นางอัปสร หรือนางอัปสรา ที่ใกล้คนไทยที่สุดเห็นจะเป็นนางอัปสรนครวัด ในนครวัด มีภาพจำหลักนางอัปราอยู่กว่า1000องค์ แต่ละนางก็มีท่าทางและการแต่งกาย ทรงผมที่สวยงามน่าชมมาก ของไทยเราไม่มีนางอัปสรที่เด่นชัดขนาดนั้น
แต่ถ้าเป็นนางฟ้าถือพานโปรยดอกไม้วาดไว้ตามบัตรอวยพรรุ่นเก่าๆ หรือตามผนังโบสถ์ละก็ มีเยอะ
อัปสร มาจากภาษาสันสกฤต ถ้าบาลีเรียกว่าอัจฉรา เรารับมาทั้งสองคำ
ใช้ในความหมายว่านางฟ้า / ผู้กระดิกในน้ำ หมายถึงผู้ที่เกิดจากการกวนน้ำ
ต้นกำเนิดของนางอัปสร มาจากตำนานการกวนเกษียณสมุทร
ในตอนอวตารหนึ่งของพระนารายณ์มาเป็นเต่า (กูรมาวตาร ) มีตำนานเล่าว่า เทวดากับอสูรมักจะสู้รบกันอยู่เสมอ และฝ่ายเทวดามักจะพ่ายแพ้ เนื่องจากต้องคำสาปฤาษีตนหนึ่ง เหล่าเทวดา จึงไปของให้พระนารายณ์ช่วยเหลือ พระองค์ได้แนะนำให้ ทำพีธีกวนเกษียรสมุทร (กวนน้ำในมหาสมุทรให้เหลือเพียงหนึ่งถ้วย เพื่อเป็นน้ำทิพย์ เมื่อดื่มแล้วจะเป็นอมตะ ) แต่มหาสมุทรก็กว้างใหญ่มาก จึงต้องใช้เขาพระสุเมรุมาเป็นไม้กวน ใช้พระยานาคมาเป็นเชือก และปั่นดึง สองข้าง เทวดาจึงไปหลอกให้อสูรมาช่วยกวน และบอกว่าจะแบ่งน้ำทิพย์ให้ดื่ม และให้อสูรอยู่ทางหัวพระยานาค เมื่อกวนไปกวนมา แกนโลกอาจจะเกิดทะลุได้ พระนารายณ์จึงต้องอวตารลงมาเป็นเต่า เพื่อรองรับเขาพระสุเมรุ เมื่อกวนไปกวนมา พระยานาควาสุกรีเกิดความร้อนและระคายเคืองคอ จึงพ่นพิษออกมา พระศิวะกลัวว่าพิษจะไปทำลายล้างโลก จึงได้รับกลืนพิษไว้หมด ด้วยเหตุนี้พระสอของพระศิวะจึงมีสีดำ
หลังจากเทพและอสูรกวนเกษียณสมุทรเพื่อเอาน้ำทิพย์แล้ว สิ่งที่ผุดขึ้นจากการกวนมี 10 อย่าง หนึ่งในจำนวนนั้นคือกลุ่มนางอัปสร เป็นหญิงงามทั้งหมดจำนวน 35 ล้านองค์ 
แต่จะด้วยอะไรก็ตาม หญิงเหล่านี้ไม่มีเทวะองค์ไหนรับไปเป็นชายาประจำตัวเสียให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไป คงปล่อยนางไว้ลอยๆ บนสวรรค์
แต่จะว่าเป็นอิสระมีสิทธิสตรีแบบหญิงแกร่งก็ไม่ใช่ เพราะเทพมักจะใช้นางอัปสรลงไปปฏิบัติงานบนโลกเป็นประจำ หน้าที่หลักก็คือไปยั่วยวนทำลายตบะของฤาษีที่ทำท่าว่าบำเพ็ญนานแล้วจะเก่งกว่าเทวดา พอฤาษีเสียที นางก็กลับขึ้นสู่สวรรค์
แต่บางครั้งเคราะห์ร้าย ถูกฤาษีโกรธสาปเอาให้มีอันเป็นไปก็มี
ส่วนเทวดาผู้ใช้นางไปทำงานนั้นกลับรอดตัว 
นางอัปสรชื่อเมนกา เคยไปทำลายตบะของฤาษีวิศวามิตรสำเร็จ มีลูกสาวออกมาชื่อศกุนตลา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าทรงพระราชนิพนธ์เรื่องของนางไว้ชื่อ "ศกุนตลา" เป็นของขวัญแด่พระคู่หมั้น คือพระวรกัญญาปทาน ทั้งนี้ยังไปหลอกล่อ ยั่วยวนอสูร เหล่าอสูรก็หลงเลห์วิ่งไล่ปล้ำเหล่านางอัปรา ทำให้เหล่าเทพดื่มกินน้ำทิพย์จนหมดสิ้น เหล่านางอัปสรานี้ จึงได้ชื่อว่าเป็น นางบำเรอสวรรค์ และจะอยู่ในสวรรค์ชั้นล่างๆ ที่ยังมีการติดอยู่ในความสุขสำราญแบบ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อยู่
|