ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 442|ตอบกลับ: 3

จ้าวธารา

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
คัดลอกมาครับ

-๘-
   ก๊อกๆๆ
   “..ร..ไกร..ไกร”

   ก๊อกๆๆ
   “ไกร  ตื่นเร็วเข้า”

   ก๊อกๆๆ
   เสียงเคาะประตูดังจนบ้านแทบพังทำให้ผมตื่นได้เร็วกว่าอีกฝ่ายคอยเขย่าตัวปลุกอยู่แบบนี้ สิ่งแรกที่เห็นคือมุ้งสีขาวสะอาดที่คลุมอยู่รอบเตียง…และระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน..คนข้างตัวก็ดึงผมให้ลุกขึ้นนั่ง….

   ….ก่อนจะช้อนอุ้มโดยไม่ทันตั้งตัว!
   “ไอ้…!”

   “ชู่!” เขาดุทันที

“เงียบไว้นะ!”
   ก๊อกๆๆ!
   เสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงนั่นทำเอาผมเผลอชะเง้อมองข้ามไหล่อีกฝ่ายไปที่บานประตู สลักกลอนยังลงล็อคไว้แน่นหนา..ไม่มีท่าทีว่าจะพัง  
แต่กระนั้นก็เจ็บมือแทนคนเคาะที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประตูมิใช่น้อย
   แต่ยังไม่ทันจะถาม  
ที่อยู่ต่อไปของผมเสือกเป็นตู้เสื้อผ้าครับ!
   “อยู่เงียบๆนะ”

   พี่วันย้ำอีกครั้งแล้วโยนผมเข้าไป…อีกครั้งนะครับ! โยน!  ไอ้บ้านี่จะทะนุถนอมกูสักหน่อยไม่มี!คนยิ่งเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันประหลาดๆว่าไปบุกรังจระเข้ด้วยเครื่องแบบหน่วยS.W.A.T.อาวุธครบมือมาแท้ๆ! ตื่นขึ้นมาตัวเปล่ามันก็เหวงสิเฟ้ย!
   ผมพยายามตั้งสติในความมืดหลังบานประตู ถึงกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมแตะจมูกมันชวนเคลิ้มให้หลับต่อแค่ไหนก็เถอะ…ผมต้องเงียบ  และให้ตาย!นี่ผมเล่นละครเรื่องชู้รักจระเข้อยู่จริงๆสินะ!?!

   ไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดประตู
   ผมขยับตัว  แอบมองลอดรอยแง้มเล็กๆของตู้เสื้อผ้า…แน่นอนล่ะไอ้บ้า  จะไปเหมือนในหนังหรือการ์ตูนได้

ยังไงวะ…มองเห็นก็เหี้ยแล้วครับ! ตาคนนะว้อยไม่ใช่ด้ายเย็บผ้า  จะได้สอดเข้ารูเข็มได้น่ะ..ฮะ! ต่อให้เอาน้ำลายป้าย

ก็เถอะ!
   “อรุณสวัสดิ์มาลา”
   ชื่อที่ถูกเรียกด้วยเสียงทุ้มนั่นทำให้ผมชะงักการเล่นมุขกับตัวเองไปทันที
   …มาลา?

   “มาลาบอกแล้วไงครับว่าอย่าล็อคห้อง เดี๋ยวก็ปลุกไม่ได้กันพอดี..ถ้าไปเรียนไม่ทันอย่ามาโทษมาลานะ”เจ้าของนามดูกระฟัดกระเฟียด…น้ำเสียงที่หวานเกินกว่าจะเป็นผู้ชาย..?แต่ก็ทุ้มเกินกว่าจะเป็นผู้หญิง..?   

“ตื่นก็ดีแล้ว  อาหารเช้าจะไปทานที่โต๊ะหรือจะให้ยกมาที่นี่ครับ?”
   คู่สนทนาอ้ำอึ้ง

“อา…..ไม่ทานดีกว่า….ได้มั้ย?”
   “ทำไมล่ะครับ?  มาลาอุตส่าห์ตื่นเช้ามาทำอาหารให้ท่านจ้าว  ท่านจ้าวจะปฏิเสธมาลาเหรอ?”
   “ครับ  ครับ โอเค  งั้นยกมาให้ที่นี่ทีนะ”
   “ท่านพันวังอยู่ที่โต๊ะอาหารนะครับ”
   “เอ้า  แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ”
   “ก็ปกติแล้วท่านจ้าวจะออกไปทานด้วยกันกับมาลานี่ ใครจะไปคิดว่าวันดีคืนดีอยากเก็บตัวขึ้นมา…”
   เสียงนั้นเข้ามาใกล้ทำเอาผมหดตัวเกร็งทีเดียว(จะหดไปเพื่ออะไรวะ! ไม่ได้ช่วยเล้ย!)  เลยเห็นแวบๆว่าคนที่พูด…เป็น…เด็กหนุ่มตัวเล็กที่เหมือนจะเพิ่งพ้นวัยเด็กชายมาหมาดๆ?
ผมสังเกตได้เพียงแว่บเดียวเท่านั้นครับแล้วเขาก็เดินหลบหายไป
   
ได้ยินเสียงหัวเราะ..มันรื่นเริงจนรู้สึกแปลกๆในอก
   “พี่ไม่ได้เก็บตัวสักหน่อย  คิดมากไปได้”

   “เดี๋ยวนี้ท่านจ้าวก็ทำตัวแปลกไปนี่นา กลิ่นมนุษย์ก็เต็มไปหมด”
   ..เล่นเอากูที่ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าสะดุ้งกันเลยทีเดียว..
   “ก็พี่ไปเรียน…”

   “ตอนกลางคืนก็ไม่เรียกมาลาด้วย”
   …ชะงัก
   ..
สติผมหยุดลงตรงนั้น
   “ใช่ซี่  พอหมดฤดู..มาลาก็ไม่จำเป็นแล้วนี่!”

   “ไม่ใช่แบบนั้นครับ  ไม่เอา  อย่างอนสิ”
   “มาลาเป็นบ่าว  ไม่ต้องมาง้อหรอก”
   “นี่” เขาหัวเราะอีกครั้ง

“แก้มป่องแล้วไม่น่ารักนะ”
   ผมยกมือปิดหู
   ..
ราวกับว่าทุกถ้อยคำทั้งหมดแล่นตรงสู่หัวใจ..
   ………..ไม่อยาก…แม้แต่จะได้ยิน……………

   ภายในสมองเกิดคำถามขึ้นมามากมายว่า ‘นี่มันบ้าอะไรกัน?’ใช่ครับ..และผมก็อยากจะผลักประตูตู้ให้เปิดออกเพื่อตะโกนถามเค้าไปว่า ‘นี่มันบ้าอะไรกัน!?’ อยู่หรอก  เพียงแต่หลายๆอย่างบอกผมว่าผมไม่ควรทำแบบนั้น  ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้ผมคงจะเป็นชู้อยู่ และอีกเหตุผลง่ายๆก็คือ…….
   ...ผมไม่ใช่เจ้าของ..ไม่มีสิทธิ์ตีตราจอง…
   ……….เรื่องมันก็ง่ายๆแค่นั้นเอง
   ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าออกอีกครั้ง พยายามควมคุมอารมณ์ด้วยทุกอย่างที่ผมมี..ผมได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกจากด้านนอก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดจาหวานๆอ้อนๆ..ซึ่งเขาทำจนเป็นนิสัย..และ…
ไม่มีค่าอะไรเลย
   ผมไม่หน้าด้านพอจะถามหรอกครับว่า

‘มาลาเป็นใคร?’
   ไอ้ที่ต้องถามน่ะ  มันผมต่างหาก
   ..แล้วผมล่ะเป็นใคร?!?

   บ้าชะมัด  ห้ามร้องไห้..อย่าออกมานะว้อยเจ้าน้ำตา!
   …
เดี๋ยวใครเขาจะรู้หมดว่าเราอ่อนแอ!
   “ไกร?”

   ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก..ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
   ผมลืมตาขึ้น  เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหลับตาลงยกมือปิดหู
และนั่งแบบคุดคู้ที่สุดเท่าที่เคยนั่งมาก่อน
   อีกฝ่ายมองผม..นาน..และถึงผมจะไม่ได้หันไปมองแต่ก็พอรู้อยู่ เขาเอื้อมมือมาแตะที่ไหล่  ผมไม่ได้สะดุ้งหรือปัดมันออกอย่างที่ตัวเองตั้งใจ ไม่ได้โวยวาย..ไม่ได้เขย่าคอเสื้อเขา..ไม่ได้อาละวาดแบบที่ผมอยากจะทำและตั้งใจ

จะทำ  ใช่ ผมอยากจะทำให้รังจระเข้แม่งพังพินาศให้หมดด้วยซ้ำ!   …แต่ที่แย่กว่านั้นคือผมไม่ได้ทำ!
   “ง่วง”
ผมบอก
   คนฟังเลิกคิ้ว “อย่าหลับในตู้เสื้อผ้าสิ”

   “ก็มันง่วง” แถมขยี้ตาแล้วตะกายออกจากตู้เสื้อผ้าเบลอๆด้วยครับ  ตุ๊กตาทองอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมละ…

“กี่โมงแล้วอ่ะ?”
   “เจ็ดโมง  ไกรมีเรียนบ่ายใช่มั้ย?”
   “สอบอ่ะ” ผมตอบ ครั้งนี้พูดความจริงครับ…เขารู้อยู่แล้วละ เลยแถเติมเข้าไปอีกหยดหนึ่ง

“แต่นัดติวกะเพื่อนไว้สิบโมง..ต้องกลับไปหอเปลี่ยนชุดด้วย”
   “อ้อ..แล้วจะทานข้าวด้วยกันมั้ย?”
   ผมแกล้งทำเป็นคิดแปปนึง…ทั้งที่มีคำตอบไว้อยู่แล้ว

“ไม่อ่ะ  รีบไปหน่อยดีกว่า”
   “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
   แรกทีเดียวผมอยากจะบอกนะว่าไม่เป็นไร ตอนนี้อยากอยู่คนเดียวมากถึงมากที่สุด..แต่ก็สำเหนียกได้เสียก่อนว่ากูจะออกไปยังไงวะจำทางไม่ได้เนี่ย! เลยต้องจำใจ…พากันกลับออกมาด้วยมุขเดิมๆคือปีนข้ามรั้ว และครั้งนี้มันไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืนครับ…ทุกอย่างเวลาต้องแสงนี่ดูดีจริงๆ….
   พี่วันมาส่งผมถึงหน้าหอทั้งๆที่ผมปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่นะ..ลูกดื้อของจอมเจ้าชู้นี่จะห้ามยังไงไหว  หรือบอกตามตรง..ผมไม่มีแรงจะเถียงเขาเท่าไหร่หรอก
   
เขาถามผมหลายครั้งว่าเป็นอะไร
   ..สิ่งที่ผมตอบเขาไปทุกครั้งคือแค่ง่วง
ตื่นเช้าเกิน..หรืออะไรที่ใกล้เคียง..
   
..การฝืนยิ้มเป็นอะไรที่ทรมานมาก..
   ผมถึงห้องโดยสวัสดิภาพ  ทิ้งตัวโครมลงบนเตียง..อยากจะหลับตาอีกสักตื่น  แต่ทำยังไงก็ไม่หลับ…คำพูดหวานๆพวกนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวผม ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จักจบจักสิ้น…ซึ่งครั้งแรกที่ได้ฟังมันก็มีความสุขดี แต่พอรู้แบบนี้…

ก็ทรมานจนหายใจแทบไม่ออก
   ดีแล้วไอ้ไกร..
   …
ก่อนที่ความรู้สึกมันจะถลำลึกไปกว่านี้
   …ดีแล้วล่ะ

   “โจทย์เหี้ยไรวะ  ข้อเดียว  ให้กระดาษคำตอบมาเป็นเล่ม!”
   “อืม  นั่นสิ”
   “กูเขียนได้หน้าครึ่งก็หรูแล้วว่ะ ตัวอักษรนึงเท่าหัวแม่โป้ง…มึงเขียนไปเท่าไหร่?”
   “สาม...”
   “สามหน้า!  สามหน้าพ่อ……..”
   “…บรรทัด”
   “อะไรนะ?”
   “3บรรทัด” ผมตอบ มองไปทางอื่น “3บรรทัดเท่านั้นแหละ”
   เพื่อนรักผมเงียบไปแปปนึง

“มึงเป็นอะไรป่าววะ?  อย่างมึงเนี่ยนะเขียนตอบไปแค่สามบรรทัด?”
   “เปล่า”
   “มึงไหวมั้ยเนี่ย?”
   “…ไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” ผมไม่อยากโกหก

“รู้สึกแย่มาก”
   “เกิดอะไรขึ้น?”
   “กูต้องถอนตัวว่ะมึง”  ผมบอกมันไปตามตรง…ถึงไม่จำเป็นต้องบอกแต่ก็แค่อยากจะพูด  ผมอึดอัด!  ได้ยินมั้ย!

“กูแม่งโง่  แม่งบ้ามาก…เผลอคิดเหี้ยอะไรไม่รู้ตั้งเยอะกับคนแบบนั้น”
   “คนแบบไหน?”
   “ยังจะถาม”
   “พี่วันเหรอ?”
   “ยังจะถาม!”
   “ถามจริง”
   มันขมวดคิ้ว  ท่าทางจริงจังมาก
   “มึงบอกจะถอนตัวๆ…แล้วมึงไป‘เริ่ม’ กะเค้าตั้งกะเมื่อไหร่วะ?”

   …กึก…
   “…เริ่ม…อะไร?”
   “จิ๊จ๊ะกัน”
   “เฮ้ย  จะบ้าเหรอ!”
   มันเดาะลิ้น…วาดลวดลายประหนึ่งมิจชันนารีนักรัก
   “ถ้ามึงยังไม่เคยแม้แต่จะเริ่ม มึงจะไปถอนตัวออกมายังไงวะ  กูถามหน่อย”

   แม้ว่าโป๊ยจะเป็นไอ้บ้าปัญญานิ่มสมองเท่าเม็ดถั่ว แล้วก็เป็นประเภทที่สามารถพูดคนเดียวได้นานเป็นน้ำป่าไหลหลากก็ตาม…แต่เวลาแบบนี้   ทุกครั้ง  มันจะต้องมีคำคมอะไรบางอย่างให้ผมฉุกคิดได้เสมอเลย  ให้ตายเถอะ!
   ความสัมพันธ์ง่ายๆที่คิดไปเองฝ่ายเดียวแบบนี้ ถ้ามองจากคนภายนอกมองมันก็แค่เพื่อน  แค่รุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะกันธรรมดาๆป่ะวะ! ถูกอย่างที่ไอ้โป๊ยว่าน่ะแหละ  
อย่าว่าแต่ตกลงเราเป็นอะไรกันเลย..เรายังไม่เริ่มด้วยซ้ำ!
   
ผมจะมานั่งเฮิร์ททำบ้าอะไรอยู่วะ!
   …
กูรู้สึกยังไงกับมัน..กูยังตอบคำถามนั้นไม่ได้เลย!ให้เคราดกตายเถอะ!
   ท่าทางผมคงจะคิดมากเกินไปครับ
สุดท้ายก็ได้ไอ้โป๊ยบอก
   “อย่าคิดมากพวก  มื้อนี้กูเลี้ยง  มึงสั่งได้ไม่อั้นเลย!”

   “ค*ย  จานละสามสิบทำเป็นคุย”
   “เอ้า  กูไม่เคยเลี้ยงข้าวมึงเลยนะเว้ย!”
   “เออ” ผมแยกเขี้ยวใส่มัน แล้วหันไปโบกเรียกป้า “ขาหมูสามจานใหญ่ๆครับพี่สาว!!”
   “สามเลยเรอะ!”
   “แค้น  เพราะแม่งทำให้กูเขียนสอบได้แค่สามบรรทัด”
   “โคตรพาลเลยเหี้ยนี่”
   “ไม่ได้พาลว้อย!”
   “แล้วไงวะ?  โดนเค้าทำอะไรมา?”
   “เจ้าชู้” อธิบายคำแรกด้วยเสียงหนักๆ
   อีกฝ่ายกระตุกคิ้ว “อ่าฮะ”

   “เจ้าชู้มาก”
   “อือหึ”
   “มึงจะช่วยคอมเม้นท์อะไรหน่อยได้ป่ะวะ!”
   “แล้วไงวะ?  ก็เจ้าชู้..กูก็เคยบอกมึงไปแล้วนี่”
   “มันไม่ใช่เจ้าชู้ธรรมดาน่ะสิวะ!”
   “แล้วพิเศษยังไง?”
   พอเห็นผมเงียบ  มันก็ต่อเลยครับ
   “….พิเศษตรงที่ว่ามึงชอบเค้างั้นสิ?”

   “ไอ้สัสโป๊ย!”
   “หรือไม่จริง?  มึงพูดมาขนาดนี้แล้วนะสัส  ยังทำมาไม่ยอมรับความจริงไปได้…”
   “กูไม่ได้บอกว่ากูไม่ยอมรับ!”
   “เฮ้ยไอ้สัส  มึงจะเถียงก็ช่วยเถียงให้มันดีกว่านี้หน่อยเหอะว่ะ ทำแบบนี้งี่เง่าเป็นบ้า”
   ผมก้มหน้า “เออ กูรู้แล้ว”
   “แล้วชอบเค้าตรงไหน?”
   “มึงถามเหี้ยไรเนี่ย”
   พอจบคำตอกของผม  ข้าวขาหมูสามจานใหญ่ๆก็ถูกเสิร์ฟมาตรงหน้าพอดีครับ  เราเลยหยุดคุยกันชั่ววูบหนึ่ง...แต่ก็เป็นแค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้นแหละครับ
   “เดี๋ยวนี้นะมึง  ไม่ต้องอายมาก  ชอบผู้ชายมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว..ดูอย่างโต๊ะนั้น”มันพยักเพยิด  หยิบช้อนส้อมมาเตรียมจ้วงแดก“แฟนกันชัดๆ  แต่นั่งเนียนทำเป็นเพื่อนกัน…พวกแบบนี้น่ะมีบ่อยนะ  เพราะงั้นนอกจากพ่อแม่แล้วมึงไม่ต้องปิดบังใครหรอก”

   ผมมองตอบ  แล้วรีบหันกลับมา

“มึงรู้ได้ไงวะ”
   “มันเป็นเซ้นส์ของคนเก๋า”
   “แล้วอย่างมึงกะกูล่ะ?”
   มันมองหน้าผม  ทำตัวสั่นใส่“ไอ้สัส  อย่าพูด!กูขนลุกเลยเห็นมั้ย..บรื๋อออ”
   “เออ  ตอนมึงพูดเรื่องพี่วันกะกูกูก็ขนลุก!”
   “พี่วันไม่เกี่ยวว่ะ  หล่อและดีจนกูเองยังอยากเป็นเกย์เลย”
   “อ้าวเหี้ยนี่…”
   “อย่าทำกู  กูไม่ได้จะตบแย่งกับมึง…กระเทยควายสองตัวไม่น่าดูหรอกนะฮ้าา~”
   “ตลกตาย”
   “มึงยังไม่ตอบเลยว่าแล้วพี่วันทำอะไรมึง?”
   ผมกรอกตา

“กูว่ารีบกินดีกว่า  เดี๋ยวข้าวเย็นหมด”
   มันโบกหัวผม

“จงใจเปลี่ยนเรื่องนะว้อย!”
   “เปลี่ยนเรื่องห่าไร…กูก็แค่……………”
   ผมเงยหน้า  ยังหยิบยกคำพูดมาอ้างได้ไม่ทันจบประโยค..ก็ต้องชะงักลง เมื่อปากทางร้านข้าวขาหมูมีใครอีกคู่หนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามา และจังหวะนั้นแม้แต่ผมเองก็ยังแกล้งเนียนหลบตาทำเป็นไม่เห็นไม่ได้
   เพื่อนรักเห็นผมเงียบไป  เลยหันกลับไปดูทั้งข้าวยังคาปาก  
แล้วมันก็หันกลับมาทันที
   “พูดยังไม่ทันขาดคำ  มาพอดี”

   “เออ” ผมผ่อนไหล่ลง

“ทำไงดีวะ?”
   “ธรรมชาติเว้ยเพื่อน”
   “เออ  ธรรมชาติ”
   “เสียงสั่นนะมึงอ่ะ”
   “อย่าแซวสิวะ…”
   “ไกร  โป๊ย..มาร้านนี้กันทำไมไม่บอกล่ะ จะได้กินด้วยกัน”
   เสียงใสเป็นเสียงแรกที่ทักผมครับ และแน่นอน..นางฟ้ามาทั้งทีผมจะไม่ยิ้มหวานๆให้ได้ยังไงล่ะ
   “ไม่นึกว่าแก้วจะกินขาหมูได้นะเนี่ย เห็นรักษาหุ่น”

   อีกฝ่ายหัวเราะ

“นั่งด้วยได้มั้ย?”
   ผมชะงัก  แต่ก็พยักหน้า “ได้ๆ  เอาเลย!”
   “ทำข้อสอบได้ป่ะ?”
   “ไม่ค่อยอ่ะ”
   “อ้าวไหงงั้น?  วิชาถนัดไม่ใช่เหรอไกร?”
   แก้วทิ้งตัวลงนั่งข้างผม  ส่วนอีกคนก็นั่งข้างไอ้โป๊ยฝั่งตรงข้าม..เขามองหน้าผม..แล้วยิ้มเจื่อนๆให้ ผมเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร..และรู้ว่านี่ไม่ใช่การคิดไปเอง…
   “ฮ่าๆ  วันนี้มึนๆน่ะ เบลอๆตั้งแต่เช้าแล้ว”
   “ไม่สบายเหรอ?”
   นั่นเป็นประโยคคำถาจากฝั่งตรงข้าม ผมเหลือบสายตามองเขาแปปนึง..แล้วรีบหลุบลงมา
   “เปล่า”

   ..ตอบสั้นไปปะวะ..
   ระหว่างที่บรรยากาศ(ในใจผม)กำลังหนักหน่วงอยู่นั่นเอง เพื่อนรักตรงหน้าก็ระเบิดหัวเราะออกมาลั่นร้านแบบไม่อายฟ้าดินครับ! มันดังจนคนทั้งร้านหันมามอง  
และที่เหี้ยกว่าคือมีแค่มันเนี่ยแหละที่หัวเราะอยู่คนเดียว!!
   “เป็นบ้าอะไรวะไอ้โป๊ย!”

   อดด่าด้วยความอับอายไม่ได้ครับ! แม่งไม่อยากให้คนอื่นรู้เล้ยว่านี่เพื่อนกู!
   “เปล๊า!” มันตอบชัดเจน เสียงสูงซะด้วย  ดูก็รู้ว่าจงใจหาเรื่องผมชัดๆ!

“ไม่สั่งไรกินกันอ่ะครับพี่วัน?  ขาหมูนะ?  ป้าค้าบ  ข้าวขาหมูอีกสองจานค้าบ”
   “เอ่อ  ของหนูไม่เอาหนังนะคะป้า”แก้วเสริมด้วยรอยยิ้ม
   “จ้า”

   โป๊ยมองแก้ว  หุบยิ้มไปแปปนึง..ถึงค่อยหันไปยิ้มทะเล้นกะพี่วัน

“นี่แอบมาเดทกันทุกวันป่ะเนี่ย?  หวานแหววกันจริงนะครับ~”
   กึก
   คำพูดไอ้โป๊ยทำผมกำช้อนแน่นจนแทบหัก
ก่อนจะเหยียบขยี้ตีนมันไปทีนึง
   แม่งเลยเหยียบผมกลับ…รักเพื่อนมากครับ!

“วันนี้พี่วันมีสอบเหมือนกันเหรอ?”
   คนถูกถามยิ้ม

“ไม่อ่ะ  มารับ…เฉยๆ” แล้วเหลือบสายตามามองผม…จังหวะที่เว้นไปนั่นอาจจะหมายถึงผม หรือไม่ก็แก้ว  

หรือไม่ก็…ถ้ามีคนอื่นก็คงเป็นคนนั้นแหละ เพราะผมควรจะเลิกคิดเข้าข้างตัวเองไปได้แล้ว!
   
....อยากจะเอาจอบมาขุดพื้นมุดดินหนีให้มันแล้วไปจริงๆ!
   “เอ้อ  แล้วแก้วทำข้อสอบได้มั้ย?”

   “ได้บ้างจ้ะ  ก็เขียนไปเท่าที่มีอยู่ในสมองน่ะแหละ ฮ่าๆ”
   “ปีสามนี่..มะรืนสอบอีกตัวก็หมดมิดเทอมแล้วใช่มั้ยครับ?”
   “ใช่ค่ะ” สังเกตได้เลย เวลาแก้วหันไปพูดกับไอ้พี่วันจะยิ้มปริ่มเป็นพิเศษ

“ปี 4 ละคะ?”
   ไอ้หมอนั่นยังยิ้มหวานอยู่!

“อาทิตย์หน้าเลยแน่ะ”
   “ดีจัง  เดี๋ยวพี่วันก็จบแล้ว พวกแก้วยังเหลืออีกตั้งปี…”
   “เดี๋ยวก็จบน่า”
   “อาจไม่จบก็ได้นะ..”
   “ทำไมพูดงั้นล่ะ?  แก้วเก่งจะตาย…ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่ได้นะ”
   ครืด
   ผมลุกขึ้น  ข้าวขาหมูยังเหลืออีกสองจาน ทั้งโต๊ะมองผม และเมื่อไม่เห็นว่าผมพูดอะไร ไอ้โป๊ยก็ลุกตาม

“เอ่อ  พี่วัน  เดี๋ยวพวกผมกลับก่อนก็แล้วกันครับ”
   “อ้าว  ยังไม่หมดเลยไม่ใช่เหรอ?”แก้วถาม..อย่างไร้เดียงสาจริงๆ
   มันยิ้มให้แก้ว  เอ่อ..จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันยิ้มให้แก้วน่ะนะ ก่อนจะหยิบแบงค์ร้อยจากกระเป๋าตังค์

ยื่นให้

“ไอ้ไกรมันไม่สบายตั้งกะเช้าแล้ว  ท้องไม่ดีมั้ง..ฝากจ่ายด้วยนะ”
   “โอเค  ไกรเป็นอะไรมากเปล่า? ไปหาหมอมั้ย?”
   ผมไม่ได้ตอบ
   โป๊ยเลยตอบให้ “เดี๋ยวเราว่าจะพาไปอยู่”

   “ยังไงบอกเราด้วยนะ  เราเป็นห่วง”
   “จ้า”
   พอจบประโยคนั้นผมก็เดินนำออกมา
   แต่ระหว่างที่กำลังเดินผ่าน ‘ผู้ต้องหา’
คนนั้น..เขากลับขยับมือมาจับมือผม
   
พร้อมพูดเสียงเบา..จนเหมือนกับว่ามีแค่เราสองคนที่ได้ยิน
   “..เป็นอะไร?”

   ..น้ำเสียงนั้นซึมลึกลงไปในใจ..ราวน้ำกรดที่ค่อยกัดกร่อนอวัยวะภายในทีละนิด….
   ผมเดินต่อ  มือที่ถูกสัมผัสลื่นหลุดออกมา..เขาไม่ได้ดึงผมไว้ด้วยกำลัง มันเป็นสัมผัสที่เย็นเยียบ..ผมรู้มานานแล้วว่าอุณหภูมิร่างกายเขาเย็นกว่าผม แต่ไม่คิดว่ามันจะเย็นขนาดนี้…หรือเป็นเพราะผมกันนะ ที่ ‘ร้อนใจ’ เอง…
   เมื่อคืนก็ผม
   
เมื่อเช้าก็เด็กมาลานั่น
   
ตกค่ำเป็นแก้วอีก
   …นี่ผมกำลังโดนปั่นหัวอยู่รึไงวะ!?!

   “ไอ้เข้เอ้ย!”
   ออกมาจากร้าน  ผมตะโกนออกไปดังมาก ดังจนไอ้โป๊ยที่วิ่งตามมายังต้องสะดุ้ง..ดังจนคนละแวกนั้นต้องหัน

มามอง  แต่วินาทีนั้นไม่มีอะไรอีกแล้วที่ผมแคร์
   …นอกจากหัวใจตัวเอง…

   …ช่างเป็น…ความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้เลยจริงๆ…

ใคร่ครวญคิดถึงคนึงหา
ฤๅชอบฤๅปรารถนาฤๅหวั่นไหว
ยามแตะต้องมองน้ำตาเจ็บข้างใน
ด้วยหัวใจอยู่ที่น้องต้องบัญชา
เพียงปริบอกสิ่งที่น้องต้องประสงค์
พี่จะคงปรนนิบัติคอยสรรหา
เพียงแต่น้องร้องเหตุใดโปรดบอกมา
พี่เป็นข้าข้าตัวน้องครองคู่กาย
น้องถามพี่ว่าพี่รักปักผู้ใด
พี่ตอบได้รักเจ้าเฝ้าเคล้าหมาย
น้องถามพี่พี่อิงแอบใครแนบกาย
พี่ตอบคล้ายคือตัวเจ้าอรอนงค์

พี่แต่ขออธิบายให้ประจักษ์
ว่าพี่รักเจ้าดวงใจให้ไหลหลง
หากน้องขอให้เลือกน้องฤๅเผ่าพง
พี่แต่คงจงปลอบ..ตอบเสียใจ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2573
Zenny
583
ออนไลน์
440 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-26 13:07:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-2-24 08:48:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนค๊าฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
30190
Zenny
21874
ออนไลน์
2288 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-4-23 17:29:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 16:26 , Processed in 0.092924 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้