ออสเตรีย (Austria)

argolight

ออสเตรีย (Austria) “เวียนนา” เกียรติภูมิแห่งโลกดนตรี      ด้วยภูมิประเทศอันงดงามประกอบกับนิสัยการรักความสนุกสนาน ช่างคุยและเป็นมิตรของชาวออสเตรีย จึงเป็นผู้นิยมต้อนรับผู้คนที่มาเยือน การท่องเที่ยว แบบผจญภัยด้วย “การเดิน” เที่ยวไปตามเทือกเขาอันงดงาม จึงเป็นเสน่ห์จูงใจให้ นักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นทั่วโลก เดินทางไปเยือนอยู่ตลอดเวลาในฐานะดินแดนที่มีผู้มาเยือนมากติดดับโลกเสมอมา      กรุงเวียนนายังเป็นมหานครแห่งเสียงดนตรี โรงโอเปร่าแห่งเวียนนา, เดอะ วีนเนอร์ ฟิลฮาร์โมนิแคร์, เทศกาลดนตรีซาลซ์บูร์ก นักประพันธ์เพลงชาวออสเตรีย ผู้ยิ่งใหญ่ที่โด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเปิดการแสดงจะมีผู้ติดตามชมและผู้ฟังมากที่สุดในโลก      ดนตรีของออสเตรียสะท้อนภาพถึงธรรมชาติที่แท้จริงของชาวออสเตรีย อนุสาวรีย์ของราชาเพลงวอลทซ์ “โยฮันน์ สเตราส์ จูเนียร์” สวนสาธารณะประจำเมือง รัฐสภาแห่งชาติสร้างในศิลปะแบบกรีกโบราณ ถนนวงแหวนที่เรียงรายด้วยสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ และงดงามของศิลปะหลายยุคหลายสมัยที่ถูกบูรณะขึ้น พระราชวังฤดูหนาวฮอฟบวร์กที่แสนงดงาม จัตุรัสมาเรียเทเรซ่า ย่านถนนคาร์ทเนอร์ มหาวิหารเซนต์สเตฟาน โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างสไตล์โกธิค สูงเสียดฟ้าสวยงดงามตั้งอยู่ใจกลางเมือง      การเดินเป็นเสน่ห์ของชาวออสเตรีย ถนนสายเดินเล่นที่บริเวณโบสถ์สเตฟานจึงยัง อนุรักษ์ความหรูหราสไตล์เก่าของโรงแรม เช่น โรงแรมซาเค่อ ปัจจุบันยังให้บริการกับชนชั้นสูงราคาแพงมาก การเดินเล่นบนถนนสายนี้เหมือน ได้เดินอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ของออสเตรียจริงๆ สมกับที่องค์การยูเนสโกจดทะเบียนเป็นมรดกโลก      ถนนวงแหวนริงสตราเช่ เป็นที่ตั้งของ สถานที่สำคัญๆ เช่น รัฐสภา โรงโอเปร่า พระราชวังเบลวาแดร์ อาคารพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น      รูปปั้นซึ่งเป็นอนุสรณ์และเกียรติสูงสุดของ โยฮันน์ สเตราส์ ออกแบบอย่างสวยงามอยู่ หน้า พระราชวังเชินบรุนน์ พระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์ราชวงศ์ฮับบวร์กในอดีต นัยว่าบรรจงสร้างเพื่อให้เทียบเท่ากับพระราชวังแวร์ซายส์ให้เหมือนมากที่สุด      วัฒนธรรมประเพณียิ่งใหญ่ของออสเตรีย โดยเฉพาะชื่อเสียงโดดเด่นในโลกดนตรี นี่คือเหตุผลที่ทำให้แม้ช่วงกลางของยุคหลังสงครามอันตกต่ำ และภาวะเงินเฟ้อ แต่โรงโอเปร่าแห่งเวียนนาโดยการควบคุมของ ริชาร์ด สเตราส์ ยังเจริญรุ่งเรืองได้ เทศกาลและดนตรีซาลซ์บูร์ก เฟสติวัล ที่มีชื่อเสียงก้องโลก      โรงโอเปร่าเปิดทำการอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการแสดงอุปรากรของเบโธเฟ่น เรื่อง “ฟิเดลิโอ” ซึ่งทั้งประเทศได้ร่วมฉลองเหตุการณ์สำคัญนี้ด้วยกัน      เพลงเต้นรำผสานเข้ากับดนตรีศิลปะได้ไม่ผิดเพี้ยน การผสมผสานทางดนตรีที่ต่อมา ต่างแยกไปดำเนินตามแนวทางของตนเองในภายหลัง คือ เคล็ดลับอย่างหนึ่งในความสำเร็จของดนตรีคลาสสิกแบบเวียนนา      จาก “The Sound of Music” จนถึง โมสาร์ท จากบารอคจนถึงแจ๊สและดนตรีสมัยใหม่ ตัวเมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นเวทีการแสดงอีกครั้ง สำหรับงานแบบประเพณีนิยมและงานสมัยใหม่ นี่คือรายการเด็ดประจำปี 2550 นี้ เดินชมเมืองทิวทัศน์งดงามอาหารอร่อย      การขับรถเที่ยวชมมรดกโลกทางวัฒนธรรมได้สะดวกสบายภายใน 1 สัปดาห์ ถือว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่วิเศษสุดของออสเตรีย พร้อมเพลิดเพลินไปกับศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความงดงามของภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ...      “เมืองซาลซ์บูร์ก” ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงก้องโลกเรื่องความงามที่หาใครเทียบไม่ได้ ทั้งรูปแบบอาคารบ้านเรือน ทัศนียภาพของสิ่งแวดล้อม และเรื่องพรหมลิขิตที่บันดาลให้โวลฟ์กัง อะมาเดอุส โมสาร์ท ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ เมื่อ ปี 1756      ความเจริญมั่งคั่งอันยาวนานหลายร้อยปี มีรากฐานจากการค้าเกลือซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ทองคำขาว” จนเป็นเหตุให้เจ้าชายอาร์คบิชอปสร้างเมืองขึ้นด้วยลักษณะแบบอิตาลี ทั้งอาคารทางศาสนามากมาย กับบรรยากาศเฉพาะของเมืองซาลซ์บูร์กจึงได้ สมญานามว่า “โรมแห่งภาคเหนือ”      “เมืองเก่าเวียนนา” และบริเวณใกล้เคียงคือหนึ่งในบรรดาแหล่งประวัติศาสตร์ที่งดงามที่สุดในยุโรป ตัวเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ ฮับบวร์ก สร้างตามแบบอย่างศิลปะ 3 ยุค ยุคกลาง ศิลปะแบบโกธิค ได้แก่ โบสถ์เซนต์สตีเฟ่นสมัยบารอคที่สืบทอดอย่างต่อเนื่องปรากฏในพระราชวัง ฮอฟบวร์กโดยเฉพาะ ยอดโดมที่สง่างาม สุดท้ายคือยุคริงซตราสเซ ปลายศตวรรษที่ 19 มีการก่อสร้างสถานที่สำคัญภายในเขตกำแพงเมือง เช่น โรงโอเปร่า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบสถ์ วัง สวนสาธารณะ และอีกมาก ของสะสมมีค่าจำนวนมากจากผู้ปกครองซึ่งทรงอิทธิพลหลายพระองค์ ยิ่งเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้แก่เมืองเก่าเวียนนา และเมื่อกล่าวถึงเมืองเก่า คงหนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องอาหารการกินชั้นยอดของเวียนนา ร้านกาแฟนั่งสบาย และการช็อปปิ้งในร้านค้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่งของให้ราชสำนัก      ออสเตรียมีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจและสิ่งก่อสร้างสำคัญทางประวัติศาสตร์ มากมาย ครอบคลุมตั้งแต่สิ่งก่อสร้างทางศาสนา เช่น โบสถ์ อาราม ไปจนถึงปราสาท พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ ที่ทำการรัฐ อันหลากหลายทำให้เกิดอาคารหลากรูปแบบ      ชิิงช้าสวรรค์ยักษ์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเวียนนาควรหาโอกาสขึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ให้ได้ เพราะเป็นวิธีชมเมืองที่วิเศษที่สุด มีบริการเปิดให้เช่าสำหรับงานฉลองเล็กๆ และการจัดแถลงข่าว พร้อมอาหารค่ำชั้นเลิศในตู้กระเช้า เดอลุกซ์จำนวน 2 ตู้      โรงเรียนสอนขี่ม้าแห่งเวียนนาที่สอนขี่ม้าแห่งเดียวในโลก ที่ฝึกสอนศิลปะการบังคับม้าแบบดั้งเดิมที่มีมากว่า 400 ปีแล้ว... 1. กรุงเวียนนา ชม พระราชวังเชินบรุนน์ พระราชวังที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติแห่งที่สาม และเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะการดนตรี 2. ซาลซ์บูร์ก เมืองโรแมนติกที่มีแม่น้ำซาล ซัคไหลผ่านใจกลางเมือง ระหว่างเส้นทางผ่านชมทะเลสาบมอนด์เซ ที่ใช้เป็นฉากถ่ายทำในภาพยนตร์ The Sound of Music และชมสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค ดินแดนต้นกำเนิดของนักดนตรีเอกโมสาร์ท 3. อินส์บรุค เมืองท่องเที่ยว แห่งลุ่มแม่น้ำอินส์อยู่ใจกลางเทือกเขาแอลป์ เป็นแหล่งสกีเป็นที่รู้จักกันดีของชาวยุโรป 4. ฮาลชตัดต์-ดัคชไตน์/ซาลสกัมแมร์กูท ดินแดนแห่งเทพนิยายซาลสกัมแมร์กูท ชมสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว “สภากาแฟ”ของแท้อยู่ที่นี่      คนออสเตรียเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดีโดยธรรมชาติ ยินดีต้อนรับผู้คนต่างถิ่นแปลกหน้าเสมอๆ ชาวเวียนนาเรียกตัวเองว่าเป็นชาว “วีน” (Wein) อาจเป็นเพราะว่า ออสเตรียเป็นเมืองหน้าด่านสมัยกรุงโรม ปัจจุบันล้อมรอบด้วยประเทศมหาอำนาจทั้งนั้นและไม่มีทางออกสู่ทะเล      ดังนั้น ไม่ว่าไปที่ไหนหรือว่าไม่มีที่ไหนจะไป จุดนัดพบของชาวออสเตรียก็คือ“ร้านกาแฟ” จะเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์พูดคุย จะนั่งนานแค่ไหนก็ได้ จะคุยแลกเปลี่ยนความเห็นและเปลี่ยนข่าวสารย่านตลาดกันได้ ถ้าไม่คุยก็มีนิตยสารและหนังสือพิมพ์ไว้ให้อ่าน      ดังนั้น น่าจะอนุโลมได้ว่า สภากาแฟขนานแท้น่าจะอยู่ที่นี่นี่เอง...      ไม่เพียงแต่นั่งจิบกาแฟ พูดคุย ออสเตรีย ยังมีขนมอร่อยล้ำ น้ำมันเมล็ดฟักทอง และไวน์ ชิลแชร์จากสทีเรีย, ช็อกโกแลตโมสาร์ทของแท้จากซาลซ์บูร์ก, ขนมเค้กซาคเคอร์ที่มีชื่อเสียงของเวียนนา, ขนมปังเซาเนอร์สโตล เลนจากบาด อิชเชิล, ไวน์ชั้นดีจากบูร์เก็นลันด์และรัฐโลเวอร์ ออสเตรีย      ถ้าไปเยือนเวียนนา เมืองเก่าคงหนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องอาหารการกินชั้นยอดของเวียนนา ร้านกาแฟนั่งสบาย และการช็อปปิ้งในร้านค้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่งของให้ราชสำนัก      ถ้าเดินทางด้วยสายการบินออสเตรียน กาแฟเวียนนาได้ถูกนำมาเสิร์ฟให้ร้อนๆ ถึงบนเครื่องพร้อมของหวานให้ทาน พร้อมด้วยกาแฟชนิดพิเศษกว่า 10 ชนิด ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเวียนนา ไม่ว่าจะเป็นกาแฟสดปรุงบนเครื่อง ถ้าเป็นฤดูร้อนแถมกาแฟเย็นให้เลือกได้อีกด้วย... “ออสเตรีย” คือจุดหมายปลายทางของ นักท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้คนทั่วโลกและได้ ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวทุกฤดูกลาล เหมาะกับ ผู้ที่ีชื่นชอบชื่นชมทัศนียภาพที่งดงาม      ออสเตรียตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปตอนกลางเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ ระหว่างยุโรปตะวันออกกับยุโรปตะวันตก      พื้นที่ 83,855 ตร.กม.      เมืองหลวง กรุงเวียนนา      ภูมิประเทศ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุและที่ราบลุ่มเพื่อการเพาะปลูก แม่น้ำดานูบไหลผ่านออสเตรียเป็นระยะทาง 220 ไมล์ ร้อยละ 46 ของพื้นที่ประเทศเป็นป่าไม้      ภาษา ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษใช้น้อย ฤดูกาล ฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) ผู้คนจากทุกมุมโลกหลั่งไหลมาเล่นสกีฤดูร้อน (กรกฎาคม-กันยายน) ต่างก็มาชื่นชมทิวทัศน์ในแสงแดดที่แจ่มจ้า ขณะที่ ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน) งดงามไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน และ ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ให้บรรยากาศที่ซาบซึ้งตรึงใจ      ออสเตรียเป็นประเทศที่มีสถิติอาชญากรรมต่ำที่สุดของโลก จึงเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว      คนออสเตรียเป็นคนอนุรักษนิยมไม่ชอบความรุนแรง รักธรรมชาติ เศรษฐกิจของออสเตรียพึ่งพาการผลิตภาคอุตสาหกรรมและ รายได้จากการค้า การบริการและการท่องเที่ยวเป็นหลักและเป็นประเทศที่มั่งคั่งมากประเทศหนึ่ง ในยุโรป ประชาชนมีการศึกษาสูงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี      การขอวีซ่า นักท่องเที่ยวไทยจะต้องมีวีซ่าสำหรับเข้าประเทศออสเตรีย ไม่ว่าจะพำนักอยู่เป็นเวลานานเท่าใด สามารถขอวีซ่าได้ที่สถานทูตออสเตรีย ถ.สาทรใต้ กทม. วีซ่าที่ใช้เข้าออสเตรียเป็นวีซ่าที่ใช้ร่วมกับกลุ่มประเทศเชงเก็น      ดังนั้น ถ้ามีวีซ่าเชงเก็นที่ยังไม่หมดอายุ อยู่แล้ว แม้จะขอมาจากสถานทูตประเทศอื่นก็สามารถเดินทางเข้าออสเตรียได      ข้อตกลงเชงเก็น พลเมืองของประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก และต้องใช้วีซ่าขอวีซ่าชั่วคราว เพื่อเข้าออสเตรียจากประเทศสมาชิกเชงเก็น ประเทศใดก็ได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าออสเตรียอีก ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ ไฟฟ้ากระแสสลับ 230 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กไฟแบบมาตรฐานยุโรป ปลั๊กแบบ 2 ขากลม ควรเตรียมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าติดตัวไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้า กรณีฉุกเฉิน...ติดต่อ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา Cottagegasse 48 Vienna 1180 โทรศัพท์ (43-1) 478 3335 โทรสาร (43-1) 478 2907