แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Djpark เมื่อ 2018-4-29 00:13
EP1
เคยมีคนบอกผมไว้ว่า
“การสอบเข้ามหาลัยเป็นอะไรที่ยากแล้ว การฝึกงานให้ผ่านเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่า”คุณเชื่ออย่างนั้นมั้ยครับ ?
ผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟัง
………
ผมชื่อแมกครับ เรียนนิเทศปี 4 ใกล้จะจบแล้ว ก่อนหน้าจะเข้ามหาลัยตอนแรกไม่ได้มองอนาคตตัวเองไว้มากมายหรอกครัวว่าตัวเองอยากจะเป็นอะไรก็แค่ตัวเองชอบดูหนัง ชอบถ่ายรูป และไม่ชอบคิดคำนวนหลักการวิทยาศาสตร์อะไรให้ปวดหัวก็เลยพยายามสอบเข้าให้ได้ถึงแม้ตอนนั้นครอบครัวจะคัดค้านว่าอยากจะให้เรียนครูก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เป็นข้าราชการมันดีนะลูก’ . แต่ก็เอาเถอะครับ ยังไงซะผมก็ผ่านช่วงเวลาการสู้รบตบตีด้วยเหตุผลนานากับผู้ปกครองจนนำตัวเองเข้ามาเรียนนิเทศได้ ถึงแม้จะไม่ได้เก่งอะไรนักหนาแต่ก็ติดมหาลัยที่มีชื่ออยู่เหมือนกันนะผมจะไม่ย้อนความอะไรมากมายไปถึงการใช้ชีวิตอยู่ในมหาลัยนะครับ ว่ามันสนุก เหงาเศร้า หัวเราะ ร้องไห้ขนาดไหน เพราะผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้ดีแล้ว เอาเป็นว่าถ้านึกถึงค่อยจะเอามาเล่าให้ฟังละกัน . เรื่องมันเริ่มจากตรงนี้ครับ เมื่อผมเข้าสู่ชั้นปีที่ 4 ของการเป็นนักศึกษาตามโครงสร้างหลักสูตรที่ทุกมหาลัยก็เป็นเหมือนกันคือต้องนำเอาความรู้ที่ร่ำเรียนตรากตรำ นอนหลับไม่ครบ 6 ชั่วโมงทุกวันไปทดลองใช้ในสนามจริง และเรียนรู้จากกูรูที่เราสนใจเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน หรือจะเรียกง่ายๆ แบบสามัญชนทั่วไปคือ ฝึกงาน นั่นแหละครับ
ซึ่งผมเองทำเรื่องขอฝึกงานไปที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งการทำสื่อด้านการท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนอีก 3 คนซึ่งไปที่เดียวกันแต่ทำงานคนละตำแหน่ง ผมนั่นลงช่างภาพนิตยสารส่วน ‘ปราบ’ เพื่อนซี้ผมลง ช่างภาพโทรทัศน์ ‘ไอ้เก่ง’ ลงโต๊ะบรรณาธิการ ส่วน ‘ไอ้เต้ย’ ลงพีอาร์ หรือประชาสัมพันธ์องค์กร . “มึง ตกลงใครจะนอนกับใครวะ เดือนหน้าจะขนของแล้ว กูจะได้ทำใจไว้ก่อน” ไอ้เก่งพูดขึ้นมาตอนที่เรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่โรงอาหารมหาลัยอยู่ 3 คน ขาดแค่ไอ้เต้ยที่ไม่มาวันนี้ “ตอนแรกพวกกู ก็ว่าจะจับฉลากนะ แต่แม่ง เอาเถอะไอ้แมกมันขาดกูไม่ได้หรอก มันไม่ชอบนอนกับใคร ยกเว้นกับกู เนอะ” ประโยคหลังปราบมันมองหน้าผม ผมส่งหน้าตากวนตีนมาให้ “ไม่วะ กูอยากนอนกับเชี้ยเก่ง”
“อ้าวไอ้เชี้ยนี่ มึงนอกใจกู”
“ทำไมล่ะ กูเบื่อมึงไม่ได้หรือไง อยู่กับมึงมา 3 ปีแล้วปล่อยกูไปดีๆ เถอะนะ” “เดี๋ยวเถอะมึง ไม่ได้ มึงต้องนอนกับกู”
“มึงเป็นพ่อกูหรือไง”
“ฮ่าๆๆๆๆ” อยู่ๆไอ้เก่งที่นั่งเงียบก็ถึงกับหัวเราะออกมาจริงๆมันชินแล้วละครับ เวลาพวกผมอยู่ด้วยกันชอบทะเลาะกันตลอดเวลา เป็นอย่างนี้มา 3 ปีแล้ว นี่ก็ปาเข้าไปปีที่ 4 มันก็ยังทะเลาะกับผมเสมอ . ไอ้ปราบเนี้ย จะเรียกว่าเพื่อนสนิทที่สุดก็ว่านะครับ เพราะตอนเข้ามาใหม่ๆพวกผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเลยสนิทกันเร็ว และมาอยู่หอด้วยกัน ไอ้เก่งอยู่กับพี่มันส่วนผมนอนกับไอ้ปราบ มันก็เลยรู้ไส้รู้พุงกันดีอยู่แล้วเวลามีปัญหาอะไรเราก็คุยได้ทุกเรื่อง ถึงปากมันจะเสียไปบ้างแต่โดยรวมแล้วมันก็มีส่วนดีอยู่บ้าง คือรวยครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ . “เชี้ยแมก !!!!!!!!!!!!!!!!” ผมนี่สะดุ้งเลยครับไอ้ปราบตะโกนดังใส่ผม “อะไรของมึงวะปราบ ตะโกนทำไม”
“มึงเหม่อทำเชี้ยไรล่ะ พวกกูจ่ายเงินแล้ว เหลือแค่มึงคนเดียวเนี้ยรีบจ่ายได้มั้ย กูจะไปหาน้องเมเปิ้ล” มันทำหน้าดุใส่ผม ซึ่งจริงๆ ผมก็ชินแล้วแหละเพราะว่ามันหาเรื่องด่าผมตลอด . “เออๆ สรุปเมื่อกี้ใครนอนกับใครนะ” ผมหาเงินจ่ายพนักงานร้านก๋วยเตี๋ยวที่ยืนรอแบบหน้าตายิ้มๆ ที่เห็นผมทะเลาะกัน “ไอ้เก่งนอนกับไอ้เต้ย ส่วนมึงอะ นอนกับกู จบข่าว จ่ายตังเร็วๆ” มันเร่งอีกรอบจนพนักงานเอามือป้องปากหัวเราะแบบไม่เกรงใจลูกค้าเลย “มึงก็ด่ามันจัง เกรงใจร้านเขาหน่อย” ไอ้เก่งช่วยเสริม
“อ้าว นึกว่ามึงจะช่วยกูเชี้ยเก่ง เออๆ พี่ครับผมขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ” ผมจ่ายเงินให้พี่พนักงานแบบไม่ต้องทอน พี่พนักงานรับไปแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น่ารักดี” พูดเสร็จพี่แกก็เดินจากไป .
หลังจากที่ทุกคนขึ้นมาบนรถไอ้เชี้ยปราบ เพื่อไปส่งพวกผมที่คณะเพราะมีทำธุระเรื่องเอกสารนิดหน่อย จู่ๆมันก็ถามขึ้น “มึง มึงว่าที่พนักงานเขาว่าน่ารักดีเนี้ย พี่เขาหมายถึงกูใช่มั้ยวะ”
“ถุยยยย” ผมกับไอ้เก่งพร้อมใจกันถุยใส่มันโดยไม่ต้องนัดหมายคนอะไรแม่งหลงตัวเองชิบหายเลย “ถุยทำเชี้ยไร กูว่าใช่แน่ๆ”
“เออ เรื่องของมึงเถอะ แปป มีคนโทรมา” จู่ๆมีเบอร์แปลกโทรเข้ามือถือผม ไอ้เก่งเลยลดเสียงเพลงในรถลงให้ พอกดรับปลายสายก็พูดขึ้นทันที โดยไม่มีคำว่าฮัลโหล “น้องแมก มนต์ธัช หรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“พี่แพรวนะ จากที่ฝึกงานน้องแมก” อ้าว ที่ฝึกงานโทรมา เรื่องอะไรวะ
“ครับพี่ครับ ว่าไงครับ”
“เอ่อ คือ ไม่รู้ว่าน้องแมกจะสะดวกมั้ย แต่พอดีพี่อยากให้เข้ามาที่บริษัทเร็วกว่ากำหนดหน่อยเพราะผู้ช่วยช่างภาพไม่พอคนนึง อยากได้น้องมาช่วยเป็นเหตุฉุกเฉินอะจ๊ะวันจันทร์นี้ได้มั้ย” วันจันทร์นี้ อ้าวมะรืนนี้สิเร็วเกินไปนะเนี้ย “เอ่อ คือ อีกสองวันใช่มั้ยครับพี่” ลองมาคิดดูแล้ว มันก็ทันอยู่นะไม่ได้เสียหายอะไรถือว่าไปเอาประสบการณ์ก่อนเพื่อน บรรยากาศตอนนี้ในรถเงียบสนิทขนาดไอ้ปราบที่พูดมากเหมือนนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ เอ้ย นกกระจอกแตกรังยังเงียบรอฟังผมตอบพี่เขา เพราะคนในรถได้ยินการสนทนาเมื่อกี้หมดและพวกมันก็พยักหน้าเป็นสัญญาณบอกให้ผมไปเถอะ “ใช่จ๊ะ สะดวกมั้ย ถ้าไม่สะดวก ไม่เป็นไรนะ แต่เดี๋ยวพี่มีเบี้ยเลี้ยงให้”
“งั้นผม…” . “จะไปบอกเรื่องเงินทำไม เดี๋ยวเด็กมันรู้มันก็อยากมาเพราะเงินไม่ได้อยากมาฝึกงานจริงๆ” อ่ะ……จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายแทรกซ้อนเข้ามาน้ำเสียงดูหยิ่งและน่าจะมีอีโก้พอสมควร “ก็แล้วไง ชั้นจะบอกแบบนี้ ไม่เห็นมีปัญหากับการทำงานสักหน่อยน้องมาไม่ได้ต่างหากนั่นแหละคือปัญหา” “ชั้นทำคนเดียวได้ ไม่เห็นต้องหาลูกมือมาเลย”
“ต้องหา”
“ไม่”
“ต้องหา !!!” จู่ๆ ปลายสายก็ทะเลาะกันเอง อ้าวเห้ยผมอยู่นี่นะครับ “อะ เอ่อ พี่ครับ ผมไปครับ” . เหมือนทางนั้นจะนึกได้ว่าคุยกับผมอยู่ พี่แพรวเลยเงียบไปแปปนึงพร้อมปรับโทนเสียงสดใสร่าเริง “ฮ้า จริงหรือ ดีเลย งั้นโอเคนะ วันจันทร์เจอกันจ้า”
“ครับผม”
“เฮอะ เอามาทำไมเสียเวลา” ก่อนวางสายเสียงนั้นยังคงถากถางอยู่เรื่อยๆ พี่เขามีอะไรหรือเปล่านะแล้วทั้งสองก็ทะเลาะกันต่อพร้อมกับวางสายไป . ผมอยากเห็นหน้าแล้วแหละ ใครที่อยู่อีกปลายสายทางโน้น อีกสองวันเจอกัน !!!
|