มาอัพเดตครับ ผมพาเขาขึ้นมาบนห้องเขาให้ผมพาไปนั่งริมสระน้ำนอกระเบียงแล้วให้ผมไปหาน้ำสะอาดใส่ชามแก้วมาให้ ผมเดินเข้าไปในห้องครัว ตามองหาน้ำสะอาดผมไม่รู้ว่าน้ำสะอาดของเขาคือน้ำอะไรกันแน่ ผมแกะน้ำขวดข้างตู้เย็นออกมาสองขวด ค่อยๆรินใส่ชามแก้วแล้วก็ถือไปให้เขาที่นอกระเบียงเขาหลับตานิ่งนั่งรออยู่ ตอนนี้เขาเหมือนคนตาบอด ผมแตะมือเขาเบาๆแล้วก็วางชามแก้วลงไปข้างๆตัวเขา เขาให้ผมไปอาบน้ำแล้วรออยู่ในห้องนอนห้ามออกมาไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตาม ผมพยักหน้าตามเสียงเขาแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน น้ำอุ่นๆไหลผ่านหัว ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอาการตื่นตกใจตอนถูกพี่วิทย์กระชากค่อยๆหายไป ตอนผมบีบครีมอาบน้ำหูได้ยินเสียงฟ้าร้อง ผมคิดจะออกไปหยิบผ้าที่ตากไว้แต่ก็ติดที่เขาบอกไม่ให้ออกไปข้างนอก ผมเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุดใหม่นั่งรอเขาอยู่ในห้องนอน อากาศเย็นๆของเครื่องปรับอากาศทำให้ผมรู้สึกหนาวไปถึงหัวใจ เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผมรู้จักกับเขาและตอนนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงเขา เสียงทีวีดังอยู่อย่างนั้นแต่ผมกลับจับใจความอะไรไม่ได้เลย ใจคิดถึงแต่เขา ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้รู้ตัวอีกทีก็เพราะเสียงนาฬิกาปลุก ข้างตัวผมไม่มีเขาอยู่ด้วยผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดไปทำงาน ผมเดินผ่านระเบียง มองไปริมสระเจอชามแก้วแต่ไม่เจอเขา ห้องใหญ่ว่างเปล่า มีแต่ความเงียบ ผมเดินไปรอรถประจำทางหน้าปากซอยใจก็คิดถึงรถยนต์ตัวเองที่ขายไป การไม่มีบ้านของตัวเอง เป็นเรื่องลำบากที่จะมีรถเพราะหาที่จอดยากลำบาก ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ในป้ายประจำทางที่มีหลังคาไม้เลื้อยอากาศตอนนี้กำลังขมุกขมัวคล้ายฝนจะตกผมมองดูเมฆสีเทาก็รู้สึกตัวว่าไม่ได้พกร่มมาด้วย อากาศในรถประจำทางค่อนข้างเย็นผมเอาหน้าแนบกับกระจกมองดูความวุ่นวายของเมืองหลวง นึกถึงหน้าของเขาตอนนี้เขาหายไปไหน ผมไม่รู้เลย ผมลงจากรถประจำทางหลังเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงจากปากทางเข้าไปในบริษัท เป็นอาคารพาณิชย์สลับกับป่าหญ้า ผมเร่งฝีเท้าเร็วๆเพราะไม่อยากทำงานสาย ตรงหน้าผมห่างไปไม่ถึงห้าเมตร มีงูสีเขียวใบไม้เลื้อยออกมาสองตัวมันชูคอแยกเขี้ยวเหมือนจะดักผม ลิ้นสองแฉกของมันแลบไปมาอย่างชั่วร้าย ผมท่องแผ่เมตตาให้มันแล้วพยายามเดินเลี่ยงแต่งูสองตัวนั้นกลับพุ่งเข้าหาผม เมื่อหันหลังกลับ ผมเจองูเห่าอีกตัวมันมีสีดำมะเมื่อมเหมือนถ่าน ผมกลัวมาก ตอนนี้เหมือนอยู่ในวงล้อมของเจ้าสัตว์ไม่มีขา เสียงร้องแหลมดังลงมาจากท้องฟ้าอีกาฝูงใหญ่นับสิบตัวบินโฉบลงมาเหมือนลูกกระสุนนกสีดำพวกนั้นแยกย้ายกันเข้าโจมตีงู ผมฉวยโอกาสนั้นรีบวิ่งหนีไปทันที ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือว่าเป็นเพราะเขาส่งนกมาช่วยผม ผมสแกนนิ้วมือก่อนเวลาแค่ห้านาทีผมไม่เคยมาทำงานสาย ครั้งนี้เป็นครั้งที่มาเฉียดฉิวที่สุด ช่วงพักเที่ยง ผมออกมาชงกาแฟที่ห้องพักพนักงานเสียงกรีดร้องของแม่บ้านดังมาจากห้องน้ำชาย แม่บ้านวิ่งออกมาตามยามเข้าไปข้างในผมเดินตามยามและแม่บ้านเข้าไปดูห่าง น่าตกใจมาก บริเวณบานเกร็ดระบายอากาศงูลายน้ำตาลสลับขาวกำลังรัดตุ๊กแกตัวใหญ่ มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองมาก แม่บ้านบอกว่ามาทำความสะอาดช่วงพักเที่ยงตอนเช็ดกระจกก้ได้ยินเสียงออดเหมือนมีตัวอะไรอยู่ข้างบนหัว พอเงยขึ้นไปก็เจอตุ๊กแกตัวใหญ่ถูกงูรัด ผมรู้สึกตัวว่ากำลังถูกคุกคาม ผมกลัว ผมรู้สึกสับสนไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ผมพยายามคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นแม่บ้านกับยามบอกว่า นี่เป็นลางร้าย ต้องมีเหตุอาเพศเกิดขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน ช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้นเจ้าของบริษัทเรียกประชุมด่วนพนักงานทุกคนรวมทั้งผมถูกเรียกเข้าไปนั่งในห้องประชุม เจ้าของบริษัทที่พวกผมคุ้นเคยมีสีหน้าเหมือนคนเหนื่อยและหมดแรง ท่านบอกว่าบริษัทต้องล้มกิจการพรุ่งนี้ให้พนักงานทุกคนเคลียร์งานให้เสร็จแล้วรับเงินตอนเย็น ไม่มีใครกล้าถามสาเหตุเพราะกำลังตกตะลึง เจ้าของบริษัทบอกว่ามีคนมาซื้อที่ดินที่ตั้งบริษัทและซื้อกิจการทั้งหมด เพื่อนๆในที่ทำงานของผมพูดกันว่าบริษัทถูกบีบจากใครบางคน แต่ก็ไม่มีใครรู้รายละเอียดเพราะเจ้าของไม่ได้พูดให้ฟัง พนักงานเดินออกจากห้องประชุมได้ไม่นานก็มีเสียงเรียกให้ทุกคนกลับเข้าไปอีกครั้ง ผมรีบหันกลับไปแล้วยิ้มดีใจคิดว่าเจ้าของจะเปลี่ยนใจ ในห้องประชุมมีผู้ชายแปลกหน้านั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเจ้าของบริษัทแนะนำว่า เขาคือเจ้าของคนใหม่เขาจะเปลี่ยนที่นี่เป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์ต่างประเทศ เจ้าของคนใหม่ชื่อคุณภุชงค์ พงศ์นาคีอายุประมาณสามสิบปี เขาเป็นคนนิ่งๆ มองดูพนักงานแต่ละคนแล้วก็พูดขึ้นมาว่า "พรุ่งนี้ผมจะสัมภาษณ์พนักงานถ้าใครมีแววและมีประวัติการทำงานดี ผมจะจ้างต่อแต่ถ้าใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องมารอสัมภาษณ์" ผมนั่งมองพี่ๆทยอยกันออกมาจากห้องทำงานคุณภุชงค์ แต่ละคนมีสีหน้าเศร้าสร้อย พี่พรดูเหมือนตาแดงๆ พี่พรบอกว่าอายุสี่สิบแล้วจะให้ไปเริ่มงานที่อื่นก็คงลำบากเพราะอายุมากพี่พรมีลูกชายกับลูกสาวเรียนอยู่ชั้นประถม ต้องใช้เงินจำนวนมาก ผมถูกเรียกสัมภาษณ์เป็นคนสุดท้ายคุณภุชงค์ซ่อนหน้าอยู่หลังแฟ้มประวัติการทำงานของผม ผมขออนุญาตนั่งลงบนเก้าอี้ตามองดูมือที่ประสานไว้บนตัก คุณภุชงค์วางแฟ้มลงแล้วเปิดดูอีกแฟ้มที่เป็นการประเมินสมรรถนะการทำงานและประวัติการขาดลามาสาย เขาเคาะปากกาลงบนโต๊ะแล้วก็มองหน้าผมผมมองดูหน้าเขาแวบเดียวแล้วรีบก้มหน้าลงทันที เขาชมเรื่องเอกสารการประชุมที่ผมทำให้เจ้าของบริษัทคนเก่าเขาบอกว่าทำได้เรียบร้อยดี งานเรื่องบัญชีการเงินงบดุลก็เรียบร้อยอ่านเข้าใจง่ายดี คุณภุชงค์เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างนิ่งแต่มีบุคลิกที่ดี เขาดูเป็นคนเฉียบขาดและก็มีแววตาที่เยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง เขาตกลงจ้างผมทำงานต่อ แต่ปรับตำแหน่งเป็นเลขาผมบอกเขาว่าไม่ถนัดทำงานเลขาที่เคยทำอยู่ก็เพราะเจ้าของบริษัทคนเก่าขอให้ช่วยกันทำ เขาเพิ่มค่าจ้างผมเป็นสองหมื่นห้าจากหมื่นสองแล้วก็บอกว่างานใหม่เป็นสัดเป็นส่วนดีกว่างานจับฉ่ายเหมือนของเดิม ผมไม่มีทางเลือก อย่างน้อยผมก็ยังไม่ตกงานยังมีเงินส่งให้พ่อกับน้อง เย็นวันนั้น ฝนตกลงมาจริงๆผมหยิบร่มใต้ลิ้นชักโต๊ะออกมา ผมไม่รอให้ฝนซา ผมอยากกลับไปดูที่ห้องว่าเขากลับมาหรือยังผมเป็นห่วงเขามาก ผมกลับถึงห้องเกือบหกโมงเย็นรถช่วงหลังทำงานติดอยู่นานมาก บวกกับฝนตกด้วยแล้ว รถบนถนนแทบไม่ได้ขยับไปไหนเลย ในห้องยังว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของเขาเลยผมออกไปหยิบชามแก้วกลับเข้ามาเก็บในห้องครัว จากนั้นก็ออกไปนั่งรับลมบนม้านั่งใต้ต้นไม้ ฝนหยุดตกแล้ว อากาศกำลังเย็นผมได้ยินเสียงปีกบินเข้ามาใกล้ๆ นกน้อยตัวนึงมันบินลงมาเกาะตรงไหล่ของผมมันจิกที่หูเบาๆ เหมือนให้กำลังใจ ผมรู้สึกดีใจผมรู้สึกว่านกทุกตัวเป็นเพื่อนของผม เย็นวันสุดท้ายของวันทำงานผมเก็บของบนโต๊ะใส่ในกล่องกระดาษแข็ง เอกสารของบริษัทเก่าถูกรวมไปทำลายด้วยเครื่องส่วนอุปกรณ์สำนักงานบนโต๊ะของผม เก็บรวมกันไว้ในกล่อง บริษัทใหม่จะเข้ามาปรับปรุงอาคารสำนักงานใหม่ผมได้ยินแม่บ้านบอกว่า ชั้นล่างจะทำเป็นโชว์รูมรถโมเดล จากที่ฟังมาผมคิดว่าที่นี่คงเป็นเหมือนสำนักงานใหญ่ ไม่ใช่โชว์รูมหลักที่ขายรถ พี่พรเดินเข้ามาจับมือผมพี่พรบอกว่าคุณภุชงค์ให้พี่พรทำงานที่ต่อและให้เงินค่าจ้างเพิ่มแล้วพี่พรก็บอกอีกว่าขอบคุณที่ผมรับรองกับคุณภุชงค์ให้ ผมตกใจที่สิ่งที่ผมคิดนั้น คุณภุชงค์ได้ยินมันเป็นความคิดในหัวของผม แต่เขากลับได้ยิน คุณภุชงค์คนนี้คงเป็นคนเหนือธรรมชาติเหมือนกับเขาคนที่หายหน้าไปจากผม ผมได้หยุดหนึ่งอาทิตย์ระหว่างช่วงการปรับปรุงที่ทำงานใหม่ ช่วงเช้าวั้นนั้นผมออกไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต ช่วงที่กลับออกมา มีสายเข้า ผมกดรับ เสียงเมธดังเข้ามาเขาขอโทษผมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็นัดให้ผมไปหาที่บ้าน ผมไม่ทราบว่าเมธมีบ้านในกรุงเทพตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไงก็ตาม ผมดีใจที่เมธหายโกรธผมผมกับเมธเราคบหากันมานาน ไม่ได้รู้สึกโกรธเมธเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น เมธบอกว่านอนเป็นไข้อยู่ที่บ้านได้หลายวันแล้วไม่มีแรงลุกไปไหน ผมกะว่าจะซื้อข้าวไปฝากเมธที่บ้าน เมธส่งที่อยู่และบ้านเลขที่มาให้ผมในโทรศัพท์ บ้านของเมธอยู่ในชุมชนใหญ่ติดกับคลองส่งน้ำผมสังเกตดูบ้านที่ทาสีฟ้าสดตามที่เมธบอก บ้านหลังนี้อยู่สุดซอยติดกับป่าหญ้ารกผมอ่านเลขที่บ้านบนตู้ไปรษณีย์แล้วก็กดออดเรียก ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างในผมคิดว่าเมธคงนอนหลับอยู่ ผมผลักประตูเหล็กหน้าบ้านเข้าไปง่ายๆ ประตูหน้าก็ไม่ได้ล็อคผมถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านแล้วเดินถือถุงข้าวเข้าไปข้างใน บ้านเงียบมาก เหมือนไม่มีคนอยู่ผมลองกดโทรศัพท์หาเมธ ปรากฏว่าเขาปิดโทรศัพท์ไปแล้ว ผมเรียกเมธอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองของบ้านบ้านของเมธเป็นบ้านไม้สองชั้น มีบันได้ไม้เชื่อมขึ้นไปถึงด้านบน ผมเคาะประตูหน้าห้องแล้วบิดลูกบิดเข้าไปเมธนอนคลุมผ้าอยู่บนเตียงผมวางถุงข้าวลงแล้วเข้าไปเปิดผ้าเพื่อจะจับดูหน้าผากของเมธ แต่คนที่นอนอยู่นั้นไม่ใช่เมธ พี่วิทย์พลิกตัวกลับมากอดผม กลิ่นบุหรี่กับกลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้งผมผลักเขาออกแล้วตบหน้าเขาไปหนึ่งครั้ง พึ่วิทย์แข็งแรงมากหน้าเขาไม่ได้หันไปตามแรงตบเลย เขาหัวเราะแล้วกดผมลงกับเตียง ผมพยายามคุมสติ ไม่ดิ้นหนีผมไหว้เขาแล้วบอกให้เขาใจเย็น ผมถามหาเมธ ผมบอกพี่วิทย์ว่าเดี๋ยวเมธก็เข้ามา พี่วิทย์หัวเราะแล้วบอกว่า เมธไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าเมธอหลอกผมมาที่นี่ผมเหมือนคนหมดแรง ไม่รู้ว่าจะพาตัวเองหนีรอดไปได้ยังไง มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นแต่ซี่กรงเหล็ก พี่วิทย์บอกว่าเป็นเมียนกแล้วก็ลองเป็นเมียงูดู ผมกราบเขาที่อกแล้วขอเขากลับบ้าน ผมกลัวมาก พี่วิทย์ถอดเสื้อตัวเองออกแล้วก็เข้ามาจูบผมที่แก้ม ผมอาศัยจังหวะที่เขาเผลอผลักเขาออกไปผมพุ่งออกจากเตียงแต่โดนเขาดึงขาไว้ พี่วิทย์เป็นคนไวและคล่องแคล่วมาก ผมโดนจับขาข้างขวาเอาไว้ จังหวะนั้นผมได้ยินเสียงบางอย่างบินหวือเข้ามาในห้องนอนพี่วิทย์ นกกระจิบและนกกางเขนมากกว่ายี่สิบตัวบินกรูกันผ่านซี่เหล็กเข้ามามันเข้ามาจิกตีพี่วิทย์เหมือนกำลังโกรธ จังหวะที่ผมสบัดเท้าหลุดออกจากมือพี่วิทย์นั้นผมเห็นพี่วิทย์ปัดนกตัวนึงออกจากหน้า แต่ถูกนกอีกตัวพุ่งเข้าจิกที่ตา ผมไม่รอดูเหตุการณ์ต่อ เมื่อได้จังหวะแล้วผมก็วิ่งหนีลงบันไดผมหยิบรองเท้าหน้าบ้านและผลักประตูเหล็กออกมาแล้วก็วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ผมร้องไห้บนรถเมล์โดนไม่อายใครผมรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่ผมหาเขาไม่เจอ ผมเสียใจที่เมธหลอกผมผมเสียใจที่ผมโง่จนถูกหลอกมาที่บ้านนี้ เขาหายไปครบอาทิตย์แล้ว ไม่มีสัญญาณใดๆส่งมาหาผมเลยผมเป็นห่วงเขา ผมคิดถึงเขา และผมจะพยายามอยู่ให้ได้โดยไม่มีเขา ผมนั่งรถโดยสารไปทำงานเช่นเคยเมื่อเดินผ่านจุดที่เคยเจอกับงูและอีกา ผมก็หยุดมองดูรอบๆผมแน่ใจแล้วว่านกพวกนั้นตั้งใจมาช่วยผม และคราวนี้ก็เหมือนกันอีกาสี่ตัวบินลงมาตรงหน้าผม มันกระโดดหย่องๆไปมาดูน่ารักผมยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในเวลาหลายๆวันที่ผ่านมา เมื่อผมตั้งใจจะเดินผ่านมันเข้าไปในเขตบริษัทอีกาพวกนั้นมันเหมือนไม่อยากให้ผมเดินเข้าไปข้างใน มันสบัดหน้าไปมาเหมือนกันทุกตัวอาการของพวกมันเหมือนคนไม่มีผิด นกสีดำตัวใหญ่มันต้องการสื่อสารอะไรกับผมกันแน่ผมเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาก่อนสแกนนิ้วอีกยี่สิบนาทีเท่านั้นผมก้มลงแล้วใช้มืออุ้มมันออกไปจากทางเดิน แต่อีกาอีกตัวก็บินเข้ามาเกาะไหล่ผมมันขยุ้มกรงเล็บลงบนไหล่บนเบาๆ ผมเหลือบมองมันแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพื่อนของมันอีกสามตัวพากันร้องเซ็งแซ่แล้วก็กระโดดตามมาด้วยแต่เมื่อผมเดินเข้าไปในเขตบริษัท ผมก็สัมผัสได้กับอากาศเย็น ผมเงยหน้ามองดูอาคารใหม่โดยไม่ได้ตั้งใจผมเห็นคุณภุชงค์อยู่ในม่านกระจก เขามองดูนกบนไหล่ของผมเขาจ้องมันเหมือนกำลังทำอะไรอยู่ เกิดเสียงดัง ปัง!!! ใกล้ๆผมอีกาพากันบินหนีไปหมดแล้ว คุณภุชงค์มองดูผมแล้วก็เดินหายไป ผมรู้สึกว่าเขตบริษัทมันดูเยียบเย็นกว่าปกติอากาศร้อนด้านนอกกลายเป็นอากาศเย็นเหมือนกับเป็นวังบาดาล ผมมองดูรถยนต์สวยงามราคาแพงที่จอดอยู่ไม่นานก็รีบไปสแกนนิ้วเข้าทำงาน คุณภุชงค์อธิบายรายละเอียดของงานให้ผมฟังย่อๆเขาบอกผมว่าเขาอยากได้คนที่คล่องแคล่วและทำงานละเอียด เขาให้ผมติดต่อสถานที่ออกบูธและที่แสดงสินค้าผมนั่งทำงานห้องเดียวกับคุณภุชงค์ ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้วผมนั่งทำเอกสารประชาสัมพันธ์เพื่อจะส่งให้กับฝ่ายการตลาด ระหว่างรอเครื่องปริ้นพิมพ์งานออกมานั้นผมเหลือบมองออกไปดูนอกหน้าต่าง ด้านที่ติดกับดงไม้รกนั้นผมเห็นคุณภุชงค์เหมือนกำลังยืนคุยกับใครอยู่ ผมยื่นหน้าแนบกระจกแล้วก็ตกใจ ในดงหญ้าขนที่ขึ้นสูงนั้นผมเห็นงูตัวใหญ่มีเกล็ดสีเขียวระยับ งูใหญ่ตัวนั้นมีเลือดไหลออกมาจากตาข้างขวางูใหญ่ชูคอขึ้นมาเหมือนกำลังคุยอยู่กับคุณภุชงค์ ผมเห็นคุณภุชงค์ชี้หน้าและตวาดงูเสียงดังลั่นงูใหญ่เลื้อยหายไปในดงหญ้ารก ผมปรับอารมณ์และพยายามคิดว่าตัวเองตาฝาดช่วงไม่กี่อึดใจนั้น คุณภุชงค์กลับเข้ามานั่งในเก้าอี้เขามองผมแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าดุมาเป็นรอยยิ้ม เขาบอกว่า ต่อจากนี้ไม่ต้องงูตัวไหนอีก เขารับรองว่าจากนี้ไปผมจะไม่ได้รับอันตรายจากงูและสัตว์มีพิษทุกชนิด อัพเดตครับ งานในบริษัทเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีคุณภุชงค์แจกแจงงานให้ทุกคนในการประชุมติดตามงานในทุกๆวันศุกร์ครึ่งบ่ายผมเตรียมเอกสารเสนอราคากับอัตราภาษีของกรมสรรพากรให้เขา พนักงานในบริษัทใหม่นี้มีพนักงานเก่าที่คุ้นเคยกับผมไม่ถึงห้าคนนอกจากนั้นต่างก็รับเงินเดือนสุดท้ายและเงินชดเชยแล้วก็หายหน้าไปหมด ผมกลับมานั่งในห้องอีกครั้งอากาศช่วงเย็นแบบนี้มันอึมครึมและหนาวผิดปกติคล้ายกับที่นี่เป็นสถานที่พิเศษต่างกับพื้นที่ข้างนอก มองเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จจัดการปิดหน้าต่างโปรแกรมลงแล้วก็ชัตดาวน์เครื่อง พงหญ้าเขียวด้านหลังบริษัทนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณภุชงค์ถึงไม่ให้คนมาถางทำลายซะให้เรียบร้อยไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าบางเวลาผมจะเห็นวัตถุยาวๆเหมือนเชือกสีเขียวเคลื่อนผ่านไปในพงรกนั้น หลังเลิกงาน ผมเดินเข้ามาโอนเงินให้พ่อในธนาคารผมเงยหน้ามองดูรูปครุฑเหนือประตูทางเข้า พญานกร่างกำยำด้านบนทำให้ผมนึกถึงเขา นึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่เขามีให้ป่านนี้ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ ผมนั่งรถประจำทางกลับมาที่ห้องพยายามดึงกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากตู้ แต่มันปิดสนิทจนดึงไม่ออกลิ้นชักใต้ตู้ก็ปิดแน่นเหมือนใส่กุญแจเอาไว้ ผมอยากจะเก็บเสื้อผ้าตัวเองออกจากตู้ให้หมดผมคิดว่าจะย้ายตัวเองออกไปจากห้องของเขาได้แล้ว ห้องนี้ไม่ใช่ของผม อาณาจักรย่อมๆบนเวหานี้เป็นของๆเขา ผมเป็นเพียงแค่ผู้อาศัยเท่านั้น และเมื่อเจ้าของไม่อยู่แล้ว ผมก็ควรพิจารณาตัวเองออกไปเสียที ผมพยายามดึงลิ้นชักและพยายามเปิดตู้อยู่หลายครั้งแต่มันก็ไม่ยอมเปิด ผมเปลี่ยนใจออกไปรับลมใต้ต้นไม้นอกระเบียงแทนในมือผมมีข้าวสวยมาด้วย ผมคิดว่านกน้อยจะมาเยี่ยมผมบ้าง และก็เป็นเหมือนที่ผมคิดนกน้อยมันบินลงมาเกาะไหล่ของผม มันจิกหูผมเบาๆ แล้วก็บินลงมากินข้าวสวยบนอุ้งมือ ในช่วงเวลาที่อ้างว้างแบบนี้ผมก็ยังอุ่นใจที่มีเพื่อน เพื่อนตัวน้อยของผมเหมือนรู้ว่าผมเหงามันชอบร้องเพลงให้ผมฟัง เป็นเพลงที่เพราะแต่ก็แฝงความเหงาไว้ด้วย เขาว่ากันว่า เวลาคนเราอกหักฟังเพลงอะไรก็จะรู้สึกเศร้าไปด้วย จะนึกเอาเนื้อหาในเพลงมาโยงกับชีวิตตัวเอง ผมก็เหมือนกัน ผมเหมือนคนอกหัก ผมรักเขามากแต่ผมก็จนใจที่จะตามหาเขา ผมลูบโทรศัพท์บนมือเบาๆเขาเคยบอกว่าถ้าฉุกเฉินก็ให้โทรไป เขาย้ำสองครั้งว่าฉุกเฉินเท่านั้น ผมคิดว่าถ้าโทรไปหาเขา เขาอาจจะมาจริงๆแต่เขาก็จะจากไปตลอดกาลไม่กลับมาอีก เพราะผมโกหกเขา ผมอยากจะกดโทรหาเขาใจจะขาดแต่อีกใจก็กลัวเขาจะหายไปจากชีวิตตลอด ผมจะรอ รอซักวันที่เขาจะกลับมา เดือนนี้มีอากาศที่ดูผิดปกติตอนเช้าตอนออกจากห้องก็ร้อน แต่พอมาถึงที่ทำงานกลับรู้สึกเย็นบางทีผมก็รู้สึกว่าปรับตัวไม่ทัน ผมคัดจมูกเหมือนคนเป็นหวัด คุณภุชงค์วางปากกาลงแล้วหันมามองผมเขาเลิกคิ้วแล้วถามด้วยสายตา ผมส่ายหัวตอบกลับ แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ ผมคิดว่าอากาศในอาคารและรอบๆที่ทำงานมันเย็นกว่าอากาศปกติข้างนอก คุณภุชงค์ชอบกินสเต็กครึ่งดิบครึ่งสุกเขาชอบกินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ต่างกับเขาคนที่ผมรู้จักผมคิดว่านาคคงชอบกินของสดเหมือนงู ส่วนครุฑก็กินอาหารพืชผักผลไม้ธัญพืชเหมือนนก ผมมองดูคุณภุชงค์หั่นสเต็กออกเป็นชิ้นส่วนในสุดของชิ้นเนื้อบนจานยังเป็นสีแดงระเรื่อ ผมรู้สึกเหม็นคาวเนื้อขึ้นมาทันทีอาจจะเป็นเพราะผมถูกฝึกให้กินผักผลไม้บ่อยๆ ในช่วงหลังมานี้ก็เป็นได้ คุณภุชงค์จับความผิดปกติได้เก่งมากเขาถามผมว่าเป็นอะไร ผมไม่อยากโกหกเขาเพราะรู้ว่าเขาอ่านใจผมออก ผมบอกว่าเห็นเนื้อแดงแล้วอยากอาเจียนเขายิ้มแล้วก็ยักไหล่ขึ้นมาแล้วบอกว่า "อีกหน่อยก็ชินอีกหน่อยก็ต้องกินแบบนี้เหมือนกัน" งานของบริษัทเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมันเป็นระบบที่ดีมากถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพและผลงานแต่ถ้ามองในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานแล้ว มันเป็นสิ่งที่แย่มากทุกคนในที่ทำงาน ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ทุกคนต้องทำงานตามที่คุณภุชงค์แพลนเอาไว้ต้องทำให้ทันเวลา ห้ามทำนอกแผน คุณภุชงค์ไม่ใช่คนดุ แต่เขาเป็นคนมีอำนาจเขาไม่เคยตวาดพนักงาน แต่ความนิ่งของเขากลับทำให้พนักงานคนอื่นกลัว บ่อยครั้งที่ผมจะถูกขอร้องให้มาพูดกับคุณภุชงค์แทนคนอื่นๆผมรับปากเพราะคิดว่าเขาเหล่านั้นจนใจที่จะเข้ามาพูดจริงๆ ผมไม่อยากทำตัวดีเด่นเกินคนอื่นผมไม่อยากทำตัวให้ใครนินทา ผมอยากอยู่เงียบๆ ผมแค่อยากทำงานให้ดี คนจ้างไม่บ่นผมอยากมีเงินส่งให้ที่บ้านทุกเดือน ผมคิดแค่นี้ ยังไงก็ตามบทบาทในการเป็นเลขาก็ทำให้ผมปฏิเสธหน้าที่นี้ไม่ได้ ตอนเย็นหลังเลิกงานผมเดินดูหอพักราคาถูกใกล้ที่ทำงาน น่าเสียดายที่แถบนั้นมีแต่หอพักราคาแพงมันมีราคามากกว่าห้าพันทั้งนั้น ผมเดินเข้าซอยนั้นทะลุออกซอยนู้นจนใกล้ค่ำ ตอนกลับผมเดินผ่านปากทางเข้าบริษัทอีกครั้งเพราะต้องเดินไปที่ป้ายรถเมล์คุณภุชงค์ชะลอรถอยู่ตรงหน้าผม ตอนหน้าต่างลดลงมาผมรู้สึกว่ามีไอเย็นวาบแผ่ออกมาด้วย มันไม่เหมือนความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในรถแต่มันเย็นเหมือนอยู่ในถ้ำใต้ดิน เขามองผมด้วยสายตาสงสัยซักพักเขาก็พยักหน้าเข้าใจ ผมรู้ว่าเขาอ่านใจผมว่าผมกำลังทำอะไรผมพูดในใจว่า การที่เข้ามาอ่านใจคนอื่นมันเป็นการเสียมารยาท คุณภุชงค์ยิ้มแล้วพยักหน้าเขาขอโทษผมออกมาเป็นคำพูดผ่านปาก มันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาอ่านใจผมได้จริงๆ เขาขอชดเชยความผิดด้วยการพาผมไปเดินดูบ้านเขาบอกว่าอยู่บ้านดีกว่าอยู่ห้องสูงๆบนอากาศ เขาให้ผมไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับผมส่ายหัวแต่คอกลับไม่ขยับ ผมเดินไปหาเขาช้าๆ เหมือนโดนสะกดผมไม่ชอบอาการแบบนี้เลย ผมไม่ใช่ตุ๊กตาที่ใครคิดจะสั่งอะไรก็ได้ผมเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ผมรู้สึกถึงแรงกดเบาๆ บนไหล่ผมหันไปมองก็พบกับนกสีดำตัวใหญ่ มันเป็นอีกาที่ประหลาดที่สุดที่ผมเคยเจอมาอีกาตัวนี้มีสามขา มันขยุ้มกรงเล็บบนไหล่ของผมแล้วก็ส่ายหัวดุ๊กดิ๊กไปมา คุณภุชงค์ชี้นิ้วมาที่อีกาสามขาเขาส่งสายตาดุๆมาที่อีกา แต่มันก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเขาเลย คุณภุชงค์ดีดนิ้วมาทางอีกาสามขาเกิดเสียงดังปังเหมือนตอนที่เขาทำวันก่อนไม่มีผิด แต่น่าแปลกที่วันนี้อีกากลับไม่เป็นอะไรจะเป็นเพราะอีกาตัวนี้มันมีสามขาหรือเพราะที่ที่ผมยืนอยู่นี้มันเลยเขตบริษัทแล้วก็ไม่แน่ใจนัก อีการ้องเสียงดังผมรู้ว่ามันไม่ได้ร้องเพราะเจ็บ แต่มันร้องเพราะอยากให้คนรอบๆหันมาสนใจ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆคนใกล้ป้ายรถประจำทางหันมามองผมกับคุณภุชงค์ด้วยความสนใจทุกคนกระซิบกระซาบแล้วชี้มือมาที่อีกาบนไหล่ของผม ผมเดินหลบสายตาสอดรู้ของคนบริเวณป้ายรถประจำทางขึ้นไปบนรถที่ขับเข้ามาพอดีอีกาสามขาบินขึ้นไปเกาะอยู่บนหลังคารถผมเดินไปนั่งแถวที่นั่งด้านหลังสุดทางซ้ายติดหน้าต่าง เวลารถประจำทางขับผ่านป้ายต่างๆผมจะเห็นนกหลายๆชนิดเกาะอยู่บนสายไฟ ผมส่ายหัวกับตัวเองที่คิดว่าเขาส่งนกมาดูแลผมมันเป็นเรื่องปกติที่นกจะเกาะสายไฟริมทาง ผมนับป้ายรถประจำทางที่รถขับผ่านและผมก็เห็นนกเกาะอยู่บนสายไฟทุกครั้ง มีนกตัวเดียวบ้างสองตัวบ้างเกาะอยู่บางทีก็มีนกเป็นกลุ่มเกาะอยู่ ยังไงก็ตามผมรู้สึกอุ่นใจที่เห็นนกมากกว่าเห็นงู ผมกลับมาถึงห้องเวลาสองทุ่มพอดีผมตัดสินใจทำกับข้าวกินเอง ผมหุงข้าวแล้วก็ทำแกงเขียวหวานผักเป็นแกงที่ไม่มีเนื้อสัตว์เลย ผมใส่มันฝรั่งกับถั่วฝักยาวแทนมะเขือใส่เต้าหู้แข็งแทนเนื้อสัตว์แล้วก็ใส่นมถั่วเหลืองแทนกะทิ ผมนั่งกินข้าวเงียบๆ หน้าทีวีในห้องรับแขกผมตลกกับชื่อห้องรับแขก ผมรู้ว่าห้องนี้ไม่เคยรับแขกคนไหนเลยผมอาจจะเป็นมนุษย์คนแรกที่เข้ามาอยู่ในนี้ ผมเริ่มรู้สึกว่าที่นี่เป็นบ้าน ผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อวาน ผมเดินไปเปิดตู้เสื้ออีกครั้งคราวนี้มันเปิดออกได้อย่างง่ายดายลิ้นชักที่ใส่พวกกางเกงในและถุงเท้าก็ดึงออกมาได้เหมือนปกติ ผมคิดว่า เขาไม่อยากให้ผมไปจากที่นี่เขาต้องคิดว่าที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยกับผม ผมกลับออกมาจากห้องนอนช่วงที่เก็บจานซ้อนกันเพื่อรวมไปล้างในห้องครัว ผมได้ยินเสียงเคาะกระจกเมื่อหันไปมองก็เจอนกห้าตัวบินอยู่ในอากาศ ตอนผมเดินไปเลื่อนประตูกระจกพวกมันบินหวือเข้าไปอีกทาง ผมเห็นพวกมันบินไปทางห้องน้ำ ผมวางจานและชามข้าวในอ่างล้างจานจากนั้นก็เดินไปดูในห้องน้ำ ผมเห็นนกกระจิบห้าตัวนั่งเฝ้าอยู่บนฝาตะแกรงท่อระบายน้ำ ฝานั้นเจาะเป็นรูให้น้ำไหลผ่านลงไปผมสังเกตว่าพวกมันจ้องฝานั้นอย่างมีสมาธิ มันจ้องเขม็งตาไม่กะพริบกันเลย ผมนั่งยองๆหน้าประตูห้องน้ำมองดูพวกมันไม่นานนักเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น ตะขาบสีแดงขนาดเล็กก็พากันเลื้อยออกมามันดูน่าขยะแขยงมาก ถึงจะเป็นตะขาบเล็กแต่ก็อันตรายถ้ามันเล็ดลอดเข้าไปถึงห้องนอน นกที่เฝ้ายามอยู่เหมือนคอยจังหวะอยู่แล้วมันพากันจิกตะขาบอย่างสนุกสนาน นกตัวที่เจ้าอารมณ์หน่อยมันก็จิกทึ้งจนตะขาบตัวขาด ผมคิดไปถึงคำพูดของคุณภุชงค์ที่เคยพูดในห้องทำงานว่าผมจะปลอดภัยจากสัตว์มีพิษทุกชนิดแต่นี่กลับมีสัตว์มากขาเข้ามาถึงในที่ที่ผมอาศัยอยู่มันจะแปลสัญญาณได้ว่ายังไงบ้าง หรือเป็นเพราะความบังเอิญหรือเพราะคุณภุชงค์ต้องการทำอะไร ผมหาแผ่นพลาสติกมาปิดรูระบายน้ำจากนั้นก็ยกขวดน้ำหนักๆมาปิดรูไว้ นกพวกนั้นดูเหมือนจะสำรวจว่าแผ่นปิดนั้นแน่นหนาพอหรือเปล่ามันใช้ปากดันๆ พอไม่ขยับมันก็บินหวือออกห้องไป ผมเลี้ยงตอบแทนพวกมันด้วยข้าวสวยแตงโมแล้วก็น้ำสะอาดในที่รองแก้ว นกพวกนี้ไม่ใช่นกน้อยตัวที่มาเล่นกับผมบ่อยๆมันเป็นนกจากไหนไม่รู้ พอนกห้าตัวนี้กินอิ่มแล้วมันก็บินกระจายตัวกันออกไปตัวละทิศ ตัวนึงก็บินไปประจำจุดเหมือนทหารองครักษ์ เสียงตัดอากาศดังขึ้นมาอีกรอบคราวนี้ผมหัวเราะแล้วยิ้ม บนกิ่งต้นบอนไซยักษ์ มีนกหน้าตาตลกมาเกาะด้วย มันมีตากลมใหญ่สองข้างตามันเหมือนแมวสมชื่อนกเค้าแมว มันบินมาสองตัว เหมือนเป็นคู่รักกัน ผมเคยอ่านเจอว่านกเค้าแมวนี้ตาดีมากในตอนกลางคืนมันเห็นชัดเหมือนมีตาวิเศษ ผมเดาว่าคืนนี้คงมีเรื่องผิดปกตินกหลายตัวถึงได้บินมาเฝ้าผมเป็นการใหญ่ ผมอาศัยโอกาสนี้เฝ้าดูนกไปด้วยก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อบัตรเข้าชมสวนนก ผมนั่งรอใต้ต้นไม้อีกไม่นานก็เจอนกอีกหลายตัวบินมาเดินบนระเบียงนอกห้อง นกน้อยของผมมันบินเข้ามาเป็นตัวสุดท้ายมันบินเข้าไปในห้องแล้วก็ร้องเพลง ผมเดินกลับเข้าไปข้างในห้องปิดประตูกระจกปิดม่านเรียบร้อย นกน้อยตัวเดิมมันเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนในห้อง ผมรู้สึกคัดจมูกและมีน้ำมูกเลยไปหายาแก้หวัดมากินพอดูทีวีไปได้ไม่นานผมก็เผลอหลับไปบนโซฟา ผมเดินอยู่ในวังใต้น้ำผมเห็นปลาว่ายน้ำอยู่บนหัว เหมือนผมกำลังเดินอยู่ในอควอเรี่ยมไม่มีผิดผมเดินชมความงามใต้ทะเลอย่างเพลิดเพลิน เพลินจนไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินตาม พอหันกลับไป ผมเจอคุณภุชงค์ ไม่ใช่สิผมเจอคนที่คล้ายกับคุณภุงชงค์ราวกับเป็นฝาแฝดกันเขาคนนั้นใส่ชุดทรงเครื่องทองเหลืองอร่ามเหมือนกษัตริย์นักรบ เขายิ้มแล้วจูงมือผมไปนั่งบนก้อนหินใหญ่ เขาแนะนำตัว เขาบอกว่าเขาชื่อพญาภุชงค์นาคราชเขาขอโทษแทนผมอีกครั้งที่สุกรีนาคล่อลวงผมไปในครั้งก่อน ผมไม่รู้จักวาสุนาค พญาภุชงค์บอกว่าเขาก็คือนายวรวิทย์ นายวรวิทย์ผู้ที่เป็นคนรักของเพื่อนผม นายวรวิทย์หรือวาสุนาคได้รับอันตรายจากปักษีจนตาบอดหนึ่งข้าง พญาภุชงค์ภามผมว่า ผมจะเอาเรื่องวาสุนาคหรือไม่ผมส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่ไม่อยากจองเวรกับใคร เขาดูพออกพอใจมากเขาจับมือขึ้นมาจูบแล้วพยายามสวมแหวะประดับอัญมณีให้ แต่เขาสวมมันลงไปไม่ได้เขาบอกผมว่ากายหยาบผมอยู่ในเขตของครุฑ ผมถามเขาว่านี่ผมฝันหรือผมตายไปแล้วพญาภุชงค์ตอบว่าเขามาในฝันผม เขาพยายามพาผมมาที่นี่เมื่อช่วงเย็นแต่ถูกพวกนกขวางเอาไว้ ตอนนี้เลยทำได้แค่พาผมมาในรูปของความฝัน เขาบอกอีกว่า เขาไม่คิดร้ายเขาอยากพาผมมาเที่ยวดูวังของนาค เขาบอกว่าที่นี่ใหญ่โตและสวยงามกว่าห้องบนอากาศที่ผมอยู่ เขาอยากให้ผมอยู่ที่ตลอดไปกับเขา เขาชอบผมมาก ผมไม่อยากมีผัวหลายคน ผมไม่ใช่นางกากีผมตอบพญาภุชงค์ไปว่า ผมมีผัวเป็นนก ผมไม่ใช่คนบริสุทธิ์ เขาตอบว่าเขาไม่ถืออีกอย่าง เวลาผมมาอยู่ที่นี่ กาบหยาบผมจะสลายไป เหลือกายทิพย์ ผมจะบริสุทธิ์ ผมส่ายหัวแล้วบอกว่าถึงกายบริสุทธิ์แต่ใจผมไม่บริสุทธิ์ ใจผมสำนึกตลอดว่าผมมีเจ้าของแล้ว พญาภุชงค์ลุกขึ้นยืน ตาเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวเขาหัวเราะแล้วก็ชี้มือไปที่กลางทะเล ที่ก้นทะเลนั้น มีฟองอากาศใหญ่ขยับไปมาได้ผมเห็นร่างตะคุ้มดิ้นไปมาเหมือนถูกจองจำเอาไว้ เขาตวัดนิ้วแล้วฟองอากาศนั้นก็ลอยผ่านน้ำเข้ามาหาอย่างง่ายดาย ผมตกใจแทบสิ้นสติ ผมเห็นเขา ผมเห็นคนที่ผมรักถูกนาคบาศมัดเอาไว้เขาดิ้นไปมาเหมือนเจ็บปวดเพราะถูกนาคบาศรัด ปากเขาพูดไม่ได้ แต่ตาของเขากำลังพูดกับผมผมขัยบตัวเข้าไปพยายามจะแหวกฟองอากาศออก แต่พญาภุชงค์กางมือกันผมออกมาเขาบอกว่าผมจะตายหากจับฟองนั้น ผมรู้สึกเจ็บแทนคนที่ผมรัก เขาพูดไม่ได้ดูเขาหมดหนทางที่จะออกมาจากฟองอากาศนั้นได้ ผมร้องไห้แล้วคุกเข่าลงกราบพญาภุชงค์ขอร้องให้เขาปล่อยตัวครุฑไป ผมยอมแลกทุกอย่าง พญาภุชงค์มีข้อเสนอให้ผม หากผมยอมทำตามเขาจะปล่อยครุฑไป ข้อหนึ่ง ผมต้องลงมาอยู่ที่นี่ ตลอดไป ข้อสอง ผมต้องลืมอดีตทั้งหมดเขาจะทำให้ผมลืใทุกอย่างตอนยังมีกายหยาบของมนุษย์ ถ้าผมทำไม่ได้ เขาจะฆ่าครุฑ!!! ผมรีบพยักหน้า แต่ผมก็ลืมไปว่า ผมยังมีครอบครัวมีพ่อมีแม่มีน้อง พญาภุชงค์บอกว่าเขาจะบันดาลความมั่งคั่งให้ครอบครัวผม บ้านผมจะไม่ยากจนอีกต่อไปเขาจะลบความทรงจำของพ่อแม่และน้องที่มีกับผม พวกเขาจะจำไม่ได้ว่าเคยมีผมอยู่ในครอบครัว ที่ทำงานเพื่อนฝูงครูอาจารย์ ทุกๆคนที่รู้จักผมจะไม่เหลือความทรงจำว่ามีผม ผมจะหายไปจากสารระบบความจำทั้งในหัวและทะเบียนราษฎร์ในทางกฏหมาย ผมจะมีชีวิตนิรันดร์จะมีแต่อนาคตไม่มีอดีตผมจะลืมทุกๆอย่าง ผมร้องไห้ พญาภุชงค์กระดิกนิ้วอีกครั้งคราวนี้ครุฑเหมือนหายใจไม่ออก เขาพยายามใช้นิ้วมือแหวกฟองอากาศออกมาข้างนอก ผมยกมือขอร้องแล้วรีบรับข้อเสนอของเขา พญาภุงชงค์บอกว่าเดี๋ยวผมจะตื่นขึ้นมาในห้องเดิมของครุฑ ให้ผมรีบลงมาจากห้องหน้าคอนโดจะมีรถยนต์ว่าง มีกุญแจเรียบร้อยเสียบอยู่รอ ให้ผมขับรถไปทะเลที่ใกล้ที่สุดผมต้องไม่มีนกตัวไหนมาด้วยทั้งนั้น ผมต้องออกมาให้พ้นสายตาของนกทุกตัวพอผมหย่อนเท้าลงพื้นน้ำเลเมื่อใด เขาถึงจะปล่อยครุฑเป็นอิสระ ผมปาดน้ำตาแล้วรับคำเขา ผมทนเห็นครุฑตายไม่ได้เขาดูทรมานมาก เขาหายใจไม่ออก เขากำลังจะตายถ้าผมไม่รับข้อเสนอของพญาภุชงค์ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ในห้องมีทีวีเปิดเอาไว้บนเพดานมีไฟสวยงามดวงเดิมเปิดอยู่ ที่นี่เป็นห้องของครุฑ ผมแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปผมเดินทางไปในบาดาลในร่างของโครงร่างสมมุติที่นิ้วผมมีรอยสีแดงเหมือนมีคนพยายามสวมแหวนเข้ามาในนิ้ว ผมลุกขึ้นมายืนแล้วเดินไปมา ผมรอช้าไม่ได้อีกต่อไปแล้วครุฑกำลังจะสิ้นลมหายใจถ้าผมไม่รับข้อเสนอของพญาภุชงค์ ผมเดินตรงไปที่ประตูเจ้านกน้อยมันบินมาดักผมที่ประตู มันจิกลงบนหลังมือของผมที่กำลังหมุนลูกบิดประตูผมน้ำตาซึมเพราะรู้ว่ามันหวังดี ผมจับมันไปขังไว้ในห้องน้ำผมปิดประตูไม่ให้มันบินออกมาได้ ผมเดินลงมาข้างที่ลิฟต์ กดลงมาชั้นล่างผมเพิ่งรู้ตัวว่าฝันไปนานมาก ตอนที่ผมลงมาชั้นต้อนรับผมมองดูนาฬิกาที่หลังเคาน์เตอร์ มันเป็นเวลาตีห้าแล้ว ผมก้าวเท้าเร็วๆ ตามองหารถที่พญาภุชงค์บอก ผมเจอรถสีดำจอดเด่นอยู่หน้าคอนโดผมเดินเข้าไปทันที ผมมองดูในรถเห็นมีกุญแจเสียบอยู่จริง งูเห่าตัวย่อมๆเลื้อยมาใกล้ๆ มันแลบลิ้นสองแฉกออกมา ผมแน่ใจทันทีว่ารถคันนี้เป็นคันที่พญาภุชงค์ส่งมาให้ผม ผมได้ยินเสียงนกร้องได้ยินเสียงปีกแหวกอากาศลงมาจากระเบียงชั้นที่ผมอยู่ ผมรีบเข้าไปนั่งในรถแล้วปิดประตูผมเห็นบรรดางูเลื้อยออกมาจากดงไม้ ด้านบนก็มีนกบนตัดลมลงมาหลายตัว นกเค้าแมว เหยี่ยวและนกขนาดต่างๆมันบินลงมาสู้กับงู เหมือนเป็นสงครามขนาดย่อมๆกลางลานจอดรถ ผมอาศัยจังหวะนั้นรีบขับรถออกไปทันที ผมขับรถมุ่งตรงไปทางบางขุนเทียนผมรู้ว่ามันเป็นทะเลที่ใกล้ที่สุด รถยนต์ขับผ่านความมืดออกไปด้วยความเร็วผมไม่อยากเสี่ยงกับความตายของครุฑผมใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ขับถึงท่าเรือส่งสินค้าของอ่าวไทย ตรงหน้าผมคืออ่าวไทยน่าแปลกที่ทะเลตอนนี้ไม่มีลมพัดมาเลย ไม่มีอากาศเคลื่อนไหวผมหันหลังกลับแล้วยกมือไหว้พ่อแม่และผู้มีพระคุณทุกคน จุดที่ผมยืนเป็นพื้นซีเมนต์แข็งๆต่ำลงไปเป็นทะเล มันดูแปลกจริงๆ ที่ผืนน้ำสีดำตรงหน้ามันเรียบสนิทเหมือนน้ำในแก้วไม่มีคลื่นในทะเล ผมกลั้นใจจะกระโดดลงไป ผมนับหนึ่ง สอง และ .......... ผมได้ยินเสียงไวโอลิน!!!! เสียงไวโอลินแว่วผ่านอากาศมาช้าๆผมหันกลับไปมอง ต้นตอของเสียงมาจากด้านหน้าโกดังขนสินค้า ความมืดมิดค่อยๆ หายไปเส้นขอบฟ้าค่อยๆ มีพระอาทิตย์สีส้มโผล่พ้นขึ้นมา ผมเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าโกดังเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงขายาวสีดำ บนไหล่ของเขามีไวโอลินสีน้ำตาลเขาบรรเลงเพลงช้าๆ จังหวะเดียวกับที่ดวงตะวันส่องแสงอาบตัวเขาพอดี ผมเห็นเขาเป็นสีทองทั้งตัวด้านหลังของเขามีเงาเป็นรูปปีกขนาดใหญ่ ใช่แล้ว เขาคือคนที่หายหน้าไปจากผมเขาหายไปนานจนผมรู้สึกเป็นห่วง "คุณ!" ผมตะโกนเสียงดังขาข้างที่จะก้าวลงทะเลหดกลับเข้ามาหาตัวทันที ผมเห็นรอยยิ้มของเขาตอบกลับมาผมวิ่งไปหาเขาทันที ผมไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็รู้สึกว่าขาสองข้างถูกรวบกลางอากาศผมถูกยกลอยขึ้น นาคใหญ่ตัวขนาดเท่ากับเสาอาคารพุ่งหางมารัดขาผมแล้วยกสูงขึ้น นาคตัวนั้นมีตัวแช่อยู่ในน้ำตาข้างขวาของนาคปิดสนิทเหมือนตาบอดผมมองออกไปกลางทะเลก็เห็นแท่งสีเขียวโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด แท่งเหล่านั้นไม่ใช่เสาแต่เป็นเหล่านาคจากใต้ทะเล ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงปีกตัดอากาศตรงเข้ามาเขานั่นเอง เขามีปีกบินได้ เขาตรงเข้ามาหาปมนาคที่รัดผมเอาไว้ เขาใช้มือแกะขนดหางนาคออกอย่างง่ายดายผมเห็นร่างของเขาค่อยแยกออกเป็นสองร่าง ร่างที่เป็นผู้ชายในชุดสีขาวอุ้มผมลงไปสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวลผมรู้สึกว่าตัวเองเบาเหมือนนุ่น อีกร่างของเขาเป็นร่างขนาดใหญ่ทั่วทั้งบริเวณนั้นถูกบดบังไปด้วยวงปีกขนาดใหญ่แสงแดดยามรุ่งอรุณถูกวงปีกของเขากางกั้นไว้หมด ผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองอยู่ในเหตุการณ์สุริยุปราคามันเป็นกลางวันที่มืดมิด ร่างมนุษย์ของเขาที่อุ้มผมลงมานั้น ค่อยๆ สลายตัวไป ผมเห็นฝูงนกนางนวลทะเลบินโฉบลงมารอบๆ ผมพวกมันพากันเดินเป็นวงรอบๆตัวผม บนอากาศผมเห็นแววตาสีเขียวจัดเหมือนมรกตของนาคแล้วก็เห็นแววตาสีทับทิมแดงฉานของครุฑ ดูเหมือนครุฑจะโกรธมากเขาจับขนดหางของนาคแล้วเหวี่ยงไปทางโกดังร้าง ผมได้ยินเสียง ตุบ!ดังสนั่นตามด้วยเสียงร้องเหมือนคน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาดผมได้ยินเสียงนาคร้อง เสียงร้องนั้นเหมือนเสียงของพี่วิทย์ไม่มีผิด ครุฑไปบินไปในทะเล ตาของเขากลายเป็นสีแดงนาคหลายตัวที่อยู่ในน้ำ พากันว่ายน้ำวนอยู่ข้างใต้ครุฑ หลายตัวโผล่แค่หัวมาจากใต้น้ำ ผมเห็นนาคพวกนั้นพ่นควันสีดำขึ้นไปหาครุฑ ผมจำควันสีดำนั้นได้ดีมันเหมือนควันสีดำที่พี่วิทย์พ่นใส่หน้าของครุฑเมื่ออาทิตย์ที่ผมไปงานเลี้ยงไม่มีผิด แต่คราวนี้เหตุการณ์ไม่เหมือนเดิมครุฑสบัดปีกทีเดียว ควันสีดำกลุ่มนั้นก็หายไปหมด แรงสบัดปีกของครุฑนั้นแรงมากผมรู้สึกถึงแรงกดอากาศที่เคลื่อนผ่านตัวไปหลังคาสังกะสีของโกดังขยับไปมาเหมือนมีลมพายุ นกนางนวลรอบๆผมถูกลมพัดลอยขึ้นไปในอากาศหลายตัว เมฆสีขาวบนท้องฟ้าก็ถูกพัดไปด้วย ผมเห็นครุฑบินนิ่งๆ อยู่ในอากาศตาคมกริบของเขามองหาใครบางคนอยู่ ผมนึกไปถึงคำพูดของอาจารย์ที่คณะอักษรฯอาจารย์บอกว่าครุฑจะมีพลังมากหากบินอยู่ในอากาศ เพราะครุฑคือเจ้าแห่งเวหา ส่วนนาคก็จะมีพลังมากหากร่างกายแช่อยู่ในน้ำ ดังนั้นในการต่อสู้กันครุฑจะพยายามดึงนาคขึ้นมาจากน้ำ ส่วนนาคก็จะพยายามรัดเอาครุฑลงมาในน้ำ ช่วงที่ผมกำลังใจจดใจจ่อนั้น จู่ๆก็มีหางนาคโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว หางนาคพุ่งขึ้นมาจากใต้ตัวครุฑ หางนาครัดขาของครุฑเอาไว้แน่นแต่แล้วในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ครุฑก็สามารถดึงหางนาคขึ้นมาได้!!! ครุฑมีพลังมหาศาลเหลือเกิน เขาดูเหมือนผู้ใหญ่ที่ดึงของเล่นเด็กขึ้นมาเขาออกแรงเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นก็สามารถดึงนาคทั้งตัวขึ้นมาได้เขาจับนาคหมุนไปมาในอากาศแล้วโยนทิ้งขึ้นไปบนบก คราวนี้นาคหลายตัวดำน้ำหายไปคงเหลือแต่นาคตัวโตที่คอยว่ายน้ำวนไปมาใต้ตัวครุฑ นกนางนวลทะเลรอบๆ ตัวผม มันร้องผิดปกติผมละสายตาจากท้องฟ้าที่เป็นสมรภูมิรบของครุฑกับนาคลงมา ที่ท่าเรือริมอ่าวผมเห็นงูทะเลหลายตัวเลื้อยพันเสาขึ้นมา มันเป็นงูที่แปลกประหลาดกว่างูปกติ มันมีครีบหางเป็นใบพัดเหมือนปลางูทะเลมีสีสันสวยงาม บางตัวมีสีขาวสลับดำ บางตัวก็มีสีเหลือง พวกมันเลื้อยมาทางผม ผมมองหาไม้มาป้องกันตัว จังหวะนั้น ผมได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมาจากทะเลว่า "งูเหล่านั้นเป็นบริวารของข้ามันไปรับเจ้ากลับลงมาใต้สมุทร" ผมจำเสียงของคุณภุชงค์ได้คุณภุชงค์ที่มีเสียงเหมือนกับพญาภุชงค์นาคราช มันเป็นเสียงดังกังวานเหมือนใช้เครื่องขยายเสียง ทางด้านหลังของผมก็มีงูเขียวและงูจากดงไม้โผล่ออกมาด้วยเช่นกันมันพากันเลื้อยมาทางผม เสียงร้องของนกนางนวลรอบๆตัวผมทำให้ผมรู้สึกถึงสงครามขนาดย่อมรอบๆ ตัว ทันทีที่งูโผล่เข้ามาพร้อมๆ กันนั้นผมรู้สึกว่าตัวผมเองกำลังยืนอยู่ในศูนย์กลางของวงกลมขนาดใหญ่ งูจากทะเลและดงไม้พุ่งเข้าหาผมเหมือนรัศมีจากนอกวงกลมนกนางนวลรอบๆผมเตรียมพร้อมอยู่แล้ว มันยกปีกขึ้นมาสองข้างแล้วขยับปากไปมา แต่ยังไม่ทันที่นกนางนวลจะออกไปจิกงูผมก็เห็นเหยี่ยวทะเลบินดิ่งลงมาเหมือนห่าฝน มันมีขนาดย่อมกว่านกนางนวลทะเลแต่ดูคล่องตัวกว่ามาก ผมเห็นมันทิ้งตัวเป็นแนวดิ่งลงมาจากท้องฟ้าเหมือนเครื่องบินผาดโผน ไม่นานนัก นกเหยี่ยวก็จัดการงูได้สำเร็จซากงูขาดเวอะหวะปรากฏอยู่ทั่วไปรอบๆ โกดังสินค้า งูตัวที่เล็ดรอดปากเหยี่ยวมาได้ก็ถูกฝูงนกนางนวลจัดการเรียบไม่มีเจ้าสัตว์ไร้ขาตัวไหนที่เลื้อยเข้ามาหาผมได้เลย ผมเห็นน้ำในทะเลค่อยๆวนเป็นวงเหมือนลูกข่างที่กำลังหมุน ผมเอะใจเดี๋ยวนี้เองว่าบริเวณที่ผมอยู่นี้ไม่มีมนุษย์คนไหนนอกจากผมเลย จะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ไม่แน่ชัดแต่นั้นก็ย่อมเป็นการดีที่จะไม่มีคนบาดเจ็บและล้มตายจากสภาะอันผิดธรรมชาติเช่นนี้ ครุฑยังสงบนิ่งอยู่ในอากาศเหนือน้ำวนเขาขยับปีกเบาๆ เพื่อรักษาตัวไว้บนอากาศ ดูเขาไม่ได้ต้องการที่จะฆ่านาคเท่าใดนักนาคสองตัวที่โดนเขาทำร้ายก็ล้วนเป็นนาคที่ตั้งใจเข้ามาทำร้ายเขาก่อน ผมเห็นน้ำวนนั้นค่อยๆสูงขึ้นๆเหมือนกับมีกำแพงน้ำก่อตัวขึ้น กำแพงน้ำค่อยสูงขึ้นล้อมรอบครุฑ เขาบินรักษาระดับอยู่อย่างนั้นไม่ได้มีท่าทีใดๆเลย ผมนึกเป็นห่วงกลัวว่าจะมีนาคโผล่ออกมาจากกำแพงน้ำนั้ันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และก็เป็นอย่างที่ผมคิด กำแพงน้ำระเบิดออกน้ำแตกกระจายและสาดกระเซ็นมาโดนปีกของเขา ช่วงที่เขาสบัดน้ำออกไปนาคสี่ตัวก็พุ่งเข้าหาเขาพร้อมๆกัน เขาใช้มือกับขาอย่างละข้างจับคอนาคเอาไว้กลางอากาศเป็นภาพที่สวยงามและน่ากลังในคราวเดียวกัน นาคสี่ตัวนั้นมีแววตาสีเขียว เหมือนกำลังโกรธ จังหวะที่ครุฑกำลังหาทางจัดการนาคนั้นผมเห็นน้ำระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มีนาคเจ็ดหัวโผล่ขึ้นมานาคตัวนี้มีลำตัวที่ใหญ่กว่านาคตัวอื่นถึงสองเท่า นาคเจ็ดหัวอาศัยจังหวะที่ครุฑไม่มีทางป้องกันตัวเองเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว นาคพุ่งตัวมาหาครุฑโดยหมายจะกัดเข้าที่หัว นาคสี่ตัวที่ครุฑจับไว้นั้นดูเหมือนจะตั้งใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ นาคโดนจับที่คอแต่หางยังเป็นอิสระหางนาคพันเข้ากับขาของครุฑ ส่วนนาคสองตัวบนก็พันเขากับปีกของครุฑ เป็นภาพที่ไม่ยุติธรรมเอาซะเลยผมอยากช่วยเขาแต่ก็รู้ตัวว่าผมไม่มีปัญญาที่จะไปทำอะไรอย่างนั้นได้ นกนางนวลกันผมออกมาจากเขตอันตรายมันไม่ยอมให้ผมเดินเข้าไปในเขตการต่อสู้ ผมคิดจะหยิบเอาก้อนหินบนพื้นมาโยนขึ้นไปไล่นาคแต่ก็ดูเป็นความคิดที่ดูไม่น่าเป็นไปได้เลย นาคตัวใหญ่เกินกว่าจะสะเทือนเพราะหินก้อนเล็กๆ จังหวะที่ครุฑหลับตานิ่งรอรับหัวของนาคที่พุ่งเข้ามานั้นผมใจหายวูบ ขาเหมือนหมดแรงไปซะดื้อๆ ผมร้องออกไปสุดเสียงน้ำตาอยู่ๆก็ไหลออกมาเต็มสองแก้ม
|