C h a p t e r 2 4
❖
โ ห ย ห า
อัตราการเต้นของหัวใจแปรผกผันกับระยะทางในการเดิน ยิ่งโถงทางเดินยาวเท่าไหร่เสียงหัวใจของอัลฟาก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น ใจนึงก็อยากจะรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วๆ แต่อีกใจก็อยากจะเปลี่ยนความคิดหมุนตัวกลับห้องรับรองไปเสียเดี๋ยวนี้
แต่สุดท้ายก็มายืนอยู่หน้าประตูจนได้…
“ผมกับคนดูแลจะรออยู่นอกห้องถ้าคุณอัลฟาเสร็จธุระแล้วก็ออกมานะครับ”
เมื่อถึงหน้าห้องคุมขังมิเกลก็เอ่ยปากพลางสแกนม่านตาและตามขั้นตอนอย่างที่ทำเมื่อวาน
“แล้วมิสเตอร์ไคลด์ล่ะครับ”
อัลฟามองซ้ายมองขวาแล้วก็ไม่พบอะไรนอกจากทางเดินยาวๆที่นำเขามาสู่ที่ยืนอยู่ ณ ปัจจุบัน ผังแปลน ของที่นี่แปลกๆเข้าใจยากมองภาพรวมไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง
“คุณไคลด์กำลังยุ่งครับช่วงวันสองวันนี้คงจะไม่ค่อยได้เจอนัก”
อัลฟานิ่งเงียบไปกับคำตอบของอีกฝ่าย...เขาไม่อยากจะรับรู้เรื่องอะไรทั้งนั้นในตอนนี้
“ผมคงให้คุณอัลฟาเข้าไปในเขตกำแพงไม่ได้อยู่ได้แค่ข้างนอกนะครับ”
“เขตกำแพง?”
“ครับ เราสร้างเขตกำแพงกระจกพิเศษกั้นไว้แต่ตอนที่คุณอัลฟาเข้าไปผมจะปิดม่านเลเซอร์ให้ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ...ของคุณ”
มิเกลเว้นช่วงไปนิดก่อนจะเอ่ยต่อเพราะเขาคิดว่าม่านเลเซอร์นั่นถ้าจะเป็นภัยก็คงจะเป็นกับมนุษย์อย่างพวกเขาเสียมากกว่า และนั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“แล้วอีกอย่าง”
“ครับ” อัลฟาเงยหน้ามองมิเกลอีกครั้งแล้วรอฟัง
“รบกวนคุณอัลฟาพยายาม…อย่าทำให้เขาคลั่ง”มิเกลหรี่ตา “ในห้องติดตั้งปืนยาสลบหลายจุดมันจะทำงานทันทีเมื่อผมคิดว่าจำเป็น”
“…”
“เขาได้รับไปแล้วในปริมาณหนึ่งตอนที่จับตัวเขามาที่นี่ผมเกรงว่าไม่ควรได้รับติดต่อกันในเวลาใกล้ๆ”
คำที่ทำให้เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วไม่ปล่อยสีหน้าเจ็บปวดจนมิเกลสังเกตุเห็น
“ผมคิดว่าพี่มิเกลไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอกครับ”
มิเกลนิ่งไปกับสายตาแบบนั้นของอีกฝ่าย
“เมื่อจำเป็นครับ”
อัลฟามองหน้ามิเกลอยู่แบบนั้นแล้วพยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเถอะครับ”
อัลฟาพยักหน้ารับอีกครั้งแล้วเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องสวนกับคนดูแลที่เรียงแถวกันออกมา
เขามองไปที่กลางห้องในกรอบกระจกนั่นเขาเห็นบุคคลที่มีแผ่นหลังที่คุ้นเคยนั่งอยู่
ไม่ต้องรอให้เดินไปถึง ไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยปากทักไม่ต้องรอให้เวลามันผ่านไปนานกว่าที่เป็นสักเสี้ยววิ
ใบหน้าที่ทำให้หัวใจเขาสั่นกระตุกก็หันขวับมาทันทีนัยน์ตาที่แสดงออกถึงความห่วงหาถูกส่งมาทันทีที่สบตากัน สายตานั่นทำอัลฟากลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบากเขากัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความกระอักกระอ่วน
ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากจะพบหน้าพี่เอ็กซ์ตอนนี้เขาไม่พร้อมจะพูดคุยหรือสื่อสารอะไร ไม่พร้อมจะรับความรู้สึกอะไรอีกทั้งสิ้น
แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ร่างกายเขามันร่ำๆ จะมาหาคนตรงหน้าตลอดเวลา คราวที่เจอกันเมื่อวานความโมโหบดบังทุกสิ่งภาพเอ็กซ์บีบคอยูโรไปกระตุ้นอัลฟาเข้า สัญชาตญานนั้นทำให้เขาตาบอด
แต่วินาทีที่ได้สบตาคู่สีเงินดุดันนี้ทำให้ใจที่เจ็บปวดมาหลายวันบรรเทาอาการลงได้ทันที หรือในทำนองเดียวกันก็เหมือนว่าอาการทุรนทุรายในอกจะทวีความรุนแรงขึ้น
คิดถึง
อยากกอด
อยากสัมผัส
โหยหา...
“...อัลฟา”
เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวโยนเมื่อปากหยักเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนที่ฟังแล้วโรยแรงออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียงที่ทำเขาน้ำตารื้นขึ้นมาทันทีเขาหลอกตัวเองมาตลอด...หลอกมาหลายวันจนถึงตอนนี้ หลอกว่าเจ้าของนัยน์ตาสีเงินเจ้าของแผ่นอกอบอุ่น เจ้าของน้ำเสียงทุ้มดุ เจ้าของทุกอย่างที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ...ไม่ใช่สิ่งที่เขาขาดไป เพราะทุกอย่างที่เห็นอยู่นี่เขาต้องเกลียด ต้องต่อต้าน และต้องอยากทำลาย
ความจริงมันต้องเป็นอย่างนั้น...
แต่ไม่รู้ว่าทำไมรู้ตัวอีกทีขาเขาก็พาตัวเองมายืนอยู่จนเกือบจะฝังร่างเข้าไปในกำแพงกระจกที่ดูแข็งแรง หนาเป็นไม้บรรทัดแบบนี้
และไม่รู้ว่าทำไมมือทั้ง 2 ข้างถึงสั่นระริกยามเอื้อมไปนาบกับกำแพงสีใสตรงหน้า
น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่นานหยดลงไหลอาบแก้มเมื่อฝ่ามือใหญ่ของคนด้านในยกขึ้นมาทาบตรงตำแหน่งที่มือของเขาแปะอยู่
และเกือบทำให้เขาชักมือกลับเพราะความตกใจแม้จะมีอะไรกั้น แม้จะไม่ได้สัมผัสถึงผิวเนื้อหรืออุณหภูมิร่างกาย แต่ความอบอุ่นนั้นเหมือนมันจะส่งผ่านมาถึงเขาอุ้งมือใหญ่นั่นเหมือนกำลังกอบกุมมือเขาอยู่
จนเขาเผลอตัวกดแรงมือให้แนบสนิทมากกว่าเดิม
ถึงตอนนี้น้ำตาที่กลั้นไว้อย่างสุดความสามารถตั้งแค่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องนี้ก็ไหลพรากลงมาเสียแล้ว
ปริมาณน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ที่ขอบตาทำให้ภาพตรงหน้าเบลอไม่น้อย หากแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน...
สายตาที่เคยดุร้ายของพี่เอ็กซ์อ่อนลงจนน่าใจหาย สายตาที่เขาเคยมองแล้วอบอุ่นในวันวานบัดนี้กลับทำให้เจ็บร้าวบริเวณหัวใจจนทรมาณไปหมด เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบขยี้แล้วพยายามกระชากออกจากอก
หรือตอนนี้เขาเองจะสูญเสียมันไปแล้ว...สูญเสียไปตั้งแต่แรก
สูญเสีย...หัวใจ
ระหว่างที่กำลังคิดและสบสายตากับอีกฝ่ายอยู่นั้นเปลือกตาสีอ่อนก็ปิดลงซ่อนดวงตาเงินวาวไว้ภายใต้เนื้อห่อหุ้ม อัลฟามองแพขนตาที่สั่นนิดๆ ของคนตรงหน้าแล้วกลั้นสะอื้น
“อย่าร้อง...ถ้าพี่เช็ดน้ำตาให้ไม่ได้”
อัลฟาเบิกตากว้าง นัยน์ตา 2 สีจับจ้องคนที่ยังคงพูดทั้งหลับตา
ถ้อยคำอ่อนโยนที่ใช้น้ำเสียงแบบที่เขาเองไม่เคยได้ยินทั้งยังสรรพนามแปลกหูที่อีกฝ่ายไม่เคยใช้แทนตัว
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำเขาน้ำตาพรากยิ่งกว่าเก่าแม้ที่ผ่านมาพี่เอ็กซ์จะอบอุ่น แต่ก็แสดงออกเพียงการกระทำ สีหน้าท่าทางและคำพูดทั้งหมดล้วนเป็นตัวเองอย่างปฏิเสธไม่ได้หากวันนี้สิ่งเหล่านั้นกลับอันตธานหายไป ผู้ชายที่ดูเย็นชาดุดันแฝงความอบอุ่นคนนั้น...บัดนี้กลับดูอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง...
เพียงเพราะเขา…ทั้งหมดมีเขาเป็นเหตุผล?
“...”
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เขายอมคลายแรงที่กัดริมฝีปากล่างออกเพื่อเอื้อนเอ่ยถ้อยคำตอบกลับไปแม้สักนิด
อัลฟายังคงกลั้นสะอื้นจนไหล่สั่น คิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากันอย่างอดทน มือที่กางนาบกระจกอยู่ค่อยๆ กำเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็ถอยออกมาพลางทิ้งมือลงแนบตัว
เป็นจังหวะเดียวกับที่เอ็กซ์ลืมตาขึ้นเขาได้ยินเสียงลมหายใจที่ไกลออกไปกว่าเดิม ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ถอยหนีได้ยินแม้กระทั่งเสียงสะอื้นและแรงกัดฟันจากเจ้าแมวที่คุ้นตา แม้สายตาจะเปลี่ยนไปจากที่เคยเห็น...
แต่คนตรงหน้าก็ยังคงเป็นเจ้าแมวตัวเดิมที่ซุกอยู่ที่อกเขาทุกคืน เอ็กซ์นึกรำคาญกำแพงกระจกเปราะๆ ตรงหน้ามากกว่าที่เคยรู้สึก... ตั้งแต่ที่มีอีกฝ่ายยืนอยู่ข้างนอก
เขาอยากจะทำลายมันซะแล้วรุดตัวเข้าไปกอดร่างเล็กๆนั่นแนบอกให้แน่นที่สุด ให้ฝังลงไปในร่างเขาจนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก แต่หากทำแบบนั้นคงเป็นการเร่งให้อัลฟาหายไปเร็วกว่าที่เป็น
“...อัลฟา”
และการเรียกชื่อเจ้าตัวซ้ำๆ คงเป็นอย่างเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้แม้ว่าเจ้าของชื่อจะไม่ได้เอ่ยปากตอบรับอะไร
“พี่ขอร้อง...”
เสียงอ่อนเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาแต่ดังก้องในโสตประสาทเหมือนถูกเหวี่ยงไปมาในสมอง มันดังขึ้นซ้ำๆ ราวกับจะตอกย้ำให้รู้สึกปวดข้างในมากขึ้นกว่าที่เป็น
“...”
อัลฟากลั้นใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะรีบเบนสายตาหนีแล้วเตรียมหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง โดยไม่สนใจเสียงเรียกชื่อที่ดังไล่หลังมาของเอ็กซ์ แต่ไม่ทันได้จับลูกบิดประตูก็เปิดออกทำให้ตัวบานกระแทกเข้าที่ไหล่เล็กไม่เบานัก
“โอ้ย!”
“คุณอัลฟา!” มิเกลรีบรุดเข้าคว้าตัวอัลฟาไว้ก่อนจะล้มลงไปกองที่พื้น “ขอโทษทีครับ ผมไม่รู้ว่าคุณจะอยู่ตรงนี้”
“ไม่เป็นไรครับพี่มิเกล”
มือหนาเกาะกุมอยู่เอวของเจ้าตัวเล็กอย่างที่คนจะล้มก็ใช้มือยึดแขนอีกฝ่ายไว้ให้เป็นหลัก
ปึง!
วินาทีที่อัลฟากำลังเอ่ยปากขอบคุณและระหว่างที่อีกฝ่ายเปิดแขนเสื้อเพื่อดูความช้ำบริเวณไหล่คนทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งตัวโยนเมื่อมีเสียงดังสนั่นมาจากด้านหลัง
พอตั้งสติได้แล้วหันไปดูก็พบกับสายตาดุๆ ของเอ็กซ์จ้องมาเขม็ง กำปั้นหนายังคงค้างอยู่ที่กำแพงกระจก
แรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อคนดูแลที่เฝ้าอยู่ภายนอกวิ่งเข้ามาในห้องกันเกือบหมด ม่านเลเซอร์รอบกำแพงทำงานทันที แสงสีแดงวาบขึ้นทั่วห้องจนต้องหรี่ตามิเกลเลื่อนมือขึ้นจับปุ่มควบคุมบริเวณหน้าอกอย่างรวดเร็ว เขามองอีกฝ่ายหยั่งเชิงสถานการณ์แต่ก่อนจะได้กดมันเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นได้จังหวะพอดี
เขายกมือรั้งคนดูแลด้านหลังไว้ไม่ให้เข้าไปประคองอัลฟาขึ้นยืน แต่ตายังคงจับจ้องที่คนด้านหลังกำแพงกระจกใสแล้วกดรับสายโทรศัพท์
“ครับคุณไคลด์...ครับ ไม่มีอะไรครับ ทุกอย่างปกติครับผม ได้ครับ ครับ”
มิเกลพูดโทรศัพท์ไม่นานก็เก็บเข้ากระเป๋าไปตามเดิมแรงสั่นสะเทือนกับเสียงดังลั่นเมื่อครู่ได้ยินไปถึงห้องของเจ้านายเขา
มิเกลเหลือบตามองเจ้าของนัยน์ตาดุดันที่ยังจ้องเขม็งมาไม่วางตาแล้วก็ถอนหายใจ เมื่อฝ่ายนั้นไม่ได้มีท่าทางจะอาละวาดอะไรต่อเขาเอามือลงจากบริเวณปุ่มควบคุมอย่างโล่งอก...เกือบไปแล้ว
“คุณอัลฟากลับห้องก่อนเถอะครับ”
มิเกลว่าแล้วถอยห่างจากตัวอัลฟาเล็กน้อย เหลือบตามองไปทางซาไลย์ที่เพิ่งระเบิดอารมณ์เมื่อครู่ด้วยสายตาที่แสดงออกถึงการรับรู้ อยู่ๆ อาละวาดแบบนั้นเพราะอะไรทำไมเขาจะไม่เข้าใจ
เมื่อเห็นอัลฟาที่ยังลังเลเมื่อครู่ยอมเดินออกไปแต่โดยดีเขาก็กวาดสายตามองไปรอบห้องก่อนจะกำชับลูกน้องให้ดูแลให้ดีแล้วหายออกจากห้องตามอัลฟาไป
ทางด้านซาไลย์ที่เผลอลืมตัวคลั่งไปเมื่อครู่ก็พยายามกดอารมณ์โทสะของตัวเองให้คลายลง เขามองเจ้าแมวตัวเล็กเดินออกไปจากสายตาเงียบๆ เอ็กซ์ระบายลมหายใจออกแรงๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เตียง เขาพยายามสงบอารมณ์ตอนนี้เขาต้องมีสติให้มากๆ
เพราะเขาไม่มีวันออกไปจากที่นี่โดยไม่มีอัลฟาไปด้วยแน่ๆ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊
เหม่อลอย...ไร้จุดหมาย...
อาการของคนตรงหน้าที่สวนทางกับสถานการณ์ที่กำลังเข้าสู่ช่วงบีบบังคับ นี่มันไม่ใช่เวลามาปล่อยเวลาให้สูญเปล่าสักนิด...
ยูโรคิดกระวนกระวายในใจตั้งแต่ตื่นมาเจอเพื่อนตัวเล็กของเขาที่นั่งงับขนมปังครึ่งแผ่นมาเป็นชั่วโมงแบบไร้วิญญาณอยู่นั่น นี่ก็ผ่านไป 2 วันแล้วอุปกรณ์ครบเมื่อไหร่หายนะเกิดแน่ๆ
“แอล”
อัลฟาเงยหน้ามองยูโรแบบที่คนทักก็แอบประหลาดใจว่าเจ้าตัวไม่ได้กำลังเหม่ออย่างที่คิด
“ถามจริงนะ” เขาเอ่ยปากต่อเมื่อเห็นอัลฟาพยักหน้า “มึงอยากให้พี่เอ็กซ์ตายจริงๆ เหรอ”
จบคำน้ำตาหยดโตก็กลิ้งลงจากขอบตาเจ้าตัวเล็กนัยน์ตาที่มีน้ำคลอตลอดเวลา และแดงก่ำจนน่ากลัว
สีหน้าที่เป็นมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ยูโรชะงักไปนิดแล้วถอนหายใจก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าส่งให้
“ขนาดนี้แล้วมึงยังไม่รู้ตัวเองอีกเหรอวะ”
“ต่อให้แอลรู้แล้วยังไง ต่อให้แอลรักแล้วยังไง”อัลฟากัดฟัน “แอลก็มีสิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดเหมือนกันแอลมีสิ่งที่แอลตั้งใจไว้ แล้วมาวันนี้ก็มีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้น จะให้แอลทำยังไง!”
ยูโรเม้มปากในวินาทีที่อัลฟาเงยหน้าขึ้นมองตาเขาไวๆนัยน์ตา 2 สีนั้นสั่นระริกเหมือนปวดร้าว
เจ้าตัวเล็กตะโกนอย่างคนสติแตกแล้วชะงักไปก่อนจะพึมพำแผ่วเบา
“แอลรักสิ่งที่ฆ่ามัม…แอล...ฮึก”
อัลฟาหยุดคำพูดกะทันหันเมื่อเริ่มทนแรงสะอื้นไม่ไหวเจ้าตัวซุกหน้าลงกับเข่า ไหล่เล็กๆ สั่นเหมือนกำลังอดทน
ความจริงแล้วอัลฟาเองก็กำลังปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างที่ไม่ต้องการจะดิ้นรนอย่างที่ใจคิด
แต่คนข้างๆ อย่างยูโรกลับเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งอัลฟาเฉยชาและปล่อยทุกอย่างไหลไปตามกลไกของเวลาอย่างนี้
เพราะหากเป็นแบบนี้ต่อไปสุดท้ายผลลัพธ์ในรูปแบบที่เขาคาดคะเนไว้มันจะเกิดขึ้นจริง
ซึ่งคนที่เสียใจที่สุดคงไม่พ้นตัวอัลฟาเอง... เพราะไม่ว่าคนหรือซาไลย์...
หากสิ้นใจแล้วย่อมไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้
ยูโรมองเบต้าที่เดินมาวนเวียนอยู่ใกล้ไม่ห่างมาตั้งแต่ตื่นมาเห็นเหมือนเจ้าหุ่นยนต์สุนัขตัวน้อยจะมีท่าทางแปลกๆตั้งแต่เมื่อวาน
ยิ่งตอนนี้ไม่ยอมห่างจากอัลฟาเลยสักนิดเขาลูบหัวเบต้าแล้วอุ้มขึ้นมาวางที่โซฟาตัวที่ว่างข้างๆ
“...แอล” ยูโรลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งที่พนักวางแขนข้างๆอัลฟา “ฟังกูหน่อยได้มั้ย? ถ้ามึงไม่เห็นด้วยหรืออะไรก็ไม่ต้องสนใจขอแค่ให้มึงลองฟังดูสักครั้ง”
เมื่อเห็นอัลฟายังคงนิ่งเฉยเขาก็เอื้อมมือไปโอบให้อัลฟาเอนหัวมาที่อกขยับลงไปนั่งแทนที่แล้วดึงให้เพื่อนตัวเล็กขึ้นมานั่งตัก ลูบผมสีอ่อนอย่างเบามือ พยายามใช้ความรู้สึกที่มีปลอบประโลมจิตใจอัลฟาให้ได้มากที่สุด
“กูรู้ว่ามึงสับสน...กูรู้ว่ามึงกำลังเจ็บปวดและกูก็รู้ว่ามึงรักคุณลอว์เรนมาก”
พอยูโรเอ่ยชื่อแม่ขึ้นมา อัลฟาก็กำมือแน่นซุกหน้าลงที่เสื้อยูโร ให้คนพูดกอดร่างเล็กๆ แน่นขึ้นอีก พลางกระซิบถ้อยคำข้างหู เหมือนจะให้รู้กันอยู่แค่ 2 คน
“แต่มึงฟังกูนะแอล...คุณลอว์เรนก็รักมึงมากรักมากเท่าที่ชีวิตคนคนนึงจะรักได้คุณลอว์เรนฝากกูให้ดูแลมึงมาเสมอตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วกูเอาหัวเป็นประกันว่าคุณลอว์เรนไม่มีวันต้องการให้มึงร้องไห้หรือเสียใจอะไรทั้งนั้นไม่ว่าสิ่งที่มึงทำจะถูกหรือผิดแค่ไหน ความสุขของมึงย่อมสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดต่อให้มึงสามารถรักษาโลกทั้งใบไว้ได้ ต่อให้มึงช่วยมนุษย์ได้อีกสักกี่ร้อยกี่พันคนแต่ถ้ามันทำให้มึงต้องจมอยู่กับน้ำตาไปทั้งชีวิต มันก็ไม่ได้ทำให้คุณลอว์เรนเขาตายตาหลับ”
ยูโรกดจูบลงที่หน้าผากอัลฟาเบาๆ
“กูจะบอกในสิ่งที่มึงรู้อยู่แล้ว และมึงก็รู้ดีแต่ไม่ยอมรับมันสักที”
อัลฟาเม้มปากแน่นรอฟังในสิ่งที่ยูโรกำลังจะพูด
“ไม่ว่าพี่เอ็กซ์จะเป็นอะไรแต่กูโคตรมั่นใจว่าเขารักมึงมาก รักมึงอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาไม่มีวันทำในสิ่งที่มึงไม่ชอบใจ”
นัยน์ตา 2 สีเงยขึ้นมาสบอย่างที่คนกำลังพูดก็ประสานสายตาตอบอย่างแน่วแน่
“เขาไม่มีวันต้องการให้มึงเสียใจ”
“...”
“ไม่เคยมีใครต้องการทำให้มึงเจ็บปวด...เพราะฉะนั้นกูขอร้อง”
และเสียงสั่นๆ ที่เอื้อนเอ่ยประโยคถัดไปของยูโรทำอัลฟาร้องไห้อย่างไม่อาจกลั้น
“มึงอย่าเลือกที่จะทำร้ายตัวเองด้วยตัวมึงเองเลย”
เป็นช่วงเวลาสักพักนึงที่ยูโรเงียบเสียงแล้วนั่งลูบหัวอัลฟาอยู่อย่างนั้นให้เจ้าตัวเล็กใช้เวลาอยู่กับความคิด ของตัวเอง
เขาคิดว่าทุกอย่างที่ต้องการพูดเขาได้พูดหมดแล้วคงทำได้แค่ฝากเรื่องทั้งหมดไว้กับอัลฟา
เพราะไม่ว่าอย่างไรอัลฟาต้องเป็นคนตัดสินใจ
“…ยูโร”
“หืม” เขาผละตัวออกมองหน้าอัลฟา
“วันก่อนแอลไปหา...เขามา”
“อืม”
“แอลอยากกอด...พี่เอ็กซ์”
คำที่ทำให้ยูโรยิ้มกว้างออกมาจนได้
“ไปหาพี่เอ็กซ์กันเถอะแอล” เขารีบพูด “นี่มันก็ 2 วันแล้วไอ้ไคลด์มันกำลังจะทำการทดลองกายภาพพี่เอ็กซ์”
สิ้นคำอัลฟาก็ยันตัวเองออกจากอกยูโรแล้วมองหน้าด้วยท่าทางตระหนก
“ว่าไงนะ?”
ปึง! ตึง!
เฮือก!
ก่อนที่จะได้พูดอะไรกันอยู่ๆ แรงสั่นสะเทือนกับเสียงเหมือนอะไรระเบิดก็ดังขึ้นจากด้านนอกห้อง ทำเอาทั้ง 2 คนสะดุ้งมองหน้ากันอย่างตกใจ
“เสียงอะไรน่ะยูโร?!”
“รีบไปดูกันเถอะ!”
ยูโรผุดลุกแล้วคว้าเอวอัลฟาให้เดินออกจากห้องทันที แต่เมื่อเปิดประตูห้องแล้วทั้ง 2 คนก็ต้องชะงักเมื่อมีชายชุทสูท2 คนยืนขวางอยู่
“ต้องขออภัยวันนี้คุณไคลด์มีคำสั่งไม่ให้คุณทั้ง 2 ออกจากเขตห้องรับรอง”
|