แมลงสาบจึงเป็นสัตว์ไม่สมควรเลี้ยงในบ้านที่มีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ทั้งสองโรคนั้นค่ะ
อย่างที่รู้ ๆ กัน แมลงสาบนี่กำจัดยากนักหนา บางแห่งกำจัดอย่างไม่ยอมหมด ไม่นานก็มาใหม่อีก น่าแปลกจริง ๆ ทั้งที่บางบ้านก็ไม่เห็นว่าจะสกปรกนะคะถ้าเราศึกษาธรรมชาติของมันเราจะเข้าใจว่าทำไมมันกำจัดยาก แมลง สาบจัดเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ อยู่คู่มนุษย์มาแล้วกว่า 250 ล้านปี เก่าแก่กว่าไดโนเสาร์เสียอีก ถ้ามันไม่แน่จริง ไม่อยู่ได้นานขนาดนี้หรอก
แมลงสาบในเมืองไทยที่เราเห็น ๆ กันนี่เป็นตัวขนาดกลางเท่านั้นนะ พันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อเมริกาใต้โน่น ความกว้างจากปีกข้างหนึ่งถึงปีกข้างหนึ่งตั้ง 1 ฟุตเชียวนะ ลำตัวยางครึ่งฟุต ถ้ามันบินมาเกาะ หมอนิตคงช็อกตาย แมลงสาบเป็นแมลง จึงมีขา 6 ขา แต่ละขามีขนยุบยับ ขนนี้มีไว้รับความรู้สึกสัมผัส
หนวด ของมันที่กวัดไกวไปมา ทำหน้าที่ดมกลิ่น และรับรู้ความเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ตรงส่วนท้ายของลำตัวจะมีขนอยู่ 1 คู่ เรียกว่า cerci ช่วยรับความรู้สึกเคลื่อนไหวด้วย ว่ากันว่า แค่ลมหายใจเบา ๆ มันก็รับรู้ได้แล้ว มิน่ามันถึงรู้ตัวก่อนทุกทีเวลาเราจะตีมัน
แล้วแมลงสาบยังวิ่งไวได้เร็วถึง 3 ไมล์ต่อชั่วโมงอีกต่างหาก แมลงสาบจะลอกคราบปีละหลายครั้ง โดยลอกเอาเปลือกแข็งที่หุ้มรอบตัวมันออก เมื่อตัวโตคับเปลือก ก็จะสร้างเปลือกใหม่ขึ้นมาแทน เศษโปรตีนจากเปลือกเป็นสารก่อภูมิแพ้ นอกเหนือไปจากโปรตีนที่หลุดจากตัว ขา และอุจจาระของมันค่ะ เจ้าเศษโปรตีนที่ว่านี้มีขนาดเล็กมาก สามารถเกาะอยู่บนพื้น ผนัง และปลิวไปพร้อมกับฝุ่นได้ ดังนั้น ถึงแม้เราไม่เห็นตัวก็อาจมีเศษโปรตีนที่ว่านี่อยู่รอบตัวเราได้ ถ้าแถว ๆ นั้นมีแมลงสาบอยู่
แมลงสาบจัดเป็นสัตว์ที่อดทนได้เก่งมาก ในแต่ละวันมันต้องการน้ำเพียง 1 หยดเท่านั้นก็พอ ถ้าอดน้ำ ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 1 สัปดาห์ส่วนอาหารนั้นมันกินได้แทบทุกอย่างเช่น เศษอาหาร เศษเล็บ เศษรังแค คราบน้ำมัน รอยเปื้อนตามเสื้อผ้า ขนสัตว์ ซากสัตว์ที่ตายแล้ว รวมทั้งซากแมลงสาบของพวกมันกันเองด้วย
แม้อดอาหารจริง ๆ มันยังอยู่ได้ตั้งเกือบเดือนแน่ะ แมลงสาบสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในทุกหนทุกแห่งที่อุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส แต่ที่ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ก็ยังพบแมลงสาบได้ มันมาอาศัยอยู่กับคนในบ้านไงคะ ดินฟ้าอากาศที่มันชอบที่สุดคือ แบบร้อนชื้น อย่างประเทศไทยนี่แหละ..ชอบมาก แหมเห็นข้อมูลแบบนี้เล่นเอาท้อแท้ มันทั้งทนทั้งเก่งเลย
วิธีการกำจัดมันให้สิ้นซากจึงไม่ใช่ง่ายๆ ต้องมีขบวนการดังนี้
1.ตัดเสบียงอาหารของมันเช่น กวาดถูบ้านหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะใต้โต๊ะอาหารและในห้องครัว เพื่อกำจัดเศษอาหารที่อาจหล่นร่วงอยู่ อย่าเดินรับประทานอาหาร เพราะเศษอาหารจะร่วงหล่นไปทั้งบ้าน เก็บอาหารทั้งสดและสำเร็จรูปในภาชนะที่ปิดมิดชิด ปิดฝาถังขยะให้แน่นเสมอ ไม่ควรมีเศษอาหารเหลือตกค้างในถังขยะ และที่ล้างจาน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ล้างจานชามให้สะอาด ขจัดคราบมันที่อาจติดอยู่ให้มันมาเลียกินตอนเราเผลอ ทำความสะอาดจานอาหารของสัตว์เลี้ยงหลังมื้อาหารทุกมื้อ
2.ตัดแหล่งน้ำ เพราะถ้าอดน้ำมันจะตายไวกว่าอดอาหาร เช่น ซ่อมก๊อกน้ำที่รั่ว อย่ารดน้ำต้นไม้จนชุ่มโชก อย่าให้มีน้ำขังที่จานรองกระถาง ใส่น้ำยา Lysol ลงในน้ำของโถชักโครก มันจะได้มาดื่มน้ำนั้นไม่ได้ บางที่แมลงสาบชุมมาก ๆ อาจจะต้องใส่น้ำยา Lysol ที่รางระบายน้ำนอกบ้านอีกด้วย
3.ทำลายที่ซ่อนของมัน เช่น เก็บกวาดบริเวณรอบบ้านอย่าให้มีกองไม้ เศษวัสดุก่อสร้าง ของเหลือใช้สุม ๆกันเอาไว้ จัดการกับกองกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ จะขายหรือให้ใครพับถุงก็เอาเลย โรยผง boric acid ไว้ตามซอกมุมร่อง รูต่าง ๆ ทั้งนอกบ้านและในบ้าน รอยแตกตามผนังต้องอุดซ่อมให้หมด เพราะมันสามารถบีบตัวลอดเข้ามาได้แม้ช่องเล็ก ๆ แค่ 1.6 มิลลิเมตรก็เถอะ อุดรูระบายของอ่างล้างจาน ท่อระบายน้ำต่าง ๆ ทุกคืน รักษาความสะอาดห้องเก็บของ ห้องครัว ห้องใต้ครัว ห้องใต้บันได ให้โปร่งและสะอาด
4.วิธีสุดท้ายคือสังหารอาจใช้สเปรย์ฉีด หรือใช้เหยื่อกำจัดแมลงสาบที่มีในท้องตลาด เป็นตลับดำ ๆ มีอาหารของมันผสมยาฆ่าแมลงอยู่ข้างใน ถ้ามันกินเข้าไปแล้วจะตายค่ะ แต่บางตัวก็ฉลาดนะคะไม่ยอมมากิน พวกฉลาด ๆ ที่เหลืออยู่นี่จะออกลูกออกหลานต่อไป
อีกวิธีหนึ่งคือสังหารโหด แบบวิสามัญฆาตกรรม
วิธีนี้ดูจะเป็นการทำบาปอยู่สักหน่อยนะ อาวุธที่ใช้ได้แก่ ไม้กวาด หรือม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ ฟาดเปรี้ยงลงไปใครมือแม่น ๆ ได้ผลดี ส่วนใหญ่งานนี้มักเป็นของพ่อบ้านนะ แม่บ้านมักปล่อยให้พ่อบ้านตกนรกไปตามลำพัง
สุดท้าย อย่าลืมว่าขบวนการกำจัดแมลงสาบ (โดยเฉพาะที่บ้านของคนไข้โรคภูมิแพ้) ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง