ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 2064|ตอบกลับ: 28

&&&&ดอกไม้ใต้หน้าต่าง&&&&

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอนที่ 1




'นล' กดปลายสายยางเพื่อให้น้ำกระจายเป็นฝอย เขายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกไว้บริเวณหน้าทาวน์เฮาส์ผลิ ดอกออกใบสวยงาม ดอกดวงหลากสีแข่งกันบานอวดความงาม ใบสีเขียวอ่อนแรกผลิก็มีให้เห็นน่าชื่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามหยดน้ำใสเกาะพราว


ระหว่างมองความสดใสของ พืชพันธุ์ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังหน้าต่างชั้นสองของบ้านหลังข้างเคียง ปกติในเวลาเดียวกันนี้เจ้าของห้องมักจะเปิดออกมารับแดดอ่อนๆ ยามเช้าเสมอ ทาวน์เฮาส์ของเขาอยู่ค่อนข้างไกลจากความเจริญในเมือง อากาศจึงยังบริสุทธิ์ มีเสียงไก่ขันให้ฟังรับอรุณ เสียงนกร้องจิ๊บจั๊บคลอตลอดทั้งวัน แถมถ้าโชคดีเวลาออกจากบ้านค่ำๆ อาจได้เห็นหิ่งห้อยฝูงเล็กๆ ให้ตื่นตาอีกด้วย


เจ้าของห้องนั้นไม่เปิดหน้าต่างมาตั้งแต่ เมื่อวานนี้ ทั้งที่ปกติในวันหยุดเขาจะต้องทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ตอนเช้าเช่นกัน นลเริ่มชอบกิจกรรมนี้ก็หลังจากวันหนึ่งที่ออกมารดน้ำต้นไม้เพียงเพื่อไม่ให้ มันตายแล้วต้องขายหน้าบ้านอื่น แล้วมีโอกาสคุยกับ 'รอย' เพื่อนหนุ่มข้างบ้านอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

รอยเป็นคนคุยสนุก แถมยังรอบรู้ไปเสียทุกเรื่องที่นลสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ

แม้ กระทั่งเรื่องสวนหน้าบ้านที่เขาไม่ค่อยใส่ใจ ก็โดนเพื่อนบ้านกล่อมเสียจนคิดว่าต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรทนุถนอมไม่ ต่างจากเพื่อนร่วมโลกชนิดอื่นๆ

"ตื่นแต่เช้าเชียวนะครับ"

เสียง ทักดังขึ้นจากรั้วบ้านติดกัน บังเอิญว่าเขากำลังมองขึ้นไปบนเบื้องสูง จึงไม่ทันสังเกตว่าคุณนพ บิดาของรอยมายืนรดน้ำต้นไม้อยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไร

"ครับ"

นลรับคำ ท่าทางประหม่า ทั้งที่รู้จักกันดีพอสมควร และชายผู้นี้ก็ดีกับเขามาก ทุกครั้งที่ภรรยาคุณนพทำของอร่อย นลเป็นต้องได้รับอานิสงส์อร่อยปาก สบายกระเป๋าเสมอ

"รอยเขายังไม่ตื่นมั้ง ลุงเห็นสายแล้วเลยออกมาจัดการเสียเอง เดี๋ยวแดดจัดมันจะพาลหงอยกันหมด"

เหมือนคุณนพจะรู้ใจนลว่ากำลังคิดอะไร หรือไม่ก็เห็นเขาชะเง้อมองไปบนห้องนั้นหลายที จึงชิงบอก

"ไม่สบายหรือเปล่าครับ ปกติรอยไม่ค่อยตื่นสายนี่ครับ"

"เปล่านี่ เมื่อวานพอลงมาก็ออกไปข้างนอกเลย กว่าจะกลับก็ดึก ถ้าไม่สบายคงไม่ไปไหนหรอก"

พ่อ รอยออกความเห็น แล้วชวนคุยต่อในเรื่องสัพเพเหระอย่างคนอัธยาศัยดี จนกระทั่งเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมาทางนี้มาแต่ไกล เขาจึงบอกให้ชายหนุ่มหันไปมองพลางตัดบท

"แฟนเรามาแต่เช้าเลยนะ งั้นลุงขอตัวก่อนล่ะ"

นลรีบเดินไปปิดน้ำก่อนจะไปเปิดประตูรั้วให้เพื่อนสาวเข้ามา

"สวัสดีค่ะคุณลุง" ฝ้ายทักพร้อมยกมือไหว้เพื่อนบ้านอย่างสุภาพ เมื่อเห็นคุณนพกำลังก้มๆ เงยๆ ปลิดใบไม้เสียอยู่ไม่ห่างนัก



"ไหว้ พระเถอะ วันนี้รีบออกไปไหนกันหรือเปล่า เดี๋ยวสายๆ พอป้านุชเขาทำขาหมูเครื่องยาจีนเสร็จ จะยกมาให้ชิมกัน" พ่อรอยเสนอด้วยความมีน้ำใจ



หญิงสาวหันไปมองหาเป็นการปรึกษา กับแฟน ก่อนตอบ "ไม่ต้องดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้หนูกับนลจะไปพัทยากัน กว่าจะกลับก็คงค่ำแล้ว ขอบคุณมากนะคะ แหม! น่าเสียดายจริงๆ กำลังอยากกินขาหมูอร่อยๆ อยู่พอดี"

"หนูจะกลับมากี่โมงล่ะ ลุงจะได้ใส่ถุงเตรียมไว้ให้ กลับไปอุ่นกินที่บ้านก็ได้"

"ไม่ ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่ตีห้าครึ่ง กินอะไรไม่ทันหรอกค่ะ ไว้โอกาสหน้ารับรองจะไม่พลาดแน่นอน คุณลุงอยากได้อะไรจากหนองมนบ้างหรือเปล่าคะ?"



"โอ๊ย! เรื่องของกินไม่ต้องซื้อมาฝากเชียวนะ บ้านนี้ไม่ขาดตกบกพร่องอยู่แล้ว หนูเที่ยวกันให้สนุกเถอะ" เพื่อนบ้านรีบปฏิเสธ

"ขอบคุณค่ะ"

"งั้นลุงเข้าบ้านก่อนนะ"

คุณนพขอตัวแล้วเดินอ้อมไปเข้าทางด้านหลังซึ่งเป็นครัว จมูกได้กลิ่นเครื่องยาจีนหอมชวนน้ำลายสอที่ภรรยากำลังปรุงอยู่

"รอยตื่นหรือยัง?" เขาชะโงกดูความน่ากินของอาหาร พลางถาม

คุณนุชส่ายหน้า "ไม่รู้สิ พอดีมัวแต่ยุ่งอยู่ในครัว สงสัยยังไม่ตื่นมั้ง ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย"

"พูดอย่างกับว่าปกติเขาทำอะไรเสียงดังนักนี่"

รอย เป็นลูกโทนคนเดียวของบ้าน พ่อแม่จึงรักปานแก้วตาดวงใจ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่เคยทำตัวให้ผิดหวัง ด้วยการประสบความสำเร็จมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องการเรียนหรือการงาน รวมทั้งกิริยามารยาทก็ทำให้

บุพการีภูมิใจว่าไม่ทำให้ขายหน้าใครแน่

"ลองขึ้นไปเรียกสิ นี่จะเก้าโมงแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีธุระต้องทำตอนเช้าหรือเปล่า"

"อย่าเลย ถ้าเขามีธุระเขาก็คงตื่นแล้วล่ะ"

น้ำ เสียงผู้เป็นบิดามีความเกรงใจอยู่มาก เนื่องจากรอยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ดูแลตัวเองได้มาตั้งแต่เล็กๆ ถึงแม้ตอนนี้จะเพิ่งทำงานได้ไม่ถึงสองปีดี เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่านกว่าคนหนุ่มรุ่นเดียวกันอีกหลายคน



ขณะ เดียวกันในห้องของผู้ที่ถูกกล่าวถึง ชายหนุ่มตื่นนานแล้ว แทบจะเรียกได้ว่ายังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ขอบตาเขาเป็นวงช้ำ ไม่ได้เกิดจากการอดนอน แต่เป็นเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนักต่างหาก



รอย มีปัญหาหนักอกที่แทบจะหาคนปรึกษาไม่ได้เลย ที่จริงเรื่องรักใคร่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหนา แต่ความรักที่เกิดระหว่างชายกับชายอย่างเขานี่สิ คงมีน้อยคนนักที่จะเปิดใจรับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาได้

เขาถอนหายใจอีกเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน นับจากวางสายโทรศัพท์ครั้งสำคัญนั้นลง

... รอย ผมขอโทษนะ ตอนนี้ผมจะคบกันพลอยจริงจังแล้ว คงไปไหนกับคุณไม่ได้บ่อยเหมือนเก่า...

จู่ๆ "หนึ่ง" เพื่อนชายคนที่คบกับเขามาตั้งแต่เรียนหนังสือ เคยกิน เคยนอน เคยมีความสุขร่วมกัน

มาเกือบหกปี เขามาขอตัดความสัมพันธ์

"ผมเกรงใจพลอย เขาดีกับผมมาก เขาคงเสียใจถ้ารู้เรื่องของเรา"

เขาคงเสียใจเหรอ แล้วผมล่ะ ไม่มีหัวใจสำหรับเจ็บปวดใช่ไหม... รอยนึกในใจ

"ผมดีกับคุณไม่พอใช่ไหม?" เสียงชายหนุ่มแผ่วลง ไม่รู้จะบรรยายให้หนึ่งฟังอย่างไรถึงจะเข้าใจความรู้สึกของตนตอนนี้



"โธ่... อย่าพูดอย่างนั้นสิ ผมรู้ว่าผมผิด แต่รอยก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเรื่องสนุกๆ ระหว่างเราอย่างไรสักวันมันก็ต้องจบลง ผมต้องมีชีวิตตามธรรมชาติกำหนด" เขาตัดพ้อ



ชายหนุ่มปาดน้ำตาที่เริ่มไหล "สำหรับผมมันไม่ใช่แค่เรื่องสนุกนะ มันคือชีวิตของผมเลย และก็ขอโทษด้วยถ้าเป็นต้นเหตุให้คุณต้องออกมาจากวิถีตามธรรมชาติของคุณ"



รอยอยาก มีกล้องบันทึกเหตุการณ์เก่าๆ ไว้เหลือเกิน จะได้นำมาฉายเตือนใจว่าครั้งนั้นหนึ่งต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้ามา ในขณะที่เขาพยายามหนี ด้วยกลัวความผิดหวังจะทำร้ายเข้าสักวัน ตัวอย่างมีให้เห็นดาษดื่น และเขาไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีเป็นหนึ่งในล้าน หรือเป็นตัวอย่างของคู่รักที่ประสบความสำเร็จ

"ผมขอโทษ อย่าพูดอย่างนั้นสิ รอยยิ่งพูดอย่างนั้นผมยิ่งรู้สึกผิด... เราจากกันด้วยดีไม่ได้เหรอ"

รอย กลั้นสะอื้น ไม่มีทางเสียล่ะที่จะให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังเสียใจ เขารวบรวมกำลังใจแล้วถามเสียงเด็ดขาด "ตกลงว่ายังไงๆ เราก็ต้องเลิกคบกันใช่ไหม?"

ปลายสายเงียบไป

"ถ้าสรุปอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความหรอก... ขอให้โชคดีกับคนรักนะ"

รอยกลั้นใจไม่ยอมฟังว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไร รีบวางสายอย่างรวดเร็วแล้วยกหูโทรศัพท์ออก เพราะไม่อยากรู้เหตุผลมากไปกว่านี้



ชายหนุ่มโผเข้ากอดหมอนใบใหญ่บนเตียง ซุกหน้าแนบกับเนื้อแพรเนียน แล้วหลั่งน้ำตาออกมาอย่างมากมาย



ไม่ เคยมีเหตุการณ์ใดทำให้เขาเสียใจขนาดนี้ นับตั้งแต่จำความได้ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างให้สมหวังแทบทุกเรื่อง รอยเคยมีความสุขกับชีวิตช่วงก่อนมีเขา เมื่อหนึ่งยื่นมือเข้ามา จึงลังเลไม่น้อย แต่ตลอดเวลาที่คบกันก็พบว่านี่คืออีกครั้งที่ตัดสินใจไม่ผิด เพราะความสุขที่เคยมียิ่งเพิ่มพูน และเป็นความพิเศษที่คงไม่เกิดขึ้นถ้าขาดเพื่อนคนนี้



แต่ สิ่งที่ทุ่มเทคงน้อยเกินกว่าจะดึงหนึ่งให้อยู่กับรอยตลอดไป สัญญาณของความสูญเสียฉายชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังจบการศึกษาและแยกย้ายกันไปทำงาน เพื่อนสนิทของรอยมีข่าวไม่น่าชื่นใจมารายงานให้ฟังบ่อยๆ แต่ตัวเองก็ไม่เคยปริปากถามเขาเพราะคิดว่านั่นจะเร่งให้ความสัมพันธ์ยิ่งมี รอยร้าว รอยเคยฝันว่าจะประคองแก้วเปราะบางนี้ไว้ไม่ให้แตกได้ตลอดกาล



แต่ ด้วยการสนทนากับหนึ่งเพียงไม่กี่นาทีเมื่อครู่ มันปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นจากความฝัน รอยรู้ดีว่าแก้วใบนั้นได้แตกไปแล้ว สลายไปพร้อมกับใจที่เปี่ยมรักของตน ชีวิตที่ไม่มีเขาจากนี้จะเป็นอย่างไร



"นลคะ เราจะสายกันแล้วนะ" ฝ้ายร้องเตือนอยู่ข้างรถ เมื่อเห็นแฟนหนุ่มยังมัวพะวงกับอะไรบางอย่าง ไม่ยอมมาทำหน้าที่คนขับรถเสียที



"ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ" เขาละสายตาจากหน้าต่างห้องของรอย แล้วรีบก้าวมา หอมแก้มเธอเบาๆ ก่อนประจำตำแหน่งคนขับ



เมื่อรถออกพ้นจากซอยมาได้ระยะหนึ่ง หญิงสาวจึงเริ่มการสนทนา "ตื่นเต้นไหมคะ พรุ่งนี้ก็จะเริ่มงานใหม่แล้ว"

"พอควรแหละจ้ะ" เขาตอบยิ้มๆ

"นี่... ฝ้ายมีอะไรมาให้นลด้วย" เธอหยิบกล่องของขวัญใบเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพาย ใส่ลงในกระเป๋าที่อกเสื้อของคนรัก พร้อมหอมแก้มเขา "มีความสุขกับงานใหม่มากๆ นะคะ"

ชายหนุ่มหน้าแดง พลางหัวเราะ "ขอบคุณครับ อะไรน่ะ?"

"เข็มกลัดเน็กไท ไว้แกะดูเองแล้วกัน"

"จ้ะ"

"แล้วนี่คุณรอยรู้หรือยังคะ ว่านลย้ายไปทำงานบริษัทเดียวกับเขา" เธอหันมาถาม

ชาย หนุ่มคิ้วขมวดเมื่อนึกถึงเพื่อนบ้านที่ดูแปลกไป เขาเว้นจากการปฏิบัติภารกิจประจำวันหลายอย่างทั้งที่ปกติไม่เคยขาด "ยังเลยจ้ะ ไม่เจอเขาเลย"

"เขาอาจรู้แล้วก็ได้" ฝ้ายเดา

"คงไม่หรอก บริษัทนี้ใหญ่จะตาย มีตั้งหลายตึก แต่ละตึกก็มีตั้งหลายชั้น ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันหรือเปล่าเลย"



ชาย หนุ่มใจเสียเมื่อพูดจบ พรุ่งนี้เขาอยากเจอรอยเหลือเกิน แค่เพื่อให้รู้ว่าเพื่อนคนนี้ยังสบายดีอยู่ แปลกเหมือนกันเพื่อนร่วมก๊วนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เขายังไม่เคยห่วงใครขนาดนี้เลย บางอย่างในความรู้สึกบอกเขาว่ารอยเป็นผู้ชายที่เปราะบางกว่าชายอื่น และต้องการคนดูแล

เปราะบางและต้องการคนดูแล... งั้นรอยก็เป็นเกย์น่ะสิ

บ้า! คิดอะไรอย่างนั้น รอยออกจะรูปหล่อ ท่าทางก็เข้มแข็ง แถมเล่นกีฬาเยอะกว่าเราเสียอีก ถ้าเขาเป็นเกย์ เรานั่นแหละเป็นเกย์กว่าเพราะดันไปคิดถึงเขา... ชายหนุ่มหัวเราะให้กับความคิดพิเรนของตัวเอง

"ผมว่าเราไม่แวะหนองมนดีกว่านะ หรือว่าฝ้ายต้องซื้อของฝากใครไหม?" เขาเปลี่ยนเรื่อง

หญิงสาวหัวเราะ "ฝ้ายมีใครให้ต้องซื้อฝากด้วยเหรอคะ พ่อแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด พี่น้องก็ไม่มี"

"ก็เพื่อนข้างห้องไง ผูกมิตรเอาไว้" นลแนะนำ

"เพื่อน ข้างห้องฝ้ายไม่น่ารักเหมือนเพื่อนบ้านนลหรอกค่ะ... นึกแล้วก็เสียดายจังนะคะที่วันนี้ก็ไม่เจอคุณรอย" จู่ๆ เธอก็พูดเรื่องรอยขึ้นมาให้เขาคิดถึงอีก

"ทำไมเหรอ?"

"จะได้ ฝากคุณรอยให้เป็นธุระช่วยเตือนแม่สาวๆ ที่จะเข้ามาเกาะแกะ ให้รู้ว่านายนลเป็นของนางสาวฝ้ายแต่เพียงผู้เดียว ผู้หญิงอื่นไม่มีสิทธิ์" เธอแกล้งพูดเสียงเด็ดขาด

"แล้วถ้าเป็นผู้ชายอื่นล่ะ?" นลถามเสียงซื่อ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 13:57:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอนที่ 2




"แล้วถ้าเป็นผู้ชายอื่นล่ะ?"

นลตั้งใจจะแหย่เธอเท่านั้น แต่ฝ้ายหันมามอง แววตาจริงจัง เธอจ้องตาเขานาน จนนลต้องแสร้งหัวเราะออกมา

"ไม่เอาน่า ฝ้ายอย่ามองผมอย่างนี้สิ ผมเขินไม่มีสมาธิขับรถเลย"

"แล้วที่พูดเมื่อกี้ นลพูดจริงหรือเปล่า?" เธอคาดคั้น

"พูดอะไร?" เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง

"นลพูดว่าจะมีผู้ชายอื่น... พูดเล่นใช่ไหม?"

เขา หัวเราะเสียงดัง ทำหน้าไม่ถูก "บ้าสิ จะจริงได้ไง ทำไมฝ้ายซีเรียสอย่างนี้ ก็ฝ้ายขู่ห้ามผมมีผู้หญิงอื่น ผมก็เลยแซวว่างั้นผมมีผู้ชายอื่นได้ใช่ไหม ก็เรื่องโจ๊กแค่นั้นเอง"

หล่อนงอน หันออกไปมองนอกหน้าต่าง "ใช่สิ ฝ้ายหึงไม่เข้าท่าใช่ไหมล่ะ"

เขาบังคับพวงมาลัยด้วยมือเดียว แล้วใช้ข้างที่เหลือขยี้ผมเธอเล่นเบาๆ "โอ๋โอ๋ ใครว่าแฟนผม เดี๋ยวจะตีให้ตายเลย"



"ฝ้าย ไม่ได้กลัวไม่มีเหตุผลนะ" เธอดึงมือข้างนั้นมากุมไว้แนบริมฝีปาก "พลอยเพื่อนฝ้ายเขาก็เจอปัญหานี้ แฟนเขาเคยมีอะไรกับเกย์มาก่อน แล้วเพิ่งจับได้"

"แล้วไงต่อ?" นลสนใจ

"เขาก็ขอให้แฟนเขาเลิกติดต่อกับเกย์คนนั้น"

"ใจกว้างดีนะ ไม่กลัวเหรอว่าคนเป็นเกย์มันไม่หายกันง่ายๆ"

"ไม่ รู้สิ เห็นพลอยว่าแฟนเขาเป็นผู้ชาย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่มีอะไรด้วยตอนเรียนเพราะสนุกๆ ตามประสาผู้ชายที่เห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย แล้วเกย์คนนั้นก็ช่วยเหลือแฟนพลอยเรื่องการเรียนทุกอย่างเลย ฝ้ายคิดว่าอาจมีรายการให้ตังส์ด้วยล่ะ" ประโยคหลังเพื่อนเธอไม่เคยพูดให้ฟัง แต่ฝ้ายคิดเอาเองจากที่ได้เคยได้ยินมาจากรายอื่นๆ



"งั้น แฟนเพื่อนฝ้ายก็ไม่ต่างจากผู้ชายขายตัวล่ะสิ" นลตำหนิผู้ชายคนนั้น เพราะเขาเชื่อในความรักทุกรูปแบบ แต่นั่นต้องมาจากความจริงใจ มิใช่การหลอกลวงกัน

"ไปว่าเขา" เธอค้อน

"ก็จริงๆ นะ มีอย่างเหรอรับเงินแล้วยอมมีอะไรด้วย ถ้าไม่เรียกว่าขายตัวแล้วจะเรียกว่าอะไร"



"เขา อาจไม่ได้เงินก็ได้ ฝ้ายบอกแล้วไงว่าเดาเอง ก็เห็นว่าพวกเกย์ดังๆ เขาใช้เงินเลี้ยงเด็กทั้งนั้นแหละ" ท่าทางเธอพร้อมจะโยนความผิดให้คนเป็นเกย์มากกว่าโทษผู้ชาย

"รู้ดีจังนะ... นี่ถ้าเกิดว่าผมมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนจริงๆ ฝ้ายจะรับได้ไหม?"

เขา ถามเธอเล่นๆ เท่านั้น เพราะถึงเคยมีเพื่อนผู้ชายทั้งสมัยวัยเรียนและตอนทำงานที่มีรสนิยมประเภทนี้ แหย่ๆ เข้ามา แต่เขาก็ไม่เคยเล่นด้วย ยินดีคบกันแค่ระดับเพื่อนเท่านั้น



แต่ คำพูดเล่นของเขาทำให้เธอถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงฝืนแสดงความมั่นใจ "ฝ้ายเชื่อใจนลค่ะ ไม่ว่านลจะเคยมีใคร แต่จากนี้นลจะมีฝ้ายคนเดียวใช่ไหมคะ"

เขาปรายตาดูคนที่นั่งข้างๆ เมื่อรู้สึกว่าถูกมองอยู่ และได้เห็นแววตาฝากความหวังทั้งหมดไว้

"ช่วย ทำให้ฝ้ายมั่นใจหน่อยสิคะว่าไม่ได้คิดไปคนเดียว" น้ำเสียงเธอน่าสงสาร จนนลโมโหตัวเองที่เผลอตั้งคำถามละเอียดอ่อนต่อจิตใจผู้ฟัง จึงเปิดไฟเลี้ยว และจอดรถพักตรงไหล่ทาง



หญิงสาวสบตาเขาแทนคำถามว่าหยุดทำไม แต่เขาตอบคำถามนั้นด้วยการประทับริมฝีปากลงที่แก้มเธอและเลื่อนมาที่หน้าผาก หญิงสาวถึงกับน้ำตาซึมในความรู้สึกที่ถ่ายทอดมาทางการสัมผัส... เขาเป็นของเธอคนเดียว



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายกริ๊ง แต่รอยยังลังเลว่าจะรับมันดีหรือเปล่า ระหว่างตัดสินใจเสียงนั้นได้เงียบไป สักพักคุณนพก็ตะโกนขึ้นมาจากข้างล่าง

"รอยเอ๊ยโทรศัพท์ของลูกแน่ะ"

เขามองเครื่องโทรศัพท์ด้วยความหวาดกลัวราวกับเป็นอุปกรณ์ทำร้ายจิตใจที่โหด-เอี้ย-มที่สุด แต่ในที่สุดก็ยกหูฟังขึ้น

"เป็นยังไงบ้างรอย นี่หนึ่งนะ" เสียงคุ้นเคยที่ใจร่ำร้องอยากให้โทรฯมา แต่พอถึงเวลากลับไม่รู้จะพูดอะไร

"มีอะไรอีกเหรอ"

"ไม่มีอะไรแล้วโทรฯ มาไม่ได้ใช่ไหม?"

"หนึ่งก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่าเราไม่ควรติดต่อกันอีก" เขาพยายามบังคับเสียงให้ฟังดูเย็นชา

อีกฝ่ายแสร้งหัวเราะเพื่อคลี่คลายบรรยากาศให้ดีขึ้น "ผมไม่ได้หมายความถึงขั้นว่าเราจะคุยกันอีกไม่ได้เสียหน่อย"

"แล้วเราจะคุยกันอีกเพื่ออะไร ผมเข้าใจดีแล้วว่าคุณจะไป ไม่ต้องมาย้ำกันอีกก็ได้"

หนึ่งนิ่งไปอึดใจ "ไม่รู้สินะ เมื่อวานผมอาจจะวู่วามไปหน่อยก็ได้"

"เรา โตกันแล้วนะ ผมแน่ใจว่าคุณไม่ได้พูดด้วยความวู่วาม แต่ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าให้อะไรมาทำให้คุณไขว้เขวเลย... เลือกเดินบนทางที่คุณคิดว่าถูกต้องเถอะ" รอยตัดบท ทั้งงอน ทั้งไม่อยากเสียใจซ้ำอีก



"อย่าทำเสียงดุสิครับ… คนดี" เขาหยอดคำหวานด้วยรู้ว่าเป็นจุดอ่อนของอีกฝ่าย "ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ"

ใจแข็งขืนของรอยเริ่มละลาย ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย

"พูดกันตรงๆ เลยดีกว่าว่าคุณต้องการอะไรกันแน่"

"ไม่มีอะไร ทุกอย่างเหมือนเดิม"

"เหมือนเดิม! ลืมไปหมดแล้วเหรอว่าเมื่อวันก่อนคุณพูดอะไรไว้"

ปาก รีบปฏิเสธทั้งที่ใจพร้อมยอมทุกอย่าง คงง่ายขึ้นที่จะจบเรื่องบาดหมางลงแค่ด้วยคำว่าทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงระหว่างความสัมพันธ์ของเราสองคน แต่รอยไม่ใช่คนที่ถูกเลี้ยงดูมาให้ขาดเหตุผล จึงคิดว่ามันง่ายเกินไปสำหรับคำนี้

"ทำไมมันจะเหมือนเดิมไม่ได้ ถ้ารอยเหมือนเดิมกับผม และผมเหมือนเดิมกับคุณ"

"แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ คุณเอาเธอไปทิ้งไว้ที่ไหน"

หนึ่งอึ้งไปชั่วขณะ "ผมก็คบกับเขาไปเรื่อยๆ"

"คบกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่คุณคิดจะแต่งงาน แล้วมาพูดอย่างเมื่อวานกับผมอีกน่ะเหรอ"

อีกฝ่ายตอบอ้อมแอ้ม "เราคบกันไปเรื่อยๆ ก็ได้นี่"

"มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะหนึ่ง... มีสติหน่อยสิ คิดให้ดีว่าคุณจะไปทางไหน" รอยไม่ชอบการแสดงความคิดที่ไม่มีเหตุผล



หนึ่งตอบเสียงแผ่ว ทั้งสับสนตัวเอง ทั้งกลัวคำพูดจะทำให้คนรักต้องบาดเจ็บ "รอยก็รู้นี่ว่าทางไหนมันถูกมันควร"

"แล้วหนึ่งคิดว่าจะไปกับเขาได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า"

"แน่นอนสิ รอยก็รู้นี่ว่ากับผู้ชายด้วยกัน เรามีรอยคนเดียว"

เรา มีรอยคนเดียว... สิ่งนี้ล่ะมั้งที่ทำให้รักเขาเป็นที่สุด แม้จะรู้ว่าเขามีประสบการณ์สนุกกับเพื่อนหญิงทั้งก่อนหน้าและหลังจากที่ได้ คบหากัน



รอยมิได้หึงหวงหญิงสาวที่เข้ามาในชีวิตของคนรักเลย เพราะรู้แก่ใจว่ามันเป็นธรรมชาติของผู้ชาย และเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะจริงจังกับเจ้าหล่อนพวกนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนึ่งยกให้รอยเป็นคนสำคัญที่ต้องมาก่อนเสมอ

"งั้นก็เลือกเขาให้หมดใจเถอะ ผมสงสารเขาถ้าเขาต้องรับรู้ว่าสามีมีผู้ชายอื่น"

"แล้วรอยล่ะ"

ผู้ถูกถามอยากจะย้อนเหลือเกินว่าทำไมถึงเพิ่งเป็นห่วงความรู้สึกเขา ทั้งที่ตัวเองได้ทำลายใจดวงนี้สลายไปเรียบร้อยแล้ว

"อย่าใส่ใจเลย" เขาควบคุมน้ำเสียงให้ฟังสบายๆ เหมือนไม่ได้เสียใจอยู่

อีกฝ่ายถอนหายใจเสียงดัง "ผมทำไม่ได้ ผมยังห่วงคุณ"

รอยอึดอัดกับภาวะที่เป็นอยู่นี้มาก แต่หลังจากได้ไตร่ตรองมาหนึ่งคืนเต็มๆ เขาก็มีทางออกให้กับเรื่องนี้ไว้แล้ว

"หนึ่งฟังรอยนะ" เขาเริ่มต้นแบบนี้ทุกครั้งที่จะพูดเรื่องจริงจัง

"ฟังอยู่"

"ตลอด เวลาที่ผ่านมา หนึ่งดีกับรอยมาก..." ภาพความสุขวันวานกลับมาหลอนความรู้สึกอีกครั้ง ให้ตื้นตันจนพูดแทบไม่ออก "รอยไม่เคยคิดว่าจะได้ความอบอุ่นจากใครมากขนาดนี้"

อย่าสิ... ความอาวรณ์อย่าเพิ่งกลับมา รอยต้องเข้มแข็งให้มากเพื่อพูดสิ่งที่ต้องการให้จบ

"ขอบคุณมากนะ..." เขาหยุดพูดไปเพราะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

"เป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงที่ยังคงอาทรอยู่เสมอถามขึ้นเบาๆ

รอยไม่ตอบแต่กลั้นใจพูดต่อ "แต่วันนี้ทุกอย่างมันคงเหมือนเดิมไม่ได้ รอยเข้าใจดีว่าหนึ่งต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้"

"ไม่ใช่อย่างนั้น..." เขาพยายามจะแย้งว่าชีวิตกับรอยไม่ใช่ชีวิตที่ด้อยกว่า

"อย่า เพิ่งพูดแซงสิ... ตอนนี้เราทำใจได้แล้ว และก็ยังมีความรู้สึกที่ดีกับหนึ่งอยู่ เราอยากขอให้หนึ่งไปเสียตอนนี้ อย่าให้เราต้องเจ็บใจเรื้อรังเลย... นึกว่าสงสารเราเถอะ" สิ้นคำสุดท้ายเขาก็ปล่อยโฮออกมา แล้วรีบวางหูด้วยกลัวต้องแพ้ความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง



นลวุ่น กับงานและการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่วายคิดเรื่องเพื่อนข้างบ้านอยู่เป็นระยะ ตอนเที่ยงเขาผิดหวังกับที่คาดว่าจะมีโอกาสเจอกันที่โรงอาหาร นี่ใกล้จะเลิกงานแล้ว ตั้งใจว่าเดี๋ยวจะลองถามเบอร์โทรศัพท์ของรอยจากโอเปอเรเตอร์ดู

"ทำอะไรอยู่พี่"

กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ ก็มีเสียงทักดังขึ้นจากเบื้องหลัง ทำเอาเขาถึงกับสะดุ้ง

"มีอะไร 'เต้' ?"

นลทักเพื่อนรุ่นน้องผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเป็นที่หนึ่ง วันนี้ถ้าไม่มีเต้ช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง เขาคงติดขัดไม่น้อยทีเดียว



"ใจลอยไปถึงไหนแล้ว อีกแค่สิบห้านาทีก็จะเลิกงาน ไม่ต้องคิดถึงแฟนขนาดนั้นก็ได้" เด็กหนุ่มทำหน้าล้อเลียน

"เฮ้ยเปล่านะ คิดเรื่องงานอยู่จริงๆ" นลรีบปฏิเสธ

เต้หัวเราะ "คิดเรื่องแฟนก็ไม่มีใครเขาว่าหรอก... เป็นไงบ้าง คิดว่าที่นี่พอทำงานด้วยไหวไหม?"

"ก็ดีนี่" เขาตอบกลางๆ

"แต่ ผมชอบที่นี่นะ เฮียรู้สึกไหมว่าคนที่นี่เขาไม่ค่อยสนใจกันเลย นี่แหละที่ผมฝันถึง ผมเกลียดออฟฟิศที่มีแต่พวกปากหอยปากปูคอยแต่จะนินทาว่าร้ายกัน"



"พูด อย่างนี้แสดงว่ามีเรื่องให้คนเขานินทาเยอะล่ะสิ" นลดักคอ เท่าที่รู้จักกันพอสังเกตได้ว่าเด็กหนุ่มเฮี้ยวพอควร เขาทำงานต่อเรื่อยๆ ขณะที่เด็กหนุ่มชวนคุยไม่ขาดปาก

"กลับกันเถอะเฮีย" เต้เปลี่ยนเรื่อง เมื่อหันไปมองนาฬิกาที่ผนังเป็นเวลาเลิกงานพอดี

นลเก็บของพร้อมพยายามต่อโทรศัพท์ไปด้วย โดยมีเพื่อนรุ่นน้องมองอยู่ตลอด

"โทรฯ หาโอเปอเรเตอร์เหรอเฮีย ป่านนี้แฟนรับกลับบ้านไปหมดแล้วล่ะ" ในที่สุดเขาก็ทักขึ้นเมื่อเห็นนลเพียรกดหมายเลขเดิมหลายครั้ง



ชาย หนุ่มหน้าเสีย "จริงสิ คงกลับกันหมดแล้วล่ะ... พอดีพี่มีเพื่อนอยู่บริษัทนี้ ตั้งใจจะชวนกลับด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเขาใช้โทรศัพท์เบอร์อะไรเลย ว่าแต่ว่าเต้บ้านอยู่ทางไหนล่ะ กลับด้วยกันไหม?"

"ไม่ล่ะเฮีย ผมเอารถมา ว่าแต่ว่าเพื่อนเฮียชื่ออะไรล่ะ?"

"เต้บอกว่าไม่สนใจใครไม่ใช่เหรอ แล้วจะรู้จักเพื่อนพี่ได้ไง?" นลหัวเราะ

เด็กหนุ่มตบเข่าฉาด "อ้าว! พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่รู้จักกันจริง มันก็ต้องมีบ้างแหละคนที่ถูกชะตาแล้วเราอยากสนใจ"

"งั้นคงไม่รู้จักหรอก เพื่อนพี่ไม่ใช่ผู้หญิง" เขาดักคอ

สีหน้าคู่สนทนาดูแปลกไปชั่วขณะ แต่นลไม่ทันสังเกต

"บอกมาก่อนสิ เพื่อนเฮียชื่ออะไร?"

"ชื่อรอย... รู้จักไหม?" เขาไม่คาดหวังเลยว่าจะได้ยินคำตอบว่ารู้จัก

เต้ทำหน้าเหมือนกุมชัยชนะ "รอยที่จบเศรษฐศาสตร์ มาจาก... ใช่ไหม?"

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 13:58:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอนที่ 3




"ฮ้า! รู้จักด้วยเหรอ?" นลแปลกใจ

"รู้จักสิ ชื่ออย่างนี้ ทั้งบริษัทมีอยู่คนเดียว"

ที่ จริงมันมีเหตุผลอื่นมากกว่านั้น เขาเคยได้รับการแนะนำให้รู้จักกับรอยตอนไปเที่ยวกับเพื่อนในผับกลางกรุง แล้วเกิดถูกชะตา แต่คืนนั้นรอยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่มีท่าทางสนิทสนมกันมาก และรีบขอตัวกลับบ้านก่อน ตั้งแต่ยังไม่เที่ยงคืน



เขาไม่ละ ความพยายาม ด้วยเชื่อสายตาว่าดูคนไม่ผิด รอยเป็นผู้ชายประเภทเดียวกับเขาแน่ และคนอย่างเขาถ้าอยากจะเอาชนะใครขึ้นมา เต้แน่ใจว่าแค่รูปกายภายนอกก็ช่วยให้สมหวังได้แล้ว



เพียร ดักเจอ ชวนคุยด้วยหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะมีไมตรีกลับ จนชักหวั่นว่าครั้งนี้ตาตัวเองจะพลาดไป หรือเสน่ห์ตัวเองจะลดลงหรือเปล่า

"เขาอยู่ชั้น 7 ตึกเดียวกับเรานี่แหละ ให้ผมพาขึ้นไปหาไหม?" เต้ทำท่าว่าถือไพ่เหนือกว่า

"โทรฯ ไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ เผื่อเขากำลังยุ่งอยู่" น้ำเสียงนลแสดงความเกรงใจ

"นี่มันเลิกงานแล้วนะเฮีย ไปเถอะ ไปเซอร์ไพรส์เขา"

ในที่สุด นลก็ทนแรงคะยั้นคะยอไม่ไหว "โอเคๆ ไปก็ไป"

เมื่อเข้ามาอยู่กันตามลำพังในรถที่เธออุตส่าห์ขับมารับ "จ๋า" เพื่อนสนิทของรอยก็ทนความอยากรู้ไว้ไม่ไหวรีบถามทันที

"คุณนลเป็นใครน่ะ?"

"เพื่อน บ้านเราเอง" รอยตอบเนือยๆ ที่นัดเจอกับจ๋าวันนี้ก็เพราะอยากปรับทุกข์เรื่องความสูญเสียทางใจที่เกิด ขึ้น เขาจึงปฏิเสธไม่กลับบ้านพร้อมกับนล



"หล่อจังเนอะ" ท่าทางของจ๋าแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่กล้าพูดในสิ่งที่คิด บางครั้งก็ปากไวเกินควร แต่ด้วยความเป็นคนรักเพื่อนรักฝูง เป็นที่ปรึกษาที่ดีของทุกคน รอยจึงไว้ใจเพื่อนคนนี้นัก

"อือ"

"เขาจะมารับเธอกลับบ้านไม่ใช่เหรอ เป็นฉันคงรีบไปกับเขาแล้วล่ะ"

"ก็ ฉันไม่ใช่เธอนี่" ขนาดอยู่ในอารมณ์เศร้า ยังอดหัวเราะเพราะเพื่อนคนนี้ไม่ได้ เวลาอยู่กับจ๋าคือเวลาที่รอยเป็นตัวของตัวเองที่สุด เพราะไม่ต้องควบคุมความประพฤติให้เป็นรอยที่คนภายนอกรู้จัก

"แล้วอีกคนล่ะ ถ้าทางเขาชอบๆ เธอนะ"

"เขาชื่อเต้ เห็นมาตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าอยู่ออฟฟิศเดียวกับคุณนล"

"แล้วไงอีก" เธอทำท่าอยากรู้เต็มที่

"อะไรล่ะ"

"เขาชอบเธอใช่ไหม ท่าทางมันฟ้อง" จ๋าซัก

"ฉันจะไปรู้เขาเหรอ... คงไม่มั้ง เขาเคยเห็นฉันอยู่กับหนึ่งด้วย" รอยปฏิเสธ

"ไม่เห็นเป็นไร บางคนโรคจิตชอบคนมีเจ้าของแล้วก็มี... ว่าแต่ว่าคุณนลสุดหล่อเขามีแฟนแล้วหรือยัง"

"มีแล้ว สวยด้วย เพราะฉะนั้นเลิกคิดได้เลยเธอ"

"มีได้ก็เลิกได้" จ๋าพูดอย่างมั่นใจ ทั้งที่ไม่คิดจริงจัง

"อย่าเลย… สงสารเขา" เพราะคิดถึงผู้หญิงคนที่หนึ่งคบอยู่ น้ำเสียงรอยจึงเศร้าลง

"นี่ เธอ! ทำเสียงอย่างนี้อีกแล้ว นึกถึงเรื่องตัวเองอีกแล้วล่ะสิ ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า เธอก็รู้ว่าฉันเก่งแต่ปาก... หนึ่งเขาโทรมาอีกไหม?"

"วันนี้ไม่นะ อาจไม่กล้าโทรฯ มาอีกก็ได้ เพราะเราพูดกับเขาค่อนข้างแรง"

"แล้วเธอรู้สึกยังไงบ้าง?" จ๋าเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยไปกุมมือเพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

"ฉันจะรู้สึกอะไรได้ล่ะ ไล่เขาไปเองนี่" ชายหนุ่มประชดตัวเอง

"ดีแล้ว พยายามอย่าไปนึกถึงเขาอีกเลย ลองเขาชอบผู้หญิงด้วย สักวันธรรมชาติก็ต้องเรียกร้องให้เขาไปอีกอยู่วันยังค่ำ"



รอยนิ่งไปเพราะความคิดบางอย่าง จ๋ารู้นิสัยเพื่อนดี จึงไม่ชวนคุย แต่เปิดเพลงให้ดังขึ้นแทน



ฝ้ายกอดเอวพลอยเดินเข้ามาในบ้าน เธอสังเกตตั้งแต่ตอนเพื่อนเปิดประตูออกมาต้อนรับแล้วว่าสีหน้อีกฝ่ายดูไม่สู้ดีนัก



"วันนี้ฝ้ายไป อตก. เลยซื้อน้ำพริกมะขามมาฝากพลอยด้วย ของชอบไม่ใช่เหรอ" เธอทำท่าสดชื่นด้วยหวังจะให้เพื่อนแจ่มใสขึ้นบ้าง

"ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวอยู่กินข้าวด้วยกันเลยสิ ไม่ได้ไปไหนต่อไม่ใช่เหรอ?" พลอยชวน

"ก็ดี วันนี้ไม่ได้นัดนลไว้ด้วย" หล่อนนั่งพักเหนื่อย หยิบนิตยสารมาโบกไล่ความร้อน

"งั้น ช่วยแกะน้ำพริกใส่ถ้วยหน่อยสิ เราจะทอดไข่เจียว และผัดผักอีกสักอย่างดีไหม" เจ้าของบ้านหยิบภาชนะมาวางบนโต๊ะให้ และเดินหายไปในครัว

"ตามใจเถอะ แล้ววันนี้หนึ่งไม่มาเหรอ?"

ไม่มีเสียงตอบมา ฝ้ายจึงเดินตามเข้าไปดู ถึงเพื่อนจะหันหลังให้ เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้

"เป็นอะไรหรือเปล่า"

พลอยรีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ใครต้องกังวลใจ ฝ้ายจึงหยิบทิชชูมาให้

"เขายังกลับไปหาเกย์คนนั้นอีกเหรอ?"

"ไม่หรอก หนึ่งสัญญากับเราแล้วว่าจะไม่กลับไปยุ่งกับเขาอีก"

"ก็ดีแล้วนี่ จะร้องไห้ทำไม" คิ้วเธอขมวด

"แต่หนึ่งไม่มาหาเราตั้งหลายวันแล้ว โทรฯ ไปก็ไม่เจอตลอด"

ถ้าฝ้ายไม่ใช่เพื่อนรักกันมากจริงๆ เธอคงไม่ปริปากเล่าเรื่องน่าอาย ที่มีศัตรูหัวใจเป็นผู้ชายให้ฟัง



แฟนนลลูบหลังเพื่อนสนิทซึ่งเป็นคนที่อ่อนไหวมาก "อย่าคิดมากสิ เขารับปากแล้วก็ไว้ใจเขาเถอะ"

"ไม่รู้สิ เวลามองตาเขา เรายังเห็นมีคนอื่นอยู่ด้วย" พลอยพูดปนสะอื้น

"คิด มากน่า ว้าย! ไข่จะไหม้แล้ว" จมูกฝ้ายได้กลิ่นแปลกๆ เลยหันไปดู แล้วรีบยกกะทะออกจากเตาแก๊ส จากนั้นจึงเป็นฝ่ายจัดการทำกับข้าวที่เหลือจนเสร็จ ระหว่างปรุงอาหารก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนเชื่อมั่นในตัวคนรัก



"ฝ้ายไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องมีเกย์อยู่ในโลกด้วย น่าจะเป็นโรคเอดส์ตายซะให้หมด" เธอพูดด้วยความโกรธแทนเพื่อน บวกกับอคติส่วนตัว



"อย่า เหมารวมอย่างนั้นสิ เพื่อนเราที่เป็นอย่างนี้ก็มี ถ้าเขาไม่มายุ่งกับชีวิตของเรา พลอยว่าเราก็พออยู่ด้วยกันได้" พลอยพูดขณะจัดโต๊ะอาหาร รู้สึกดีขึ้นมากที่ได้ฝ้ายช่วยปลอบ



"ช่าง เถอะ... เกือบไม่ได้กินของอร่อยแล้วไหมล่ะ" ฝ้ายรินน้ำมาเผื่อเพื่อน ก่อนจะนั่งลงเตรียมตัวพร้อมสำหรับอาหารเย็น พอดีกับที่มีเสียงคนเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน

"ใครนะมาขัดจังหวะ" เธอลุกขึ้นชะโงกมอง

พลอยรีบลุกตาม แววตาเธอทอประกายยินดีเมื่อเห็นผู้มาเยือน "หนึ่งมา"

หล่อนเร่งฝีเท้าเดินไปหาเพื่อนชาย ท่าทางบ่งบอกได้ดีว่าเธอรักและรอคอยเขาอยู่ทุกลมหายใจ



"หนึ่งหายไปตั้งนาน พลอยโทรฯ ไปก็ไม่อยู่" เธอกอดเอวเขาเดินเข้าบ้าน ฝ้ายมองภาพนั้นด้วยความยินดีแทนเพื่อน



"ผมไปต่างจังหวัดมา" หนึ่งปด ความจริงแล้วในระหว่างที่สับสนอยู่ เขาหลบไปอาศัยบ้านเพื่อนสนิทเพื่อตัดสินใจต่างหาก

"เหนื่อยไหมคะ?" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

"เห็นหน้าพลอยก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยจ้ะ" เขาละอายใจที่รู้สึกกับเธอได้ไม่เท่าความรู้สึกที่เธอมีให้



หลัง จากจบการศึกษามาได้สักพัก หนึ่งก็ได้รู้จักพลอย เธอเหมือนตัวแทนแห่งความนุ่มนวลของผู้หญิงทั้งโลก ทุกอย่างที่เป็นตัวเธอกระตุ้นให้ความรู้สึกของผู้ชายที่อยากครอบครองผู้หญิง ดีๆ สักคนเป็นคู่ชีวิตรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องบอกเลิกความสัมพันธ์กับรอยเพื่อนชายที่คบกันเกินเลยฐานะเพื่อน



"สวัสดีค่ะคุณหนึ่ง มาได้จังหวะกินข้าวพอดีเลย มาชิมฝีมือแม่ครัวจำเป็นหน่อยสิคะ" ฝ้ายทักเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้าน



"พลอยเขาทำกับข้าวอร่อยออก ผมชิมมาหลายทีแล้ว อย่างนี้ต้องเรียกว่าแม่ครัวมืออาชีพต่างหากครับคุณฝ้าย" เขายอพร้อมยิ้มให้คนรัก

"ก็วันนี้ไม่ใช่ฝีมือพลอยนี่คะ"

เขาหันไปดุแฟนอย่างหยอกเย้า "อ้าว! ทำไมเกเร ปล่อยให้แขกทำกับข้าวเองล่ะจ๊ะ"

"ก็... ก็..." เธอตอบไม่ถูก ไม่กล้าเล่าเรื่องความอ่อนแอของตัวเอง

"แหม! ไม่ใช่ฝีมือแฟนตัวเองนี่กินไม่ได้เชียวหรือคะ" ฝ้ายแก้สถานการณ์ด้วยการแซวเขา

"ใครว่าล่ะครับ กำลังอยากเปลี่ยนรสอยู่พอดีเชียว"

"ค่ะ รู้อยู่แล้วว่าคุณนลชอบเปลี่ยนรส ชอบลองของแปลก ถึงได้ลงมือทำครัวเองไงคะ" เธอลืมตัวประชดเขา แล้วก็นึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ทั้งพลอยและหนึ่งอยู่ในอาการอึดอัดด้วยกัน ทั้งคู่ ก่อนที่ทั้งหมดจะนั่งลงแล้วกินอาหารเงียบๆ



ฝ้าย เกาะรั้วคุยกับรอย ในขณะที่เขากำลังรดน้ำต้นไม้ตอนเช้าอยู่ ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากแม้จะยังต้องใช้ความพยายามในการลืมเรื่องที่เกิด ขึ้น แต่มันก็ไม่เจ็บปวดมากเหมือนวันแรกๆ รอยพยายามทุ่มความสนใจไปที่เรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ต้นไม้ หรือการเอาใจใส่บุพการีโดยเป็นเพื่อนไปนั่งฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อไม่ให้มีเวลาคิดถึงคนรักที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว



"วันนี้ คุณรอยต้องมากินข้าวกลางวันที่นี่ให้ได้นะคะ ตอนนี้นลเขาออกไปรับเพื่อน และซื้อกับข้าวด้วย รู้สึกว่าเขาจะรู้ใจคุณรอยด้วยล่ะ ว่าชอบกินอะไร นลเขาชอบสังเกตและเอาใจคนเก่ง ใครๆ ถึงติดใจเขาหมด"



หล่อนเบาเสียงลง "เนี่ยดีนะคะที่เขาออกไปข้างนอก ฝ้ายมีเรื่องจะคุยกับคุณพอดี... เอ้อ..คือ"



"อะไรเหรอครับ" รอยถูกชะตากับฝ้ายอยู่มาก เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จริงใจ คิดอะไรก็พูดออกมา จึงไม่ใช่คนที่คบยากนัก



เธอหน้าแดง "คือฝ้ายอยากจะวานคุณรอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วยค่ะ ว่าที่ทำงานใหม่มีใครมาเกาะแกะเขาบ้างหรือเปล่า"



ชายหนุ่มหัวเราะ "คิดว่าเรื่องอะไรเสียอีก วางใจได้เลยครับ ผมไม่เห็นเขาสนใจผู้หญิงที่ไหนเป็นพิเศษสักคน"



"ฝ้าย รู้ค่ะว่านลเขาไม่คิดอะไรกับใครหรอก แต่ฝ้ายกลัวว่าใครจะคิดอะไรกับนลน่ะสิคะ นลเขาใจอ่อน ขี้สงสาร ฝ้ายกลัวว่าใครจะรู้จุดอ่อนนี้แล้วใช้มันในการเข้าหาเขา"

"คุณฝ้ายคิดมากเกินไปหรือเปล่า"

"ค่ะ... ฝ้ายยอมรับว่าพรรคนี้ฝ้ายกังวลกับเรื่องนี้มากเลย คือ พอดีมีเพื่อนฝ้ายบางคนเขามีปัญหากับแฟน ฝ้ายไม่อยากเป็นอย่างเขา" เธอไม่กล้าเล่าว่าแฟนของเพื่อนมีผู้ชายอื่น เพราะอายแทน



"คง ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก คู่ของคุณดูรักกันดีออก... แต่คุณฝ้ายนี่ดีนะ ถึงหึงก็ไม่แสดงให้เขาเห็น ผู้ชายไม่ชอบหรอกครับผู้หญิงที่ชอบหึงหวง ชอบจับผิด"

"ผู้ชายบางคนถึงได้หันไปชอบผู้ชายด้วยกันแทนใช่ไหมคะ?" เธอถามเสียงซื่อ

ถึงรู้ว่าฝ้ายไม่ได้พูดกระทบเขา รอยก็อดหน้าแดงไม่ได้

"คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้อย่างเดียวหรอกครับ คนจะชอบกันคงต้องมีปัจจัยอย่างอื่นมากกว่านี้"



"แต่คนพวกนี้ก็แปลกนะคะ พระเจ้าสร้างผู้ชายให้คู่กับผู้หญิงดีๆ ไม่ชอบ กลับไปฝืนธรรมชาติ"



ก่อน ที่การสนทนาเรื่องนี้จะดำเนินต่อไป นลก็ขับรถมาขัดจังหวะพอดี ทั้งคู่จึงหันไปมอง และฝ้ายก็เป็นฝ่ายลืมเรื่องที่กำลังคุยค้างอยู่ ทำให้รอยโล่งอกอย่างมาก

นลลงมาจากรถเดินไปเปิดกระโปรงหลัง พร้อมตะโกนทักรอย

"วันนี้รอยอย่าลืมมากินข้าวกลางวันด้วยกันให้ได้นะครับ ผมซื้อกับข้าวมาเพียบเลย ชวนคุณอาสองคนมาด้วยนะครับ"

"ฉลองอะไรกันหรือครับ?" รอยหันไปถามฝ้ายซึ่งยืนอยู่ใกล้กว่า

"ฉลองโอกาสที่นลได้งานใหม่น่ะค่ะ เพิ่งมีโอกาส พอดีเขาจะเลี้ยงขอบคุณเพื่อนใหม่ที่ช่วยจัดแจงทุกอย่างในออฟฟิศให้ด้วยน่ะค่ะ"



รอยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงคิดถึงหนุ่มหน้าทะเล้นที่ขึ้นมาพร้อมกับนลในวันนั้น "ใครหรือครับ?"



ไม่ทันที่ฝ้ายจะตอบ เพื่อนของนลก็หอบของก้าวลงมาจากรถพอดี รอยสบตากับเขา บางอย่างในความรู้สึกบอกว่าหมอนี่เอาจริงแน่

"นั่นไงคะ ลงมาพอดี คุณรอยรู้จักเต้แล้วใช่ไหมคะ?"

"ก็เคยเจอกันที่ทำงานหลายครั้งเหมือนกันครับ"

"แค่เคยเจอกันที่ออฟฟิศเองเหรอคะ เวลาเต้พูดถึงคุณ ท่าทางเขารู้จักคุณดีออก"

"ก็เคยคุยกันบ้างครับ" รอยต้องแกล้งยอมรับว่ารู้จักกันเพื่อไม่ให้ฝ้ายสงสัย เขาไม่คิดเลยว่าเต้จะแสดงออกนอกหน้าถึงความสนใจในตัวเขา

"หวัดดีครับ" หนุ่มอารมณ์ดีโบกมือทักทายเขา รอยจึงยิ้มตอบตามมารยาท

"เดี๋ยวขอตัวไปช่วยพวกหนุ่มๆ เขาหน่อย กลางวันนี้คุณรอยต้องชวนคุณอามาให้ได้นะคะ"

รอย ยืนมองหญิงสาวผละออกไปช่วยแฟนถือของเข้าบ้าน เขายิ้มให้กับภาพคู่รักที่หวานชื่นกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่พอเห็นแววตาของชายหนุ่มที่เดินรั้งท้ายซึ่งแสดงออกเต็มที่ถึงความอยากผูก มิตรกับเขา ชายหนุ่มเลยเดินหนีเข้าบ้าน

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 13:58:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอนที่ 4






"คุณ พ่อคุณแม่บอกว่าไม่อยากกวนงานเลี้ยงหนุ่มๆ สาวๆ เลยส่งกระท้อนลอยแก้วมาแทนครับ" รอยเดินเข้ามาพร้อมด้วยชามใสบรรจุของหวาน เต้กุลีกุจอเข้าไปช่วยรับมาวางบนโต๊ะ

"จริงๆ ก็ไม่ใช่งานเลี้ยงสนุกสุดเหวี่ยงเสียหน่อย แค่ทำอาหารกินกันเองนิดหน่อย ผมว่าเดี๋ยวผมไปเชิญท่านอีกครั้งดีกว่า" นลขยับตัวจะลุกขึ้น

"อย่าเลยครับ ท่านทำกับข้าวไว้ที่บ้านเหมือนกัน ผมว่าเราเริ่มกันเลยดีกว่า คงจะหิวกันแย่แล้ว" รอยตัดบท

"หิวสิครับ รอรอยอยู่คนเดียว คิดว่าจะไม่มาเสียแล้ว" เต้แซว

"ก็รอกระท้อนลอยแก้วอยู่นี่แหละครับ เลยนานหน่อย"

"งั้นต้องกินเยอะๆ ให้สมที่รอเสียแล้วมั้ง" ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่แววตาบ่งบอกว่ากำลังคิดถึงเรื่องอื่น

"ขนมไว้กินทีหลังไม่ดีหรือคะ ฝ้ายว่าเอาแช่เย็นไว้ก่อน กินของคาวเสร็จค่อยยกออกมาดีกว่า"

หญิงสาวขัดขึ้นด้วยไม่รู้ความนัยที่สองหนุ่มกำลังส่งให้กัน

วัน หยุดสุดสัปดาห์ นลและฝ้ายชวนรอยไปช่วยเลือกต้นไม้ที่จตุจักร ซึ่งเขาก็รับปากด้วยดี แต่พอเห็นเต้เดินออกมาจากบ้านพร้อมคู่รักหนุ่มสาว รอยก็ทำหน้าบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าโดนรุกหนักขนาดนี้

เด็กหนุ่ม ร่วมสำนักงานมานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่บ้านนลเป็นประจำทุกอาทิตย์จนกลายเป็น กิจวัตรไปแล้ว ซึ่งเจ้าของบ้านก็ไม่ได้รังเกียจ เพราะเขาสามารถสร้างความครื้นเครงได้ดี แต่เมื่อไรที่ทั้งคู่ต้องการความเป็นส่วนตัว เต้ก็จะหลบฉากออกไปเองโดยไม่ต้องออกปาก

"เดี๋ยวรอยมานั่งรถคันเดียวกับผมนะครับ" เต้ร้องบอก

"เอา ไปคันเดียวไม่ดีเหรอครับ จะได้ประหยัดพลังงาน" เขาไม่อยากเปิดโอกาสให้หนุ่มหน้าทะเล้นเกินไป และตอนนี้ก็ยังไม่อยากนึกถึงเรื่องความรักด้วย

"ผมก็จะซื้อต้นไม้เหมือนกัน คันเดียวเดี๋ยวขนไม่หมด ช่วยนั่งไปกับผมหน่อยเถอะครับ จะได้แนะนำไประหว่างทางด้วย"

รอย ไม่กล้าลังเลนาน เพราะกลัวผิดสังเกต โดยเฉพาะกับฝ้ายที่ท่าทางเธอมีทัศนคติไม่ค่อยดีนักกับบุคคลที่เป็นรักร่วม เพศ เขาจึงจำใจเดินขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับแต่โดยดี

"หมู่นี้อยู่ติดบ้านจังนะครับ" พอออกรถ เต้ก็เริ่มเข้าเรื่อง

"ปกติผมก็ไม่ค่อยไปไหนอยู่แล้ว"

"ทำไมล่ะครับ หรือว่าไม่มีเพื่อนไปด้วย เอ.. แล้วเพื่อนรอยคนตัวใหญ่ๆ ที่ผมเคยเจอที่ผับ เขาไปไหนเสียล่ะครับ"

รอยรู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดถึงเรื่องส่วนตัว "เกี่ยวอะไรกับคุณด้วยหรือ?"

"จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แต่ถ้ารอยพอใจจะให้เกี่ยวก็เกี่ยว" เขายักคิ้ว

"งั้นผมขอเลยแล้วกัน กรุณาอย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผม"

"ถ้าผมไม่ให้ล่ะ... รอยรู้ไหมว่ามันลำบากใจมากถ้าเราต้องทำเป็นไม่สนใจคนที่เราสนใจ"

"พูดเรื่องอะไรน่ะ" ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด

เต้ถอนหายใจ ก่อนทำเสียงจริงจัง "จริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากพูดอะไรตรงๆ ขนาดนี้เลยนะครับ แต่ถ้าไม่พูด รอยก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมเสียที"

รอย หน้าเปลี่ยนสี เขาอยากลงจากรถเป็นที่สุด มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่ต้องให้ใครมาพูดถึงเรื่องความผิดปกติทางเพศของตัว เอง และเขาคิดว่าเต้กำลังจะพูด

"ผมรู้ว่ารอยเป็นอะไร และผมก็เป็นแบบเดียวกับรอย"

เขา พูดราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เล่าให้ใครฟังก็ได้ ก่อนเว้นจังหวะให้รอยผ่อนคลาย โดยหันไปสนใจกับการหมุนคลื่นวิทยุหาเพลงฟังแทน แต่ก็ปิดมันในที่สุด

"คุณต้องการอะไร" รอยพึมพัม หลังจากปล่อยให้ความเงียบดำเนินอยู่พักใหญ่

"ผมต้องการมิตรภาพ"

"ระดับไหน" เขาหวั่น

"เท่าที่รอยจะให้ได้... ไม่ต้องรีบปฏิเสธหรอกว่าจะให้ไม่ได้มากอย่างที่คิด ผมมีวิธีเกลี้ยกล่อมรอยให้ตามใจผมได้อยู่แล้ว"

"มั่นใจตัวเองจังนะ" รอยยักไหล่ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องปกปิดความผิดปกติทางเพศของตัวเองเวลาอยู่กับเขา

"คอยดูก็แล้วกัน" เด็กหนุ่มพูดอย่างถือดี

นลเพลิน กับการเลือกกล้วยไม้สีสวยแปลกตาโดยมีแฟนสาวคอยให้ความเห็นอยู่ใกล้ๆ ส่วนรอยเดินอยู่ไม่ห่างจากคู่นั้นนัก ด้วยกลัวเต้จะหาโอกาสจู่โจมอีก

เต้ เองหลังจากได้พูดสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรนัก เลยให้ความสนใจกับมวลไม้รอบตัวแทน แต่ไม่วายหันไปมองและคอยดูแลรอยเป็นระยะ

"เดี๋ยวเสร็จจากร้านนี้ ฝ้ายว่าเราแวะหาอะไรดื่มกันหน่อยดีไหมคะ?" หญิงสาวถอดหมวกออกมาโบกไล่ความร้อน

นลยิ้ม "เหนื่อยแล้วหรือ?"

"พอควรค่ะ แล้วคุณรอยกับเต้เหนื่อยกันหรือยัง ถ้ายัง เราเดินต่อก็ได้ ฝ้ายสบายอยู่แล้ว"

"พักก่อนก็ดีครับ" รอยให้ความเห็น

"ดีเหมือนกันครับ แดดร้อนเหลือเกิน" เต้เดินเข้ามาสมทบ

เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน นลจึงเรียกเจ้าของร้านมา "ผมเอาสองต้นนี้ ช่วยห่อดีๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะเดินอีกนาน"

"ของเต้ซื้อต้นอะไรมาน่ะ" ฝ้ายหันไปคุยระหว่างรอนลจัดการธุระเรื่องกล้วยไม้

เด็กหนุ่มหัวเราะ "ไม่รู้เหมือนกันเจ๊ รอยเขาเลือกให้น่ะ"

"ชมนาดครับ เห็นเต้บอกว่าอยากได้ดอกไม้กลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกทนๆ"

หญิงสาวก้มลงดม "หอมจริงๆ ด้วย กลิ่นชื่นใจจัง"

"อยู่แล้วครับ เชื่อมือรอยเขาได้"

"เดี๋ยว หาดอกไม้ทำนองนี้ให้สักต้นสิคะ... เอ๊ะ! นั่นแฟนยัยพลอยนี่" ประโยคหลังพึมพัมเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เลือกต้นไม้อยู่ที่ร้านไม่ห่างกันนัก

"คุณหนึ่งคะ" เธอร้องเรียก โบกมือให้เขา

ผู้ที่ถูกเรียกหันมามองฝ้ายพร้อมยิ้มให้ แต่รอยยิ้มพลันเจื่อนลงเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอ ในขณะที่รอยเองก็ตกใจที่เจอเขา

ฝ้ายก้าวไปหา "มาคนเดียวหรือคะ?"

"ครับ" เขาพูดน้อยลงกว่าปกติ ทั้งที่เดิมก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอยู่แล้ว ตาไม่วายมองไปทางคนรักเก่า

...ทำไมรอยถึงยังยืนเฉย ทำเหมือนไม่รู้จักกันเลย... เขาน้อยใจ

"เรากำลังจะไปหาอะไรกินกันพอดี ไปด้วยกันนะคะ"

...แล้วหมอนั่นเป็นใคร ทำไมถึงดูสนิทสนมกับรอยนัก... เขามองไปทางเต้

"อะไรนะครับ" เขาไม่ทันฟัง

"ฝ้าย บอกว่าเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า นลคะ... นี่หนึ่งแฟนของพลอย" เธอแนะนำเมื่อเห็นว่าแฟนชำระเงินค่ากล้วยไม้เสร็จพอดี "นี่นลแฟนของฝ้ายค่ะ"

"ยินดี ที่ได้รู้จักครับ" ชายหนุ่มสองคนจับมือกัน นลเคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อนแล้ว เลยลอบสังเกตว่าผู้ชายคนนี้มีลักษณะอะไรบ่งบอกว่าเคยมีสัมพันธ์กับเพศเดียว กันบ้าง

เต้มองเพื่อนใหม่ในกลุ่ม เขารู้สึกคุ้นหน้ากับชายคนนี้ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน

"นี่คุณรอย และนี่เต้ เพื่อนของเราค่ะ"

"ยินดีรู้จักครับ" เต้ทักทายด้วยรอยยิ้มร่าเริงตามประสาคนอารมณ์ดี

"มาซื้อต้นไม้หรือหนึ่ง" รอยพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ฟังผิดปกติ หลังจากตัดสินใจว่าไม่ควรหลอกคนอื่นว่าไม่รู้จักเขา

"อ้าว! รู้จักกันเหรอคะ?" ฝ้ายแปลกใจ

"เราเรียนที่เดียวกันน่ะครับ" รอยชิงอธิบายก่อน

เต้ลอบมองท่าทางขัดเขินของคนทั้งคู่ เขาคิดว่าจำได้แล้วว่าเคยเจอชายหนุ่มคนนี้ที่ไหน

"เหรอคะ ฝ้ายว่าเราไปหาร้านนั่งคุยกันก่อนดีไหมคะ ยืนตรงนี้เกะกะทางคนอื่นเขา"

ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มอยู่ ฝ้ายกับเต้เป็นฝ่ายชวนทุกคนคุย โดยเฉพาะเต้ดูเขาสนุกมากที่ได้มีโอกาสร่วมสนทนากับหนึ่งในวันนี้

"ทำไมมาคนเดียวล่ะคะ?" ฝ้ายถามแฟนของพลอย

"อ๋อ! เพื่อนคนที่เคยมาซื้อต้นไม้ด้วยกันเขาไม่ว่างน่ะครับ" เขาเหน็บใครบางคนที่วางตัวเป็นแค่เพื่อนที่เรียนร่วมกันมาเท่านั้น

"ไม่ชวนคนอื่นมาแทนล่ะคะ" เธอแนะนำ

"เวลามาซื้อต้นไม้ต้องมากับคนที่ชอบต้นไม้เหมือนกันนะครับ ถ้าไม่ใช่คอเดียวกันมีหวังบ่นว่าเหนื่อยแล้วก็ร้อนแย่เลย" หนึ่งให้เหตุผล

"ฝ้ายหมายถึงพลอยน่ะคะ เขายิ่งบ่นว่าเหงาๆ อยู่"

หนึ่งแอบมองรอย เห็นเขาเหม่อคล้ายไม่สนใจว่าคนอื่นกำลังคุยอะไรกัน

"นั่นสิครับ ระวังนะครับ มีแฟนแล้วไม่ดูแลให้ดี คนอื่นจะอาสาดูแลแทน" เต้พูดเหมือนแซวเล่น

"ถ้าคนที่อาสาเขาดีจริง และแฟนของเราอยากจะไป ผมก็ยินดีครับ" หนึ่งรู้ทันคำพูดของอีกฝ่าย เขาแน่ใจว่าหมอนี่กำลังจีบรอย

ทุก ประโยคที่พูดจบเขาจะหันไปทางรอย เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แต่กลับพบว่ารอยไม่ได้ฟังทางนี้เลย เอาแต่หันไปคุยกับพ่อค้าที่นำต้นไม้เล็กๆ มาอาศัยวางหน้าร้านเครื่องดื่ม



เมื่อกลับมาอยู่ในรถสองต่อสอง เต้จึงเปิดฉากอีกครั้ง

"ถ้าจำไม่ผิด ผมว่าเคยเห็นคุณในผับกับเขา"

รอย ไม่ตอบ เอาแต่นั่งนิ่งเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่ต้องได้รับรู้เรื่องราวระหว่าง หนึ่งกับแฟนสาว ทั้งที่แสร้งสนใจเรื่องอื่น พยายามไม่ฟังที่เขาพูดกัน แต่ถ้อยคำทำร้ายจิตใจไม่วายพุ่งตรงสู่สมอง

"ทำไมวันนี้ถึงไม่ค่อยคุยกับเขาเลยล่ะ"

"แล้วทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องของผมนักนะ" รอยพูดเสียงห้วน

"เวลาคุณสนใจอะไรคุณก็มักหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ อย่างคุณชอบต้นไม้ คุณก็ยังหาหนังสือเรื่องพวกนี้มาอ่าน"

"เลิกพูดจาทำนองนี้กับผมสักทีได้ไหม?" เขาพูดเสียงดังจนเกือบตวาด

เต้หน้าเสีย เขาไม่คิดว่าจะเจอปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้

"ขอโทษครับ" เขาพูดอุบอิบและเงียบไป

รอย ปรายตามอง รู้สึกว่าตัวเองรุนแรงกับเขาเกินไป เท่าที่รู้จักกัน เต้พยายามใช้ความเป็นคนสนุกสนานยั่วให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เต้คงเห็นว่าเขาเจ็บปวด จึงพยายามยั่วเย้าให้รู้สึกดีขึ้น

"ทำไมคุณถึงสนใจผม" จู่ๆ รอยก็ถามขึ้นมา จนเต้ตั้งตัวเกือบไม่ทัน

"ไม่รู้สิครับ ผมว่าคุณเป็นคนน่าสนใจดี" เขาตอบตะกุกตะกัก

"คง รู้สึกอย่างนี้กับใครๆ บ่อยสินะ" รอยดักคอ เริ่มรู้สึกว่าเวลามองหน้าผู้ชายคนนี้แล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูก "ผมไม่ชอบเลยนะกับวัฒนธรรมประเภทที่เจอกันแว้บเดียวก็ไปไหนต่อไหนด้วยกัน ไอ้นิสัยแบบเนี้ยแหละมันถึงทำให้คนเขามองว่าคนแบบพวกเรามั่ว"

"พูด อย่างนี้ผมก็เสียหายหมดสิ... บอกตรงๆ เลยนะว่าเรื่องปิ๊งปั๊งกันเวลาไปเที่ยวมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไอ้เรื่องจะเพียรมาหาถึงบ้านบ่อยๆ อย่างนี้ ผมไม่เคยทำกับใครมาก่อนเหมือนกัน"

"โอเค! ผมยอมแพ้คุณแล้ว" รอยส่ายหน้า ปนหัวเราะ

เต้ยิ้มกว้าง กลับเป็นคนทะเล้นเหมือนเดิม "หมายความว่ายอมเป็นแฟนผมแล้วเหรอ?"

"บ้าสิ คุณบอกว่าต้องการมิตรภาพไม่ใช่เหรอ? อย่าได้คืบเอาศอกสิ ไม่ดีหรอก"

"อย่างไงผมก็ไม่ได้หน้าแล้วลืมหลังหรอก" เขาทำหน้าทะเล้น ขณะกล่าวถ้อยคำสองแง่สองง่าม

รอยกลั้นหัวเราะไม่อยู่ "คุณนี่ทะลึ่งจริงๆ"

"อ้าว! จริงๆ นะ ผมสัญญา" เขาบังคับพวงมาลัยด้วยมือเดียว แล้วยกอีกข้างขึ้นทำท่าเหมือนลูกเสือปฏิญาณตน

"ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเหมือนคุณหนึ่งเด็ดขาด"

เพราะปากไวเกินไปจึงเผลอพูดกระทบแผลใจรอยอีก เมื่อรู้ตัวเขาจึงทำหน้าจ๋อย แล้วแอบลอบมองท่าทีคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ขอโทษนะ ผมไม่ควรพูดเลย" น้ำเสียงสำนึกผิดอย่างเห็นได้ชัด

"ช่างเถอะ แต่ไม่จำเป็นอย่าพูดอีกนะ ถ้ายังรักจะเป็นเพื่อนกัน... มันไม่ใช่มุขตลกที่คุณน่าจะเอามาเล่นหรอก"

"ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องของรอยตลกจริงๆ นะ แต่นิสัยผมมันไม่ดีแบบนี้แหละ จะตบปากผมแก้แค้นก็ได้" เขาพยายามทำให้รอยหายโกรธ

"ขับรถดีๆ เถอะ" อีกฝ่ายตัดบท

"ถามอะไรหน่อยได้ไหม?" สักพักเต้ก็ทำลายความเงียบขึ้นอีก

"ตอบได้ก็ตอบ"

"ทำไม เขาถึงไปมีแฟนใหม่ล่ะ ท่าทางเขารักรอยจะตาย เห็นคู่ของคุณครั้งแรกเมื่อคืนนั้นผมยังอิจฉาเลยนะ ว่าเมื่อไรถึงจะมีคนรักที่รักกันขนาดนี้บ้าง... แต่วันนี้จากที่เห็น ผมว่าเขายังอาลัยอาวรณ์รอยอยู่นะ"

"ประโยคไหนที่เป็นคำถาม"

"ตอบมาเถอะ อยากตอบคำถามไหนก็ตอบมา"

"ผม ตอบแล้วคุณอย่าเซ้าซี้อีกนะ" รอยปรายตาดูเขาพยักหน้ารับคำ "ตอนนี้เขามีคนรักที่เหมาะสมกับเขาแล้ว ระหว่างเราจึงไม่มีอะไรกันอีก... จบ"

"แล้วรอยไม่เสียใจเหรอ?" เขายังอยากรู้

"บอกแล้วไงว่าเราจะไม่ตอบเรื่องนี้อีกแล้ว"

"ขอคำถามสุดท้ายอีกนิดได้ไหม... รอยยังรักเขาอยู่หรือเปล่า?" เต้รุก

รอย ไม่ตอบแต่หันไปสนใจทัศนียภาพข้างทางแทน แล้วต้องทักเสียงดัง เมื่อเต้หักเลี้ยวไปในช่องทางที่ไม่คุ้นเคย "เฮ้! คุณจำทางผิดหรือเปล่า บ้านผมต้องลงทางด่วนพระราม 9 นะ"

"ผมไปบ้านพี่นลตั้งหลายครั้งทำไมจะจำไม่ได้" เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์

"แล้วทำไมจะไปทางนี้ จะกลับบ้านคุณก่อนเหรอ รู้อย่างนี้ทำไมไม่ให้ผมกลับกับคุณนล"

"เปล่า ผมยังไม่กลับบ้านหรอก ขออนุญาตเลี้ยงต้อนรับเพื่อนใหม่สักมื้อ คงไม่รังเกียจนะครับ"

"จะไปกินถึงไหน" รอยถามเสียงกังวล เพราะไม่ได้บอกที่บ้านว่าจะไม่กลับไปกินข้าวเย็น

"ผมชอบทะเล" เขาตอบสั้นๆ
       

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 13:58:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอนที่ 5




"ไม่ค้างสักคืนเหรอ ผมว่ารอยดูเหนื่อยๆ นะ" เต้ชวนอีกครั้ง เมื่อนำเครื่องดื่มจากคอฟฟี่ชอปของ

โรงแรมมาให้รอยซึ่งนั่งทอดสายตาอยู่ริมทะเล

"ไม่ล่ะ ไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ไว้"

รอย รับแก้วมาวางที่โต๊ะสนามตัวเล็กข้างกาย นึกขอบใจเต้ที่พามาที่นี่ เพราะเขาก็ชอบทะเล ทุกครั้งที่ได้กลับมาฟังเสียงคลื่นรู้สึกเหมือนได้เติมพลังคืนให้กับชีวิต ขณะเดียวกันมันก็ฟ้องว่าชีวิตทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิม… อย่างน้อยคนที่ร่วมฟังเสียงคลื่นก็ไม่ใช่คนที่เคยรัก

"เบื่อจริงๆ ลูกมีพ่อมีแม่เนี่ย จะทำอะไรก็ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู" เต้ปล่อยมุขตลก

"ต่อให้ไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็ค้างไม่ได้" ชายหนุ่มหันไปโต้ตอบ

"กลัวผมเหรอ? เราพักกันคนละห้องก็ได้ ผมเพียงแต่เห็นว่ารอยมีความสุขดีเวลาอยู่ที่นี่ เลยอยากให้อยู่ต่อก็แค่นั้นเอง"

รอยมองเขาด้วยแววตาขอบคุณ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ชาย หนุ่มเงยหน้ามอง เมื่อรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงาน "อ้าว! จ๋า ไม่เห็นโทรฯมาบอกว่าจะมาเลย ดีนะที่วันนี้เราอยู่ทำงานเย็น"

หญิง สาวดึงเก้าอี้จากโต๊ะใกล้ๆ มานั่งอย่างคุ้นเคยกับสำนักงานนี้ เพื่อนรอยหลายคนเคยแซวว่าเขาโชคดี ที่มีแฟนสวยแถมยังแวะเวียนมาหาบ่อยๆ

"บอกก่อนแล้วจะแปลกใจเหรอ? ฉันรู้ว่าเธอมันคนขยัน เลิกงานปุ๊บกลับบ้านปั๊บก็ไม่ใช่คุณรอยสิ"

"แล้วหิ้วอะไรมาเยอะแยะนั่นน่ะ" ชายหนุ่มบุ้ยใบไปทางถุงหูหิ้วที่เธอถือวิสาสะวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา

"กับข้าวไง วันนี้ฉันจะไปกินข้าวที่บ้านเธอ นี่โทรฯไปบอกคุณแม่เธอแล้วว่าไม่ต้องทำกับข้าว"

"แล้วทำไมไม่ทิ้งไว้ในรถก่อน ถือขึ้นมาทำไม?"

"วันนี้ฉันไม่ได้เอารถมา"

"งั้นเดี๋ยวเราออกค่าแท็กซี่เอง" รอยอาสา

"ไม่ต้องหรอก เมื่อกี้ฉันแวะไปชวนคุณนลกับคุณเต้ไปกินข้าวที่บ้านเธอด้วย เธอเลือกสิว่าจะนั่งรถใคร ฉันไปรถคุณนลชัวร์อยู่แล้ว"

รอยมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่

"อย่า มองอย่างนั้นสิ ฉันเห็นเธอหายไปเสียนาน ก็เลยคิดว่าติดเพื่อนใหม่อยู่ จะมาช่วยดูให้ว่าเพื่อนใหม่เธอดีจริงหรือเปล่า" จ๋าทำเสียงล้อเลียน

"เพื่อนใหม่อะไร พูดจาเพี้ยนใหญ่แล้ว" ชายหนุ่มนึกขำปนรำคาญท่าทางล้อเลียนของเพื่อน

"ถ้าจะเพี้ยนก็ไม่ใช่ฉันหรอก เพราะฉันไม่ใช่คนพูด เพียงแต่ได้ยินมาอีกต่อเท่านั้นเอง"

"ใครพูด?" รอยสงสัย

"หนึ่ง"

"เจอกันเหรอ" เวลาได้ยินชื่อนี้ทีไร ใจไม่วายสั่น แม้จะเตือนตัวเองเสมอว่าได้ปล่อยให้เขามีชีวิตที่ดีกว่าแล้ว

"เขาโทรฯมา"

"เพื่อพูดเรื่องนี้เลยเหรอ?"

"เขา เหรอจะกล้าพูด ก็แกล้งทำเป็นชวนคุย ถามโน่นถามนี้อ้อมไปอ้อมมา แต่สรุปได้ว่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเขาเจอเธอ มากับใครก็ไม่รู้ ท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจ ไม่รู้ว่านิสัยดีหรือเปล่า ฉันในฐานะเพื่อนสนิทของเธอน่าจะช่วยๆ ดูหน่อย ฉันก็เลยร้อนอาสน์ต้องเสด็จมาดูถึงนี่แหละ"

"ประสาทชะมัด" รอยค้อนฝากลมไปให้เขา เลิกกันแล้วยังมาทำเป็นห่วงอีก

"ว่าใครประสาทครับ แหม! ผมเดินเข้ามาก็โดนว่าเลยเหรอเนี่ย" เต้เข้ามาทันได้ยินประโยคหลังพอดี

นลที่เดินเข้ามาพร้อมกันหันไปดุเพื่อนรุ่นน้อง "เต้นี่แปลกจริงๆ ชอบทำให้รอยอารมณ์เสียอยู่เรื่อย"

เขากลัวว่าเต้จะสร้างความไม่พอใจให้ให้เพื่อนบ้าน ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงคงเป็นความผิดของเขาที่ชักนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว" รอยพูดยิ้มๆ

"จะ ไปกันเรือยังคะ จ๋าหิวจะเป็นลมอยู่แล้ว" ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มหันไปยิ้มหวานให้แฟนของฝ้าย เธอไม่ได้จริงจังกับการหว่านเสน่ห์ให้เขาหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าทำแล้วชีวิตมีรสชาติดีก็เท่านั้น

"เดี๋ยวเราเก็บของแว้บเดียว" รอยนำของใช้จัดวางเข้าที่อย่างเป็นระเบียบตามนิสัย

จ๋า ได้ที "งั้นเราไปกับคุณนลก่อน จะได้เอากับข้าวไปอุ่นด้วย เดี๋ยวรอยไปกับคุณเต้แล้วกัน " เธอไม่รอฟังความเห็นจากเพื่อน แต่หันไปพยักเพยิดกับนล ซึ่งเขาก็เห็นดีด้วย

"ไปเถอะครับ ท่าทางคุณรอยจะเก็บของอีกนาน" เต้รีบส่งเสริม

จ๋า ไม่รอฟังเหตุผลของรอย คว้าถุงกับข้าวแล้วลุกขึ้น แต่ถูกนลแย่งเอาไปถือ พร้อมเปิดประตูให้ เมื่อทั้งสองคนพ้นสายตาไปแล้ว เต้จึงดึงเก้าอี้มานั่งมองรอยสะสางงานบนโต๊ะ

"ถามจริงๆ เถอะ ผมกวนใจรอยอย่างที่เฮียเขาพูดหรือเปล่า?"

รอยละสายตาจากเอกสารมามองเขา ท่าทางตั้งใจฟังคำตอบเอาจริงเอาจังทำให้อดขำไม่ได้

"บางครั้งน่ะ"

"จริงเหรอ?" เด็กหนุ่มหน้าเสีย

"ฮื่อ" เขาตอบตามตรง

"ยกตัวอย่างหน่อยสิ" เต้ไม่ยอมรับ

"อย่างตอนนี้ไง คุณชอบมีคำถามที่ผมไม่อยากตอบมาถามอยู่เรื่อย"

รอย พยายามพูดจารักษาน้ำใจเขา แม้ความเอาใจใส่หลายๆ อย่างของเต้จะสร้างความอึดอัดให้ เนื่องจากไม่ได้ต้องการมัน แต่ก็ยอมรับว่าในหลายๆ ครั้ง ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาก

เขาทำหน้าเศร้า "ช่วยเตือนผมหน่อยแล้วกัน"

"อะไรนะ?" รอยไม่ทันฟัง

"ผมบอกว่า ช่วยเตือนผมด้วยเวลาผมทำอย่างนั้นน่ะ ผมอยากให้รอยสบายใจ"

"ได้สิ ขอบใจนะ"

มีอะไรจะบอกผมอีกไหม?"

"มี" รอยเก็บเอกสารที่ตรวจเสร็จใส่แฟ้ม

"อะไร?" น้ำเสียงเขาตื่นเต้น

"ช่วยบอกน้องกั้ง และบอยด้วยว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"

เต้หน้าเสีย สองคนที่รอยเอ่ยชื่อมาคือคนที่เขาพัวพันด้วยอยู่ กั้งอยู่บริษัทเดียวกัน ส่วนบอยเป็นนักร้องอยู่ในผับที่เขาชอบไปนั่ง

"รู้จักได้ไงน่ะ?"

"เขา โทรฯมา ไม่รู้ไปเอาข่าวมาจากไหนว่าเราเป็นแฟนกัน คนหนึ่งร้องไห้จะเป็นจะตาย อีกคนก็ขู่ผมจนขนลุกไปหมด... เสน่ห์แรงเอาการนะคุณ" รอยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะจัดแฟ้มเข้าชั้น

"โกรธผมหรือปล่าเนี่ย?" เต้กังวล ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของสองคนนั่นหรอก เขาเป็นห่วงคนที่ยืนตรงหน้ามากกว่า

"โกรธทำไม ตลกดีออก อยู่ดีๆ ก็เจอราวี... ยังไงก็อย่าให้มีน้องคนอื่นๆ โทรฯมาอีกล่ะ ผมไม่มีเวลาคุยด้วยทุกคนหรอกนะ"

เขารีบแก้ตัว "ไม่มีใครแล้ว สองคนนี่ผมก็ไม่ได้เคยไปตกลงอะไรกับเขา ก็แค่คบกันเป็นเพื่อนเฉยๆ เท่านั้นเอง"

"เอาเถอะ มันเรื่องของคุณ... ผมเก็บของเสร็จแล้ว เราไปกันเลยดีกว่า"

จ๋าเดินออกจากตัวบ้านมาหารอยที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่

"คุณนลไปไหน เห็นบอกว่าขอตัวกลับมาเปลี่ยนเสื้อแล้วจะไปกินผลไม้ต่อ"

"ไม่รู้สิ เห็นถือบัวรดน้ำติดเข้าไปด้วย คงเอาไปรดน้ำต้นไม้ในบ้านมั้ง" รอยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

"บ้านเขากับบ้านเธอเนี่ยลักษณะใกล้ป่าเข้าไปทุกทีแล้ว เจ้าประคุ๊ณ! ขออย่างเดียวอย่าให้เป็นป่าเดียวกันเลย" เธอยกสองมือพนมท่วมหัว

"ประสาท เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ยังไปนินทาเขาอีก"

"ว่าได้หรือ ท่าทางเขาเอาใจใส่เธอยังกับอะไรดี อย่างหนึ่งไง ดูเผินๆ ใครจะรู้ว่าเขามีอะไรกับเธอ"

พอพูดจบจ๋าก็นึกได้ว่าเผลอสะกิดแผลเพื่อนเข้าอีกแล้ว เลยหน้าจ๋อยลง "ขอโทษนะ ปากเสียตามเคยเลยเรา"

"ช่างเถอะ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยเจ็บอะไรแล้ว" รอยไม่เคยถือสาเพื่อนคนนี้อยู่แล้ว เพราะรู้ว่าไม่ได้เจตนา

"ดีจัง เราดีใจที่เธอทำใจได้เร็ว"

"มันไม่มีทางออกอื่นนี่" สีหน้ารอยบอกให้รู้ว่าจำใจต้องยอมรับ

ก่อนจะคุยอะไรกันต่อ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากชั้นบนของบ้านติดกัน

"กินผลไม้กันหมดหรือยังครับ" นลเปิดหน้าต่างห้องนอนมาโบกมือให้

"ยังเลยค่ะ คอยคุณนลอยู่เนี่ยแหละ ทำอะไรอยู่คะ?" จ๋าตะโกนตอบ

"อ๋อ! ปีนขึ้นไปรดน้ำต้นไม้บนดาดฟ้าน่ะครับ นกมันคงคาบเม็ดมาทิ้งไว้ ช่วงก่อนฝนตกหนักมันเลยโตเร็วน่าดู ตอนนี้ยาวมาถึงหน้าต่างห้องนอนผมแล้ว"

เขาเอื้อมมือไปจับก้านเล็กๆ ที่ทอดยาวลงมาเป็นสาย พริ้วไหวยามลมพัด เพื่ออวดเพื่อนบ้าน

รอยนึกชอบเจ้าต้นไม้ที่ไม่ตั้งใจปลูกของเขาตั้งแต่แรกเห็น

"ผักบุ้งเหรอคะ?" จ๋าทำหน้าไม่เข้าใจว่าทำไมนลต้องลงทุนปีนขึ้นไปดูแลเจ้าวัชพืชกิ่งนี้ถึงบนดาดฟ้า

"ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อาจใช่ก็ได้ครับ เพราะดอกมันสีม่วงๆ" เขายกกิ่งนั้นพินิจ "ดอกมันเล็กๆ น่ารักดีนะครับ"

"คุณนลนี่ก็แปลก ต้นไม้ในสวนของตัวเองก็ตั้งเยอะ ดอกก็สวยๆ ทั้งนั้น แต่กลับไปใส่ใจกาฝากอะไรก็ไม่รู้" เธอบ่น

รอย เถียงแทน "แล้วมันไม่ใช่ต้นไม้หรือไง ไม่ใช่ความผิดของมันเสียหน่อยที่เกิดมาเป็นต้นไม้ที่คนไม่นิยมกัน มันเลือกเกิดได้เหรอ? ต้นไม้ที่ไหนๆ ก็มีคุณค่าเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าเราไม่มีอคติ ไม่ว่ามันจะเป็นชวนชมอยู่ในกระถางลายคราม หรือดอกหญ้าข้างทาง"

"จ้ะ จ้ะ ขอโทษที ลืมไปว่ากำลังอยู่กับนักอนุรักษ์พันธุ์พืช นี่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเรียนพฤกษศาสตร์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ"

ขณะที่จ๋ากำลังเหน็บแนม รอยหันไปเห็นฝ้ายเดินตรงเข้ามาในซอย เลยสะกิดให้เพื่อนดู

"นั่นไง แฟนคุณนล" เขาพูดพร้อมยิ้มทักฝ้าย เมื่อเธอโบกมือให้ก่อนจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป

"อ้าว! งั้นคนที่ช่วยคุณแม่เธอปอกมะม่วงอยู่ในครัว ก็แฟนคุณรอยนะสิ" จ๋าแซวเรื่องเต้อีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้สำหรับวันนี้

"ประสาท บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ ไม่ใช่"

"ไม่ ใช่ก็ไม่ใช่สิ ทำไมต้องโมโหอย่างนั้นด้วยเล่า แหม! อายุยืนจริงๆ พูดถึงก็ออกมาพอดี" จ๋าทักเมื่อเห็นเต้ถือถาดผลไม้เปิดประตูบ้านออกมาหา

"คุณแม่ให้เอามากินกันในสวน" เขายิ้มร่าตามนิสัย "เดี๋ยวจะมีขนุนตามมาอีก"

รอยบุ้ยใบ้ไปทางบ้านของนล "คุณฝ้ายมาแน่ะ ผมว่าคุณเอาไปกินที่บ้านคุณนลก็ได้ เดี๋ยวผมค่อยปอกใหม่ก็ได้"

ชายหนุ่มรีบส่ายหน้า "ไล่ก็ไม่ไปหรอก เขาเพิ่งมาถึงก็ต้องอยากจู่จี๋กันบ้าง ใครจะกล้าไปเป็นก้าง"

ฝ้ายเดินเช็ดผมให้แห้งหลังจากออกมาจากห้องน้ำบ่อยครั้งในวันสุดสัปดาห์ เธอมักจะมาค้างที่บ้านของคนรัก

"อ่านอะไรอยู่คะ?" เธอหยุดยืนข้างหลังเขา พร้อมโอบแขนกอด

นลวางหนังสือลงบนโต๊ะ หันมายิ้มให้ "หอมจังเลย"

"อ๋อ! แป้งกลิ่นใหม่น่ะค่ะ พลอยเขาซื้อมาฝาก" หล่อนยกแขนตัวเองขึ้นดม

"แวะไปหาพลอยมาเหรอ?"

"ฝ้ายบอกนลแล้วนี่... เป็นห่วงเขาน่ะ แต่ไปเห็นวันนี้ก็ดีใจนะที่พลอยกับแฟนจี๋จ๋ากันดี"

"ดีแล้วนี่"

"เสาร์หน้านลไม่ได้ไปไหนใช่ไหมคะ? ฝ้ายชวนพลอยเที่ยวกลางคืน ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิคะ"

"เอาสิ"

เธอเดินไปสางผมที่หน้ากระจก "เอ่อ... ว่าจะพูดอะไรแล้วก็ลืม ผู้หญิงที่มาบ้านคุณรอยเย็นนี้เป็นแฟนเขาหรือคะ หน้าตาสวยสมกันดีนะ"

"ไม่รู้สิ" นลไม่แสดงความเห็น ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น เขาคิดว่ารู้จักรอยดีขึ้น และแน่ใจว่าจ๋าไม่ใช่แฟนรอยแน่

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 13:59:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอนที่ 6




พลอยสบตาคนรักที่นอนประคองเธอไว้ในอ้อมแขน เธอรู้สึกว่าในแววตาเขามีภาพเธอชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า

"พรุ่งนี้เราจะออกกันกี่โมงดี" หนึ่งถามขึ้น เพราะนัดว่าจะไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ของเธอที่ต่างจังหวัด

"สักเจ็ดโมงก็ดีค่ะ จะได้ไปทันกินข้าวกลางวัน หรือว่าหนึ่งอยากไปสายกว่านั้นคะ"

"เจ็ด โมงก็ดีแล้วจ้ะ จะได้มีเวลาอยู่นานๆ หน่อย คราวที่แล้วไปถึงไม่ทันไรผมก็โดนตามตัวกลับมาทำงาน คราวนี้จะได้อยู่นานๆ หน่อย เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่คุณไม่ยอมยกลูกสาวให้" เขาพูดติดตลก

"ถ้างั้นนอนเลยดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆ" หล่อนขยับตัวจากวงแขนเขา เลื่อนไปที่หมอนอีกใบ พร้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุม

หนึ่งหันไปมอง แล้วก้าวลงจากเตียง "พลอยนอนก่อนแล้วกัน ผมจะลงไปหาอะไรรองท้องสักหน่อยดีกว่า ชักหิวอีกแล้ว"

"อย่ากินมากนะคะ พลอยไม่อยากมีแฟนลงพุง" เธอแซว พลางมองตามรูปร่างล่ำสันที่ก้าวพ้นประตูไป ก่อนหลับตานอน

เขาลงมาที่ชั้นล่าง เปิดตู้เย็นเลือกของสักพัก ก็เปลี่ยนใจตรงไปที่โทรศัพท์แทน

"ฮัลโหล รอยใช่ไหม?" เขาจำเสียงอีกฝ่ายได้ดี

"หนึ่งเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า โทรฯมาเสียดึกเชียว"

"อยากคุยด้วย"

ถึงจะบอกกับใครๆ ว่าทำใจได้แล้ว แต่รอยรู้ใจตัวเองดีว่ายังหวังเสมอว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเก่า ใจจึงสั่นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้

"มีอะไร" เขาลองคิดว่าถ้าหนึ่งขอกลับมาคืนดีอีกครั้งจะปฏิเสธไหม

"หมู่นี้รอยไปเที่ยวกับใคร วันก่อนเราก็เห็นที่โรงหนัง แต่พอดีเรา..." ท้ายประโยคน้ำเสียงเขาอึดอัดใจที่จะพูด

"ไปกับแฟนก็เลยไม่กล้าทัก" รอยดักคอ

หนึ่งเปลี่ยนเรื่อง "เขาเป็นใครน่ะ"

"หนึ่งก็รู้จักแล้วนี่ วันนั้นที่เจอที่จตุจักรไง เพื่อนของแฟนหนึ่งน่ะ" หางเสียงประชด

"ย้ำจังนะ แล้วผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่แฟนฝ้ายน่ะเป็นใคร?"

"เพื่อนของแฟนของเพื่อนแฟนหนึ่ง" รอยยังคงล้อเล่น คิดอยู่ว่าเขาจะรู้สึกหึงบ้างหรือเปล่าหนอ

"แฟนรอยล่ะสิ"

"ก็ไม่แปลกนี่"

"แล้ว เขาเป็นคนดีหรือเปล่า?" น้ำเสียงเขากลับไม่ผิดหวังหรือแสดงความหึงหวงอย่างที่รอยคิด หนึ่งเคยไม่พอใจ ในครั้งแรกที่เจอรอยกับผู้ชายคนอื่น แต่รู้ว่าไม่ควรคิดอย่างนั้นอีก ถ้าไม่อยากทำร้ายผู้หญิงที่ดีกับเขาเหลือเกิน และไม่อยากทำให้รอยต้องติดอยู่กับบ่วงความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางก้าวหน้าไป กว่านี้



"เราเพิ่งรู้จักกัน ยังบอกไม่ได้หรอก" รอยใจเสีย ความหวังที่จะกลับคืนมาซึ่งริบหรี่อยู่แล้วถึงกับดับวูบ ก็หนึ่งทำพูดเหมือนว่าดีใจที่รอยมีใครเสียที เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องใส่ใจอีก

"เราเป็นห่วงรอยนะ"

"ขอบใจ" จู่ๆ น้ำตาก็รื้นคลอเบ้า

"พรุ่ง นี้ผมจะไปหาพ่อแม่ของพลอย ท่านนัดจะพาไปให้พระที่นั่นดูฤกษ์แต่งงาน... เราคงจะแต่งกันประมาณปลายปี" เขาอึดอัดที่ต้องเล่าเรื่องนี้ให้คนทางปลายสายฟัง แต่คิดว่าถ้าจะมีใครสักคนร่วมยินดีกับข่าวนี้ รอยในฐานะเพื่อนสนิทที่สุดควรจะเป็นคนนั้น



รอยพยายามบังคับ เสียงให้เป็นปกติ เพราะรู้ว่าหนึ่งเลือกเขาเป็นคนแรกที่รับรู้ข่าวดีนี้ ต่อให้มันเป็นข่าวร้ายสำหรับเขาแค่ไหน เขาก็ควรแสดงความยินดีกับเพื่อน

"ดีใจด้วยนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกล่ะ"

"เป็นอะไรหรือเปล่า" หนึ่งจับความผิดปกติในเสียงผู้พูดได้จึงถามด้วยความเป็นห่วง ถึงอย่างไรเขาก็เลิกห่วงเพื่อนคนนี้ไม่ได้

"เปล่า" รอยโกหกทั้งที่เพิ่งปาดน้ำตาออก

"ผม ว่าเราน่าจะเจอกันอีกสักครั้งนะ รอยเคยบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันได้อยู่นี่ เพื่อนกันเขาก็นัดกินข้าวกันได้ไม่ใช่เหรอ" เขารีบอ้างข้อตกลง เพราะกลัวถูกปฏิเสธ

"เอาสิ นัดมาแล้วกัน" รอยอยากจะรีบวางหูโทรศัพท์เร็วๆ เพื่อจะได้ปลดปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจ

"งั้นเสาร์หน้านะ ร้านเดิม เวลาเดิม"

รอย ฝืนหัวเราะในมุขตลกที่หนึ่งเล่า แม้จะรู้สึกว่ามันเฝื่อนที่สุด เวลาอาทิตย์เต็มๆ ที่ใช้ทำใจ ช่วยให้ยอมรับความจริงมากขึ้นว่าสิทธิในตัวเขาได้หลุดลอยไปแล้ว แต่ไม่ช่วยอะไรเลยในการเยียวยาความรู้สึกสูญเสียนั้น

"ตอนเรียนหนังสือหนึ่งไม่เห็นเคยเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังเลย" รอยแสร้งหัวเราะเรื่องเปิ่นๆ ที่หนึ่งเล่าให้ฟัง

"เราอายจะตาย ตอนนั้นแทบจะลาออกจากโรงเรียนเลยนะ"

"เวอร์ เชียว แล้วเรื่องที่เพื่อนๆ เคยแซวหนึ่งว่าตกบันไดเลื่อนตอนจีบผู้หญิงที่สยามล่ะ?" รอยพยายามหาเรื่องคุย และคิดว่าการขุดคุ้ยอดีตมาคุยกันมันสร้างความสุขได้ดีที่สุด เพราะจากนี้ไปจะไม่มีอนาคตร่วมกันอีกแล้ว

"เรื่องนี้เล่าเสียงดังไม่ได้ เดี๋ยวใครได้ยิน เอาหูมาใกล้ๆ สิ" เขาทำท่ามีความลับ

ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าอีกมุมหนึ่งของร้าน ฝ้ายเดินนำพลอย นล และเต้เข้ามาอย่างคุ้นเคย พลอยกลั้นหัวเราะจนน้ำตาไหลกับมุขตลกของเต้



"เป็น ไงล่ะ สนุกใช่ไหม ฉันบอกตั้งหลายหนแล้วว่าให้รู้จักเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง กว่าจะยอมมาก็เกือบจะเป็นเจ้าสาวแล้ว นี่ถ้าติดใจก็หมดสิทธิ์แล้วเธอ" ฝ้ายประชดเพื่อน



เต้ออกความเห็น "แต่งแล้วก็เที่ยวได้นี่ครับ ชวนแฟนมาด้วย ใครๆ เขาก็ทำกัน และที่นี่ก็ไม่ค่อยมีเด็กๆ มาเที่ยว เหมาะกับพวกเราออก"

"ไม่รู้หนึ่งเขาจะชอบหรือเปล่า นี่ถ้าเขาไม่ติดนัดอื่นไว้ พลอยต้องดึงเขามาด้วยแน่เลย" พลอยพูดอายๆ

ฝ้ายกวาดสายตามองหาทำเลดีๆ และสะดุดกับภาพชายคู่หนึ่งที่นั่งคุยในลักษณะหน้าแทบจะชนกัน

"นั่นหนึ่งกับคุณรอยนี่"

คำพูดของเธอทำให้ทุกคนหันไปมองทางเดียวกัน พลอยถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นแฟนตัวเองอยู่กับผู้ชายคนที่จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนคนพิเศษของเขา



พลอย ยืนตัวสั่น น้ำตาพาลไหลออกมาอย่างเกินกลั้น แต่ฝ้ายไม่ทันสังเกตจึงโบกไม้โบกมือให้สองหนุ่มที่หันมาเห็นพอดี ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน ทั้งที่เมื่อครู่นี้เจตนาของรอยเพียงขยับตัวเข้าไปฟังความลับจากหนึ่งเท่า นั้น

"โชคดีจริงๆ เจอแฟนเธอที่นี่พอดี คิดว่านัดกับใครเสียอีก ที่แท้ก็คุณรอยนี่เอง... อ้าวพลอยร้องไห้ทำไม?"

ฝ้าย ตกใจที่หันมาเจอเพื่อนร้องไห้ ส่วนนลเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็พอจะเดาได้ สิ่งที่เขาเคยคาดไว้ไม่ผิดจริงๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพัวพันในหมู่คนใกล้ตัวขนาดนี้ มีเพียงเต้คนเดียวที่ไม่แปลกใจเลย เขานึกไว้แล้วว่าทั้งคู่ยังตัดกันไม่ขาด

"เรากลับกันเถอะ" พลอยหันหลัง ทำท่าจะเดินออกไป

ฝ้ายรีบดึงแขนเพื่อนไว้ "มีอะไร?"

"เขาอยู่ด้วยกัน... พลอยทนไม่ได้" เสียงสะอื้นกลบจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

"หมายความว่าคุณรอยนี่ใช่ไหมที่เป็นคู่ขาของหนึ่งที่เธอพูดถึง" ฝ้ายหน้าเสียเช่นกัน ที่หลงไว้ใจเพื่อนบ้านมานาน

"ทุเรศจริงๆ ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าเขาจะเป็นคนวิปริตอย่างนี้" เธอหัวเสีย ทำท่าจะเข้าไปเล่นงานคนคู่นั้นแทนเพื่อน

นลจับแขนแฟนไว้ "อย่าพูดอย่างนั้นสิฝ้าย ยังไงคุณรอยก็เป็นเพื่อนบ้านเรานะ"

"เพื่อน บ้านเป็นเกย์อย่างนี้ฝ้ายไม่อยากได้หรอก ทำไมนลต้องออกรับแทนด้วย หรือสนใจเขาขึ้นมาเหมือนกัน" เธอหันมาหาเรื่องแฟน และยิ่งคิดถึงความผูกพันธ์ที่นลมีให้กับเพื่อนคนนี้เธอก็ยิ่งพาลโมโห

"ไปกันใหญ่แล้ว" เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ขณะเดียวกับที่ผู้ต้องหาทั้งสองตัดสินใจเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

"พลอย มาเที่ยวที่นี่เหรอ" หนึ่งพูดเขินๆ ถึงแน่ใจตัวเองว่าจากนี้จะมีเธอคนเดียว แต่รู้ว่าท่าทางสนิทสนมกับรอยเมื่อครู่ คงทำให้แก้ตัวไม่ขึ้นเท่าใดนัก

"เราเลิกกันดีกว่า" พลอยหุนหันดึงแหวนหมั้นส่งคืน แล้ววิ่งฝ่ากลุ่มนักเที่ยวออกไป ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

"เดี๋ยวสิพลอย" หนึ่งรับแหวนมาถือด้วยอาการสับสน พลอยเขาก็เป็นห่วง แต่จะทิ้งรอยให้อยู่กับฝ้ายที่ท่าทางเอาเรื่องคนเดียว ก็ลำบากใจ

รอยแตะแขนเขา "รีบตามคุณพลอยไปสิ พูดกันให้เข้าใจ ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่"

เขาหันมาบีบไหล่รอยด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะตัดใจวิ่งตามแฟนออกไป

"ทำตัวเป็นนางเอกเชียวนะคะ คุณรอย" ฝ้ายกระแนะกระแหนทันที

"อย่า พูดอย่างนั้นสิฝ้าย ไม่ดีเลย ฝ้ายควรฟังรอยพูดบ้างนะ" นลรีบปราม เขาเกรงใจเพื่อนบ้านเหลือเกิน ถึงวันนี้ความจริงที่เขาเคยคิดไว้จะปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ความรู้สึกเป็นเพื่อนที่เคยมีให้ผู้ชายคนนี้ก็มิได้เปลี่ยนแปลงเลย กลับเพิ่มความสงสารขึ้นด้วยซ้ำ



"ไม่ฟังหรอกค่ะ ฝ้ายไม่อยากสนทนากับพวกคนผิดเพศ กลับเถอะค่ะนล ไปกันเถอะเต้" เธอทำสีหน้าชิงชัง พร้อมฉุดแขนผู้ชายสองคนให้ตามมา

เต้ดึงมือฝ้ายออกอย่างสุภาพ "งั้นพี่ฝ้ายก็คงคุยกับผมไม่ได้หรอกครับ ผมมันก็ผิดเพศเหมือนกัน"

ฝ้ายตาค้าง "อย่ามาล้อเล่นน่า พี่ซีเรียสนะ"

"ผม เป็นจริงๆ ครับ" เขาโอบไหล่รอยซึ่งยืนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนหุ่นที่ไร้จิตใจ "ไปกันเถอะรอย" เต้หันมามองนล ซึ่งได้รับสายตาเป็นกำลังใจว่าเขาทำถูกแล้ว พร้อมบุ้ยใบ้ว่าจะจัดการทางนี้เอง



ชายหนุ่มสองคนจึงพากันเดินออกไปเงียบๆหนึ่งตามมาทันคนรักไม่ไกลจากผับนัก เขาจับแขนพลอยไว้แน่น เพื่อบังคับให้เธอหยุดฟัง

"พลอย! ผมกับรอยไม่มีอะไรกันแล้วจริงๆ วันนี้ผมนัดเขามากินข้าวในฐานะเพื่อน และเล่าเรื่องเราจะแต่งงานให้เขาฟัง"

เธอ เอาแต่ร้องไห้ ทั้งโกรธเขาที่ยังไม่ยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับรอย ทั้งโกรธตัวเองที่ใจเร็วด่วนบอกเลิก พลอยรู้ดีว่าถ้าขาดเขาไป ชีวิตคงขาดความสุขด้วยเช่นกัน



"ผมยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา อาจให้คุณไม่เต็มร้อย อาจจะมีบางมุมที่เป็นความทรงจำที่สวยงามของผม แต่ผมก็พยายามทำมุมนั้นให้เหลือเล็กที่สุด และตั้งใจจะให้คุณใกล้ร้อยมากที่สุด มันคงเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ คุณจะให้ผมลืมทุกสิ่งเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น... รอยเขาเป็นเพื่อนที่ดีของผม และจะเป็นเพื่อนที่ดีของครอบครัวเราด้วย ขอเถอะนะ ให้ผมคบเขาในฐานะเพื่อนต่อเถอะ"

ท่าทางเขาเหน็ดเหนื่อยกับการต้องอธิบายความอึดอัดที่ไม่เคยเปิดใจพูดอย่างนี้มาก่อน

"ตอนนี้เราไม่มีทางเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนอีกแน่นอน เพราะผมรักคุณมากที่สุด เชื่อใจผมเถอะ"

เธอ ยกมือขึ้นปาดน้ำตา นึกโกรธตัวเองที่มองข้ามความทุ่มเทเพื่อเป็นผู้ชายที่ดีของครอบครัว กลับไปสนใจแต่มุมเล็กๆ ที่เขาเคยผิดพลาดมา และคอยเฝ้าดูว่าเมื่อใดที่เขาจะทำผิดซ้ำอีก



พลอยดูผู้ชาย ที่ยืนซึมอยู่ตรงหน้า พลางคิดว่าถ้าไม่รักเธอเขาจะเป็นถึงขนาดนี้หรือ ถ้าความรักคือการให้ เขายังยอมละและเลิกเพื่อเธอตั้งหลายอย่าง แล้วเธอจะให้โอกาสเขาเริ่มต้นใหม่ไม่ได้เชียวหรือ

"พลอยขอโทษ ที่พลอยทำลงไปก็เพราะรักหนึ่งคนเดียว สัญญานะคะว่าหนึ่งจะรักพลอยคนเดียวเหมือนกัน" เธอโผเข้ากอดเขาแน่น ซุกหน้าแนบอกและปล่อยให้น้ำตาไหลมาอย่างกลั้นไม่อยู่

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:02:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดอกไม้ใต้หน้าต่าง ตอน...อวสาน




คุณนพเดินมาหารอยและจ๋า ซึ่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาเห็นลูกชายดูขรึมลงเกือบสัปดาห์แล้ว ทั้งที่เป็นห่วง แต่ถ้ารอยไม่เป็นฝ่ายมาขอคำปรึกษาเอง เขาก็ไม่กล้าก้าวก่าย

"มีจดหมายจากต่างประเทศมาอีกแล้วนะรอย" คุณนพส่งซองจดหมายให้ลูก

"ขอบคุณครับ" รอยรับมันมาดูเผินๆ และวางไว้บนโต๊ะ

"ตอนออก ไปรับจดหมาย เจอหนูฝ้ายเดินเข้าบ้านพอดี พ่อทักแต่เขาทำหน้างอๆ ยังไงก็ไม่รู้ สงสัยอารมณ์ไม่ดีมั้ง" คุณนพเล่าให้ฟังอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเพื่อให้ลูกสนทนากับเพื่อนอย่างสะดวกใจ



"ฝ้าย เขาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ทำยังกับแฟนตัวเองมายุ่งกับเธองั้นแน่ะ" จ๋าพูดด้วยความขัดใจ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นพาลถึงบุพการีของเพื่อน

"เขาคงรักเพื่อนมาก และคิดว่าเราอาจจะยุ่งกับแฟนเขาด้วยน่ะ" รอยพูดปลงๆ

"แล้วนี่คุณนลเขาว่าไงมั่ง"

"เขาก็เสียใจที่มันเกิดเรื่องขึ้น แต่เราพยายามหลบหน้าเขา จะได้ไม่ต้องมีเรื่องเพิ่มอีก"

"น่าเสียดายเนอะ ที่ต้องมาเสียเพื่อนดีๆ ไปอีกคน" จ๋าแสดงความเห็น

"เราคงคบผู้ชายคนไหนเป็นเพื่อนอีกไม่ได้แล้วล่ะ"

"ทุก คนในโลกไม่ได้ใจแคบอย่างพี่ฝ้ายหมดหรอกครับ" เต้ถือถุงใส่ผลไม้เดินเข้ามาพอดี ตอนแรกเขาตั้งใจจะอ้อมไปจัดผลไม้ใส่จานที่ครัวหลังบ้านก่อน แต่พอเห็นจ๋ากับรอยคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น เลยเปลี่ยนใจตรงมาที่นี่แทน

"เราไม่จำเป็นต้องหวังการยอมรับจากคนทุกคน แค่คนที่เราอยากให้เข้าใจ เขาเข้าใจก็พอแล้วนี่ครับ"

"เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีปมด้อยหรอกนะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าผิดจังเลยที่เกิดมาไม่เหมือนคนอื่นเขา" รอยท้อใจ น้ำตาพาลจะไหล

"บ้า จังเลยรอยนี่ เธอบอกฉันเองจำไม่ได้เหรอ ว่าไม่มีใครเลือกเกิดได้ ทุกคนมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ใครไม่เห็นก็ช่างปะไร อย่างน้อยก็ฉันคนหนึ่งที่เข้าใจเธอ" จ๋าไม่อยากให้เพื่อนอ่อนแอ

"พี่นลก็อีกคน เขาบ่นๆ เหมือนกันว่ารอยไม่ยอมคุยกับเขาเลย" เต้ลงนั่งข้างๆ

"ปรึกษา เรื่องพนักงานในบริษัทเธอกันก่อนนะ ฉันเอาผลไม้ไปปอกดีกว่า" จ๋าลุกขึ้นฉวยถุงเดินเข้าไปในครัว เพราะอยากเปิดโอกาสให้ผู้ชายอารมณ์ดีคนนี้ช่วยให้เพื่อนลืมเรื่องเศร้า

"เราไม่อยากให้มีปัญหาน่ะเต้"

"ก็ รู้กันอยู่ว่ารอยไม่ได้คิดอะไรกับพี่นล ทำไมถึงจะคบกันไม่ได้" เต้หัวเสีย นึกโกรธฝ้ายที่ทำให้กลุ่มที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันต้องแตกลง เดี๋ยวนี้รอยเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านยิ่งกว่าเดิม ชวนไปไหนก็ไม่ค่อยยอม ส่วนกับนลถ้าไม่ใช่ที่บริษัท เต้ก็ไม่อยากสุงสิงนัก เพราะไม่ชอบแววตายามที่ฝ้ายมองมา พักนี้เด็กหนุ่มจึงไม่ค่อยสดใสนัก

"หรือสงสัยรอยต้องมีแฟนใหม่เสียก่อน ถึงจะหมดปัญหา" เขาพูดยิ้มๆ

รอย มองหน้าคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอแม้ในยามวิกฤติ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกัน

"อย่าเสียเวลาเลยเต้" เขาตัดสินใจพูด

"เสียเวลาอะไร?" เขาสงสัย

"เต้ เอาเวลาที่จะมาใส่ใจเรา ไปให้คนอื่นที่เขาพร้อมสำหรับเต้มากกว่าเราเถอะ สิ่งที่เต้อยากได้ เราให้ไม่ได้จริงๆ ให้เราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเถอะนะ"

เต้หน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะพยายามฝืนพูดตลก "ก็ใครบอกว่าเราอยากได้มากกว่านั้นล่ะ"

"ก็ดีแล้ว ขอบใจมากนะ ที่ช่วยเรามาตลอด เราจะไม่ลืมเลย"

"ไม่เป็นไรหรอก ที่ทำทุกอย่างเราเต็มใจ... แต่ทำไมต้องพูดอย่างนี้ด้วยล่ะ ทำยังกับว่าจะจากกันไปไหน" เขาหน้าเสีย

คู่สนทนารับคำเพียงสั้นๆ แต่ก็ทำเอาเต้รู้สึกเหมือนโดนดึงความหวังสุดท้ายที่จะทำให้รอยใจอ่อน หลุดลอยไป

เมื่อ ลิฟท์มาหยุดอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงาน รอยจึงก้าวออกมาพร้อมความแปลกใจที่เห็นนลยืนคล้ายรอใครอยู่แถวนั้น และเมื่อเห็นเขา แฟนของฝ้ายก็ตรงเข้ามาหา

"วันนี้กลับด้วยกันนะ"

"ผม.. ผม.." รอยตั้งท่าจะปฏิเสธ

นลผิดหวัง "รอยทำเหมือนเราไม่ใช่เพื่อนกัน"

"ผมเปล่า... แค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นอีกเท่านั้นเอง"

"เต้ ก็อีกคน เดี๋ยวนี้อยู่ที่ทำงานก็เอาแต่ซึม ถามอะไรก็ไม่บอก ตอนนี้เราแบ่งกันเป็นกี่พวกแล้วเนี่ย ช่วยบอกหน่อยสิ ผมจะได้ทำใจว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีเพื่อนเหลืออีกแล้ว" เขาอึดอัดที่บรรยากาศของมิตรภาพแปรเปลี่ยนไป

รอยสงสารเพื่อนบ้านที่แสนดีอยู่ไม่น้อย เลยตัดสินใจยอมไปขึ้นรถกับเขา

"เกิด อะไรกันขึ้นบ้างเนี่ย?" เมื่อขับรถออกมาได้สักพัก นลจึงถามขึ้นหลังจากที่อยู่ในความเงียบกันมานาน "ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตกข่าวอยู่ตลอดเวลา"

"ไม่มีอะไรนี่" รอยทำหน้าตาย

"ผมรู้ว่าฝ้ายทำไม่ถูก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทางทำให้เขาเข้าใจคุณดีขึ้น" นลลำบากใจในฐานะตัวกลางระหว่างความขัดแย้ง

"ไม่เกี่ยวกับคุณฝ้ายหรอกครับ ผมเข้าใจเธอดี เป็นผมก็คงทำอย่างเดียวกัน" เขายังตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

"คุณจะบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ในขณะที่ทั้งคุณ ทั้งเต้ ทำตัวไม่เหมือนก่อนกับผมงั้นเหรอครับ" นลเสียงดังขึ้น

"ผมว่านี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด" เขายังคงสงบ ทั้งที่ใจเสียดายเพื่อนดีๆ อยู่ไม่น้อย

"ดีที่สุดสำหรับใคร?"

"คุณเองก็ได้รับผลดีด้วย ที่ไม่ต้องมาคลุกคลีกับคนสับสนทางเพศ ให้ชีวิตมัวหมองลง" รอยเผลอประชด

นลหัวเสีย "ไหนรอยบอกว่าดอกไม้ทุกดอกมีคุณค่าเหมือนกัน แต่ทำไมคุณกลับดูถูกคุณค่าของ

ตัวเอง"

คำ พูดของเขาทำรอยเกือบน้ำตาไหล ที่มีคนจดจำได้ในสิ่งที่เขาลืมไแล้ว "ผมยังยืนยันว่าดอกไม้ทุกดอกมีคุณค่าเหมือนกัน... พอเถอะ เราเลิกเถียงกันที อีกไม่นานผมก็ไม่อยู่สร้างความลำบากใจให้ใครอีกแล้ว"

"หมายความว่าไง?" นลงุนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย

"ผมจะไปเรียนต่อ"

"ที่ต่างประเทศเหรอ?" รอยพยักหน้ารับ นลจึงพูดต่อด้วยเสียงเศร้า "ผมกับฝ้ายทำให้คุณลำบากใจขนาดนั้นเชียวเหรอ"

"ไม่หรอก ทำไมคุณไม่คิดว่าผมไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่าล่ะ"

"เพราะผมไม่เชื่อน่ะสิ" เขาทำหน้าคิดหนัก เพื่อหาวิธีแก้ไขให้เพื่อนบ้านเปลี่ยนการตัดสินใจ

รอย เห็นเขาเครียดเกินไปเลยรีบอธิบาย "เรื่องของเรื่องคือผมติดต่อที่เรียนไว้ตั้งนานแล้ว พอดีช่วงที่เกิดเรื่องยุ่งๆ มหา'ลัยทางนั้นยังไม่ตอบกลับมา ดีเหมือนกันไม่ต้องหาทางออกให้ลำบาก อยู่ๆ ทางออกก็มาหาเราเอง"

"แน่ใจนะ ว่าพูดเรื่องจริง"

"คุณควรยินดีกับผมด้วยซ้ำที่เศรษฐกิจอย่างนี้ยังมีเงินไปเรียนต่อเมืองนอก" รอยพูดติดตลก

"ถ้ารอยไปถึงแล้ว ส่งที่อยู่มาด้วยนะ ผมจะติดต่อไป?"

"คงไม่ดีหรอก ผมไม่อยากให้คุณมีปัญหา" พูดออกไปเขาก็ใจเสียเหมือนกัน

"นั่นมันเรื่องที่ผมต้องแก้ไขเอง ตกลงนะ"

"ตามใจสิ" รอยโล่งอกที่อย่างน้อยก็ยังไม่เสียเพื่อนคนนี้ไป

รอย ผละออกจากวงสนทนากับพ่อ แม่ จ๋า และเต้ ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เมื่อเห็นหนึ่งกับพลอยซึ่งตอนนี้ได้หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว เดินตรงเข้ามาหา เขากลัวว่าอาจจะมีการพูดจากันในหัวข้อที่ไม่ต้องการให้ผู้ปกครองรับรู้

"เอาผ้าพันคอมาฝากค่ะ เผื่อที่นั่นจะหนาว" พลอยพูดอายๆ พร้อมมอบกล่องของขวัญให้รอย

"พลอย เขาถักเองเลยนะ ทำจนดึกอยู่ตั้งหลายวัน" หนึ่งบอก เขาเองก็ยังประหม่ากับการอยู่พร้อมหน้ากันสามคน ถึงแม้ว่าหลังจากวันเกิดเหตุจะได้พูดจาปรับความเข้าใจกันแล้ว



"ขอบ คุณมากเลยนะครับ เสียดายจังที่ไม่ได้อยู่ร่วมงานแต่ง" รอยรู้สึกเป็นปกติกว่าที่เคยคิดไว้มาก จากนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องมุ่งมั่นคือการศึกษา และไม่ควรปล่อยให้เรื่องอื่นมาทำให้หวั่นไหวอีก

"ไม่เป็นไรหรอก กลับมาค่อยฉลองให้เราก็ได้" หนึ่งพูดยิ้มๆ

"ป่านนั้นคงต้องฉลองวันเกิดลูกหนึ่งแล้วล่ะ" รอยใจหายเหมือนกัน เมื่อพูดถึงความสุขชนิดที่ไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตเขา

"ผมจะส่งของขวัญมาให้นะ" เขาหันไปพูดกับพลอย

"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆ แล้วรีบกลับมาดีกว่า... "

ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความเขินกับสิ่งที่ผ่านมา

"พลอยอยากรู้จักรอยให้มากกว่านี้... ขอโทษนะคะที่เคยคิดไม่ดีกับรอย"

"อย่าพูดถึงมันเลยครับ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้จบไปดีกว่า จากนี้ไปเราจะได้เริ่มวันใหม่ด้วยกันทุกคน"

รอยแตะไหล่หญิงสาวเบาๆ พร้อมยิ้มให้ เขาเต็มใจที่ผู้หญิงอย่างพลอยจะมาดูแลผู้ชายที่เขาเคยรัก

"ไปสวัสดีพ่อแม่รอยก่อนดีกว่า จะได้คุยกับจ๋าด้วย ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว" หนึ่งชักชวน เนื่องจากเห็นทางกลุ่มนั้นมองมาหลายครั้ง

"ไง! หนึ่ง ได้ข่าวว่าใกล้จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วเหรอ ตาแหลมนี่ เลือกแฟนน่ารักเชียว" คุณนพทักทายเสียงดัง เพราะรู้จักกับเพื่อนคนนี้ของลูกชายมานาน

"มีแต่ตารอยนี่แหละที่ไม่ตกร่องปล่องชิ้นกับใครเสียที" คุณนุช พูดแซวลูกชายบ้าง

เต้ แอบมองคนที่ถูกพูดถึง เขารู้ว่ารอยลำบากใจที่พ่อแม่คาดหวังให้มีชีวิตเหมือนผู้ชายทั่วไป และยิ่งนิสัยของรอยเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่น คงยิ่งทำให้รอยเสียใจที่ไม่สามารถให้ความสุขแก่พ่อแม่ในเรื่องนี้ได้ เต้หวังว่าสักวันรอยจะกล้าสารภาพกับพ่อแม่ถึงความแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น และหวังว่าท่านคงเข้าใจ

"ไม่ดีหรือไง เขาจะได้อยู่ดูแลเราจนแก่ไง" คุณนพพูดเหมือนคนที่เห็นสัจธรรมของโลก และรู้จักยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น

"พี่นลมา" เต้ทักขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปสนใจผู้ที่กำลังตรงเข้ามา

รอย ปลีกตัวเดินไปหาเขา ส่วนคนอื่นก็กลับไปสนทนากันต่ออย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะหนึ่งกับจ๋าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ส่วนเต้พยายามฝืนทำท่าสนุกสนานไปด้วย ตามที่สัญญากับรอยไว้ว่าถ้าจะมาส่งต้องไม่ทำหน้าเศร้า

"ขอโทษนะ ที่มาช้าไปหน่อย ฝ้ายเขาไม่สบายเลยมาด้วยไม่ได้"

รอยรู้ว่านลพยายามพูดให้สบายใจ จึงไม่อยากคิดมากเรื่องแฟนเขา "ไม่เป็นไรหรอก นลมาได้ก็ดีแล้ว"

"ผม มีของมาฝาก" นลล้วงของออกจากกระเป๋าเสื้อ ดอกไม้สีม่วงที่ไม่มีใครสนใจ ซึ่งขึ้นอยู่หลังคาบ้าน นลเก็บมาแล้วพยายามจัดให้เป็นช่อเล็กๆ

"โถ! สงสารมัน ไม่น่าเด็ดมาเลย" รอยจำต้นไม้นี้ได้

"มันบอกให้เด็ดเองครับ มันบอกว่าอยากจะไปกับรอย คนที่รู้คุณค่าของมัน"

"ตลก ใหญ่แล้ว" รอยหัวเราะ พร้อมรับมาใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อ "จะเอาไว้ดูเวลาคิดถึงดอกไม้เมืองไทย ขอบคุณมากนะครับ... ขอบคุณที่ช่วยทำให้ผมคิดว่ายังอยู่ร่วมสังคมกับคนอื่นได้"

"ไม่ว่าคนจะแตกต่างกันขนาดไหน ถ้าเปิดใจที่จะยอมรับฟัง เราอยู่ร่วมกันได้เสมอแหละครับ" นลแสดงทัศนะ

รอยน้ำตาซึมเพราะความสุขและความอาวรณ์ที่จะต้องจากหลายคนที่เขารัก "ไว้ถ้าผมเจอต้นไม้สวยๆ ที่นั่น จะส่งเม็ดมาให้คุณนลด้วย"

"ขอบ คุณครับ" นลยื่นมือออกมา รอยจึงจับมือเขาไว้ ทั้งคู่มองกันด้วยแววตาที่เข้าใจว่ามิตรภาพนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะให้ค่า นิยมหรือคำพูดของใครมาทำลาย



นลกดปลายสายยางเพื่อให้น้ำ กระจายเป็นฝอย เขายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกไว้บริเวณหน้าทาวน์เฮาส์ผลิ ดอกออกใบสวยงาม ดอกดวงหลากสีแข่งกันบานอวดความงาม ใบสีเขียวอ่อนแรกผลิก็มีให้เห็นน่าชื่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามหยดน้ำใสเกาะพราว



ระหว่างมองความสดใส ของพืชพันธุ์ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังหน้าต่างชั้นสองของบ้านหลังข้างเคียง ไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้เจ้าของไม่อยู่แล้ว แต่มิตรภาพที่รอยฝากไว้จะอยู่ในใจของเขาเสมอ

แสดงความคิดเห็น

แล้วจาติดตามต่อไปนะครับ  โพสต์ 2011-3-25 10:40

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1323
Zenny
5726
ออนไลน์
507 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-1-2 02:13:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
—LouiS  Dodo—

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
653
Zenny
3218
ออนไลน์
61 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-1-2 02:51:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับชอบมากๆ เยี่ยมเลย ขออีกนะครับ

แสดงความคิดเห็น

ชอบๆๆๆๆ  โพสต์ 2011-3-25 10:40

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
3272
Zenny
8039
ออนไลน์
439 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-1-2 09:06:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณคับที่แบ่งปัน

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
84
พลังน้ำใจ
1731
Zenny
13063
ออนไลน์
172 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-15 19:40:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะคับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
12
พลังน้ำใจ
1553
Zenny
11117
ออนไลน์
439 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-15 23:17:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไม่อยากเป็นกิ็ก

แสดงความคิดเห็น

แล้วอยากเปงรายน๊อ  โพสต์ 2011-3-25 10:36

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
89
Zenny
698
ออนไลน์
16 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-25 10:36:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
182
Zenny
2271
ออนไลน์
24 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-4-2 11:09:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อยากมีเพื่อนข้างบ้านอย่างงี้บ้าง

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
10
พลังน้ำใจ
865
Zenny
1400
ออนไลน์
484 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-4-2 20:22:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
176
Zenny
2359
ออนไลน์
22 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-5-8 04:17:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
32
พลังน้ำใจ
363
Zenny
4738
ออนไลน์
30 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-5-8 11:39:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนนะงับ สะนุกมากๆ

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
286
Zenny
2311
ออนไลน์
51 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-5-18 09:55:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
132
Zenny
1645
ออนไลน์
10 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-5-19 11:03:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เริ่มต้นดีครับ^^

บรรยายได้น่าอ่านด้วย

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
99
Zenny
1832
ออนไลน์
21 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-5-21 10:16:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-21 23:39 , Processed in 0.385915 second(s), 32 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้