สารพัดสูตรกำจัดกลิ่นตัว โดยปกติแล้วทุกคนจะมีกลิ่นกายเฉพาะตัวซึ่งเป็นกลิ่นธรรมชาติ เช่นเดียวกับเด็กที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนดม ต่างจาก กลิ่นตัว(BodyOdor) ซึ่งเกิด จากการที่ต่อมของร่างกาย ขับเหงื่อและไขมันออกมาทางผิวหนัง ทำให้เกิดความชื้นส่งผลให้เกิดการเปื่อยยุ่ย และลอกออกของผิวหนัง จากนั้นแบคทีเรียและเชื้อราก็จะกินเซลล์ที่ตายแล้วและขับกรดออกมาทำให้เกิดกลิ่นเหม็น บริเวณที่มักขับเหงื่อออกมามากที่สุดคือ ที่อับชื้น ได้แก่ รักแร้ ซอกขา ซอกนิ้วเท้า ข้อพับต่างๆ และอวัยวะเพศ แต่ด้วยเป็นจุดอับเวลาเหงื่อออกจึงระเหยออกไปได้ยาก ทำให้เกิดการหมักหมมเป็นกลิ่นเหม็นกลิ่นตัวของคนจะแรงขึ้น เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้อาหารบางชนิด เช่น ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ สะตอ กระเทียม หอมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิดก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวได้เช่นกัน เช่น การใช้ยารักษาสิวทั่วไปที่มีสารเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) ผสมอยู่เป็นประจำ รวมถึงโรคประจำตัวอื่นๆทั้งท้องผูก ตับอักเสบ ไต เบาหวาน พยาธิในระบบทางเดินอาหาร และมะเร็ง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวเช่นกัน ปรับพฤติกรรมกำจัดกลิ่น | 1. | รักษา ความสะอาด อาบน้ำให้สะอาด สวมเสื้อผ้าที่สะอาด โดยเลือกเนื้อผ้าที่ใช้เส้นใยจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ระบายเหงื่อได้ดี ในกรณีที่กลิ่นยังติดอยู่บนเสื้อผ้า ซักด้วยผงซักฟอกแล้วยังไม่ออก ให้ลองแช่ผ้าในน้ำเกลืออุ่นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยใช้เกลือ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ำประมาณ 1 ลิตร | | 2. | ผ่อน คลายความเครียด บางครั้งความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกัน เพราะร่างกายจะหลั่งสารอดรีนาลีนออกมา | | 3. | ทำดี ท็อกซ์ การสะสมสารพิษในร่างกาย ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกัน ปัญหานี้ช่วยได้ด้วยการทำดีท็อกซ์ | | 4. | ไม่ควร ขัดผิวบ่อยๆ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์กับร่างกายถูกทำลาย ทำให้เกิดกลิ่นตัวง่าย ดังนั้นขัดผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ |
ลดปัญหากลิ่นตัวด้วยอาหาร | 1. | กิน อาหารหลากหลาย กินโปรตีนจำพวกธัญพืชต่างๆ ผักสดทั้งใบเขียวและใบเหลือง ผลไม้สดโดยเฉพาะแก้วมังกรวันละ 1 จานเล็ก จะช่วยได้ดี หรือน้ำคั้นสดจากผักและผลไม้ รวมทั้งกินอาหารที่มีธาตุสังกะสี หรือแมกนีเซียม เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท และอาหารทะเล | | 2. | เลี่ยง การกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กุยช่าย ขิงสด สะตอ หัวหอม กระเทียม และเครื่องเทศต่างๆ รวมถึงเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ | | 3. | เลี่ยง อาหารก่อพิษ จำพวกเนื้อสัตว์ใหญ่ ทั้งหมู เนื้อ ไก่ ไข่ ตับ รวมทั้งช็อกโกแลต ลูกเกด ถั่วลิสง เพราะจะทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ขับไขมันออกมามาก โดยเฉพาะใต้วงแขน และที่สำคัญจะก่อให้เกิดสารตกค้างในลำไส้ ทำให้เหงื่อมีกลิ่นเฉพาะตัว |
สมุนไพรระงับกลิ่น | 1. | ใบพลู นำใบพลูมาขยี้แล้วทารักแร้หลังอาบน้ำ เพราะใบพลูมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้หลายชนิด | | 2. | ใบฝรั่ง นอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากได้แล้ว ใบฝรั่งยังช่วยระงับกลิ่นตัวได้เช่นกัน โดยนำใบฝรั่งประมาณ 10 ใบ มาโขลกให้ละเอียดแล้วทารักแร้ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วอาบน้ำให้สะอาด | | 3. | มะนาว ใช้มะนาวผ่าซีกทาบริเวณรักแร้ขณะอาบน้ำ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด | | 4. | มะขาม เปียก คั้นน้ำมะขามเปียกปริมาณพอเหมาะ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้น้ำมะขามแทนสบู่ตอนอาบน้ำ มะขามเปียกจะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วไม่ให้เกิดการหมักหมม |
สารพัดสารขจัดกลิ่น | 1. | สารส้ม ใช้สารส้มถูทาที่รักแร้หลังจากอาบน้ำทุกครั้ง โดยทาขณะที่รักแร้ยังเปียกอยู่ | | 2. | สารส้ม และพิมเสน นำสารส้มสะตุผสมพิมเสนอย่างละเท่าๆ กัน บดให้ละเอียด แล้วผสมแป้งฝุ่นหรือดินสอพอง หยดน้ำลงไปนิดหน่อย ทาที่รักแร้ปล่อยให้แห้ง | | 3. | ปูนแดง ใช้ปูนแดงผสมน้ำทารักแร้หลังอาบน้ำ เพื่อใช้ความเป็นด่างของปูนแดง ช่วยปรับภาวะกรดในร่างกายที่ขับแบคทีเรียออกมาบนผิวหนัง (อย่าใช้ปูนแดงปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้กัดผิวได้) | | 4. | สารสกัด จากสะระแหน่ หยดน้ำมันที่สกัดจากสะระแหน่ 2-3 หยด ใส่ลงในอ่างอาบน้ำ เพราะสะระแหน่มีคุณสมบัติเป็นยาดับกลิ่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว |
วิตามินต้านกลิ่นกาย | • | วิตามินบี 1 ปริมาณ 50 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งไปในระยะหนึ่งก่อน เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ให้ลดลงเหลือปริมาณ 20-30 มิลลิกรัม วันละครั้ง ติดต่อกันประมาณหนึ่งปี ทั้งนี้เพื่อควบคุมอาการ | | • | วิตามิน บีคอมเพล็กซ์ 25,000 I.U. หนึ่งวันต่อสัปดาห์ | | • | วิตามิน ซี เพื่อผ่อนคลายความเครียด อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นกาย | | • | นอกจากนี้ควรกิน วิตามินบี6 แมกนีเซียม และ สังกะสีในปริมาณที่พอเหมาะร่วมด้วย |
วิธีกำจัดกลิ่นตัวอย่างง่ายในออฟฟิศ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดหยดโคโลญเล็กน้อย หรือจะใช้น้ำมันหอมกลิ่นที่ชอบก็ได้ เช็ดใต้วงแขน หรือแผ่นหลังสัก 1-2 รอบ จะรู้สึกสบายตัว เหมือนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เป็นวิธีขจัดเหงื่ออย่างได้ผลและไม่เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาอีกด้วย |