ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 601|ตอบกลับ: 0

ม่านราตรี = 23 - 24 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

อธิปพึมพำกับนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ของเขาแล้วจึงวางมันลงบนหัวนอนเคียงข้างกับนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าก่อนจะหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด
บทที่ 23
   ตั้งแต่ประกาศออกหน้าออกตากับทุกคนในคฤหาสน์ม่านราตรีว่าเขาคบกับตุลา พาทิศเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำอะไรกับอีกฝ่ายให้สมกับเป็นคนรักกันจริง ๆ สักที และตัวต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เขาต้องพลาดโอกาสเรื่อย ๆ ก็เห็นจะเป็นเพราะว่าอาผู้หวงหลานชายผู้นั้นคอยกันท่าด้วยความหมั่นไส้อยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง
   “คุณต้องร่วมมือกับผมแล้วล่ะคุณอธิป ช่วยดึงเพื่อนของคุณไปให้ห่าง ๆ หลานเขาหน่อย ขืนเป็นแบบนี้ผมกับตุลก็คงไม่ไปถึงไหนกันสักที!”
   พาทิศบุกเข้าห้องของหมอผีหนุ่มใหญ่เพื่อปรึกษาปัญหาหัวใจในยามดึก แต่นั่นกลับทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่งด้วยความสงสัย
   “แล้วทำไมถึงต้องเป็นผมล่ะ ถึงผมจะเป็นเพื่อนของนายกริช แต่ก็ใช่ว่าจะสั่งหรือบังคับเขาได้นา”
   พาทิศจ้องอีกฝ่ายนิ่งอย่างพิจารณาด้วยสายตาที่ทำให้อธิปไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะมันเหมือนจะอ่านลึกเข้าไปได้ถึงความในใจเลยทีเดียว
   “นอกจากตุลแล้ว คนที่มีอิทธิพลกับคุณกริชก็มีแค่คุณอีกคนเท่านั้นล่ะ”
   อธิปเลิกคิ้วนิด ๆ ขณะที่กำลังคิดจะหาทางโต้ตอบกลับไป เขาก็ต้องชะงักแล้วนิ่งอึ้ง ตัวแข็งทื่อ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยตามมาอีกด้วยสีหน้าจริงจัง
   “ถามจริงเหอะนะ คุณอธิป คุณคิดว่าคุณกริชเป็นไง ชอบเขาบ้างไหม ...ผมหมายถึงชอบแบบพิเศษที่เกินเพื่อน ขึ้นไปน่ะ”
   “เฮ้ย! ไม่มีทาง ผมไม่ใช่เกย์นะ!”
   อธิปรีบโวยวายตอบทันทีที่ตั้งสติได้ พาทิศหรี่ตาลงเพื่อจับผิดอีกฝ่าย ก่อนจะทำท่าคล้ายถอนหายใจ แล้วจึงยักไหล่นิด ๆ
   “งั้นผมคงต้องให้คนอื่นช่วย ...อืม วิญญาณที่ชอบผู้ชายด้วยกันแถวนี้ก็มีอยู่บ้าง แต่หมอนั่นค่อนข้างมีรสนิยมซาดิสต์รุนแรงกับคนที่ชอบ ขนาดพวกรุ้งยังแหยงไม่กล้าเข้าใกล้ ผมเลยไม่อยากติดต่อด้วยเท่าไหร่ ...แต่เมื่อเป็นแบบนี้มันก็จำเป็นล่ะนะ”
   พาทิศบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ก็เน้นเสียงดังให้อีกฝ่ายได้ยิน อธิปเกาศีรษะแกรก ๆ แล้วโพล่งกลับอย่างหัวเสีย
   “แล้วทำไมคุณต้องพยายามยัดเยียดนายกริชให้คนโน้นคนนี้ด้วยล่ะ แค่พูดกับเขาดี ๆ ก็ได้ไม่ใช่หรือ แล้วอีกอย่างทำไมอีกฝ่ายต้องเป็นผู้ชายด้วยเล่า!”
   พาทิศแอบชำเลืองมองอธิป พลางซ่อนยิ้มในสีหน้า ก่อนจะอธิบายตอบยืดยาวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
   “นั่นมันก็เพราะตุลเขาสงสารอา บอกว่าถ้าคุณกริชยังคิดจะอยู่บนโลกนี้ เขาก็อยากให้อามีความสุข มีคนรักเหมือนเขา อาจะได้ไม่เหงา และผมเองก็เห็นดีด้วยในข้อนั้น เพราะถ้าคุณกริชมีคนรัก เขาก็จะเข้าใจเองได้ว่า
คนที่รักกันก็อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง และที่พยายามให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ก็เพื่อเขาจะได้เข้าใจในความรักของผมกับตุลมากขึ้น  อีกอย่างผมเห็นว่าคุณสนิทกับเขามาก และคุณกริชก็แคร์คุณมาก ผมก็เลยคิดจะจับคู่ให้พวกคุณ ...แต่ถ้าคุณยืนยันว่าคุณไม่คิดชอบผู้ชาย ผมก็จะช่วยหาคู่คนอื่นให้เขาแทนยังไงล่ะ”
   อธิปนิ่งอึ้งรับฟัง แล้วก็ต้องรีบเรียกรั้งผีดิบหนุ่มเอาไว้อย่างลืมตัว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมจะเดินออกไปจากห้องของเขา
   “เฮ้! ดะ เดี๋ยวก่อนสิ!”
   พาทิศชะงักฝีเท้าพลางหันมาแสร้งตีสีหน้าเงียบขรึม แล้วย้อนถามกลับไปสั้น ๆ
   “อะไรหรือครับ?”
   “เอ่อ...คุณคงไม่พาวิญญาณที่ว่านั่นมาแนะนำกับนายกริชเร็ว ๆ นี้หรอกใช่ไหม?”
   อธิปถามอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ ทำให้พาทิศนึกขำจนเกือบหลุดเก๊ก แต่ผีดิบหนุ่มก็ยังคงมาดนิ่ง
แล้วตอบกลับไป
   “ก็ตั้งใจว่าจะอีกวันสองวันนั่นล่ะครับ ...บอกตามตรง ผมก็ไม่ค่อยชอบหน้าหมอนั่นเท่าไหร่ แต่บางทีถ้าหมอนั่นเกิดตกหลุมรักคุณกริชจริง ๆ เขาก็อาจจะเปลี่ยนไปก็เป็นได้ และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะเป็นผลดีกับทั้ง
คุณกริช ผมแล้วก็ตุลด้วย”
   “สองสามวันหรือ...”
   อธิปพึมพำแล้วจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย
   “ขอเวลาผมสักหน่อยได้ไหม.... บางทีผมอาจจะเกลี้ยกล่อมให้นายกริชเข้าใจเรื่องของพวกคุณก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากหาวิญญาณอะไรนั่นมาเป็นคู่ให้เขาน่ะ”
   พาทิศอยากจะหลุดหัวเราะออกมาเต็มทน เขาเบือนหน้าไปอีกทางแล้วควบคุมไม่ให้น้ำเสียงผิดปกติอย่างเต็มที่
   “...ถ้าอย่างนั้นคนที่จะมีความสุขก็มีแค่เพียงพวกผม  แต่คุณกริชก็ยังคงต้องเหงาอยู่ดี ...น่าสงสารออกนะครับ ทั้งที่เป็นคนดีขนาดนั้นแท้ ๆ”
   อธิปชะงัก เงียบกริบ คำพูดของอีกฝ่ายจี้ใจดำของเขาเต็มที่ เขารู้ดีกว่าใครว่ากริชเป็นคนดี จริงใจกับมิตร
ที่คบหา และให้ความสำคัญกับคนสำคัญของตน จนแม้กระทั่งชีวิตก็ยอมสละให้ได้ แต่เพราะความดื้อดึงและยึดติดจนเกินไปของเจ้าตัว ผลตอบแทนที่ได้รับก็คือต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แบบนี้เรื่อยไป
   “ถ้าคุณเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนคนสำคัญ คุณก็ควรมีส่วนช่วยเหลือให้เขาพบกับความสุขในชีวิตไม่ใช่หรือครับ... ถึงแม้ว่ามันจะเป็นชีวิตหลังความตายก็ตาม”
   พาทิศพยายามเกลี้ยกล่อม ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าอธิปนั้นเริ่มที่จะลังเลขึ้นมาอีกครั้ง ผีดิบหนุ่มจึงซ่อนยิ้มไว้ใน
สีหน้าก่อนจะเปรยต่อแผ่วเบา
   “แต่ถ้าคุณไม่สามารถคิดกับเขาได้มากกว่าเพื่อน คุณก็ลองปล่อยให้เขาไปเจอคนอื่นดูเถอะครับ ...บางที คนที่ใช่สำหรับคุณกริช อาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ก็เป็นได้”
   พาทิศเอ่ยทิ้งท้ายพลางขอตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้อีกฝ่ายเฝ้ากลัดกลุ้มกับทางเลือกที่ผีดิบหนุ่มเสนอตามลำพัง
   อีกด้านหนึ่งตุลาที่นั่งอยู่ในห้องกับกริช ก็กำลังชวนวิญญาณหนุ่มพูดคุยไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เจ้าตัวหายเขินอาย
ที่เผลอหลุดความในใจออกมาต่อหน้าหลานและคู่รักของหลานให้ได้ล่วงรู้ แต่ดูเหมือนว่ากริชจะยังคงกังวลและรู้สึกแย่จนเผลอแสดงออกมาอยู่เรื่อย ๆ
   “เฮ้อ...แย่ชะมัด ทำไมถึงหลุดปากออกไปได้นะ”
   กริชพึมพำบ่นกับตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตุลาก็จำได้ว่าพอเผลอ ๆ ก็มักจะได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ จนเขานึกสงสาร
   “ไม่เป็นไรหรอกครับอา ...พวกผมไม่บอกใครแน่ อย่าคิดมากเลยครับ”
   กริชเงยหน้ามองหลายชายแล้วฝืนยิ้มน้อย ๆ ส่งให้
   “ตุลคงดูถูกอาสินะ ... ทั้งที่อาคอยแกล้งคอยขวางเรื่องหลานกับหมอนั่น แต่ตัวอาดันมารักชอบผู้ชายเสียเองแบบนี้”
   “ไม่มีทางครับ!”
   ตุลารีบโพล่งตอบ แล้วตรงเข้ากอดร่างโปร่งใสไว้หลวม ๆ
   “ผมรักและเคารพอามากนะครับ ไม่ว่าอาจะเป็นยังไง จะรักจะชอบใคร ผมก็เคารพในการตัดสินใจของอาเสมอครับ”
   กริชซบหน้ากับบ่าของหลานชายแล้วจึงพึมพำเบา ๆ ด้วยความตื้นตันใจ
   “ขอบคุณนะตุล ...หลานโตขึ้นมากเลยนะ... บางทีอาอาจจะไม่จำเป็นสำหรับหลานต่อไปแล้วก็ได้”
   ท้ายประโยคเจ้าตัวหวนคิดถึงสิ่งที่ตัวเองอาจจะต้องเผชิญเข้าสักวัน แล้วก็พลันมีสีหน้าเศร้าลง  
   “อากริชครับ...ไม่เอานะครับ อย่าพูดแบบนี้ ... ถ้าอาจะไปเพราะหมดห่วงทุกอย่างแล้ว ผมก็จะไม่รั้งไว้ …แต่นี่อาจะไปเพราะอารมณ์เหงา อารมณ์น้อยใจ ...ยังไงผมก็ไม่ยอมนะครับ”
   ตุลาบอกพร้อมกับเผชิญหน้าสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง กริชยิ้มน้อย ๆ แล้วมือโปร่งใสจึงลูบศีรษะของอีกฝ่ายเบา ๆ
   “หลานโตขึ้นมากจริง ๆ นั่นล่ะ ...ขอบใจที่เตือนสติอานะ”
   ตุลายิ้มเขิน ๆ ที่ได้รับคำชม และเมื่อต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบกันอีก ก็ทำให้เขาหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นภายในห้องนี้ก่อนหน้านั้น...
     เมื่อราว ๆ เกือบชั่วโมงที่ผ่านมา เขาและพาทิศกำลังใช้เวลาตามประสาคู่รักหยอกล้อกัน และดูเหมือนจะเลยเถิดเมื่อพาทิศเริ่มจะมีอารมณ์ที่จะทำบางอย่างขึ้นมายิ่งกว่าการหยอกล้อ แต่จู่ ๆ กริชก็ปรากฏร่างเพื่อมาหาเขา ซึ่งวิญญาณหนุ่มก็โวยวายทันที ที่เห็นพาทิศกำลังจับหลานชายของตนเปลื้องผ้าให้เห็นต่อหน้าต่อตาแบบนั้น
เขาพอจะจำได้ลาง ๆ ว่าพาทิศก็เริ่มหัวเสียเหมือนกันที่ถูกขัดจังหวะ ทั้งคู่โต้เถียงกันไปมา แล้วมีประโยคหนึ่ง
ที่ผีดิบหนุ่มย้อนกลับไปว่า คนที่ยังไม่เคยมีความรักอย่างกริชคงไม่เข้าใจพวกเขา แต่กริชซึ่งกำลังหงุดหงิด
ไม่แพ้กัน ก็สวนกลับมาว่าเขาเองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว ทำไมจะไม่เข้าใจ นั่นจึงทำให้ทั้งพาทิศและเขาเองนิ่งอึ้งไป
ตาม ๆ กัน
จากนั้นพอเขาตั้งสติได้ ก็ย้อนถามอาของตนกลับทันทีว่าใคร แต่กริชซึ่งหายตกใจที่เผลอหลุดปากออกมา ก็เอาแต่หน้าแดงด้วยความเขินอาย แล้วทำเป็นเมินไม่ยอมสบตา เขาและพาทิศก็คิดคาดเดาไปต่าง ๆ นานา แล้วก็มาสะดุดพร้อม ๆ กันที่ใครคนหนึ่ง เขาจึงถามกริชออกไปตรง ๆ ว่า ใช่อธิปหรือเปล่า
    เท่านั้นล่ะ กริชก็หน้าแดงขึ้นอีก แล้วรีบปฏิเสธยกใหญ่อย่างร้อนรน จนพาทิศนึกขำ และหัวเราะเบา ๆ ออกมาคล้ายจะล้อเลียน ทำให้กริชทั้งอายทั้งโมโหจนหนีหายตัวไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาตกใจอย่างมาก พยายามเรียกหาเท่าไรกริชก็ไม่ยอมปรากฏตัว จนเขาทั้งกลัว และเสียใจว่าผู้เป็นอาจะไม่ยอมออกมาพบอีก แล้วจึงเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
พาทิศเองพอเห็นเขาร้องไห้ ก็เริ่มปลอบโยนอย่างรู้สึกผิด และสักพักกริชก็ปรากฏกายขึ้น เขาจึงรีบขอโทษอีกฝ่ายทันที แต่กริชนั้นไม่ได้โกรธอะไรเขาเลย แล้วบอกว่าที่หายไปก็แค่เพราะอายเท่านั้น จากนั้นวิญญาณหนุ่มจึงขอร้องไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร และสารภาพว่า ตนเพิ่งเริ่มมาคิดกับอธิปแบบนั้นก็ตั้งแต่ที่มาอยู่คฤหาสน์ม่านราตรีด้วยกัน และตนเองก็ไม่อยากให้อธิปรับรู้เพราะกลัวจะถูกรังเกียจ ซึ่งเขาก็รีบแย้งว่าไม่มีทางที่อธิปจะคิดแบบนั้นกับกริช เพราะทั้งคู่สนิทกันมาก
ทางด้านกริชเองพอได้ยินเขาพูด ก็มีสีหน้าซึมลง แล้วพึมพำบางอย่างให้ได้ยินว่า ทั้ง ๆ ที่คิดแค่เพื่อนมาตลอด แต่ทำไมความรู้สึกถึงเปลี่ยนไปได้ ... จากนั้นกริชก็ฝืนยิ้มให้กับพวกเขา แล้วบอกว่า ถ้าเขาและพาทิศไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ตนจะไม่มาคอยกวนทั้งคู่ให้รำคาญอีก เขาเองพอได้ยินก็รู้สึกสงสารอาไม่รู้จะปลอบยังไง แต่พาทิศนั้นบอกด้วยสีหน้าจริงจังตอบไปว่า พวกเราจะไม่พูด ทำให้กริชยิ้มออก
    แต่พอกริชจะขอตัวจากไป พาทิศก็ทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แล้วบอกว่ามีธุระต้องรีบไปจัดการ รบกวนให้กริชช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาให้หน่อย ซึ่งกริชก็ทำตามอย่างไม่คิดสงสัยอะไร แต่คงเพราะอาของเขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับการขยิบตาทิ้งท้ายก่อนจากไปของอีกฝ่ายด้วยนั่นล่ะ จะว่าไปเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพาทิศจะทำอะไร แต่เดาได้ว่าคงจะไม่น่าใช่เรื่องที่ดีแน่ ๆ
   ...ตุลาหวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา พลางถอนหายใจยาวอีกครั้งจนกริชลอบมอง ก่อนที่จะเบือนหน้าหันไปมองอีกทางที่เป็นทิศเดียวกับห้องของอธิปอยู่ วิญญาณหนุ่มมีสีหน้าซึมเศร้าเล็กน้อยเมื่อหวนคิดถึงว่า หากอธิปล่วงรู้ความในใจของเขาเข้าสักวัน อีกฝ่ายจะยังคงยิ้มให้เขา และคอยอยู่เคียงข้างเขาเหมือนเดิมอีกไหม
   ‘ขอโทษนะอธิป ...ขอโทษจริง ๆ ที่ฉันห้ามใจไม่ให้ชอบนายไม่ได้’
   วิญญาณหนุ่มคิดในใจ โดยไม่อาจได้ล่วงรู้ว่าใครบางคนที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ก็กำลังนอนไม่หลับเพราะความกลัดกลุ้มเรื่องของเพื่อนสนิทอยู่เช่นเดียวกัน
   “ทำไมนะ ...ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคู่ให้หมอนั่นสักนิด แค่พูดคุยกันดี ๆ ก็สิ้นเรื่อง... กลัวหมอนั่นเหงาหรือไง เฮอะ! ก็ไม่เห็นจะเหงาตรงไหน ว่าง ๆ ก็มาขลุก ๆ อยู่กับเรา แล้วบ่นนั่นบ่นนี่จนหูชาประจำแท้ ๆ”
   อธิปบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด เมื่อหวนคิดว่าเพื่อนของตนจะต้องไปคบกับวิญญาณอื่นแถมยังเป็นวิญญาณผู้ชายด้วยกัน มันก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่รู้เหตุผลทีเดียว
   “แล้วไอ้วิญญาณซาดิสต์ที่ว่านั่นมันเป็นวิญญาณประเภทไหนก็ไม่รู้ ...นายกริชเห็นแบบนั้น จริง ๆ ก็บอบบางอยู่ ไปเจอวิญญาณร้ายรังแกเข้า จะสู้แรงเขาไหวไหมเนี่ย!”
   หมอผีหนุ่มนึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาตงิด ๆ จนเผลอลืมไปว่า ที่เขาเห็นอีกฝ่ายอ่อนแอ คงเพราะมองในมุมมองเพื่อนเก่าสมัยมีชีวิต และในมุมมองที่ตัวเองเป็นหมอผี ซึ่งส่วนใหญ่จะมองวิญญาณอื่นอ่อนแอกว่าไปหมด
   “โธ่โว้ย! ถ้านายกริชมันเป็นหญิง ฉันก็คงไม่ลำบากใจอย่างนี้หรอก ในเมื่อหมอนั่นเป็นผู้ชายทั้งแท่ง จะทำใจได้ยังไงวะ!”
   อธิปบ่นอุบ แล้วเผลอจินตนาการถึงสีหน้าหวาน ๆ ของเพื่อน ยามยิ้ม ยามร้องไห้ ยามอ้อนขอบางอย่างจากเขา มันก็ทำให้หมอผีหนุ่มต้องกลืนน้ำลายลงคอ แล้วรีบขับไล่จินตนาการเหล่านั้นทิ้งไปเสีย เพราะดันเผลอใจเต้นขึ้นมาอย่างประหลาด
   “บ้าไปแล้วเรา ... ใช่แล้ว เพราะเจ้าผีดิบนั่นล่ะพูดกล่อมทำให้เราไขว้เขว ...เราจะมองหมอนั่นแบบนั้นได้ยังไง...ไม่มีทาง ...ใช่ ไม่มีทางแน่”
   อธิปพยายามสะกดจิตตัวเอง ทั้งที่ตอนนี้เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์แปลก ๆ บางอย่าง และใจที่ยังคงเต้นแรงเมื่อหวนคิดถึงใบหน้าเพื่อนสนิทของตน
   “ไม่เอาแล้วโว้ย! เข้านอนดีกว่า งี่เง่าชะมัด ...ถ้าหมอนั่นรู้เรื่องนี้เข้า คงโมโหเหมือนกันแน่!”
   อธิปสรุปตัดบท แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปง พยายามข่มตาหลับอย่างยากลำบาก เพราะดันมีแต่เรื่องของกริชให้เขาต้องคอยคิดเป็นระยะ ๆ นั่นเอง
   ตกดึก อธิปรู้สึกเคลิ้ม ๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น เขาปรือตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสวิญญาณบางเบา แล้วก็ต้องเห็นร่างโปร่งแสงของเพื่อนยืนอยู่ข้างเตียง
   “หือ ...นายกริช มีอะไรหรือ?”
   อธิปถามอย่างงัวเงีย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเพื่อนสนิทยิ้มน้อย ๆ ชวนมองให้ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับกายขึ้นมา
บนเตียง แล้วมาหยุดที่ท่านั่งคร่อมบนร่างของเขาอย่างน่าหวาดเสียว
   “ง่า...กริช ...อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิเพื่อน ...ไม่ตลกนา”
   อธิปบอกพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว เมื่อแทนที่อีกฝ่ายจะเลิก แต่กลับยิ้มยั่วยวนจนทำให้เขาใจเต้น
แรงแทน แถมร่างที่โปร่งใสนั่นก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น จนกลายเป็นมีเนื้อมีหนังเหมือนมนุษย์ทั่วไป
   “อธิป...รู้ไหม ...ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย”
   กริชถามเสียงกระเส่า พลางใช้มือลูบไล้ไปที่แผ่นอกกว้างของคนบนเตียง จนอีกฝ่ายแทบจะทนไม่ไหว อยากจะพลิกจับร่างบางกดราบไปกับเตียงแทนเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็ต้องท่องคำว่าอดทนอยู่ในใจ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนตั้งใจจะมาไม้ไหนกันแน่
   “นายกริช ...เอิ่ม...นายเมาหรือเปล่า ... นายดูแปลก ๆ ไปนะ”
   อธิปถามออกไป แล้วก็ได้คิดว่ามันเป็นคำถามที่ดูงี่เง่าที่สุดเท่าที่เขาจะคิดออกไปได้
   “บ้า...วิญญาณมีเมาได้ด้วยหรือ”
   กริชบอกเบา ๆ ตามมา ใบหน้านั้นเปลี่ยนเป็นยิ้มกึ่งขำ แต่ก็ทำให้ดูน่ารักน่ามองอยู่ดี ทว่าจู่ ๆ ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเศร้า ๆ แล้วโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าเขาจนแทบจะชิดกัน
   “อธิป...ฉันชอบนายนะ ชอบมานานแล้ว ...”
   “...หะ...หา...นะ...นายว่าอะไรนะ”
   อธิปได้แต่อึกอักตอบเพราะความตกใจ เขารู้สึกว่าหัวสมองว่างเปล่าไปหมดจนคิดอะไรไม่ออก มารู้สึกตัว
อีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากเย็น ๆ ของกริชประทับลงมา
   “วิญญาณอย่างฉัน คงไม่ดีพอสำหรับนายสินะ”
   ใบหน้านั้นยิ้มเศร้า ๆ หลังจากที่ถอนริมฝีปากออกมาแล้ว นั่นจึงทำให้สติของอธิปขาดผึง เขาคว้าศีรษะของอีกฝ่ายกดลงมาอีกครั้งแล้วบดเบียดจูบกับวิญญาณหนุ่มอย่างร้อนแรง ลิ้นของทั้งคู่กระหวัดเกี่ยวรัดพัวพันกัน
พักใหญ่ อธิปจึงยอมปล่อยให้ริมฝีปากของเพื่อนเป็นอิสระในที่สุด
   “อธิป...ทำให้ฉันเป็นของนายได้ไหม...”
    กริชที่ซุกหน้าซบกับอกกว้างพึมพำถามแผ่วเบา อธิปชะงักในทีแรก เขาหวนคิดถึงมิตรภาพระหว่างพวกเขา และสถานภาพที่เป็นอยู่ รวมไปถึงเรื่องเพศที่เขาพยายามจะต่อต้าน
   “นายกริช ...ถ้าทำแบบนั้นแล้ว พวกเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้วนะ”
   อธิปพึมพำด้วยความสับสน และพยายามจะปฏิเสธความรู้สึกลึก ๆ ของใจตัวเอง
   “ขอแค่ให้คืนนี้ฉันเป็นของนาย ... แล้วหลังจากนี้ ถ้านายจะรังเกียจ ...จะไม่อยากมองหน้า ...ฉันก็จะไม่ปรากฏตัวให้นายได้เห็นอีกเลย”
   ถ้อยคำอ้อนวอนของกริช ช่วยลบเลือนสติสัมปชัญญะของอธิปให้เลือนรางไปอีกครั้ง หมอผีหนุ่มกระทำตามความปรารถนาของร่างกายและหัวใจตัวเอง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ... เสียงกรีดร้องและเรือนร่างขาวโพลนชวนมองบนร่าง ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของเขาตลอดค่ำคืนยาวนานที่ผ่านมา
   “อธิป! ไม่ไหว...ฉะ ฉันจะไม่ไหวแล้ว!”
   เสียงกระเส่าร้องครางลั่น อย่างไม่คิดสนใจว่าจะมีใครได้ยิน เช่นเดียวกับอธิปเองที่ก็ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้นในยามนี้เขาต้องการแต่เพียงจะเติมเต็ม ให้ร่างบนกายเขามีความสุขที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
   “อีกนิด...นายกริช ...ทนหน่อย...พวกเราจะได้ไปพร้อม ๆ กันไง...”
   หมอผีหนุ่มกัดฟันตอบ เขาเองก็ใกล้จะถึงอีกฟากของฝั่งฝันเต็มที หนุ่มใหญ่ขยับเอวขึ้นลงกระแทกรัวแรง
จนเสียงหวีดร้องของร่างโปร่งดังขึ้นยาว แต่ทว่าก่อนที่อธิปจะปลดปล่อยออกมา ภาพเบื้องหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เลือนหาย พร้อมกับที่เขาสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่าภายในห้องนอน
   อธิปตั้งสติอยู่นานกว่าจะทำใจได้ว่าที่ผ่านมามันคือความฝันของเขา  หมอผีหนุ่มสบถเบา ๆ เมื่อก้มมองบางสิ่งที่ดุนดันผ้าห่มขึ้นมา
   “....บัดซบเอ๊ย! ทำไมไม่ยอมให้ถึงก่อนแล้วค่อยตื่นทีหลังวะ!”
    จากนั้นร่างบนเตียงก็ดึงผ้าห่มออกแล้วเหวี่ยงไปปลายเตียงด้วยความหงุดหงิด พลางเดินตรงหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการบางสิ่งที่ยังคงค้างคาอยู่ ให้เสร็จเรียบร้อยไปสักที
บทที่ 24
   มื้อเช้าอธิปนั้นไม่ได้ลงมากินอาหารพร้อมกับตุลา ทำให้กริชรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน จึงได้ตัดสินใจเข้าไปหา
ในห้อง แต่เขาก็พบว่าอธิปยังคงนอนเหม่อนิ่งเฉยอยู่บนเตียง โดยไม่มีทีท่าจะลุกไปไหน
   “อธิป...นายเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”
   กริชนั่งลงบนเตียงข้างร่างในผ้าห่ม ทำเอาคนนอนอยู่สะดุ้งโหยงเมื่อรู้ว่าใครเข้ามาในห้อง
   “นะ...นายกริช”
   อธิปหันไปมองคนบนเตียงของตนอย่างตกใจ กริชขมวดคิ้วยุ่งแล้วจึงตอบกลับไป
   “ก็ฉันน่ะสิ เป็นอะไรของนายทำหน้ายังกับเห็นผี...”
   พอพูดจบกริชก็ชะงักแล้วหวนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เป็นวิญญาณ เขาจึงกระแอมเบา ๆ แล้วปรับเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่
   “...ฉันหมายถึงทำหน้ายังกับเจอคนไม่รู้จักกันอย่างนั้นน่ะ”
   “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก ...ไม่มีอะไรจริง ๆ คือฉันนอนดึก แล้วยังง่วงมาก ๆ อยากพักมันทั้งวันเลยก็แค่นั้น”
   อธิปบอกแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหลบหน้าอีกฝ่าย ทำเอากริชขมวดคิ้วยุ่ง แล้วพยายามดึงผ้าห่มออก แต่อธิป
ก็ดึงกลับแน่นจนวิญญาณหนุ่มเริ่มที่จะโมโหขึ้นมาบ้าง
   “ตามใจ! ไอ้เราก็เป็นห่วงคิดว่าจะป่วย แต่ดูท่าว่าคงไม่ได้ป่วยอะไร แต่โรคบ้าขึ้นสมองมากกว่า!”
   กริชประชดเพราะเพื่อนดูแปลก ๆ เหมือนไม่อยากเจอหน้าเขานัก ซึ่งเขาก็จำไม่ได้เลยว่าไปทำอะไรให้เจ้าตัวต้องคอยหนีหน้าแบบนี้ ...นอกจาก
   จู่ ๆ วิญญาณหนุ่มก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เผลอหลุดปากบอกพาทิศและตุลาออกไป ใบหน้านั้นแดงระเรื่อแล้วจึงค่อยกลับมาเป็นซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยขึ้นตะกุกตะกักอย่างแผ่วเบา
   “เมื่อคืน...คงไม่มีใครมาพูดอะไรแปลก ๆ กับนาย... เรื่องฉันใช่ไหม”
   อธิปสะดุ้งเฮือก แล้วรีบตอนปฏิเสธทันที
   “ไม่มี! ใครจะเข้ามาคุยอะไรมืด ๆ ค่ำ ๆ ไม่มีทั้งนั้นล่ะ!”
   กริชขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อถูกปฏิเสธโดยไม่ยอมให้เห็นหน้าแบบนี้มันยิ่งชวนให้สงสัยมากขึ้นไปอีก แล้วเมื่อคืนพาทิศก็ออกจากห้องไปก่อน...ไม่แน่ว่า ผีดิบหนุ่มอาจจะนำเรื่องที่เขาแอบชอบอธิปไปบอกกับเจ้าตัวแล้วก็ได้ เพื่อนของเขาถึงได้มีปฏิกิริยาผิดแผกแปลกไปแบบนี้
   “เอ่อ...ไม่มีก็แล้วไป ...แต่ถ้ามีใครมาพูดไร้สาระอะไรให้นายฟังจริง ๆ ก็อย่าไปเชื่อมากมายนักล่ะ...หมอนั่นก็แค่อยากแกล้งฉันน่ะ...มันไม่ใช่เรื่องจริงจัง ที่นายต้องเก็บมาคิดมากหรอก...”
   อธิปชะงักกึก พอเขาได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด ก็ดันเข้าใจผิดไปว่ากริชนั้นรู้เรื่องที่พาทิศคิดจะจับคู่ตัวเองกับวิญญาณเพศเดียวกันแถวนี้เข้าให้แล้ว หมอผีหนุ่มจึงค่อย ๆ โผล่หน้ามาจากผ้าห่ม แล้วย้อนถามกลับไป
   “นายไม่จริงจังจริง ๆ นะ?”
   กริชรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกขึ้นมาวูบหนึ่งแต่ก็ยังคงฝืนแสร้งยิ้ม แล้วยักไหล่นิด ๆ ทำทีเป็นไม่ใส่ใจใด ๆ ทั้งสิ้น
   “ก็ใช่น่ะสิ คนอย่างฉันนี่นะจะมาคิดจริงจังเรื่องแบบนั้น”
   ทันทีที่กริชพูดจบอธิปก็หลุดถอนหายใจยาวขึ้นมาอย่างโล่งอก แล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มร่าเริงผิดกับก่อนหน้าลิบลับ
   “โชคดีไป... ดีแล้วล่ะนะ ที่ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรนั่น ...เฮ้อ ค่อยยังชั่ว!”
   กริชแสร้งยิ้มรับ ทั้งที่อยากร้องไห้เต็มกลืน เมื่อเห็นว่าอธิปนั้นโล่งอกเพียงใด ที่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับเจ้าตัวเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น
   “นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว...ฉันขอตัวก่อนนะอธิป”
   พอพูดจบกริชก็หายตัววับไปทันที ทำให้คนที่เอาแต่เผลอโล่งอกที่เพื่อนจะได้ไม่ต้องไปคบกับวิญญาณอื่น หันมองตามอย่างสงสัย แต่สักพักก็พยายามสลัดเรื่องเหล่านั้นออกจากสมอง แล้วตรงเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย เพื่อเตรียมลงไปทานข้าวเช้าที่เกือบจะได้กลายเป็นมื้อกลางวันต่อไป
   ทางด้านกริชนั้น พอหายตัวออกจากห้องของอธิปแล้ว เขาก็บุกไปหาพาทิศถึงห้องใต้ดิน ทำเอาผีดิบหนุ่มซึ่งกำลังนั่งเขียนบันทึกเพลิน ๆ บนโต๊ะทำงาน ถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ ๆ กริชก็โผล่มาแล้วโวยวายใส่เขาลั่น
   “คนโกหก! นายไปบอกหมอนั่นเรื่องฉันสินะ!”
   พาทิศรู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอจะเอ่ยปากถาม กริชก็โพล่งตามขึ้นมาอีกระลอก
   “นายคงสนุกมากล่ะสิ ที่ได้แก้แค้นฉัน ... คงสะใจมากสินะ ที่ได้เห็นฉันในสภาพแบบนี้!”
   “คุณกริชใจเย็น ๆ ครับ นี่คุณพูดเรื่องอะไรกันแน่”
   พาทิศพยายามห้ามปรามให้อีกฝ่ายใจเย็นลง เพราะตอนนี้เขางงกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว กริชเห็นดังนั้นจึงพยามควบคุมสติอารมณ์ของตน พลางบอกออกไปโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย
   “หมอนั่นรู้เรื่องที่ฉันชอบเขาแล้ว...และก็ลำบากใจมากด้วยที่จะสู้หน้าฉัน  ...จนฉันต้องบอกออกไปว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรทั้งนั้น”
   “เดี๋ยวครับ! คุณอธิปจะรู้ได้ยังไง ในเมื่อผมไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกไปสักคำ!”
   พาทิศรีบแย้งทันทีด้วยความตกใจ ทำให้กริชชะงัก แล้วหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
   “หมายความว่าไง? นายไม่ได้บอกเรื่องของฉัน ...แล้วทำไมเขาถึงพูดเหมือนรู้เรื่องดีทั้งหมด และก็โล่งใจมากด้วยที่ฉันบอกว่าตัวเองไม่ได้จริงจังน่ะ”
   “จริง ๆ ครับ ผมสาบานได้ ผมแค่ไปกระตุ้นคุณอธิปให้รู้สึกว่าคุณสำคัญกับเขามากเพียงไหนก็แค่นั้น รับรองไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านั้นเลยครับ”
   กริชมีสีหน้างุนงงกับคำตอบที่ได้รับ พาทิศจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้วิญญาณหนุ่มฟัง ซึ่งพอได้ฟังกริชก็ลองรวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อกัน ก่อนจะหน้าแดงก่ำตามมาอย่างห้ามไม่อยู่
   “ผมว่าคุณอธิปเขาคงโล่งใจ ที่คุณไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับคนอื่น... และถ้าให้ผมคาดเดา นั่นก็เพราะว่าเขาอาจจะคิดกับคุณเกินเพื่อนไปมากแล้วแต่ยังไม่รู้สึกตัวเองมากกว่า”
   “บะ...บ้าน่า...หมอนั่นน่ะหรือ ...จะคิดกับฉันแบบนั้น”
   “หึ ๆ คุณเองก็ยังชอบเขาได้ไม่ใช่หรือครับ ความรักความชอบมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรรองรับ
นักหรอกครับ”
   พาทิศบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ส่วนคนฟังนั้นหวนคิดตามพลางหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความยินดี
   “อย่างนั้นหรือ...อธิปเองก็อาจจะคิดกับฉันแบบนั้นเหมือนกันสินะ”
   พอบอกไปแบบนั้นสักพักเจ้าตัวก็ชะงักและนึกขึ้นได้ เขาแสร้งเมินไปทางอื่น ก่อนจะกระแอมขึ้นมาเบา ๆ
   “เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกัน ที่เข้าใจนายผิด”
   “ไม่เป็นไรครับ ...แต่คุณไม่คิดจะทำให้เรื่องของพวกคุณก้าวหน้าไปมากกว่านี้ด้วยตัวเองหรือครับ”
   พาทิศเริ่มยุ แต่ทำให้คนฟังสะดุ้ง หน้าแดงวาบ ทว่าสักพักก็กลับกลายเป็นซึมเศร้าตามมา
   “อย่าดีกว่า ให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะ....ใจตรงกันแล้วยังไงล่ะ  ถึงยังไงฉันกับเขาก็ต้องจากกันอยู่ดี”
   “แต่นั่นมันก็อีกนานไม่ใช่หรือครับ ...ไม่สิ ถึงจะยาวหรือสั้น  แค่ได้อยู่เคียงข้าง แม้เพียงเสี้ยววินาที แต่สำหรับคนที่รักกัน แค่นั้นมันก็น่ายินดีแล้วไม่ใช่หรือครับ”
   พาทิศเอ่ยเตือนสติ ทำให้คนฟังเงียบไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อย ๆ ให้
   “นั่นสินะ...”
   “ถ้ายังไงให้ผมช่วยวางแผน...”
   พาทิศเอ่ยค้างแค่นั้นเพราะเห็นกริชสั่นศีรษะเบา ๆ ไปมา
   “ขอบใจ ...แต่ฉันจะเป็นคนบอกเขาเอง”
    พาทิศนิ่งเงียบ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ส่งให้อีกฝ่าย
   “ผมขอเป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ”
   “ขอบคุณ ...นายกับตุลก็เหมือนกัน ...ต่อไปนี้ฉันจะพยายามไม่เข้าไปขัดขวางให้มากนัก...ถ้าไม่จำเป็น”
   กริชเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมยกยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้คนฟังสั่นศีรษะคลอนไปมาอย่างเหนื่อยใจ
   “ขอบคุณครับ ...ฟังแล้วรู้สึกดีเป็นบ้าเลย”
   “หึ ๆ ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันมันพวกขี้อิจฉา ขี้เหงานี่ ...เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนอื่นเขามีความสุขต่อหน้าต่อตา
ได้ล่ะ”
   กริชบอกแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะขอตัวไปตามหาอธิป เพื่อที่จะสารภาพความในใจของตนออกไป แม้ว่าผลที่ได้รับกลับมา เขาอาจจะถูกปฏิเสธจากอีกฝ่ายก็ตาม
   ระหว่างที่กริชหายตัวไปพบกับพาทิศ ทางด้านตุลาเองก็กำลังพูดคุยกับอธิปอย่างเคร่งเครียดเช่นกัน สาเหตุก็เพราะชายหนุ่มดันไปเผลอแอบฟังอาของเขากับอธิปคุยกันเข้า ตอนที่เขากำลังจะเดินออกมาจากห้องเพื่อไปหาน้ำเย็นดื่มด้านล่าง
   “คุณอธิปใจร้าย...ทำไมถึงโหดร้ายกับอากริชขนาดนี้ล่ะครับ!”
   ตุลาที่ยืนดักรอจนกระทั่งอธิปออกมาจากห้องโพล่งใส่หน้าอีกฝ่าย ทำเอาคนที่กำลังจะลงไปหาอะไรกิน
ชะงักกึก พลางขมวดคิ้วยุ่งตามมาอย่างสงสัย  
   “หมายความว่าไง?”
   ตุลาสะดุ้งเฮือก เพราะดันเผลอลืมตัวตำหนิชายหนุ่ม โดยลืมไปว่าเขาได้ให้คำสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องที่กริชชอบอีกฝ่ายออกไป
   “ว่าไงเจ้าหนู ฉันไปทำอะไรโหดร้ายกับอาของเธอตอนไหน หือ?”
   อธิปย้ำถามเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของอีกฝ่าย ตุลากำมือแน่นแล้วจึงตัดสินใจตอบออกไปตามตรง เพราะเข้าใจว่าไหน ๆ อธิปก็รู้ความในใจของอาตนไปแล้วเรียบร้อย
   “ก็ทั้ง ๆ ที่อาของผมชอบคุณขนาดนั้น แต่คุณกลับบีบให้เขาต้องยอมแกล้งโกหกว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณ...แถมคุณก็ยังทำเสียงโล่งอกและดีใจเสียเต็มประดาแบบนั้น ...แล้วจะไม่ให้ผมว่าคุณโหดร้ายได้ยังไงกันครับ!”
    อธิปนิ่งอึ้งรับฟัง ก่อนจะยกมือห้ามให้ตุลาที่กำลังจะโวยต่อหยุดพูด แล้วย้อนถามกลับไปใหม่
   “เดี๋ยวก่อนนะเจ้าหนู ...ใครชอบใครกันนะ พูดใหม่อีกทีซิ?”
   คราวนี้ตุลากลับมาเป็นฝ่ายงงบ้าง ทีแรกที่แอบฟังเขาเองก็เข้าใจเหมือนกริชว่า อธิปนั้นรู้ความในใจ
ของวิญญาณหนุ่มแล้ว แต่พอเห็นสีหน้ามึนงงของอีกฝ่าย ก็ทำเอาเขาแปลกใจไม่แพ้กัน
   “ก็เรื่องที่อากริชแอบชอบคุณไงล่ะครับ ... เรื่องนี้ไม่ใช่หรือครับที่คุณดีใจที่มันกลายเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรนั่น”
   อธิปกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบ ๆ มิน่าล่ะ ถึงกริชจะยิ้มแย้ม แต่เขาก็เห็นว่าเพื่อนดู
แปลก ๆ ไป  ตอนนั้นเขาก็มัวแต่ดีใจที่กริชไม่คิดสนใจเรื่องผูกสัมพันธ์กับวิญญาณหนุ่ม ๆ ตนอื่น จนไม่ได้คิดสักนิดเลยว่า พวกเขาทั้งคู่จะเข้าใจกันผิดไปคนละเรื่องแบบนี้
   “เวรแล้ว ...ฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ...ก็เจ้าผีดิบนั่นเล่นมาบอกว่าจะจับคู่ให้นายกริชกับวิญญาณแถวนี้ ฉันเองก็ห่วงว่าเขาจะตกลง ...แต่พอเขาบอกว่าไม่ได้คิดจริงจัง เป็นแค่เรื่องไร้สาระ ฉันก็ดีใจที่เขาไม่ได้คิด
แบบนั้น ...ให้ตายเถอะ ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าหมอนั่นจะคิดกับฉันแบบ... โธ่โว้ย!”
   อธิปเสยผมอย่างหงุดหงิด แล้วจึงเดินดุ่ม ๆ ลงไปยังชั้นล่างผ่านตุลาที่ยืนนิ่งอึ้ง เพราะคาดไม่ถึงว่าเรื่องราว
มันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
   “กริช! นายอยู่ไหน! ออกมาพบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
   เสียงอธิปโหวกเหวกโวยวาย เสียจนรุ้งพรายที่กำลังนอนกลางวันต้องสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ ราตรี และปิ่นสุดาเองก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนอธิปจะไม่สนใจผู้ร่วมคฤหาสน์คนอื่นนัก เพราะเป้าหมายตอนนี้ของเขามีเพียงเพื่อนสนิทคนเดียวเท่านั้น
   ‘อะไรของหมอนั่น...เอะอะโวยวายทำไมของเขา ...แล้วนั่นก็กำลังโกรธอยู่นี่นะ ...โกรธมากด้วยสิ’
   สำหรับคนที่คุ้นเคยกันมานานตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่ มองปราดเดียวก็พอเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายออก กริชขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็ยังคงล่องหนอยู่ไม่ยอมปรากฏกายออกมาให้เห็นอยู่ดี อารมณ์ที่คิดจะมาสารภาพรักกับหมอผีหนุ่มหายวับไปในพริบตา
   “นายกริช! ฉันรู้นะว่านายยังอยู่ในบ้านน่ะ! จะออกมาดี ๆ หรือให้ฉันบังคับให้ออกมากัน หา!”
   กริชเงียบกริบ ทว่าวิญญาณหนุ่มก็ยังไม่ยอมปรากฏกายและรอดูท่าทีว่าอธิปจะทำอะไรต่อไป แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อหมอผีหนุ่มดึงเส้นผมออกมาสองสามเส้น ปลุกเสกอะไรบางอย่าง แล้วเส้นผมนั่นก็ลอยขึ้นกลายเป็นเชือกตรงเข้ามามัดร่างเขา โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
   “อธิป! ไอ้หมอผีบ้า! ปล่อยฉันนะ! นี่นายจะจับฉันมัดไว้ทำไมกัน!”
   กริชที่ถูกบังคับให้ปรากฏร่างโวยวายลั่น ทางด้านตุลาที่ตามอธิปลงมาพอเห็นแบบนั้นก็เตรียมจะเข้าไปห้าม แต่เขาก็ถูกพาทิศที่มายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบล็อกตัวเอาไว้ก่อน  ผีดิบหนุ่มยิ้มน้อย ๆ พลางเอานิ้วแตะปาก เป็นสัญญาณว่าไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
   “ก็อยากเรียกแล้วไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นเองนี่!”   
   อธิปกระชากเสียงกลับ ทำเอาคนฟังสะดุ้งด้วยความกลัว เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนโกรธแบบนี้มาก่อน
   “นายโกรธฉันหรือ...ฉันไปทำอะไรให้นายกัน...บอกฉันได้ไหมอธิป”
   กริชเปลี่ยนมาใช้ไม้นวมในการเจรจาแทน แต่นั่นกลับทำให้คนฟังกัดริมฝีปากนิด ๆ แล้วเอ่ยตามมาในที่สุด
   “หลานนายบอกฉันแล้ว ...เรื่องที่นายชอบฉัน”
   กริชชะงักกึก หน้าแดงวาบ ทว่าเพียงครู่เดียวเขาก็หน้าซีดลง เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมอธิปถึงได้โมโหมากแบบนี้
   “นายโกรธฉันที่ฉันชอบนายหรือ...ขอโทษนะอธิป...ฉันไม่คิดว่านายจะรังเกียจถึงขนาดนี้”
   กริชพึมพำด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น ทำเอาตุลาที่แอบมองอยู่แทบอยากจะไปต่อยหน้าอธิปเสียเดี๋ยวนั้น
เพราะสงสารอาของเขาเสียเหลือเกิน แต่พาทิศเหมือนจะรู้ ผีดิบหนุ่มกระซิบเบา ๆ ว่าให้รอดูต่อไปก่อน นั่นจึงทำให้ตุลาหยุดการกระทำของตัวเองเอาไว้ได้   
   “โธ่โว้ย! ใครว่าเล่า!”
   อธิปตะโกนตอบกลับ แล้วจึงดึงร่างที่ถูกพันธนาการมากอดแนบอกจนกริชตกใจ
   “ที่ฉันโกรธ ฉันโมโหอยู่เนี่ย ฉันโกรธตัวเองต่างหาก ที่มันดันโง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย จนทำให้นายต้องเจ็บ ต้องเสียใจแบบนี้!”
   “อธิป...”
   กริชเรียกชื่อเพื่อนเสียงแผ่ว เขาสัมผัสได้ถึงแรงกอดที่แน่นขึ้นมากอีก พร้อมกับคำสารภาพตามมา
   “ขอโทษนะกริช...ที่ทำให้นายเข้าใจผิดแบบนั้น ...เรื่องบนห้องนั่นเพราะฉันคิดว่านายจะไปคบหากับใครหน้าไหนนอกจากฉัน ฉันเลยรู้สึกคิดมากและหวงนาย ...แต่พอนายบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระไม่จริงจัง ฉันก็เลยดีใจ ...ฉันไม่รู้ว่านายจะหมายถึงเรื่องที่นายชอบฉัน....ฉันขอโทษจริง ๆ”
   กริชนิ่งเงียบรับฟังก็จริง แต่เขากลับรู้สึกว่าหัวใจที่เคยแห้งเหี่ยวกำลังพองโตขึ้น เขาซบหน้ากับอกกว้าง
ของเพื่อน แล้วพึมพำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
   “อธิป...แล้วนายคิดยังไงกับฉันหรือ...บอกได้ไหม”
   อธิปชะงัก เขานิ่งเงียบไปจนกริชนึกกลัว แต่สักครู่หมอผีหนุ่มก็ตอบกลับมาอย่างอึกอัก ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
   “นายรู้ไหม...ว่าทำไมเมื่อตอนที่นายมาปลุกฉัน...ฉันถึงพยายามจะหนีหน้านายน่ะ”
   กริชเงยหน้ามองคนพูดอย่างแปลกใจ ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ
   “คือ...เมื่อคืนนี้ฉันฝัน ...ฝันว่านายเอ่อ ...มาบอกว่าชอบฉัน ....แล้วก็ขอมีอะไรด้วยน่ะ... พอตื่นขึ้นมา ฉันเลยไม่กล้ามองหน้านาย ...แบบว่า ... ฉันกลัวลืมตัว จับนายกดเหมือนในฝันน่ะสิ”
   กริชอึ้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง ใบหน้าขาวค่อย ๆ มีสีเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเขินอาย ก่อนจะโวยวายดังลั่น พลางดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากอ้อมกอด และเชือกอาคมของอีกฝ่าย
   “ไอ้หมอผีบ้า! ลามก! ฝันว่าฉันนี่นะไปขอให้นายทำแบบนั้น ...ไอ้บ้า! นี่นายคิดว่าฉันมันใจง่าย อยากได้ตัวนายขนาดนั้นเลยหรือไง!  ไอ้งี่เง่า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! โธ่โว้ย!”
   “เฮ้! กริช ใจเย็น ๆ ฉันไม่ได้ว่านายนะ ...มันเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกของฉันเองต่างหาก ...เพราะฉันมันโง่
ไม่รู้ตัวว่าจริง ๆ แล้วฉันก็แคร์นายมาก ตอนกลางคืนหลับฝันก็เลยฝันถึงเรื่องแบบนั้น ...เรื่องที่ฉันอยากให้เป็นไงล่ะ...นายเข้าใจไหมกริช”
   ท้ายประโยคน้ำเสียงนั้นอ่อนโยนลง จนคนโวยวายชะงักกึก หยุดดิ้น แล้วมองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
   “อธิป ...แสดงว่านายเองก็...”
   หมอผีหนุ่มยิ้มตอบน้อย ๆ แล้วโอบร่างโปร่งมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
   “ฉันชอบนายนะกริช ...ชอบเกินเพื่อนไปแล้ว ...และจะไม่ยอมปล่อยนายให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมายุ่มย่ามด้วย”
   บอกจบอธิปก็เหลือบมองไปยังพาทิศด้วยสายตาดุ ๆ ทำให้ผีดิบหนุ่มหลุดหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงโค้งขอโทษอีกฝ่าย ก่อนจะดึงตัวตุลาที่กำลังมึนงงสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่มด้วยกัน เพื่อที่จะไม่ต้องอยู่เป็นก้างขวางคอของทั้งสองคนข้างล่าง
   “ฉันคิดว่านายจะรังเกียจ จะขยะแขยงฉันเสียอีก...”
   กริชพึมพำแผ่วเบา ซบหน้ากับอกกว้างของหมอผีหนุ่มพลางกอดตอบหลวม ๆ หลังจากที่อีกฝ่ายนั้นปลดเชือกอาคมบนร่างของเขาเรียบร้อย
   “ตอนแรกก็คิดหรอกว่าถ้าถูกตัวผู้ที่ไหนมาสารภาพรัก ก็คงขนลุก วิ่งหนี หรือไม่ก็มีตั๊นหน้ากันบ้าง ...แต่พออีกฝ่ายเป็นนาย มันกลับตรงกันข้ามเสียแบบนั้น”
   อธิปบอกขำ ๆ และยังคงกอดร่างโปร่งแน่น ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระสักที
   “จะว่าไปฉันสิน่าแปลกใจ ที่ถูกนายมาชอบเสียได้... นายชอบอะไรในตัวฉันหรือกริช”
   กริชหน้าแดงวาบไม่ยอมตอบคำถาม ทำให้อธิปยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากแล้วแกล้งโน้มใบหน้าลงไปจูบแก้ม
ของอีกฝ่าย เรียกเสียงกรี๊ดจากรุ้งพรายที่แอบดูดังหลุดออกมา จนกริชและอธิปสะดุ้งโหยง ปีศาจแมวสาวเองก็ไม่รู้จะทำไง จึงได้แต่ร้องออกไปเบา ๆ
   “เมี้ยว”
    “อะแฮ่ม...ถ้าไม่ลำบากนัก ขออยู่กันตามลำพังได้ไหมแม่เหมียว”
   อธิปเปรยขึ้นดัง ๆ แต่กลับได้ยินเสียงฮึดังขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงแหลมใสดังย้อนกลับมาเป็นชุด
   “ถ้าอยากอยู่กันตามลำพังก็ขึ้นห้องตัวเองไปสิยะ เล่นมาสารภาพรักหวานแหววกันกลางบ้าน ถึงไม่อยากแอบดูก็ต้องเห็นอยู่ดีนั่นล่ะย่ะ!”
   อธิปชะงักกึกก่อนจะหัวเราะดังลั่นตามมาอย่างอารมณ์ดี ส่วนกริชนั้นเขินหนักจนแทบอยากจะมุดดินหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น
   “จริงของเขานะ! ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันในห้องดีกว่านายกริช ...ฉันจะถามนายให้หมดเปลือกชนิดเปลือยใจใส่กันเลยล่ะ”
   อธิปบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่ทำให้กริชไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ แต่พอจะปฏิเสธ เขาก็ถูกอีกฝ่ายใช้อาคมสะกด แล้วแบกขึ้นบ่าไปทั้งแบบนั้น
   “ไอ้อธิป! ไอ้หมอผีงี่เง่า! ปล่อยฉันนะโว้ย! ไอ้บ้า! ไอ้หื่นกาม! ฉันไปหลงชอบนายได้ยังไงวะเนี่ย ปล่อยนะ!”
   กริชโวยวายดังลั่นไปตลอดทางจนกระทั่งทั้งเขาและอธิปหายเข้าไปในห้องของหมอผีหนุ่ม ทว่ารุ้งพรายที่ย่องตามไปกลับต้องทำเสียงบ่นฮึมฮำในลำคอเบา ๆ เมื่อดูเหมือนว่าอธิปจะสร้างเขตแดนคุ้มกันไม่ให้ใครก็ตามแอบดูหรือได้ยินเสียงในห้องของเขาได้


   “ขี้งก! ไม่ดูก็ได้ไปแอบดูห้องของตุลดีกว่า ...คงน่าดูไม่แพ้คู่นี้แน่  คิกๆ”
   ปีศาจแมวสาวเอ่ยกับตัวเองพลางโบกหางสะบัดไปมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเปลี่ยนแผนไปแอบดูห้องนอนของอีกคู่ที่ตอนนี้กำลังมีรังสีความหวานปลดปล่อยออกมาอย่างไม่คิดเกรงใจใครเช่นเดียวกัน




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-22 16:16 , Processed in 0.355898 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้