตี้กันในสวนด้านนอกดีไหม อากาศก็ดี แถมแม่เงือกสาวนั่นจะได้เลิกร้องไห้สักที แหม! สมกับเป็นภูตพรายจริง ๆ เสียงร้องไห้เบา ๆ แต่ดันลอยไปตามลมให้ได้ยินแทบทุกคนแบบนี้ มีหวังพรุ่งนี้ชาวบ้านได้เมาท์กันกระจายแน่ ว่าคฤหาสน์ผีสิงนี่เฮี้ยนขึ้นมาอีกแล้ว”
    ข้อเสนอพร้อมคำชมทะแม่ง ๆ ของอธิปทำให้ตุลายิ้มเจื่อน ๆ แล้วจึงหันไปทางพาทิศ ซึ่งพ่อครัวเอกของคฤหาสน์ก็ยิ้มพลางพยักหน้ารับรู้เห็นด้วย จากนั้นทั้งหมดจึงย้ายครัวไปเตรียมการกันที่สวนอย่างครึกครื้น
โดยไม่รู้เลยว่า ตอนนี้พวกชาวบ้านที่ได้ยินเสียงร้องไห้ประหลาดลอยมาตามลมก่อนหน้านั้น กำลังเมาท์กระจายถึงเรื่องนี้กันทั่ว และต่างสรุปว่าเสียงนั้นมาจากคฤหาสน์ผีสิงเจ้าเดิมเป็นแน่ แถมยังเมาท์ไปถึงว่า ตุลานั้นอาจจะโดนผีสิงอยู่ถึงทำให้ทนอาศัยอยู่ที่นั่นไหวเป็นปี บ้างก็ว่าบางทีตุลาอาจจะมีอาคมแกร่งกล้าสะกดผีได้
หรืออาจจะเป็นผีเสียเองก็ได้
    ทว่าคนที่กำลังตกเป็นประเด็นลือกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายพอสมควร เมื่อจู่ ๆ พาทิศก็แสดงความยินดีโดยการหอมแก้มตุลาต่อหน้าต่อตาทุกคนในที่นั้น ทำเอาสาว ๆ ในคฤหาสน์  โดยเฉพาะรุ้งพรายกรี๊ดกร๊าดโวยวายใส่ซอมบี้หนุ่มยกใหญ่ ส่วนกริชนั้นได้แต่หัวเราะเบา ๆ คล้ายไม่ใส่ใจ แต่หลังจากนั้นก็คอยแทรก และกันไม่ให้ตุลาได้อยู่ใกล้พาทิศอีกเลย จนอธิปมองไปขำไป กับความหวงหลานชายขนาดหนักของเพื่อนสนิท
    ตุลามองเพื่อน ๆ ต่างวัย ต่างภพ ต่างเผ่าพันธุ์ของเขาด้วยรอยยิ้มเป็นสุข เขาแหงนหน้ามองคฤหาสน์ที่อยู่อาศัยมากว่าหนึ่งปีด้วยความรักและผูกพัน เกิดเหตุต่าง ๆ ขึ้นมากมาย ชวนให้ทั้งตกใจ และสะเทือนใจ แต่ในที่สุดเขาก็ผ่านมัน มาจนกระทั่งเป้าหมายของเขาประสบความสำเร็จ แถมยังได้กลายมาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้
อย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย
    “ฉันขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะ ม่านราตรี”
    ตุลาพึมพำ พลางโค้งให้กับคฤหาสน์ตรงหน้า ก่อนจะหันมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน จากปีศาจแมวสาว
    “ตุล! มานี่เร็ว มาช่วยฉันจัดซุ้มหน่อย!”
    “ครับ ๆ คุณรุ้ง ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
    ตุลารับคำ เขาหันไปทางคฤหาสน์อีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมา แล้วเดินตรงไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ของตน
ด้วยรอยยิ้มอันเป็นสุขยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
บทที่ 20
    ...ตุลาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีโดยไม่คาดฝันมาได้เป็นเวลาสามเดือนแล้ว  และแม้จะมีสมาชิกในบ้านอยู่มากมายหลายคน แต่นอกจากเขาและอธิป ทั้งหมดไม่เป็นพวกปีศาจก็เป็นวิญญาณทั้งนั้น แถมมนุษย์ด้วยกันอย่างอธิปก็ดันมีอาชีพหลักเป็นหมอผีเสียอีก
   ตามปกติตุลามักจะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับสมาชิกในคฤหาสน์ แม้จะมีเรื่องให้ชวนผวาในบางครั้ง แต่เขาก็เริ่มเคยชินและมีภูมิต้านทานขึ้นมาทีละนิด แต่ทว่าเขากลับรู้สึกระทึกขวัญสั่นประสาทแทบจะทุกครั้ง ยามมีแขกภายนอกมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน โดยเฉพาะเมื่อแขกผู้นั้นเป็นคนสนิทและคุ้นเคยกับเขาเป็นพิเศษ
    และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ขนาดเขาย้ำนักย้ำหนา ว่าให้สมาชิกในคฤหาสน์ช่วยกันระวัง เพราะกลุ่มเพื่อนของเขาจะแวะมา แต่ตุลาก็ยังพบเจอกับเหตุการณ์วุ่น ๆ เข้าให้อีก จนเขาชักไม่ค่อยแน่ใจนักว่า นี่เป็นเรื่องบังเอิญ
หรือพวกสมาชิกในบ้านจงใจกลั่นแกล้งกันแน่
   “ผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้วนะครับ ... เอาเป็นว่า ถ้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนความสงบที่นี่นัก คราวหน้าผมจะนัดพวกนั้นนอกบ้านแล้วกัน”
   ตุลาบอกต่อหน้าเหล่าภูตผีปีศาจ ที่มารวมพลกันในตอนค่ำ หลังจากเหตุการณ์ที่เพื่อนเขามาเยี่ยมบ้านและกลับออกไปด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อเสียยิ่งกว่าครั้งแรกที่มา เพราะเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ดังลั่นจากสวนด้านนอก แม้ตุลาจะพยายามแก้ตัวว่ามันเป็นเสียงจากทีวีของเพื่อนบ้านก็ตาม แต่ด้วยเพราะคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่โดดเดี่ยวอย่างม่านราตรี ทำให้เพื่อนของเขายากที่จะเชื่อลงได้
   “ฉะ...ฉันขอโทษนะคะ ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะร้องออกไป... แต่เพราะตกใจที่แมลงสาบที่รุ้งไล่จับ มันบินตรงมาหาฉัน ...ก็เลย...”
   ปิ่นสุดาบอกเสียงสั่นเครือเจือสะอื้น เพราะวันนี้เธอก็ยังแอบขึ้นมานั่งเล่นบนปากบ่อเช่นเคย แถมคำสารภาพของปิ่นสุดาก็ทำให้รุ้งพรายสะดุ้งเฮือกตามไป เพราะเจ้าหล่อนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนของตุลามา แต่ก็ยังออกมาวิ่งเล่นในสวน โดยไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะเจอเช่นเดียวกัน
   “เฮ้อ...ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
   ตุลาไม่อยากจะต่อว่าทั้งคู่ เพราะความจริงพวกหล่อนก็ใช้ชีวิตเช่นนี้ทุกวันด้วยความเคยชินมานานหลาย
สิบปีแล้ว เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ และมาก่อกวนชีวิตประจำวันอันสงบของทุกคน
   “ไม่ต้องร้องไห้หรอกครับคุณปิ่น คราวหน้าผมจะบอกให้พวกนั้นนัดเจอกันข้างนอก ...ซึ่งผมว่าพวกนั้นก็คงยินดีและเต็มใจมากเลยด้วย”
   ตุลาเอ่ยขึ้นด้วยคำพูดที่เขาเชื่อมั่นว่าเพื่อนของเขาแต่ละคน คงคิดเช่นเดียวกับเขา โดยเฉพาะพิชยะเพื่อนสนิท
ผู้ซึ่งไม่ถูกโรคกับภูตผีปีศาจเหมือนกับเขาคนนั้น
    “น่าเสียดายนะ ฉันอุตสาห์เริ่มติดใจนายเก่งเพื่อนของเธอเข้าให้แล้วแท้ ๆ  ตลกดี ขี้กลัวไม่แพ้เธอเลย”
   ราตรีบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้คนฟังหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้ แล้วนึกสงสารเพื่อนสนิทขึ้นมาจับใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อสาว ๆ เริ่มสนทนากันถึงเพื่อนของเขาอย่างสนุกสนาน
   “เอ่อ...คุณพาทิศล่ะครับ”
   ตุลาถามสาว ๆ เพราะเห็นว่าพาทิศยังไม่มารวมตัวกับคนอื่น ๆ สักที  ทั้งที่ยามปกติพอตกหัวค่ำแบบนี้
ชายหนุ่มมักจะปรากฏกายให้เขาเห็นแทบเป็นคนแรก ๆ ด้วยซ้ำ
   “เอ...จริง ๆ ด้วยแฮะ”
   รุ้งพรายเพิ่งสังเกตได้ตามที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะชะงักเมื่อปิ่นสุดาสะกิดเธอแล้วเอ่ยขึ้น
   “เพราะวันนี้เป็นจันทร์เต็มดวงหรือเปล่าคะ?”
   “อ๊ะ  อ๋อ! จริงด้วย พระจันทร์เต็มดวงนี่นะวันนี้”
   รุ้งพรายตอบกลับอย่างนึกได้ ทำให้ตุลาที่ฟังอยู่เริ่มงุนงง ก่อนจะนึกย้อนไปถึงเมื่อก่อน ที่ก็มีบางวันที่เขาไม่ค่อยเจอกับพาทิศ แต่เพราะได้เจอหน้ากันบ่อยเสียยิ่งกว่าหายหน้าห่างกัน จึงทำให้เขาไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เท่าใดนัก
   “มีอะไรกับพระจันทร์เต็มดวงหรือครับ?”
   ตุลาถามสองสาว รุ้งพรายกับปิ่นสุดาสะดุ้งโหยง พลางจ้องมองหน้ากันอย่างลังเลว่าจะเล่าให้ชายหนุ่มฟัง
ดีไหม
   “เอ่อ...ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นความลับ ผมไม่ถามก็ได้ครับ”
   ตุลาบอกอย่างเกรงใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่
   “พาทิศเค้ามักจะไปหาคู่รักของเขาในคืนวันนี้น่ะ”
   คำตอบที่ได้ยินทำให้ตุลาชะงักกึก ก่อนจะรู้สึกตัวชาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
   “คู่รัก...”
   “อืม... ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ เคยถามครั้งหนึ่งแล้วก็ได้คำตอบมาแบบนี้ล่ะ”
   ราตรีบอกเรียบ ๆ  ส่วนสองสาวก็มีสีหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน
   “ฉันก็พอจะรู้บ้าง...แต่อย่าให้เล่าเลยนะ ถ้าตุลอยากรู้ก็ไปถามเขาเอาเองเถอะ”
   รุ้งพรายตัดบท ทำให้ตุลายิ่งประหลาดใจมาก เพราะปกติแมวสาวจะชอบเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ของคนอื่นให้เขาฟังเสมอโดยไม่คิดจะปิดบังหรือเกรงใจว่ามันจะละเมิดเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
   “เอ่อ...ผมก็แค่สงสัย ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับขึ้นห้องก่อนนะครับ”
   ตุลาบอกกับบรรดาสาว ๆ แล้วปลีกตัวเดินกลับห้องพักของตน  ซึ่งพอลับหลังชายหนุ่ม ทั้งสามสาวก็ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน
   “ก็นะ เรื่องส่วนตัวแบบนั้น จะให้เล่าไปก็ลำบากใจเหมือนกัน”
   “นั่นสิคะ ขนาดเวลาผ่านไปนานหลายสิบปี แต่คุณพาทิศก็ยังไม่เคยลืมเธอคนนั้นเลยนี่นะคะ”
   ปิ่นสุดาเอ่ยตอบ ทำให้ราตรีหวนนึกถึงจอมเดชขึ้นมาบ้าง   
   “เวลาแค่ไม่กี่สิบปีสำหรับพวกเรา มันแทบไม่แตกต่างอะไรกับไม่กี่เดือนของมนุษย์นั่นล่ะนะ...”
    “มันก็ใช่...แต่ก็ไม่ควรจะผูกมัดตัวเองติดอยู่กับอดีตแบบนั้นนี่นา ความทรงจำน่ะเก็บไว้ได้ แต่เราก็ต้อง
ก้าวเดินไปสู่อนาคตพร้อมกับมันด้วย”
   รุ้งพรายบอกอย่างพอจะคาดเดาได้ว่าเพื่อนสาวกำลังคิดถึงเจ้าของคฤหาสน์คนเก่าผู้นั้นอยู่
   “อืม...นั่นสิ”
   ราตรีตอบพลางแย้มยิ้มอ่อนโยนส่งให้ รุ้งพรายยิ้มตอบ แล้วจึงพึมพำขึ้นมา
   “หวังว่าหมอนั่นคงกล้าเล่าเรื่องเธอคนนั้นให้ตุลฟัง เหมือนกับที่เคยกล้าเล่าให้พวกเราฟังล่ะนะ”
   “ฉันเชื่อนะคะ ว่าถ้าเป็นคุณตุลจะต้องไม่กลัวเขา และจะต้องเข้าใจในตัวเขาแน่”
   ปิ่นสุดาบอกกับปีศาจแมวสาวอย่างเชื่อมั่น ซึ่งรุ้งพรายก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบเพื่อนของหล่อน แล้วจึงเงยหน้ามองไปยังตำแหน่งที่ตั้งห้องนอนของตุลา
   “นั่นสินะ เพราะเป็นเด็กคนนั้นที่พวกเราทุกคนรัก เขาจะต้องเข้าใจและยอมรับในอดีตของพาทิศได้แน่นอน”
   ตุลาหลังจากที่ปลีกตัวออกมาก็ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในตอนแรกเขาตั้งใจจะเขียนนิยายต่อ แต่กลับไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อถึงเนื้อเรื่องได้เลย เรื่องที่พาทิศมีคู่รักหวนกลับมารบกวนเขาอยู่ตลอด ตุลารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จริงอยู่ที่พาทิศนั้นชอบมาหยอกล้อแกล้งเขาในลักษณะที่ชวนให้เข้าใจผิด แต่ก็ไม่เคยทำมากกว่ากอดและจูบ แถมบางครั้งพอเขาเผลอเคลิ้มไปกับอีกฝ่าย พาทิศก็หยุดการกระทำไปเฉย ๆ เช่นนั้น  
จนเขาเองยังแปลกใจ แต่พอมารู้ความจริงแบบนี้ ก็ทำให้พอเข้าใจการกระทำเช่นนั้นบ้าง... พาทิศคงแค่แหย่เล่นไม่ได้คิดจริงจังกับเขา ความจริงเขาควรจะโล่งอกแท้ ๆ แต่ยิ่งคิดกลับยิ่งรู้สึกโมโห และปวดใจขึ้นมาอย่างประหลาด
    ชายหนุ่มปิดโน้ตบุคที่เปิดทิ้งค้างเอาไว้เป็นเวลานาน และตั้งใจจะนอนหลับ แต่ด้วยความเป็นคนนอนดึก
เป็นประจำ จึงทำให้เขาไม่เกิดความง่วง และนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปลำพังเช่นนั้น จนกระทั่งเริ่มเบื่อ
จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นในสวน เพื่อหาเพื่อนคุยกับตน
   “หือ... ไปไหนกันหมด?”
   ตุลารู้สึกแปลกใจ เพราะปกติมักจะเห็นพวกสาว ๆ ไปรวมกันอยู่ที่ซุ้มดอกราตรี  แต่วันนี้กลับเงียบไร้ผู้คน
ทำให้สวนที่ดูน่ากลัวอยู่แล้วยิ่งวังเวงหนัก
   “อะไรของมันกันนะวันนี้!”
   คนที่หงุดหงิดอยู่แล้ว บ่นอุบพาล ๆ กับตัวเอง เมื่อคิดว่ายังไงก็คงไม่มีเพื่อนคุยแน่ เขาจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้องพักของตน ทว่าก็ต้องชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาเบื้องหน้าเขา
   “คุณพาทิศ...”
   “พวกรุ้งไปตามฉันมา บอกว่าเธออยากพบฉัน”
   พาทิศบอกยิ้ม ๆ ทำให้ตุลาชะงัก หน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะไปมา
   “ไม่ใช่สักหน่อยครับ ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมคุณไม่อยู่บ้านก็แค่นั้นเอง...”
   ตุลาบอกพร้อมก้มหน้าหลบ ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าขึ้นมาดื้อ ๆ
   “อย่างนั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้นฉันกลับห้องใต้ดินล่ะนะ”
   พาทิศแกล้งทำเป็นพึมพำรับคำ แล้วขอปลีกตัวจากไป นั่นทำให้ตุลาสะดุ้ง รีบเร่งฝีเท้าเดินไปคว้าแขนร่างสูงไว้ทันที
   “เดี๋ยวก่อนครับ!”
   “หือ? มีอะไรอย่างนั้นหรือ”
   พาทิศแสร้งถามด้วยสีหน้าสงสัย ตุลาอึกอัก หน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
   “คุณ...ไปหาคู่รักของคุณมา...จริงหรือครับ”
   พาทิศจ้องมองชายหนุ่มนิ่ง ไม่ได้ตอบคำถามนั้น จนคนรอฟังใจเสีย
   “ขะ...ขอโทษครับ ที่ก้าวก่าย ...ผมกลับห้องล่ะครับ”
   ตุลารีบบอก แล้ววิ่งจากไปด้วยความรู้สึกสับสน เจ้าตัวรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตาทั้งสอง แล้วจึงใช้หลังมือปาดน้ำใส ๆ ที่กำลังไหลรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ก่อนจะอุทานด้วยความตกใจ เมื่อร่างของตนโดนอ้อมแขนแกร่งรวบเอาไว้จากเบื้องหลัง ไม่ให้หนีไปไหน
   “คุณพาทิศ...ปล่อยเถอะครับ”
   ตุลาบอกเสียงสั่นพร่า กับท่ากอดที่ดูหมิ่นเหม่นั่น แถมพอหวนคิดว่าเจ้าตัวมีคนรักแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกปวดใจแปลบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
   “ไม่ปล่อย...จนกว่าตุลจะบอกฉันว่า ร้องไห้ทำไม”
   ร่างสูงที่พลิกกายอีกฝ่ายให้มาเผชิญหน้า ถามอย่างอ่อนโยน พร้อมกับใช้นิ้วกรีดซับน้ำตาของชายหนุ่มผู้เยาว์วัยแผ่วเบา
   “ผม...”
   ตุลาเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายพลางหลุบตาหลบอย่างช้า ๆ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองร้องไห้ทำไม รู้แต่ว่าหงุดหงิด ไม่พอใจ แล้วลึก ๆ รู้สึกเสียใจ ที่คนตรงหน้ามีคนรักอยู่แล้ว
   “เฮ้อ...ช่วยไม่ได้ ทั้งที่อยากฟังจากปากของตุลมากกว่าล่ะนะ”
   พาทิศบอกยิ้ม ๆ แล้วชะโงกหน้าไปจูบที่เปลือกตาของชายหนุ่มค่อย ๆ
   “กลับขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
   ตุลาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายจูงมือเดินนำไปเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงห้อง พาทิศก็จับร่างโปร่งให้นั่งบนเตียง จากนั้นเขาจึงเดินไปลากเก้าอี้มานั่งเป็นเพื่อนข้าง ๆ
   “ตุลอยากฟังเรื่องของฉันไหม…เรื่องคู่รักที่ตุลอยากรู้ยังไงล่ะ”
   ตุลาเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย แล้วจึงพยักหน้าตอบรับ
   “อืม...พวกรุ้งก็บอกฉันเหมือนกัน ว่าให้ลองเล่าให้ตุลฟังดู แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าให้เลือกฉันไม่อยากให้ตุลรู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”
   ตุลาชะงักพลางกำมือตัวเองแน่น เพราะเผลอคิดไปว่าตนเองไม่มีความหมายสำหรับอีกฝ่าย และที่พาทิศทำดีด้วยก็เพียงแค่ต้องการแกล้งเขาเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร  จึงไม่อยากให้เขาได้รับรู้เรื่องนี้
   “หึ ๆ  ดูเหมือนจะเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”
   พาทิศที่สังเกตปฏิกิริยานั้นหัวเราะในลำคอ แล้วเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมาจูบเบา ๆ จนตุลาตกใจ
   “เอาล่ะ...เล่าก็เล่า ...”
   ผีดิบหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าขรึมลงเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวในอดีตของตนให้คนบนเตียงฟังทั้งหมด
   “ฉันเคยมีคู่รัก... คน ๆ เดียวกันกับที่เธออยากรู้จักนั่นล่ะ”
   “...เคยมี?”
   ตุลาทวนคำอย่างประหลาดใจ ซึ่งพาทิศก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเล่าต่อ
   “ใช่ เคยมี...แต่เธอตายไปแล้ว...ตายไปเมื่อหลายสิบปี ก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”
   ตุลาชะงักกึก แล้วเบือนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที เพราะแทนที่จะสงสารอีกฝ่าย แต่วูบหนึ่งแล้วเขากลับรู้สึกยินดีขึ้นมาประหลาด เมื่อทราบว่าคู่รักของพาทิศคนนั้นได้ตายไปแล้ว
   พาทิศที่พอจะคาดเดาจากสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายได้ ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่นั้น ยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่นึกโกรธ เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แล้วจึงเล่าต่อ
   “เมื่อก่อน ฉันเคยเกลียดมนุษย์ เพราะในยามที่ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันต้องเจอแต่กับเรื่องร้าย ๆ เพราะคนรอบข้าง
มาตลอด...ฉันเกลียด ฉันเคียดแค้น เฝ้ากร่นด่าชะตากรรมจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง ...แม้กระทั่งตาย
ไปแล้ว โชคชะตาก็ยังเล่นตลกและโหดร้ายกับฉันไม่เปลี่ยน ...ฉันกลายเป็นผีดิบ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอันอมตะ
ของตน ลงโทษคนที่ทำให้ฉันทุกข์ ให้พวกมันพบกับความทุกข์และทรมานยิ่งกว่าฉันได้รับ”
   พาทิศเสียงแผ่วลง หวนคิดถึงความหลังอันยาวนาน นัยน์ตาสีดำแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาชั่วขณะ ทำให้ตุลา
เสียวสันหลังวาบ ทว่าเพียงแค่ครู่เดียวมันก็กลับมาเป็นปกติ   
    “...กลัวฉันไหม?”
   ตุลากลืนน้ำลายลงคอ แต่พอเห็นแววตาของอีกฝ่ายดูหมองลง เขาก็รีบโพล่งตอบออกไปดังลั่น
   “ไม่ครับ!”
   พาทิศชะงัก ก่อนจะจ้องมองแววตาคู่นั้นอย่างค้นคว้าหาความจริง
   “ผะ...ผม ยอมรับว่าพอฟังแล้วอาจจะกลัว เพราะไม่เคยรู้จักคุณในอดีตมาก่อน...แต่ถ้าเป็นคุณที่อยู่ตรงนี้ ผมไม่มีทางกลัวแน่นอน...อ้อ ถ้าไม่พยายามทำโน่นนี่หลุดบ่อย ๆ ล่ะนะครับ”
   ตุลาเอ่ยตอบออกไปตามตรง ทำให้คนฟังหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วจึงแย้มยิ้มอ่อนโยนชวนมองให้
   “ขอบคุณนะตุล...”
   พาทิศพึมพำ แล้วจึงเล่าเรื่องราวในอดีตของตนต่อ
   “ฉันใช้ชีวิตในฐานะผีดิบมานานจนแทบจะลืมความเป็นมนุษย์ ...และตอนนั้นเองฉันก็ได้เจอกับเธอคนนั้น”
   พาทิศหวนย้อนคิดถึงใบหน้าอ่อนหวาน ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสบายใจเสมอ ของอดีตคนรัก
   “เธอคนนั้นเป็นคนสอนให้ฉันได้รู้ว่า มนุษย์ใช่ว่าจะมีแต่ด้านเลวร้ายเสมอไป มนุษย์ที่มีจิตใจดี และมีเมตตา พร้อมจะให้อภัยกับคนที่ทำผิดก็มีอยู่มากมาย ...แต่ก็เพราะฉัน ถึงทำให้คนดี ๆ อย่างเธอต้องมาตายลงไปก่อนวัยอันควร....คืนนั้นที่เธอจากฉันไป ก็เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ล่ะนะ...”
   ผีดิบหนุ่มมีสีหน้าเศร้าหมองลงจนตุลารู้สึกปวดใจ เขาเอื้อมมือไปกุมมือทั้งสองของพาทิศ แล้วสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง
   “พอเถอะครับ...ถ้าไม่อยากเล่าก็อย่าเล่าต่อไปอีกเลย”
    พาทิศสบตาตอบ ก็เห็นแต่แววตาห่วงใยระคนสงสารของอีกฝ่ายจ้องตอบกลับมา เขายิ้มน้อย ๆ แล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มของคนปลอบ จนตุลาสะดุ้งรีบปล่อยมือ แล้วถอยออกมาหน้าแดงระเรื่อ
   “ขอบใจนะตุล... ก็นั่นล่ะ ฉันคงยังเล่ารายละเอียดหลัก ๆ ให้เธอฟังไม่ได้  แต่ฉันบอกได้แค่ว่า เพราะอยู่
ใกล้ฉัน เธอคนนั้นถึงต้องโชคร้ายจนต้องตายไปในที่สุด... รู้แบบนี้แล้ว ตุลกลัวฉันไหม...เพราะไม่แน่นะ
ฉันอาจจะทำให้เหตุการณ์ร้าย ๆ นั่น ย้อนกลับมาหาตุลเหมือนเธอคนนั้นก็เป็นได้”
   ตุลายอมรับว่าพออีกฝ่ายพูดแบบนั้นด้วยแววตาจริงจัง เขาเองก็รู้สึกกลัวเช่นกัน แต่เมื่อหวนคิดถึงหนึ่งปีที่อยู่ร่วมกันมา เขาก็เม้มปากนิด ๆ แล้วลุกขึ้นก่อนจะโผไปโอบกอดรอบคอพาทิศแล้วพึมพำตอบ
   “ผมไม่กลัว ...สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ ไม่มีคุณและทุกคนอยู่ร่วมกันที่คฤหาสน์หลังนี้ มีแต่ผมที่อยู่คนเดียว...
ถ้าเป็นแบบนั้น สู้ให้เจอเรื่องร้าย ๆ เสียยังดีกว่า”
   พาทิศนิ่งชะงักด้วยความตกตะลึงต่อคำสารภาพของอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ แล้วลืมตาขึ้น พร้อมกับดันร่างโปร่งออกมาสบตาด้วย
   “แย่จริงตุล...เธอกำลังทำให้ฉันคิดจริงจังกับเธอแล้วนะ ...รู้ไหมว่า ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้อาของเธอ หรือใครในบ้านนี้จะห้าม ...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่...”
   ตุลาใจเต้นตึกตักต่อแววตาที่แฝงไปด้วยอำนาจประหลาดคู่นั้น และกว่าจะรู้สึกตัวอีกที แผ่นหลังของเขาก็กระทบกับเตียงนอน โดยมีร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน
   “คุณพาทิศ...”
   ตุลาพึมพำครางเรียกชื่ออีกฝ่าย ในขณะที่ร่างสูงไล่จูบซุกไซ้ไปทั่วใบหน้าและลำคอของตน ก่อนที่พาทิศ
จะชะงัก แล้วยิ้มมุมปากน้อย ๆ พลางดันกายลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ทำให้คนที่นอนอ่อนระทวยปรือตาขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
   “ขืนทำมากกว่านี้ ฉันอาจโดนกันท่าจากตุลก็ได้ ...ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงเศร้าแย่”
   พาทิศบอกยิ้ม ๆ อย่างนึกขัน เมื่อจับสัมผัสบางอย่างจากนอกห้อง ก่อนจะแกล้งรั้งตัวตุลาขึ้นมานั่ง แล้วกัดงับไปแรง ๆ ตรงซอกคอของอีกฝ่าย
   “โอ๊ย!”
   ตุลาร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ ทว่าหลังจากที่เขาหลุดปากร้องออกไป ด้านนอกระเบียงก็มีสามสาวเปิดพรวดเข้ามา ส่วนประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับกริชและอธิปที่ก้าวเข้ามาในห้องเช่นเดียวกัน
   “แย่จัง แบบนี้ก็คงต้องเปิดตัวกับทุกคนแล้วสินะตุล...ว่างั้นไหม”
   พาทิศบอกกับตุลาพลางแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาตุลานิ่งอึ้ง หน้าซีดสลับแดง เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของทุกคน
ที่มองมายังพวกตน
   “ตุล...อาถามตรง ๆ นะ ชอบหมอนี่แบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่า!”
   กริชถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะที่อธิปพยายามกลั้นหัวเราะ เขากับกริชแอบฟังทั้งคู่คุยกันอยู่นาน ...แน่นอนด้วยความสามารถเฉพาะตัวของวิญญาณอย่างกริช และด้วยอาคมที่เขามีก็ทำให้พวกเขามองเข้าไปในห้อง
ได้สบาย ๆ ซึ่งเขาเองก็พอจะมองออกถึงท่าทางของตุลาและพาทิศในช่วงระยะสามเดือนที่ผ่านมา กริชเอง
ก็เช่นกัน เขาเองก็พอจะรู้ว่าหลานชายนั้นเริ่มมีใจให้อีกฝ่าย ถึงไม่ออกไปขัดขวางแต่แรก และทนรอจนกระทั่งพาทิศรู้สึกตัวว่ามีคนแอบมองนั่นล่ะ
   ส่วนสามสาว หลังจากที่ไปบอกให้พาทิศเล่าเรื่องราวในอดีตให้ตุลาฟัง พวกหล่อนก็ตัดสินใจแอบมองอยู่ห่าง ๆ แต่ว่าหลังจากที่เห็นทั้งคู่กอดกันในสวน ก็ทำให้พวกเธอเริ่มอยากรู้อยากเห็น และตามมาแอบมองอยู่นอกห้อง ซึ่งถึงแม้จะได้เห็นพฤติกรรมชวนน่าสงสัยของทั้งคู่ แต่พวกเธอก็ยังตัดสินใจแอบดูเงียบ ๆ ด้วยความลุ้นระทึก แม้กระทั่งตอนที่พาทิศจับตุลากดลงไปบนเตียงก็ตาม พวกเธอก็ไม่คิดจะออกไปขัดขวาง แถมยังรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาดอีกด้วย
   “อาครับ...คือผม”
   ตุลาตอบกึกกักด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แล้วจึงหันมองคนโน้นคนนี้ที่มองมาที่เขาเป็นตาเดียว ก่อนจะชะงัก
เมื่อพาทิศจับบ่าของเขาบีบเบา ๆ
   “ตอบไปตามความรู้สึกของตุลเถอะ...ฉันเองก็อยากรู้ และถึงจะปฏิเสธกัน ฉันก็ไม่โกรธหรอกนะ”
   พาทิศพูดดักเอาไว้ ทำให้คนที่คิดจะแก้ตัวสะดุ้ง แล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ หวนคิดถึงความรู้สึกของตนที่ผ่านมา ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผู้เป็นอา
   “ผมชอบเขาครับ”
   ตุลาตอบออกไปตามตรง ทำให้แม้แต่พาทิศเองยังแอบนิ่งอึ้ง ก่อนแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนตามมา
   ทางด้านกริชเองพอได้ฟังก็เงียบไปชั่วครู่ เขาสบตาหลานชายก็เห็นแต่ความจริงใจในแววตาคู่นั้น วิญญาณหนุ่มทำท่าถอนหายใจ แล้วจึงหันไปทางอธิปก็เห็นเพื่อนสนิทกำลังกลั้นหัวเราะ กริชสบถอุบอิบด่าเพื่อนเบา ๆ แล้วจึงหันไปทางพาทิศที่มองเขาตอบเช่นกัน
   “ถ้านายจริงจัง ฉันก็จะไม่ขัดขวาง ...แต่ถ้าคิดกับตุลแค่เล่น ๆ ฉันก็ขอร้องว่าอย่าให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
กับหลานชายฉันอีก”
   พาทิศเงียบกริบ ไม่คิดว่ากริชจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้  เขามองไปยังตุลาที่สบตาเขาด้วยความเป็นกังวล  พาทิศหลับตาลงช้า ๆ หวนคิดถึงกำแพงบาง ๆ ที่ตนเคยสร้างกั้นระหว่างอีกฝ่าย ที่แม้จะถูกใจเพียงไหน แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าการสัมผัสเล็กน้อย ...เพราะเขากลัวว่า หากรักเข้าไปเต็มหัวใจจริง ๆ แล้ว  อีกฝ่ายอาจจะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้าย เหมือนกับอดีตคนรักของเขาก็เป็นได้  ทว่าด้วยคำพูดของตุลาเมื่อก่อนหน้า ก็ช่วยปัดเป่าถึงความกังวลนั้นให้เขาจนหมดสิ้น
   “ผมชอบตุลครับ...ก่อนหน้านั้นยอมรับว่าแค่ถูกใจ จึงอยากแกล้งดู ...แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั่นมันมากขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะครับ”
   กริชเงียบไปพักใหญ่ แล้วจึงมีสีหน้าเหมือนปลงตก เขาลูบศีรษะผู้เป็นหลานชายเบา ๆ แล้วจึงหายตัวไป ทำให้ตุลาตกใจเป็นอย่างมาก แต่พอได้ยินที่อธิปบอกก็ทำให้เขารู้สึกโล่งอกและเบาใจขึ้นมา
   “ใจเย็น ๆ หมอนั่นก็แค่หายตัวไปทำใจในแบบของเขา ...แต่ไม่ต้องห่วงนะ หมอนั่นยอมรับในการตัดสินใจของเธอในทุกเรื่อง เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวเธอยิ่งกว่าใครไงล่ะ”
   อธิปอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง แล้วขอตัวกลับห้องบ้าง ส่วนสามสาวที่นิ่งเงียบอยู่นานก็รุมล็อกตัวผีดิบหนุ่ม แล้วยิงคำถามรัวจนพาทิศหูชา
    “อะไรกัน! ไปชอบกันตอนไหนทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย เล่ามาให้หมดเลยนะ!”
   รุ้งพรายถามเสียงสูงปรี๊ดอย่างโมโห ที่เธอนั้นตกข่าวใหญ่แบบนี้ได้ ยิ่งดูจากท่าทางของกริชและอธิปก็ทำ
ให้รู้ว่า สองคนนั้นก็รู้ตื้นลึกหนาบางมาพอสมควรยิ่งกว่าเธอเสียอีก
   “นั่นสิ! แย่จัง เพื่อนกันแท้ ๆ ทำไมไม่ปรึกษากันบ้างเลย เรารึจะได้ช่วยวางผงวางแผนดูต้นทางคุณกริช
ให้บ้าง!”
   ราตรีบ่นอุบ แต่คำบ่นของเธอทำให้ตุลาหันไปมองตาปริบ ๆ ส่วนปิ่นสุดานั้นน้ำตาคลอ แล้วบอกกับพาทิศด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
   “นั่นสิคะ ...พวกเราอุตสาห์ไว้ใจคุณแท้ ๆ ...แต่ไม่คิดว่าจะชุบมือเปิบไปแบบนี้ ...ว่าแต่คุณตุลเป็นรับ
ใช่ไหมคะ ...อย่าให้เป็นรุกนะคะ... ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ...”
   รุ้งพรายกับตุลาหันมามองเงือกสาวตาปริบ ๆ ส่วนพาทิศนิ่งอึ้งไปในทีแรก ก่อนจะหัวเราะตามมา แล้วรับปากปิ่นสุดาว่าจะไม่ยอมให้ตุลารุกเขาเด็ดขาด
   “บางทีฉันก็ไม่เข้าใจ เรื่องความชอบของปิ่นเลยนะ”
   รุ้งพรายพึมพำ ซึ่งตุลาก็พยักหน้าเห็นด้วยเต็มที่ และเมื่อตอบคำถามของสามสาวอยู่พักใหญ่ ทั้งหมดจึงเริ่มแยกย้ายกันไป เพราะได้ยินเสียงนาฬิกาตีดังเที่ยงคืน อันเป็นเวลาสมควรพักผ่อนของตุลาแล้ว
    “ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
   พาทิศชะโงกหน้าไปหอมแก้มชายหนุ่ม  ตุลาหน้าแดงนิด ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินกลับไปนอน
หวนคิดถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า พลางอมยิ้มน้อย ๆ

    อยู่เป็นโสดมายี่สิบกว่าปีในที่สุดเขาก็มีคนรักเหมือนคนอื่นบ้างแล้ว ...ถึงคนรักคนนี้จะเป็นผู้ชายแถมไม่ใช่คนก็ตาม แต่สำหรับตุลา ก็ถือว่าพาทิศเป็นคนที่เขาอยากอยู่เคียงข้างไปด้วยกันเรื่อย ๆ ตลอดไปล่ะนะ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-4 00:25 , Processed in 0.099694 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้