ผมรอกินไอติมพี่คนเดียวเลยนะเนี่ย”ผมแกะถุงไอติมแล้วใช้ลิ้นเลียแท่งไอติมสีเขียว จากฐานสู่ปลายไม้ “แล้วไอติมคนพ่อค้าคนอื่นไม่กินเหรอครับ”พ่อค้าไอติมผิวเข้ม ขยับหมวกแก๊ปสีฟ้าขึ้น ส่งสายตาทะเล้นท้าทาย “ไม่ หรอก ก็ผมจะรอเอาไม้ไอติมแลกไอติมใหม่จากพี่นะสิ”ผมขยับตัวเข้าใกล้ ไอร้อนจากร่างกายอ้วนล่ำขับกลิ่นความเป็นชายโชยเร้าอารมณ์ผมใจแทบขาดผมเกลียดน่าร้อน เพราะอากาศที่อบอ้าวทำให้เหงื่อออกเหนียวตัว การต้องใช้เวลาในช่วงปิดเทอมติดแหงกอยู่ในบ้านต่างจังหวัดที่ไม่มีแอร์นี่มันนรกชัดๆ ทุกปิดเทอมน่าร้อนผมจะต้องถูกส่งมาอยู่บ้านของลุงและป้าที่อำเภอเล็กๆ แห่งนี้ แม่ว่าลุงและป้าที่เป็นครูจะได้สอนพิเศษผมให้ฉลาดขึ้นบ้าง แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าอยู่เฝ้าบ้านเวลาลุงและป้าไปทำงานที่โรงเรียน แม้บ้านที่ผมอยู่จะมีสวนเล็ก ๆ ที่ครึ้มไปด้วยเงาต้นมะม่วง แต่ในวันที่ร้อนอบอ้าวต้นไม้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรสิ่งที่ผมจะทำได้คือนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ทาแป้งเย็นให้ทั่วตัว แล้วนอนเล่นเกมออนไลน์ให้สบายใจ “ไอศกรีม... มาแล้วมาแล้ว....” เสียงแหลมเล็กจากลำโพงรถไอติม ทำให้ผมรู้ว่าบ่ายนี้ผมคงจะไม่แห้งตายผมหยิบเศษเหรียญจากกระเป๋าเป้ เปิดประตูรั้ว แล้ววิ่งออกไปหน้าบ้านทั้งที่ใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว คนขายไอติมคนนี้ ไม่ใช่ลุงขายไอติมที่ผมคุ้นหน้าแต่เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างอวบแน่น มีหนวดดกดำเหนือริมฝีปาก เขายิ้มใจดีให้กับผม“ร้อนเหรอครับ” ผมได้แต่ยิ้มเขิน ๆ ก้มดูตัวเองที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแถมยังปะแป้งตรางูเสียจนดูเหมือนกระป๋องแป้งคว่ำใส่ “เอา อันนี้ครับ” ผมชี้ไปที่ตัวอย่างไอติมในแผ่นป้ายโฆษณาเหนือตู้ไอติมพ่อค้าร่างใหญ่เปิดฝาตู้ไอติมแล้วค้นอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่เจอ ผมเลยก้าวเข้าใกล้แล้วช่วยแกก้มดูหัวของผมและคนขายไอติมอยู่ห่างกันไม่ถึงศอก จังหวะนั้นเอง จมูกผมกระทบกับกลิ่นบางอย่างกลิ่นแห่งความเป็นชาย... “ได้แล้วครับ” หนุ่มขายไอติมเงยหน้าขึ้นมาชูไอติมให้แต่ผมยังงก ๆ เงิ่น ๆ ด้วยกลิ่นสาบที่น่าหลงใหล พอตั้งตัวได้ผมถอยหลังมาอีกนิด ยื่นเงินเหรียญในมือให้คนขายไอติมเขากล่าวขอบคุณพร้อมมองผมแปลก ๆ ก่อนจะออกรถไป ...จะไม่ให้เขาแปลกใจได้ยังไงในเมื่อ ไอ้ดุ้นเนื้อใต้ผ้าเช็ดตัวผม มันโด่ขึ้นมาชี้หน้าเขาขนาดนั้น “ไอศกรีม... มาแล้วมาแล้ว....” เสียงรถไอติมดังขึ้นในบ่ายของวันต่อมา แม้อากาศอบอ้าวจะทำให้ผมอยากกินไอติมใจจะขาดแต่เรื่องจู๋โด่เมื่อวาน ทำให้ผมอายแทบแทรกแผ่นดิน ผมในชุดผ้าเช็ดตัวนั่งขัดสมาธิกับพื้นบ้านทำเป็นอ่านหนังสือแต่สายตาแอบส่องไปดูคนขายไอติมร่างใหญ๋ที่จอดรถเพื่อขายไอติมให้เด็กหญิง บ้านตรงข้าม เด็กหญิงยิ้มกว้างเมื่อได้ถือไอติมในมือ พอเธอวิ่งเข้าบ้านคนขายไอติมก็สตาร์ทรถเตรียมไปขายต่อซอยอื่น แต่เมื่อเขามองมาเห็นผม พ่อค้าไอติมก็ส่งเสียงตะโกนข้ามรั่วมาว่า“วันนี้ไม่กินไอติมเหรอครับ” ผมส่ายหัวแล้วรีบเอาหนังสือเล่มหนาปิด ใบหน้าที่แดงด้วยเลือดฝาดจนเสียงมอเตอร์ไซค์ขายไอติมไกลออกไป ผมจึงเลื่อนหนังสือลงช้า ๆ พอเลื่อนสายตาลงมาที่ตักก็พบว่าไอ้ดุ้นเนื้อของผมมันแข็งโด่อีกแล้ว.... หนึ่ง วัน สองวัน สามวันผ่านไป ผมก็ยังคงนั่งขัดสมาธิทำท่าอ่านหนังสือแอบดูคนขายไอติมเหมือนทุกวัน แม้กระทั่งบางวันที่เด็กหญิงบ้านตรงข้ามไม่ออกมาซื้อไอติมแกก็จะจอดรถตะโกนข้ามรั้วโกนถามผมว่า “วันนี้ไม่กินไอติมเหรอครับ”เสมอ วันนี้ อากาศร้อนเหลือเกิน ข่าวพยากรณ์อากาศบอกว่าเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบปีผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้าน ในมือกำเหรียญสิบแน่น ตั้งใจแน่วแน่ว่าวันนี้จะต้องซื้อไอติมของพ่อค้าร่างใหญ่ให้ได้ในเมื่อแกตะโกนถามผมทุกวัน แกก็คงไม่รังเกียจผมที่ทำน้องชายชี้หน้าแก ไม่แน่วันนี้ผมอาจจะได้คุยกับแกให้มากขึ้น....แต่จนเย็นรถไอติมก็ยังไม่ผ่านมา หนึ่งวัน สองวัน สามวัน ผมก็ยังคงไม่ได้ยินแม้แต่เสียงโฆษณาจากรถไอติม สงกรานต์มาเยือน พ่อแม่พี่น้องผมขับรถมาจากกรุงเทพฯเพื่อมารวมญาติที่บ้านของลุงและป้าซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่สุดของตระกูล พอรถน้ำขอพรกันตอนเช้าช่วงบ่ายญาติผู้ชายก็ตั้งโต๊ะเหล้ายาปลาปิ้งเมากันแต่หัววัน ส่วนพวกผู้หญิงก็ตำส้มตำกันสนุกสนานพอมือว่างจากสากก็คว้าไมค์ร้องคาราโอเกะดังลั่น ผมหนีจากเสียงดังมานั่งรับลมร้อนที่แคร่ไม้ใต้ต้นมะม่วงคนเดียวอาจจะเป็นเพราะในตระกูลไม่มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับผม ผมจึงไม่มีที่ยืนในงานสังสรรค์นี้โดยปริยาย “ไอศกรีม... มาแล้วมาแล้ว....” แล้วเสียงที่ผมรอคอยก็มาถึง ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ผิวคล้ำชะลอขับรถไอติมแล้วจอดที่หน้าบ้าน ใน ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจวว่าจะไปซื้อไอดิมของแกหรือไม่เสียงแม่ก็ตะโกนใส่ไมค์คาราโอเกะว่า ให้พาหลานสาวไปซื้อไอติม “วันนี้กินไอติมไหมครับ” ชายขายไอติมร่างใหญ่ถามพร้อมกับส่งยิ้มให้ผมจากใต้ไรหนวด ผม ยิ้มตอบแล้วช่วยหลานเลือกไอติม เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยผมก็จูงมือหลานเข้าบ้านแต่เสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังขึ้นมันทำให้ผมตัดสินใจบางอย่างได้ ผมบอกหลานให้เข้าบ้านไปก่อนแล้วหันหน้ากลับไปเพื่อทำให้สิ่งที่ต้องการ... “พี่ไปไหนมา ไม่เห็นหน้าตั้งหลายวัน” คนขายไอติมดับเครื่องรถพร้อมกับทำหน้างง ๆ “ผมถามว่า พี่หายไปไหนมาตั้งหลายวัน”ผมถามซ้ำ ตะเบงเสียงแข่งกับคาราโอเกะ “อ๋อ ที่อบต. เขามีงานผมเลยไปจอดขายที่นั่น” หนุ่มขายไอติมบอก ผมพยักหน้าเออออ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ชายขายไอติมล้วงมือหยิบบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบอย่างอารมณ์เย็น“วันนี้กินเลี้ยงกันเหรอครับ” ผมพยักหน้ารับ “ถึงว่าวันนี้ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว”หนุ่มขายไอติมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสตารท์รถออกไป โชค ดีที่คนในบ้านกำลังสนุกสนานกับการสังสรรค์ไม่อย่างนั้นเขาคงจะสังเกตได้ว่ารอยยิ้มเปื้อนใบหน้าผมนานกว่าปรกติ และเป้ากางเกงยีนส์ผมก็ตุงกว่าปรกติเช่นกัน หลังสงกรานต์ทุกอย่างคืน สู่สภาวะปรกติ พ่อแม่และญาติพี่น้องขับรถกลับกรุงเทพฯลุงกับป้าออกจากบ้านไปทำงานที่โรงเรียน ส่วนผมก็ต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านหลังนี้จนกว่าจะเปิดเทอมเหมือนเดิมแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความสนิทสนมของผมกับชายขายไอติม ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนไม้ไอติมที่ผมเก็บสะสมไว้ทุกวัน “ไม่เอาไม้ที่กินแล้วมาแลกไอติมฟรีละ”คนขายไอติมถามผมในบ่ายวันหนึ่งหลังรับเงินค่าไอติม ผมในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินมาดูแผนป้าย โฆษณาที่ติดอยู่เหนือตู้ไอติม “ไม่ เอา ผมจะเก็บไว้แลกเก้าอี้” ผมพูดถึงเก้าอี้ผ้าใบที่สามารถแลกได้ด้วยไม้ไอติมหนึ่งร้อยไม้ “แต่ว่าผมคงแลกเก้าอี้ไม่ได้อยู่แล้วล่ะ เพราะอาทิตย์หน้าผมก็กลับบ้านที่กรุงเทพฯแล้วแต่ถ้าผมแลกไอติมพี่ พี่ไม่ขาดทุนเหรอ เงินก็ไม่ได้ ต้องให้ไอติมผมฟรีอีก” พ่อค้าไอติมหัวเราะเบา ๆ แกควักบุหรี่ออกมาจุดไฟสูบ“ไม้ที่น้องเอาไม้ให้พี่ พี่ก็เอาไม้ไปแลกเงินที่ร้านส่ง” ผมพยักหน้ากับความรู้ใหม่จากชายขายไอติม“ตอนนี้ผมมีสามสิบไม้ผมแลกอะไรได้บ้าง” ชาย ขายไอติมชะโงกตัวดูแผ่นโปรโมชั่นไม้ไอติมแลกรางวัลในแผ่นป้ายเหนือตู้ไอติม“เอ... ถ้าสี่สิบไม้จะได้กระเป๋าเป้นะ”แกชี้ไปที่ภาพถุงหูรูดสีแดงราคาถูกที่เขียนคำว่าเป้ติดไว้ “โห ไม่สวยเลยอ่ะ ไม่มีอย่างอื่นให้แลกเหรอครับ” “แล้วน้องอยากได้อะไรละ” พ่อค้าไอติมพ่นควันบุหรี่ออกทางจมูกแล้วมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “แล้วถ้าผมขอพี่จะให้ผมไหมละ” ใจผมเต้นแรง ดุ้นเนื้อใต้ผ้าเช็ดตัวเริ่มแข็งขึ้นอีกแล้ว ชายขายไอติมไปที่ท่อนเนื้อผม แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ทิ้งผมให้อารมณ์ค้างเหมือนทุกวัน คน ขายไอติมหายหน้าไปอีกแล้ว คราวนี้หายไปเป็นอาทิตย์ผมนั่งจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เย็นนี้หลังลุงและป้ากลับมาจากโรงเรียน แกจะไปส่งผมขึ้นรถบัสกลับกรุงเทพฯ “ไอศกรีม... มาแล้วมาแล้ว....” ผมหูผึ่ง วิ่งลงจากชั้นสองเต็มตีน ไม่ลืมจะคว้าเหรียญสิบติดมือมาด้วย แต่ คนขับรถไอติมไม่ใช่ชายร่างใหญ่ กลับเป็นหญิงวัยกลางคนที่ผมเห็นขายไอติมอยู่แถวตลาดผมจึงเดินมานั่งที่แคร่ไม้ใต้ต้นมะม่วงพลางคิดในใจว่าพ่อค้าไอติมคงจะเกลียด หรือกลัวคำพูดสองแง่สองง่ามของผม “ไอศกรีม... มาแล้วมาแล้ว....” ผมนึกแปลกใจที่วันนี้เสียงรถไอติมดังขึ้นถึงสองครั้งแต่ครั้งนี้เป็นชายร่างอ้วนล่ำที่ขับรถไอติมเข้ามา “พี่หายไปไหนมาอีกแล้ว” “ผมกลับบ้านมาครับ” ชายหนุ่มร่างใหญ่ส่งยิ้มมาเช่นเคย “... ผมนึกว่าพี่โกรธที่ผมแซวไปวันนั้น” “ผม จะโกรธลูกค้าได้ยังไงละครับ” ชายหนุ่มหัวเราะร่วนพลางควักบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อ “วันนี้กินไอติมไปยังครับ...เมื่อกี้ผมเห็นมีรถเข้ามาคันหนึ่งแล้ว” ผมเปิดตู้ไอติมอย่างวิสาสะ หยิบไอติมสีเขียวรสโปรดขึ้นมาแล้ววางเงินสิบบาทไว้บนฝาตู้ “ผมรอกินไอติมพี่คนเดียวเลยนะเนี่ย”ผมแกะถุงไอติมแล้วใช้ลิ้นเลียแท่งไอติมสีเขียว จากฐานสู่ปลายไม้ “แล้วไอติมคนพ่อค้าคนอื่นไม่กินเหรอครับ”พ่อค้าไอติมผิวเข้ม ขยับหมวกแก๊ปสีฟ้าขึ้น ส่งสายตาทะเล้นท้าทาย “ไม่ หรอก ก็ผมจะรอเอาไม้ไอติมแลกไอติมใหม่จากพี่นะสิ”ผมขยับตัวเข้าใกล้ ไอร้อนจากร่างกายอ้วนล่ำขับกลิ่นความเป็นชายโชยเร้าอารมณ์ผมใจแทบขาด “ได้สิ จะแลกอะไรล่ะ” คนขายไอติมยังคงพ่นบุหรี่ช้า ๆ อย่างใจเย็น เนื้อหาถูกซ่อนไว้ อาจ จะเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ผมจึงตัดสินใจบอกสิ่งที่คิดมาตลอด “ผมเอาไม้ไอติมสามสิบไม้แลกไอติมในกางเกงพี่ได้ไหมละ” ชายขายไอติมนิ่งไปอยู่ครู่ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ“น้องพูดเล่นปะเนี่ย” ผมไม่ตอบแต่ส่งยิ้มให้ รส จูบของหนุ่มขายไอติมร้อนกว่าอากาศ เขาดันตัวผมติดกำแพงแล้วประกบจูบอย่างไม่ลืมหูลืมตาหนวดเคราทำให้ใบหน้าของผมระคายแต่ก็สร้างความเสียวกระสันจนต้องโอบคอเขาไว้ ให้จูบอยู่นานนาน ชายขายไอติมไล่ลิ้นไปตามใบหน้าและลำคอของผมเขารูดเสื้อผมออกแล้วตระโบมเลียหัวนมผมอย่างรุนแรง “พี่ขึ้นไปที่ห้องผมเถอะ” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรชายหนุ่มจึงส่ายหน้าปฏิเสธแล้วลงลิ้นกับหัวนมผมต่อ ผมจึงผลักตัวเขาให้แยกออกเบา ๆ แล้วชี้ไปที่ใต้ต้นมะม่วงซึ่งมีแคร่ไม้ตัวโปรดของผมตั้งอยู่ โชคดี ที่บ้านของลุงกับป้าอยู่ท้ายซอย และในสวนยังหนาทึบด้วยมะม่วงต้นใหญ่และพรรณไม้นานาชนิดไม่อย่างนั้นคนที่ผ่านไปมาคงเห็นภาพของเด็กหนุ่มผิวขาวรูปร่างบางนองเปลือย อยู่บนแคร่ไม้โดยมีชายหนุ่มผิวคล้ำร่างอ้วนล้ำคร่อมทับ ปากและลิ้นของชายขายไอติมสร้างความเสียวให้ผมแทบทุกวินาทีมือของเขาก็รูดท่อนเนื้อผมขึ้นลงรัว ๆ แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้เขารุกเร้าอยู่ฝ่ายเดียว ผมพลิกขึ้นมาคร่อมร่างเขาแกะกระดุมชุดฟอร์มขายไอติมสีฟ้าแล้วรูดเสื้อกล้ามสีขาวออก ทันที่ที่เขาเหยียดแขนขึ้นแนบหัวกลิ่นความเป็นชายที่รักแร้ก็ทำให้ผมต้องรีบซบหน้าลงซุกไซ้ทันที “ชอบเหรอ” เขาถามผมเสียงกระเส่า ผม ครางตอบ จมูกยังคงสูดดมกลิ่นที่โหยหามาตลอดหน้าร้อนจนพอใจแล้วจึงถัดตัวโลมเลียไปที่พุงแข็ง ๆ ที่ปกคลุมไปด้วยขนหยิกดำไล่ลงไปในร่มผ้า ผมถัดตัวลงอีกจนใบหน้าอยู่ตรงกับเป้ากางเกงสีกรมแล้วซุกหน้าลงไปเกลือกกับสิ่งที่ปรารถนา จากที่ใบหน้าสัมผัสผมบอกได้เลยว่าดุ้นเนื้อในร่มผ้านั้นไม่ธรรมดาแน่นอน ชาย ขายไอติมคงทนไม่ไหม เขาเอื้อมมือมาแกะเข็มขัดและปลดกระดุมก่อนจะยกก้นขึ้นรูดกางเกงสีกรมลงมาอยู่ที่หัวเข่า เผยให้เห็นกางเกงในสีเหลืองมอซอที่ห่อหุ้มท่อนเนื้ออวบหนาแทบจะไม่มิดกลิ่นบางอย่างโชยขึ้นมายั่วยวนจนผมต้องก้มลงไปสูดลมหายใจให้เต็มปอด “อืมม์... ดูดให้พี่ซะทีสิอู๊ยพี่เสียวครับน้อง” ขณะที่พูดแกพยายามร่นกางเกงในลง ผมตามใจชายขายไอติม แม้ยังจะเสียดายกลิ่นจากกางเกงในตัวเก่า “อู้ย... น้อง.... ซิ๊ด.... เสียวฉิบหายเลย เกิดมาพี่ยังไม่เคยให้ใครดูดค*ยเลย” ตอนนี้ชายขายไอติมอยู่ในท่านั่งห้อยขาลงแคร่โดยมีนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นใช้ปากมอบความสุขให้เขา ผมช้อนตาขึ้นไปมองใบหน้าที่ฉาบด้วยความกระสันของชายขายไอติมเขายิ้มตอบแล้วโน้มตัวใช้มือลูบก้นที่เปื้อนฝุ่นดินของผม ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่มือแล้วลูบลงไปที่ร่องก้นเพื่อจะแทรกนิ้วอวบหน้าเข้าไปที่ร่องรูของผม “โอ๊ย!” ผมร้องสะดุ้งเมื่อสิ่งแปลกปลอมถูกยัดเข้าไปในปากร่องรูอย่างรวดเร็ว “เจ็บเหรอ... ทนหน่อยนะเดี๋ยวจะเสียวกว่านี้อีก”ชายขายไอติมยังคงใช้นิ้วกระทุ้งถี่ ๆ จนนิ้วกลางของเขาเข้าไปอยู่ในตัวผม ขณะ ที่ผมใช้ริมฝีปากที่รูดท่อนเนื้ออย่างรวดเร็วชายขายไอติมก็กระแทกนิ้วมืออวบหนา ล้อไปกับจังหวะปากของผม เราสองคนผลัดกันร้องครางอย่างไม่อายใคร “อู้ย ๆๆ เสียวน้อง พอก่อน ๆ เดียวพี่จะน้ำแตก”ชายหนุ่มใช้สองมือประคองหน้าผมให้ยืนขึ้น แล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากอย่างหนักแน่น “พี่ขอเย็ดนะ..” พูด จบชายขายไอติมก็ลุกยืนแล้วรูดกางเกงขึ้นก่อนจะเดินหันหลังออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหายสงสัย เขาก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอติมสีเขียวรสโปรดของผม “กินไอติมก่อน นะ” พูดจบชายหนุ่มก็ประคองตัวผมขึ้นไปนอนบนแคร่พลิกตัวให้อยู่ในท่าหมา แล้วใช้ไอติมเย็น ๆ ค่อย ๆ สอดเข้าไปในร่องรูของผม ความเย็นของไอติมที่เสียดสีกับเนื้อนิ่มๆ ทำให้ผมขนลุกซู่ จนต้องร่อนก้นรับไอติมที่พ่อค้าบรรจงป้อนเข้าไปในร่องรู “ก่อนเย็ด พี่ขอกินไอติมบ้างนะ” พูดจบ ชายขายไอติมก็ดึงไอติมทิ้งลงพื้น แล้วใช้ลิ้นเลียร่องรูของผมที่ฉาบไว้ด้วยน้ำไอติมรสหวานลิ้นอุ่นนิ่มที่โลมเลียช่างแตกต่างกับไอติมที่แข็งเย็นเมื่อก่อนหน้า นี่คงเป็นเซ็กซ์ที่ผมจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต เมื่อเลียจนหนำใจ ชายขายไอติมก็พลิกตัวผมให้นอนหงายแล้วค่อย ๆ ยัดท่อนลำขนาดใหญ่เข้าไปในร่องรู้ที่ฉ่ำเย้มไปด้วยน้ำลาย “อ๊าซ... รูยังเย็นอยู่เลยเสียวค*ยฉิบหายเลย...” จาก ช้าเป็นเร็ว ชายร่างใหญ่กระแทกท่อนเนื้อเข้าร่องรูผมจนพุงแข็งๆ กระเพื่อม ระหว่างที่เย็ด มือของแกก็รูดค*ยผมล้อกับจังหวะที่กระทกตัวเข้าออก “โอ๊ย เสียว... *ตัวเงินตัวทอง*...โคตรฟิตเลย... ขาวก็ขาว ผิวก็เนียน ตูดก็แน่น เย็ดโคตรมันเลยรู้งี้พี่เย็ดน้องตั้งแต่วันนั้นก็ดี.... อู๊ย... พี่ขอเย็ดน้องอีกนะ ขอเย็ดอีกได้ป่ะ” ผมขืนคอขึ้นไปประกบปากกับแกแทน คำตอบ เราจูบแลกลิ้นกันอยู่นานแต่เอวของแกก็ยังไม่หยุดป้อนไอติมท่อนใหญ่จนร่องรูผมแสบไปหมด อากาศยามบ่ายงร้อนจนเหงื่อท่วมร่างอ้วนล้ำของชายหายไอติมเม็ดเหงื่อของแกกระเซ็นตามแรกกระแทกมาโดนหน้าผม แต่ผมก็ไม่นึกรังเกียจที่จะเลียเม็ดเหงื่อเค็มเข้าปากแถมยังใช้ลิ้นเลียไล้รับเอาเหงื่อบนใบหน้าของชายขายไอติมมากลื่นกินด้วยความ กระสัน ชายขายไอติมกระแทกบั้นเอวถี่และหนักขึ้น สุขยอดแห่งความสุขของแกคงใกล้มาถึง“เป็นเมียพีนะ ให้พี่แตกข้างในนะ...” ขณะที่พูดมือแกก็รูดค*ยผมอย่างรวดเร็ว จนผมไม่คิดขัดขืน เพราะสวรรค์ของผมใกล้มาถึงแล้ว ในที่สุดน้ำขาวข้นก็พุ่งออกมาจากดุ้น เนื้อของผมมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนชายขายไอติมเอานิ้วปาดน้ำเมือกนั้นมาทาบนริมฝีปากให้ผมกลืนกิน ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาประกบจูบเพื่อแบ่งกินน้ำรักที่ยังหลงเหลือในช่องปากผม “โอ๊ย จะแตกแล้ว.... *ตัวเงินตัวทอง*เอ้ย เสียวค*ยไปหมดแล้วโอ๊ย... โอ... โอ... อา.......” น้ำรัก มากมายถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของผม จนไหลล้นออกมาเปรอะขาชายหนุ่มลงจากแคร่ยืนโซเซ แล้วยัดดุ้นเนื้อที่ยังแข็งขันเข้าไปในปากผม“ไงไอติมพี่อร่อยไหม...” เสียงนกที่ผมไม่รู้จักแว่วมา เป็นระยะ แม้อากาศยามบ่ายจะร้อนแต่หนุ่มขายไอติมยังคงนอนกอดผมจากด้านหลังอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะม่วง เราสองคนยังคงเปลือยเปล่า และถึงแม้บทรักบทที่สองเพิ่งผ่านไปไม่ถึงห้านาทีแต่ดุ้นเนื้อของชายหนุ่มก็แข็งดุนก้นของผม “ทำไมเงียบไปละ” ชายหนุ่มถามปากจูบเบาๆ อยู่ที่ต้นคอ ”หรือพี่แตกในตัวเรา... เราเลยกลัวท้อง” ผมหัวเราะ ใช้ศอกกระทุ้งที่พุงชายหนุ่มเบา “อ้าวแล้วเป็นไรไม่พูดไม่จา...” “เปล่า ผมแค่นึกเสียดายว่าหน้าร้อนมันสั้นจังวันนี้ผมก็ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว” พูดจบผมก็หันตัวหน้ามาทางชายหนุ่มซุกตัวอยู่อ้อมอกชุ่มเหงื่อ ชายหนุ่มเงียบไปสักครู่“อืมม์ เสียดายเราน่าจะเจอกันก่อนหน้านี้น้อ” “โหพี่... ก็พี่เล่นขับรถหนีผมตลอดบางทีก็หายไปนาน ๆ อีก” “น้อย เอ้ย... พี่ต้องขายของแล้วอีกอย่างที่พี่ไม่กล้าเข้ามา เพราะพี่เคยเรียนกับอาจารย์เจ้าของบ้าน พี่เลยไม่กล้า...ว่าแต่น้องเป็นลูกอาจารย์เหรอ” “เป็นหลานน่ะพี่... เออว่าแต่กี่โมงแล้วเนี้ย... เดี๋ยวลุงกับป้ากลับมาแล้วยุ่งแน่”จบประโยคผมกับหนุ่มขายไอติมแทบจะกระโดดแยกกันออกคนละทิศละทาง เมื่อ ใส่เสื้อผ้าเสร็จชายหนุ่มขายไอติมเดินเข้ามาประกบปากแลกลิ้นกับผมอีกครั้ง“น้องเอาไม้ไอติมมาแลกของรางวัลสิ พี่มีของพิเศษจะให้เราแลก”ว่าแล้วชายหนุ่มก็สวมหมวกแก๊ปแล้วหันหลังเดินมุ่งหน้าไปที่รถพ่วงขายไอติมของเขา ผมเดินเข้าไปหยิบไม้ไอติมในครัวอย่างงง ๆ เมื่อออกมาถึงหน้าบ้านก็พบกับภาพชายหนุ่มร่างใหญ่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ขายไอติมที่ติดเครื่องอยู่ “นี่ สามสิบไม้แลกอะไรได้ละพี่” ผมวางไม้ไอติมไว้บนฝาตู้ ชาย หนุ่มไม่ตอบ แต่ยิ้มผ่านไรหนวดมาให้ เขากวักมือเรียกผมให้เขาไปใกล้แล้วจับมือผมแบออกก่อนจะวางบางสิ่งบนมือผม แล้วรีบกำมือผมให้หุบลงทันที ชายหนุ่มโน้มตัวมาจูบปากผมเบาๆ อีกครั้ง แล้วกระซิบข้างหนู “พี่ไปก่อนแล้วเราค่อยดูนะ” แล้วชายหนุ่มร่างใหญ่ของผมก็ขับรถขายไอติมออกไปอย่างที่เขาทำทุกกวัน ผม ค่อย ๆ คลี่มือออก ในมือมีกระดาษยัยยู่ยี่มีข้อความที่เขียนด้วยลายมือโย้เย้ว่า “รักนะ กลับกรุงเทพแล้วโทรหาพี่ด้วย08x-xxx-xxxx พี่โอ” ...ผมรู้สึกรักหน้าร้อนขึ้นมาทันที! 8 J3 @+ l9 R/ a( t
|