C h a p t e r 2 1
❖
ข า ด ใ จ
ทางแยก...
แค่พูดก็ใจเสียแล้ว หากไม่นับวันที่มัมจากเขาไป นี่คงเป็นวันที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิต
อัลฟากำลังสับสนภาวะจิตใจกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวิกฤต ความทรงจำและเหตุผลทุกอย่างโจมตีสมองจนว้าวุ่น
ความตั้งใจตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมากลายเป็นความลังเล เมื่อสิ่งที่เขาต้องการทำลายเป็นคนที่เขา...รัก...
ยิ่งรักมากเท่าไหร่ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น
เขาไม่แน่ใจว่าคำๆ นี้ใช้กับตัวเองได้มั้ยแต่ตอนนี้แค่คิดว่าพี่เอ็กซ์เป็น...ซาไลย์
เขาก็ปวดหัวใจจนแทบร้าวไปหมด
“แอล กู...ออกไปส่งงานนะ” ยูโรเอ่ยเสียงแผ่วหลังจากนั่งมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังโบกมือเอื่อยๆเล่นกับเบต้าอย่างไร้อารมณ์
“...อื้อ” อัลฟาครางตอบรับให้ยูโรถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ
“มึง...พร้อมจะบอกกูรึยัง?” เขาเอ่ยต่อเมื่อเจ้าตัวเล็กส่ายหน้าช้าๆ
“โอเค...แล้วพร้อมคุยกับพี่สเปเชียลมั้ย?”
แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้งแล้วลูบหัวอัลฟาเบาๆเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นครั้งที่สองกับคำถามต่อมา
“แม่กูออกไปทำงานแล้ว อยู่บ้านคนเดียวได้นะ?”
“อยู่ได้ ไปเถอะยูโร” อัลฟาเงยหน้าสบตาแล้วยิ้มอ่อนๆให้ เห็นแบบนั้นก็พยักหน้ารับแล้วลุกออกจากห้องไป
อัลฟาเหลือบตามองนาฬิกา...รอจนเข็มยาวชี้ไปที่เลข12 ก็ลุกขึ้นเดินออกไปหน้าบ้าน ไม่นานนักรถเบนซ์คันคุ้นตาก็มาจอดเทียบพร้อมกับมิเกลที่เดินลงมาเปิดประตูให้
“งั้นผมกลับก่อนนะครับพี่สเปเชียล” หลังจากยูโรไปส่งงานที่มหาลัยแล้วก็แวะเข้าไปหาสเปเชียลที่คอนโด
“พี่ฝากแอลด้วยนะยูโรถ้าแอลพร้อมคุยกับพี่เมื่อไหร่รีบติดต่อพี่เลยนะ”
สเปเชียลเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงกังวลขณะเดินมาส่งยูโรที่ประตูหลังจากนั่งคุยนั่งถามสภาพจิตใจและร่างกายของอัลฟาจนพอใจแล้ว
“ครับ พี่สเปเชียลก็ดูแลตัวเองบ้างนะครับ”
“อืม ขอบใจนะยูโร”
เมื่ออีกฝ่ายหายออกจากห้องไปแล้วสเปเชียลก็เดินกลับมานั่งที่โซฟากับซีด้วยท่าทางเครียดๆ เหมือนตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ท่าทางที่ทำให้ซีเป็นห่วงไม่น้อย
“ไม่เป็นไรนะ ยังไงอัลฟาก็ไม่ได้หายไปไหน” ซีเอ่ยปากยกมือลูบหัวสเปเชียลปลอบโยน
“อืม...ก็ดีกว่าตอนแรก แต่ตอนนี้กูคิดว่าน้องโกรธกู”
“ก็เป็นธรรมดา”
“นี่มึงปลอบกูอยู่ปะวะซี?” สเปเชียลค้อนคนข้างตัวให้วงใหญ่แต่คนถูกประชดทำเพียงยกยิ้มขำ
สเปเชียลขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อยแล้วหันมองซ้ายขวาก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เออ แล้วไอ้ปากเสียนั่นไปไหน”
“อาร์มิน?”
“อืม”
“ออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อเช้า...เห็นบอกอยากจะกลับแดน”
ได้ยินแบบนี้แล้วสเปเชียลก็เผลอเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“หะ? แล้วไอ้โคลนมีปัญหาอะไรนั่นล่ะ”
“เห็นว่าคิวจัดการได้เรียบร้อยดีแล้ว”
“...มันเป็นไงบ้าง” สเปเชียลเอ่ยปากถามหลังจากเงียบไปพักนึงให้สีประหลาดใจ แต่ก็เข้าใจในคำถาม
ได้ไม่ยาก
“ก็นิ่งๆ เหมือนเคย” ซีว่าแล้วยิ้มบาง
“อาร์มินยังเด็ก มีเอ็กซ์เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวมาโดยตลอดจะบอกว่าเป็นต้นแบบก็ว่าได้ ตอนนี้คงสับสน”
สเปเชียลฟังคำซีแล้วก็นิ่งเงียบไปอย่างคนที่มีน้องชายอาร์มินก็เหมือนอัลฟา... เพียงแต่เอ็กซ์ไม่ใช่พี่ชาย
ที่อ่อนโยนแบบเขา และอาร์มินก็ไม่ได้ขี้อ้อนอย่างแอล
“กู...ขอโทษที่ต่อยน้องมึง”
“...” ซีนิ่งไปคิดถึงตอนที่บีบคออาร์มินเพราะความโมโหนั่นเหมือนกัน สเปเชียลไปต่อยอาร์มินก่อน
ไม่แปลกที่ฝ่ายนั้นจะฟิวส์ขาด พวกเขาเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปจริงๆ
แกรก
ไม่ทันได้ต่อคำอะไรต่อเอ็กซ์ก็เปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดจนสเปเชียลต้องเอ่ยถาม
“ไปไหนมาวะเอ็กซ์”
“…อัลฟาล่ะ” เจ้าตัวไม่ตอบคำถามแต่กลับถามสวนไปด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
“ไม่ยอมกลับ ไม่ยอมเจอ...ยูโรบอกว่าสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่น้องคงยังทำใจไม่ได้”
“จะไปบ้านหมอนั่น”
สเปเชียลรีบลุกพรวดขึ้นยืนทันทีที่ได้ยิน
“เดี๋ยว! มึงจะไปทำไม ปล่อยแอลอยู่กับยูโรก่อนเถอะน่า”
“…” เอ็กซ์สะบัดมือสเปเชียลที่เข้ามารั้งแขนเขาไว้ออก
“มึงไปยิ่งจะแย่ลง อยู่ห่างแอลไว้ก่อนดีกว่า”
พอได้ยินแบบนั้น สายตาดุๆ ของเอ็กซ์ก็ตวัดกลับมามองสเปเชียลอย่างไม่พอใจทำเอาเจ้าตัวชะงักกึกไปทันที
และในระหว่างที่เผลอนิ่งค้างอยู่นั้นเอ็กซ์ก็เปิดประตูออกไปแล้ว
“เฮ้ย! เอ็กซ์” สเปเชียลตะโกนเรียกอีกฝ่ายทันทีที่มีสติแต่ก็หยุดขาตัวเองแล้วหันกลับมาทางซี
“มันไม่รู้ที่อยู่ยูโรไม่ใช่เหรอวะ?”
ซียิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้า
“คงจะไม่ได้สังเกตุสินะ แต่...วันนั้นเอ็กซ์ตามไปด้วย”
สเปเชียลเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วรีบหมุนตัวจะออกจากห้อง
“งั้นกูต้องไปห้าม!”
แต่ไม่ทันได้ก้าวไปไหนไกลซีก็เคลื่อนตัวมาคว้าเอวไว้
“อย่าตามเลย”
“แต่แอลกำลังแย่ ให้ต้นเหตุอย่างเอ็กซ์ไปเจอมันก็เหมือนราดน้ำมันลงกองไฟ!”
“เอ็กซ์กำลังจะคลั่งแล้วยิ่งไปห้ามก็เหมือนยิ่งยุ รู้ใช่มั้ยว่าอารมณ์เอ็กซ์แรงแค่ไหน”
สเปเชียลนิ่งคิดไปนิด กัดปากล่างแน่นอย่างกังวล
“งั้น...กูก็ต้องยิ่งไปห้าม”
“เอ็กซ์ไม่ทำอะไรอัลฟาหรอก แต่กับนายไม่แน่”ซีถอนหายใจเล็กน้อยแล้วยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“มันจะทำกูทำไม?”
“ตอนนี้นอกจากอัลฟาแล้ว ถ้าเข้าไปขวางจะใครก็แล้วแต่เอ็กซ์คงไม่เว้น”
ซีพูดเสียงเรียบๆ ให้อีกฝ่ายนิ่งชะงักไปเขาดูจากท่าทางสายตาและบรรยากาศรอบตัวของเอ็กซ์แล้วยิ่งมั่นใจว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังอารมณ์รุนแรงจนใกล้ระเบิดเต็มที
เห็นทีการห่างจากอัลฟาคงจะเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดไม่น้อยสำหรับเอ็กซ์ไปเสียแล้ว
เอ็กซ์มาถึงหน้าบ้านยูโรพอดีกับจังหวะที่เจ้าตัวเดินออกจากบ้านมาพอดี
“อะ...พี่เอ็กซ์” ยูโรชะงักไปทันทีที่เห็นหน้าของคนที่คาดไม่ถึงว่าจะมาถึงบ้าน
“อัลฟาอยู่ไหน?”
“เอ่อ...”
“หลบ”
“เฮ้ย! พี่ใจเย็น อย่าเพิ่งเข้าไป” ยูโรรีบขวางทันทีที่อีกฝ่ายทำท่าจะผลักเขาออกจากทางเดินของตัวเองแล้วรุดเขาบ้านไป
“ถอยไป” เอ็กซ์กดเสียงนิ่ง แล้วจ้องตากับยูโรอย่างหงุดหงิด
สายตาที่ทำยูโรลอบกลืนน้ำลาย “พี่ใจเย็น แอลไม่อยู่”
“จะไม่อยู่ได้ยังไง?!” คำที่เอ็กซ์คิดว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกทำให้เขาเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีขึ้นทุกขณะ
ไม่อยู่จริงๆ พอผมกลับมาก็ไม่อยู่ในห้องแล้วนี่ก็กำลังจะออกไปหา”
“ถอย!”
“เฮ้ยพี่! ใจเย็นดิวะ!”
“อึก...อื้อ!”
ด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิดตามกันมาของยูโรทำเอ็กซ์โมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
มือหนายกขึ้นบีบเข้าที่ช่วงคอของยูโรอย่างแรงจนเจ้าตัวจุก ไอออกมาอย่างขัดเคืองในคอ แล้วพยายามอ้าปากสูดออกซิเจน
มือทั้ง 2 ข้างยกขึ้นพยายามแกะมือที่เกาะกุมรอบคอตัวเองอยู่อย่างทุลักทุเล
ในระหว่างนั้นอัลฟาเองกำลังนั่งรถกลับมาร้านกาแฟใกล้ๆหมู่บ้านกับไคลด์ มิเกลหักพวงมาลัยเข้าซอยดูจากระยะทางแล้วคิดว่าอีกไม่กี่นาทีคงถึงที่หมาย ไคลด์ที่กดส่งข้อความทางแลปท็อปบนตักอยู่สักพักก็วางมือแล้วหันมาทางอัลฟา
“ฉันมีข่าวน่าตกใจล่าสุดมาบอกเธอ” เขาพูดเสียงเรียบๆ แต่แววตากลับประกายความยินดีฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด
ทำให้อัลฟาต้องเอ่ยถามอย่างสนใจ
“อะไรเหรอครับ?”
“เกี่ยวกับพี่ชายของเธอ”
“พี่ชาย?”
มิสเตอร์ไคลด์หันหน้ามาสบตากับอัลฟามีรอยยิ้มจุดอยู่ที่มุมปากเล็กน้อยอย่างพอใจ
“วันก่อนที่ฉันให้คนตามเรื่ององค์กร SPBS กับข่าวประหลาดเมื่อช่วงปีก่อนของกลุ่มค้าเด็กที่มีปัญหาและที่สำคัญองค์กรล่าซาไลย์ในไทยที่ก่อขึ้นได้ไม่นานก็สลายตัวไปอย่างไร้เหตุผลทั้งยังมีข่าววงในเล็ดลอดมาว่าถูกไวรัสลึกลับคร่าชีวิตไปทั้งองค์กรโดยไม่เหลือร่องรอยหลักฐานใดๆในร่างกายนอกจากอวัยวะภายในทุกส่วนหยุดทำงานไปอย่างไร้เหตุผลนั่น…ได้เรื่องแล้ว”
อัลฟาพยักหน้าและพยายามรับข้อมูลทั้งหมดเข้าสมองให้ได้มากที่สุด
“ว่ายังไงบ้างเหรอครับ?”
“ฉันมีโอกาสได้ไปเจอกับคนขององค์กรที่เผอิญรอดชีวิตมาจากเหตุการ์ณครั้งนั้นแม้จะยากสักหน่อยแต่ก็ยอมปริปากพูดจนได้”
มิเกลลอบถอนหายใจเมื่อเจ้านายของเขาพูดถึงเหยื่อเคราะห์ร้ายที่ตัวสั่นไม่ยอมเอ่ยปากถึงเหตุการณ์ที่ดูจะทำให้เจ้าตัวขวัญเสียไปมาก ซ้ำร้ายยังมาเจอการทรมาณบังคับให้พูดแบบนั้นแล้วยิ่งน่าสงสาร
“ได้ความว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นฝีมือของซาไลย์...ซาไลย์ที่อยู่กับเป้าหมายใหญ่สุดสำคัญขององค์กร”
“เป้าหมายใหญ่สุดสำคัญ?” อัลฟาทวนคำอย่างสงสัยคิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ใช่ ความลับสุดยอดที่องค์กรสืบค้นมาได้คือเด็กผู้ชายที่ได้รับเซรุ่มพิเศษในการปรับสภาพโลหิตให้รับความพิเศษของเลือดซาไลย์ได้”
“อะ…ไม่จริง” อัลฟานิ่งฟังไปจนจบแล้วก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย เอ่ยคำเสียงแผ่ว
นั่นทำให้คนพูดยกยิ้มอย่างปรีดาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
“พี่ชายของเธอ…สเปเชียล”
“ไม่ครับ!”
คำปฏิเสธถูกเอ่ยออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าปกติของเจ้าตัว และนั่นทำรอยยิ้มเล็กๆ เลือนหายไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย
“ผมไม่มีวันทำร้ายพี่สเปเชียล!”
“...”
เป็นชั่วขณะที่เขาเห็นสายตาดุดันของมิสเตอร์ไคลด์ แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น คนตรงหน้าก็กลับมายกยิ้มน้อยๆเหมือนเดิมแล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ใจเย็นๆ อัลฟาเราต้องการเลือดของสเปเชียลเพื่อทำลายพวกมัน เธอไม่อยากล้างเผ่าพันธุ์พวกมันหรือไง
เธออยากให้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างพวกนั้นเที่ยวปลิดชีพหรือคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างลอว์เรนอีกหรือ”
พอได้ยินชื่อของแม่อัลฟาก็ชะงัก
“ฉันสัญญา ฉันจะไม่ทำให้พี่ชายของเธอเป็นอันตรายจะไม่ทำให้เขาเจ็บ ขอแค่เลือดหลอดเดียวเท่านั้น”
“…”
“แค่เพียงเลือดจำนวนเล็กน้อยของสเปเชียลกับร่างกายของซาไลย์ตัวนั้น…เพียงแค่นั้น” ไคลด์กล่าวน้ำเสียงหลอกล่อขยับยกมือลูบหัวอัลฟาเบาๆ
“ฉันจะทำลายพวกมันให้เธอ…ทั้งหมด”
อัลฟานิ่งไปกับคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะกำหมัดแน่น
“ผมไม่มีวันให้คนในครอบครัวผมมาเกี่ยว”
“เธออยากให้โลกตกเป็นของสิ่งมีชีวิตพันธุ์นั้นรึไง!เธอก็เห็นศพพวกนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ!”
และนั่นคงทำให้ไคลด์หมดความอดทนในการพูดจากล่อมอย่างอ่อนโยนและหลุดตะคอกไปแรงๆ
ให้อัลฟาผละตัวออกหมุ่นคิ้วมองอย่างไม่พอใจ
“มันไม่ใช่ตอนนี้!ผมบอกมิสเตอร์ไคลด์แล้วว่าผมยังไม่พร้อม!”
“เธอจะรออะไรอีก! ที่ผ่านมามันยังไม่นานพอรึไง!”
ในวินาทีที่กำลังสับสนเสียใจอัลฟาไม่อาจตัดสินใจทำอะไรได้อีก ตอนนี้เขามีคำถามเยอะแยะมากมากในหัว
สิ่งที่เขาสัมผัสจากเอ็กซ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้บางอย่างข้างในใจเขามันคอยบอกอยู่เสมอว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันขัดแย้งกัน
เขาต้องการเวลามากกว่านี้
และท่าทางที่เริ่มพยศของอัลฟานั้นทำให้ไคลด์ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ในระหว่างนั้นรถก็เคลื่อนตัวจนเข้าใกล้ตัวบ้านยูโรขึ้นทุกที
“นั่นอะไรน่ะครับ”
มิเกลเอ่ยถามเสียงเครียด ทำให้ 2 คนที่นั่งอยู่เบาะหลังเงยหน้าขึ้นมองไปที่กระจกด้านหน้า แต่แล้วเจ้าตัวเล็ก
ก็เบิกตากว้าง ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น
“ยูโร!? นั่นพี่เอ็กช์กับยูโร”พี่เอ็กซ์บีบคอยูโร!
“เอ็กซ์...” ไคลด์เอ่ยทวนชื่อที่ได้ยินไม่นานก็ยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ
ซาไลย์ที่ว่านั่นสินะ
“จอดรถ” เมื่อสิ้นคำสั่งเจ้านายมิเกลก็หยุดรถทันที
พอล้อหยุดหมุนอัลฟาก็เปิดประตูพรวดลงจากรถให้คนที่กำลังบีบคอเพื่อนสนิทอยู่หันมามองแล้วปล่อยมือ
ทำท่าจะก้าวเข้ามาหา แต่อัลฟาขมวดคิ้วกัดฟันกรอดโมโหกับภาพที่เห็นเมื่อครู่
ยูโรที่เป็นอิสระกะทันหันล้มตัวลงที่พื้นหายใจหอบหนักอย่างคนขาดอากาศมือ 2 ข้างกุมอยู่ที่คอตัวเอง
ไหล่สั่นไหวอย่างคนตระหนก อัลฟาเหลือบตามองยูโรแล้วตวัดตากลับมาที่เอ็กซ์อย่างรวดเร็ว
ซาไลย์ทำร้ายมนุษย์…พี่เอ็กซ์จะฆ่ายูโร
“อัลฟา” เอ็กซ์เอ่ยเรียกชื่อเจ้าแมวที่ตามหาอยู่แล้วก้าวเข้าหาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าตัวเล็กของเขาตะโกนเรียกกร้าว
“อย่าเข้ามา!” นัยน์ตา 2 สีจ้องเขม็งมาในดวงตาเขาด้วยความโทสะ สายตาที่เอ็กซ์ไม่เคยได้เห็น
ท่าทางของอัลฟาทำให้ไคลด์ที่ตามลงจากรถมายกยิ้มอย่างพอใจ...รอยยิ้มชวนขนลุก
“อัลฟา…” น้ำเสียงที่อ่อนลงหลุดออกจากปากเอ็กซ์แต่ไม่ได้ทำให้สายตารุนแรงของอัลฟาลดน้อยลงตามเลย
และในจังหวะที่กำลังไม่เข้าใจเขาก็มีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่
“อึก!” ความเจ็บแปลบแล่นเข้าที่สมองจนต้องทรุดตัวลงจนเข่าสัมผัสพื้นอย่างแรง
เอ็กซ์เบิกตากว้าง เหงื่อแตกพลั่ก นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เขายกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกหัวจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
อาการแบบนี้คืออะไร?!