ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
เจ้าของ: Jera

โมษะน้อยกลอยสวาท (Amateur Thief) อัพเดทตอนที่ 11: สวาท

[คัดลอกลิงก์]

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-27 20:21:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 6: ใคร่

ผมลองเปิดประตูห้องน้ำดู มันไม่ได้ล็อคไว้แฮะ แต่ถึงให้ล็อคไว้ ถ้าผมจะเปิดเข้าไป ผมก็สามารถปลดล็อคประตูจากข้างนอกได้อยู่ดี ประตูห้องน้ำของบ้านนี้สามารถปลดล็อคจากข้างนอกได้ทั้งหมด เผื่อว่าเวลามีอุบัติเหตุในห้องน้ำ คนที่อยู่ข้างนอกสามารถช่วยเหลือได้ โดยไม่ต้องวิ่งไปหากุญแจให้เสียเวลา สำหรับประตูห้องน้ำแล้ว มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันทรัพย์สิน หากแต่ออกแบบเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวเพียงเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีระบบล็อคที่แน่นหนาอะไร หากประตูถูกล็อค หรือถูกปิดก็ควรจะรู้ได้ว่า ข้างในมีคนทำธุระส่วนตัวอยู่

ในเมื่อไม่ได้ล็อคไว้ ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา ตอนนั้นผมเห็นมันกำลังฟอกสบู่ฟองขาวไปทั่วทั้งตัวอย่างสบายอารมณ์อยู่ แต่พอเห็นผมเข้ามันก็ตกใจเอามือปิดควยตัวเองทันที เอ่อ มึงจะอายทำไมหว่า มากกว่านี้ผมก็เห็นมาแล้ว และยังทำมากกว่าเห็นอีก คิดแล้วผมก็ขำกับกิริยาท่าทางของมัน

"ทำอย่างกะกูไม่เคยเห็นของมึงงั้นอ่ะ" ผมยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก โดยไม่ได้สนใจอะไรมัน พอมันรู้ตัวก็เลิกสนใจผม แล้วกับไปสนุกกับการฟอกสบู่ต่อ มันไม่ได้อาบน้ำมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตอนผมข่มขืนมัน ผมก็ไม่ได้สนใจกลิ่นตัวมันเสียด้วย รู้เพียงแต่ว่าตอนนั้นกลิ่นตัวมันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน

ผมแปรงฟันเสร็จแล้ว แต่มันยังอาบน้ำไม่เสร็จสักที ก็ในเมื่อมันช้านัก ผมเลยแทรกตัวเข้าไปอาบน้ำด้วยเสียเลย แม้ว่าพื้นที่ส่วนอาบน้ำจะไม่ได้กว้างมากนัก แต่ใหญ่พอที่จะยืนสองคนได้สบาย ๆ อยู่แล้ว มันผงะนิดนึง อยากจะแทรกตัวออกมา แต่ผมยืนกันที่กันทางแกล้งมันเล่น ๆ พร้อม ๆ กับเปิดน้ำจากฝักบัวรดตัวผมที รดตัวมันที น้ำอุ่น ๆ ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ก่อนนอนแบบนี้การได้อาบน้ำอุ่น ๆ นี่แหละจะได้หลับง่าย

พอผมหยิบสบู่มาฟอกตัวบ้าง มันก็เอามือกุมควยแล้วหันตัวเข้ากำแพง
"เป็นอะไรวะ" มันกลับเงียบ

จะว่าไป มันเงียบตั้งแต่ผมเข้ามาอาบน้ำพร้อมกับมันแล้ว พอผมฟอกสบู่เสร็จ มันก็ยังยืนนิ่งอยู่ ไม่กล้าขยับไปไหนด้วย ผมเลยจับมันหันมาเผชิญหน้ากับผม แล้วดึงมือมันออก แล้วก้มมองดูพบว่าควยมันแข็งอยู่ เอ จำได้ว่า ตอนที่ผมเข้ามามันไม่ได้แข็งอยู่นี่หว่า มันก็ไม่น่าจะแอบชักว่าว ต่อให้ทำ มันก็ไม่น่าจะแข็งอยู่นานขนาดนี้ หรือจะแอบทำตอนหลังก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะผมอยู่ด้วยมันคงไม่กล้า... หรือว่า...

"นี่มึงเป็นเกย์เหรอวะ มึงชอบผู้ชายเหรอวะ" ผมถาม แต่มันกลับเงียบ ผมไม่รู้ว่ามันหน้าแดงขึ้นรึเปล่า เพราะน้ำอุ่น ๆ ก็ทำให้ผิวมันทั้งตัวดูแดงระเรื่ออยู่แล้ว

"หึหึ" ผมยิ้มอย่างมีเลิศนัย

ผมเอาน้ำจากฝักบัวรดตัวมัน และตัวผมเพื่อล้างฟองสบู่ออก มันนิ่งเงียบเหมือนทำอะไรไม่ถูก หรือไม่ก็อายที่โดนจับได้ล่ะมั้ง

'น่ารักดีเหมือนแฮะ ไอ้หมอนี่' ผมคิดแล้วก็จับมันมาจูบปาก มันขัดขืนนิดนึง แต่แล้วยอมให้ผมบรรเลงรสจูบตามใจชอบ

หน้าที่แดงก่ำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สายตาเหม่อลอย ทำให้ผมยิ้มออกมา ผมดึงผ้ามาเช็ดเราทั้งคู่อย่างลวก ๆ แล้วอุ้มมันขึ้นมา มันตกใจ แต่ไม่กล้าทำอะไรคงเพราะตก ผมมองตามัน แล้วยิ้มให้ แต่มันกลับหลบตาผม ผมวางมันบนเตียงอย่างเบามือ แล้วลงไปกอดจูบกับโจรน้อยของผมอีกครั้ง เสียงครางเบา ๆ อือ ๆ อืม ๆ ของมันทำให้ผมพอใจไม่น้อย ผมค่อย ๆ ใช้ลิ้นเล็มเลียผิวขาว ๆ ของมันไปมาเรื่อย ๆ วนเวียนตรงหัวนมสีน้ำตาลอ่อน ๆ ที่แข็งขึ้น ทำให้อีกฝ่ายร้องซี๊ดเบา ๆ ผมยิ้มก่อนจะลงลิ้นเล่นหัวนมมันไปเรื่อย ๆ จนมันคงทนไม่ไหว ผลักบ่าผมให้ลงต่ำลงไป ผมพยายามใช้ปาก และลิ้นจูบเลียจนมาถึงพงหมอยอ่อน ๆ ของมัน ผมไซร้ และจูบเลีย บริเวณโคนควย และไข่ของมันไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจอาการฟืดฟาดของมันเลยแม้แต่น้อย ผิวมันแดงระเรื่อขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่ผมลงรอยจูบเอาไว้...

"พะ... พี่..." มันเรียกเสียงสั่น ๆ เบา ๆ
"หืม" ผมยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้สึ่งที่มันต้องการ แล้วหันไปเลียพวงไข่มันเล่นต่อ
"พี่... ดูด... เอ่อ... คว... ควย... ผมหน่อย... นะ... พี่นะ..." มันเขินอาย หรือกระดากปาก หรือไม่ก็เสียวจนพูดตะกุกตะกัก
"หึหึ" ผมถอยออกมามองมัน มันเป็นเด็กหนุ่มที่น่าหลงไหลมากคนหนึ่ง หรือไม่ผมก็เป็นเพราะผมหน้ามืดตัวมัวด้วยไฟราคะที่ลุกโชติช่วงในกายผม
"ได้ กูจัดให้มึงตามคำขอ แต่แลกกับการให้กูทะลวงตูดมึงอีกรอบจะได้ไหม" ผมเสนอข้อแลกเปลี่ยน แล้วจับแขนทั้งสองมันเอาไว้ เหมือนมันกำลังตัดสินใจอยู่ ผมเลยลงลิ้นที่ปลายควย ชิมน้ำเงี่ยนรสหวานจาง ๆ ของมัน แล้วละปากออกมา
"ว่าไง... หึหึ" ผมยิ้มให้กับมัน แต่มันก็ยังไม่ตอบ ผมก้มลงมาเลียหัวนมของมันอีกรอบ มันครางซี๊ด ควยผงกหัวหงึก ๆ
"ซี๊ด อ่า... พอแล้วพี่... ผมยอมพี่แล้ว จะ... เอ่อ... เย็ดผมก็ได้ แต่ดูด... ควยให้ผมหน่อย" มันพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้ ผมยิ้มให้กับมัน
"คราวนี้กูจะทำเบา ๆ ไม่ให้มึงเจ็บเหมือนเมื่อตอนเที่ยง ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวนะ" ผมปลอบมันด้วยการหอมแก้ม แล้วไปเปิดลิ้นชักหยิบเควาย และถุงยางออกมา ผมทาเควายที่นิ้วจนชุ่มแล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในก้นของมัน พร้อมกับลงปากกับควยมันไปด้วย มันร้องซี๊ดเบา ๆ คงเพราะแผลเมื่อตอนเที่ยง แต่มันก็ไม่พูดอะไรออกมา ผมได้ใจใช้นิ้วสอดใส่ขยายรูของมันไปพร้อมกับกระดกนิ้วให้โดนจุดกระสันต์ที่อยู่ภายใน หรือที่เรียกตามหลักกายวิภาคว่า 'ต่อมลูกหมาก' พร้อมกับลูบมันเล่น โดนไม่ลืมที่จะดูดอมควยของมันไปเรื่อย ๆ สลับกับการลิ้มเลียหัวนมมันบ้างเป็นครั้งคราว ถึงผมไม่รู้หรอกว่ามันเสียวส่วนไหนมากกว่ากัน แต่ท่าทีที่แสดงออกมานั้น ไม่มีสีหน้าของความเจ็บปวดเหลืออยู่แล้ว ผมพอใจกับผลงานที่อยู่ตรงหน้ามิใช่น้อย

เด็กหนุ่มนอนอ้าขาควยแข็งพร้อมกับรูก้นที่แดงระเรื่อชุ่มไปด้วยสารหล่อลื่น ผมสวมถุงยางให้ตัวเอง แล้วชะโลมเควายจนชุ่มอีกรอบ แล้วค่อย ๆ สอดใส่ควยดำ ๆ ของผมเข้าไปในรูก้นมัน มันกระชับแน่น และตอดรัดมากมาย แม้ว่าผมจะทำให้มันคลายตัวการการใช้นิ้วช่วยไปมากแล้วก็ตาม

มันหลับตาเบลอ หน้าเสียวซ่าน ปนความเจ็บปวดในขณะที่ผมสอดควยเข้าไปในตัวมัน บางครั้ง มันก็เอามือมาดันท้องของผมเอาไว้ ผมก็หยุดตามคำขอ แต่พอมันวางมือลง ผมก็ดันควยของผมเข้าไปเรื่อย ๆ จนสุดลำ

"อ่า... เสียวชิบหาย ตูดมึงตอดรัดควยกูสุด ๆ เลยหว่ะ" ผมกระเด้าควยเข้าออกตูดมันเบา ๆ เรียกเสียงครางจากมันได้เรื่อย ๆ ผมเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สนใจว่ามันจะเจ็บอีกต่อไป ขอแค่ผมมันควยก็พอแล้ว แต่มันคงเสียวตูดไม่น้อยเช่นกัน มันครางออกมาตลอด พร้อมกับน้ำเงี่ยนที่ไหลย้อยออกมาจากปลายควยของมัน

"หึหึ มึงชอบล่ะสิ" ผมถาม แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบ
"มาทำอะไรที่เสียวกว่านี้ดีกว่า" ผมถึงควยออกจากตูดมัน รูตูดมันค่อย ๆ หุบเข้าไปอย่างช้า ๆ

ผมดึงผ้าขาวม้าที่อยู่บนชั้นมาวางรองบนเตียงแล้วให้โจรน้อยของผมคลานอยู่บนนั้น มันคงเข้าใจจุดประสงค์ผมแล้ว และก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี ผมขี้เกียจจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วขอใช้ผ้ารองก็แล้วกัน เผื่อน้ำควยมันหยด หรือน้ำมันแตก ก็แค่ดึงผ้าขาวม้าออก แล้วก็นอนต่อ

ผมเย็ดมันต่อในท่าหมา แล้วใช้นิ้วเขี่ยหัวนมมันเบา ๆ ชักรูดควยมันบ้าง บางทีก็ไซร้หลัง จูบต้นคอมันไป มันเสียวสะท้านครางอือ ๆ อยู่ตลอด ผมเย็ดมัน และทำแบบนี้สลับไปเรื่อย ๆ อยู่นาน ผมเสร็จไปแล้วเมื่อตอนบ่าย ผมจึงทนเป็นพิเศษในรอบนี้

"อ้า... ไม่ไหวแล้วพี่ อือ... อือ... อ่า..." จู่ ๆ มันก็ร้องขึ้น รูตูดของมันตอดรัดควยผมหนักกว่าเดิมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ผมเสียวแปลบเข้ามา แล้วก็ร้อง "อ้า... เสียว..." ก่อนจะหลั่งน้ำกามขาวข้นใส่รูตูดโจรน้อยของผม อย่างสุดกลั้น มันเสร็จทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีใครมาแตะควยมันเสียด้วยซ้ำ อาจจะเพราะตอนบ่ายมันยังไม่ถึงฝั่งฝันด้วยล่ะมั้ง แต่ผมไม่ลืมที่จะเอามือไปชักรูดลำควยให้กับมัน เพื่อให้มันสุขสมกับความสุขในขณะนี้อย่างเต็มที่ จนมันหมดแรง ทรุดตัวลงบนเตียง ผมถึงจะหยุด แล้วเคลื่อนตัวลงตามมันไปด้วย เพราะผมอยากเก็บเกี่ยวความเสียวสุขให้เต็มที่ พอควยผมอ่อนตัวลง ก็ดึงออกมาจากก้นมัน น้ำกามขาวขุ่นอยู่เต็มถุงยาง ผมค่อย ๆ รูดมันออกไปแล้วก็เช็ดควยตัวเองกับผ้าขาวม้า รวมทั้งทำความสะอาดร่องก้น และหน้าท้องของคู่รักที่เปรอะเปื้อนน้ำกามจนเรียบร้อย แล้วล้มตัวกอดมันไว้เอาไว้ มันหายใจเหนื่อยหอบจากบทรักเมื่อครู่นี้ ผมกอดมันไว้ในอ้อมแขนจนสุดท้าย ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้...

ผมตื่นขึ้นมาตอนสาย ๆ พบว่าตัวเองนอนห่มผ้่า และใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ส่วนของหนุ่มน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างผมก็เช่นกัน นี่ผมฝันไปหรอกเหรอ ผมเมาจนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเหรอเนี่ย... แย่ชะมัด

ผมค่อย ๆ ลุกจากเตียง อาการปวดตัวตุ๊บ ๆ ทำเอาผมเดินเซ ตาก็เหลือบไปเห็นผ้าขาวม้ากับผ้าปูเตียงผืนเก่าที่ซุกอยู่ในตะกร้าเข้า ผมยิ้มแล้วหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังหลับอยู่บนเตียงผมอย่างอ่อนโยน เขาคงตื่นขึ้นมา หรือไม่ก็ยังไม่หลับ แล้วจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ล่ะมั้ง แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ผมหลับไม่ได้สติ นี่ถ้าเขาจะฆ่าผม ผมคงตื่นขึ้นมาในนรกแล้วแหง ๆ

ผมเดินไปหอมแก้มหนุ่มน้อยขี้เซาของผมแล้วลงมาทำอาหารในครัว ไม่นานนัก หนุ่มน้อยยอดดวงใจของผมก็ลงมา หันมายิ้มให้กับผมที่นั่งอ่านหนังสือรออยู่ในห้องนั่งเล่น

"ป่ะ กินข้าวกัน" ผมชวน มันก็เดินตามผมเข้าไปในครัว ผมจัดอาหารสองชุด ประกอบด้วย ไข่ดาวทอดน้ำสองใบ ไส้กรอกอีกสามชิ้น พร้อมทั้งสลัดผักที่มีอกไก่อบซอสที่ผมทำขึ้นมาอยู่ในนั้นด้วย ส่วนน้ำสลัดเป็นน้ำสลัดใสแบบญี่ปุ่น หวาน ๆ เค็ม ๆ หอมกลิ่นงา หนุ่มน้อยเห็นแล้วยิ้มกับสิ่งที่ผมเตรียมไว้ให้ เขานั่งลงตรงกันข้ามผม แล้วนิ่งจิ้มโน้นจิ้มนี่กินไปเรื่อย ๆ ส่วนผมหน่ะเหรอ ก็มองมันกินไป ยิ้มไป รู้สึกอิ่มสุขอย่างบอกไม่ถูก

"ผมชื่อฝาง" มันพูดขึ้นมาระหว่างที่นั่งกินอาหารที่ผมทำให้
"หือ" ผมไม่แน่ใจว่ามันพูดอะไร เพราะใจลอยไปถึงไหนต่อไหน
"ผมชื่อฝาง" หนุ่มน้อยพูดขึ้นมาอีกครั้งอย่างชัดเจน
"อ๋อ ขวาง แบบขวางหูขวางตาอะไรงี้เหรอ" ผมแซวมันแล้วยิ้ม
"ไม่ใช่สักหน่อย ฝางเป็นชื่อต้นไม้ดอกสีเหลือง ๆ เนื้อไม้สีแดงเอาไว้ย้อมผ้าต่างหาก" เจ้าฝางอธิบาย แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไป

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตามปกติ หากผมอยู่บ้าน จะมีคน ๆ นึงมาที่นี่ แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้บอกท่านว่าจะกลับบ้าน ดังนั้นวันนี้ทั้งวัน จะมีเพียงผม และฝางเท่านั้น เราใช้เวลาทั้งวันหยอกเย้าซึ่งกันและกัน และบางครั้งมันก็จบลงด้วยเซ็กส์อันเร่าร้อนของเราสองคน นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้มีความสุขมากมายแบบนี้

ฝางนิสัยดี น่ารักมาก จนผมไม่คิดว่าเขาน่าจะเป็นโจรได้เลย หรือไม่ความหลงก็กำลังบังตาผมอยู่ แต่ด้วยความสงสัยจึงถามขึ้น ฝางบอกว่า 'ผมกะจะมาหลบนอนที่นี่ เพราะดูแล้วมันเงียบดีคงจะไม่มีใครอยู่ แม้หญ้าจะพึ่งตัด แต่ตามพื้นหน้าบ้านเต็มไปด้วยใบไม้ และฝุ่นเกาะอยู่เต็ม ผมปัด ๆ เตรียมตัวล้มลงนอน คิดว่า พรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน จะหางานได้ไหม จะใช้ชีวิตยังไงกับเงินที่เหลืออยู่เล็กน้อยแบบนี้ แล้วความคิดชั่ววูบก็โผล่เข้ามาในหัว เลยลองสะเดาะกุญแจตามอย่างที่เพื่อนเคยสอนตอนอยู่แถวบ้าน แล้วก็โชคดีที่มันได้ผล  ผมลองหาอะไรที่น่าจะเอาไปขายได้ง่าย ๆ หรืออะไรที่มีค่าสักหน่อย จะได้มีค่าเดินทางหางานต่อ' พอพูดจบก็ขอโทษผมอีกหลายครั้ง ผมส่ายหน้า แล้วยิ้มให้ บอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก แต่วันหลังอย่าทำแบบนี้ ถ้าอดก็ไปขอเขากิน ช่วยงานเขาสักเล็กน้อย ยังดีกว่า ไปขโมยของ ๆ เขา คนใต้ไม่ใช่คนใจดำหรอกนะ ที่ดำหน่ะมีแต่ตัวแล้วก็..." ผมหยุดแล้วก็ยิ้ม ยักคิ้วให้มัน มันคงรู้ความหมายเลยหน้าแดงขึ้น "คิดอะไรไปไกลถึงไหนแล้วล่ะนั่น" ผมแซว มันก็หัวเราะแก้เขินไป

คืนนั้นเราบรรเลงเพลงรักกันอีกรอบ ซึ่งมันก็เป็นไปด้วยดี เรามีความสุขด้วยกันทั้งคู่ นอนกอดจูบกัน และทำให้ผมเอ่ยคำว่า "รัก" ออกไปให้ฝางหนุ่มน้อยยอดดวงใจของผมจนได้ เขายิ้มรับ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เล่นผมเอาน้อยใจไปเลย แต่เขาก็แก้ลำด้วยกันหอมแก้ม และจูบปากผมเป็นคำตอบ เราเลยฟัดกันอีกรอบ แต่เจ้าฝางบอกว่า 'เขาไม่ไหวแล้วขอพักผ่อน' ผมเลยยอมให้เขานอนไป ผมเองถ้าเอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่รู้จะรุกสู้ได้อีกไหมเหมือนกัน

รุ่งเช้ามา ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว พร้อมปลุกเจ้าฝางให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเช่นกัน ผมเตรียมอาหารเช้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กินกันหิว และไปหาอะไรกินกันในเมือง ก่อนพาเจ้าฝางเข้าสำนักงาน ทุกคนหันมามองมันกันเป็นแถว แล้วกระซิบกระซาบอะไรกันไม่รู้ พอผมเข้ามาในห้องส่วนตัวก็ให้ฝางนั่งอยู่ข้างในนั้นด้วย แล้วณีเลขาของผมก็เข้ามาส่งงานให้

"เด็กใหม่หรือคะนายหัว" ณีกระซิบถามผมเบา ๆ
"ไม่ใช่หรอก เขายังไม่ได้ตอบรับอะไรผมเลย" ผมปฏิเสธไป แล้วหันไปยิ้มให้เจ้าฝางที่นั่งเขินอยู่
"แหน่ ๆ ไวไฟนะนายหัวของเราเนี่ย" เธอแซว แล้วก็เดินออกไปกระซิบกระซาบกับคนโน้นทีคนนี้ทีตามนิสัยของเธอ

ผมเห็นฝางนั่งเบื่อ ๆ อยู่ในห้อง เลยอนุญาตให้เขาออกไปเดินเล่นได้ เพราะผมมีงานต้องเคลียร์ เช้าวันจันทร์มันยุ่งมากไปหน่อย แต่จะทิ้งให้ฝางอยู่บ้านคนเดียวผมก็ลำบากใจไปหน่อย ไม่ได้กลัวมันจะขโมยอะไรหรอกนะ แต่เป็นห่วง และก็... คิดถึงหน่ะ

ฝางเดินออกไป ก็มีคนมาพูดจากหยอกล้อกับฝางของผมบ้าง เจ้าตัวก็เขิน ๆ ไป แต่ก็เข้ากับทุกคนได้ดี เวลาผมเงยหน้ามองออกไปข้างนอกประตูกระจกก็อดยิ้มไม่ได้สักที หลังจากเลิกงาน ผมพาฝางไปซื้อเสื้อผ้าใหม่หลายชุด แล้วก็กลับบ้านกัน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝางก็เป็นลูกน้องคอยช่วยเหลือพี่ ๆ คนขับรถจัดคนบ้าง หาคนบ้าง หรืออะไรก็ตามแต่ที่ใครจะเรียกใช้ และไม่ได้บ่น หรือใช้สิทธิ์พิเศษว่าเขาคือ 'เด็กนายหัว' เลย มันทำให้ผมเชื่อว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กดีจริง ๆ ที่เขาทำก็เพราะหลงผิดเพียงเท่านั้น ผมถามเขาว่า ทุกคนเป็นไงบ้าง ฝางบอกว่า หลายคนก็หยอก บางคนก็แซวผมเวลาผมเงยขึ้นมองแล้วก็นั่งยิ้มอยู่ในห้อง แต่มีลุงคมที่ดุกับเขาหน่อย เหมือนไม่ชอบเขาสักเท่าไหร่ ชอบแกล้งเขาบ่อย ๆ" ผมเลยไปบอกว่า "ลุงคมหน่ะแกเป็นคนดีนะ ใจดีมากด้วย แต่แกวางท่า ชอบแกล้งเด็กไปหน่อยเท่านั้นเอง สนิท ๆ แล้วจะชอบลุงแกเองแหละ" เจ้าฝางก็ไม่พูดอะไรต่อ คงไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง

หลังจากเรามีอะไรกันเสร็จในคืนวันศุกร์ ฝางเหมือนจะมีอะไรจะพูดกับผมแต่ไม่พูดออกมาสักที

"เป็นอะไรล่ะ หืม" ผมกอดฝางแน่นขึ้น แล้วก็หอมแก้มนุ่ม ๆ ของเขาไปอีกที
"พี่... เอ่อ... ผม... ผมอยากกลับบ้าน ผมคิดถึงพ่อกับแม่..." ฝางพูดออกมาเบา ๆ แต่ทำเอาใจผมสลายลงทันที ผมคิดว่าเขาจะอยู่กับผมตลอดไปเสียอีก แต่ผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรดี ๆ มาฉุดรั้งฝางเอาไว้ อีกทั้ง พอผมนึกถึงพ่อแม่ผม ผมก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้
"แล้วจะกลับมาที่นี่อีกไหม" ผมถาม
"อืม... ครับ" ฝางตอบกลับแบบไม่มั่นใจสักเท่าไหร่
"แน่นะ สัญญาแล้วนะ" ผมขอความมั่นใจ
"ครับ" ฝางตอบกลับมาสั้น ๆ

ความสุขผมคงจบลงแค่นี้ แต่ก็ช่างเถอะ ทุกคนมีทางเลือกของเขาเอง จะให้เราไปบังคับใจใครคงทำไม่ได้ ถ้าฝางอยากจะไป ผมก็ให้เขาไป บางทีเขาอาจจะไม่ได้รักผมอย่างที่ผมรักเขาก็ได้ บางทีเขาอาจจะไม่มีทางเลือก และความเงี่ยนมันพาไปก็เท่านั้น ผมถอยหายใจเบา ๆ แล้วโอบกอดร่างน้อย ๆ ของเด็กหนุ่มที่ผมรักไปหมดหัวใจคนนี้เอาไว้

เช้ามา ผมเตรียมอาหารเช้าให้ แล้วก็โทรไปจองตั๋วรถบัสนครศรีฯ - กรุงเทพฯ เที่ยวค่ำให้ ผมขออยู่กับฝางต่ออีกสักหน่อยก็ยังดี ฝางลงมากินอาหารพร้อมกับผม และบอกว่า ผมจองตั๋วรถทัวร์ให้แล้ว ฝางก็เงียบ ๆ ผมเองไม่เข้าใจว่า เขาคิดอะไรของเขาอยู่ แต่ผมเองก็ต้องทำตัวเป็นปกติเข้าไว้ แม้ว่าใจผมจะหายไปอยู่ที่เขาแล้วก็ตาม ช่วงเช้าเราหยอกล้อกันนิดหน่อย จนเขาเสร็จผมไปอีกหนึ่งน้ำ ถือเป็นการสั่งลา เราลงมาจัดกระเป๋าด้วยกัน หลังจากเก็บเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็ให้เงินเขาไปจำนวนหนึ่ง ฝางก็ปฏิเสธ แต่ผมก็ยืนยันว่าจะให้ ถือเป็นการช่วยงานที่สำนักงานก็แล้วกัน แต่ฝางก็ยืนยันว่ามันมากไปอยู่ดี ผมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ แล้วบอกว่า "รับไปก่อน แล้วค่อยกลับมาชดใช้ให้ก็ได้นะ หึหึ" เจ้าฝางหน้าแดง และรับเงินของผมไปแต่โดยดี

ผมขับรถไปส่งฝางที่ บขส. และนั่งคุยจนรถบัสมาจอดเทียบ ผมเดินไปคุยกับเอก กระเป๋ารถคันที่ฝางจะไปด้วยด้วยความสนิทสนม ฝากให้เอกดูแลฝางแทนผม ช่วยจองตั๋วรถบัสไปลำปาง และไปส่งฝางให้ด้วย เอกก็รับปากผมอย่างดี


พอถึงเวลารถออก ผมส่งฝางขึ้นรถ และนั่งมองเขาจนรถแล่นออกไปสุดสายตา หัวใจผมก็แล่นหายไปด้วย แต่ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ ยังไงเสีย ผมก็ต้องอยู่ให้ได้ล่ะ

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +20 Zenny +220 ย่อ เหตุผล
Medmayom + 20 + 220 ซึ้ง

ดูบันทึกคะแนน

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-4 19:56:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 7: ตอบแทน

เย็นวันรุ่งขึ้น เอกโทรมารายงานว่า...

พอรถถึงกรุงเทพฯ เขาก็พาฝางไปที่พักเขา แต่บังเอิญเจอฝรั่งสองคนยืนงง ๆ อยู่ ก็เข้าไปทักทาย และแนะนำเส้นทางให้กับเขาไป พวกเขาขอบคุณใหญ่ที่เจอคนพูดภาษาอังกฤษ และแนะนำพวกเขาได้ ต้องขอบคุณพี่นะเรื่องนี้

ใจผมคิดว่าเขาอยากจะอวดผมว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้ และกล้าพอที่จะไปคุยกับชาวต่างชาติแล้วมากกว่า

หลังจากนั้น เอกให้ฝางไปอาบน้ำ ส่วนเขาเดินไปสั่งอาหารมากิน แต่ก็โดนลงโชติบ่นนิดหน่อยว่า นี่จะออกไปไหน ไม่พักผ่อนเหรอ แต่เขาก็ปฏิเสธว่า จะพาฝางไปเที่ยวกรุงเทพฯ เพราะตอนที่คุยกันอยู่บนรถฝางบอกว่า ไม่เคยได้ไปเที่ยวเลย มีแต่นั่งรถผ่าน หรือมาทำงานแค่นั้นเอง

เจ้าเอกเลยอาสาเป็นไกด์พาเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วก็พาไปส่งที่ขนส่งสายเหนือตามคำสั่งผม พร้อมทั้งจองตั๋วให้เสร็จสรรพ ฝางก็ขอบคุณเจ้าเอกมันใหญ่ เอกบอกว่านายหัวสั่งมาต้องทำ ไม่ต้องขอบคุณอะไรมันหรอก กลับไปขอบคุณพี่แทนโน่น

พอรายงานเสร็จเจ้าเอกก็ถามขึ้นมาว่า "เด็กพี่แทนน่ารักจัง ถ้าไม่เอาแล้ว ผมจีบได้ป่ะ" นะ ไอนี่
"แหม เดี๋ยวเหอะ! อืม... แต่ก็นะ พี่ให้เอกจีบฝางก็ได้ แต่เอกต้องยอมมีอะไรกับพี่ พี่ก็โอเคนะ เอามะ แลกกัน" ผมต่อรอง
"โหพี่ มามุกนี้ ผมก็ตายดิ มีแต่เสียกับเสีย ไม่เอาด้วยหรอก" มันปฏิเสธทันควัน เจ้าเอกไม่ได้เป็นเกย์ หรือชอบผู้ชายหรอกครับ แต่มันกะจะแซวผมเล่น เจอผมย้อนเข้าไปแบบนี้ ก็เลยต้องหาทางหนีก่อน

ผมไม่ได้มีเวลาเสียใจ หรือคิดถึงฝางอยู่นานนัก แม้ว่าทุกคนจะดูออกว่าผมซึมลงนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก ก็ถือว่าผิดหวังกันคนละเล็กละน้อย ก็คงมีแต่ผมแหละที่ผิดหวังมากกว่าใคร อีกอย่างช่วยปลายปีแบบนี้ ผู้โดยสารเริ่มมากขึ้น งานของผมเลยยุ่งมากขึ้นเป็นธรรมดา ปีนี้ ผมกะจะคืนกำไรให้ลูกค้า ด้วยการจับรางวัลตามหมายเลยบัตรโดยสารด้วย แต่พอเอาเข้าจริง ผู้โดยสารหลายคนทิ้งตั๋วไปแล้ว เลยไม่ค่อยมีใครมารับรางวัลกันเท่าไหร่ ปีหน้าคงต้องแก้ตัวใหม่ ให้จับฉลาก แล้วรับรางวัลเป็นของขวัญปีใหม่กันตอนนั้นเลยจะดีกว่า

หลังจากปีใหม่ บริษัทผมก็จัดงานฉลองให้แก่พนักงงานและครอบครัว โดยแบ่งเป็นสองรอบ เพื่อจะได้ไม่ต้องหยุดบริการผู้โดยสาร งานจัดที่บ้านผมเหมือนทุกปี ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข และรับของแจกของรางวัลกันไป ใครอยากร้องอยากเล่นก็เต็มที่ แต่เมาไม่ขับ หลับได้ที่บ้าน ในรถตู้มีเต้นท์สำหรับพักผ่อนกันอยู่แล้ว ที่ก็มีเหลือเฟือ ทั้งป่าสน และสวนมะพร้าว แต่สวนมะพร้าวนี่ต้องเลือกจุดดี ๆ หน่อย ไม่งั้นอาจจะถึงฆาต เพราะลูกมะพร้าวหล่นใส่ได้ ถ้าจะใครนอนในรถ หรือจะนอนพักในบ้านชั้นล่างของผมก็ย่อมได้ ถือเป็นการขอบคุณที่อยู่ร่วมด้วยช่วยกันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

หลายเดือนผ่านไป เกือบทุกคนลืมเรื่องของฝางไปเสียสิ้น มีเพียงผม ที่เฝ้าคิดถึง และเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่หัวใจของผมจะกลับมาหาผมสักที ผมกลับมานอนบ้านทุกเสาร์อาทิตย์ แรก ๆ ก็โดนแซวบ้าง แต่ผ่านไปนานเข้ามันก็กลายเป็นเรื่องปกติไป

เย็นวันศุกร์นี้ บ้านผมก็ยังเงียบเหงาเหมือนเดิม ผมรู้สึกเหงา ๆ เซ็ง ๆ เลยเดินไปที่ร้านของพล ร้านที่ผมเคยมานั่งซดเบียร์กับฝางมัน ถึงตอนนั้นผมจะเป็นฝ่ายซดเสียคนเดียวก็เถอะนะ แต่กลับพบว่า ร้านปิด ผมเดินไปที่บ้านของพล ซึ่งถัดออกไปนิดหน่อย เห็นบ้านหลังเล็กยังเปิดไฟอยู่เลยเข้าไปเคาะพื้นไม้เรียก จะว่าไปจะเรียกว่าบ้านก็คงไม่ถูกนัก มันเป็นกระท่อม ที่ยกพื้นสูง มีห้องเดียว แล้วก็มีชานด้านหน้าสำหรับนั่งเล่น แต่มีหลังคายื่นมาเพื่อกันแดดกันฝน ปกติแล้วคนใต้เราจะเรียกว่า 'หนำ' หรือขนำในภาษากลาง

"พล อยู่เปล่า"
"หือ ครับพี่แทน" พลลุกขึ้นมาเปิดประตูต้อนรับผม
"ทำไมวันนี้ถึงปิดร้านล่ะ" ผมถามด้วยความสงสัย
"แหม มันก็ต้องมีขี้เกียจบ้างเป็นธรรมดาหน่ะพี่" เจ้าพลพูดไปเรื่อย
"เหอะ ไปไหนมารึ หรือจะไปไหนรึเปล่า" ผมถาม เพราะปกติแล้วพลเป็นเด็กที่ขยันมาก ๆ หากไม่มีเหตุจำเป็นไม่เคยปิดร้านหรอก
"ฮ่า ฮ่า แหมพี่ก็ ไม่ได้จะไปไหนครับ วันนี้ผมพาพ่อกับแม่ไปตรวจร่างกายมา กลับมาเลยอยากจะพักหน่ะครับ ปิดร้านวันนึง" พลอธิบายให้ผมฟัง
"แล้วผลตรวจเป็นยังไงบ้างล่ะ" ผมถาม
"ก็โอเคดีครับ ปกติ แต่ให้ระวังเรื่องอาหาร พวกแป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ กินผักเยอะ ๆ ระวังผลไม้หวาน ๆ ออกกำลังกายบ้าง อะไรทำนองนี้แหละ" พลตอบ
"แล้วของเราล่ะ หืม" ผมยังสงสัย
"ของผมก็ปกติสิครับ แหม ยังหนุ่มยังแน่น ยังฟิต" มันอวด ทำเอาผมหมั่นไส้
"ฟิตจริงเรอะ ไหน ๆ" ผมดันพลเข้าไปในบ้านของมัน มันหนีผมจนไปถึงส่วนของที่นอน
"ย๊าก! ตายซะ" ผมวิ่งเข้าไปหาพลหลังจากปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
"พี่ ไม่เอานะ พี่ ผมยอมละ นะพี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" พลหัวเราะไม่หยุด เพราะผมจั๊กจี้มัน เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้บ้าจี้เป็นที่สุด ผมมักจะแกล้งมันบ่อย ๆ …

ผมจั๊กจี้มันจนรู้สึกสงสาร ก็ปล่อยมือออกจากตัวมัน มันก็นิ่งเงียบไปด้วยความเหนื่อยหอบ ส่วนผมนั่งยิ้มมองมันอยู่

"เออ ว่าแต่พี่มาหาผมทำไมเหรอครับ" พลนึกขึ้นได้
"หือ มาหาไม่ได้รึไง" ผมกวนมันกลับ
"ไม่ใช่อย่างนั้น แหม พี่ก็" มันละล่ำละลักปฏิเสธ
"ก็ว่าจะมาหาอะไรดื่มแก้กษัยสักหน่อย เห็นร้านปิด แต่ไฟที่นี่ยังสว่างก็เลยเดินมาดู ก็เท่านั้นเอง" ผมตอบ
"อ๋อ แต่แก้กษัยพี่นี่ซดอย่างกะน้ำเลยนะ" พลตอบ แล้วก็เดินออกไปจากบ้าน ผมเองก็มานั่งรอพลที่ชานบ้าน
"อ่ะ ผมเลี้ยงก็ได้ วันนี้ผมใจดี" พลตอบพร้อมกับหยิบเบียร์มาสองขวด มันเปิดแล้วรินให้ผมแก้วนึง ของมันแก้วนึง
"หึ เลี้ยงพี่จริงก็ยกมาทั้งลังสิ" ผมแซว
"โห่ พี่ แบบนั้นผมก็ขาดทุนแย่สิ" แหมเจ้านี่ งกขั้นเทพจริง ๆ
"เอ่อ แล้ววันก่อน พี่จ่ายเงินให้พลไปยังอ่ะ" ผมชักไม่แน่ใจว่า ครั้งนั้นผมจ่ายเงินค่าเบียร์กับอาหารไปหรือยัง
"ครั้งไหน... อ๋อ ที่มากับเด็กพี่อ่ะเหรอ พี่ฝากพ่อผมมาให้แล้ว" พลตอบ
"อืม เอ่อ ใช่ วันที่แกเอาค่ามะพร้าวไปให้" ผมนึกขึ้นได้
"เออ พี่ ว่าแต่เด็กพี่ไปไหนแล้วอ่ะ" พลถามด้วยความสงสัย แต่เหมือนจะแทงใจดำผมแปลบ
"… กลับบ้านไปแล้ว..." ผมตอบเรียบ ๆ พยายามจะไม่คิดอะไรมาก
"ขอโทษครับ" พลรีบขอโทษ เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่ดีออกไปเสียแล้ว หลังจากนั้นเราก็นั่งเงียบกันพักใหญ่ ซดเบียร์ที่อยู่ในแก้วไปเรื่อย ๆ

"พี่แทนครับ..." อยู่ ๆ เจ้าพลก็เรียกชื่อผมขึ้นมา
"หืม" ผมตอบรับ
"พี่แทนดีต่อผม และครอบครัวผมมาตลอด และเคยช่วยชีวิตผมด้วย ถ้าไม่มีพี่แทน ผมคงตายไปแล้ว และเพราะผม พี่ถึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้... ถ้าพี่อยากได้ใครสักคนมา... เอ่อ... คบเป็นแฟน ผมก็ยินดีนะ ถ้าพี่ต้องการ" พลเสนอตัวให้ผมเสียอย่างนั้น
"หึหึ" ผมเอามือไปลูบหัวเจ้าพลเล่นอย่างเอ็นดู
"พล เป็นเหมือนน้องพี่ พี่ทำไม่ลงหรอก อีกอย่างพลเองก็ชอบผู้หญิง พี่ไม่อยากให้น้องของพี่ต้องมาเป็นเกย์หรอกนะ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นอีก ตกลงนะ" ผมยิ้มให้กับพล
"อืม ครับ" ดูเหมือนเจ้าพลจะผิดหวังเล็กน้อย ผมเลยลูบหัวมันอีกทีแล้วดึงไหล่มันมากอดไว้
"อย่าคิดมากเลยหน่า พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้สบาย ๆ" ผมพูดออกไปตามที่รู้สึก

หลังจากนั้น ผมก็หาทางเปลี่ยนเรื่อง เราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ จนดึก ผมเลยนอนกับพลเสียที่นั่น มันเป็นอีกวันที่ผมรู้สึกมีความสุข สุขที่รู้สึกว่ามีคนคอยห่วงใยผมอยู่ มันไม่มีอะไรแย่เสมอไปหรอก สักวันมันจะดีขึ้น แต่ว่าเมื่อไหร่กันล่ะ นั่นหน่ะสิ เมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึงสักที

ผมกับพลรู้จักกันตอนที่ผมเที่ยวขับรถหาที่ดินที่จะทำเรือนหอ หลังจากที่ผมเห็นที่ดินแปลงที่ผมซื้อประกาศขายอยู่ ผมก็ขับรถดูที่ดินแปลงอื่นไปเรื่อย ๆ แต่ไม่มีเจ้าของคนไหนยินดีที่จะขายให้แก่ผม ผมจึงออกจากหมู่บ้าน แล้วขับรถขึ้นถนนใหญ่ ผมขับไปได้สักพักก็เห็นเศษพลาสติก ที่ดูเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ ผมชะลอความเร็วลง แล้วมองไปรอบ ๆ จนเห็นว่ามีมอเตอร์ไซต์คันหนึ่งล้มลงอยู่ในคูข้างทาง และเห็นเด็กคนนึงในชุดเด็กนักเรียนสายอาชีวะนอนจมกองเลือดอยู่

ผมวิ่งลงไปดู เห็นแผลหลายแผลที่เกิดจากรอยถลอกจากรถที่ล้มลง รวมทั้งรอยขีดข่วนจากก้อนหิน และกิ่งไม้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าแผลตรงศีรษะที่ทำให้เลือดไหลออกมามากมาย ผมพอรู้วิธีปฐมพยาบาลอยู่บ้าง เพราะมีอบรมอยู่ทุกปี เมื่อดูแล้ว ไม่พบว่ามีอาการกระดูกหัก ผมเลยวิ่งไปหยิบผ้าในรถมาพับทบจนหนาพอควรกดที่บาดแผลไว้ ก่อนจะใช้ผ้าอีกผืนมัดเมื่อห้ามเลือดที่ศีรษะไว้ชั่วคราว

ผมพยุงร่างไร้สติ แต่หากยังมีลมหายใจเบา ๆ นั้นขึ้นไปนั่งตรงเบาะหน้า และโทรเรียกหน่วยฉุกเฉินเพื่อขอคำแนะนำ และขอความช่วยเหลือ ผมพบกับหน่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาลระหว่างทาง เขาลงมาดูอาการ และบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ผมจึงพาเด็กคนนั้นส่งโรงพยาบาล

ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ และพยาบาลไป แต่ผมขอให้พยาบาลเอาบัตรประจำตัวเด็กคนนั้นมาให้หน่อย ซึ่งเธอก็เอามาให้โดยไม่อิดออดมากนัก ผมได้บัตรประชาชนมา พอเห็นที่อยู่ ก็คุ้น ๆ ว่าอยู่ในหมู่บ้านที่ผมจะซื้อที่นั่นเอง

ผมขับรถออกไปโดยไม่ได้สังเกตว่าตามเสื้อผ้ามีรอยเลือดอยู่เต็ม พอถึงหมู่บ้านก็สอบถามชาวบ้าน เขามองผมแปลก ๆ บางคนก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้าย ผมก็พบกับบ้านของเด็กคนนั้นจนได้ ผมตะโกนเรียกอยู่นอกบ้าน เพราะดูเหมือนจะไม่เป็นการดีนัก หากจะบุกข้ามรั้วเข้าไป แม้ว่ามันจะไม่ลงหลักลงกลอนอะไรก็ตาม ผมไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกเคหสถานยามวิกาลเป็นครั้งที่สองสักเท่าไหร่

ตอนนั้นมีชายคนนึงยืนมองผมจากชั้นสองของบ้านในท่าทีที่ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างผมมากนัก ในขณะเดียวกันหญิงสาวคนนึงเดินลงมาตะโกนตามว่า มีเรื่องอะไร

"เอ่อ ขอโทษนะครับ นี่ใช่บ้านของนายกำพลรึเปล่าครับ" ผมถาม
"เธอนิ่งเงียบอยู่นิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินมาหาผม พร้อมเปิดประตูหน้าบ้านให้ แต่พอเธอเห็นเลือดที่ติดอยู่ตามเสื้อผม ก็หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม ผมจึงประคองเธอเอาไว้ ชายที่มองอยู่ด้านบนเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งลงมาข้างล่าง
"มึงมีอะไร แล้วทำไมเสื้อถึงเปื้อนเลือด" ชายคนนั้น วิ่งมา ดึงร่างผู้หญิงที่ผมประคองไว้ไปประคองเสียเอง แล้วเอายาดมให้เธอดม ก่อนที่จะถามขึ้นมา
"เอ่อ คือ กำพลเขาล้มรถ ผมเห็นเข้า เลยพาเขาส่งโรงพยาบาล แล้วก็ออกมาตามหาผู้ปกครองให้หน่ะครับ" ผมอธิบาย
"แล้วลูกผมเป็นยังไงบ้าง" เขาถามผมด้วยความเป็นห่วง
"ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอพาเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว แต่ยังไม่ได้โทรมารายงานอะไรผม แสดงว่ายังไม่ได้ออกมาล่ะมั้งครับ น้าไปโรงพยาบาลกับผมไหม เดี๋ยวผมไปส่ง" ผมอาสา
"ได้ ๆ ขอบใจนะ" ผู้ชายคนนั้นวิ่งไปในบ้าน หยิบเสื้อมาใส่แล้วก็วิ่งมาหน้าบ้าน ตรงที่ผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นแม่ของพลยืนอยู่
"ไป ๆ" เขารีบตอบ
ผมพาเขาไปที่รถ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เลือดมันจะเลอะเบาะอยู่เลย
"เอ่อ น้านั่งเบาะหลังนะ พอดีเบาะหน้ามัน..." ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี
ผมเปิดประตูด้านหลังให้ทั้งคู่เข้าไปนั่ง ชายคนนั้นก็ชะโงกมาดูเบาะด้านหน้า แล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง

"น้าขอบใจนะที่คุณช่วยลูกชายของน้าไว้ น้าชื่อบน ส่วนนี่แม่ของพลมันชื่อนิด... แล้วก็เรื่องเบาะกับเสื้อ เราจะชดใช้ให้นะ" น้าบนพูดออกมาระหว่างทาง
"โห่ เรื่องเล็กหน่ะครับ อย่าไปใส่ใจเลยครับ" ผมปฏิเสธความหวังดีของเขาไป ระหว่างทางก็มีโทรศัพท์เข้ามาว่า พลปลอดภัยดีแล้ว ผม น้าบน และน้านิดก็โล่งใจกันไป

พอถึงโรงพยาบาล ทั้งคู่รีบไปดูลูกของเขา ส่วนผมคุยกับพยาบาลเรื่องค่าใช้จ่าย และเรื่องห้องจนเรียบร้อย ผมเดินไปมองเด็กคนนั้นตรงช่องกระจกประตู เห็นพ่อแม่เขานั่งจับมือลูกเขาอยู่ ผมรู้สึกยังไงบอกไม่ถูก เหมือนจะคิดถึงพ่อแม่ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ผมเองก็อยู่กับพวกท่านมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และไม่เคยทิ้งไปไหนนาน ๆ เลยสักครั้ง ผมเดินออกมาแล้วขับรถกลับบ้าน โดยไม่ลืมที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อกันคนที่บ้านสงสัย ส่วนรถหน่ะ พรุ่งนี้ค่อยให้ที่อู่เจ้าประจำผมจัดการให้ก็ได้

ผมไปเยี่ยมพลบ้างเมื่อมีเวลา แต่ไม่ถี่มากนัก จนพลออกจากโรงพยาบาล ส่วนค่าใช้จ่าย ผมออกให้นอกเหนือจากสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุที่เด็กสายอาชีวะทุกคนต้องทำอยู่แล้ว พวกเขาขอบคุณผมใหญ่ แต่ผมแค่อยากช่วยเท่านั้นเอง

แต่เหมือนมันจะเป็นโชคชะตาของผมกับครอบครัวนี้ เพราะในวันทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ผมกลับพบว่า ที่ดินแปลงที่เขาจะขายนั้นเป็นของน้าบนเอง พอน้าบนรู้เข้า เขาก็ขอโทษขอโพยผมที่ไม่ยอมลดราคาค่าที่ให้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ต้องการให้ลดอยู่แล้ว แกเลยอาสาจะมาดูแลที่ดินให้ และอาสาเก็บมะพร้าวในสวนไปขายให้เป็นการตอบแทน ผมเองก็ยอมตกลงเรื่องนี้ทั้งที่เกรงใจน้าบนแกมาก


พลเองเป็นลูกคนเดียวเหมือนกับผม ดังนั้น ถ้าเขาไม่ได้เป็นเกย์ก็ดีแล้ว พ่อแม่จะได้ไม่ผิดหวังเหมือนกับผม...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +20 Zenny +220 ย่อ เหตุผล
Medmayom + 20 + 220 ดีมาก

ดูบันทึกคะแนน

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-11 21:47:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 8: กลัว

ในปีนี้ บ่าย ๆ ของทุกศุกร์ในช่วงเปิดภาคเรียน ผมจะออกจากสำนักงานมาก่อนเป็นประจำ เพื่อมานั่งดูเด็กตัวน้อย ๆ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง มันอาจจะไม่ใช่โรงเรียนที่ดีที่สุดในนครศรีฯ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบบรรยากาศของโรงเรียนแห่งนี้เป็นที่สุด โดยเฉพาะเวลามีเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นกันตอนเย็น ๆ แบบนี้

ผมนั่งบนม้าหินอ่อน มองไปข้างหน้าเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียวอย่างนี้เช่นทุกวัน แต่แล้วอยู่ ๆ ก็มีเสียงเล็ก ๆ ตะโกนออกมาว่า

"น้า ๆ ช่วยโยนบอลมาให้พวกผมหน่อย" เสียงเด็กอนุบาลตัวน้อยคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา แล้ววิ่งมายังผมเพราะเหมือนเขาจะคิดว่า ผมไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา ผมหันมองดูรอบ ๆ เห็นลูกบอลพลาสติกลูกเล็ก ๆ วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเอื้อมมือไปหยิบ แล้วปากลับไปให้เด็กคนนั้น เขาก็รับมันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
"ขอบคุณครับน้า" เด็กตัวน้อยโค้งลงทำความเคารพ ผมก็ยิ้มกลับไป แต่แทนที่เด็กชายตัวน้อยคนนั้นจะกลับไปเล่นบอลต่ออย่างที่ผมคิด เขากลับวิ่งไปหาเพื่อนแล้วยื่นลูกบอลให้ ก่อนจะวิ่งมายังผม แล้วมานั่งข้าง ๆ ผมแทน

"อ้าว ทำไมไม่เล่นบอลต่อแล้วล่ะ" ผมถามเด็กน้อยผู้นั้น
"วันนี้พอแล้ว เหนื่อยแล้ว เบื่อแล้วด้วย เล่นทุกวัน น้าล่ะ มานั่งดูพวกผมเล่นแบบนี้ทุกศุกร์ ไม่เบื่อบ้างเหรอ" เด็กน้อยถามกลับมา
"อืม... ก็ไม่รู้สิ แต่มานั่งแล้วมันรู้สึกดี ก็เลยมานั่งเล่น ๆ" ผมเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรยังไงดี และไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันตอนนี้
"เออ แล้วน้าชื่ออะไรอ่ะ" เจ้าเด็กน้อยถามผม
"เอ่อ น้าเหรอ ชื่อแทน" ผมตอบไปตามตรง เพราะไม่รู้จะโกหกเด็กไปทำไม ยังไงเด็กน้อยคนนี้ก็ไม่รู้จักผมอยู่ดี แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรถ้าจะพูดไปตามตรง
"แล้วเราล่ะ" ผมถามเด็กน้อยกลับไปบ้าง ทั้งที่ผมรู้ชื่อของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
"เพชรครับ" เจ้าเพชรตอบอย่างใสซื่อ แล้วหันกลับไปมองเพื่อน ๆ ที่เล่นบอลรอให้รถรับสั่งนักเรียนมารับอยู่ สลับกับการหันมองมองผมบ้างเป็นครั้งคราว
"ทำไมน้าดูมีความสุขจัง ยิ้มอย่างกะคนบ้าแหน่ะ เอ ไม่ใช่มั้งแต่งตัวก็ดูดีออก" เจ้าเพชรสังสัย

ผมจะเอามือไปลูบหัวเด็กน้อยข้าง ๆ แล้วก็ยั้งมือเอาไว้นิดนึง พลางครุ่นคิดสิ่งที่จะตามมาหากทำเช่นนั้น แต่ก็ช่างเถอะ ขอทำตามใจตัวเองหน่อยแล้วกัน สุดท้ายผมก็เอามือไปลูบหัวเจ้าเพชรเล่น
"ทำไมผู้ใหญ่เขาชอบทำอะไรแบบนี้กันจังนะ เวลาตอบอะไรไม่ได้เนี่ย" เจ้าเพชรบ่นอุบ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ผมหัวเราะออกมา
"เขาทำเพราะเอ็นดูหรอก" ผมตอบเบา ๆ เรียบ ๆ พร้อมกับหันหน้าไปมองเจ้าเพชรที่ทำหน้ายุ่งไม่พอใจกับสิ่งที่ผมทำอยู่ขณะนี้
"อ่ะ รถมาแล้ว ผมไปก่อนนะ แล้วศุกร์หน้าค่อยเจอกันใหม่" เจ้าเพชรหันมาพูดกับผมเมื่อเห็นรถตู้ที่ผมคุ้นเคยขับเข้ามาในโรงเรียน หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู แล้วก็เรียกเด็ก ๆ ให้เข้าไปในรถ เพชรวิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้น แล้วก็ชี้มายังผม ทำเอาผมใจหายวาบ แต่เธอกลับยิ้มให้กับลูกชายตัวน้อยของเธอ แล้วก็ลูบหัวเขาเล่น เหมือนเจ้าเพชรจะบ่นอุบอิบเหมือนเคย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะหันมามองผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกลับไปสนใจเด็กที่เธอต้องดูแลต่อ

หลังจากนั้น ในบางศุกร์เจ้าเพชรก็มานั่งคุยกับผมบ้าง ถามโน่นถามนี่ตามประสาเด็ก ผมก็ตอบไปเรื่อย ดูเหมือนเด็กคนนี้จะชั่งซักชั่งเจรจาอยู่ไม่น้อย แต่ผมกลับไม่เบื่อที่จะตอบคำถามของเด็กน้อยผู้นี้เลย เพราะเขาเปรียบเสมือนสายใยเส้นเล็ก ๆ ที่ผูกผมกับเธอคนนั้นเอาไว้ ผมไม่อยากจะทำให้เส้นใยเส้นนี้ขาดลง หรือแม้แต่จะเสียหายเพียงเล็กน้อยก็ตาม เจ้าเพชรจะเลิกคุยกับผมต่อเมื่อมีรถมารับนั่นแหละ เขาจะโบกมือลาผมแล้ววิ่งไปหาหญิงสาวที่มากับรถ หากแต่เธอมิได้สนใจใยดี หรือแม้แต่จะหันมามองผมสักนิดเดียว แต่แค่นั้นก็ดีแล้ว ดีมากแล้ว...

วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ตามที่มันควรจะเป็น ก็แหม ไม่มีใครจะหยุดยั้งวันเวลาเอาไว้ได้ แม้ว่าอยากจะทำสักแค่ไหนก็ตาม ในช่วงขณะที่เราอยากให้เวลามันเดินช้า ๆ อาจจะมีบางคนอยากให้เวลามันผ่านไปเร็ว ๆ อยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นเวลามันก็ต้องเดินไปตามเรื่องตามราวของมัน จนมาถึงช่วงสิ้นปีอีกครั้ง

ปีนี้คิวรถตู้ของผมก็ยังจะจัดงาน และแจกรางวัลเหมือนเดิม แต่เป็นจับฉลากหลังจากซื้อตั๋ว (ประเภทคืนเงินไม่ได้) และแจกของขวัญให้เสียตั้งแต่ตอนนั้น คราวนี้ ทุกคนได้รับรางวัลกันไปถ้วนหน้า ก็หวังว่า คราวหน้า พวกเขาจะเป็นลูกค้าขาประจำของบริษัทผมละกัน เงินที่เสียไปก็ถือเป็นการโฆษณาอย่างหนึ่ง

หลังจากผ่านช่วงปีใหม่ไปได้หนึ่งสัปดาห์ก็เป็นช่วงงานฉลองของพนักงานในบริษัทกันบ้าง พวกเขาเหนื่อยเพื่อผม และบริษัทมาทั้งปี ก็ต้องตอบแทนกันหน่อย โดยแบ่งเป็นสองรอบเช่นเคย รอบแรกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ดื่มกินกันอิ่มหนำสำราญ แต่รอบหลังนี่สิ ดันมีปัญหาเกิดขึ้นมา

ในช่วงเช้าทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี พนักงาน คนขับรถ ครอบครัว พร้อมลูก ๆ ก็ทยอยกันมา ตามแต่ละคนจะสะดวก รอบนี้แม่ของผมเหมือนจะเป็นไข้หวัดขึ้นมาเลยขอหยุด ส่วนเจ้าเดชก็ไม่ว่าง เจ้าพลยังมาทำอาหารเลี้ยงพวกเราร่วมกับบรรดาเมีย ๆ ของพนักงานชาย รวมทั้งคนขับรถ และพนักงานหญิงบางคน ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ จนถึงตอนค่ำที่มีการจัดร้องเพลงคาราโอเกะกัน

ผมนั่งฟังเพลงเงียบ ๆ อยู่มุมหนึ่งของงานตามปกติที่เคยทำทุก ๆ ปี จิมเหล้าบ้างไปเรื่อย ๆ อยู่คนเดียว โดยไม่มีใครสนใจ นอกจากโต๊ะ ๆ หนึ่ง ซึ่งอยู่อีกด้านกับที่ผมนั่งหลบอยู่

"ลุง ทำไมนายหัวแกนิ่งเงียบจังอ่ะ ทุกทีผมเห็นออกจากยิ้มแย้ม" บอยเด็กหนุ่ม ถามลุงคมผู้เป็นลุงของเขา จะว่าลุงก็ไม่ถูกนัก เพราะบอยเป็นเด็กกำพร้า แกรับเลี้ยงไว้ตั้งแต่พอจำความได้ สุดท้ายลุงคมแกรับเป็นลูกบุญธรรม แต่เจ้าบอยมันเรียกลุงจนติดเป็นนิสัยไป ซึ่งแกก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงจะเป็นพ่อลูก หรือลุงหลานกัน แต่ความสนิทนี่เหมือนเป็นเพื่อนกันเสียมากกว่า
"มึง พึ่งมาใหม่ เงียบไปเถอะหน่า เรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กอย่างมึงไม่เกี่ยว" ลุงคมดุเจ้าบอยเข้าให้
"คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก ลุงว่าผมเด็กมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไง" มันย้อน
"ต่อให้หมอยมึงหงอก อายุมึงก็น้อยกว่ากูอยู่ดีแหละ ยังไงมึงก็ยังเป็นเด็กน้อยวิ่งแก้ผ้าเล่นน้ำฝนอยู่ดีแหละหว้า" ลุงคมไม่ยอมลดราวาศอกให้กับเจ้าบอยเลยแม้แต่น้อย
"ถึงตอนผมหมอยหงอก ลุงก็คงไปนอนอยู่ในโลงแล้วมั้ง" มันยังไม่เลิก
'โป๊ก!' ลุงคมเขกกบาลเจ้าบอยเข้าให้
"เจ็บนะลุง" มันโวย
"แช่งกูนัก มึงต้องโดนอย่างนี้แหละ" ลุงคมแกตอบ
"แล้วมันเคยมีเรื่องอะไรกันเหรอลุง" เจ้าบอยยังถามอีก
"เรื่องเขาชาวบ้าน อย่าแส่หาเรื่องสิวะ กูสอนไม่จำไอ้นี่" แล้วลุงคมก็เขกกบาลเจ้าบอยไปอีกที

บอยพอจะรู้อะไรบ้างแหละ เรื่องของผม แต่ไม่มีใครยืนยันอะไรกับมัน พอถามถึงเมียผม ทุกคนในสำนักงานก็นิ่งเงียบ แล้วไม่พูดอะไรกัน เพราะเขารู้สึกผิดที่ยุให้ผม ไปขอพบกับนุ่นตอนที่รู้ว่าเธอกลับมาบ้าน หวังว่าเราจะคืนดีกันได้ สุดท้าย ผมกลับต้องถูกสั่งห้ามเข้าใกล้เธอ และลูกไป ทุกคนเลยเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้กันอีก มีแต่เจ้าบอยนี่แหละที่มันยังคาใจไม่หาย

มันคงแปลกใจที่พอมันเข้ามาในบริษัทได้ไม่นาน ผมก็ส่งมันไปเป็นคนขับรถตู้รับส่งเด็กอนุบาล แถมจำเพาะเจาะจงโรงเรียน และเขตพื้นที่บริการ แทนที่จะให้เลือกเองอย่างคนอื่น ๆ เขาโดยให้เหตุผลว่า เจ้าบอยมันไม่มีลูก ก็ไม่ต้องไปส่งลูก มันเลยต้องปล่อยไปตามน้ำ

ตอนลุงคมมาให้มันยื่นใบสมัครก็เคยเห็นฝาง และเห็นว่าผมสนิทสนมกับฝางเป็นพิเศษ แต่แล้วก็หายไป บรรยากาศในสำนักงานก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้น มันคงเก็บความสงสัยนี้อยู่นาน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากใครเลย ในเมื่อไม่มีใครตอบอะไรมัน แม้กระทั่งลุงคมเอง มันจึงเดินไปบอกโฆษกข้างเวทีว่าจะร้องเพลงบ้าง

มันขึ้นเวทีแล้วก็พูดโดยหันหน้ามาทางผม "ผมขอมอบเพลงนี้ให้แก่คนที่กลัวที่จะเสี่ยง ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวว่าเรื่องราวมันจะไม่เป็นอย่างที่คิด เฝ้าแต่รอคอยว่าสักวันนึงเรื่องราวดี ๆ จะเกิดขึ้นกับตนแทนที่จะลงมือไขว่คว้ามันด้วยตัวเอง" มันพูดจบก็ร้องเพลง 'เล่นของสูง ของบิ๊กแอส' ขึ้นมา ทำเอาหลายคนในงานนิ่งเงียบ มีแต่เด็ก ๆ หรือคนใหม่ ๆ ที่ไม่รู้อะไรก็ตบมือกันบ้าง มันร้องจนจบ แล้วก็ลงเวลาไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนมาถึงโต๊ะของมัน
'โป๊ก!' ลุงคมเขกกบาลเจ้าบอยไปอีกครั้ง
"ไม่รู้อะไรอย่าเสือกไง กูบอกมึงแล้ว" ลุงคมพูดเสียงเข้ม แต่ได้ยินกันแค่สองคน
"แล้วจะทำไมล่ะ ผมพูดผิด ทำผิดตรงไหน ลุงเองก็เคยบอก ถ้าอยากได้ ก็ต้องกล้าเสี่ยง คุ้มไม่คุ้มก็ต้องลอง ไม่ใช่เหรอลุง หรือว่าแก่จนเลอะ ๆ เลือน ๆ" เจ้าบอยเถียง แถมย้อนเข้าให้ ทำเอาลุงคมต้องนิ่งเงียบ ส่วนเจ้าบอยก็รู้สึกว่าคราวนี้ ตัวเองพูดกับลุงคมแรงไปสักหน่อย แต่ไม่ได้กล่าวขอโทษแต่อย่างใด นอกจากนิ่งเงียบ และดื่มเบียร์ไปเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากลุงคมที่นั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ เหมือนกัน

ผมได้ฟังเพลงก็จุกอก ก็จริงอย่างที่มันพูด ก็จริงอย่างที่เพลงว่า แต่งานชักเริ่มกร่อย ผมคงต้องหาทางแก้สักหน่อยแล้ว เดี๋ยวมันจะแย่ไปกว่านี้ ใจหนึ่งผมอยากจะร้องเพลง 'กุมภาพันธ์ ของ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล' แก้กลับไปเสียด้วยซ้ำ แต่นั่นคงไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นแน่ ๆ ผมเลยถือวิสาสะขึ้นไปบนเวที แล้วประกาศออกไมค์ว่า

"พอดี ได้ยินเพลงเมื่อกี้ รู้สึกเหมือนโดนด่าผ่านเสียงเพลง หรือไม่อากาศมันก็ร้อนไปสักหน่อย เล่นเอาผมเหงื่อตกเลยทีเดียว" ทุกคนก็ยิ้ม ๆ กัน

"ไอ้ผมก็ร้องเพลงไม่เก่ง แถมร้องเพลงเร็ว ๆ สนุก ๆ ไม่ค่อยเป็นเสียด้วย เอ ไหน ๆ ก็ขึ้นมาแล้ว เอาเป็นเพลงอะไรดี" ผมนิ่งคิดอยู่แป๊บนึง แล้วก็เดินไปบอกคนเล่นดนตรี เขาก็ยิ้มให้ผม แล้วเริ่มบรรเลงดนตรี

ผมร้องเพลง 'ลีฟ แอนด์ เลิร์น ของ บอย โกสิยพงษ์' โดยหันหน้าไปมองเจ้าบอย แล้วยิ้มให้ มันก็หัวเราะคิก ๆ แล้วยกนิ้วให้ ส่วนลุงคม เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้โกรธอะไรเจ้าบอย ก็มีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อยนึง

หลังจากร้องจบผมลงจากเวที มานั่งจิบเหล้าเหมือนเดิม ในหัวผมมีความคิดถึงโผล่เข้ามา 'หรือจะลองเสี่ยงดูอีกที เทวาผู้อยู่เหนือเทวาองค์ใดในเขลางค์นครของผม' ผมนั่งอมยิ้มคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่ในเงามืดของร่มไม้


งานดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนดึกดื่น ผมเลยเข้ามานอนบนห้อง ปล่อยให้คนที่เหลือเขาสนุกกันไป ลุงคมที่ดูเหมือนจะเมามาก เดินมาขอโทษผมเรื่องเจ้าบอย แต่ผมยิ้มให้แก และบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้คิดมากอะไร แกดูท่าเป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย ประกอบกับความรู้สึกผิดด้วยล่ะมั้ง ผมยิ้มให้แก ตบบ่าแกเบา ๆ สองสามครั้งก่อนขึ้นชั้นบนอาบน้ำนอน

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-11 21:52:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนที่ 8 เป็นตอนที่ผมปวดหัวพอสมควร เพราะ เพลงที่ผมเลือกไว้ตอนต้นไม่ตรงกับช่วงเวลาที่ผมเขียน (ผมเข้าใจว่า บางทีผมก็หลุดนะ ถ้าใครจับติดโปรดบอก)

  • เพลงกุมภาพันธ์ ของ ปีเตอร์ ความตั้งใจแรกผม ผมจะใช้เพลง ฝุ่น ของ บิ๊กแอส เพราะผมว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องได้ดีกว่า แต่เพลงนี้มีหลังเวลาที่ผมเขียนถึงเสียนี่
  • เพลงลิฟ แอนด์ เลิร์น ของ บอย ก็เหมือนกัน แต่เพลงนี้เข้ากับเนื้อเรื่องได้อยู่ ตอนแรก ผมจะใช้ เพลงความสุข ของ นภ พรชำนิ เพราะว่า ผู้ชายอย่างแทน น่าจะเหมาะกับการร้องเพลง ความสุข มากกว่า ลีฟ แอนด์ เลิร์น นะ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-26 13:53:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 9: ป่าตัน

ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า เตรียมข้าวต้มให้สำหรับคนที่นอนที่นี่เมื่อคืน เจ้าพลมาช่วยผมเตรียมด้วยเหมือนทุกครั้ง พอทำเสร็จพลก็ลากลับบ้านไป

ลุงคมตื่นมาพบผม ก็เดินเข้ามาคุยกับผม

"ขอโทษแทนไอ้บอยมันอีกทีแล้วกันนะนายหัว สำหรับเรื่องเมื่อคืนหน่ะ" แกพูดอย่างรู้สึกผิดอยู่
"โธ่ ลุง ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่เป็นอะไร อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวหัวล้านนา" ผมแซว
"แหม นายหัวก็ ผมผมแค่บางหน่อยเดียว ล้อผมอีกละ" ลุงคมพูดพร้อมเอามือลูบผมของแกเล่น
"ฮ่า ฮ่า" ผมหัวเราะ
"อ้าว ไปกินข้าวต้มก่อนดิ ผมทำไว้ให้แล้ว" ลุงคมก็เดินไปตักข้าวต้มมากินกับผม

"เอ่อ ทำไมรอบนี้ไม่เห็นไอ้เดชมันหว่า แปลกแฮะ" ลุงคมบ่น เพราะงานแบบนี้ เดชไม่มีทางพลาดเด็ดขาด เหล้าฟรี เบียร์ฟรี กับแกล้มก็มี แถมเป็นดนตรีสด เป็นใครก็คงไม่อยากพลาด
"เดช เขาไปนั่งสมาธิ ถือศีลสิบอยู่ที่วัดเจ็ดวันครับลุง เมื่อวานนี้เป็นวันเสียชีวิตของแม่ของเดชเขานะครับ" ผมตอบ
"เออ ตายจริง วันที่น้องตายแท้ ๆ ดันจำไม่ได้เสียนี่ แย่จริง ๆ คงแก่หลง ๆ ลืม ๆ อย่างไอ้บอยมันว่าแล้วมั้งผม" แกบ่นไปเรื่อย
"แหม่ ลุง ครบรอบวันตายของแม่เพื่อน ผมยังต้องมาจัดงานรื่นเริงเลย ลุงอย่าคิดมากหน่า" ผมปลอบ
"มันไม่เหมือนกัน นายหัวทำตามหน้าที่ แต่ผม..." ลุงคมตอบ
"เฮ่ย ช่างมันเถอะลุง เดชเขาไม่ถือ ไม่สนใจหรอก นอกจากบ่นว่า เสียดาย อดกินเหล้า" ผมตอบตามตรง

ทุก ๆ ปีเดชจะไปนั่งสมาธิ และถือศีลสิบเจ็ดวันในช่วงที่ครบรอบวันเสียชีวิตของแม่มัน ผมจำได้ดี และผมก็เห็นดีเห็นงามกับมันด้วย มันบอกว่า "มันทำเรื่องแย่ ๆ มาเยอะ อยากจะชดใช้คืนให้แม่ที่ต้องมาเหนื่อย มาเครียดเพราะมันอยู่หลายปี แม้ว่ามันจะสายเกินไปแล้วก็ตามที"

คนที่พักที่บ้านผมเริ่มตื่นขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วไปหาอะไรกินกันในครัว คุยกันสนุกสนาน แข่งกับเสียงรื้อเต็นท์ และเวทีที่ผมเช่ามา เขาบอกว่า มีคนเช่าต่อเลยต้องรีบเก็บ ผมก็เห็นดีด้วย เพราะมันจะได้โล่ง ๆ ผมไม่ต้องมานั่งเฝ้าของให้พวกเขาด้วย

พอสายหน่อยทุกคนก็กลับกันไป ทิ้งไว้ให้ผมอยู่คนเดียวตามเคย แต่ก่อนจะกลับก็ช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ และอะไรต่าง ๆ จนเรียบร้อยดี ถือเป็นการขอบคุณผมไปในตัว

หลังจากที่ทุกคนกลับบ้านไปแล้ว ผมก็ขับรถไปกินอาหารที่ร้านเจ้าประจำของผมตามที่ทำมาเกือบทุกปี หลังจากนั้นผมจะมุ่งหน้ากลับบ้าน แล้วไปนอนพัก หรือทำอะไรเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ให้สบายอารมณ์ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ตอนนี้ผมกำลังมุ่งหน้าไปยังร้านหนังสือ แล้วเลือกหยิบแผนที่เส้นทางต่าง ๆ ที่จำเป็น แล้วกลับมายังบ้าน เปิดหาข้อมูลการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ต แล้วก็กามันไปบนแผนที่ พร้อมเขียนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้อีกหน่อย เพื่อให้ได้รู้ข้อมูลบางส่วน เสร็จแล้วผมก็ไปจัดกระเป๋า ผมเอาเสื้อผ้าไปพอสมควร พร้อมทั้งสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ที่ควรจะมี เพื่อตามหาหัวใจของผม

ผมขับรถออกไปตอนบ่าย ๆ โดยไม่ลืมที่จะแวะไปบอกน้าบนว่าผมจะไปเที่ยวสักพักหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน แกก็รับปากจะช่วยดูแลบ้านให้เหมือนอย่างที่เคย

ผมโทรไปบอกณีให้ช่วยดูแลงานให้ด้วย หากอะไรไม่สำคัญมากลองปรึกษากับลุงคมดูแล้วกัน ถ้าแกบอกว่าไม่ไหวจริง ๆ ให้ติดต่อผมนะ เพราะผมอยากพักผ่อน เธอก็รับปากผม

ตอนแรก ผมกะจะขับรถมาเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่วางแผนไว้ และแวะเที่ยวเป็นจุด ๆ ไป แต่ผมเปลี่ยนใจ เพราะใจผมมันลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมบึ่งรถเป็นเส้นทางตรงมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ตามแผนที่ และแวะพักเมื่อใกล้ค่ำ เลือกโรงแรมที่สะอาด ๆ ก็พอ ส่วนอาหารจัดหาเอาตามรายทาง ถามชาวบ้านแถว ๆ นั้นเอาบ้างว่าร้านไหนดี ร้านไหนอร่อย

จนกระทั่งผมขับเข้าเขตเมืองลำปาง เอาล่ะสิ จะเอาไงต่อล่ะเนี่ย ผมจอดรถที่ปั้มแห่งหนึ่ง เพื่อคิดหาวิธีตามหาหัวใจดวงน้อยของผม สงสัยผมต้องสวมบทเป็นพระเอกสักหน่อยแล้ว แต่ก่อนอื่นต้องหาให้เจอก่อนว่าเป็นอำเภอไหน ผมพยายามนึกชื่ออำเภอที่คุ้น ๆ ขึ้นมา จำได้ว่า แม่อะไรสักอย่าง แต่ภาคเหนือมีอำเภอ หรือเมืองที่ขึ้นต้นด้วยแม่เยอะเหลือเกิน สุดท้ายผมเลยไปถามพนักงานของปั้มว่า ในจังหวัดนี้มีอำเภอะไรที่มีคำว่า 'แม่' อยู่บ้าง โชคดีที่ในลำปางมีอยู่แค่สามแม่ คือ แม่เมาะ แม่ทะ แล้วก็แม่พริก ผมขับรถไปที่ว่าการอำเภอแม่พริกเป็นแห่งแรกเพราะอยู่บนเส้นทาง และเล่นบทลูกผู้รักแม่ สงสารแม่ที่กำลังป่วยหนัก (แม่ผมแค่เป็นไข้หวัดนิดหน่อย ผมไม่ได้โกหกนะ แค่พูดเกินจริงไปนิดหน่อยเอง) และแม่ผมแกกำลังคิดถึงเด็กคนหนึ่งซึ่งเคยเลี้ยงดูเมื่อตอนเด็ก ก่อนที่พ่อแม่ตัวจริงเขาจะตามพบแล้วรับกลับไป แม่ไม่รู้ที่อยู่ รู้แค่ชื่อจริง ที่เด็กบอกว่า 'อดิเทพ ธรรมรักษา' ตอนพ่อแม่มารับกลับก็บอกแค่ว่าเป็นคนลำปางแค่นั้น ผมสงสารแม่เลยออกตามหา ผมพูดอ้อนวอนสุดหัวใจ แม้ว่าในใจจะแอบรู้สึกผิด และขำกับการกระทำของตัวเองอยู่ไม่น้อยก็ตาม

แต่เจ้าหน้าที่ทางอำเภอก็ปฏิเสธว่าให้ข้อมูลไม่ได้ เพราะเป็นคำลับของทางราชการ ผมอ้อนวอนขอร้องว่า บอกว่าอยู่อำเภอนี้หรือไม่ก็พอ แล้วผมจะขับรถตามหาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอ ดูเธอจะใจอ่อน แล้วค้นข้อมูลให้ พร้อมกับบอกว่า ไม่มีคนชื่อนี้ นามสกุลนี้อยู่อำเภอแม่พริก ผมผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่ก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่คนนั้นมาก แล้วขับรถออกมา

ตอนแรกผมคิดว่า จะไปถามที่ศาลากลางจังหวัดดีไหม แต่ดูท่าจะลำบาก เพราะขนาดอำเภอเขายังไม่ยอมบอก แล้วจังหวัดเขาจะบอกหรือ ไปถามที่อำเภอเอาน่าจะง่ายกว่า ผมเลยมุ่งไปอำเภอถัดไป นั่นก็คือ อำเภอแม่ทะ

ผมใช้แผนเดิมกับเจ้าหน้าที่อำเภอแม่ทะ เธอก็ปฏิเสธจะให้ข้อมูลเหมือนเดิม แต่กลับเขียนอะไรลงกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วยื่นให้ผม บนกระดาษมันเขียนว่า 'ป่าตัน' แล้วอะไรคือ 'ป่าตัน' หว่า...

ด้วยสีหน้าอันมึนงงของผมทำให้เธอยิ้มออกมา แล้วก้มลงทำงานของเธอต่อโดยไม่สนใจผมอีก ผมขอบคุณเธอ แล้วถือกระดาษออกมาแบบงง ๆ ผมขับรถไปยังคิวมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ ถามเขาว่า 'ป่าตัน' คืออะไร พวกเขาหัวเราะกันใหญ่ ทำเอาผมเขินไม่ใช่น้อย ก็คนไม่มันรู้ แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ

จนพี่มอเตอร์ไซค์คนหนึ่งหยุดหัวเราะ แล้วบอกว่า ป่าตันเป็นชื่อเก่าของอำเภอนี้ ถ้าจะไปบ้านป่าตันขับรถไปทางนั้นเดี๋ยวก็ถึง แล้ว เขาชี้ทางให้แล้วก็หัวเราะต่อ ผมขอบคุณเขายกใหญ่ แล้วขับรถออกไปด้วยรอยยิ้ม เหลือแค่ว่า ผมจะหาบ้านเจ้าของหัวใจผมได้ยังไงเท่านั้น

ระหว่างที่ผมขับรถ และคิดหาวิธีอยู่ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นท่วงทำนองที่ผมฟังจนจำได้ว่ามันเป็นส่วนไหนของเพลง 'เพ้อ' ซึ่งเป็นเสียงเรียกที่เจ้าของเบอร์เขาตั้งให้เป็นพิเศษกับเบอร์นี้ และสั่งให้ห้ามเปลี่ยนเด็ดขาด ผมเองไม่ยากรับสายเลยจริง ๆ แต่ถ้าผมไม่รับ เจ้าของเบอร์ต้องโทรหาผมอีกแน่ คราวนี้อย่าหวังได้สงบสุข ครั้นจะปิดมือถือก็กลัวณีจะติดต่อไม่ได้อีก ผมจึงจำใจต้องจอดรถข้างทางแล้วรับสาย

"ดีครับ" ผมใจดีสู้เสือ
"ไอ้เหี้ย มึงหนีเที่ยวไม่บอกกูเหรอวะ เดี๋ยวนี้เอาใหญ่นะมึง เห็นกูดีเข้าหน่อย เอาใหญ่เลยนะ" น่าน โดนเข้าจนได้ มาเป็นชุดเลย
"แหม่ เดช ก็ตอนนั้นเดชไม่ว่างนี่นา ผมรู้ว่าเดชไม่อยากให้ใครรบกวนช่วงนั้น" ผมขอแถเอาตัวรอดก่อนล่ะ
"กูเคยบอกว่า ยกเว้นมึงไง มึงอย่ามาแกล้งลืม ไอ้นี่" ดูท่าเดชจะโกรธผมใหญ่ เพราะนอกจากผมจะจัดงานปีใหม่ตรงกับช่วงที่มันต้องอยู่วัดนั่งสมาธิ ถือศีลสิบแล้ว ผมยังมาเที่ยวโดยไม่ชวนมันสักคำ ถึงผมจะไม่ได้ออกมาเที่ยวจริง ๆ ก็เถอะนะ
"ไม่รู้ ไม่ชี้ ผมมาแล้ว ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน คราวนี้ขอเที่ยวคนเดียวแล้วกัน นะเดชนะ" ผมอ้อนมันสุดฤทธิ์
"ไม่ได้! มึงบอกมาเลยมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูนั่งรถไปหาก็ได้" เจ้าเดชมันไม่ยอมแฮะ เอาไงดีหว่า
"ครั้งนี้ผมขอล่ะนะ เดี๋ยวผมเลี้ยงเหล้าแล้วกัน" ผมต่อรองในสิ่งที่มันไม่เคยปฏิเสธ
"เอ๊ะ ไอ้นี่! แปลก ๆ นะมึง เอ... มึงมีอะไรปิดบังกู บอกมาเลย" อ่าวซวยละ ผมต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้ให้ได้
"เอ สัญญาณไม่ค่อยดีอ่ะ ไม่ค่อยได้ยิน เดชว่าอะไรนะ" ผมทำเนียนตีหน้าซื่อ
"อย่ากดวาง หรือปิดเครื่องนะมึง ไม่งั้นมึงเดือดร้อนแน่" เดชขู่ผม ทำเอาผมเหงื่อตก มุกนี้มันใช้ได้แต่ในละครล่ะมั้งเนี่ย
"เดี๋ยวค่อยคุยกันได้ไหม พอดีผมขับรถอยู่ นะเดช" ถ้าอย่างนั้นขอถ่วงเวลาหน่อยแล้วกัน ขอหาทางออกก่อน
"ไม่ต้องเลยมึง กูรู้ คนอย่างมึง ไม่ขับรถไป คุยโทรศัพท์ไปอยู่แล้ว มึงมีอะไรปิดบังกู บอกมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นมึงเจอดีแน่" เฮ้อ เจ้าเดชชักจะรู้จักผมดีเกินไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย
"ผม... เอ่อ... ก็แค่อยากเที่ยวคนเดียว อยากอยู่เงียบ ๆ คิดอะไรต่อมิอะไรให้ดี ๆ ก็เท่านั้นแหละ" ผมตอบด้วยเสียงเศร้า ๆ
"ทำไมวะ โดนไอ้บอยมันเหน็บให้ถึงกับจิตตกเลยเหรอวะ" ไอนี่หูตากว้างไกลจริง ๆ รู้ว่าผมหนีเที่ยวก็เก่งแล้ว นี่ยังรู้อีกว่าเพราะสาเหตุอะไร ถึงมันจะไม่ใช่ทั้งหมดก็เถอะ
"อืม..." ผมตีบทเศร้า ไหน ๆ ก็เข้าทางผมละ
"มึงอย่าไปสนใจคำพูดไอ้เหี้ยบอยนักสิวะ มันกวนตีนของมันแบบนี้ สงสัยอยากลองดี เดี๋ยวกูไปจัดการให้ละกัน" อ้าวเรื่องชักจะไปใหญ่แล้วแฮะ
"เฮ่ย พอเลยเดช บอยมันโดนลุงคมเขกกบาลไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แค่นี้มันก็เจ็บจะแย่แล้ว" ผมปกป้องบอยมันไว้ก่อน เดี๋ยวเดชจะเล่นแรงเกินไปอีก
"อ๋อ เหรอ" มันพูดแบบไม่ใส่ใจ
"ไม่เอานะเดช" ผมพูดเสียงเข้ม
"เออ ก็ได้ ๆ มึงอ่ะสงสารคนอื่นมากไปแล้วนะโว้ย คิดถึงความรู้สึกตัวเองบ้าง" มันเทศนาสอนผมเสียงั้น
"เดชก็เหมือนกันแหละ ไปอยู่วัดตั้งหลายวัน ไม่ช่วยให้อารมณ์เย็นขึ้นเลย" ผมย้อนเอามั่ง
"เหอะ ได้ทีเลยนะมึง กูยอมให้มึงเที่ยวคนเดียวก็ได้ ว่าแต่อย่าลืมเลี้ยงเหล้ากูตามสัญญาล่ะ เออ เที่ยวให้สนุกนะมึง อย่าคิดอะไรมาก ปลงได้ก็ปลง ๆ เสียบ้าง" มันสอนผมต่อ
"ครับผม สาาาาาาธุ" ผมประชด
"ไอ้เหี้ย มึงประชดกูรึ เดี๋ยวเหอะ" มันด่ากลับ
"แฮ่ะ ๆ" ผมหัวเราะ
"ขับรถปลอดภัยนะมึง" เดชอวยพรผมดี ๆ ซึ่งนาน ๆ จะมีสักครั้ง สงสัยผมต้องสาธุจริง ๆ สักทีเหมือนกัน แต่อย่าเลยเดี๋ยวมันจะด่ากลับมาอีก
"ครับผม ขอบคุณครับ"
"อืม ๆ งั้นก็แค่นี้แหละ คิดถึงมึงนะ หวัดดีครับ" เดชบอกลาผม
"หวัดดีครับ" เฮ้อ โล่งอกไปที อันที่จริงผมไม่ได้ลืมที่เดชบอกหรอก แต่ผมไม่อยากให้มันรู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงอยากปิดเรื่องฝางกับมันขึ้นมาเสียเฉย ๆ เดชเองก็ไม่เคยเจอฝางด้วย ก็เลยยิ่งไม่อยากพูดถึงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องเดชค่อยว่ากัน ผมรับมือเพื่อนคนนี้ได้อยู่แล้ว กลับมาหาหัวใจของผมต่อดีกว่า

ผมขับรถต่อเข้าบ้านป่าตัน แล้วถามตามคิวมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อย ๆ บางคนบอกว่าคุ้นกับนามสกุลนี้ แต่พอขับไปถามข้างในกลับไม่มีใครรู้จักก็ขับเวียนเข้าเวียนออกถนนอยู่หลายสายจนผมชักจะหลงเสียเอง ดวงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ จนเจอเด็กคนนึงปั่นจักรยานผ่านมา ผมก็ตะโกนเรียก

"เฮ้ น้อง หยุดก่อน" เด็กคนนั้นเบรคจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์คันน้อยของเขาอย่างแรง จนมันหยุดนิ่ง
"มีอะไร เพ่" ดูท่าเด็กนี้จะเอาเรื่องไม่เบา ผมควรจะถอยดีไหมเนี่ย...
"ไม่ เอ่อ พี่อยากถามน้องว่า รู้จักคนนามสกุล 'ธรรมรักษา' บ้างไหม" ผมถามมัน
"ธรรมรักษาเหรอ... อ้อ นามสกุลไอ้เก่ง เพื่อนผมเอง มีอะไรอ่ะพี่" คำตอบของมันทำให้ผมดีใจไม่น้อย
"งั้นคนชื่อ อดิเทพ ธรรมรักษา ล่ะ รู้จักเปล่า" ผมถามต่อ แต่มันกลับยืนคิดอยู่พักนึง
"เอ ผมไม่รู้แฮะ ไม่แน่ใจ แต่ไอ้เก่งมันมีพี่ที่สนิทอยู่สองคน ไม่ใช่พี่แท้ ๆ เสียด้วย ชื่ออะไรนะ เอ พี่ที่อยู่บ้านประจำชื่อเสน กับอีกคน ที่เมื่อก่อนไม่ค่อยอยู่บ้าน ชื่อฝางรึเปล่าหว่า... ผมไม่แน่ใจแฮะ" ฝาง... ชื่อนี้ทำผมใจเต้นเลยทีเดียว
"น้องช่วยพาพี่ไปบ้านของเสนหน่อยได้ไหมล่ะถ้าอย่างนั้น" ผมออกปากขอร้อง
"อืม ได้สิพี่" เออ มันก็ใจดีเหมือนกันแฮะ
"งั้น เอาจักรยานมาไว้ท้ายรถพี่ไหม แล้วนั่งรถพี่ไป" ผมถาม
"อืม... ไม่เอาดีกว่า ผมปั่นของผมไปแล้วพี่ขับถามผมมาดีกว่า" มันมองผมแบบไม่ไว้ใจ หนวดเคราผมเริ่มขึ้นเพราะไม่ได้โกนมาหลายวัน มันคงกลัวตามประสาเด็กล่ะมั้ง แต่เจ้านี่ก็ปั่นจักรยานเร็วอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ผมขับรถตามมันไปเรื่อย ๆ จนเข้าเขตทุ่งนาที่พึ่งเก็บเกี่ยวไปได้ไม่นาน แล้วมันก็ชะลอความเร็วละหยุดลง

"พี่ บ้านนั้นแหละพี่ พี่ลองไปถามดูเอาเองแล้วกัน ผมกลับบ้านแล้ว" มันชี้ไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากตัวถนนไม่มากนัก มีแต่ทางดินเป็นทางเชื่อม บ้านหลังนี้ปลูกติดกับที่นาแปลงหนึ่งซึ่งเก็บเกี่ยวเสร็จไปแล้วเช่นกัน
"เดี๋ยวสิ" ผมหยิบธนบัตรสีแดงยื่นให้ใบหนึ่ง
"รับไปเถอะหน่า ขอบใจมากนักน้อง พี่ว่าน้องน่าจะลงแข่งขี่จักรยานนะเนี่ย ปั่นเร็วใช่ย่อย" ผมชมจากใจจริง
"อันนั้นมันแน่อยู่แล้วพี่ ผมจะเป็นทีมชาติ" โห ดูมันโม้ รับเงินจากผมไปแล้วปั่นกลับบ้านไป

ผมขับรถเข้าไปจอดใกล้ ๆ กับตัวบ้าน เด็กหนุ่มหลายคนที่เล่นฟุตบอลอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่นาผืนที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นดอนขึ้นมาหยุดเล่นบอลกัน และหันมองมาทางผม ก่อนจะมีเด็กคนหนึ่งเดินมาทางผม ผมเองมองไม่ออกว่าคนที่เดินมานั้นเป็นใคร แต่ก็หวังในใจว่าจะเป็นเจ้าฝาง หรืออย่างน้อยเป็นเสนผู้พี่ก็ยังดี...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-10-3 20:34:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 10: คิดถึง

ผมดูบ้านที่ไร้ซึ่งผู้คนอยู่พักนึง จนเขาอยู่ในระยะสายตาที่ผมจะมองเห็น เด็กคนนั้นก็วิ่งมาหาผม ส่วนผมนั้นยืนยิ้ม หัวใจเต้นแรง รู้สึกดีใจเป็นที่สุด ใช่แล้ว คนที่กำลังวิ่งเหงื่อโชก เพราะพึ่งเล่นบอลมาใหม่ ๆ คือ เจ้าฝางนั่นเอง ผมอยากจะวิ่งไปกอดมันนัก แต่ว่า สายตาเกือบยี่สิบคู่ที่มองอยู่ข้างหลังทำให้ผมไม่กล้าทำอะไร ได้แต่ยืนยิ้มอยู่นิ่ง ๆ

"เป็นอะไรอ่ะพี่" ฝางถามผม
"ปล่ะ... เปล่า... แฮ่ะ ๆ" ผมดีใจจนพูดไม่ออก เจ้าฝางหันไปหาเพื่อนที่เล่นบอลกันอยู่ พร้อมโบกมือลา เป็นการส่งสัญญาณว่าเลิกเล่นแล้ว เด็กคนอื่นที่เหลือก็กลับไปเล่นบอลกันต่อ

ฝางพาผมมานั่งริมคันนา
"พี่มานี่ได้ยังไงอ่ะ" มันถามขึ้นมาทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่ว่ารถผมจอดอยู่ที่บ้านมัน
"เหาะมามั้ง แหม" ผมตอนกวน ๆ
"ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงว่า หาบ้านผมเจอได้ยังไง... ต่างหาก" มันถามเรียบ ๆ
"ก็ จำชื่อ จำนามสกุลได้ จำจังหวัดได้ ก็เลยลองตามหาดูเล่น ๆ เผื่อโชคดี ได้รางวัลแจ็คพอตอะไรงี้" ผมตอบอย่างอารมณ์ดี
"จำได้?" ดูมันแปลกใจ
"เทวาผู้อยู่เหนือเทวาองค์ใดในเขลางค์นคร ส่วนนามสกุลก็เป็นชื่อดอกไม้ประจำจังหวัด แล้วแบบนี้ใครจะจำไม่ได้ หืม" ผมตอบ
มันยิ้มให้กับคำตอบของผม
"แล้วพี่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า" เจ้าฝางยังถามเรียบ ๆ จนผมรู้สึกอึดอัด
"มาตามหาสิ่งที่หายไป" ผมตอบแล้วก็ยิ้ม
ฝางหันมามองผมอย่างไม่แน่ใจกับคำตอบ
"ผมไม่ได้ขโมยอะไรของพี่มาสักหน่อย ที่ผมหยิบมา ก็คืนกลับให้หมดแล้ว พี่อย่ามาใส่ร้ายผมสิ" ฝางตอบด้วยสีหน้าผิดหวัง
"พี่ไม่ได้บอกว่าเป็นสิ่งของสักหน่อย" ผมตอบแล้วก็นิ่งอมยิ้มอยู่เงียบ ๆ ฝางก็เงียบไปเหมือนกัน
ผมหันไปมองมันแล้วพูดออกไปว่า "เฮ้อ จะว่าไปขโมยของไม่ถูกนะ เพราะพี่เต็มใจยกให้เอง... พี่มาตามหาหัวใจของพี่ พี่รักฝางนะ คิดถึงมาก ๆ เลยรู้รึเปล่า" เจ้าฝางนิ่งเงียบเข้าไปใหญ่
"ผมขอโทษ..." มันพูดขึ้น แล้วก็ร้องไห้สะอื้น ผมโอบเอวมันเข้าหาผม
"ไม่เป็นไรหน่า นะคนดี" ผมพยายามปลอบ เพราะเริ่มทำตัวไม่ถูก เรานั่งกอดกันอยู่ไม่นานนักก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้าใกล้มา ฝางผลักตัวออกจากอ้อมแขนผม แล้วเช็ดหน้าเช็ดตา เล่นเอาผมงงไปเหมือนกัน

ทันทีที่เสียงมอเตอร์ไซค์ดับลงก็มี่สียงของผู้หญิงถามขึ้นมาว่า "ใครมาเหรอลูก" คนนี้คงเป็นแม่เจ้าฝาง ส่วนอีกคนคงเป็นพ่อ แล้วมอเตอร์ไซต์อีกคนน่าจะเป็นเสนพี่ของฝาง แล้วก็แฟนล่ะมั้ง ผมก็มั่วเอาไปเรื่อย เพราะเด็กนำทางไม่ได้บอกผมว่า บ้านนี้มีลูกสาวนี่น่า
"เอ่อ... คือ..." ฝางไม่รู้จะตอบยังไงดี
"อ๋อ ดีครับน้า" ผมยกมือไหว้ทั้งคู่ เป็นการตัดบท และหาเวลาแต่งเรื่องก่อน ซึ่งทั้งคู่ก็ยกมือรับไหว้แบบงง ๆ
"อ๋อ พอดีผม เป็นเจ้านายของฝางเขา ตอนที่เขาไปทำงานที่นครเมื่อปลายปี เอ่อของปีก่อนหน้าหน่ะครับ แล้วทีนี้ อยู่ ๆ เขาก็บอกว่าจะกลับบ้าน แล้วไม่ยอมกลับไปทำงานต่อ ผมเป็นห่วง คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า เลยขับรถมาตามหาดูหน่ะครับ อีกอย่างหนึ่ง คนงานคนอื่นที่ผมรับเข้ามาใหม่ ทำงานไม่ดีเท่าฝางมันเลย คิดว่า ถ้าฝางไม่ได้ติดงานอะไร ก็อยากจะให้มันกลับไปทำงานกับผมหน่ะครับ" ผมพูดไปเรื่อย
"อ้าว ทำอย่างนี้ได้ยังไงล่ะลูก กลับบ้านแล้วหนีงานแบบนี้ไม่ดีนะ" ชายผู้เป็นพ่อดุลูกชายตัวเอง ฝางก็ทำหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็โล่งอกอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
"แห่ะ ๆ ก็แบบ พี่เขาดุนี่พ่อ" น่านเจ้านี่ เอาคืนผมเสียแล้ว
"โดนดุบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ อย่าสำออยสิวะ ทำงานมันต้องอดทน" คนที่ผมคิดว่าเสนพูดขึ้น
"พี่เสนก็ซ้ำผมอีกละ เบื่อจริง" ฝางมันบ่น
"อ่ะ ได้ทีกูต้องซ้ำโว้ย ทีมึง มึงยังซ้ำกูบ่อย ๆ ไอ้นี่"  เสนด่าน้องมัน
"พอได้แล้ว พอทั้งคู่เลย" ฝ่ายผู้เป็นแม่ตัดบท ทำให้ทั้งคู่เงียบลงได้ เออ เจ้าฝางนี่ดูท่าจะไม่เบาเหมือนกันแฮะ
"แล้วลูกจะเอายังไง จะกลับไปทำงานกับพี่เขาไหม" แม่ฝางถามขึ้น
"เอ่อ... ผมขอคิดดูก่อนละกันครับ... แม่" ฝางพูดไม่เต็มปากเต็มคำนัก
"เป็นอะไรล่ะลูก หือ มีอะไรรึเปล่า" แม่ฝางสงสัยอดไม่ได้จึงถามขึ้น
"อ้อ เปล่าครับ คือ ผมไม่อยากคิดถึงบ้าน แบบเมื่อก่อนหน่ะ อยู่บ้านก็ดี กลับไปทำงานที่นครก็ดี เลือกไม่ถูกหน่ะแม่" มันปฏิเสธ
"เอ่อ แล้วคุณพักที่ไหนล่ะ คืนนี้" แม่ฝางหันมาถามผม
"ผมว่าจะเข้าไปพักในตัวอำเภออ่ะครับ ไม่ห่างจากที่นี่สักเท่าไหร่" ผมตอบไปเพราะไม่ได้คิดหาที่พักเลย ผมลืมเรื่องนี้เสียสนิท
"ค่ำป่านนี้แล้ว นอนนี่ก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ บ้านเล็ก ๆ อ่ะนะพ่อหนุ่ม" พ่อของฝางพูดขึ้นขณะที่แกกำลังจัดเข้าจัดของอยู่ใต้ถุนบ้านกับเสน
"โถ่ ไม่ได้รังเกียจเลยครับ บ้านก็ไม่ใช่เล็กสักหน่อย ผมพูดตามจริง" บ้านฝางเป็นบ้านยกพื้นสูง แล้วก็ใหญ่พอสำควรล่ะ
"งั้นไปพักบนบ้านกันก่อน แล้วเดี๋ยวกินข้าวด้วยกัน ให้ทิพย์หุงข้าว ทำกับข้าวเผื่อ เอ่อว่าแต่จะกินอาหารเหนือได้ไหมหน่ะเรา" แม่ฝางถามขึ้น ส่วนทิพย์นี่น่าจะเป็นเมียของเสนเขา เพราะดูท่าจะสนิทสนมเกินพี่น้อง
"ก็พอได้ครับ เคยกินอยู่บ้าง" ผมตอบไปตามตรง

หลังจากผมขึ้นมาพักอยู่บนบ้านได้ไม่นานก็มีเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ กับตัวบ้าน

"ใครมาบ้านวะฝาง" เสียงหนึ่งตะโกนดังมาจากด้านล่าง เจ้าฝางเลยวิ่งลงไป
"เจ้านายเก่ากูอ่ะ ผ่านมาเลยแวะมาเยี่ยม" เจ้าฝางตอบกลับไป
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าวะ ให้พวกกูช่วยไหม" อีกเสียงพูดเบา ๆ กับฝาง ผมเองฟังพอได้ยิน
"เฮ่ย เปล่า ไม่มีอะไร ขอบใจนะ" ฝางมันปฏิเสธ
"อืม งั้นก็แล้วไป งั้นพวกกูไปก่อนแล้วกัน" อีกเสียงหนึ่งพูด ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซต์ดังขึ้นหลายคัน แล้วขี่มอเตอร์ไซค์กันออกไป

ตอนค่ำร่วมวงกินข้าวกับครอบครัวของฝาง ทิพย์เป็นแฟนของเสนอย่างที่ผมคิดไว้ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ นินทาเจ้าฝางเสียมาก เพราะพวกเขาคงคิดว่า ผมน่าจะรู้จักกันนานแล้ว ผมก็ตามน้ำไปเรื่อย ๆ นินทาฝางกลับไปบ้างในเรื่องเปิ่น ๆ ที่มันทำ เจ้าฝางก็หน้าแดงบ้าง บางทีก็สวนกลับเสนผู้เป็นพี่บ้าง เป็นที่หัวเราะสนุกสนานกันไป

"เออ ว่าแต่พี่จะให้ไอ้ฝางมันทำงานอะไรอ่ะพี่" อยู่ดี ๆ เจ้าเสนก็ถามขึ้นมา
"เอ่อ... ก็คงเหมือนเมื่อก่อนอ่ะ ให้ดูแลบ้าน กับสวนมะพร้าว เพราะผมนาน ๆ จะกลับไปดูที่บ้านสักที เป็นห่วงกลัวใครจะเข้ามาขโมยอะไรหน่ะ" ผมพูดไปเรื่อย ๆ
"อืม ผมไม่ยักรู้ว่าไอ้ฝางมันดูมะพร้าวเป็น ขึ้นมะพร้าวได้แฮะ แอบฝึกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หามึง" เสนหันไปถามเจ้าฝาง แต่มันกลับไม่ตอบอะไรนอกจากเคี้ยวข้าวอยู่
"ฮ่า ฮ่า ฝางมันก็ยังดูไม่เป็น นี่ก็ว่าจะสอนจริง ๆ จัง ๆ แต่มันกลับหนีมาบ้านก่อน ก็เลยยังไม่ได้เริ่มสอนเลย" ผมหาทางออกให้สุดที่รักของผม
"อืม อย่างนี้นี่เอง" เจ้าเสนมองผมหมายจะจับผิดผมยังไงอย่างนั้น ผมต้องระวังคำพูดสักหน่อยแล้ว
"ไอ้เนี่ย ฝึกไม่ยากหรอกพี่ พี่เอากล้วยล่อมัน เดี๋ยวมันก็เชื่อฟังพี่แล้ว" เจ้าเสนเสนอความคิดเห็น แต่เน้นคำว่า 'กล้วย' จนผมรู้สึกแปลกใจ
"กูไม่ใช่ลิงนะมึง" ฝางมันตอบกลับพี่ชายของตัวเองไป คนอื่น ๆ ก็หัวเราะกันคิกคัก
"กูว่ามึงออกจากเหมือนลิง หูกาง ตูดแดง ฮ่า ฮ่า" เจ้าเสนยังกัดน้องชายตัวเองไม่เลิก
"เอ่อ เข้าท่าดีแฮะ หากล้วยหอมใบใหญ่ ๆ มาล่อ ท่าจะเป็นเร็ว" ผมพูดพร้อมหันไปทางเจ้าฝาง ดูเหมือนมันจะหน้าแดงแฮะ
"โอ้ย!" ผมเผลอร้องขึ้นเพราะโดนเจ้าฝางหยิกเข้าให้
"เป็นอะไรไปคะ" แม่ของฝางถามขึ้นมา
"เอ่อ โดนมดกัดหน่ะครับ" ผมแก้ตัว
"มดก้นแดง ๆ รึเปล่าครับ ระวังแพ้นะพี่" เจ้าเสนพูดเหมือนมีเลศนัยบางอย่าง
"เอ่อ... ไม่รู้แฮะ แต่ไม่น่าจะแพ้นะ ตอนนี้หายเจ็บแล้ว" ผมชักจะอึดอัดกับสายตาของเจ้าเสนเสียแล้วสิ
"งั้นก็แล้วไปครับ" มันพูดแล้วก็ยิ้มให้ เฮ้อ อาหารหลังจากนี้ไม่ค่อยอร่อยเสียแล้วแฮะ

เสนแม้จะดูซื่อ ๆ ไม่ค่อยทันคน หากแต่กับน้องแล้วเหมือนเขาจะรู้ทันน้องเป็นอย่างดี อีกทั้งสายตาที่มองมาที่ผม ยังเหมือนจะมองหาความจริงที่ถูกปกปิดเอาไว้ด้วย ทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลไปหน่อยเวลามีเจ้าเสนอยู่ด้วย

ในตอนแรก พ่อจะให้ผมนอนห้องตัวเองแล้วเขากับแม่จะออกมานอนที่ห้องนั่งเล่น ผมเองเกรงใจเลยปฏิเสธไป และนอนกับฝางที่ห้องนั่งเล่นแทน ฝ่ายเจ้าบ้านก็เอาผ้ามาปูให้ จะได้นอนสบายสักหน่อย เพราะฝางเองก็นอนที่นี่อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว

ฝางบอกว่า ข้าวพึ่งเก็บไปได้ไม่กี่วัน เขาเองตอนนี้ยังว่าง ก็ว่าจะไปทำก่อสร้างพร้อมกับพ่อแม่และพี่ แต่ช่วงนี้ขอพักก่อน ก็โดนพ่อบ่นว่าขี้เกียจ แต่มันดื้อจนพ่อต้องยอม


และเพราะอยู่ในที่โล่ง ผมเลยทำอะไรเจ้าฝางได้ไม่มากนัก แอบกอดบ้าง แอบหอมแก้มบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนเจ้าหนูผมมันแข็งจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ผมลองจับของเจ้าฝางบ้าง มันก็แข็งอยู่เหมือนกัน ผมเลยชวนมันไปเที่ยวในเมืองกันในวันรุ่งขึ้น ไม่รู้ว่าฝางจะรู้ทันผมรึเปล่า แต่มันก็ตอบรับผมทันที

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-10-12 13:24:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 11: สวาท

รุ่งเช้า หลังจากกินข้าวกันเสร็จ และทุกคนออกไปทำงานกันแล้ว ผมช่วยฝางจัดเก็บงานที่บ้านให้เรียบร้อย แล้วขับรถพาฝางไปในเมือง พาไปเดินเที่ยว และดูหนังให้มันตายใจ ก่อนจะขับรถเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่าจะไปคุยธุระนิดหน่อย ซึ่งเจ้านี่ดันเชื่อเสียอีก

ผมคุยตกลงค่าห้องพักเรียบร้อย ก็พาเจ้าฝางขึ้นห้อง ผมอยากจะฟันมันตั้งแต่เช้า แต่ผมไม่อยากใช้โรงแรมม่านรูดเป็นที่ปฏิบัติการสักเท่าไหร่ อีกอย่างนึง ผมกะจะนอนในเมือง และให้มันนอนที่นี่ จะได้พูดคุยอะไรกันได้สะดวกหน่อย

"พี่... พี่จะพาผมไปไหน" มันถามขณะที่อยู่ในลิฟท์
"ขึ้นสวรรค์... เอ... หรือลงนรก" ผมยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับมัน ฝางหน้าแดง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ผมไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเลขบอกชั้นของลิฟท์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงชั้นที่ผมพัก ผมเดินนำเจ้าฝางมาถึงหน้าห้องเงียบ ๆ มันก็เดินตามมาเงียบ ๆ เช่นกัน ผมเองตื่นเต้นใจจะขาด น้องชายผมก็ตื่นตัวเต็มที่เตรียมพร้อมที่จะทะลุทะลวงสิ่งที่มันรอคอยอยู่เหมือนกัน

ผมเปิดประตู และเชิญให้ฝางเข้าห้อง มันเดินก้มตัว เอามือปิดเป้าไว้ แสดงว่ามันก็ต้องการแบบผมเช่นเดียวกันสินะ งานนี้ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแน่ ๆ เมื่อผมลงแขวนป้ายห้ามรบกวน และลงกลอนประตูเรียบร้อย ผมก็มาจูบปากมัน ซึ่งมันก็ตอบสนองผมอย่างดี เรากอดจูบกัน มองหน้าตากัน เดินเข้าหาเตียง แล้วพลักให้ฝางนอนลงบนเตียงนุ่ม ๆ ห้อยขาลงข้างเตียง

ผมเอาหน้าซุกเป้านูน ๆ ของมันเอาหน้าถูเบา ๆ ผ่านกางเกงยีนส์ แล้วเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดมันออก พร้อมกับดึงซิบลง พร้อมกับลงไปจูบควยที่ดูเหมือนจะโตกว่าเก่าหน่อยของมันซึ่งอยู่ภายใต้กางเกงในสีเขียวเทา ๆ

"คิดถึงมันจังเลย" ผมพูดขึ้น แล้วลงไปจูบ ใช้ลิ้นโลมเลียนอกกางเกงในไปเรื่อย ๆ จนกางเกงในเริ่มเปียก ฝางบิดตัว และครางอือ ๆ อยู่ตลอด ผมค่อย ๆ ดึงกางเกงยีนส์มันลง แล้วตามด้วยกางเกงใน ผมจูบต้นขาด้านในมันเบา ๆ เรียกเสียงซี๊ดเบา ๆ จากฝางได้เช่นเลย ผมลงละเลงทางพวงไข่ และควยของเจ้าฝางอย่างหิวโหย และคิดถึงเป็นที่สุด

น้ำเงี่ยนของฝางไหลออกมาให้ผมลิ้มชิมรสหวานจาง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ผมค่อย ๆ สอดมือเข้าไปในเสื้อ เพื่อสะกิดนมของมันเล่นไปด้วย คราวนี้เจ้าฝางดิ้นใหญ่ ครวญคราดังขึ้น จนผมต้องหยุด แล้วมองหน้ามัน ผมยิ้ม และหัวเราะหึ ๆ มันอายหน้าแดงเลยทีเดียว

"เป็นอะไร..." ผมถาม แต่มันกลับเงียบ
"ว่าไง เป็นอะไร" ผมยังถามมันต่อทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจ
"เสียว..." มันตอบอายหน้าแดง เห็นแล้วน่ารัก น่าฟัดชะมัด ผมถอดเสื้อมันออก จนตอนนี้มันเปลือยเปล่า แต่ผมยังใส่ชุดเต็มยศอยู่ แล้วก้มลงไปโลมเลียหัวนมทั้งสองข้างของมันพร้อมกับกระตุกควยมันเล่น เรียกน้ำเงี่ยนใส ๆ ให้ไหลเยิ่มออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งผมก็เลียเก็บจนหมด

"รอแป๊บนึงนะ" ผมบอกมันก่อนจะลงไปค้นกระเป๋าที่เอามาด้วย ก็แหม ผมหวังเต็มที่ว่าจะได้เจอก็ต้องเตรียมพร้อมเป็นธรรมดา ผมหยิบเควาย และถุงยากออกมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วยืนหน้ามัน

"ช่วยถอดเสื้อให้หน่อยได้ไหม คนดี" ผมอ้อนมันเล็ก ๆ ฝางก็ลุกขึ้นมาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผม พร้อมกับโลมเลียหน้าอกและหัวนมผมอย่างที่ผมทำให้กับมัน ผมเสียว ควยแน่นเต็มกางเกงยีนส์ไปหมด ผมครางอือ ๆ อา ๆ ตลอดจนมันปลดเสื้อผมเสร็จ ต่อด้วยปลดเข็มขัด ถอดกางเกงยีนส์ผมออกช้า ๆ บนกางเกงในมีรอยน้ำเงื่อนของผมอยู่มันเลยลงลิ้นเลียบริเวณนั้น ทำเอาผมเสียวตัวเกร็งเลยทีเดียว มันดึงกางเกงในผมลง แล้วก็ดูดอมควยผมเข้าไปในปาก ผมกระเด้าปากมันเบา ๆ มันก็ลงลิ้นเต็มที่จนผมทนไม่ไหว

ผมผลักมันนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ยกขามันขึ้น และใช้ลิ้นบรรเลงร่องสวาทของมัน ผมเลียจนขนอ่อน ๆ ที่ขึ้นรอบรูตูดมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย ผมหยิบเควายมาเปิดออก แล้วใช้นิ้วค่อย ๆ ละเลงไปรอบ ๆ รูก้นมันต่อ แล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วแยงเข้าไปในรูตูดอันคับแคบปิดสนิทของมันอย่างเบามือ แต่คราวนี้ ผมตั้งใจจะไม่แตะต้องควยมัน นอกจากเลียไข่ หัวนม และเอาลิ้มเล็มเลียน้ำเงี่ยนที่ปล่อยออกมาจากปลายควยเพียงเท่านั้น ผมสอดนิ้วเข้า ๆ ออก ๆ อยู่เรื่อย ๆ ส่วนฝางก็ครางอือ ๆ ผมไม่อยากทำมันเจ็บเลยพยายามใช้เวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทนได้ เพราะผมเองก็อยากจะเอาควยยัดรูที่อยู่ตรงหน้าจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

ผมค่อย ๆ เพิ่มนิ้ว และปลุกอารมณ์ของฝางไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่ารูมันขยายมากพอแล้วจึงได้ใช้ควยที่ใส่ถุงยางรอไว้แล้ว มาทาเควายเพิ่มเข้าไป และสอดเข้าไปช้า ๆ ฝางทำหน้าเหยเก คงจะเจ็บอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่พูดอะไรออกมา เมื่อทนไม่ไหวก็มีเพียงเอามือมาดันท้องผมเป็นการห้าม แต่ควยมันก็ไม่ได้อ่อนตัวลง ผมสอดใส่ช้า ๆ เรื่อย ๆ จนควยทั้งดุ้นเข้าไปในตัวของเจ้าฝางจนหมด ผมยิ้มให้กับฝางเมื่อก้มลงมองดูผลงานตัวเอง

"ควยมันเข้าไปในตัวฝางหมดแล้ว เดี๋ยวพี่จะเย็ดล่ะนะ" ผมบอกมันพร้อมกันถอนควยออกช้า ๆ
"อือ ๆ" มันครางออกมาดังกว่าปกติ แล้วผมก็ค่อย ๆ ซอยช้า ๆ เพราะรูตูดของฝางมันรัดควยผมแน่นมาก ผมซอยไปเรื่อย ๆ จนสามารถทำความเร็วได้ตามที่ผมชอบ ตามเสียงครวญครางที่ดังขึ้นของฝาง ผมเย็ดฝางจนมันครางอย่างเหนื่อยอ่อน และผมก็ก้มลงไปเลียน้ำเงี่ยนของมันเข้าปากไปเมื่อมันไหลออกมามากพออย่างสุขใจ ผมเย็ดมันไปเรื่อย ๆ เก็บเกี่ยวความสุขจากรูก้นมันด้วยลำควยอันแข็งแกร่งของผม ผมคิดว่าผมคงจะทนได้ไม่นานแล้วล่ะ แต่เจ้าฝางกลับพูดขึ้นมาก่อน

"พี่ ช่วยผมหน่อย ผมจะไม่ไหวแล้ว" มันอ้อน
"หืม อยากน้ำแตกก็ปล่อยให้มันแตกมาสิ" ผมตอบมันกลับไป
"พี่ช่วยชักว่าวให้ผมหน่อยนะ" มันอ้อนต่อ แต่ไม่ยอมใช้มือแตะควยตัวเอง
"ไม่ดีกว่า อยากแตะก็ปล่อยให้มันแตกมาเองสิ ผมกระเด้ามันหนักขึ้น แล้วเอามือไปบี้หัวนมมันหนัก ๆ จนมันร้องครางด้วยความเสียว
"แต... แตก... เอง... มันไม่... หา... หาย... เงี่ย... เงี่ยน... พี่... โอ้ย... อ่า..." สุดท้ายผมก็เย็ดจนมันน้ำแตกเองออกมาต่อหน้าต่อตาได้อีกครั้ง เมื่อรูตูดมันตอดรัดผมแรงขึ้น ผมก็ปลดปล่อยน้ำกามเข้าไปในตัวมันตามไปเช่นกัน มันพยายามเอามือมาจับควยตัวเอง เพื่อชักต่อ แต่ผมกลับจับมือมันไว้ แล้วก็หัวเราะหึหึ

"พี่... พี่แกล้งผมอีกแล้ว..." มันน้อยใจ
"เอาหน่า คราวนี้จะมันกว่าเก่า พี่รับรอง" ผมถอดควยออกมาจากก้นขอเจ้าฝาง เช็ด แล้วก็เปลี่ยนถุงยางชิ้นใหม่ แล้วเสียบกลับไปในรูก้นที่ตอนนี้ขยายออกเป็นรูเด่นชัดอีกครั้ง แล้วเริ่มกระเด้าเบา ๆ มันครางอืออา

"พี่ พอก่อน ขอพักก่อนนะ" มันท้วง
"อ่าว ไหนบอกว่ายังไม่หายเงี่ยนไง" ผมกระเด้าไปช้า ๆ แม้ว่าควยผมจะอ่อนตัวลงหน่อย ๆ แล้วก็ตาม อายุผมปูนนี้แล้ว จะฟิตเบิ้ลต่อกันไหวไหม ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ใจมันอยากลองเต็มที่แล้วนี่ครับ ก็ต้องอดทนหน่อย
"แต่ ซี๊ด อ่า..." เหมือนผมจะไปโดนจุดเสียวของมัน รูมันรัดควยผมแน่นขึ้นกว่าเดิม ทำให้ควยผมแข็งขึ้นนิดหน่อย ผมกระเด้าช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ต่อ แม้ว่าควยจะแข็งไม่เต็มที่ก็ตาม พอผมเริ่มเมื่อยก็หยุด แล้วล้มตัวลงไปนอนกอดมัน โดยแช่ควยเอาไว้ในก้นมัน แล้วหันไปเล่นงานควยที่อ่อนลงของเจ้าฝาง รวมทั้งนมมันแทน

"พี่แทน อย่าดิ อ่า..." มันพยายามดิ้น แต่ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ หรอก ไม่นานนักควยมันก็กลับมาแข็งอีกครั้ง เป็นเด็กก็ดีตรงนี้แหละ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก ผมเริ่มกระเด้าเนิบ ๆ ช้า ๆ ต่ออีกครั้ง แรงตอดรัดจากภายใน พร้อมทั้งกลิ่นอายน้ำกามของฝางทำให้ควยผมตื่นตัวขึ้นได้เช่นกัน ผมก้มลงไปหอมแก้ม และจูบปากมันอีกครั้ง ถือเป็นการขอ ซึ่งมันไม่ได้ปฏิเสธอะไร

เริ่มกระเด้าเย็ดตูดฝางต่ออีกครั้ง ค่อยเร่งความเร็วจนมันเข้าที่ คราวนี้ก็มีเสียงครวญครางดังขึ้นมาจากเราทั้งสอง พอผมเห็นว่าน้ำกามที่เปรอะทั่วหน้าท้องของฝางเริ่มแห้ง ผมก็พลิกตัวมันเล่นท่าหมาต่อ ผมเย็ดมันพร้อมบี้หัวนม เขี่ยหัวนมมันเล่นไป ซึ่งก็เรียกเสียงครางได้ดีไม่น้อย

ผมหยุดกระเด้าเย็ดมัน แล้วก้มลงไปกระซิบข้างหูฝางเบา ๆ ว่า "อย่ากลัว อย่าตกใจนะ"
"ครับ" มันตอบกลับมาสั้น ๆ ผมย่อตัวลง และยกตัวมันขึ้น มันหนักกว่าที่ผมคิด และที่ผมจำได้แฮะ มันเอามือมารั้งคอผมไว้ ท่านี้เล่นลำบากสักหน่อย เพราะผมต้องแบกรับน้ำหนักทั้งหมดเอาไว้ แต่ควยผมก็เข้าลึกสุด ๆ ด้วยน้ำหนักทั้งตัวของเจ้าฝาง ผมค่อย ๆ พาเจ้าฝางมาหน้ากระจกในห้องน้ำ และบอกให้มันมองดูรูตัวเองที่มีควยคาอยู่ มันหน้าแดง แต่ควยมันกระตุกใหญ่

"เป็นไง สวยไหม รูแดง ๆ มีควยดำ ๆ ใหญ่ ๆ คาอยู่แบบนี้" ผมถามยั่ว มันไม่ตอบอะไรนอกจากเสียงครางอือ ๆ กับควยที่กระดกขึ้น ๆ ลง ๆ ผมกระเด้าได้ไม่กี่ทีก็วางมันลงกับพื้น ให้มันยืนเกาะชั้นอ่างล้างหน้า หน้ากระจกแล้วกระเด้าเย็ดรูตูดมันต่อ โดยไม่ลืมที่จะเล็มเลียหลัง ซอกหู ซอกคอ เอามือเขี่ยหัวนมของมัน รวมทั้งใช้มือกระตุกควยมันสลับกันไป จนมันจับมือผมออกจากควย เป็นการบอกว่า มันใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว ผมเลยเร่งกระเด้า เพราะอยากจะเสร็จไล่เลี่ยกับมันเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ผมเร่งกระเด้าเย็ดอย่างแรง จนเสียวใกล้แตกเต็มทนเลยเอามือไปจับควยเจ้าฝางไว้แล้วชักกระตุกเบา ๆ มันก็ร้องเสียงหลง น้ำแตกนองเต็มพื้น ส่วนผมก็แตกตามมันไปติด ๆ อย่างที่ตั้งใจเอาไว้

ผมเหนื่อยหอบ ล้มตัวไปนอนทับเจ้าฝางเบา ๆ แทบยืนไม่ไหว ส่วนเจ้าฝางก็เหมือนกัน มันนอนแนบกับชั้นอ่างล้างหน้าเช่นกัน พอมีแรงพอ ผมก็ดึงควยอ่อน ๆ ของผมออกจากรูของมัน ผมก้มมองดูรูที่ขยายออกเท่าลำควยของผมอย่างพอใจ พอเจ้าฝางรู้ตัวก็ทำทางจะยืนขึ้น ผมเลยกดหลังมันลงไป แล้วเอาลิ้นไปละเลงรอบ ๆ จนมันค่อย ๆ หดตัวลง

เจ้าฝางครางอือ  ๆ อืม ๆ ต่อ แต่ควยมันไม่ได้แข็งขึ้นมีแต่กระตุกหงึก ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ
"บ้าหน่าพี่ พอแล้ว ๆ" ผมหัวเราะคิก มันได้ทีเลยจะวิ่งไปนั่งที่โถชักโครก แต่โดยผมดึงมากอดไว้จากด้านหลังเสียก่อน

"พี่รักฝางนะ ไปอยู่กับพี่ที่นครนะ ดวงใจของพี่" ผมพูดคำหวานใส่มัน ถึงผมจะมองไม่เห็นว่ามันมีสีหน้ายังไง แต่มันคงหน้าแดงไม่น้อย อย่างน้อยตอนนี้หูมันก็แดงขึ้นละ บางทีการเป็นคนผิวคล้ำก็ดีตรงที่สามารถปกปิดความเขินอายได้ง่ายกว่าคนผิวขาวมากนัก

เจ้าฝางไม่ได้ตอบอะไร แต่ไม่ได้แกะมือผมออก ผมเลยกอดไปเรื่อย ๆ อัดควยอ่อน ๆ เข้าร่องก้นมันเป็นการเร่งคำตอบจากมัน

"ครับ..." มันพูดออกมาเบา ๆ
"หือ อะไรนะ" ผมอยากฟังซ้ำเพื่อความแน่ใจ
"ครับ ผมไปอยู่กับพี่ก็ได้ครับ" ฝางพูดย้ำชัดเจนขึ้น
"ก็ได้ ฟังเหมือนพี่บังคับฝางยังไงไม่รู้" ผมรู้สึกผิดเล็ก ๆ
"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกพี่ ผมก็รักพี่ คิดถึงพี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ผมกลัว กลัวว่าพี่จะไม่ได้จริงจังอย่างที่ผมคิด เพราะพอผมบอกว่าจะกลับ พี่ก็ปล่อยผมกลับอย่างง่ายดาย..." ฝางพูดเศร้า ๆ มันคิดมากกว่าที่ผมคิดแฮะ
"โธ่ พี่หน่ะ อยากจะกลับไปหาพ่อ เยี่ยมแม่ที่บ้านแทบตาย แต่ก็ทำไม่ได้ มีแต่แม่ที่มาเยี่ยม แล้วเล่าเรื่องของพ่อให้ฟังบ้าง แต่พี่ได้แต่แอบมองพ่ออยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง พี่เลยไม่อยากรั้งฝางไว้เพราะเหตุนี้ พี่คิดว่า ฝางคงออกจากบ้านมานานแล้ว  ถึงได้คิดถึงบ้าน เลยปล่อยให้กลับมา และเฝ้ารอมาตลอดว่า เดี๋ยวฝางจะกลับมาหาพี่ แต่ก็เปล่า ปล่อยให้พี่รอเก้อ ปล่อยให้พี่เฝ้าคิดถึงฝางอยู่คนเดียวรู้ไหม" ผมอธิบาย และกอดเจ้าฝางแน่นขึ้น
"ขอโทษครับ" ฝางพูดขึ้นเบา ๆ ผมลงจูบต้นคอมัน แล้วก็บอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก"
"แต่ว่าตอนนี้ ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่ ไม่ไหวแล้ว" เจ้าฝางรีบพูด และแกะมือผมออกเป็นการตัดบทโศกเศร้าเรียกน้ำตากลายเป็นเรื่องตลกไปอีกครั้งจนได้ ผมยิ้มน้อย ๆ ฉวยผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป

ผมนั่งดูทีวีอยู่นานมากกว่าเจ้าฝางจะทำธุระ และอาบน้ำเสร็จ มันออกจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมกวักมือเรียกมัน แล้วจับมันนั่งบนตัก และกอดมันไว้

"นอนกับพี่ที่นี่นะคืนนี้" ผมถาม แล้วหอมแก้มหอม ๆ ของเจ้าฝางอีกครั้ง
"เอ่อ... ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลยครับ" มันปฏิเสธแบบอ้อม ๆ
"โทรไปได้ไหม" ผมต่อรอง
"เอ่อ... ก็ได้ครับ เดี๋ยวโทรบอกพี่เสนว่าจะค้างในเมืองกับพี่... เอ่อ กับเพื่อนดีกว่า" มันรีบเปลี่ยนเรื่องโกหก
"อ้าว นึกว่าจะบอกว่า ค้างกับแฟนเสียอีก ว้า ผิดหวังจัง" ผมบ่นน้อยใจ แต่ก็เดินไปหยิบมือถือยื่นให้ มันรับไปกดแล้วก็พูดไปอย่างที่คิดไว้เมื่อกี้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะพูดอะไรกลับมาทำให้เจ้าฝางหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย "มันเรื่องของผมนะพี่ ทีพี่ผมยังไม่พูดอะไรเลย" เออแปลกแฮะพี่น้องคู่นี้ ตอนอยู่ตรงหน้าก็ 'กู - มึง' กันตลอด แต่พอคุยโทรศัพท์กลับเป็น 'พี่ - ผม' เสียได้ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าทางโน้นพูดอะไร เจ้าฝางถึงได้หงุดหงิด และพูด "ขอบคุณคร้าาบ" ประชดเข้าให้ ถ้าให้ผมเดา พวกเขาคงมีเรื่องอะไรที่ปกปิดพ่อแม่ด้วยกันทั้งคู่แล้วก็รู้กันอยู่แค่สองคนกระมัง

"เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวพี่เสนจะบอกพ่อกับแม่ให้" ผมรายงานผม พร้อมกับยื่นมือถือคืนให้ผม
"ทะเลาะอะไรกันรึเปล่า" ผมสงสัย
"แฮ่ะ ๆ เปล่าครับ เรื่องของพี่ของน้องหน่ะ ไม่มีอะไร" เจ้าฝางเก็บเงียบ ก็แล้วแต่นะ ถ้าไม่อยากบอก ผมก็ปล่อยผ่านแล้วกัน
"งั้นพี่อาบน้ำแป๊บนึง แล้วลงไปกินข้าวกันดีกว่า" ผมพูดแล้้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ฝางไม่ค่อยรู้เรื่องร้านอาหารในเมืองมากนัก บอกว่ามันแพง ไม่เคยมากินหรอก แต่ก็ไม่ได้อยากลองอาหารฟาสฟูดสักเท่าไหร่ ผมเลยเดินไปคุยกับพนักงานของโรงแรม เธอก็แนะนำให้สองสามร้าน พร้อมระบุตำแหน่งในแผนที่ให้ ผมเลือกเอาที่ใกล้ ๆ กะว่าจะกินแล้วเดินเที่ยวกลางคืนในตัวเมืองสักหน่อย ไหน ๆ ก็มาแล้ว เธอก็แนะนำจุดให้

ผมแวะเข้าร้านมือถือร้านหนึ่ง และเลือกมือถือราคาไม่แพงนักเครื่องหนึ่งยื่นให้ฝางอย่างที่เขาชอบ และให้เขาเลือกเบอร์สัก 2 เบอร์ ดูฝางจะงง ๆ แต่ก็ทำตามที่ผมสั่ง พอได้เบอร์มาแล้ว ผมก็หยิบมือถือรุ่นถูก ๆ อีกเครื่องที่คิดว่าน่าจะทนทาน และใช้งานง่ายมาอีกเครื่อง ผมเอาซิมการ์ดใส่ให้ทั้งสองเครื่อง ทดสอบเล่นดู ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงตกลงซื้อมือถือ แล้วเติมเงินให้เบอร์ละหนึ่งร้อย

ผมยื่นมือถือเครื่องที่เจ้าฝางชอบให้มันไป และบอกว่าเป็นของขวัญ ห้ามปฏิเสธ ฝางเลยต้องจำใจรับไป แต่ผมรู้ว่าเขาดีใจมากที่ได้มือถือมาใช้

เรานอนกอดกัน โดยไม่มีอะไรกันอีก ผมไม่ไหวเสียแล้ว แม้จะยังอยากอยู่ แต่เจ้าหนูของผมมันทรยศผม พอเจ้าฝางรู้ตัวก็หัวเราะคิกคัก เพราะของมันยังแข็งอยู่ เออ ไม่ได้ก็ไม่ได้หวะ เดี๋ยวค่อยจัดการพรุ่งนี้ก็ได้ ผมถามมันว่าจะให้ช่วยไหม แต่ฝางมันปฏิเสธบอกว่า สองน้ำก็พอแล้ว เดี๋ยวจะเป็นแบบผม นั่นไอ้นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องโดนอีกรอบ

แต่คงเป็นเพราะว่า ผมเหนื่อยมาหลายวัน รวมทั้งเหนื่อยกับบทรักที่ผ่านมา ทำเอาผมหลับเป็นตาย ตื่นมาสองโมงกว่าแล้ว ส่วนเจ้าฝาง น่าจะตื่นก่อนผมแต่กลับมานอนอีกครั้ง แล้วก็หลับไปอีกทีเสียมากกว่า ผมเข้าไปทำธุระส่วนตัว อาบน้ำแปรงฟัน พอเสร็จก็พบว่า เจ้าฝางมันนั่งรอผมอยู่บนเตียงแล้ว ผมเลยให้มันไปอาบน้ำ จะได้ลงไปกินข้าวเช้าของโรงแรมได้ทัน

ฝางบอกว่า ป่านนี้พ่อกับแม่คงไปทำงานแล้ว ผมเลยขับรถไปที่ไซส์งานก่อสร้างที่พ่อกับแม่ฝางทำงานอยู่ ฝางเดินไปทักทายพ่อแม่ และบอกกล่าวเรื่องราวต่าง ๆ กับท่านทั้งสอง โดยมีเสนยืนฟังอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะเดินมาหาผม

"ผมฝากไอ้ฝาง น้องผมด้วยนะ มันเป็นเด็กดี แต่บางทีมันก็ดื้อไปหน่อย ถ้าทำอะไรไม่ดีก็ช่วยห้ามมันด้วยแล้วกันนะพี่ แล้วก็ผมเป็นห่วงน้องผมนะ พี่อย่าทำน้องผมผิดหวังล่ะ" เสนพูดเหมือนรู้ความนัย
"ครับผม" ผมตอบ และยิ้มให้เสน เขายิ้มกลับมา แล้วเดินไปทำงานต่อ เจ้าฝางมากอดพ่อกับแม่มัน แล้วก็เอ่ยปากลา ผมเดินเข้าไปหาทั้ง 3 คน แล้วยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องที่ซื้อมาเมื่อคืนให้แม่ของฝางไป เธอรับไปแบบงง ๆ
"เขาแถมหน่ะ ผมมีแล้วก็เลยไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม น่ารับไปใช้เถอะ ให้ผมเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีอะไรจะได้โทรหาเจ้าฝางได้ ไม่ต้องไปกวนของเสนเขา" ผมโกหกเพื่อให้พวกเขาไม่ลำบากใจที่จะรับของที่ผมให้มากนัก เธอขอบคุณผม แล้วผมก็พาฝางกลับบ้านเพื่อเก็บเสื้อผ้า กับของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น แล้วขับรถออกมา

ผมแวะตามทางตามจุดที่ผมอยากไปเที่ยวอยู่เรื่อย ๆ จนฝางเริ่มบ่นที่ผมขับรถไปโน่นทีนี่ที แต่ผมไม่สนใจมัน มันเลยเลือกที่ที่มันอยากจะไปขึ้นมาบ้าง คราวนี้การขับรถเที่ยวของเราก็สนุกขึ้นเยอะ ไป ๆ มา ๆ ผมใช้เวลากับการเที่ยวครั้งนี้กว่าครึ่งเดือน

หลังจากผมไล่เอาของฝากจากเมืองต่าง ๆ ให้กับทุก ๆ คนที่รู้จักตามรายทางมาเรื่อย ๆ จนถึงบ้านริมทะเลของผม เรามานั่งคุยถึงเรื่องราวที่ไปเที่ยวมา และจัดของสำหรับฝากคนในสำนักงานกันอย่างสนุกสนาน ฝางยังพอจำได้ว่า ใครเป็นใครแม้ว่า จะผ่านมากว่าปีแล้วก็ตาม ผมก็ดีใจ ที่เขาใส่ใจกับชีวิตของผมกว่าที่ผมคิดนัก

พอไปถึงสำนักงานพร้อมกับฝาง หลังจากที่ผมหายหน้าไปนาน ทุกคนก็โห่กันใหญ่ทำเอาเจ้าฝางเขินหน้าแดง ส่วนผมก็ปราม ๆ พวกเขาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรสักเท่าไหร่ สำนักงานของผมก็กลับมาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง ฝางช่วยงานผมเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็ออกไปช่วยงานคนอื่น ๆ บ้าง จนณีเลขาของผมบ่นว่า สงสัยเธอต้องหางานใหม่ทำเสียละมั้ง

ผมกับฝางได้แต่หัวเราะกับนิสัยชอบกัดของเธอ ผมไม่ถือสาหรอก เพราะอย่างไรเสีย เธอก็พูดเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ น้อยเรื่องมากที่เธอจะพูดจริงจัง หากไม่ใช่เรื่องงาน และเธอเองก็เป็นคนขยันทำงาน และซื่อสัตย์ ผมคงไม่ไล่เธอออกแล้วเอาเจ้าฝางมาเสียบแทนเป็นแน่

อีกอย่าง ฝางยังเด็กอยู่คงต้องสอนงานกันอีกยาว เหนื่อยเปล่า ๆ เอาไว้เป็นผู้ช่วยให้ผมคลายเหงา ช่วยให้ผมผ่อนคลายก่อนนอนท่าจะดีกว่า

อ๋อ ผมหมายถึงว่า น่าจะให้เขาไปลองเรียนนวดกับหมอนวดที่ผมรู้จักแล้วมานวดให้ผมต่างหากล่ะ

- จบ -

"ครับ... ก็โอเคนะครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี... ครับ... ก็ดูมีความสุข... เด็กดี... ใช่... ใช่... ไม่เป็นไรครับ... แหม... ครับ... สวัสดีครับ" ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในมุมมืดของสำนักงาน โดยใช้สายตามองดูทั้งแทนและฝางด้วยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย




ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ

Jera

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 Zenny +1000 ย่อ เหตุผล
Medmayom + 50 + 1000 กระทู้นี้ยอดเยี่ยม!

ดูบันทึกคะแนน

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-11-8 09:10:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

อยากมีเพื่อนคุยกินเที่ยวกัน

กระทู้
594
พลังน้ำใจ
30581
Zenny
218341
ออนไลน์
3227 ชั่วโมง

สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2014-11-21 10:50:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  สนุกครับ น่าอ่านมาก ไม่เบื่อเลย
"ความรัก!เกิดจากความเข้าใจของคนสองคนและมักจบลงด้วยค ...

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19506
Zenny
11661
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-11-21 11:35:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
172
พลังน้ำใจ
40907
Zenny
2738
ออนไลน์
7701 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-24 11:42:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุงคร้าบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
172
พลังน้ำใจ
40907
Zenny
2738
ออนไลน์
7701 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-24 11:46:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Jera ตอบกลับเมื่อ 2014-7-30 20:48
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 2: อาย...

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าม ...

ขอบคุงคร้าบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
172
พลังน้ำใจ
40907
Zenny
2738
ออนไลน์
7701 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-24 11:48:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1693
Zenny
1414
ออนไลน์
263 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-27 14:52:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-2 04:47:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกดีครับ อ่านเพลินๆดี

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
4
พลังน้ำใจ
16664
Zenny
1806
ออนไลน์
1043 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-2 05:31:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ สนุกดี รอตอนต่อไป

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
36948
Zenny
29484
ออนไลน์
1972 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-2 14:00:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกดีครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
17463
Zenny
24357
ออนไลน์
2886 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-3 05:24:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
26477
Zenny
1244
ออนไลน์
3814 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-3 06:21:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกและเสียวมากเลยครับ ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
8283
Zenny
1381
ออนไลน์
614 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-3-4 07:14:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 15:25 , Processed in 0.184884 second(s), 29 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้